ตอนที่ 25 สมานฉันท์
“เป็นอะไรนั่งใจลอยอยู่ได้”
“ปะเปล่าครับ....ผมแค่นึกถึงเรื่องต้นไม้ริมรั้วนะครับ...ไม่เห็นออกดอกสักที”
จะให้ผมบอกตรงๆ ได้ยังไงล่ะครับว่ากำลังกังวลใจว่าพี่ทิวาจะมาทวงสัญญานั่นเมื่อไหร่กัน....มะไม่ใช่ว่าผมตั้งตารอคอยหรอกนะครับแต่ผมแค่รู้สึกกดดันนิดหน่อย.....ไม่อยากให้ถึงตอนนั้นก็แค่นั้นครับ แล้วอย่าคิดนะครับว่าผมกำลังแก้ตัว มันไม่ใช่การแก้ตัวจริงๆ นะครับเชื่อผมเถอะ แต่นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว และทุกๆ วันก่อนนอนพี่ทิวาก็โทรมาพูดเรื่องสัญญาจนผมอยากจะตัดสายทิ้งซะให้ได้ แต่ถึงจะคุยกันเรื่องที่ผมไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขครับ
“มึงไม่สบายรึเปล่า เห็นเหงื่อแตกหน้าแดงเชียว”พี่ไนท์ก้มลงมาดูหน้าผมที่ก้มงุดคิดเรื่องฟุ้งซ่านต่างๆ นา ผมถึงกับเด้งนั่งหลังตรงหน้าตั้งทันที
“เปล่าครับผมสบายดี แค่รู้สึกว่าอากาศมันร้อนเท่านั้น”
“งั้นกรูเร่งแอร์ให้.....ติ๊ดๆ”พี่ทิวาเอื้อมมือไปหยิบรีโมทแอร์แล้วกดปรับอุณหภูมิ
ตอนนี้ผมกับพี่ทิวากำลังนั่งพักในช่วงยามบ่ายหลังจากช่วยกันขนพวกของที่ไม่ใช้แล้วในบ้านไปกองไว้ตรงถังขยะ ของส่วนมาจะเป็นพวกหนังสือพิมพ์เก่าๆ ครับ ตั้งไว้แถวนั้นเผื่อจะมีใครมาเก็บเอาไปใช้ประโยชน์
“ขอบคุณครับ...แล้วนี่พี่ไนท์ไม่ออกไปไหนเหรอครับ”
“ขี้เกียจว่ะ...แถมวันนี้ต้องอยู่รับโทรศัพท์แม่ แม่บอกจะโทรมาสุ่มเวลา...กรูไม่อยู่กับมึงที่บ้านก็ซวยอ่ะดิ”พี่ไนท์ทำหน้ายู่ก่อนจะนอนแผ่หลาบนโซฟาตัวยักษ์ที่ประจำของพ่อ ผมมองพี่ไนท์แล้วอดขำไม่ได้ครับ ถ้าแม่ไม่โทรมาดักไว้พี่ไนท์คงบินออกจากกรงไปแล้วล่ะครับ
กริ้งงงงงง! กริ้งงงงงง! กริ้งงงงงง!
“เฮ้ย!”เสียงกริ่งถึงกับทำให้พี่ไนท์ที่เริ่มเคลิ้มจะหลับสะดุ้งเลยครับ ผมเองก็ตกใจนิดหน่อยเหมือนกันจนต้องเหลียวหลังมองลอดผ่านกระจกหน้าต่างไปดูที่ประตูทางเข้าบ้าน
แต่คงไม่ใช่พี่ทิวาหรอกครับ เพราะเมื่อคืนพี่ทิวาบอกว่าจะไปช่วยงานพ่อซึ่งพี่ทิวาบอกว่า‘ไม่ได้อยากทำ แต่โดนบังคับ เบื่อ เซ็ง เกลียด’ตามสไตล์ของพี่ทิวาล่ะครับ แต่ผมก็บอกไปแล้วครับว่างานครอบครัวก็คืองานของเรา ไม่ทำแล้วใครจะทำ นั่นจึงทำให้พี่ทิวาไปทำงานโดยมีผมบังคับไปอีกคน
กริ้งงงงงง! กริ้งงงงงง!
“แม่งใครวะ! คนกำลังเคลิ้มจะหลับ”พี่ไนท์ดูจะหงุดหงิดซะแล้วครับ
“เดี๋ยวผมออกไปดูให้เองครับ”ผมอาสาลุกขึ้น แต่เสียงกริ่งกดมาอีกแล้วครับ
กริ้งงงงงงงง!
“บ้านไม่มีกริ่งให้กดรึไงวะ เสือกกดอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกรูก็ถอดเอาไปให้กดที่บ้านให้สาสมใจ!”
“ใจเย็นๆ ครับพี่ อาจเป็นแขกมีเรื่องสำคัญ”
“รีบมาบอกว่าญาติมันตายรึไง!”
“นะครับพี่ใจเย็นๆ ผมจะไปดูเดี๋ยวนี้แล้ว”ผมพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปดูที่หน้าบ้านทันทีเลยครับ กลัวว่ากริ่งบ้านผมมันจะส่งเสียงดังขึ้นมาจนพี่ไนท์อาละวาด แค่กดปกติไม่เป็นไรหรอกครับ แต่เล่นรบเร้าซะขนาดนั้นคนที่มาคงไม่ใช่ธรรมดาเลยมั้งครับเนี่ย
“มีใครอยู่รึเปล่าเว้ยเฮ้ยยยยย!”
“ยุฮู้วววววววว!”
“อย่าแหกปากได้มั้ยพวกมึง! กรูอายชิบหาย ไม่น่ามากับพวกมึงเลย”
“พี่ดิน พี่กรณ์ พี่วัช!”ผมชะงักกึกเมื่อมองเห็นบุรุษทั้งสามที่ยืนเกาะประตูรั้วบ้านแล้วส่งเสียงร้องเรียกโหวกแหวกดัง
“เดย์! คิดว่าไม่ใช่บ้านนี้ซะแล้วถูกหลังจริงๆ ด้วย”
“กรูเห็นมึงกดซะมันใจ...ที่แท้ก็สุ่มบ้านเหรอวะ! ถ้าไม่ใช้บ้านหลังนี้พวกกรูไม่หน้าแหกเพราะมึงรึไงไอ้กรณ์”พี่วัชกำหมัดแน่นสะกดกลั้นอารมณ์กับเพื่อนตัวเองสุดๆ ครับ ผมเห็นตรงขมับพี่วัชมันเต้นตุบๆ ด้วย แต่ที่กดกริ่งอย่างบ้าคลั่งฝีมือพี่กรณ์เองเหรอครับ เหอะๆ ขอให้เป็นบ้านผมหลังสุดท้ายและครั้งสุดท้ายนะครับพี่ทำแบบนี้....ไม่อย่างนั้นโดนเจ้าของบ้านด่าเปิงหรือไม่ก็อาจถึงขั้นลงไม้ลงมือเลยก็ได้
“เปิดประตูให้พวกเราเข้าไปข้างในหน่อยได้มั้ยเดย์ ยืนคุยแบบนี้มันร้อนนะ”พี่ดินขย่มประตูรั้วเป็นเชิงบอกผม
“อ่ะ! ผมตกใจจนลืมไปซะสนิทเลยครับ ขอโทษนะครับผมจะไปเปิดให้เดี๋ยวนี้เลย”ผมวิ่งไปที่ประตูเล็กก่อนจะเปิดมันออกแล้วเชิญพวกพี่ๆ เข้าไปข้างในบ้าน ดูท่าทางทั้งสามคนยังไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิมเลยครับ พี่ดินกับพี่กรณ์ก็ยังมีกัดๆ กันบ้างตามธรรมเนียมกลุ่ม ส่วนพี่วัชก็ยังนิ่งๆ และเปลี่ยนสีกรอบแว่นเหมือนเดิมครับ วันนี้มาสีชมพูแหววเลยครับ แต่พี่วัชใส่แล้วมันดูดีซะมากกว่าตลก ที่เค้าว่าคนหล่อทำอะไรก็ดูดีผมก็คิดว่ามันคงมีส่วนจริงอยู่บ้าง...
“หืม....บ้านน่าอยู่ดีนะ”พี่กรณ์มองสำรวจไปทั่ว
“ขอบคุณครับ....นั่งพักที่ห้องนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวผมไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้”ผมพาพี่ๆ ไปนั่งเล่นที่ห้องถัดจากห้องพี่ไนท์อยู่ครับเพราะไม่มีที่อื่นแล้ว เพราะถ้าขืนเชื้อเชิญไปห้องนั่งเล่นอีกห้องที่พี่ไนท์อยู่ล่ะก็เป็นเรื่องแน่ๆ
“เอาขนมไปเก็บด้วยนะ แล้วฝากใส่จานมากินหน่อย”พี่กรณ์ยื่นถุงขนมที่เป็นพวกเบเกอร์รี่มาให้ถุงใหญ่ผมยื่นมือรับด้วยความเกรงใจแต่จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เสียน้ำใจครับ
“วันหลังไม่ต้องก็ได้นะครับ แค่มาหาผมก็ดีใจจะแย่แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกพี่ก็อยากมาเห็นความเป็นอยู่ของเดย์บ้าง แต่ดูหน้าตาสดชื่นแบบนี้แล้วพวกพี่ก็สบายใจ”
“ครับพี่ดิน ผมอยู่ที่นี่สบายดี...เอ่อก่อนคุยผมไปเตรียมของก่อนดีกว่า พวกพี่นั่งคุยกันไปก่อนนะครับเดี๋ยวผมมา”
“มา....พี่ช่วยถือ”
“ขอบคุณครับพี่วัช”
“ไปกันเถอะ...จะไปช่วยในครัว”พี่วัชอาสาผมเลยยินดีครับ พี่วัชตอนยิ้มก็ไม่เลวเหมือนกันครับโดยเฉพาะเวลามีแว่นสีชมพูอยู่บนหน้าด้วยแล้วล่ะก็
“รบกวนด้วยนะครับ ^^”
“พวกมึงอย่าซนเข้าใจมั้ย แค่กดกริ่งบ้านเค้าจนจะพังกรูก็เหนื่อยใจและขายหน้าพอแล้ว -_-”
“ครับ/คร๊าบบบบ!”ผมอดขำไม่ได้กับท่าทางของพี่ดินกับพี่กรณ์ที่เชื่อฟังพี่วัชอย่างกับเป็นลูก ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าเพื่อนพี่ทิวาจะน่ารักกันทุกคน นิสัยดีมากๆ เลยด้วย คงเป็นเพราะความโชคดีของผมเราเลยได้เจอกัน ได้รู้จักกันและช่วยเหลือกันและกันแบบนี้
“ขำอะไรน่ะเรา”
“ก็ขำท่าทางของพี่ดินกับพี่กรณ์น่ะครับ ดูเชื่อฟังดี”
“เหอะ! เจ้าพวกนั้นมันตีสองหน้าอย่าไปเชื่อมัน สิ่งที่มันทำกับพูดต่างกันฟ้ากับเหว ถ้ามันเชื่อพี่จริงๆ ล่ะก็เสียงกริ่งที่ได้ยินคงแค่ครั้งเดียง....เจ้าพวกงี่เง่ายังไงก็งี่เง่าอยู่วันยังค้ำ”
“^^ อย่าเครียดเลยนะครับพี่วัช พี่ดินกับพี่กรณ์ก็ดูเป็นคนดี”
“อืม....ก็นะ”ตลอดทางผมกับพี่วัชเราพูดคุยกันสนุกสนานมันทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง พี่วัชเล่าอะไรหลายๆ เรื่องให้ผมได้ฟังตั้งมากมายว่าที่ผมไม่อยู่บ้านพี่ทิวามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ทิวาและพวกพี่ๆ บ้าง แต่ละเรื่องมันทั้งขบขันและน่าปวดหัวทีเดียวเลยครับ ชีวิตอิสระมันก็ดีเหมือนกันนะครับ...อย่างที่พี่ไนท์เป็นอยู่คงจะมีความสุขมิใช่น้อยที่ไปได้ตามที่ใจต้องการ
ผมกับพี่วัชจัดการพวกเครื่องดื่มและขนมใส่จานจนเสร็จก็พากันเดินออกมาจากครัว เราเดินคุยกันไม่หยุดจนผมได้ยินเสียงแว่วๆ มาทางห้องรับแขกที่ผมพาพี่ๆ ไปนั่งพักครับ
“มึงนี่เองที่มีปัญหากับกริ่งบ้านกรู ใครเชิญไม่ทราบวะ!”
“หน๊อยยยย! หาเรื่องกันแบบนี้มาต่อยกับกรูเลยดีกว่ามั้ยห๊ะ ไอ้..ไอ้ปากมอม!”
“เข้ามาดิไอ้เตี้ย.....หรือว่าไม่กล้า”
“ปล่อยไอ้ดินกรูจะซัดไอ้บ้านั่นให้หายซ่าไปเลย!”
ซะซวยแล้วครับพี่ไนท์กับพี่กรณ์กำลังทะเลาะกันใหญ่โตเลย
“หยุดนะครับพี่จะทำอะไรแขกของผม!”ผมวิ่งตาลีตาเหลือกและตะโกนมาแต่ไกล จากการวิ่งของผมด้วยความรีบร้อนถึงกับทำให้ขนมในจานหล่นกระจัดกระจายไปทั่วพื้นเลยครับ เวลานี้ผมไม่สนขนมหรอก แต่ผมสนใจมวยที่กำลังขึ้นชกกันซะมากกว่าครับ ใช่ว่าผมจะไปเกาะของสนามเชียร์แต่ผมจะไปห้ามครับ
“เกิดอะไรขึ้นวะ!”พี่วัชวิ่งตามติดผมมาน้ำผลไม้ในแก้วที่รินมาก็แทบไม่เหลือครับกระฉ่อนออกหมอตั้งแต่วิ่งเข้าโค้งแรก
“ก็ไอ้นี่น่ะสิเข้ามาหาเรื่องกรูก่อน ถามไอ้ดินดูได้!”พี่กรณ์สะบัดตัวจากการล๊อคแขนจากพี่ดินอย่างอารมณ์เสีย ความโกรธของพี่กรณ์ถึงกับทำให้หน้าขาวๆ นั่นเปลี่ยนเป็นสีแดงไปจนถึงใบหูเลยครับ แม้แต่คิ้วยังย่นชนกันจนยุ่งเหยิง
“จริงเหรอครับพี่ไนท์”ผมหันไปถามพี่ชายตัวแสบที่ยืนกอดอกแสดงสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังแอบแหล่ตาไปมองพี่กรณ์แล้วยักคิ้วให้เสียด้วย มีหรือครับที่พี่กรณ์จะไม่เห็นเพราะเจ้าตัวก็เล่นจ้องหน้าพี่ทิวาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออยู่แล้วครับ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเลยพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยให้บรรยากาศมันหายตึงเครียด
“เอ่อ....ผมว่าอย่าทะเลาะเลยนะครับมากินขนมกันดีกว่าผมใส่จานมาเยอะแยะเลยครับนี่ไง^*^”ผมยื่นจานขนมสองจานที่จานหนึ่งเป็นคุกกี้ อีกจานเป็นพายผลไม้มาข้างหน้าแต่ปรากฏว่าคุกกี้เหลือสี่ชิ้นครึ่ง และพายผลไม้ไม่เหลือสักชิ้นเดียว
“กรูไม่กินของ‘ต่ำๆ เล็กๆ’ที่ไม่ได้มาตรฐานหรอกนะ”พี่ไนท์เริ่มอีกแล้วครับ
“มึงพูดกระแทกกรูรึไงวะ!”
“อ่า....คือว่าเดี๋ยวผมไปเอามาใหม่ดีกว่านะครับท่าทางจะหกหมดแล้ว พี่ไนท์ไปช่วยผมถือหน่อยนะครับ!”ผมลากพี่ไนท์ที่ยืนแต๊ะท่าหาเรื่องชาวบ้านชาวช่องเค้าไปทั่วให้ไปกับผมด้วย ผมพยายามส่งซิกทางสายตาให้พี่วัชเข้าไปดูเหตุการณ์ของอีกด้านหนึ่ง
ไม่น่าเลยครับ.....แล้วแบบนี้จะมีใครกล้าคบค้าสมาคมกับผมได้ล่ะครับก็พี่ไนท์เล่นกัดไม่เลือกแบบนี้ T^T
“พี่ไนท์ครับทำไมพี่ไปว่าพี่กรณ์เค้าแบบนั้นล่ะครับ ไม่เห็นรึไงครับว่าพี่กรณ์โกรธขนาดไหน”
“ก็มัน.....”
“พี่กรณ์ทำไมครับ?”
“ก็ไม่ทำไม”พี่ไนท์หันหลังให้ผมก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบแอปเปิ้ลลูกสีแดงมากัดไปคำโตแล้วทอดสายตามองออกไปนอนหน้าต่างห้องครัว....เสมือนบรรยากาศ ณ ขนาดนี้สบายๆ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แต่ผมว่าพี่ไนท์จะไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองก่อเกินไปแล้วนะครับ
“ไม่ทำไมแล้วพี่ไนท์ทำแบบนั้นทำไมครับ”ผมเปิดตู้เย็นอีกรอบก่อนจะหยิบน้ำผลไม้ที่เหลือจากการรินไปรอบแรกมารินใส่แก้วใบใหม่ตามจำนวนคนเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“ก็มันสนุกดี....จะทำไม”
เคร้ง!
“ผมไม่สนุกด้วยนะครับ!”ผมกระแทกจานใบใหม่เอี่ยมลงบนเคาเตอร์แล้วหันไปมองพี่ชายตัวเองที่ไร้เหตุผลเหมือนใครบางคนเข้าทุกที
“มันทำตัวน่าแกล้งนี่หว่า ตอนแรกกรูก็ไม่อะไรหรอกนะ....แค่ไปด่ามันเฉยๆ เอามันส์ ที่มันกล้าทำเสียงรบกวนกรู......คนกำลังเคลิ้ม พอกรูด่ามันหูกับหางมันก็ชี้ดูแล้วสะใจชอบกล หึหึๆ”
“หยุดหัวเราะแบบนั้นนะครับ ผมไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหนที่แกล้งคนให้อารมณ์ไม่ดี แล้วเดี๋ยวพี่ไนท์ก็ช่วยทำตัวดีๆ กับแขกของผมด้วยนะครับถ้ายังไม่อยากโดนฟ้องแม่ว่าพี่แอบหนีเที่ยวจนไม่กลับบ้านบ่อย จนถึงบ่อยที่สุด!”
“ก็แค่ไอ้เตี้ยนั้นมึงถึงกับจะฟ้อง.....”
“พี่อยากให้ผมโกรธพี่จริงๆ เหรอครับ เป็นเด็กดีหน่อยสิครับพี่”ผมยื่นจานสองใบพร้อมขนมชุดใหม่ให้พี่ไนท์ช่วยถืออย่างบังคับ ส่วนพี่ไนท์ก็ได้แต่ยืนทำตาโตมองผมแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ดีครับ...แล้วช่วยต้อนรับแขกของผมอย่างมีมารยาทด้วยนะครับพี่”
ผมพูดเสร็จก็เดินออกมาเลยครับ ก่อนที่พี่ไนท์จะเดินเร็วตามหลังผมมาติดๆ
“มันไม่แฟร์....”พี่ไนท์กำลังจะเถียงผมอีกครัง
“แล้วยังไงครับ.......ผมกำลังให้พี่แก้ตัวอยู่นะครับ จะทำหรือไม่ทำครับ”ผมมองพี่ไนท์ด้วยสายตานิ่งก่อนที่พี่ไนท์จะทำท่าสะกดกลั้นคำพูดและการกระทำของตัวเองสุดๆ ครับ
“อึ๊ย.......เออ!”
อยากจะหลุดขำครับ......แต่ทำไม่ได้ ก็ท่าทางแบบนั้นมันเหมือนพี่ไนท์กำลังจะระเบิดแต่ทำไม่ได้...คงอึดอัดน่าดูสินะครับ แต่ถือว่าเป็นการฝึกสงบจิตสงบใจรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองซะบ้างคงไม่เป็นไรหรอกครับ.....ทนหน่อยนะครับพี่ ผมเป็นกำลังใจให้
“น้ำกับขนมมาแล้วครับ ^^”ผมเอาน้ำมาวางไว้ตรงโต๊ะเล็กก่อนจะตามด้วยขนมที่พี่ไนท์ถือมา ผมแอบเหลือบไปมองพี่กรณ์ที่นั่งอยู่ตรงมุมๆ หนึ่งของห้องด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ครับ ดูจะไม่มีความสุขเอาซะเลย
“ขอบคุณมากเดย์ มานั่งกินนั่งคุยด้วยกันสิ”พี่ดินขยับที่ให้ผมนั่งครับ ส่วนพี่ไนท์ก็นั่งตรงโซฟาเดี่ยว คงไม่ค่อยจะมีใครกล้าขยับที่ให้พี่ไนท์มานั่งด้วยในสถานการณ์แบบนี้หรอกครับ
“ครับ....”
“..........”
“..........”
พอผมนั่งทุกคนในห้องก็เงียบกันหมดเลยครับ พี่ไนท์ก็นั่งหน้าไม่รับแขก พี่ดินก็นั่งมองหน้ากับพี่วัชสลับกันไปมา ส่วนพี่กรณ์ก็ปลีกวิเวกไปนั่งมุมห้องอับๆ เป็นพื้นที่ส่วนตัวแล้วหันหน้าเข้าผนังไม่พูดไม่จากับใคร คงจะโกรธพี่ไนท์น่าดูเลยครับ บรรยากาศหดหู่แบบนี้เลยพลอยทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจไปด้วยเลยครับ พี่ๆ มาเยี่ยมผมแท้ๆ แต่ผมกลับต้อนรับไม่ดีเอาซะเลยแถมยังเกิดเรื่องขึ้นมาซะได้
“เดี๋ยวขนมก็ชืดหมด....กินเถอะ^^”พี่ดินหยิบคุกกี้ให้ผมชิ้นหนึ่งผมรับมันมาก่อนจะผงกหัวเป็นการของคุณแล้วกัดมันเข้าปากแบบไม่พูดไม่จา
“อันนี้ก็อร่อยนะ พี่เคยกินมาแล้ว”พี่วัชก็ยื่นขนมปังกรอบให้ผมอีกอันครับ ผมรับมาอย่างรู้สึกของคุณ แต่ตอนนี้แค่คุ๊กกี้คำเดียวก็ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากกินอะไรแล้ว
“ขอบคุณครับ.....เอ่อ....ผมขอโทษพี่ๆ ด้วยนะครับที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น ทั้งๆ ที่อุตส่าห์แวะมาเยี่ยมผมแท้ๆ แถมยังเอาขนมอร่อยๆ มาฝากผมอีก....”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกน้องเดย์ ไม่ใช่ความผิดอะไรสักหน่อย...ใช่มั้ยไอ้วัช! กินเถอะๆ ขนมอร่อยไม่ใช่เหรอ”พี่ดินหยิบคุ๊กกี้แล้วก็ขนมปังกรอบยัดใส่ปากตัวเองจนล้นก่อนจะเคี้ยวๆ เหมือนไม่สนใจอะไร แต่ผมรู้ครับว่าทุกคนก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีเหมือนกัน
“เห้อ~........”จู่ๆ พี่ไนท์ที่นั่งเงียบก็ถอนหายใจออกมาจนทุกคนได้ยินกันหมดแล้วยืนขึ้นอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนไม่รู้สึกกดดันหรืออะไรทั้งสิ้น ผมเงยหน้ามองพี่ไนท์อย่างสงสัยครับว่าพี่ไนท์คิดจะทำอะไรอีก
“มีอะไรเหรอครับพี่......”เสียงผมอ่อน ถามพี่ไนท์ที่หันไปมองพี่กรณ์แล้วไม่พูดอะไร
ตอนนี้พี่กรณ์คงกำลังปรับอารมณ์ของตัวเองอยู่ล่ะมั้งครับเลยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับใครทั้งนั้น ยังคงนั่งหันหน้าเข้าผนังเหมือนเดิม รู้สึกผิดนิดๆ ครับทั้งที่ปกติพี่กรณ์จะสดชื่นแจ่มใสได้ตลอดเวลา แต่อยู่ๆ ก็ต้องเหงาซึมไปเป็นเพราะพี่ผมแท้ๆ
“พวกมึงออกไปให้หมด!”สิ่งที่พี่ไนท์พูดถึงกับทำให้ผมตกใจครับ พี่ไนท์จะไล่พวกพี่ๆ งั้นเหรอครับ“ยกเว้นไอ้....เอ่อ....หมอนั่น”พี่ไนท์ชี้ไปที่พี่กรณ์ที่หันหน้ามามองพี่ไนท์ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ครับ
“พะพี่คิดจะทำอะไรน่ะครับ O_O”
“กรูไม่ฆ่ามันหรอกนา....แค่จะปรับความเข้าใจอะไรนิดๆ หน่อยก็แค่นั้น.....หรือมึงกลัว ถ้ากลัวกรูนักก็ไม่ต้องก็ได้นะ”พี่ไนท์หันไปพูดกับพี่กรณ์ที่ลุกขึ้นยืนไม่ไหวติ่ง พี่กรณ์ดูมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย
“กรูไม่ได้กลัว มีอะไรก็ว่ามาเลย”แต่ละคนดูไม่ยอมแพ้กันแบบนี้ผมไม่สบายใจเอาซะเลยครับ
“แต่ว่าพี่ครับ....”
“กรูสัญญาว่าจะไม่มีเรื่อง โอเคมั้ย!”
ผมพี่ดินแล้วก็พี่วัชต่างมองหน้ากันสลับไปมาก่อนที่พวกเราจะตัดสินใจเดินออกมาจากห้อง ซึ่งทิ้งพี่ไนท์กับพี่กรณ์ให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันครับ มันก็ดีอยู่หรอกนะครับสำหรับการปรับความเข้าใจกับสิ่งที่ไม่ลงรอยกัน ซึ่งผมไม่รู้ว่าพวกพี่ๆ เค้าจะไม่ถูกกันขนาดนั้นเพราะอะไรกันแน่ แต่ผมภาวนาครับว่าขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
ปึง!
“พะพี่ไนท์!”หลังจากที่พวกเราเดินออกมากันหมดพี่ไนท์ก็ปิดประตูไล่หลังผมเลยครับ แถมยังล๊อคด้วย“ล๊อคทำไมครับพี่! ปึงๆ !”ผมทุบประตูอย่างตกใจครับ ไม่ไว้ใจเลยครับพูดกันตามตรง.......คนที่ผมไม่ไว้ใจคือพี่ไนท์ไม่ใช่พี่กรณ์หรอกครับผมรู้นิสัยพี่ไนท์ดี
“เดย์ๆ อย่าเลย”พี่วัชคว้ามือผมไว้เมื่อผมทำท่าจะทุบประตูอีกครั้ง
“ก็พี่ไนท์....”
“พี่รู้ว่าเดย์เป็นห่วงทางนั้น แต่จะไม่ยอมเชื่อใจพี่ชายตัวเองดูสักครั้งเลยเหรอ.....เชื่อพี่เถอะว่าสองคนนั้นจะกลับออกมาด้วยความเข้าใจ”
“มันเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ รึเปล่าครับ”
“อาจจะใช่....”
“ไอ้ดิน!”
“เค้าไม่ได้พูดอะไรนะ....คะเค้า...เค้าไปหาที่นั่งรอที่อื่นดีกว่า”ว่าแล้วพี่ดินก็เดินหายไปเลยครับไม่รู้ว่าไปทะลุส่วนไหนของบ้าน เพราะเมื่อกี้ผมแอบเห็นพี่วัชส่งสายตาดุไปใส่พี่ดิน ยิ่งเป็นแบบนี้ผมยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่เลย
ทำไงดีครับ? ผมควรจะพังประตูเข้าไปตอนนี้เลยดีรึเปล่า ร้อนใจมากๆ
“เราก็ไปหาที่นั่งคอยฟังข่าวดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นของพวกเค้ากันเถอะนะ”มือใหญ่ของพี่วัชคว้าแขนผมก่อนจะลากผมออกไปจากบริเวณหน้าห้อง ผมหันหลังมองประตูบานนั้นอย่างเป็นห่วง พะว้าพะวังถึงพี่กรณ์จนไม่มีกระจิตกระใจจะคิดจะทำอะไรแล้วล่ะครับ
ในที่สุดก็เข็ญตอนที่ 25 ออกมาทัน คิดว่าคงจะไม่ได้อัพซะแล้วเพราะรู้สึกจะปั่นไม่ทันแต่ก็ทันจนได้โล่งเลย
วันนี้ข้าพเจ้าจะเดินทางไปทำธุระที่มหาลัย แต่มันจะไม่ลำบากเล้ยถ้าตอนนี้ไม่อยู่ต่างจังหวัด แต่ปิดเทอมก็ต้องกลับบ้านสิ ><
เลยต้องนั่งรถเข้ากรุงฯ(บ้านนอกของแท้ 555+) บ้านก็อยู่ไกลเซ็งเลย อดเล่นคอมเลยอ่ะ
(เป็นพวกขาดคอมแล้วจะตาย(ตื๊ด)ขึ้นมา)
แต่ยังไงอยากจะบอกว่าให้รอนะฮับ จะมาอัพปกติเมื่อคิดถึงกันฮับ
แต่ตอนหน้าส่อแววว่าจะจัดไป(เกือบเต็ม)สำหรับพี่ไนท์กับพี่กรณ์ อย่าลืมมาให้กำลังใจกันนะฮับ
ปล.1 ขอบคุณทุกรีนะฮับที่ฝ่าฟันอุปสรรค์มาด้วยกันจนถึงตอนที่ 25 แล้ว มันไม่ใช่น้อยๆ เลยฮับสำหรับข้าพเจ้าที่จะพยายามเสม่ำเสมอแบบนี้
ปล.2 ขอแสดงความดีใจด้วยนะฮับสำหรับท่านที่เก็บอ่านทันจนถึงตอนนี้ ความพยายามเปี่ยมล้มจริงๆ ฮับ
ปล.3 นี่อาจไม่ใช่นิยายที่ดีพอ แต่ขอให้รับไว้พิจารณาในอ้อมอกด้วยนะฮับ(ทิ้งไว้ได้เน่าอีกแล้ว
)
ปล.4 บางคนคิดในใจว่าจะ ปล. อะไรนักหนาบ้ารึเปล่า!
สารภาพตรงนี้เลยฮับว่า บ้า ปล.
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะฮับ
(จริงๆ อยากคุยมากกว่านี้แต่กลัวจะอ้วกกันซะก่อน ฮาๆ)