หวานจัดดดดด เลยอดไม่ได้ ต่อให้อีกอ่ะ....
=============================================
11 Vision Of Love
.....ผ่านพ้นอีกหนึ่งคืน ที่หวุดหวิดจะเสียซิง อย่างที่บอกว่าผมยังไม่เต็มร้อยกับวุธ ยังกลัวต้องเสียใจ กลัวว่าขนาดยังไม่เคยมีอะไรกับมัน ผมยังต้องใช้เวลานานมากในการรักษาแผลใจ.....ถ้าได้ลองมีอะไรเกินเลยกว่านี้ ไม่อยากจะคิดว่าผมจะรับได้หรือไม่ เวลาที่มันทำผมเจ็บอีก.....คิดซะว่า เสียใจอย่างเดียวดีกว่า อย่าต้องให้เสียตัวด้วยเลย Sex ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม ไม่สำคัญถึงขนาดที่ขาดไม่ได้ ผมอยากให้แน่ใจอีกนิด และคิดได้ประมาณว่า กูจะไม่เสียใจเลยที่มีอะไรกับมึง กูจะไม่เสียใจที่ได้รักมึง กูจะไม่เสียใจเลยที่มึงทิ้งกู เพราะมันจะเป็นครั้งหนึ่ง และอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมได้เจอรักแท้ ผมเคยมีเซ็กส์ที่มาจากความรักจริง ๆ ไม่ใช่แค่ความใคร่ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ให้เซ็กส์เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งละกัน.....
.....บอกตรง ๆ ว่าผมก็ปั่นป่วนไม่น้อย ไอ้วุธมันกล้าทำอะไรที่ผมคิดไม่ถึงมากขึ้น นึกจะหอมก็หอม นึกจะกอดก็กอด ตอนนอนด้วยกันบนเตียง ที่มีตั้งกว้าง ดันมานอนเบียดกับผม.....ถ้ามันไม่เคยทำผมเจ็บมาก่อน คืนนั้นผมอาจจะไม่รอดก็ได้...วุธจูเนียร์เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น ผมต้องนอนนิ่งไม่ให้สะโพกไปโดนมันมากกว่านี้ แต่ยิ่งนิ่ง มันก็ยังเบียด จนผมรู้สึกว่ามันอุ่นจนร้อนเลยแหละ.....ยังไม่รวมกับลมหายใจแรง ๆ และเสียงถอนใจเป็นระยะ ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปถามว่ามันเป็นอะไร.....สุดท้ายมันก็หลับไปในท่าที่สบายที่สุด แต่ผมต้องอึดอัดกับแขน ขายาว ๆ ของมันที่พาดบนตัวผมเหมือนผมเป็นหมอนข้าง และยิ่งทำให้น้องชายมันแนบติดกับสะโพกผมยิ่งขึ้น.....ถึงจะอึดอัดแค่ไหนก็เถอะ แต่มีความสุขชะมัด ขนาดว่าตื่นขึ้นมาตอนดึก ๆ หันไปเห็นไอ้วุธนอนหลับตาพริ้ม ยังคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝันเลย.....
“...มีเรียนกี่โมง...” ผมถามวุธทันทีที่เห็นมันเดินเข้ามาในครัว
“...9 โมง...นี่ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก” มันเสยผมเปียก ๆ ให้พ้นจากหน้าผากที่มีคราบแป้งเด็ก นี่คงทาแป้งตอนที่หน้ายังไม่แห้งอ่ะดิ
“...กินอะไรก่อนดิ...” ผมเลื่อนถุงปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ที่เทลงถ้วยเรียบร้อยแล้วให้มัน
“...ขอบคุณครับ...” อู๊ยยยย ไม่ต้องทำตาเยิ้มอย่างนั้นก็ได้
“...ขอบคุณน้องเราโน่น มันขี่รถไปซื้อมาให้....” ผมพูดแก้เขิน จริง ๆ แล้วผมนี่แหละสั่งให้มันไปซื้อ ถ้าผมไปตลาดเองรับรองได้ว่าเข้าคลาสสายแน่ ๆ วันนี้
“...เลิกกี่โมงอ่ะ...” มันถามผมหลังจากกระดกน้ำเต้าหู้จนหมด
“...3 โมงครึ่ง...”
“...โอเค...รอนะเดี๋ยวไปรับ...” มันลุกเตรียมเดินออกไป
“...ไม่ต้อง...” ผมห้าม
“...ทำไมอ่ะ...” มันหยุด หันมามองผมคิ้วขมวด
“...ไกล เปลืองน้ำมัน...” มหาลัยของผมกับของมันอยู่คนละทางกันเลย
“...โห...” มันอ้าปากจะเถียง ผมรีบพูดแทรกซะก่อน
“...มาเจอกันที่บ้านนี่แหละ...วันนี้รีบกลับ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนต่อ...” ใครชวนก็ไม่ไปหรอกวันนี้อ่ะ
“...ได้ครับ...” มันยิ้มออก โบกมือให้ผม
“...เดี๋ยว...” วุธมองผมงง ๆ “รอแป๊บนึง...ออกไปด้วยกันนะ” ผมวิ่งขึ้นห้องไปแปรงฟันอีกรอบ สำรวจเสื้อผ้า หน้า ผม โอเค ไปเรียนได้.....ไอ้วุธขำ ที่เห็นผมวิ่งวุ่น ตรวจตราประตู หน้าต่าง แก็ส ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกสักพักพี่ที่ทำความสะอาดก็ต้องเข้ามา แต่มันเป็นความเคยตัวแล้วนี่นา
.....ผมขับรถไปส่งมันที่บ้าน คิดในใจว่ามันจะไปเรียนทันเหรอ นี่ก็เกือบ 8 โมงแล้ว เมื่อคืนก่อนนอนมันก็เล่าเรื่องเรียนให้ฟังว่า ยากมาก งานเยอะ ไอ้ที่เคยเรียนมาตอน ปวช. ก็แทบช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เป็นปัญหาใหญ่ของเด็กอาชีวะทุกคนที่เข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยสมัยนั้น....
“...ขอบคุณครับ...เย็นนี้เจอกัน...” สงสัยอีออยมันสอนมาดี พูดเพราะเชียว แต่ก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้
“...วุธ...” ผมเรียก มันชะงักขณะกำลังเปิดประตู
“...จ๋า...” ชอบจริง ๆ ผู้ชายที่พูดจ๊ะ ๆ จ๋า ๆ เนี่ย ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยรอยแป้งเด็กที่มันทาไว้เป็นคราบ
“...ที่หลังรอให้หน้าแห้งก่อน แล้วค่อยทาแป้งนะ...” มันพยักหน้าหงึก ๆ “...ส่วนผมเนี่ย...ถ้ามีเวลาก็เป่าหน่อย ใช้พัดลมก็ได้....” ผมเอามือปัดผมมันให้เข้าที่เข้าทาง
“...ถ้าเราหล่อกว่านี้แล้วเอ้จะมีคู่แข่งเยอะนะ...” มันล้อผม กุมมือผมไว้ตรงอก
“...ไม่กลัวหรอก...” ผมพูดเชิด ๆ “...ไปได้แล้ว เดี๋ยวสายกันทั้งคู่...” ผมดึงมือกลับ
“...ครับ...” มันทำท่าเหมือนจะลง แต่ขณะที่ผมมองมันอยู่ไม่ได้ระวัง มันดันเสือกชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ อายชิบหาย ดีนะว่ารถติดฟิล์มสีเข้ม และตรงนั้นไม่มีคนเดินผ่าน ไอ้วุธยิ้มที่ทำให้ผมหน้าแดง ก่อนลงมันโบกมือให้แล้ววิ่งเข้าซอยบ้านไป
.....ทันทีที่เดินเข้าซุ้ม ผมก็โดนเพื่อน ๆ แซวว่าเดินยิ้มแฉ่ง หน้าตามีความสุข เหมือนคนกำลังมีความรัก.....นี่ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย ผมว่าผมก็เดินหน้ามาหน้าเฉย ๆ หรือว่าตาผมมันพูดได้อย่างที่ไอ้วุธมันบอกนะ ขณะเดินผ่านโต๊ะกลุ่มอีแอ็บ ผมสังเกตุเห็นโมทย์มองหน้าผมแปลก ๆ....จะว่าเพื่อน ๆ รู้เรื่องไอ้วุธก็ไม่น่าจะใช่ เพราะอีกุ้งรับปากกับผมแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ มันจะให้ผมเป็นคนบอกเพื่อนทุกคนเอง.....
“...ทำไมคืนวันเสาร์ไม่ไปด้วยกันอ่ะ...” ผมหันไปมองโมทย์ทางกระจกในห้องน้ำ ขณะที่ผมกำลังล้างไม้ล้างมือเตรียมขึ้นห้องเรียน นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้มันพูดไม่เพราะเลย ทุกทีจะต้องลงท้ายมีครับทุกคำ
“...มีธุระนิดหน่อย...” ผมตอบเลี่ยง ๆ
“...คนนั้นน่ะ แฟนเหรอ...” อยู่ดี ๆ มันก็ถามขึ้นมา
“...คนไหนวะ...” ผมพึมพำเบา ๆ ในใจตอนนั้นคิดถึงแต่ไอ้วุธไงครับ
“...คนที่มาด้วยกันอ่ะ...”
“...อ่อ...เพื่อน...ไม่ใช่แฟน...” นึกว่าใคร ไอ้โยนี่เอง ผมหัวเราะออกมา
“...แต่ก่อนไม่เห็นหน้าตามีความสุขอย่างนี้เลยนี่...” ผมชะงักเมื่อโมทย์พูดจบ มองตัวเองในกระจก เออ จริงด้วย ไม่มีแววตาเศร้า ๆ ไม่มีรอยช้ำใต้ตา ตาเงี้ยเป็นประกายเชียว
“...ได้นอนเต็มที่มั้ง...” ผมแก้ตัว
“...นอนกับใครล่ะ...” ผมขมวดคิ้ว เริ่มไม่พอใจ ถึงมันจะหล่อ ถึงผมจะเคยปิ๊งมันก็เหอะ แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม แล้วมันมายุ่งอะไรด้วยวะ
“...โอ๊ย...หลายคน...1...2...3...” ผมแกล้งทำเป็นตลก นับนิ้วตัวเอง
“...เอ้...เลิกเรียนแล้วไปไหนหรือเปล่าครับ...” มันขัดจังหวะผม
“...ไม่ไป...” ก็ไม่ได้ไปจริง ๆ นี่ นัดไอ้วุธไว้ เผลอยิ้มกับตัวเองอีกแล้ว
“...ไป XXXXX กันมั๊ย...” มันพูดถึงห้างใกล้ ๆ มหาลัย
“...ไปไม่ได้...” ผมปฏิเสธหลังจากที่อึ้งไปนิดนึง
“...อ้าว...ก็ไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอ...”
“...ก็...ก็...ต้องรีบกลับบ้าน...” บอกความจริงละกันวะ
“...รีบกลับไปทำอะไรล่ะ...มีคนรออยู่รึไง...” ชักเริ่มโมโหแล้วนะ เสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้มันจริง ๆ
“...โมทย์...เป็นอะไรเนี่ย...เราว่าโมทย์ดูแปลก ๆ ไปนะ...” ผมพยายามข่มอารมณ์
“...เรามีเรื่องจะคุยด้วย...”
“...ก็พูดมาดิ...” ผมหลบตามัน ตอนนี้มันไม่ใส่แว่นแล้ว น่ารักมาก ๆ
“...เราต้องการพูดในที่ที่เป็นส่วนตัว...”
“...ก็นี่ไง...ในห้องน้ำ...ไม่เป็นส่วนตัวเหรอ...” ผมขำ
“...โมทย์...” อีแอ๊บนี่มันมาได้จังหวะดีจริง ๆ คิ้วมันแทบจะชนกันเมื่อเห็นผมอยู่กับโมทย์ตามลำพัง มันมองผมที มองโมทย์ที แอบค้อนผมด้วยนะ “...ทำไมเข้าห้องน้ำนานจังอ่ะ...” มันถามเสียงไม่พอใจ
“...กำลังจะออกไปแล้ว...” โมทย์ถอนหายใจแล้วเดินออกไปเลย ทิ้งให้อีแอ๊บมองผมอย่างสงสัย
“...ฝากบอกโมทย์ด้วยนะว่า...เอาไว้วันหลังละกัน...” ผมวางระเบิดตูม อีแอ๊บตาโต แต่ยังเก็กได้อยู่
“...วันหลังอะไร...” มันกระชากเสียงถามผม
“...ไปถามโมทย์เองละกัน...” ผมยิ้มนิด ๆ แล้วเดินเฉียดไหล่มันออกจากห้องน้ำ
.....ตอนพักเที่ยง หัวข้อในการเม้าธ์กันวันนี้คือ เรื่องฝนดาวหาง ที่กำลังเป็นที่พูดถึงมากในช่วงนั้น และอีก 5 วันก็จะเกิดปรากฎการณ์นี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย....ตอนแรกที่ได้ดูข่าวในทีวี ได้อ่านในหนังสือพิมพ์ก็ยังเฉย ๆ นะครับ แต่พอเอาเรื่องนี้มาคุยกัน สงสัยพวกผมคุยกันเสียงดังมากไปหน่อย เพราะไม่ใช่แค่กลุ่มผมกลุ่มเดียวที่มากินกันที่นี่...มากินกันทั้งสาขา เรียกว่าโซนนี้เป็นของการตลาดเลยครับ...พวกเราเดินไปเดินมา สามารถกินข้าวกินขนมได้ทุกโต๊ะ....พวกเราสาขาการตลาดตั้งแต่ปี 1 - 4 ตอนแรกตกลงจะรวมตัวแห่กันไปดู แต่ยังไม่ทันได้นัดอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว โปรแกรมนี้ก็ต้องล่ม เนื่องจากมากคนมากความ สรุปแล้ว ไปแน่ แต่แยกกันไป ใครอยากไปกับใครก็ตามใจ....
.....หลังจากนั้นผมก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่เพื่อน ๆ แซวกันด้วย เรื่องไอ้โยนั่นแหละ พวกเค้าคิดว่าเห็นผมนิ่ง ๆ ไม่สนใจใคร ที่แท้เพราะมีตัวจริงซะแล้ว...ทุกคนเห็นว่าเรื่องผู้ชายชอบผู้ชายเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครว่าอะไร แม้แต่เรื่องพี่ก้องกับกุ้ง พวกเค้าก็เห็นด้วย ไม่มีแอนตี้ ทำให้สองคนนั่นคบกันอย่างสบายใจ และอาจจะเป็นเพราะว่าอีกุ้งมันน่ารัก นิสัยดีด้วยมั้งครับ เลยไม่มีคนคิดอิจฉา หรือหมั่นไส้.....แต่ไม่แน่นะ ไม่รู้สิ เวลาเห็นสายตาอีแอ็บแล้วรู้สึกยังไงไม่รู้ ยิ่งตอนที่พวกเพื่อน ๆ แซวเรื่องผมกับโย ผมหันไปเห็นมันกำลังมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ต่างจากโมทย์ที่นั่งหน้าบึ้งเขี่ยข้าวเล่นเหมือนเด็ก ๆ
..... สังคมมหาลัยนี่เป็นสังคมที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนเรียนพาณิชย์จริง ๆ และแม้ว่าจะเทียบได้กับเด็ก ปวส. แต่สภาพแวดล้อมต่างกันลิบลับเลยครับ นี่ถ้าผมตัดสินใจเรียน ปวส. ต่อ ผมคงไม่ได้สนุกอย่างนี้แน่ ๆ ผมไม่ได้หมายความว่าเรียน ปวส. ไม่ดีนะครับ คนที่มองสังคมมหาลัยไม่ดีก็มีเยอะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่ตัวคนด้วยมากกว่า.....
“...ตกลงไปไหนกันดีวะ...” อีเต็มกระตือรือร้น เรื่องเที่ยวอีนี่ไม่เคยพลาด
“...ไปเขาใหญ่ดิ...” อีนันออกความเห็น
“...ไปพัทยาดีกว่า...ไม่ไกลด้วย...ไปตั้งแต่เย็น เล่นน้ำ กินซีฟู้ด นอนดูดาว โอ๊ย...โรแมนติก...” อีกุ้งเพ้อ
“...ดูที่บ้านก็ได้นี่นา...” ผมพูดจบปุ๊บอีพวกนั้นหันมามองผมเหมืนอผมไปด่าพ่อมัน
“...อีเอ้...นี่มึงจะไม่กระดิกตูดไปไหนเลยเหรอวะ...” อีเต็มกัด
“...เฮ้ย...มึงจะไหวกันเหรอ...ไปเย็น...จะได้เห็นดาวกี่โมงยังไม่รู้เลย...จะได้นอนหรือเปล่า...ตอนเช้าต้องรีบตีรถกลับมาเรียนต่ออีก...ใครจะหอยเหล็กอย่างมึงล่ะ....”
“...จริงของอีเอ้มันว่ะ...” อีนันเห็นด้วย
“...นาน ๆ ทีอีเอ้ มันไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อย ๆ นะโว้ย...” อีกุ้งจูงใจ
“...อีกุ้ง...พูดยังกับว่ามึงจะไปกับพวกกู...พี่ก้องเค้าไม่ปล่อยมีงมาหรอก...”
“...แหม...เราก็ต่างคนต่างไป แล้วค่อยรวมตัวกันอีกทีไง...”
“...เออ ๆ ไปก็ไปวะ...” ผมตัดสินใจไปด้วยเหตุผลว่า นาน ๆ ครั้ง และตั้งใจจะชวนวุธไปด้วย เผื่อจะผลัดกันขับรถกลับ
“...ที่ไหนล่ะ...”
“...อีกตั้งหลายวัน...ค่อย ๆ คิดดีกว่า...”
.....บ่ายสามโมงครึ่งปุ๊บ อาจารย์ยังไม่ทันเดินออกจากห้อง ผมเร่งอีพวกนั้นให้เก็บของเร็ว ๆ ผมต้องรีบกลับบ้าน พวกมันดันแกล้งผมค่อย ๆ หยิบ ค่อย ๆ จับ ผมก็เลยกวาดสมบัติมันยัดใส่กระเป๋าทีละคน.....ยังไม่ทันยกขบวนเดินออกจากห้อง เพจที่ผมเพิ่งเปิดเสียงหลังจากอาจารย์ปล่อยก็ดังขึ้น.....ผมกดอ่าน ไอ้วุธส่งข้อความมา ผมอ่านไปยี้มไป เพื่อนผมก็กรี๊ดกร๊าดแซวกันเป็นที่สนุกสนาน ผมมองไปที่กลุ่มโมทย์กับอีแอ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมันมองผมด้วยสายตาแบบเดียวที่ผมเห็นเมื่อกลางวันอีกแล้ว.....
.....กลับถึงบ้านเร็วกว่าทุกวัน เพราะตรงดิ่งมาเลย จอดส่งอีพวกนั้นตามทางประจำที่มันเคยลง อีกหน่อยอีเต็มก็จะขับรถมาเรียนแล้วเหมือนกัน ได้ข่าวว่าตอนนี้กำลังเรียนขับรถอยู่.....ผมขี่จักรยานออกไปตลาดเพื่อหาของกินไว้รอวุธ นึกได้ว่าวันนี้มีตลาดนัด คงได้อะไรอร่อย ๆ แปลก ๆ มาให้มันกิน.....ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าตื่นเต้นที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ของกินเยอะมาก หิ้วถุงพะรุงพะรัง ไอ้นี่ก็อยากกิน ไอ้นั่นก็ท่าทางจะอร่อย เพลินครับ ไม่ได้เดินตลาดนัดนานแล้ว ไม่ชอบคนเยอะ แต่วันนี้เดินวนตั้งแต่หัวถนนยันท้ายถนน เดินวนไปวนมา ไม่เหนื่อยเลยแฮะ.....
“...ซื้ออะไรเยอะแยะเลยอ่ะ...” ไอ้วุธนั่งรออยู่ในรถเพราะเข้าบ้านผมไม่ได้ มันกุลีกุจอเดินออกมารับผมที่ขี่จักรยานเป๋ไปเป๋มา เพราะว่าของหนักมาก แขวนไว้เต็มแฮนด์สองข้าง ในตระกร้าข้างหน้าก็ยังมีอีก
“...มานานยัง...” ผมพูดปนหอบ
“...เมื่อกี้นี้เอง...เราก็ซื้อของมากินเหมือนกัน...” วุธเดินไปเปิดรถหยิบถุงอาหารออกมากองรวมไว้กับของผมบนโต๊ะในครัว
“...โห...แล้วจะกินกันยังไงให้หมดวะ...” ผมกับวุธมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“...หมดดิ...แต่ก่อนอื่น...ต้องทำให้หิวมาก ๆ ก่อน...” มันถอดเสื้อนักศึกษาออกต่อหน้าผม กลางวันแสก ๆ ตัวมันมีเหงื่อซึมออกมานิด ๆ เซ็กซี่ชิบหาย
“...จะทำอะไรอ่ะ...” ผมขยับหนี
“...ผมไม่หื่นกามขนาดนั้นหรอกคุณ...” มันหัวเราะผม “...ขอยืมกางเกงขาสั้นหน่อยนะ...” มันเดินขึ้นไปบนห้องผมโดยไม่รอผมอนุญาต
.....ผมหันไปสนใจกับกองอาหารต่อ คิดว่าจะกินอะไรก่อนหลัง เพราะยังไงก็กินไม่หมดแน่ ๆ อะไรที่มันเสียง่ายก็กินก่อนละกัน.....ทำทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย นึกได้ว่าไอ้วุธมันหายไปไหน เดินขึ้นไปบนห้องก็ไม่มี....มองลงมาจากระเบียงถึงได้เห็นว่ามันกำลังล้างรถอยู่ เออ เนอะ ได้ยินมันพูดหลายทีแล้วว่าอยากล้างรถที่บ้านผม เพราะบ้านผมมีพื้นที่พอที่จะล้างได้อย่างสะอาดเอี่ยม มีปั๊มน้ำ มีหัวฉีดแรงดัน จริง ๆ แล้วพ่อผมซื้อเอาไว้รดน้ำต้นไม้เพราะมันปรับทิสทางน้ำได้หลายแบบ ปรับให้กระจายเป็นฝอยก็ได้.....
ดูมันมีความสุขมาก ฉีดน้ำซะเปียกกระจายเป็นวงกว้าง ดีนะที่ผมจอดรถไว้อีกด้าน ไม่งั้นคงต้องเปียกไปด้วย แล้วน้องหมาของผมก็คงอยากเล่นด้วย วิ่งวนรอบตัวได้วุธ พอมันโดนไอ้วุธฉีดที ก็วิ่งหนีที....สภาพไอ้วุธตอนนี้ก็...อืม...ถอดเสื้อโชว์กล้ามที่เกิดเองตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการเข้าฟิตเนสอย่างทุกวันนี้...เอากางเกงขาสั้นเก่า ๆ ของผมมาใส่ พอกางเกงยางยืดโดนน้ำหนัก ๆ เข้ามันก็ร่นลงจนเห็นขอบกางเกงใน ขนหน้าท้อง ขนหน้าแข้งเปียกลู่แนบเนื้อตัดกับผิวขาว ๆ ของมัน.....
“...ที่บ้านน้ำไม่ไหลเหรอ...” ผมแซวมัน
“...ไหล...แต่ไม่อยากล้าง...เปลืองน้ำ...โอเคปะ” วุธหันมาพูดขำ ๆ ผมก้มลงพับขากางเกง เดินเข้าไปหยิบถังน้ำยาล้างรถ ช่วยมันเช็ด ๆ ถู ๆ
“...ไม่ต้องหรอกเอ้...เลอะเทอะ...” มันห้ามพร้อมปีนขึ้นไปบนกระบะเพื่อล้างหลังคา
“...จะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง...”
“...หิวแล้วเหรอ...”
“...เปล่า...จะได้ให้อาบน้ำหมาต่อด้วย ไหน ๆ ก็เปียกแล้วนี่...”
“...โห...ใช้เลยนะ...” มันทำหน้างอ ผมทำเชิด ไอ้วุธมันก็เลยเอาที่ฉีดน้ำฉีดผม
“...เฮ้ย...” ผมร้องเสียงดัง ตะปบกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง
“...มีของในกระเป๋าเหรอ...” ไอ้วุธหน้าเหวอ
“...ไม่มี...” ผมแลบลิ้นล้อมัน เท่านั้นแหละ ผมโดนฉีดน้ำอีกที คราวนี้โดนเต็ม ๆ เปียกไปทั้งตัว รู้อย่างนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ผมตะกายปีนขึ้นไปแย่งที่ฉีดน้ำบนกระบะ แต่ไม่กล้ารุนแรงมากนัก ลื่นด้วย พื้นที่ก็น้อย ไม่น่าขึ้นไปเลย ผมแอบโดนมันลวนลามตั้งหลายที เดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม จะดิ้นก็กลัวตกรถ....โชคดีที่น้องผมยังไม่กลับบ้าน เพื่อนบ้านก็คงมองไม่เห็นเพราะต้นไม้บังอยู่
.....เป็นการล้างรถที่สนุกที่สุด ปกติผมไม่เคยล้างเองด้วยซ้ำ ขนาดพ่อแม่ใช้ ผมยังอิดออด มันดูเหมือนเป็นงานที่หนักหนามากสำหรับผม....แต่วันนี้ มือซีด ปากซีด ผมยังมีอารมณ์อาบน้ำน้องหมาของผมต่อ เช็ดตัวอะไรเรียบร้อย ต่อไปคนต้องจัดการตัวเองแล้ว....เรามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ไม่รู้จะหาทางเข้าบ้านยังไง ตัวเปียกไปหมด น้ำหยดติ๋ง ๆ ลืมเอาผ้าเช็ดตัวมาไว้ข้างนอกด้วย....แต่เปียกได้ก็แห้งได้ เดี๋ยวค่อยมาตามเช็ดเอาก็ได้ ผมบอกกับวุธให้รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องผมพร้อมกันพื้นจะได้ไม่เปียกมาก...เรานับ 1 ถึง 3 ไอ้วุธจับมือผมวิ่งจู๊ดเลยครับ ผ่านมาได้ด้วยดี แต่อีตอนตีโค้งเลี้ยวเข้าห้องผมนี่สิครับ ปกติพื้นมันก็ลื่นอยู่แล้ว แถมตอนนี้เปียกอีก ผมเสียหลักลื่นโชคดีมากที่ไอ้วุธมันจับมือผมอยู่ มันดึงขึ้นมาทันที ทำให้ตัวผมกับมันแนบชิดกันแทบกลายเป็นคนเดียวกัน.....หน้าเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ หยดน้ำใส ๆ เกาะที่จมูกโด่ง ๆ ของมัน ผมมัวแต่มองตามันเพลินไปหน่อย...หน้ามันเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ปากมันประกบกับปากผมเรียบร้อยแล้ว เหมือนไฟฟ้าช็อต ตัวชา ขาอ่อนเลยครับ.....สติผมกลับมาเมื่อรู้สึกว่ามือเย็น ๆ ของมันลูบอยู่บริเวณหน้าท้องผม แล้วเสื้อกูไปไหนล่ะ ผมดันตัวมันออก โห...กระดุมหลุดไปจนเกือบหมดแผง....
“...อาบน้ำเหอะ เดี๋ยวไม่สบาย...” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่ใจยังสั่นไม่หาย
“...อาบพร้อมกันมั๊ย...” มันพูดขำ ๆ แล้วเดินเข้าห้องผม
“...เฮ้ย...ทำอะไรอ่ะ...” ผมโวยวาย ไอ้วุธมันถอดกางเกงลงเหลือแต่กางเกงในสีขาวบาง ๆ
“...โห...ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้...” มันรู้ว่าผมอายก็ยังจะแกล้งอีก กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะโว้ย เดี๋ยวก็งาบซะนี่ ยั่วจังโว้ย
“...อุบาทว์ว่ะ เข้าไปถอดในห้องน้ำเลย” ผมหันหลัง เปิดตู้ เตรียมผ้าขนหนู เสื้อผ้าไว้ให้ไอ้วุธ ส่วนตัวเอง หอบเสื้อผ้าเก่า ๆ เข้าไปเปลี่ยนที่ห้องแม่ แล้วลงไปเช็ดน้ำที่หยดตามทางเดินให้เรียบร้อยก่อนน้องชายจะกลับ
.....อาหารเย็นมื้อนั้นนำบรรยากาศเก่า ๆ กลับมาในชีวิตผม ต่างกันก็แค่วันนี้ไม่มีพ่อแม่ และน้องชายผมร่วมโต๊ะด้วย เรานั่งกินข้าว และคุยกันถึงเรื่องที่ผมจะไปดูฝนดาวตก ยังไม่ทันจะชวน มันก็เสนอตัวขอไปด้วย....แกล้งเล่นตัวนิดนึง แต่ก็ตกลงยอมให้มันไปนั่นแหละ.....
“...กลับบ้านดี ๆ นะ...” ผมมพูดประโยคเดิม อย่างที่เมื่อก่อนเคยพูดทุกวันเวลาที่มันนั่งอยู่ในรถ และเปิดหน้าต่างมาคุยกับผม โอ้เอ้ ไม่อยากกลับบ้าน หลังจบประโยคนั้น วุธสบตาผมนิ่ง
“...เราคิดถึงคำ ๆ นี้มากเลยรู้มั๊ย...” วุธพูดเสียงจริงจัง
“...งั้นเปลี่ยนดีกว่า...Drive Carefully นะ...” ผมพูดแก้เขิน มันหัวเราะเบา ๆ ผมหันหลังกลับเข้าบ้าน
“...เอ้...” เสียงวุธเรียกดังมาจากข้างหลัง
“...ลืมอะไรอีกล่ะ...” ผมหันไอ้วุธก้าวยาว ๆ มาถึงตัวผมแล้ว
“...ลืมคืนให้...” วุธจับมือข้างซ้ายผม แล้วเอาแหวนรุ่นมาใส่ให้ที่นิ้วนาง มันยังคงเป็นวงเดิม ไซส์เดิม ใส่ได้พอดีเป๊ะ
“...ขอบคุณ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธ ไม่รับแหวนวงนี้ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มันเขินผม เดินยิ้มขึ้นรถไปเลย
Treated me kind
Sweet destiny
Carried me through desperation
To the one that was waiting for me
It took so long
Still I believed
Somehow the one that I needed
Would find me eventually
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
Prayed through the nights
Felt so alone
Suffered from alienation
Carried the weight on my own
Had to be strong
So I believed
And now I know I've succeded
In finding the place I conceived
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you've given me
I've realized a dream
And I visualized
The love that came to be
Feel so alive
I'm so thankful that I've received
The answer that heaven
Has sent down to me
You treated me kind
Sweet destiny
And I'll be eternally grateful
Holding you so close to me
Prayed through the nights
So faithfully
Knowing the one that I needed
Would find me eventually
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you
Turned out to be