25 Can you handle this? (Part I)
........สงกรานต์ปีนั้นผมไม่ได้โดนน้ำซักหยด.....จริง ๆ แล้วเพื่อนผมก็ชวนเล่น แต่ผมไม่มีอารมณ์เล่นเองต่างหาก....ยอมเป็นสารถีขับรถจนปวดขาไปหมด ได้แต่นั่งมองไอ้วุธเล่นน้ำผ่านกระจกหลัง......เห็นมันยิ้ม หัวเราะ ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรปิดบัง......แต่ผมเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเองมากกว่า.....ผมว่าเป็นกันทุกคนด้วย เรื่องระแคะระคาย และพฤติกรรมแปลก ๆ ของคนที่เราสนใจ.......ระหว่างทางที่พวกเราขับรถวนเล่นน้ำ.....ไอ้วุธมักจะลงจากรถตอนรถติดไปปะแป้งผู้หญิงที่เดินแถวนั้น หรือบนรถคันที่จอดข้าง ๆ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าด จากฝ่ายผมและฝ่ายที่โดนไอ้วุธปะแป้ง สูง ขาว ใส่เสื้อบาง ๆ เปียกแนบไปทั้งตัว ที่เห็นแล้วขัดตาก็ไอ้เพจที่มันตุง ๆ อยู่ในกระเป๋ากางเกงเนี่ย มันทำให้อะไรที่ควรจะเห็นชัด ๆ กลับไม่เห็นซะ......
.........กว่าจะเลิกเล่นก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม ไอ้วุธก็ยังยืนกับเพื่อนบนกระบะหลัง ปล่อยให้ผมขับรถคนเดียว มันบอกว่าผมขับได้แล้ว อีกอย่างตัวมันเปียก ไม่อยากเข้าไปในตัวรถ ผมก็ต้องยอมตามใจอย่างเสียไม่ได้ เพราะจำนนในเหตุผล......มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รถกำลังติดไปแดงระหว่างทางจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำกันที่บ้านไอ้ตั้ม.....ผมมองมันผ่านกระจกหลังตามปกติ แต่ผมก็ต้องหันหลังมองให้เห็นชัด ๆ ว่ามันหยิบเพจเครื่องนั้นออกมาจากกระเป๋า แสงสีเขียว ๆ จากหน้าจอ และไฟจากรถคันอื่นสว่างพอที่ทำให้ผมเห็นสีหน้ามันตอนอ่านข้อความบนนั้นได้ชัด ๆ มันอมยิ้ม และถ้าผมเดาไม่ผิด อีอ๋าปากไวเพื่อนผมคงแซวอะไรมันซักอย่าง......มันถึงกับอายจนทำอะไรไม่ถูก......ไฟเขียวแบบไม่รู้ตัวเลยครับ.....รถคันหลังบีบแตรไล่.....ผมออกตัวกระชากด้วยความลืมตัว ดีนะว่าพวกมันมีถังน้ำให้เกาะกัน ไม่งั้นคงมีใครซักคนกระเด็นตกลงไปแล้ว......ไอ้ยินเสียงเพื่อน ๆ ตะโกนด่า สติผมถึงได้กลับคืนมา.....รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ถ้ามีใครต้องได้รับบาดเจ็บเพราะผม.......ผมคงต้องเสียใจไปตลอดแน่ ๆ .......
*
*
*
อย่า.......เธออย่าปิดบังฉัน
เพราะว่ามันอาจทำให้ฉันเข้าใจเธอผิด
อย่าให้ความรักนั้นกระทบกระเทือน
ย้ำเตือนให้คิด
ปิดบังเท่าไร ยิ่งทรมานหัวใจ
เหตุ......คงเกิดจากวันนั้น
เขาเข้ามาเกี่ยวพันเธอนั้นก็มีเยื่อใย
ตั้งแต่วันนั้นฉันก็รู้ตัวดี เห็นเธอเปลี่ยนไป
สบตาครั้งใด ยิ่งดูเหมือนคนห่างไกล
แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก
ใจที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแหลก
แตกสลาย ไม่มีวันเหมือนเดิม
อยู่.....มีแต่ความเจ็บช้ำ
ทุกถ้อยคำพูดจาตอกย้ำซ้ำเติมที่เก่า
บาดให้รอยร้าวลึกลงลึกลงไป
เหลือเพียงแต่เรา
สิ่งเดียวรับเอา คือรอยร้าวในหัวใจ
อยู่อย่างตายทั้งเป็น
มันคงจบเกมในไม่ช้า.....คงจบลง
..........เอาอีกแล้ว......ไม่เข้าใจตัวเองทำไมเวลาอยู่คนเดียวแล้วเป็นอย่างนี้......ไม่เข้าใจว่าทำไมเปิดเพลงฟัง จะต้องมีเพลงที่โดนอย่างจัง.....ฟังแค่ประโยคแรกน้ำตาเล็ด ซักพักทะลักจนต้องควานหากระดาษทิชชู่ในรถมันมาเช็ดน้ำตา.......อยากจะเปลี่ยนคลื่นหนี ใจมันก็ไม่ยอมให้เปลี่ยน ดีนะว่าผมขับช้า ๆ อยู่เลนซ้ายตลอด ไอ้พวกนั้นมันเคาะกระจกบอกให้ผมขับช้า ๆ เพราะมันหนาว.......ในที่สุดก็ถึงบ้านไอ้ตั้ม เจ้าของบ้านกับอีตาลที่ใส่ชุดคลุมท้องเดินออกมาเปิดประตูรับพวกผม.......เป็นเพื่อนที่แสนดีจริง ๆ ที่เตรียมของกินไว้เรียบร้อย......พวกผู้หญิงทยอยเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไอ้พวกผู้ชายก็ลากสายยางมายืนอาบกันหน้าบ้านนั่นแหละ......ไอ้วุธดูมีความสุขมากกว่าคนอื่นเลยครับ.....ถอดเสื้อเล่นน้ำต่อด้วยซ้ำ........
“......กินข้าวดิ.....” อีตาลเรียกผมที่นั่งเหม่ออยู่หน้าบ้านรอพวกมันกินข้าวพร้อมกัน
“......เออ....เดี๋ยวตามไป.....” ผมตอบเซ็ง ๆ
“.....เป็นอะไรมึง.....ไม่สนุกเหรอ.......ไม่ต้องมาตอแหลเลย.....มีอะไรเล่าด่วน......” มันดักคอผม
“.....อีนี่.....ไม่มีอะไรซักหน่อย.....กูหิวเฉย ๆ ขับรถเหนื่อยจะตาย.....” ผมหาข้ออ้าง อีตาลไม่เชื่อหรอก ผมรู้ แต่มันรู้นิสัยผมว่าผมไม่พูดเรื่องที่ไม่อยากพูดง่าย ๆ
“......ไปแดกก่อนก็ได้นะโว้ย.....อีพวกนั้นคงใกล้จะเสร็จแล้ว.....”
“......มึงจะคลอดเมื่อไหร่วะ.....” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“.....ไม่น่าจะเกินปลายเดือนนะ.....” มันเอามือลูบท้องโต ๆ ด้วยความทะนุถนอม
“......มึงก็สบายไปเลยเนอะ....ไม่ต้องฝึกงาน แถมได้เกรดอีก.....ถ้ากูฝึกงานแล้วกูก็ไม่รู้จะมีเวลามาดูหลานหรือเปล่า.....” อีตาลเอาชื่อไปทำที่บริษัทของเพื่อนแม่มัน บอกถึงปัญหาของมันที่ต้องเลี้ยงลูกอ่อน เค้าก็ยอมให้อีตาลไปฝึกงาน แค่ชื่อ แต่ตัวไม่ต้องไป
“.......แล้วมึงไปทำงานคนเดียวได้หรือเปล่าวะ….” อีตาลถามด้วยเสียงเป็นห่วง
“.....สบายมาก....” ผมตอบยิ้ม ๆ แต่ที่จริงแล้วผมกังวลอยู่เหมือนกัน
*
*
*
“.....เสร็จแล้ว.....อีดอก....ไปแดกข้าวเร็ว.....มานั่งอ่อยใครแถวนี้ยะ......” เสียงอีอ๋ามาก่อนตัว
“......อีเหี้ย.....อยู่ในรั้วบ้านอย่างนี้จะให้อ่อยใคร.....ไอ้วุธมั้ง.....” ผมเห็นไอ้วุธเดินมาพอดีก็เลยแกล้งพูดเล่น ๆ
“.....อีเอ้....อีเสร่อ....ตกข่าวอีกแล้ว......” อีอ๋ามันชอบว่าคนที่รู้ทีหลังสุดว่าเสร่อ ก็ใครจะเสือกได้ทุกเรื่องอย่างมันล่ะ ผมคิดในใจ
“......ข่าวอะไรของมึง.....” ผมขำกับท่าทางอยากเล่าของมัน
“......ไอ้วุธมันมีแฟนแล้ว.....” ไอ้วุธเดินมาหยุดข้างหลังอีอ๋าโดยที่มันไม่รู้ตัว ยังเพล่มต่อ “......ก็อีออยที่เจอบนแพนั่นไง.....ไอ้วุธมันไม่รู้หรือไงวะว่าอีนี่มันร้อยK.....เห็นผู้ชายหน้าตาดี ๆ ไม่ได้.......ถ้าไอ้วุธเอาอีนี่นะ......กูว่าให้มันเปิดซิงมึงซะยังจะดีกว่า.......” อีอ๋าชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระแอมข้างหลัง ผมนั่งหน้าเฉยอยู่ข้าง ๆ อีตาล......อีอ๋าไม่สะท้าน เพราะมันสนิทกับไอ้วุธถึงขนาดด่าพ่อล่อแม่กันได้
“......ผู้หญิงกับผู้ชายมันเป็นเรื่องธรรมชาติโว้ย.....” ไอ้วุธพูดกับอ๋า ผมฝืนยิ้มเล่นมุขไปด้วย
“......ช่าย.....ไอ้วุธมันไม่เอากูหรอก.......เนอะ......” ผมหันไปพยักเพยิดกับมัน
“......แหม.....ได้ข่าวว่าไปไหว้พ่อแม่กัน.......เปิดตัวเป็นเรื่องเป็นราว.....” อีอ๋ากัด
“......ไม่ใช่......” “.....เปล่านะโว้ย.....” ผมกับไอ้วุธปฏิเสธพร้อมกัน
“......แล้วไป.....งั้นเรื่องอีออยไฮโซนั่นล่ะ.....” อีอ๋าได้ทีเสือกต่อ ผมกลั้นใจฟังคำตอบ ไอ้วุธมองหน้าผมนิดนึง
“......ไม่มีอะไรซักหน่อย......แค่คนรู้จักกัน.....”
“.....คนรู้จัก....ทำไมต้องส่งเพจหวาน ๆ มา แล้วมึงก็อายซะขนาดนั้นวะ....” ไอ้แม็คพูด มันเดินออกมาตามอีอ๋าไปกินข้าวได้ยินพอดี
“......ลงทุนซื้อเพจใหม่...ไม่บอกใคร......” อีอ๋ากัดต่อ ผมนั่งหน้าชา ขอบตาร้อนผ่าว ไอ้วุธเงียบไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“......ไปกินข้าวกันเถอะ.....” ผมลุกพรวดเดินนำเข้าบ้าน อีพวกนั้นตั้งวงกินกันไปบ้างแล้ว
*
*
*
........กินไม่ลงจริง ๆ ครับ ผมตักข้าวแจกคนอื่น ระหว่างนั้นก็หาข้ออ้างกลับบ้าน นึกออกแล้ว....ผมขอไอ้ตั้มโทรกลับบ้าน ผมแกล้งกด ๆ ไปงั้นแหละ พูดเองเออเอง
“......ฮัลโหล.....แม่.....เอ้กลับช้าหน่อยนะครับ.....ขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนหิว......โห.....รู้แล้ว......แป๊บเดียวเอง......นะ....แม่.....นะ...................................โอเค.....กลับก็ได้......” ผมพูดเสียงค่อนข้างดัง ไอ้พวกนั้นฟังผมอยู่แน่ ๆ มันรู้ว่าที่บ้านผมเข้มงวดมากในเรื่องเที่ยว เรื่องเรียน พวกมันเคยโดนพ่อผมด่าตอนที่ผมให้ลองโทรเข้าบ้านชวนผมไปเที่ยวกลางคืน แม้จะอ้างว่าไปกินข้าวก็เถอะ พ่อบอกว่าข้าวบ้านก็มีกิน ทำไมต้องไปกินข้างนอก ฯลฯ เทศน์อีกชุดใหญ่ พวกนั้นมันเลยเข็ดไม่กล้าโทรเข้าบ้านผมอยู่พักนึง
“.....เฮ้ย.....กูต้องกลับบ้านเลยว่ะ.....” ผมตีหน้าเศร้า.....เศร้าจริง ๆ น่ะแหละ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลับบ้านก่อน
“.......เออ....กลับบ้านดี ๆ นะ.....” อีแจนรู้ว่ารั้งไม่อยู่แน่ ๆ ผมโบกมือลาเพื่อน ๆ
*
*
*
.......เดินออกมาจนจะถึงรถแล้ว......นึกได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ในรถไอ้วุธ.....เดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง ได้ยินพวกมันกำลังคุยกันอยู่ ผมขยับเข้าไปใกล้ประตูมองผ่านช่องเล็ก ๆ เห็นหน้าทุกคนชัดเจน.......ผมยืนฟังเงียบ ๆ จับใจความได้ว่า ไอ้วุธเคลียร์เรื่องผมกับมัน ในเรื่องที่เพื่อน ๆ ตั้งข้อสงสัยว่าไอ้วุธชอบผู้ชายด้วยกันหรือเปล่า....
“......พวกมึงเลิกแซวกูเรื่องเอ้ได้มั๊ย......กูอายนะโว้ย......”
“.....กูแค่แซวเล่น ๆ ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรก็เฉย ๆ ไว้ดิ......” ไอ้นพพูด
“.....ไม่แน่นะโว้ย.....เมื่อก่อนคุยกันทุกคืน....กูคิดว่ามึงหลงชอบตุ๊ดเข้าจริง ๆ ซะแล้ว.........เดี๋ยวนี้ยังโทรคุยกันอยู่หรือเปล่าวะ......” ไอ้แม็คแซวไม่เลิก
“......ไอ้สัตว์.....คุยเหี้ยอะไรล่ะ.....กูคุยกับออยทุกคืน......” ไอ้วุธพูดยิ้ม ๆ
“......ไอ้วุธ.....มึงจะเอาอีนั้นจริง ๆ เหรอ.....” อีอ๋าถาม
“......เป็นใครก็เอา.....ใช่ปะวะ.....” มันหันไปถามเพื่อน ๆ มัน ไอ้พวกนั้นพยักหน้ากันหงึก ๆ พวกผู้หญิงมองค้อน
“......ถามจริง.....มึงได้กันยังวะ.....” อั้มถามกลางวง
“......เกือบอยู่เหมือนกัน.....เมื่อวานนี้แม่งยั่วกูทั้งวันเลย......” ไอ้วุธเล่าขำ ๆ
“......แล้วทำไมไม่เอาล่ะ.....” ไอ้นพสงสัย……ไม่มีคำตอบจากปากมัน
“.....เอาไม่เป็นอ่ะดิ.....” อีนัทกัดบ้าง
“.....โห....ดูถูกว่ะ.....อีกไม่นานหรอก......” ผมทนฟังต่อไม่ได้แล้ว เดินเข้าไปหาไอ้วุธพยายามทำหน้าเฉยเหมือนไม่รู้ไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่
“...วุธ....เปิดรถให้หน่อย......ลืมกระเป๋า.....” พยายามแล้วนะครับ หน้าได้ แต่เสียงไม่ได้ มันแข็งกระด้างจนเพื่อน ๆ ทุกคนมองผมอย่างสงสัยว่าผมจะได้ยินที่พวกมันคุยกันหรือเปล่า.....มันมองผมอึ้ง ๆ แล้วลุกไปหยิบกุญแจเดินไปเปิดรถให้.....ผมไม่พูดกับมันซักคำ ที่จริงแล้วตั้งแต่กลับถึงบ้านไอ้ตั้ม ผมกับมันก็ยังไม่ได้คุยกันเลย.....ผมก้มลงไปหยิบกระเป๋าเสร็จก็เดินคอแข็งไปที่รถแม่ผมที่จอดไว้ใกล้ ๆ กัน.......ผมสตาร์ทเครื่องมองกระจกเห็นมันยังยืนอยู่ที่เดิม......ผมแน่ใจในนาทีนั้นเลยครับว่าผมกับมันไม่เป็นเหมือนเดิมแน่........
*
*
*
........ความรู้สึกตอนนั้นมันชาไปหมด......ไม่มีน้ำตาซักหยด......มันเจ็บจนจุก.....ปลอบตัวเองว่ามันไม่ได้เป็นเกย์.....มันไม่ได้ชอบผู้ชาย.......มันแค่สับสนชั่วคราว......มันคงสนุกที่ได้แกล้งเรา......มันทำดีกับเราก็คงเพราะต้องการไถ่โทษ......แหวนมันที่อยู่ในกระเป๋าตังค์ผมตลอดเวลาน่ะเหรอ.....มันก็แค่แหวนรุ่นที่ใครก็มีได้....สั่งได้คนละหลาย ๆ วงผมเองยังมีแหวนรุ่นพาณิชย์สองวงไว้กันหายเลย......มันแค่บอกว่ามีความสุขที่คุยกับเรา....ตอนนี้มีคนที่ทำให้มันมีความสุขได้มากกว่าเรา......คงรวมทั้งความสุขทางเพศที่เราให้ไม่ได้ด้วยสิ ผมพาลคิดไปถึงโน่น........
*
*
*
.......กลับถึงบ้าน......พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรซักคำที่ผมกลับดึก เพียงแค่ย้ำว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปเยี่ยมญาติ ๆ ผมพยักหน้ารับ แล้วเดินไปหาของกินในครัว.....ไม่มีอะไรเหลือเลย ผมไม่มีแรงจะทำอะไรกินแล้ว......กินนมดีกว่า......ผมรินนมใส่แก้ว หยิบขนมห่อ ๆ ของน้องเดินออกไปนั่งดูละครกับพ่อแม่......
“.....อ้าว.....ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ.....” พ่อถาม
“.....กินแล้วครับ....อยากกินขนมเฉย ๆ” ผมโกหก
“.....พรุ่งนี้อย่าตื่นสายนะลูก.....ต้องไปหลายบ้าน.....” แม่ย้ำ
“.....แล้วแม่จะขึ้นเหนือเมื่อไหร่อ่ะครับ.....” ผมหมายถึงเรื่องที่พ่อกับแม่จะขึ้นไปดูกิจการที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง ได้ยินมาว่าจะไปดูเร็ว ๆ นี้
“......วันมะรืนนี้.....ถามทำไมล่ะ.....จะไปด้วยเหรอ.....” แม่ยิ้ม ผมพยักหน้า พ่อกับแม่มองผมแปลก ๆ ก็ผมไม่ชอบไปไหนกับพ่อแม่มานานแล้ว
“.....ไปนานนะ.....พ่อกับแม่ลาพักร้อนไว้แล้ว กลับมาอีกทีก็ปลายเดือนเลย....หนูจะไปได้ยังไง......เรื่องฝึกงานล่ะ”
“.....ไม่เป็นไรหรอกแม่.....เอ้ฝากให้เพื่อนดูให้ก็ได้.....เอ้เช็คชื่อที่บริษัทแล้ว....ไม่มีปัญหา....”
“....นึกยังไงจะไปลำบากลำบน.....” พ่อถาม
“....อยากไป.....” ผมตอบสั้น ๆ
*
*
*
.........ไอ้วุธเปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วย เปลี่ยนไปเร็วมาก เร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันต้องโทรมาถามเซ้าซี้แล้วว่าผมเป็นอะไรที่เฉยชากับมัน แต่คืนนั้น.....ไม่เลย ไม่มีเสียงเรียกเข้าซักครั้ง......ผมนอนมองโทรศัพท์จนหลับไปด้วยความเพลีย.......
..........ครอบครัวผมตระเวนไปเยี่ยมญาติรอบกรุงเทพฯ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะไปเมื่อตอนปีใหม่ แต่จุดประสงค์ที่ไปคราวนี้คือฝากฝังผมไว้ให้ญาติโกโหติกา ทั้งฝ่ายพ่อและแม่ช่วยดูแลพวกผมตอนที่พวกเค้าขึ้นไปทำธุรกิจ และขอคำปรึกษาหลาย ๆ เรื่องด้วย พวกผมกับน้องก็ได้แต่นั่งมองตากันปริบ ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว.......
.......กลับบ้านซะที....ผมอาบน้ำแต่งตัว เก็บสมบัติเข้ากระเป๋า ขนาดไปค้างบ้านอาเล็กแค่คืนเดียว ผมยังหอบสมบัติเยอะแยะ คราวนี้อยู่เกือบครึ่งเดือน ผมเก็บของแทบจะหมดห้อง ทยอยเอาลงมายัดใส่รถพ่อไว้ก่อน ไม่อยากให้เค้าเห็นตอนเช้า เดี๋ยวโดนด่า.....น้อง ๆ ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะติดเรียนพิเศษ อาเล็กจะมานอนเฝ้าบ้านให้ทุกคืน นอนห้องผมนี่แหละ วันนี้คุยกันแล้ว ผมบอกอาเล็กด้วยว่า ผมไม่ได้บอกใครว่าไปไหน ถ้ามีใครถาม ให้บอกว่าผมไปต่างจังหวัดก็พอ ตอนนี้ผมมีปัญหานิดหน่อย.......ผมกับอาเล็กต่างคนต่างยุ่งกับการเก็บกระเป๋า จึงไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก.......
*
*
*
........ตลอดสองสัปดาห์ที่ผมอยู่ต่างจังหวัดกับพ่อแม่.....ผมใช้เวลาไปกับการเที่ยว พักผ่อน.........อึดอัดบ้างในช่วง 2-3 วันแรก แต่พอได้เห็นคนงานชาวเหนือหล่อ ๆ ก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้........ผมชอบขี่มอไซค์ของคนงานไปเที่ยวตอนเย็น ๆ จนแทบจะทั่วจังหวัดแล้วครับ ไปคนเดียวนั่นแหละ ไม่กลัวอะไรเลย ความเหงามันบอกให้ผมอยู่นิ่งไม่ได้ พอตกกลางคืนก็แอบพ่อลงไปเที่ยวเธคใต้ถุนโรงแรมที่พัก สนุกมาก มีเรื่องตื่นเต้นที่เกือบจะทำให้เสียซิงหลายหน แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง....... ผมไม่อยากให้ถึงตอนที่ผมต้องนอนเลย มันรู้สึกยังไงไม่รู้ ช่วงแรก ๆ กลัวผีจนไม่มีหัวไปคิดถึงเรื่องอื่น.....แต่พอเริ่มชินกับห้องใหม่ ปัญหาเดิม ๆ ก็ตามมาหลอกหลอนผมต่อ.....หน้าไอ้วุธกับอีออย ลอยเข้ามาในหัวผมตอนเคลิ้ม ๆ จนผมสะดุ้งตื่นทุกคืน แล้วมันก็จะอยู่ในหัวผมไปอย่างต่ำ 1 ชั่วโมง เป็นช่วงเวลาที่ทรมานมาก นอนพลิกตัวกระสับกระส่ายคิดไปสารพัด.....คิดจนปวดหัว ข่มตาหลับจนปวดกระบอกตา ปวดขมับ ต้องใช้วิธีนอนนับแกะแบบตอนเด็ก ๆ คิดถึงตอนนั้นแล้วสมเพชตัวเองจัง.......
*
*
*
*
*
.........ในที่สุดก็เปิดเทอม.....แต่ผมไม่ต้องไปโรงเรียนนะครับ....ไปฝึกงานเลย.....อย่างที่บอกว่าผมต้องไปฝึกงานคนเดียวไม่มีเพื่อน ไม่ได้ปรึกษาใคร เพื่อนในกลุ่มฝึกงานทีเดียวกันหมด......ผมไปรายงานตัวแต่เช้า......พี่ ๆ ทุกคนใจดีมาก....ผมได้เพื่อนใหม่หลายคน ทั้งจากโรงเรียนเดียวกัน และจากพาณิชย์อื่น เป็นงานขายของครับ อยู่ในร้านสาขาไม่ใหญ่มาก ดูแลกันแบบครอบครัว วันแรกหัวหน้าก็ถามความสมัครใจให้ทำโอต่อถึง 2 ทุ่ม ไอ้เงินเป็นสองเท่า......ผมเสนอตัวคนแรกเลยครับ ในฐานะที่บ้านไม่ไกลมาก.....เป็นผู้ชาย กลับบ้านมืดได้......และงกครับ อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่เหตุผลส่วนตัวเหรอครับ.....ก็ไม่อยากอยู่ว่างอ่ะ เดี๋ยวฟุ้งซ่าน........ผมมีความสุขกับงานที่นี่มาก ตอนเช้าตอกบัตรเสร็จก็ออกไปหาขนมกินแถวนั้น.......ตอนเที่ยงสั่งข้าว ก๋วยเตี๋ยวขึ้นมากินที่โต๊ะ ........ตอนบ่าย ๆ ก็ออกไปเดินตลาดนัด.........ตอนเย็นของขายหน้าร้านเยอะมาก เลือกกินกันไม่ไหว......เลิกงานก็ไปเที่ยวห้างใกล้ ๆ .......ผมสนุกกับงานจนลืมเรื่องไอ้วุธได้ชั่วคราว......
*
*
*
.......จำได้มั๊ยครับ ที่ผมเคยบอกว่าที่ทำงานผมใกล้กับโรงเรียนไอ้โยมัน แต่ผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่บอกใคร เพราะต้องการจะ Surprise มันตอนที่ยังไม่รู้ว่าไอ้โยที่คุยกันทุกวันน่ะเป็นตัวปลอม ไอ้วุธก็เคยถามผมเรื่องสถานที่ฝึกงาน ผมก็ตอบเลี่ยง ๆ ไป ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมอยู่ใกล้ไอ้โย แต่เพื่อนผมคงบอกแล้วมั้ง เพราะผมไม่ได้ติดต่อกับใครอีกเลยตั้งแต่วันสงกรานต์.....โทรศัพท์ก็ดึงสายออก ไม่รับโทรศัพท์ทุกกรณี ตัดขาดจากเพื่อนฝูงไปง่าย ๆ ........
“......เฮ้ย.....เอ้.....ฝึกงานที่นี่เหรอ......” ไอ้โยทักเสียงดัง ทันทีที่มันเห็นหน้าผม
“...เออ....แล้วทำไมมึง......” ผมสงสัยที่เห็นมันเดินกับเพื่อนที่ใส่ชุดนักเรียนมอปลาย แต่ตัวมันใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กับกางเกงขายาวสีดำ
“.....กูสอบเทียบได้แล้วโว้ย....ตอนนี้กูเรียนมหา’ลัย XXXXX ....เป็นไง....หล่อดิ...มองตาค้างเลย....” มันกวน พูดอยู่คนเดียว ไม่สนใจเพื่อนทีมาด้วย
“.....ไอ้บ้า.....” ผมเขิน ก็มันหล่อจริง ๆ นี่หว่า ผมยาวขึ้นเยอะ “.....ไม่เรียนรด. เหรอ....” ผมถามแก้เขิน
“.....เลิกเรียนแล้ว.....เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า......เดี๋ยวค่อยลุ้นตอนจับสลาก......” มันพูดง่าย ๆ เรื่องทหารนี่เป็นเรื่องใหญ่ของผมนะ
“......ฝึกงานอีกนานปะ.....” มันถามหลังจากที่เพื่อนมันสะกิดชวนกลับ
“......อีก 2 เดือน.....”
“.....งั้นวันหลังมาหานะ.....แต่ช่วงนี้ต้องรับน้อง...ไม่ค่อยมีเวลา......” ผมพยักหน้ารับคำ มันโบกมือให้ แล้วเดินกึ่งวิ่งตามเพื่อนออกไป
“......ใครวะ.....” เพื่อนใหม่ผมเข้ามารุมถามกันใหญ่
“.....เพื่อนเก่า.....” ผมตอบยิ้ม ๆ
“......หล่อเนอะ.....เค้ามีแฟนยังวะ......เรียนที่ไหน....ชื่ออะไรอ่ะ” สารพันคำถามเกี่ยวกับไอ้โย ผมตอบเท่าที่จะตอบได้
*
*
*
*
*
........อีกไม่กี่วันผมก็จะจบหลักสูตรการฝึกงานโดยสมบูรณ์........ไม่อยากไปโรงเรียนเลย.....อยู่นี่ผมเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ....เงินทางบ้านก็ยังให้อยู่ เพราะพ่อคิดว่าฝึกงานไม่ได้เงิน แต่ผมได้ทั้งเงินเดือนประจำและล่วงเวลา......ไอ้โยหายไปเลย......ผมคิดว่ามันคงยุ่งกับการรับน้อง หรือไม่ก็ลืมผมไปแล้ว ที่ไหนได้......เย็นก่อนวันสุดท้ายที่ผมต้องทำงานที่นี่ ไอ้โยวิ่งกระหืดกระหอบมาหา
“......โอ๊ย.....นึกว่ากลับบ้านไปแล้ว.....” มันพูดปนหอบ
“.....ยังโว้ย.....ทำโอต่อด้วย.....” ผมพามันเดินไปอีกมุมที่ไม่ค่อยมีลูกค้ามายุ่ง
“.....ไปกินข้าวกันเถอะ.....” มันชวน อย่างที่บอกร้านไม่ใหญ่ เสียงมันก็ดังอยู่ เพื่อนผมหันขวับ พยักหน้าทำท่าให้ผมไปกับกับมัน
“.....เออ....เดี๋ยวไปบอกหัวหน้าก่อน.....” ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้เจอมันมานานแล้ว ไปกินข้าว ไปคุยเรื่องเรียนมหาลัยด้วย หัวหน้าผมอนุญาต ผมให้มันยืนรอที่หน้าร้าน ตอกบัตรกลับเสร็จ ผมก็เดินไปหามัน เพื่อน ๆ ผมชะเง้อมองกันอยู่ที่หน้าต่าง ผมบอกไอ้โย มันหันไปมองนิดนึง แล้วมันก็จับมือผมเดินเฉยเลย ป่านนี้ในร้านคงกรี๊ดกันสนั่น
*
*
.......ไอ้โยพาผมนั่งแท็กซี่ไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ปกติผมไม่ค่อยชอบไปอ่ะครับ เพราะมันไม่มีรถเมล์สายที่ผ่านบ้านผมเลย......มันพาผมไปนั่งร้าน ๆ นึงครับ บรรยากาศดีมาก สลัว ๆ จัดร้านเป็นแบบจำลองป่า มีเวทีเล็ก ๆ มีเปียโนสีดำ และนักร้อง ที่ทั้งเล่นทั้งร้อง ให้ขอเพลงได้ด้วยนะครับ......ผมกำลังกางเมนูออกมาเพ่งเพราะมองไม่เห็น ตัวหนังสือมันเล็กไง.....รู้สึกว่า มีใครมอง ผมหันซ้าย หันขวา โอ๊ย แทบอยากจะลุกกลับบ้านเดี๋ยวนั้น.....ไอ้วุธมันมองเหล่ผมอยู่โต๊ะเยื้อง ๆ กัน.....มันมากับผู้หญิงคนนึง มองข้างหลังก็รู้ว่าใคร......โยลดเมนูลงจากหน้า มองตามสายตาผม มันตกใจเหมือนกันที่เห็นไอ้วุธ.......
“.....เฮ้ย.....แฟนมึงอ่ะ.....” ไอ้โยพูดเสียงรอดไรฟัน
“.....ไอ้เหี้ย.....ไม่ใช่โว้ย.....คนเคยรู้จักกันต่างหาก....”
“.....หมายความว่ามึงเลิกคบกับมันแล้วเหรอ.....” ไอ้โยถามงง ๆ
“.....กูไม่เคยคบกับมัน....” ผมกระแทกเสียงตอบ มันเงียบ คงรู้แล้วว่าเรื่องเป็นยังไง
“.....แล้วมันมองมึงทำไมวะ....”
“.....กูจะไปรู้มันเหรอ.....หิวแล้ว.....จะแดกอะไร.....” ผมทำเป็นสนใจกับเมนูตรงหน้า ไอ้โยลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมานั่งข้าง ๆ ผม
“.....ดูซิว่ามันจะอยากมองอยู่อีกมั๊ย.....” ไอ้โยขยับเข้ามาใกล้ หน้ามันแทบจะชนกับหน้าผม มองเมนูด้วยกัน......ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงไม่ให้มันทำอย่างนี้หรอกครับ กลัวคนจะแอบด่า แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพาไป
“......มองเห็นเหรอ.....” ผมเอามือไปเสยผมไอ้โย......ทำให้เพราะความรำคาญที่เห็นผมมันลงมาปิดตา มันเงยหน้ามามองผมตาเยิ้ม.....ผมชะงักกึก
“......ทำไมมองกูแบบนี้.....หา.....” ผมพูดในคอ กลัวไอ้วุธที่มองจ้องเขม็งจะอ่านปากได้ มันไม่ตอบ เอาแต่ยิ้ม......ผมก็เขินทำอะไรไม่ถูกเลย
*************************************TBC*************************************
ขอบคุณพี่เอ้ครับป๋ม มาเศร้าอะตอนนี้T^T