"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 570634 ครั้ง)

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านนะคะ

atommic

  • บุคคลทั่วไป
รักคนที่เค้ารักเราเถอะคุณฟ้า o13

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 16

~~ตุ๊บ!~~

ไม่ต้องแปลกใจว่าเสียงอะไร ตัวผมเองครับ คุณหมอพิษณุที่กลิ้งตกมาจากเตียง เพราะแรงถีบจากเท้าเจ้าของเตียง ตื่นเต็มตาเลยทีเดียว สาบานได้ว่าผมยังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรที่ชวนให้คุณฟ้ายันผมตกเตียงอย่างแน่นอน ผมนอนอยู่เฉยๆ แล้วโดนถีบอย่างแรง

จำได้ขึ้นมาทันที เรื่องที่คุณฟ้าเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ คุณฟ้าเคยบอกว่า ‘เคยนอนถีบคนตกเตียงมาแล้ว’

เชื่อแล้วครับว่าจริง พิสูจน์ด้วยตัวเอง โดนจริง กระแทกจริง เจ็บจริง ผมยันตัวเองลุกขึ้น เจ็บนิดๆ ท่าทางคนถีบจะไม่รู้ตัว ยังนอนอยู่ในผ้าห่ม แขนขาวๆ พ้นออกมาจากผ้าห่มเพียงข้างเดียวจากท่านอนตะแคง ผมมองนาฬิกาทรงสีเหลี่ยมสีเหลืองอ่อนที่แขวนอยู่ใกล้ประตูห้อง หกโมงเช้าแล้ว เวลาปกติที่ผมมักตื่นเสมอ จากคอนโดคุณฟ้าถึงที่ทำงานไม่น่าจะถึงสิบนาที ผมไม่จำเป็นต้องรีบตื่น นอนกอดคนน่ารักคนนี้ได้อีกตั้งชั่วโมงสองชั่วโมง แถมวันนี้ยังเป็นวันหยุดของผมอีกด้วย คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า ไม่อยากกวนคนนอน ไปอาบน้ำแต่งตัวหาอะไรให้คุณฟ้าทานเป็นอาหารเช้าน่าจะดี เอาใจคนน่ารักของผมซะหน่อย หลังจากที่เมื่อวานผมกวนคุณฟ้าไปเยอะ

ผมเดินลงไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่อยู่ท้ายรถ มีเสื้อกับกางตัวที่ยังไม่ได้ใส่เพราะมีเหตุให้ต้องกลับจากต่างจังหวัดก่อนกำหนด เรื่องอิงกับหนึ่ง ผมลืมไปเลยว่าไม่ได้ติดต่อเพื่อนหลังจากออกจากรีสอร์ทนั่น ตอนนี้มันก็แค่หกโมงเช้า ไม่โทรไปรบกวนมันดีกว่า เอาไว้สายๆ ค่อยโทร

ผมเดินกลับขึ้นมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า เรื่องที่คิดจะหาข้าวเช้าให้คุณฟ้าทานตอนตื่น พับเก็บไปแล้วเพราะนึกขึ้นมาได้ว่า
 เช้าๆ คุณฟ้ามักจะทานข้าวกับสาวยีนและเด็กแดน ผมเห็นบ่อย แล้วสาวยีนก็บอกด้วยว่าพี่ฟ้าของเธอ ซื้อข้าวมาฝากทุกเช้า
ฉะนั้น ผมไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องข้าวเช้าของคุณฟ้า ให้คุณฟ้าใช้ชีวิตตอนเช้าเหมือนปกติแล้วกัน เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมเข้ามายุ่ง
ทำให้ชีวิตของคุณฟ้าเปลี่ยนไป ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ผมก็ควรใส่ใจ

เปิดประตูเข้าไปในห้อง คุณฟ้ายังไม่ตื่น เลยเดินเข้าไปอาบน้ำ อาบเสร็จจนแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว คุณฟ้าก็ยังไม่ตื่น มองดูนาฬิกาอีกสองสามนาทีจะเจ็ดโมงแล้ว ผมตัดสินใจปลุกคุณฟ้า กลัวตื่นไปทำงานสาย

“คุณฟ้าครับ” ผมนั่งลงข้างๆ เขย่าแขนเล็กเบาๆ ยังไม่ตื่น ไม่กระดุกกระดิกเลย ผมเขย่าแขนคุณฟ้าอยู่นานกว่าจะปรือตาขึ้นมามอง คุณฟ้าเป็นคนที่หลับลึกจริงๆ

“ฮ่าา....” มือเล็กปิดปากหาว บิดตัวไปทางซ้ายแล้วมาทางขวา หน้าที่เพิ่งตื่นเหมือนเด็กน้อย ตาก็ใสแจ๋วเหมือนคนจำความอะไรไม่ได้ กระพริบตาปริบๆ มองผมอยู่สักพัก คงประมวลผลได้แล้วว่าผมมาอยู่บนเตียงเดียวกับตัวเองได้ไง

“เจ็ดโมงแล้วครับ” ผมบอก

“ทุกทีตื่นเจ็ดโมงครึ่งครับ” แน่ะ มีบอกเป็นนัยๆ ว่าผมปลุกก่อนเวลา

“ไม่รู้นี่ครับ เห็นว่ามันสายแล้ว เลยปลุก” คนมันไม่รู้จริงๆ

“สายที่ไหน ยังเช้าอยู่เลย เนี้ยๆๆ จะปลุกทำไมก็ไม่รู้” คนตรงหน้าบ่นได้น่ารักน่าฟัดมาก เพราะมือที่ชี้ไปที่นาฬิกา เพราะปากที่ยื่นเหมือนจะขัดใจ แล้วไอ้อาการสะบัดผ้าห่มออกจากตัวอย่างไม่เกรงกลัวสายตาโลมเลียของผม ก็เนื้อตัวของคุณฟ้ามีแค่รอยจ้ำแดงที่ผมฝากเอาไว้กับกางเกงในสีเนื้อห่อหุ้มอยู่เท่านั้นเองนี่

ใครจะอดใจไหว...

แต่ผมไหว ปล่อยให้คุณฟ้าเดินลงส้นเท้าหนักๆ เข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็ได้แค่มองตามก้นเล็กๆ เหมือนพวกโรคจิตอ่อนๆ ก่อนหันมาพับเก็บที่นอนให้คนน่ารัก อาศัยบ้านเค้าอยู่นี่น่าเลยต้องดูแลความเรียบร้อยให้ แลกกับที่หลับนอนสบายๆ มีตัวอุ่นๆ ให้กอด มันคุ้ม แถมคุ้มมากอีกด้วย

และแล้วผมต้องอึ้งครับ หันไปมองคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา มีผ้าขนหนูผืนใหญ่พันอยู่ที่เอว กับผ้าผืนเล็กวางโป๊ะอยู่ที่หัวกลมเปียกน้ำ เวลาไม่ถึงสิบนาที เอ้า...มากที่สุดผมให้แปดนาทีละกัน ที่คุณฟ้าหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับออกมาในสภาพที่ผมเห็น

อาบน้ำได้เร็วมาก...

ไม่น่าล่ะ ถึงบอกผมว่าตื่นเจ็ดโมงครึ่งทุกวัน อาบน้ำเร็วอย่างนี้นี่เอง ตอนที่รีสอร์ทก็ไม่เร็วขนาดนี้นะ

“มองอะไรครับ” ถามเสียงขุ่น คงยังไม่เลิกเคืองผม

“เปล่าครับ มาครับ ผมเป่าให้” ผมวางมือจากกองหนังสือบนโต๊ะ ก่อนหน้านี้ผมเห็นว่ามันรกได้ใจเลยช่วยจัดให้เป็นระเบียบ เดินมาหาคุณฟ้าที่หน้าโต๊ะกระจก

“เป่าเองก็ได้ครับ” คุณฟ้าบอก แต่ไม่ทันแล้ว ไดร์อยู่ในมือผม ผมจัดการเปิดเครื่องทำงาน ขยี้กลุ่มผมหนานุ่มมือไปมา โดยเจ้าตัวก็ยืนให้ผมช่วยแต่โดยดี หน้าตาเริ่มดีขึ้น หยิบครีมขึ้นมาทาหน้าตัวเองไปพลางๆ

กลิ่นหอมจากเนื้อตัวหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ลอยมาเตะจมูก หอมมาก หอมจนอยากกอด

“คุณหมอ!”

ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคุณฟ้าถึงเรียกผมซะเสียงดังฟังชัดขนาดนี้ ก็พอผมคุณฟ้าแห้ง ผมก็ขอค่าจ้างเป็นแก้มนุ่มๆ ไปที กลิ่นครีมหอมๆ ทำให้แก้มที่ผมก้มจูบไปหอมยกกำลังสองเลยครับ

“ค่าจ้างครับ”

“ชิส์” คนน่ารักทำเสียงขัดใจ ก่อนจะไล่ผมออกไปไกลๆ เพราะเจ้าตัวจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมไม่กวนครับ รุ่มร่ามเอาแต่ได้เกินไป เดี๋ยวคุณฟ้าจะหงุดหงิดเสียก่อน


ผมเดินกลับมาจัดหนังสือกับข้าวของบนโต๊ะคุณฟ้าอีกครั้ง มันเป็นระเบียบขึ้นเยอะหลังจากที่ผมจัดเสร็จ แล้วก็เป็นจังหวะที่คุณฟ้าเดินเข้ามาใกล้

“ขอบคุณครับ”

ไม่คิดว่าคำขอบคุณจะมาพร้อมปากเล็กๆ ที่ชนแก้มผมเบาๆ แล้วเจ้าของปากนั่นก็รีบเดินออกจากห้องไปเลย ถ้าช้ากว่านี้ ผมได้จับตัวทุ่มลงไปบนเตียงแน่ๆ

....เสียดายซะมัด
.

.

.

.

.

.

“ของคุณหมอสองถุงพอไหมครับ” คนน่ารักที่ขโมยจูบแก้มผมไปเมื่อครู่หันกลับมาถาม เมื่อเดินมาถึงร้านโจ๊กข้างถนนที่เดินเลยคอนโดคุณฟ้ามาประมาณห้าสิบเมตร ไม่ไกลเท่าไหร่

....หมายความว่าเช้านี้ผมจะได้ร่วมโต๊ะทานข้าวกับคุณฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย

“พอครับ” ยิ้มแก้มจะฉีกแล้ว ขณะที่คุณฟ้าหันไปสั่งอาแปะเอาโจ๊ก 6 ถุง

“คุณหมอรอโจ๊กอยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมมา”

“ไปไหนครับ” เห็นคุณฟ้ามองไปฝั่งตรงข้าม

“ไปซื้อหมูปิ้งครับ เดี๋ยวมา” ว่าแล้วก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ผมมองตามแผ่นหลังที่เดินไปต่อคิวซื้อหมูปิ้ง คนต่อแถวยาวมาก เห็นแล้วอยากไปต่อคิวเป็นเพื่อนคุณฟ้า อาเปะเหมือนรู้ใจยื่นถุงโจ๊กให้ผมทันที

‘อาตี๋ 120’ อาแปะเรียกผมว่าอาตี๋ หน้าผมออกจะไทยแท้

“อาแปะ รอแป๊บนะครับ ผมขอไปเอาเงินก่อน” ตอนล้วงเข้าไปในกระเป๋าถึงรู้ว่าตัวเองไม่มีเงินสักบาทติดตัว กระเป๋าเงินผมอยู่ในรถตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อาแปะแกไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังตั้งหน้าตั้งตาตักโจ๊กใส่ถุงให้ลูกค้าคนอื่นต่อ  ผมวางถุงโจ๊กไว้ที่รถเข็นแล้วเดินข้ามถนนไปหาคุณฟ้า

ผมสะกิดแขนคุณฟ้าเบาๆ

“ครับ” คุณฟ้าหันมา คงสงสัยว่าผมตามมาทำไม

“คือผมไม่ได้หยิบกระเป๋าเงินมาน่ะครับ”

“ครับๆ ผมลืมไป” แล้วแบงค์ร้อยสองใบจากกระเป๋าของคุณฟ้าก็มาวางแมะอยู่บนมือผม เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อค้าหมูปิ้งเงยหน้าจากเตาขึ้นมาถามคุณฟ้า

“เอากี่ไม้นะคุณ”

“ห้าสิบครับ”

“ข้าวเหนียวล่ะ”

“ไม่ครับ”

เห็นว่าเป็นคิวของคุณฟ้าแล้ว ผมเลยยืนรอเป็นเพื่อน นึกๆ ไปแล้วเหมือนผมกำลังใช้กระเป๋าใบเดียวกับคุณฟ้า เป็นแบบนี้ทุกวันคงดี ตื่นเช้าก็เห็นหน้าคุณฟ้าเป็นคนแรก เดินมาซื้อข้าวเช้าด้วยกัน ใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน กินข้าวเช้าด้วยกัน กินข้าวเที่ยงด้วยกัน กินข้าวเย็นด้วย ครบทั้งสามมื้อ ยังไงที่ทำงานของผมกับคุณฟ้าก็ใกล้กันแค่นี้ คิดถึงก็เดินไปหาได้ง่าย กลับบ้านก็กลับพร้อมกันได้อีก (ยกเว้นวันที่ผมต้องอยู่เวรดึก คลินิกผมปิดเที่ยงคืนครับ) แล้วก่อนนอนก็เห็นคุณฟ้าเป็นคนสุดท้าย

...คิดแล้วมีความสุข

“ยิ้มอะไรครับคุณหมอ” กำลังฝันเพลินๆ เสียงคุณฟ้าก็ปลุกผมตื่นจากความฝันซะได้

“ยิ้มเพราะมีความสุขครับ” คำตอบแบบเดิมๆ ของผม มาพร้อมกับมือคุณฟ้าที่ยื่นไปรับเงินทอนจากพ่อค้าหมูปิ้ง

“แล้วทำไมยังไม่เอาเงินไปจ่ายค่าโจ๊กล่ะครับ” พูดเหมือนบ่น พลางหยิบหมูปิ้งขึ้นมาไม้หนึ่ง กัดไปคำหนึ่ง แล้วคงเห็นผมมอง แล้วคงคิดว่าผมอยากกิน ถึงได้หยิบหมูปิ้งขึ้นมาอีกไม้ ส่งให้ผม ผมไม่ได้อยากกิน ที่มองคุณฟ้ากินก็เพราะน่ารักดี คนน่ารักทำอะไรก็น่ารักครับ ผมเลยชอบมอง...

“ป้อน” ผมพูดเบาๆ ชักติดนิสัยหน้าด้านเข้าไปทุกที ทำไงได้ ผมเป็นกับคุณฟ้าคนเดียว

“คนเยอะแยะ” ไม่ได้ปฏิเสธแบบตรงๆ แต่ก็ไม่ได้ไร้เยื่อใยให้ผมท้อ ที่คุณฟ้าพูดออกมามันก็จริง คนเยอะแยะต่อคิวซื้อกันยาวเหยียด ขืนป้อนหมูปิ้งให้ผมจริงๆ คงได้กลายเป็นดาวเด่นข้างทางกันสองคนแน่ๆ

“งั้นไปป้อนที่ร้านนะครับ” ผมยังหน้าทนและพยายามด้านต่อไป ขณะที่คุณฟ้าทำปากมุบมิบ คาดว่าด่าผมแบบไม่ออกเสียง ใครจะสน ของอย่างนี้ด้านได้อายอด เคยอดมาแล้วครั้งหนึ่ง (ตอนน้องลม) คราวนี้กับคนๆ นี้ไม่ขออดแล้วล่ะ

ระหว่างคุณนนท์กับคุณฟ้า ไม่น่าจะรีเทิร์นกันได้ ฉะนั้น ผมของพุ่งตรงชนิดไม่หลบไม่หลีกอะไรให้เสียโอกาสดีๆ ก็ได้คุณฟ้ามาทั้งตัวแล้ว ที่เหลือก็แค่ตรงที่คุณฟ้าบอกว่า
 ‘ผมเข้าไปไม่ได้’

....ผมจะเข้าไปให้ดู

“จะยืนทำหน้าพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสอีกนานไหมครับคุณหมอ โจ๊กมันเย็นหมดแล้ว  ให้เงินแล้วน่าจะรีบเอาไปให้อาแปะเค้า...” แล้วคุณฟ้าก็บ่นต่ออีกรอบ  ดึงเงินในมือผมไป เดินข้ามถนนไปหาอาแปะ ทิ้งให้ผมยืนมองแล้วยิ้มตาม

มีความสุข...มีความสุขมาก...อยากให้เป็นอย่างนี้ทุกวัน....

มีผม มีคุณฟ้า มีเรา...สองคน

.

.

.

.

.

“มาเช้านะคะวันนี้พี่ฟ้า...อุ๊ย  คุณหมอ มาได้ไงคะเนี้ย อย่าบอกนะว่า.....” สาวยีนส่งเสียงทักทายคุณฟ้ามาแต่ไกล ก่อนจะลากเสียงยาว ทำตาล้อ เมื่อเห็นผมเดินถือถ้วยเปล่าตามหลังคุณฟ้าออกมาจากห้องครัว

คุณฟ้าดูจะสนใจโจ๊กในมือมากกว่าลูกน้องสาวที่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ด้วยการตั้งท่าแซว

“รึว่าพี่ฟ้ากับคุณหมอกิ๊กกันแล้วใช่ไหม.....” เจ้าตัวว่า มองหน้าผมสลับกับเจ้านายตัวเอง ผมแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เจ้านายลูกน้องเค้าคุยกันเองดีกว่า ความจริงผมก็ไม่ใช่จะหน้าด้านมากมายอะไร รู้จังหวะที่จะหน้าด้านหน้าทนตอนอยู่กับคุณฟ้าสองคนเท่านั้นแหละ เวลาที่มีคนอื่นอยู่ด้วย ผมก็ต้องทำตัวเป็นคุณหมอสัตว์ใจดี เว้นระยะให้คุณฟ้าได้หายใจบ้าง รุกมากเกินไปผมอาจจะกินแห้วได้

“อย่าเงียบสิค้าาา พี่ฟ้า งุบงิบไม่บอกบาปนะคะ”

“เวอร์ไปยีน เอ้า..เอาไป มีหมูปิ้งด้วยนะ” คุณฟ้าเลื่อนถ้วยโจ๊กที่เทโจ๊กถึงสองถุงให้กับสาวยีน พร้อมกับหมูปิ้งถุงใหญ่

“....คุณหมอคะ กิ๊กกันแล้วใช่ไหม” สาวยีนตักโจ๊กเข้าปากคำหนึ่ง แล้วหันเค้นความจากผมแทน ขณะที่คุณฟ้าเลื่อนถ้วยโจ๊กอีกใบมาให้ผม

“.......”

ผมไม่ตอบคำ ตักโจ๊กเข้าปาก ปล่อยให้สาวยีนทำหน้ายุ่งขัดใจที่ไม่มีใครตอบคำถามของตัวเอง  ผมเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว พอไม่พูด สาวยีนก็คงไม่อยากจะเซ้าซี้  แต่ผมคิดว่าสาวยีนก็น่าจะพอรู้คำตอบอยู่บ้าง ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นผมจะมานั่งในร้านเชิญครับ ร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับคุณฟ้าได้ไง  ถ้าไม่เกิดความพิเศษระหว่างเราสองคน

“ซอสไหมครับคุณหมอ”  ตักโจ๊กเข้าปากไปหลายคำแล้วครับ ตอนคุณฟ้าถาม คงเพราะเจ้าตัวกำลังเทซอสใส่ในถ้วยของตัวเองเสร็จพอดี

“ดีเหมือนกันครับ” ผมเลื่อนถ้วยโจ๊กไปใกล้มือคุณฟ้า

“เอาเยอะไหมครับ”

“ตามใจคุณฟ้าครับ” มีความสุขที่คุณฟ้าใส่ใจผม ต่อให้เททั้งขวด ผมก็กินได้ กินซอสเปล่าๆ ก็ยังได้

“แหมๆ บริการกันดีจังนะคะ ทียีนไม่เห็นถาม”  เสียงแซวมาจากสาวยีนที่เคี้ยวหมูปิ้งอยู่ในปาก สายตานี้คิดไปไกลแล้ว
แต่คงไม่ไกลเท่ากับความจริงที่เป็นหรอก  คงคิดไม่ถึงว่าผมกับคุณฟ้าไปไกลมากๆ แล้ว

“ทุกทีไม่ใส่ไม่ใช่เหรอ”  คุณฟ้าว่า วางขวดซอสลง หยิบหมูปิ้งกินจนหมดไม้

“ไม่ต้องมาเฉไฉเลยค่ะ  นึกเหรอว่ายีนดูไม่ออก แล้วรอยนั่น.....”

...เคล้ง....

ไม่ต้องรอให้สาวยีนพูดจบ ช้อนในมือคุณฟ้าที่กำลังจะตักโจ๊กเข้าปากถึงกับหลุดมือ ทุกคนอยู่ในความเงียบ ผมกับคุณฟ้าหันมามองหน้ากัน

คุณฟ้ามองผมด้วยสายตาอาฆาต ส่วนผม มองคุณฟ้าด้วยสายตาขอลุแก่โทษ ตอนทำไม่ทันคิดครับว่าจะมีใครเห็น คิดแค่ว่าจะตีตราจอง  แล้วมือขาวๆ ที่จับต้นคอนั้นก็ไม่ใช่จะช่วยอะไรได้เลย เพราะปิดผิดจุด มันอยู่คนละข้างกัน

สาวยีนหัวเราะเบาๆ สมใจ ยกโจ๊กของตัวเองไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง ไกลออกไป

“คุณหมอทำอะไรลงไป รู้ตัวไหมเนี้ย แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”  คุณฟ้าพูดแทบจะเป็นกระซิบ คงกลัวว่าลูกน้องสาวจะได้ยิน  แต่ไม่ยักจะหันไปดุลูกน้องตัวเอง คุณฟ้าใจดีกลับลูกน้องมากทีเดียว

“ไว้ที่อกผมก็ได้ครับ”

“มันใช่เวลาไหมคุณหมอ” เสียงดุเชียว แต่ผมไม่กลัว

“ผมพูดจริง ไม่ได้เล่น”  พร้อมกับส่งสายตาหวานๆ ให้ไป เจอคุณฟ้าตาแข็งกลับมาให้

“คุณหมอนี่นะ” แล้วก็ทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจใส่ผม ก้มหน้าตักโจ๊กเข้าปากตัว คงขี้เกียจคุยกับผมแล้วมั้ง

“ป้อนโจ๊กกันก็ได้นะคะพี่ฟ้า คุณหมอ ไม่ต้องเขินยีนหรอก คิดซะว่ายีนไม่อยู่นะคะ”

“ยีน เดี๋ยวเถอะ” คุณฟ้าหันไปดุ สาวยีนดูไม่เลย ยังส่งเสียงแซวมาได้อีก

“เดี๋ยวอะไรคะพี่ฟ้า เดี๋ยวจะป้อนโชว์ยีนเหรอ เอาเลยค่ะๆๆๆ”  นั่นก็เชียร์จริง ผมทำได้แค่ยิ้ม ไม่พูดอะไรมาก ก้มหน้ากินโจ๊กของตัวเองต่อ

“คุณหมอ”  เรียกผมซะเสียงเขียว ทำอะไรลูกน้องตัวเองไม่ได้เลยเอามาลงกับผม

“ครับ”  เงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับคนน่ารักทำหน้าบึ้ง

“ตอนกินเค้าไม่ให้ยิ้ม”

“หือ...มีด้วย” ผมงง ไม่เคยได้ยิน  แต่เข้าใจครับคนกำลังพาล แล้วผมยังเป็นตัวตนเหตุให้คุณฟ้าโดนแซว

“มี” ตาคุณฟ้าเขียวป๊าด

“ก็ได้ครับ”  ผมหุบยิ้มอย่างเร็ว จะเอาอะไรไปสู้ ยิ่งกับคุณฟ้าด้วย ชี้นกเป็นนกเลยครับ

พอไม่มีเสียงแซวข้ามโต๊ะมาจากสาวยีน ผมกับคุณฟ้าก็เหมือนไม่มีเรื่องให้คุยกันอีกเลย ต่างคนต่างกินกันเงียบๆ  มีบ้างที่ผมมองไปที่คนน่ารัก  มีบ้างที่บังเอิญจ้องตากัน เรานั่งคนละฝั่ง  เห็นหน้ากันตรงๆ ผมยิ้มตามที่ใจมันสั่ง ส่วนคุณฟ้าก็ยิ้ม ถึงจะไม่กว้างเท่าผม แต่ก็ยิ้มที่เพิ่มกำลังใจให้ผมได้มาก...มากจริงๆ

...หรือคุณฟ้าเริ่มใจอ่อนกับผมบ้างแล้ว

...ประตูหัวใจของคุณฟ้ากำลังเปิดออกช้าๆ เพื่อให้ผมได้เล็ดลอดเข้าไปแน่ๆ

.

.

.

.

.

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ต่อ
^
^



“พี่ฟ้า!”

ยีนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในครัว เรียกชื่อเจ้านายเสียงดัง ผมที่กำลังยื่นถ้วยใบสุดท้ายให้คุณฟ้าต้องหันไปมอง

“มีอะไรยีน”

“พี่นนท์...” มือยีนกุมตัวเครื่องด้านล่างไว้แน่น บอกว่าอีกฝ่ายที่พูดถึงน่าจะอยู่ในสาย

“โทรศัพท์แดนอยู่ที่พี่นนท์ค่ะ แดนอยู่กับพี่นนท์ ยีนจะทำไงดี ขอคุยกับแดน พี่นนท์ก็บอกว่าแดนไม่อยู่ ยีนไม่เชื่ออ่ะพี่ฟ้า ยีนเป็นห่วงแดน พี่ฟ้าคุยกับพี่นนท์ให้ยีนหน่อยสิคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกยีน เมื่อคืนพี่ไปส่งแดนที่บ้านแล้ว สงสัยแดนลืมโทรศัพท์ไว้ที่คอนโดพี่นนท์มั้ง”  คุณฟ้าตอบเรื่อยๆ น้ำเสียงเป็นปกติ  ยื่นมือไปขอโทรศัพท์จากลูกน้อง ยกโทรศัพท์แนบหู พูดเสียงเบา เดินออกไปข้างนอก  ผมเดินตาม คุณฟ้ารู้ตัวหันมาห้ามด้วยสายตา ผลเลยเดินเลี้ยวไปอีกประตูหนึ่ง กลับไปที่คลินิคของตัวเอง

วันนี้วันหยุดของผม พอผมเข้าไปในคลินิก เลยกลายเป็นเป้าสายตาของทุกครั้ง ด้วยไม่ใช่วันทำงานของผม แล้วยังมาทั้งชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น มันเป็นชุดที่ผมเตรียมใส่ไปเที่ยวทะเล

“เฮ้ย...มาไงเนี้ย” นพทักผมก่อนใครเพื่อน หมออีกสองคน (ทรายกับปู) ที่ยืนคุยอยู่กับลูกค้าคนละมุมก็พลอยหันมามองผมด้วย เจ้าเบียร์ที่เดินออกมาจากห้องพักเข้ามาทักผมด้วยอีกคน

“นี่ละเมอมาทำงานป่ะพี่นุ”

“เปล่า บังเอิญผ่านมาแถวนี้เลยแวะมา” ผมบอก

“บังเอิญหรือเพิ่งออกมาจากคอนโดคุณฟ้ากันแน่” เอาแล้วไง พี่กานต์ที่อุ้มเจ้าตัวเล็กขนปุยออกมาจากห้องตรวจ ช่วยเตือนความจำให้ผมว่าแกอยู่คอนโดเดียวกันกับคุณฟ้า

“คุณฟ้าร้านเชิญครับเหรอพี่กานต์” เบียร์หันไปถาม

“จะมีฟ้าไหนอีกล่ะ” พี่กานต์ตอบ

“พี่นุอ่ะ ตัดหน้าผมไปได้ไง ผมก็อดเดะ” เจ้าเบียร์แกล้งทำหน้าเศร้า

“ไอ้ที่มีอยู่ไม่พอหรือไง” พี่กานต์ใช้ตีนน้อยๆ ของลูกหมาที่แกอุ้มอยู่ผลักหัวกลมๆ ของเจ้าเบียร์

“พอแน่ะมันพอ แต่อยากได้เพิ่มไงพี่กานต์ ....พี่นุอ่ะ ผมเซ็งจริงๆ นะเนี้ย”

“ไวไฟนะเพื่อนนุ ได้ข่าวว่าเค้าเพิ่งเลิกกับแฟนไปเมื่อวันก่อนเอง” ไม่แปลกใจที่นพจะรู้เรื่อง เพราะใครๆ ก็รู้กันหมด

“ของอย่างนี้มันช้ากันได้ที่ไหนพี่นพ....เนอะพี่นุ”

“....” ผมไม่ตอบว่าอะไรใคร ยิ้มๆ ถือว่าเป็นคำตอบที่ทุกคนเข้าใจกันดี  ถึงได้แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง นพไปดูลูกหมาแรกเกิดตัวเท่ากำปั้นที่เจ้าของมันอุ้มเข้ามาในร้าน  เบียร์ไปรับโทรศัพท์ที่ลูกค้าโทรมาถามอาการหมาที่ฝากเอาไว้ก่อนจะทำการฝ่าตัดทำหมัน  พี่กานต์ก็อุ้มน้องหมาพาไปกินข้าว ส่วนผมก็เดินเลี่ยงเข้าห้องพัก

อย่าว่าแต่โทรศัพท์ของเด็กแดนอยู่ที่คุณนนท์เลย  โทรศัพท์ของผมเองก็อยู่ที่คอนโดคุณฟ้าเหมือนกัน  มันอาจจะต่างกันที่เด็กแดนลืม แต่ผมจงใจ....เสื้อผ้าอีกหลายชุดที่ผมทิ้งไว้ที่คอนโดคุณฟ้า (ก็เนียนเอาใส่ไว้ในตะกร้าเดียวกับคุณฟ้า  ก่อนออกมาก็หอบไปให้ทิ้งไว้ที่ร้านซักห้างด้านล่างคอนโด) จะได้ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าของคุณนนท์มาใส่ให้เจ้าตัวมายืนทวง


เมื่อคืนเรื่องที่คุณนนท์บอกและเตือนผมมา ทำผมหนักใจได้ไม่น้อย หวั่นใจเหมือนกันว่าสิ่งที่ทำผมยิ้มแก้มจะฉีก สิ่งที่ผมได้จากคุณฟ้า สิ่งที่คุณฟ้าให้มา

มันเป็นแค่ ‘ความสงสาร’ หรือเปล่า

ความใจดีของคุณฟ้า

นิสัยขี้สงสารของคุณฟ้า

มันจะทำให้ผมตกหลุมจนปีนขึ้นมาไม่ได้ แล้วคุณฟ้าเองก็จะไม่โยนเชือกมาให้ผมไต่ขึ้นไป

อะไรจะเกิดมันต้องเกิด ผมไม่อยากกลัวความผิดหวัง ไม่อย่างนั้นผมก็จะพลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย สามวันมันอาจเป็นเวลาที่ไม่นานนัก แต่กลับมีเรื่องระหว่างผมกับคุณฟ้าเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ก่อนหน้านี้กับน้องลม กว่าที่ผมจะกล้าจับมือเล็กๆ นั้นได้ ก็ปาไปห้าหกเดือน ต่างกันลิบลับคุณฟ้า เพียงแค่คืนเดียวที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้....ทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เพราะคุณฟ้า ‘ง่าย’ ผมถึงได้ครอบครอง มันน่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะมากกว่า  ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ผมก็ไม่รู้ว่าผมกับคุณฟ้าจะเริ่มต้นกันด้วยวิธีไหน  ผมเขินเกินกว่าจะเข้าไปจีบตรงๆ แล้วผมก็คงไม่มีวิธีการจีบที่ดีกว่าคนอื่นๆ แต่ตอนนี้พออะไรๆ มันเกิดขึ้นไปแล้ว เลยทำให้ผมมั่นใจว่ามีภาษีดีกว่าคนอื่นๆ ที่คิดจะเข้ามาจีบคุณฟ้าหลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งโสด

อย่างน้อยๆ คุณฟ้าก็ยอมให้ผมมากกว่าคนอื่น...

ผมยิ้ม...นึกถึงความน่ารักทุกอย่างที่หลวมรวมเป็นคุณฟ้า เนื้อตัวนิ่มๆ และหอมหวาน เสียงหวานที่เอ่ยเรียกชื่อผมไม่ขาดปาก เวลาที่แทรกผ่านความรู้สึกเข้าไปแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน

ผมกำลังเพ้อ...หลงรักคุณฟ้าอย่างรวดเร็ว

ผมกำลังตกหลุมรักคุณฟ้า...ผมแน่ใจแล้วว่าผมจะรักคนนี้ให้ดีที่สุด

ผมมั่นใจจะไม่ปล่อยให้คนๆ นี้หลุดมือไป....ผมจะพยายาม แม้จะหวั่นใจบ้างแต่ผมก็จะพยายาม


….กริ๊งง....

เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น ผมยกกระบอกเสียงขึ้นแนบหู คิดว่าเป็นลูกค้าของคลินิกคนใดคนหนึ่งที่ผู้ช่วยด้านนอกต่อสายเข้ามาในห้องพักของผม

“สวัสดีครับ หมอนุพูดครับ”

(ตาหนู คุณแม่โทรหาทำไมไม่รับสายล่ะคะ) ไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็นคุณหญิงแม่ผม น้ำเสียงกึ่งจะน้อยใจนิดๆ คงโทรเข้ามือถือผมก่อนหน้านี้มาแล้ว

“นุลืมโทรศัพท์ไว้ที่คอนโดเพื่อนครับคุณแม่...คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถาม ปกติผมกับคุณหญิงแม่ไม่ค่อยโทรศัพท์คุยกันหรอก เพราะเราสองคนเจอกันทุกวัน เช้ามาก็เจอ ตกเย็นก็เจอ ยิ่งช่วงนี้ผมเป็นลูกคนโปรดซะด้วย สาเหตุเนื่องมาจากการที่ผมยังโสดสนิท ไม่มีวี่แววว่าจะมีหลานให้ท่านนายพลกับคุณหญิงแม่อุ้มสักที เลยรักที่จะให้ผมเป็นฝั่งเป็นฝาซะที แล้วที่โทรมา ถ้าให้เดาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องด่วนที่สุดของคุณหญิงแม่ เรื่องว่าที่ลูกสะใภ้คนกลาง ภรรยาของผมในอนาคต

(คุณแม่จะโทรมาบอกตาหนูว่า พรุ่งนี้เตรียมตัวไปรับน้องเนยกับคุณแม่นะคะ) ว่าแล้วไง เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนเสมอของคุณหญิงแม่ของผม

“ไหนบอกว่ากลับเดือนหน้าไงครับคุณแม่” ผมสงสัย

(น้องเค้าเลื่อนวันกลับน่ะจ๊ะ ตาหนูของแม่จะได้เจอน้องไวๆ ไม่ดีเหรอ) ไอ้คำว่าเจอกันไวๆ คงกินความหมายไปถึงการรักกันไวๆ ด้วยละ

“ดีครับ” ถือว่าเจอไวเคลียร์ไว

(ตาหนู) คุณหญิงแม่ของผมลดเสียงเบา คล้ายลังเลที่จะพูด

“ครับ” ชักกลัวเป็นเรื่องไม่ดี

(เย็นนี้ไปดูแหวนกับคุณแม่นะคะ)

“แหวน” ผมทวนคำ ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจที่คุณหญิงแม่พูด เข้าใจแจ่มชัดเลยล่ะว่า ไปดูแหวนน่ะ มันแหวนอะไร

(ตาหนูก็อายุมากแล้วนะ คุณแม่อยากเห็นตาหนูเป็นฝั่งเป็นฝา น้องเนยก็ทั้งสวยทั้งน่ารัก หน้าที่การงานก็ดี เคยเห็นกันตั้งแต่เด็ก คุณแม่ว่าตาหนูกับน้องเนยน่าจะเข้ากันได้ดี แต่งๆ กันเถอะนะตาหนู ทางคุณหญิงวลัยก็ไม่มีปัญหา ส่วนน้องเนยน่ะ รายนั่นยิ่งไม่มีปัญหาใหญ่ ดีใจใหญ่ด้วยซ้ำที่ได้กลับมาหาพี่นุของเค้า)

ฟังคุณหญิงแม่พูดแล้ว ถามนึกเถียงในใจ ผมก็ไม่ได้แก่ขนาดตั้งรีบแต่งงานอะไร ยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ เรื่องของน้องเนยที่ว่าทั้งสวยทั้งน่ารัก อันนั้นผมยอมรับ คุณหญิงแม่เอารูปมาให้ดูบ่อยๆ เรื่องหน้าที่การงานก็เห็นว่าจะกลับมาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง  ในบรรดาลูกของคุณหญิงแม่ทั้งสามคน คือผม พี่ยะ ยัยภา ผมคือคนที่น้องเนยสนิทด้วยที่สุด  เรียกว่าตอนเด็กติดผมแจ ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันก็หอบผ้าห่มหอบหมอนมานอนกับผมประจำ  อะไรๆ ก็พี่นุ วันเสาร์อาทิตย์ก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านผมเป็นประจำ แต่คุณหญิงแม่คงลืมว่านั่นมันตอนเด็ก  ไม่ใช่ตอนนี้ น้องเนยของผมอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ สวยน่ารักขนาดนั้น ไม่มีแฟน มันก็น่าแปลกไปแล้ว

“ผมว่าอย่าเพิ่งเลยดีกว่าครับคุณแม่”

(แต่คุณแม่ใจร้อน คุณหญิงวลัยก็ใจร้อนเหมือนกัน เร่งให้คุณแม่หาฤทธิ์หมั้นฤทธิ์แต่งเลยนะคะตาหนู)

“คุณแม่ก็ปฏิเสธไปก่อนสิครับ”

(ตาหนูจ๊ะ คุณแม่จะปฏิเสธได้ไงล่ะคะ คุณแม่ก็อยากจะได้น้องเนยเป็นลูกสะใภ้เหมือนกัน เอาเป็นว่าตอนเย็นไปดูแหวนกับคุณแม่นะคะ ถ้าเจอที่ถูกใจ ตาหนูจะได้เอาไปเซอร์ไพซ์ขอน้องแต่งานวันนั้นเลย)  โอ้...คุณหญิงแม่ผม อะไรจะรีบร้อนปานนั้น

“ให้นุเจอกับน้องดีกว่าไหมครับคุณแม่ เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”

 ผมยังไม่กล้าปฏิเสธความหวังของคุณหญิงแม่ตัวเอง  เรื่องของผมกับคุณฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะบอกกันโต้งๆ มันจึงลำบากที่ผมจะพูดอะไรออกไป  ถึงครอบครัวของผมจะรับได้กลับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย เพราะกรณีของพี่ชายผม พี่ยะ ที่ยังคงลอยชายคงความโสด (ลูกสาม) ควงสาวควงหนุ่มเป็นว่าเล่น แต่นั่นมันพี่ยะ ไม่ใช่ผม เรื่องนี้เลยต้องอาศัยเวลา

(เอางั้นเหรอตาหนู) น้ำเสียงคุณหญิงแม่ผิดหวังนิดๆ

“ครับคุณแม่”

(อาทิตย์หนึ่งพอไหมคะตาหนู)

“โธ่...คุณแม่ครับ” ผมครางเสียงอ่อนเอากับกำหนดเวลาของคุณหญิงแม่

“อ่ะ เดือนหนึ่ง คุณแม่ให้เวลาเดือนหนึ่งนะคะตาหนู คุณแม่อยากได้น้องเนยมาเป็นสะใภ้จริงๆนะคะ น้องทั้งเก่งทั้งน่ารัก ไม่รีบเดี๋ยวคนอื่นก็แย่งไปหรอกค่ะ”

“ครับๆ” เดือนหนึ่งก็เดือนหนึ่ง เดือนหนึ่งเพื่อผมจะคิดหาคำพูดดีๆ เตรียมตัวเองให้พร้อม พาคุณฟ้าไปเปิดตัวกับที่บ้าน ถ้าคุณฟ้ายอม...

“เย็นนี้ตาหนูมารับคุณแม่นะคะ เราจะได้ไปดูแหวนด้วยกัน”

“คุณแม่ครับ” ผมครางเสียอ่อนใจอีกครั้ง ความพยายามไม่สิ้นสุดจริงๆ

(คุณแม่พูดเฉยๆ ถ้าตาหนูไม่อยากไป แม่ไปกับคุณหญิงวลัยก็ได้ จะได้ช่วยกันดูแบบที่หนูเนยชอบ) คุณหญิงแม่ของผมเป็นผู้หญิงที่ดื้อคนหนึ่งเลยล่ะ

“ครับ”

(ครับนี่คือตาหนูจะไปกับคุณแม่ใช่ไหมคะ)

“คุณแม่ไปกับคุณหญิงวลัยเถอะครับ วันนี้นุไม่ว่าง แล้วคืนนี้นุไม่กลับบ้านนะครับคุณแม่” ผมบอก

“อ้าว...แล้วจะไปไหนล่ะคะตาหนู”

“ไม่ได้ไปไหนครับ คือนุจะนอนที่คอนโดนเพื่อน”

(ตาอิงเหรอ?)

“ครับ” ผมตอบไป ไม่ใช่ความจริงเท่าไร ผมไม่ได้จะไปนอนกับอิงแต่เป็นคุณฟ้า แต่ถ้าให้บอกว่าคุณฟ้า ซึ่งเป็นคนที่คุณหญิงแม่ไม่รู้จัก กลัวจะถูกซัก ขี้เกียจอธิบายด้วยแหละ

“งั้นฝากบอกตาอิงด้วยนะคะตาหนู ว่าแม่คิดถึง ว่างๆ ก็พาหนูหวานมาเยี่ยมคุณแม่ด้วย ไม่ได้เจอตั้งแต่งานคุณย่าตอนนั้น”

“ครับ”

คุณหญิงแม่วางสายไปแล้ว ทิ้งปัญหาให้ผมต้องคิด ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่หาทางแก้ไม่ได้ ไว้ผมเจอน้องเนยจริงๆ ก่อน เรื่องอะไรๆ คงจะง่ายขึ้น ผู้หญิงสมัยใหม่ บุคลิกมาดมั่นแบบน้องเนยที่เป็นถึงอาจารย์สอนกฎหมาย คงไม่นิยมชมชอบวิธีการคลุมถุงชนเท่าไหร่หรอก

....กริ๊งงงง....

เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะผมดังขึ้นอีกครั้ง

“สวัสดีครับ หมอนุพูดครับ” ผมกรอกเสียงลงไป เป็นอิงที่โทรเข้ามา

“ไอ้หมอ” เสียงเพื่อนผมฟังดูเหนื่อยๆ ชอบกล

“เป็นไงบ้าง ฉันกำลังจะโทรหาอยู่พอดี ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหน อยู่ที่จันทร์?” ผมแปลกใจเพราะได้ยินเสียงคลื่นดังเข้ามา

(อืม....)

“ได้คุยกันยัง?”

(อืม...โดนซ้อมมาด้วย)

“คุณชิตเหรอ?”

(อืม...เจ็บสุดๆ แต่คงไม่เจ็บไม่เท่าหนึ่ง....ฉันจะทำไงดีวะหมอ ฉันทำหนึ่งเจ็บอีกแล้ว) 

“อย่าบอกนะว่า....” ถ้าผมตีคำพูดของเพื่อนไม่ผิด แปลว่าอิงมันทำอะไรหนึ่งอีกแล้ว

(อืม...นั่นแหละ หนึ่งมันดื้อ ฉันเลยห้ามตัวเองไม่ได้)

“นี่คือเหตุผลที่โดนซ้อมมาใช่ไหม?”

(อืม...) อิงตอบกลับด้วยคำเดิมๆ เหมือนมันไม่มีกระจิตกระใจจะคุยกับผม

“แล้วทำไมไม่ใจเย็นๆ” ผมอดติงมันไม่ได้

(หมอ แกไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก)

“ถึงฉันเป็นแก ฉันก็จะอดทน” ผมว่า เป็นผม ผมไม่ทำหรอก มันข่มขืนชัดๆ

(มันอดทนได้ที่ไหน แกรู้อะไรไหม หนึ่งพูดยังไงกับฉัน เค้าบอกฉันว่าจะไม่กลับไปกรุงกับฉัน จะอยู่ที่นี่กับชิต เค้าจะลืมเรื่องทุเรศที่ฉันทำไว้ ถือว่าให้หมามันกิน ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก ต่างคนต่างอยู่ เจอกันก็ไม่ต้องทัก ตายก็ไม่ต้องไปเผาผี เค้าบอกเค้าเกลียดฉัน แล้วจะให้ฉันทนได้ยังไงวะ)

“แกเลยต้องปล้ำหนึ่งอีกรอบ” ผมถาม อ่อนใจ ความจริงก็เข้าใจนิสัยของเพื่อนอยู่ ดูภาพนอกอิงอาจจะเป็นคนสนุกสนาน ใจดี แต่อารมณ์มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เห็น อิงใจทั้งใจร้อนแล้วก็วู่วาม ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังเท่าไหร่ เอาความต้องการของตัวเองเข้าว่า

(อืม...แต่หนึ่งก็ไม่ได้ขัดขืน....มากเท่าไร)

“ไอ้ที่ว่าไม่ขัดขืนเท่าไร เป็นเพราะหนึ่งไม่มีแรงสู้มากกว่ามั้ง”  ฟังมันพูดแล้ว อ่อนใจกว่าเดิม เห็นสภาพอยู่ว่าหนึ่งเดินไม่ได้ด้วยซ้ำต้องให้คุณชิตอุ้มออกจากห้อง แล้วจะไม่แรงอะไรไปขัดขืน

(ไม่รู้ว่ะ) อิงตอบไม่เต็มเสียง คงคิดตามที่ผมพูด

“ทีหลังก็หัดรู้ไว้บ้าง จะได้ไม่ทำอีก”  ผมว่า อิงนิ่งไปสักพัก

(หนึ่งจะเกลียดฉันไหมวะ)  อิงถามคำถามเดิมที่เคยถามผมตอนที่เกิดเรื่องใหม่ๆ

“ตอบยากว่ะ ลองง้อดูก่อน แต่ให้ง้อนะ ไม่ใช่ไปข่มขืนเค้า”  ผมก็ตอบแบบเดิมๆ แต่ก็เตือนคนใจร้อนหน่อย กลัวอิงมันจะทำอะไรหนึ่งอีก

(อืม...แค่นี้นะหมอ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วว่ะ)

“เดี๋ยวก่อน” ผมรีบห้ามก่อนที่อิงมันจะตัดสาย

(มีอะไร)

“เรื่องน้องหวาน” ผมไม่ได้อยากให้อิงมันไม่สบายใจ แต่ที่ถามก็อยากรู้ว่าอิงจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง อิงเงียบไปพักใหญ่ ถึงได้ตอบคำถามกลับมา

(คุยแล้ว) นิสัยของอิงมันแหละ ไม่ชอบให้เรื่องคาราคาซัง

“แล้ว...”

(ฉันสงสารหวาน หวานเอาแต่ร้องไห้ แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันใจดำเกินไปหรือเปล่า?) เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ อิงเลือกหนึ่ง

“ไม่หรอก ดีแล้วที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด” ผมยอมรับว่าผมเข้าข้างเพื่อน อิงเลือกแล้ว เลือกอย่างไม่โลเล มันดีต่อทุกคน ถึงจะต้องมีคนเจ็บแต่ดีกว่าปล่อยให้มันเรื้อรัง มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดสักที

(ขอบใจว่ะที่เข้าใจฉัน นึกว่าจะโดนแกด่า)

“เพื่อนกันน่า”

(อืม...งั้นแค่นี้ก่อน ฉันจะไปหาหนึ่งแล้ว)

“เฮ้ย เพิ่งโดนซ้อมมาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก” ผมเตือน รู้ว่าอิงมันไม่เชื่อผมหรอก

(ทนได้น่า แค่นี้นะ ) แล้วเพื่อนผมก็วางสายไป อิงเป็นคนใจร้อนและจริงจังกับทุกสิ่งที่ทำ อย่างเรื่องของหนึ่ง ผมว่าหนึ่งคงหนีไม่พ้นมือเพื่อนผม

...ก๊อก ก๊อก...

ทันทีที่ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับคนที่เป็นประเด็นสนทนาเมื่อครู่เดินหน้าเศร้าจนน่าสงสารเข้ามาหาผม

“พี่หมอ”

“น้องหวาน”

“หวานมีเรื่องอยากคุยด้วย...”

ไม่ต้องเดาเลยว่าอะไรทำให้น้องหวานแบกหน้าตาช้ำๆ มาหาผมถึงที่นี่

>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<
 

คนเขียนอยากคุย :: ขอบคุณนะคะที่ติดตามเรื่องรัก...เชิญครับ คาดว่าน่าจะได้ผลสำรวจที่แน่นอน (ณ วันนี้ที่เขียนตอนนี้จบ) ว่า เรื่องต่อไปเป็น อิงกะหนึ่งนะคะ อิอิ
เช่นเคยนะคะ เรื่องนี้อาจจะเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไปบ้าง (แถมเป็นจุดเริ่มต้นของอีก 2 เรื่อง)แต่ก็พยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุดนะคะ แล้วจะพยายามเขียนเรื่องให้กระชับมากที่สุด
 ไม่ได้ตั้งใจยืดนะคะ Y^Y  สุดท้ายก็ขอบคุณที่ติดตาม ไม่ทิ้งกันไปไหนนะคะ ^__^
:man1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
รักทำให้เกิดอะไรก็ได้

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนแรก เจอคำผิด แต่ลืมจำว่าตรงไหน ว่าจะบอกคนเขียน แต่กลับไปอ่านอีกรอบ "ตาลาย"  :เฮ้อ:แก่แล้วก็อย่างนี้แหละ :laugh: ไว้จำได้เมื่อไรจะบอกนะ (ถ้าจำไม่ได้ก็ผ่านไปเถอะ)

ติดตามต่อไปค่ะ จนกว่าจะได้อ่าน อิง&หนึ่ง (คู่นี้ตอนที่อ่านเรื่องของ ลม&ดิน ไม่เคยจินตนาการถึงเลยนะ) และ นนท์&แดน :L2:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

โอ๊ยย สงสารหวาน เราชอบหวานนะ
หวานช่วยตินลมอ้ะ เราชอบเธอ
สงสารเธออะ ไม่น่าเลย แต่เรื่องหัวใจมันห้ามกันยาก
 :เฮ้อ:  รออ่านตอนต่อไปนะคะ
อยากรู้ว่าหวานจะมาคุยอะไร
แล้วหมอจะทำไงกับน้องเนยละ
อย่าให้คุณฟ้าเข้าใจผิดเชียว เดี๋ยวพาลไม่สนใจเอาดื้อๆ
55555

+1 ให้นะคะ กอดดดด  :กอด1:

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้ว่าหวานจะคุยไรกับพี่หมอ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เหมือนกำลังจะไปได้ดี ดันมีเรื่องน้องเนยมาซะงั้น

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
บวกให้ค่า
ตาหนู เอ้ย พี่หมอสู้ๆ ต่อไป ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ไม่ได้อ่านมาหลายตอน มาอ่านอีกอึ้งไปเลย
อิงจะแต่งงานกับหวานทำไมต้องปล้ำหนึ่งด้วย
แต่หมอกับฟ้า รอให้ฟ้าเปิดใจชอบหมอเถอะ
เรื่องชักจะยาวแล้ว

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
รักกันรักกัน :กอด1:
อ่านได้เรื่อยๆน๊า
ไม่ต้องรีบจบก็ได้
แต่ก็รออ่านอิง-หนึ่งด้วย :L2:
1+ให้เน้อ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
สงสารน้องหวาน...เรื่องนี้ให้ความรู้สึกใกล้เคียงชีวิตจริง...จนผมสะอึกเลยนะ ..555+

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
สงสารหนึ่งจัง
น้องหวานก็ด้วย  ภาคคุณลมยังสวีทกันอยู่ดีๆ
แล้วชิตกับหนึ่งชอบกันเหรอ ชิตเป็นใคร?

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
จะสงสารใครดีเนี่ย แต่ละคนล้วนมีเหตุผลของตัวเอง
ปล.ติดตามอยู่เสมอ อย่าให้รอนานนะ

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 17 ค่อยๆ แทรกซึมลึก


“พี่ฟ้า”

แดนกล้าๆ กลัวๆ ตอนเดินมาหาผม เมื่อลูกค้าโต๊ะสุดท้ายลุกออกไปจากในร้าน แล้วเหลือแค่ลูกค้าอีกสองคนตรงโต๊ะด้านนอก
ริมสวนเล็กๆ ที่มีบ่อปลาเล็กๆ อยู่ด้านข้าง คุณหมอกับสาวสวยน่ารักคนหนึ่ง นั่งคุยกันเกือบชั่วโมงแล้ว

ผมดึงสายตาจากคนข้างหน้ากลับเข้ามาข้างใน

“พี่ฟ้า เรื่องนั้น...” ไม่บ่อยที่แดนจะเรียกผมว่า ‘พี่ฟ้า’ ส่วน ‘เรื่องนั้น’ ที่ทำให้แดนไม่กล้าสบตาผมตลอดทั้งเช้า จนถึงตอนนี้ แม้จะเดินเข้ามาหาผมเอง แต่เจ้าตัวก็ยังก้มหน้าเหมือนไม่กล้าคุย ความจริงไม่ใช่แค่แดนหรอกที่ไม่กล้าเปิดประเด็นต่อจากเรื่องเมื่อคืน ผมก็เหมือนกันครับ ที่พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

‘ช่างมันเถอะ’ สำหรับผม มันแปลว่า ‘ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากจดจำว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น’

“พี่ฟ้า ผม...ผม...ผมขอโทษ” แดนพูดคำเดิมๆ ด้วยใบหน้าของคนที่หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ ไม่ต่างจากผมนักหรอกครับ ผมก็เคว้งอยู่ในอากาศเหมือนกัน

“พี่บอกแล้วไงว่าแดนไม่ผิด” มันไม่ใช่ความผิดของแดนจริงๆ นั่นแหละ ผมไม่โทษแดนที่กลายเป็นคนที่นนท์บอกเต็มปากว่ารัก สายตาของนนท์ที่ผมเห็น มันชัดเจนจนผมพูดไม่ออก

“แต่พี่ฟ้าก็โกรธผม” แดนพูดเสียงเบา เงยหน้าขึ้นมามองตาผม แดนกลายเป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารในสายตาของผมไปแล้ว ผมสงสารแดนมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ

“โกรธที่ไหนกันล่ะ” ผมพูดออกมาจากใจจริง ไม่ได้โกรธจริงๆ มันแค่อึ้ง คิดไม่ถึงมากกว่า ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้

“พี่ฟ้าไม่คุยกับผม พี่ฟ้าทำตัวไม่เหมือนปกติ” ปากว่า ตาก็มีน้ำปริ่มๆ ผมต้องดึงตัวเข้ามากอด เหลือบไปเห็นคนข้างนอกก็ดึงสาวสวยน่ารักคนนั้นเข้ามากอดเหมือนกัน เราสบตากันอยู่นาน ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างกอดคนอื่นอยู่ และเป็นผมที่ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น รู้สึกมันหงุดหงิดในใจนิดๆ

“พี่ฟ้า...”

“ว่าไง” เมื่อแดนเรียกชื่อผม ผมถึงดึงความสนใจกลับมาหาคนที่ผมกอดอยู่ ผมดันตัวแดนออก ลูบหัวเบาๆ

“พี่เกลียดผมไหม” คำถามที่มาพร้อมกับน้ำตาที่ไหล

“จะเกลียดทำไม โกรธยังไม่โกรธเลย” ผมพูดตามความจริง ไม่ได้พูดโกหกให้แดนสบาย หยิบทิซซู่ใกล้มือส่งให้คนที่ผมรักเหมือนน้อง

“แต่ผมรู้สึกผิด ถ้าตอนนั้น...” แดนพูดไปด้วย เช็ดน้ำตาตัวเองไปด้วย

“เรื่องเมื่อสี่ปีก่อน?”

“ครับ” น้ำตาแดนแห้งแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะไหลอีก

“ไม่เป็นไร ใครจะรู้อนาคตได้ล่ะ ตอนนั้นแดนก็ยังไม่รู้จักพี่นี่น่า”

“แต่...”

“เอาเถอะ เราอย่าพูดเรื่องอดีตกันเลยนะ มาพูดเรื่องปัจจุบันกันดีกว่า แดนจะเอายังไงกับพี่นนท์” พอผมถามเท่านั้นแหละ คนก่อเรื่องก็ผลักประตูร้านเข้ามา ผิวปากแบบคนอารมณ์ดี ในมือมีโทรศัพท์ที่ผมจำได้ว่าเป็นของแดน ยิ่งเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นมาอย่างพอเหมาะ เมื่อนนท์มาหยุดอยู่ตรงหน้าผมกับแดน ก็บอกให้รู้ว่าเป็นโทรศัพท์ของแดนจริง

นนท์ชูโทรศัพท์ขึ้น ตั้งใจยั่วแดนที่ยืนกำหมัด มองหน้าเอาเรื่อง สายตาอาฆาต จากตอนแรกตั้งท่าจะเดินหนี

“เบอร์ใครน้า ไม่มีชื่อซะด้วย 081-543….”

“เอาคืนมา!” แดนตรงเข้าไปแย่ง แต่ไม่ได้ เพราะนนท์ชูโทรศัพท์ขึ้นเหนือหัว แดนไม่สูงมากครับ ร้อยหกสิบเจ็ดเองมั้ง จะสู้อะไรกับคนที่อีกแค่เซ็นต์เดียวก็จะร้อยเก้าสิบ

“นนท์อย่าแกล้งน้อง” ผมห้าม แต่นนท์ส่ายหน้า ส่งหน้าตายียวนกวนประสาทไปให้เจ้าของมือถือ ที่ทำยังไงก็ไม่สามารถแย่งโทรศัพท์คืนมาได้ เสียงโทรศัพท์เงียบไป ก่อนจะดังขึ้นอีกครั้ง

“เบอร์เดิม” นนท์ว่า

“นนท์ เอาโทรศัพท์คืนให้น้อง” นนท์ติดนิสัยขี้แกล้งครับ ผมโดนบ่อย แต่เพราะผมไม่ใช่คนใจร้อน ไม่ขี้งอน ไม่งอแงอะไรไงครับ นิสัยขี้แกล้งของนนท์ถึงใช้ไม่ได้กับผม แต่กับแดนเนี้ย  นิสัยตรงกันข้ามกับผมหมดทุกอย่าง

“มึงต้องการอะไร?” แดนถามเสียงดัง มันดังเข้าไปถึงข้างในครัว ยีนที่ทำเค้กอยู่ด้านในกับเด็กใหม่อีกสองคนถึงได้วิ่งหน้าตื่นออกมา

“เกิดอะไรขึ้นแดน” ยีนถาม มองหน้าแดนสลับกับนนท์

“ไอ้เชรี้ยนี่สิ มันเอาถือฉันไป” แดนบอกอย่างคนอารมณ์เสีย

“พี่ฟ้า” ยีนหันมาเรียกผม หวังให้ผมช่วย

“นนท์ ฟ้าขอล่ะ อย่าแกล้งน้องได้ไหม บอกว่ารักน้องไม่ใช่หรือไง รักแล้วทำไมต้องแกล้ง” ผมว่า รู้สึกว่าจะพูดคล่องปากไปแล้วไอ้คำพวกนี้ ไม่แสลงใจเลยสักนิด

“ดูน้องของฟ้า มันพูดดีกับนนท์สักคำไหม ขึ้นมึงขึ้นกูตลอด” ถึงนนท์จะพูดกับผม แต่สายตาน่ะ อยู่ที่คนตัวเล็กที่สุดตลอดเวลา
 มือถือที่เงียบเสียงลงไป นนท์ก็ยัดมันใส่ไว้ในกระเป๋า

“ใครอยากพูดดีกับมึง แล้วโทรศัพท์กู เอาคืนมา”

“พูดดีๆ ก่อนแล้วจะคืนให้”

“ฝันเถอะ”

“นนท์ ไม่เอาน่า คืนให้น้องเถอะ” ผมช่วยพูดให้แดน

“ฟ้าดูน้องฟ้าสิ เคยพูดดีๆ กับนนท์ไหม ถ้าพูดดีกับนนท์ นนท์ก็จะคืนให้” นนท์ว่าในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่ไหนแต่ไรมา อย่าว่าแต่พูดดีๆ ด้วยเลย แค่จะอ้าปากพูดกับนนท์ แดนยังไม่เคยเลย (เท่าที่ผมเห็นต่อหน้านะครับ ลับหลัง ผมไม่รู้)

“ถ้าอยากได้ก็ตามมา ไม่งั้น....” นนท์ทิ้งประโยคไว้แค่นั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป

“อย่าตามไปนะแดน โทรศัพท์แค่เครื่องเดียวเอง ฉันซื้อใหม่ให้ก็ได้ เอาไอโฟนเลยดีไหม” ยีนว่า ท่าทางจะไม่อยากให้แดนไปกับนนท์

“พี่ฟ้า”

“ไปเถอะ” ผมว่า

“พี่ฟ้า ได้ไงค่ะ พี่นนท์ตัวร้ายชัดๆ นะคะ ขืนแดนตามไปมีหวังโดนขย้ำแน่ๆ” ยีนโวยวาย ขัดใจที่ผมบอกให้แดนตามนนท์ไป

“ไม่มีไรหรอกน่ายีน  ไปสิแดน”

“แต่...” แดนยังลังเล อยากได้โทรศัพท์คืนก็คงอยากได้ แต่คงไม่อยากตามนนท์ออกไป

“ ไปเถอะ” ผมบอกย้ำอีกครั้ง

“แต่ผมเกลียดมันจริงๆ นะพี่ฟ้า” เข้าใจว่าแดนยังกลัวว่าผมจะโกรธจะเกลียดตัวเองเพราะเรื่องนนท์

“พี่รู้แล้วว่าเราเกลียดพี่นนท์ แต่ถ้าไม่ตามพี่นนท์ไป พี่ก็ไม่รับประกันนะว่าโทรศัพท์ของแดนจะเป็นยังไง พี่นนท์เป็นคนพูดจริงทำจริงนะ” ผมขู่เล็กน้อย คิดว่านนท์ไม่กล้าทำอะไรกับโทรศัพท์ของแดนหรอก แต่ที่ต้องพูดออกไปก็ช่วยทั้งแดนทั้งนนท์นั่นแหละ จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง

มองออกไปด้านนอก ตรงลานจอดรถ นนท์ยังยืนพิงประตูรถอย่างอารมณ์ดี ไม่ไกลกันนัก ลูกค้าของร้านเชิญครับก็ยังเหมือนคุยกันไม่เสร็จสักที มีเช็ดน้ำตาให้กันด้วย ไม่เข้าใจว่าสาวสวยคนนั้นจะร้องไห้อะไรกันนักหนา อกหักมาหรือไง คุณหมอก็ใจดีเหลือเกิน นั่งปลอบอยู่ได้เป็นชั่วโมง ไม่คิดกลับไปทำงานบ้างหรือไง รึคิดว่าเป็นเจ้าของคลินิก เลยไม่แคร์อะไร นั่นสินะ ใครจะกล้าไล่เจ้าของคลินิกออกจากงานล่ะ

“พี่ฟ้า พี่ฟ้า...”

“หื้อ ว่าไง” ผมสะดุ้งเพราะแดนเรียก

“คือผม...ผม...ผมไปนะครับ”

“แดน ไม่ไปได้ไหม ฉันเป็นห่วง ฉันไม่ไว้ใจพี่นนท์จริงๆ นะ” ยีนรีบท้วง จับมือแดนเอาไว้

“ไม่ต้องห่วงน่า เมื่อวานก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถ้าได้โทรศัพท์แล้วจะโทรหา  ผมไปนะครับพี่ฟ้า” แดนบอกให้ยีนสบายใจ แล้วหันมาบอกผม

“พูดดีๆ กับพี่เค้าหน่อยนะแดน ถือว่าพี่ขอ ถ้าเราพูดดีกับพี่เค้า เค้าก็คืนให้ พี่รู้จักนนท์มาตั้งแต่เด็ก รู้นิสัยเค้าดี ทำตามที่พี่บอกนะ”

“ครับ” แดนรับปาก แต่หน้าบอกชัดเจนว่าไม่ทำตามที่ผมแนะนำแน่ๆ

“ดูแลตัวเองนะแดน ต้องโทรหาฉันจริงๆ นะ”

“อืมๆๆ” แล้วแดนก็เดินหน้ายุ่งออกไป จากที่ผมยืนอยู่ มันก็ไม่ได้ไกลจากตรงที่นนท์ยืนอยู่ รอยยิ้มของนนท์ ผมก็ยังเห็นได้ชัด ตอนที่แดนเดินออกไปหา ดูมีความสุข

ผมต้องยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าต่อไป ผมจะไม่มีนนท์อีกแล้ว...

“พี่ฟ้าอ่ะ ทำไมต้องปล่อยให้แดนไปกับพี่นนท์ก็ไม่รู้” ยีนบ่น

“นู่น ลูกค้าเข้าร้าน ไปดูแลเลย” โชคดีครับที่พยาบาลสาวสามคนเดินเข้ามาในร้านพอดี (ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังครับ) ผมเลยไล่ยีนให้ไปหาลูกค้า ไม่อยากต้องมายืนอธิบายว่าทำไมผมถึงยอมให้แดนไปกับนนท์

.

.

.

.

“น้ำครับ”

แก้วทรงสูงข้างในบรรจุน้ำฝรั่งสีเขียวอ่อนน่าดื่มสองแก้วถูกวางบนโต๊ะด้วยมือผมเอง พร้อมด้วยจานขนมปังสังขยาสามชิ้น น้ำเปล่าอีกสองแก้ว โดยที่ลูกค้าทั้งสองคนของร้านไม่ได้เอ่ยปากสั่งแม้แต่น้อย นั่นเพราะผมเป็นเจ้าของร้านที่ดีมากๆ คนหนึ่ง เห็นใจลูกค้าของร้าน กลัวจะคอแห้งเสียก่อน ก่อนที่ร้านจะปิด ยากันยุ่งนั่นอีกที่ผมเดินออกมาจุดให้ เพราะกลัวลูกค้าสองคนจะโดนยุ่งกัด

ผมช่างเป็นเจ้าของร้านที่ดีจริงๆ ให้ตายเถอะ

นั่งคุยกันตั้งแต่บ่ายสองยันทุ่ม

ห้าชั่วโมง! ยังคุยกันไม่จบ สาบานได้ว่าผมไม่ได้โมโหเพราะลูกค้าสองคนสั่งแค่กาแฟกับน้ำส้มอย่างละแก้ว แต่มันเป็นเพราะห้าชั่วโมงที่นั่งปลอบกันให้ผมเห็น ทั้งที่ไม่อยากเห็น


“ขอบคุณครับ” ยังดีครับที่คุณหมอละความสนใจจากคนในที่ร้องไห้ซบอยู่กับอกขึ้นมาขอบคุณเจ้าของร้านใจดีอย่างผม

“อีกชั่วโมงหนึ่งร้านจะปิดนะครับ” ผมบอก ไม่ได้ตั้งใจจะไล่ แค่บอกให้รู้ว่าผมคงไม่เปิดร้านจนถึงเที่ยงคืนเพื่อลูกค้าแค่สองคน
 แถมเป็นสองคนที่สั่งแค่กาแฟร้อนแก้วหนึ่งแก้ว น้ำส้มหนึ่งแก้วอย่างแน่นอน

“ครับ” แล้วผมจะยืนรออะไรล่ะครับ ในเมื่อลูกค้าไม่ได้สนใจเจ้าของร้านอย่างผมเลย เงยหน้าขึ้นมาแค่บอกขอบคุณแล้วก็กลับไปปลอบผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักชื่อ เพิ่งเคยเห็นหน้าครั้งแรก

หงุดหงิดครับ ไม่มากแต่มันก็หงุดหงิด

พอผลักประตูร้านเข้ามาก็เจอคำถามอยากรู้อยากเห็นของยีนทันที

“เค้าเป็นใครคะพี่ฟ้า” พอหมดห่วงเรื่องแดนเพราะรายนั่นโทรมาบอกว่าปลอดภัยและกลับถึงบ้านแล้ว ยีนถึงกลับมาทำตัวเป็นสาวน้อยขี้สงสัยทันที

“พี่จะรู้ไหมล่ะ” ผมตอบไป ไม่สบอารมณ์กับคำถามของยีน

“หูยย...ตอบซะ ยีนแค่ถามนะคะพี่ฟ้า ไม่ใช่พี่สาวคนสวยคนนั้นซะหน่อย” ยีนว่าเบาๆ ถ้าผมอารมณ์ไม่ดี ยีนก็ไม่กล้าแหย่และไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายกับผมมากนัก พอดีมีลูกค้าเดินเข้ามาดูเค้กที่ตู้ข้างเคาน์เตอร์ ยีนเลยเดินเข้าไปทักทาย ทิ้งให้ผมอยู่กับอารมณ์ขุ่นมัวของตนเองคนเดียว

“ตาม ดาว” ผมเรียกเด็กสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มาหา เด็กสองคนนี้ ผมรับเข้ามาทำงานเพราะสงสารครับ ดาวกับตามสองคนเป็นเพื่อนกันครับ เพิ่งเรียนจบมอสาม  ดาวนั้น ผมรับเข้ามาทำงานประจำเพราะไม่เรียนต่อแล้ว เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน ครอบครัวไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนต่อมอปลาย ส่วนตามครอบครัวพอจะมีเงินส่งให้เรียนอยู่บ้าง แต่ก็ต้องหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระ ผมเลยรับตามเป็นแบบพาสทาม ทำงานวันหยุดกับหลังเลิกเรียน

“กลับบ้านกันได้แล้ว”

“ลูกค้ายังเต็มร้านอยู่เลยครับ” ตามว่า ดาวพยักหน้าเห็นด้วย ใช่ครับ ลูกค้าร้านเชิญครับยังนั่งกันอยู่เต็มร้าน แล้วยังมีที่เดินเข้ามาเพื่อซื้อเค้ก ซื้อขนมกลับบ้านอีกหลายราย

“ไม่เป็นไร พี่กับพี่ยีนสองคนดูแลได้” ผมบอก ห่วงเด็กๆ ครับ ดาวกับแดนยังเป็นเด็ก ยิ่งดาวที่เป็นเด็กผู้หญิงกลับบ้านดึกก็กลัวจะอันตราย ผมถึงให้เด็กสองคนนี้ทำงานถึงแค่ทุ่ม ดีที่บ้านของตามกับดาวอยู่ใกล้กันและไม่ไกลจากที่ร้านมาก แค่สามป้ายรถเมล์ก็ถึง

ผมเดินกลับมามาช่วยยีนขายของ ลูกค้าหลายคนเดินเลือกขนมกับเค้กอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ ตู้เค้กที่เต็มไปด้วยเค้กในตอนสายๆ ตอนนี้เหลือแค่ไม่กี่ชิ้น คุกกี้หลายรสก็พร่องไปเยอะ แม้จะยืนห่อเค้กใส่กล่องให้ลูกค้า คิดเงินค่าคุ๊กกี้ หรือชงกาแฟรสกลมกล่อมตามที่ลูกค้าสั่ง ไม่ว่าจะทำอะไร ทำไมสายตาของผมมันถึงเผลอมองไปที่ลูกค้าสองคนด้านนอกบ่อยครั้ง มีบ้างที่จ๊ะเอ๋กับคุณหมอที่มองมาทางผมเหมือนกัน แต่บ้างครั้งผมก็ต้องยืนมองคุณหมอกอดกับสาวสวยน่ารักคนนั้น กอดบ่อยเกินไปแล้วนะคุณหมอ รู้สึกอะไรมันขวางหูขวางตาไปหมด แม้แต่ไอ้อาการเอาอกเอาใจของคุณหมอที่จิ้มขนมปังสังขยาให้สาวสวยคนนั้น ผมเห็นชัดครับ เพราะโต๊ะที่คุณหมอนั่งน่ะ ไม่ได้อยู่ไกลจากระยะสายตาของผมจะมองเห็น

“วันนี้รับอะไรดีครับหมอพฤกษ์” ผมยิ้มให้ลูกค้าประจำของร้านที่ผมคุ้นเคย คุณหมอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม (ถนนใหญ่)

“เอา Strawberry Tart 2 ชิ้นครับ”

“ครับ” ผมหยิบเอาเค้กสตอเบอร์รี่ที่คุณหมอสั่งใส่กล่อง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคุณหมอสัตว์ผลักประตูเล็กๆ เข้ามา ส่วนสาวสวยน่ารักคนนั้นยังนั่งอยู่ที่เดิม (ร้านของผมมีประตูอยู่ทั้ง 3 ฝั่งครับ ด้านข้างซ้ายขวาเป็นประตูเล็กและด้านหน้าเป็นประตูใหญ่)

“120 ครับ”

คุณหมอพฤกษ์จ่ายเงินแล้วเดินออกไป ตรงหน้าผมจึงเหลือแค่คุณหมอสัตว์ อารมณ์ของผมตอนนี้คือไม่อยากเห็นหน้าคุณหมอเลย เห็นแล้วหงุดหงิด 

“เท่าไหร่ครับ” คงหมายถึงค่ากาแฟ น้ำส้ม กับไอ้ที่ผมเพิ่งเดินไปเสิร์ฟเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

“คิดแต่ค่าลาเต้ร้อนกับน้ำส้มนะครับ 105 บาท ส่วนพวกนั้นอภินันทนาการจากทางร้านครับ สำหรับลูกค้าที่นั่งนานที่สุดของวัน” อารมณ์มันอยากประชดครับ ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย ตาผมขวาง ส่วนคิ้วของคุณหมอขมวดนิดๆ

“คุณฟ้าครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณฟ้าคิดนะครับ” รู้ได้ไงว่าผมคิดอะไร แล้วไอ้ที่กอดๆ ปลอบๆ กันอยู่ร่วมห้าชั่วโมงนั้น มันแปลว่าอะไร ผมเถียงในใจครับ แต่ไม่พูด

“ยีนมาคิดเงินให้คุณหมอหน่อย  คิดแค่ค่าลาเต้ร้อนกับน้ำส้มคั้นนะ” ผมไม่อยากคุยด้วยครับ เลยเรียกยีนที่ทำท่าเหมือนอยากจะรู้เรื่องนักหนาให้มาทำหน้าที่แทนผม ส่วนผมน่ะเหรอ เดินไปเก็บโต๊ะตัวที่พนักงานออฟฟิศสี่คนเพิ่งลุกออกไปครับ

จากนั้นผมก็วุ่นวายอยู่กับลูกค้าที่หมุนเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าคุณหมอกับสาวสวยน่ารักคนนั้นออกจากร้านไปตอนไหน อีกแค่ห้านาทีร้านจะปิดแล้วครับ พอๆ กับที่ลูกค้าเริ่มทยอยออกจากร้านไป จนหมด เหลือแค่ที่ยืนรอเค้กจากยีนตรงหน้าเคาน์เตอร์

ลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไปตอนสองทุ่มนิดๆ พร้อมกับที่แดนเดินหน้าบึ้งเข้ามา มีนนท์ที่เดิมตามเข้ามาสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข

ผมเห็นยีนดึงตัวแดนไปด้านหลังเคาน์เตอร์ ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน แต่เดาได้ว่าหนีไม่พ้นเรื่องของคนที่เดินถือถุงอาหารมายื่นให้ผม

“ซื้อมาฝาก”

“อะไร?”

“ข้าวแกงกระหรี่” อาหารโปรดผมครับ ผมยิ้มออกมาได้ อารมณ์กรุ่นๆ ก่อนหน้านั้นหายไปบ้างแล้ว (เพราะของโปรด)ข้าวแกงกระหรี่ในมือยังร้อนๆ อยู่เลยครับ สงสัยว่าจะซื้อจากร้านประจำของผมที่อยู่ไม่ไกลกันมาก ผมเห็นอีกถุงในมือของนนท์ นนท์มองตามสายตาผมแล้วยิ้มมุมปาก ดูเจ้าเล่ห์มากครับ ก่อนจะเดินไปหายีนที่ยืนทำหน้ายุ่งอยู่กับแดน

“พี่ซื้อมาฝาก ข้าวหน้าปลาไหล ของโปรดยีนใช่ไหม?” ยีนนิสัยคล้ายผมอยู่อย่างครับ ใครเอาของโปรดมาล่อนี่ หลงติดกับได้ง่ายๆ ดูเอาเถอะ เปลี่ยนจากหน้าบึ้งที่พร้อมจะกินหัวนนท์ได้ทุกเวลา มาเป็นยิ้มแฉ่งแล้ว คว้าถุงในมือนนท์ไปอย่างไว โดนแดนประชดให้นิดหน่อย

“เห็นแก่กิน”

“ก็คนมันหิว  โห...ซื้อมาให้ยีนตั้งสองกล่องแน่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะพี่นนท์” ยีนยิ้มปากจะฉีกอยู่แล้วครับ

“พี่กะจะซื้อมาสามกล่อง แต่คนนี้ห้าม บอกว่าเปลื้อง” นนท์โบ้ยหน้าไปหาแดน ผมขำที่เห็นยีนทำท่าเหมือนจะฆ่าแดนทันทีทันใด

“แหมๆ เงินคุณแดนก็ไม่ใช่นะคะ” ยีนว่า แดนไม่ตอบโต้อะไร นอกจากเดินลงส้นเข้าไปในห้องครัว แล้วยีนก็เดินตามเข้าไปครับ เสียงโวยวายจับใจความไม่ได้ก็ดังออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ เป็นเรื่องปกติของสองคนนี้ครับที่อยู่ด้วยกันต้องหาเรื่องมาทะเลาะกันตลอด

“คุยกันรู้เรื่องแล้วเหรอ?” ผมถาม เพราะเห็นนนท์อารมณ์ดี

“ยัง  แต่ก็โอเคขึ้น” นนท์บอก หน้าตามีความสุข มองเข้าไปในห้องครัวเป็นระยะ

“เหรอ...” ผมรับรู้อย่างคนที่เริ่มปลง ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามนนท์ เปิดฝากล่องข้าวแกงกระหรี่ที่นนท์ซื้อมาฝาก ตักเข้าปากสองสามคำ แล้วอารมณ์อยากกินของผมก็หมดไปอย่างมีสาเหตุ เมื่อสายตาผมมองไปเห็นโต๊ะด้านนอก ตัวที่คุณหมอกับสาวสวยน่ารักคนนั้นนั่งคุยกันถึงห้าชั่วโมงกว่าๆ

“ไม่อร่อยรึไง” นนท์ถาม แย่งช้อนพลาสติกจากมือผม ตักข้าวแกงกระหรี่เข้าปากตัวเอง (นนท์ก็ชอบข้าวแกงกระหรี่ครับ)

“ก็อร่อยเหมือนเดิมนี่”

“ไม่ค่อยหิว นนท์กินเถอะ” ผมเลื่อนข้าวแกงกระหรี่ให้นนท์ไป

ผมอยากกลับคอนโด ไม่อยากทำอะไรแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะทำเค้ก ทำขนม ทำคุกกี้ ไหนๆ แดนก็กลับมาแล้ว ขออู้งานสักวัน ไม่น่าจะมีใครว่าอะไรผม ผมเดินเข้าไปในครัว เห็นแดนยืนนวดแป้งทำขนมอยู่ ส่วนยีนกำลังมีความสุขกับการกินข้าวหน้าปลาไหลกล่องที่สอง

“ยีนกับแดน วันนี้พี่ขอตัวกลับก่อนนะ แล้วสิ้นเดือนจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้” ผมไม่ใช่เจ้านายที่อยากเอาเปรียบลูกน้องครับ ใช้งานเค้าตั้งแต่เช้ายังดึกต้องให้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่าเหนื่อยหน่อย

“จะไปกับพี่นนท์หรือคะ” ยีนถาม ขณะที่แดนชะงักมือที่นวดแป้งไปนิด

“เปล่า พี่ปวดหัวนิดหน่อยเลยอยากกลับไปพัก อยู่กันได้นะ” ใจจริงก็ไม่อยากทิ้งให้ทำงานกันแค่สองคน แต่วันนี้มันไม่ไหวจริงๆ เรื่องปวดหัวมันแค่เรื่องโกหก แต่อารมณ์ที่มันหดหายนี่แหละคือเรื่องจริง

“โห...อยู่ได้สิคะพี่ฟ้า ทำไมจะอยู่ไม่ได้ สองวันก่อนยังอยู่ได้เลย”

“งั้นพี่ไปนะ” ว่าแล้วผมก็เดินออกมาครับ เจอนนท์ที่กินข้าวแกงกระหรี่หมดพอดี

“จะกลับแล้วเหรอ?” นนท์ถาม เมื่อเห็นผมเดินถือกระเป๋าออกมาจากหลังเคาน์เตอร์

“อืม ไม่สบายนิดหน่อย”

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่” นนท์ลุกขึ้นยืน เดิมมาเอามือมาแตะหน้าผากผม

“แค่ปวดหัวน่ะ”

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?” นนท์ถามอย่างคนที่รู้จักผมดี ตาสีอ่อนตาจ้องตาผมคล้ายกับจะให้คลายความจริงออกมา

“ไม่มี”

“มันต้องมีสิ ไม่มีฟ้าจะเป็นแบบนี้เหรอ ข้าวก็ไม่ยอมกิน” ผมคงผิดปกติไปจริงๆ นนท์เองก็ดูออก

“นิดหน่อย”

“เรื่องคุณหมอ?”

“ฝากช่วยยีนกับแดนปิดร้านด้วยนะ ไปล่ะ” ผมไม่ตอบครับ เปลี่ยนเรื่องไปเลย แล้วก็ไม่รอให้นนท์ซักไซ้อะไรอีก ผมรีบก้าวเท้าออกจากร้านมาอย่างเร็ว

ผมบอกแล้วก็เดินออกจากร้าน ลมเย็นๆ ตอนสองทุ่มเกือบสามทุ่ม ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีได้เลย ซอยที่ผมเดินแทบจะทุกคืน (ไม่ได้เดินกลับทุกครั้งครับ บางครั้งผมก็ขับรถมาทำงาน บางครั้งนนท์ก็ขับรถมาส่ง) สว่างด้วยไฟข้างทาง แสงไฟจากร้านค้าริมทาง และไฟจากรถที่วิ่งสวนกันไปมา

ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำผมก็มาถึงห้อง

Rrrrrrr....

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทันทีที่ผมใส่ชุดนอนเสร็จ มันไม่ใช่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ผม ผมเดินตามเสียงที่ดังขึ้น มันวางอยู่บนโต๊ะหนังสือของผม โทรศัพท์ของคุณหมอ ผมหยิบมันขึ้นมา หน้าจอปรากฏว่าเป็นเบอร์ส่วนตัว คนโทรน่าจะใช้ตู้สาธารณะโทรมา และน่าจะเป็นเจ้าของโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน

“ถ้าอยากได้โทรศัพท์คือ พรุ่งนี้ผมเอาไปคืนให้ที่คลินิก” ผมพูดเสียงห้วน เพราะรู้ว่าคนปลายสายเป็นใคร

“คุณฟ้าครับ คือผม....” คุณหมอเงียบไป ผมได้ยินเสียงถอนหายใจไปหลายที

“จะคืออะไรอีกครับ ถ้าไม่พูดก็วางไป ผมจะไปนอน ไม่มีเวลามายืนฟังคนถอนหายใจเล่นหรอกนะครับ” ผมว่า หงุดหงิดครับ หงุดหงิดมาตั้งแต่บ่ายแล้ว

“ผมอยู่หน้าคอนโดคุณฟ้า ลงมารับผมหน่อยได้ไหมครับ”

“ทำไมผมต้องลงไปรับ” ไม่สบอารมณ์อย่างแรงครับ โทรมาเพื่อจะให้ผมลงไปรับ เห็นคอนโดผมเป็นโรงแรมรึไง

“คุณฟ้าโกรธผมอยู่ใช่ไหมครับ” แทนที่จะตอบคำถามผม คุณหมอกลับถามจี้ใจผมจังๆ ที่ผมเป็นอยู่เนี้ย มันเรียกว่าโกรธได้ได้รึเปล่าล่ะ

“ไม่รู้”

“โกรธผมแน่ๆ”

“มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องโกรธคุณหมอ คุณหมอไม่ได้ทำอะไรให้ผมต้องโกรธนี่ครับ” ใช่แล้ว คุณหมอไม่ได้ทำอะไรให้ผมโกรธเลยสักนิด แค่ผมโกรธของผมเองต่างหาก

“ผมอธิบายได้นะครับ” ใครเค้าอยากฟังกันล่ะ

“ผมไม่อยากฟัง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายนะครับ พรุ่งนี้จะรีบเอาโทรศัพท์ไปคืนให้”

“อย่าเพิ่งครับ...ตรงนี้ยุ่งเย๊อะเยอะครับ กัดผมจนจะตัวลายอยู่แล้ว”

“แล้วจะอยู่ให้ยุ่งกัดทำไม กลับไปสิครับ” ผมว่า แต่อดเป็นห่วงไม่ได้ ช่วงนี้ยุ่งเยอะ ตู้โทรศัพท์หน้าคอนโดของผม มันก็อยู่ในมุมมืดด้วย

“งั้นผมรออยู่ที่ประตูนะครับ.....ตุ๊ดๆๆๆ”

ผมยังไม่ทันอ้าปากคัดค้านอะไรเลย คุณหมอก็ชิงวางสายไปก่อน เป็นการบังคับให้ผมต้องคว้ากุญแจเดินออกจากห้องลงมารับคุณหมอสัตว์ที่ยืนทำหน้าจ๋อยอยู่ตรงประตูคอนโด มือข้างหนึ่งถือตะกร้าผ้า อีกข้างถือเสื้อผ้าที่รีดและแขวนมาอย่างเรียบร้อยจากร้านซักรีด มีลุงยามยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

.

.

.

.

.


Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
“อาบน้ำเสร็จก็ช่วยดับไฟให้ด้วยนะครับ ผมจะนอน” ผมบอก เมื่อคุณหมอเตรียมตัวจะเข้าห้องน้ำ มันเป็นประโยคแรกที่ผมเปิดปากพูดกับคุณหมอ ส่วนคุณหมอเองคงอยากจะอธิบายอะไรๆ อย่างที่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ด้วยหน้าตาที่ไม่รับแขกของผม เลยทำให้ไม่กล้าเข้ามาคุยอะไรกับผม ได้แต่ตัวลีบๆ เอาเสื้อผ้าที่ซักรีดเรียบร้อยแล้วใส่ตู้ บางส่วนที่ไม่ได้แขวนก็พับเก็บไว้ให้เข้าที่

ปกติผมจะชอบอ่านหนังสือ (วรรณกรรมเด็ก) ก่อนนอน แต่คืนนี้ ยอมรับว่าไม่มีอารมณ์จริงๆ เวลาก็แค่สี่ทุ่มนิดๆ เอง ไม่ใช่เวลาที่ผมจะปิดเปลือกตาให้สนิทได้ง่ายๆ

ผมพยายามสะกดตัวเองให้หลับ แต่มันก็ยากเกินไป พยายามอยู่นานก็ไม่ได้ผล เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมาเบาๆ รู้ว่าคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จพยายามจะให้เสียงมันรบกวนผมให้น้อยที่สุด ในห้องเงียบมาก ได้ยินเสียงลมหายใจของตนเองชัดเจน พอๆ กับที่ได้ยินทุกเสียงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของคนร่วมห้อง แล้วพื้นที่ว่างข้างตัวผมก็ยุบลงด้วยน้ำหนักของคนร่วมเตียง

แปลกมากที่ท่อนแขนแข็งแรงของคุณหมอไม่พาดเข้ามาที่เอวของผม แล้วลากตัวผมเข้าไปกอด ผมนอนนิ่งอยู่นานมาก รำคาญตัวเองที่อยากรู้ว่าทำไมคุณหมอไม่หาเศษหาเลยกับเนื้อตัวผมเหมือนที่ชอบทำ ผมทนไม่ไหวเลยหันกลับไปมอง คุณหมอนอนตะแคงมาทางผมอยู่ก่อนแล้ว ผมอึ้งไปสักพัก สบสายตากับคุณหมอในความสลัวของห้องที่พอจะเห็นดวงตาคมเข้มนั้นได้พอสมควร

เราสองคน...

ต่างคนต่างไม่พูดอะไร

ราวกับเล่นเกมจ้องตากัน

สุดท้ายแล้ว...

ก็เป็นผมเองครับที่ขยับเข้าหาคุณหมอ สอดแขนเข้าไปที่เอวหนา กอดเอาไว้ ซบหน้าลงกับอกกว้าง อกของคุณหมออุ่นดีครับ แล้วคุณหมอก็กลับมาเป็นฝ่ายกอดผมแทบจะทันที ผมไม่เข้าใจตัวเองครับ ว่าทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย

“อึดอัดหรือครับ” คุณหมอถามเมื่อผมดิ้นเพื่อจะออกจากอ้อมแขน อ้อมกอดของคุณหมอทำให้ผมรู้สึกดีครับ แต่ไอ้อะไรที่ทิ่มผมอยู่ด้านล่าง มันชวนให้ต้องถอยห่างออกมา

“ก็ของคุณหมอจะมาแข็งอะไรตอนนี้ครับ” ปากผมพูดตามใจคิด อายนะ ไม่ใช่ไม่อาย ได้ยินเสียงคุณหมอหัวเราะในลำคอ ปากหนาเลื่อนลงมาใกล้หน้าผม กระซิบบอกถ้อยคำแผ่วเบาว่า

“ก็เพราะคุณฟ้าทำให้มันแข็ง”

“......”

ผมอยากตะโกนให้ลั่นห้อง ดูปากคุณหมอ พูดอย่างไม่คิดจะอายอะไรเลย แล้วทำไมผมต้องรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าด้วย ยิ่งคิดจะขยับตัวถอยหนี มือใหญ่ก็ยิ่งยึดให้ผมดิ้นไม่หลุด ยิ่งสัมผัสเข้ากับความแข็งขื่นเบื้องล่างชิดกับหน้าท้องของผม

อะไรๆ ของผม มันก็ช่างรู้หน้าที่เหลือเกิ๊น

“ของคุณฟ้าก็.....”

“หยุดพูดนะคุณหมอ” ผมตะโกนห้ามเสียงดัง ก่อนที่คุณหมอจะพูดออกมาจนจบประโยค

“ครับ ไม่พูดครับ” น้ำเสียงมีความสุขจริงๆ นะคุณหมอ ต่างกับเมื่อตอนคุยโทรศัพท์ลิบลับ จะโทษใครได้นอกจากโทษตัวเอง ทำตัวบ้าบอเข้าไปกอดคุณหมอเอง คุณหมอถึงได้ใจอยู่อย่างนี้

“คุณฟ้า” อะไรในน้ำเสียงของคุณหมอที่เรียกชื่อผม ทำเอาสติผมกระเจิง  รู้ครับว่าจะเกิดอะไรตามมา ร่างหนาที่พลิกตัวผมให้ตกอยู่ด้านล่าง โดยมีร่างหนาแนบทับลงมา ปากของคนพูดน้อย (กว่าผม) ค่อยๆ กดแนบลงมา ก่อนจะเลาะริมชิมกลีบปากด้านนอก แล้วแทรกลิ้นเข้ามาภายใน กวาดต้อนพร้อมกระตุ้นให้ตอบรับ...

แล้วผมก็หลงกลไปกับรสจูบนั้น กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อเนื้อหนังมันโดนความเย็นของเครื่องปรับอากาศแตะต้อง ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนจับถอดจนเปลือยไปตอนไหน

“คุณหมอ เดี๋ยวก่อนครับ” ผมใช้มือยันใบหน้าที่ระรานอยู่บนร่างกายของผม ร่างหน้าแทรกตัวอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของผม

“อะไรครับ” คุณหมอเงยหน้าขึ้นมา เหมือนจะไม่สบอารมณ์นิดๆ ที่ผมไปขัดจังหวะกอบโกยของเขา

“ก็คุณหมอกำลังทำอะไรอยู่ล่ะครับ” ผมย้อนถามเสียงแข็ง ขืนตัวออกแต่ไม่สำเร็จอีกตามเคย คุณหมอเนี่ยแข็งแรงจริงๆ

“ทำรัก...โอยย ทำร้ายผมอีกแล้ว” คุณหมอร้องเพราะโดนผมหยิกเข้าที่ต้นคอ ผมไม่ได้หยิกแรงเท่าไหร่เลย แต่คุณหมอโอเวอร์แอคติ้งกลิ้งไปนอนแผ่หลาในสภาพชีเปลือย

“คุณฟ้าไม่อยากเหรอครับ” แล้วคุณหมอก็เท้าแขนตะแคงตัวลุกขึ้นมาถาม ไม่วายที่จะแกล้งผมด้วยการมองต่ำลงไป ผมต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุม ซ่อนมันจากสายตาผู้ไม่ประสงค์ดี แล้วเผื่อแผ่ไปคลุมร่างหนานั้นด้วย กลัวเป็นกุ้งยิงครับ

“ไม่อยากครับ” คำตอบชัดเจน คุณหมอไม่ว่าอะไร ทำแค่ลุกขึ้นนั่ง แล้วก้มเก็บเสื้อผ้าของผมกับของตัวเองขึ้นมา ยื่นตัวที่เป็นของผมให้กับผม ผมรับมาถือไว้ในมือเฉยๆ ไม่ได้ลุกขึ้นใส่เหมือนที่คุณหมอกำลังยืนใส่เสื้อผ้าของตัวเอง

ชุดนอนของคุณหมอ แค่บ็อกเซอร์กับเสื้อกล้าม

“ไม่ใส่เหรอครับ” คุณหมอถาม พลางเอนตัวลงนอนข้างๆ ผมมองดูเสื้อผ้าในมือ ช่างใจอยู่นานก่อนจะวางมันไว้บนพื้นข้างเตียง พลิกตัวเข้าไปกอดคุณหมอที่หันมากอดผมตอบ

“ผู้หญิงเมื่อตอนบ่ายนั่นใครครับ” สุดท้ายผมก็ถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ดูสวย ดูน่ารัก แบบที่ผู้ชายหลายคนเห็นแล้วต้องหันมามอง

“น้องหวาน ว่าที่เจ้าสาวของอิง”

“หา...ว่าที่เจ้าสาวของคุณอิง” ผมลุกขึ้นนั่ง เอื้อมเปิดไฟหัวเตียงให้สว่างพอที่จะได้คุยกับคุณหมอแบบเห็นหน้ากันชัดขึ้น คุณหมอขยับตัวลุกขึ้นนั่งตามผม

“ครับ ว่าที่เจ้าสาวของอิง”

“คุณอิงมีว่าที่เจ้าสาว แปลว่ากำลังจะแต่งงาน เรื่องของคุณหนึ่งล่ะครับ คุณหมอบอกว่าคุณอิงรักคุณหนึ่ง แล้วทำไมถึงจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้”

“แต่อิงก็ขอยกเลิกงานแต่งงานกับน้องหวานไปแล้ว”

มิน่าล่ะ คุณหวานถึงร้องไห้หนักขนาดนั้น คุณหมอต้องปลอบถึงห้าชั่วโมงกว่าๆ

“น่าสงสารจัง” ผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ที่เมื่อตอนกลางวันนึกไม่ชอบหน้าคุณหวาน เพราะเห็นว่าเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ให้คุณหมอต้องเสียเวลาปลอบ ความรู้สึกนั้นถูกลบทิ้งทันที

“ครับน่าสงสาร ผมก็ไม่รู้จะช่วยน้องหวานยังไง ที่สำคัญอิงมันตัดสินใจไปแล้ว” คุณหมอว่า

“นั่นสินะครับ ถึงมากก่อน แต่ถ้าเค้าไม่เลือกเรา เราก็คงทำได้แค่เสียใจ” เรื่องมันเศร้าคล้ายเรื่องของผมจริงๆ ผมกับคุณหวาน
เราสองคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือคนที่ถูกทิ้ง

คุณหมอดึงตัวผมเข้ามากอด โยกตัวผมไปมา

“ไม่ร้องนะครับ”

“ไม่ได้ร้องสักหน่อย เห็นไหมครับ น้ำตาไม่มี” ผมเงยหน้าที่ไม่มีน้ำตาสักหยดให้คุณหมอดู ผมแข็งแรงขึ้นแล้วมั้งครับ ผมถึงไม่มีน้ำตา ข้างในมันก็ไม่ร่ำร้องจนต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา ความเศร้าและโหยหาของผมที่มีต่อนนท์ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกโหวงเหวงในอก มันเหมือนผมกำลังจะเสียของสำคัญไป ไม่สิ ผมเสียมันไปแล้วต่างหาก ต่อไปเรื่องระหว่างผมกับนนท์ คงเป็นแค่ความทรงจำ คงไม่มีคำว่า ‘เรา’ ระหว่างผมกับนนท์อีกต่อไป

ใจมันหายเมื่อคิดว่าต่อไปผมจะไม่มีนนท์...

“แล้วคุณหวานจะทำยังไงต่อไปครับ” ผมกลับมาเรื่องของคุณหวานต่อ มันอยากรู้ คิดว่าเธอจะจัดการยังไงกับงานแต่งที่แจกการ์ดเชิญไปแล้ว

“น้องหวานรักอิง เค้าไม่อยากจะเสียอิงไป เค้าจะรอจนถึงวินาทีสุดท้าย จนกว่าจะแน่ใจว่าอิงไม่ได้รักเค้าแล้ว”

“ยังไงครับ” ผมไม่เข้าใจ

“น้องหวานไม่ยอมยกเลิกงานแต่งครับ ยืนยันที่จะให้มีงานแต่งต่อไป”

“ทั้งที่รู้ว่าคุณอิงรักคนอื่น แถมยังเป็นผู้ชายอีก เอ่อ...มันจะดีเหรอครับที่ยังตัดสินใจจะแต่งอยู่”

“น้องหวานยอมให้อิงมีหนึ่งได้ครับ ขอแค่อย่าทิ้งเค้าไป”

“แล้วมันจะดีเหรอครับ”

“ไม่ดีหรอกครับ ถึงน้องหวานจะพูดแบบนั้น แต่อิงคงไม่เลือกที่จะทำ”

“ผมควรจะดีใจกับคุณหนึ่งหรือสงสารคุณหวานดีครับ” ผมทิ้งตัวลงนอน ตามองเพดานห้อง เรื่องระหว่างคุณอิง คุณหนึ่ง และคุณหวาน
 ดูหนักหนากว่าผมเยอะเลย

“ผมว่าคุณฟ้าหันมาสงสารผมดีกว่าครับ เมื่อไหร่จะเห็นใจผมสักที” คุณหมอถามเสียงอ้อน ทิ้งตัวลงนอนข้างผม ก่อนดึงตัวผมเข้าไปกอดแบบเดิมๆ

“ถึงผมจะทำใจได้เรื่องนนท์ แต่ผมก็ไม่คิดจะหาใครมาแทนที่นนท์ในตอนนี้ครับ” หน้าคุณหมอเศร้าลงทันทีที่ผมพูดจบ
ผมไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆ นั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนใจดำที่ทำคนอื่นเสียใจ ผมพลิกตัวหนีสายตาตัดพ้อ แสร้งว่าหันไปปิดโคมไฟที่โต๊ะหัวเตียง แต่คุณหมอก็ยังตามมาสวมกอดจากด้านหลัง วางคางสากแนบกับแก้มของผม พูดเบาๆ ว่า

“ผมจะรอวันที่คุณฟ้ารับรักของผมนะครับ”

คำบอกที่จบลงด้วยสัมผัสบนผิวแก้มของผม มือที่พลิกให้ผมหันกลับไปรับรสจูบดูดดื่ม มือใหญ่ที่เคลื่อนผ่านไปทั่วร่างกายของผม กระตุ้นให้ผมตอบรับและให้ความร่วมมือ สานต่อจากเมื่อชั่วโมงที่แล้ว และคืนนี้ผมก็ไม่พ้นที่จะเสียตัวให้คุณหมออีกคืนหนึ่ง

เฮ้อ....นี่ขนาดว่า ผมยังไม่รับรักคุณหมอนะครับ

เฮ้อออ...ถ้ารับรักแล้ว นึกสภาพตัวเองไม่ออกครับว่าจะเป็นยังไง




คนเขียนอยากคุย

::: ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะเกิด 20 ตอน น่าจะจบเรื่องนี้ได้ แต่ตอนนี้ปาไป 17 ตอนแล้ว เรื่องยังเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่ถึงจุดจบแบบแฮปปี้ซะที คาดว่าอีกหลายตอนอาจถึง 30 นะคะ ถึงจะจบเรื่องนี้ได้  อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^___^ :กอด1:

Aeaw คร้า

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
 :impress2:ไม่เบือคะและก้อไม่มีวันเบืออยากอ่านไปนานๆ :o8:ชอบคุณหมอกับคุณฟ้าน่ารักดีอยากให้มีไปเรือยๆ :L1:

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
คุณฟ้าหงุดหงิดๆ อิอิ
ปล.ยังไม่เบื่อจร้า จัดมาได้เลย

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
คุณหมอหื่นดีอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






atommic

  • บุคคลทั่วไป
คุณหมอน่ารักจัง^^

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
เย้ๆ คุณฟ้าหึงเป็นแล้วววววว ดีใจกับคุณหมอสัตว์ด้วยค่า
บวกๆ ให้ค่า ไม่เบื่อเลยค่า ดีใจมากๆ ที่มาต่อให้อ่านเรื่อยๆ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เย้ฟ้าหึงคุณหมอ :z2:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อย่างนี้หวานก็น่าสงสารสิ อิงแย่มากๆเลย

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

เนี่ยะๆ คุณฟ้าหึงแบบไม่รู้ตัว 55
มีหวังแล้วนะคุณหมอ
เนียนแบบซิมลึกจริงๆ เหมือนชื่อตอน
รออ่านตอนต่อไปนะคะ

+1 ให้จ้าา

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ตั้งแต่อยู่กับคุณหมอ คุณฟ้าดูท่าจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่กับนนท์นะ

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
ชอบทุกตอนเลยครับ  สนุกดี 

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
อ่านได้ไม่เบื่อ แต่ถ้าดราม่าก็จะเซ็งไม่อยากอ่าน

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย



สุขสันต์วันปีใหม่ ปี 2555 นะคะ
ขอให้นักอ่านทุกคนมีความสุขตลอดปี 2555
ร่ำรวยความรัก ร่ำรวยความสุข ร่ำรวยเงินทองกันถ้วนหน้านะคะ อิอิ

^_____^

ปล. ส่วนตอนที่ 18 รอคนโพสกันนะคะ หุหุ
ปล. ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องนี้นะคะ (ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ที่ค้างเอาไว้ จะรีบปั่นต่อนะคะ)
ปล.อีกนิด แอบอยากมีเพจนิยายเป็นของตัวเอง เลยไปทำมา อิอิ ฝากด้วยนะคะ
นิยาย by aeaw สีเหลืองอ่อน

......

โฮกกกกก กว่าจะโพสรูปติดได้ อิอิ
ฝีมือการทำรูปที่เลิศที่สุดของเราาา Y^Y
ทำการ์ดปีใหม่ได้แค่นี้จริงๆๆ ทำมาครึ่งชั่วโมงเลยนะคะเนี้ยยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2012 23:16:21 โดย i_ang »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คิดว่าถ้าคุณฟ้ารับรักคุณหมอแล้ว
คงได้ตายคาเตียงแน่ๆ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด