"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 512921 ครั้ง)

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีปีใหม่คนอ่านที่น่ารักทุกๆคนนะค่ะ   คนโพสแอบหนีไปเก็บสายลมหนาวและไอหมอกอยู่นาน

ปีใหม่นี้ 2'555'ขอให้คนอ่านทุกคนรวยๆสวยๆ หล่อๆ เฮงๆๆๆนะเจ้าค่ะ
:กอด1:


ตอนที่ 18 ความหวั่นไหว

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า โดยไม่ถูกถีบตกเตียง กายหอมๆ ที่กอดมาตลอดคืนยังแนบอยู่กับอก ใบหน้าน่ารักยังชวนมองเหมือนเคย ตาสวยถูกปิดซ่อนอยู่หลังเปลือกตาบาง ผมกดจูบแสนเบาที่หน้าผากเกลี้ยง แก้มใสที่อยู่ใกล้ และกลีบปากบางสีอ่อน ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก้มหยิบหมอนข้างที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมา (ผมโยนมันลงไปเองเมื่อคืน) เอามาให้คุณฟ้ากอดแทนตัว แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้หกโมงเกือบเจ็ดโมงแล้ว

ระหว่างที่ผมอาบน้ำ ผมคิดไปถึงเรื่องเมื่อวาน ไม่รู้ว่าผมคิดเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า คุณฟ้าดูจะหึงผมกับน้องหวาน ตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำที่ผมนั่งคุยกับน้องหวาน (เรียกว่าปลอบมากกว่า) บ่อยๆ ที่ผมหันไปเจอสายตาที่คุณฟ้ามองมา ดูไม่ออกหรอกครับว่าคิดอะไร แต่ถ้าให้ดูท่าทางที่แสดงออกมาให้เห็น ทำเอาผมคิดเข้าข้างตัวเองอยู่มาก...

ว่าคุณฟ้าหึงผมกับน้องหวาน

หึงจนถึงขั้นโกรธ

ยิ่งตอนเดินตามคุณฟ้าเข้าไปในห้อง หลังจากโทรเข้ามือถือตัวเองเพื่อให้คุณฟ้าลงมารับ บรรยากาศตอนนั้นเกินบรรยายออกมาเป็นคำพูด บอกได้ง่ายๆ เลยว่า มันมึนตึง เฉยชา ผมต้องทำตัวเล็กลีบไม่ให้ขวางหูขวางตาคุณฟ้า อยากเข้าไปกอดให้หายโกรธ อยากอธิบายให้เข้าใจว่าทำไมผมถึงกอดน้องหวานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณฟ้าก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผม  เดินเข้าห้องมาก็ล้มตัวลงนอน ห่มผ้ามิดหัว นานกว่าจะโผล่หน้าออกมาให้เห็น แต่สายตาขุ่นขวางนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่า การทำตัวลีบเล็กและเก็บคำพูดของตนเองเอาไว้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นผมอาจจะต้องระเห็จออกไปจากคอนโดคุณฟ้าได้ในวินาทีที่ผมอ้าปากพูด

แต่สุดท้ายแล้ว คุณฟ้าก็เป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้ผมได้แก้ตัว ทั้งที่ตอนแรกผมถอดใจไปแล้วว่า ยังไงคืนนี้ก็คงไม่สามารถอธิบายอะไรให้คุณฟ้าเข้าใจได้ คุณฟ้าเป็นคนที่ผมตามอารมณ์ไม่ทันซะเลย นาทีก่อนหน้านี้อาจจะโกรธแบบสุดๆ แต่นาทีต่อมาก็กลับกลายเป็นคนละคน ลักษณะเหมือนคนสับสนในตัวเอง หรือไม่ก็เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว โดยที่ผมไม่ได้ออกแรงง้ออะไรเลย

โกรธเอง หายเอง ...

ผมมองเจ้าของใบหน้าน่ารักที่ผมกำลังตกหลุมรักอีกครั้ง หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำ ยังไม่ได้แต่งตัวเพราะเหลือบไปเห็นนาฬิกาเสียก่อน ตอนนี้มันเจ็ดโมงครึ่งแล้ว คุณฟ้ายังนอนกอดหมอนข้างหลับตาพริ้ม    ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ยืนชั่งใจอยู่นานว่าจะปลุกดีไหม ดูนาฬิกาอีกที เจ็ดโมงสี่สิบ ไม่ปลุกคงไม่ได้แล้ว

“คุณฟ้าครับ” ผมตัดสินใจปลุกคนที่กำลังมีความสุขกับการนอน เขย่าไหล่บางแรงๆ ให้ตื่น เพราะคุณฟ้าเป็นคนหลับลึกเขย่าเบาๆ คงไม่รู้สึกตัว เปลือกตาบางขยับนิดๆ ก่อนจะเผยหน่วยตาสวยขึ้นมามองหน้าผม

“เจ็ดโมงสี่สิบแล้วครับ” ผมบอก คนฟังขยี้ตาเบาๆ แล้วพลิกตัวนอนหงาย ปิดปากหาว ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้น ภาษากายที่เข้าใจได้ว่าต้องการให้ผมดึงให้ลุก

“ต่อไปเจ็ดโมงครึ่งปุบปลุกผมเลยนะครับ” คุณฟ้าบอก บอกแบบนี้จะให้ผมแปลความหมายเข้าข้างตัวเองใช่ไหม

“ครับ” ทันทีที่คุณฟ้าลุกขึ้นนั่ง หน้าผากเกลี้ยงก็วางแมะที่หน้าอกผมเหมือนเด็กขี้อ้อน แล้วกอด แปลกใจที่คุณฟ้าเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการกอดผม ผมกอดตอบคุณฟ้า ใจก็อยากจะดันร่างเพรียวให้ล้มตัวลงไปนอนกับเตียงนุ่ม แล้วทำอะไรๆ ที่เคยทำกับร่างกายนี้เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา แต่ต้องห้ามใจตัวเอง ปล่อยคุณฟ้าออกจากอ้อมแขน หากไม่ลืมจุ๊บที่แก้มใสใกล้ปากของตัวเอง

“อาบน้ำได้แล้วครับ” ผมบอก ดันร่างเพรียวออก แต่เจ้าของร่างกลับขืนตัวเอาไว้ ปากบางจูบซับเบาๆ บนหัวไหล่ของผม น่าจะตรงจุดที่มีรอยฟันเล็กๆ ฝากเอาไว้

“เจ็บไหมครับ” จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ทำผมแปลกใจอีกแล้ว

“ไม่ครับ” ผมตอบ มันไม่ได้เจ็บอะไรเลยจริงๆ ทั้งตอนนี้และตอนนั้น ตอนที่เขี้ยวเล็กๆ กัดแล้วฝังรอยไว้ที่หัวไหล่ผม เมื่อถึงขีดของความเจ็บจากการรุกรานและดึงดันจากตัวตนของผม รวมถึงรอยเล็บที่จิกลงบนแผ่นหลังและแผ่นอก เมื่อคืนผมใส่แรงไปเยอะกว่าทุกครั้ง ยิ่งเสียงครางหวานของคนใต้ร่างที่ได้ยิน ยิ่งทำให้อารมณ์มันโหมกระพือ ห้ามปราบความต้องการทั้งหมดไม่ได้

“แน่นะครับ” คุณฟ้าเงยหน้าขึ้นมาถาม ตาสวยกำลังคิดอะไรอยู่ไม่รู้ มือเรียวสัมผัสเบาๆ บนรอยเขี้ยวคมที่จูบซับมันไปเมื่อครู่

“แน่สิครับ ผมจะไปเจ็บอะไรล่ะครับ คนที่เจ็บน่าจะเป็นคุณฟ้ามากกว่า เจ็บมากไหมครับ” ผมย้อนถาม จูบแก้มขึ้นสี น้อยครั้งที่จะเห็นใบหน้าขึ้นสีแบบนี้ของคุณฟ้า ครั้งสองครั้งเองมั้งตั้งแต่ทำเรื่องอย่างว่ากันมา

“เจ็บครับ...เอ่อ เมื่อคืนคุณหมอทำแรง” เสียงน่ารักพูดบอก อาการขัดเขินเห็นได้ชัดบนใบหน้า ก่อนจะก้มหนีสายตาด้วยการซุกใบหน้าเข้ากับอกของผม เรียวแขนโอบรอบเอวผมไว้หลวมๆ

“ทำไมไม่บอกละครับ จะได้ยั้งแรงไว้” ผมเชยคางมนขึ้นมาสบตา วูบหนึ่งที่คนน่ารักขี้อ้อนหลบตา แต่แล้วก็กลับมาจ้องตอบ

“แน่ใจเหรอครับว่าจะทำได้ ขนาดผมห้ามไม่ให้ทำ ยังห้ามไม่ได้เลย” คนน่ารักว่า หน้าขึ้นสีหนักกว่าเดิม คงคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ห้ามไม่ให้ผมต่อรอบสองไม่ได้ ห้ามเสียงเบาอย่างนั้นจะห้ามใครได้ แถมเสียงห้ามยังมาพร้อมกับเสียงครางหวานๆ อีก ใครจะหยุดความต้องการได้ล่ะ

“เรื่องห้ามทำ ห้ามไม่ได้ แต่เรื่องยั้งแรงพอจะยั้งได้ครับ” พอพูดจบก็โดนกำปั้นทุบเข้าที่ไหล่ ไม่แรงมาก พร้อมกับร่างกายที่ขยับออกห่าง ตอนที่ผมกำลังจะก้มลงไปจูบปาก

“จะอาบน้ำ”

Rrrrrr….

โทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบดูว่าใครโทรมาหาแต่เช้า คุณฟ้ามองผมนิดหนึ่งก่อนจะลุกออกจากเตียงไป

“สวัสดีครับน้องหวาน” น้องหวานคือคนที่โทรมาหาผม เพราะผมมองตามร่างเพรียวตั้งแต่ก้าวลงจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำ ถึงได้เห็นว่าร่างเพรียวนั้นหยุดชะงักทันทีที่รู้ว่าใครปลายสายเป็นใคร แล้วหันกลับมายืนพิงกรอบประตู กอดอกฟังผมคุย

(พี่หมอ...หวานอยากเจอพี่หมอ) เสียงของน้องหวานไม่ได้ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน มันเจือไปด้วยร่องรอยความเศร้า

“มาหาพี่หมอที่ร้านสิครับ” ผมบอก เข้าใจว่าตอนนี้น้องหวานต้องการที่พึ่ง แล้วผมก็เป็นที่พึ่งนั้น 

(หวานนั่งอยู่ที่หน้าคลินิกพี่หมอแล้ว) ตรงหน้าคลินิกมีส่วนย่อมเล็กๆ กับชุดเก้าอี้ให้ลูกค้าได้นั่ง สำหรับลูกค้าที่ไม่อยากนั่งรอด้านใน

“งั้นนั่งรอพี่หมออยู่ตรงนั้นนะครับ อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวพี่หมอถึง” ผมคำนวณเวลาแล้วว่าน่าจะสักครึ่งชั่วโมงคงถึงที่คลินิก

(ค่ะ พี่หมอ)

น้องหวานตอบรับเสียงค่อย ได้ยินเสียงสะอื้นแว่วเข้ามา ก่อนที่สายจะถูกตัดไป ผมสงสารน้องหวานแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาว พร้อมวางชีวิตไว้กับผู้ชายคนหนึ่งที่รักกันมานาน แต่แล้วทุกอย่างก็พังลงมาไม่เป็นท่า คนผิดคืออิง เพื่อนของผมคือคนที่ผิด ผิดที่หักหลังผู้หญิงคนนี้ ผิดที่หัวใจเปลี่ยนไป ผิดที่ไม่ตัดสินใจเลือกน้องหวาน กลับเลือกอีกคนหนึ่งที่มาทีหลัง แต่อิงจะผิดมากกว่านี้และทำร้ายชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดชีวิต หากไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง

โชคดีที่อิงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง น้องหวานอาจจะเจ็บแค่วันนี้ ยังดีกว่าที่ต้องเจ็บไปตลอดชีวิต

“คุณหวานรออยู่เหรอครับ” 

“ครับ รออยู่หน้าคลินิก”

“งั้นรีบไปสิครับ ไม่ต้องรอผมหรอก เดี๋ยวคุณหวานรอนาน” คุณฟ้าว่า แล้วหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า (ชุดเสื้อผ้าที่ผมโทรให้พี่ชายเอามาให้เมื่อตอนเย็น ก่อนหน้าที่จะส่งน้องหวานกลับบ้าน) พอแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้อง ไม่ได้จะไปหาน้องหวานตามที่คุณฟ้าบอก แค่ออกมาจัดการกับข้าวของในห้องนั่งเล่นให้เป็นระเบียบขึ้น

ห้องคุณฟ้ารก ไม่ใช่รกธรรมดา รกมาก เหมือนเจ้าตัวใช้แล้วไม่เก็บหรือไม่ก็ไม่มีเวลาเก็บ ดูจากสภาพการทำงานของคุณฟ้าที่เปิดร้านตั้งแต่แปดโมงและเปิดเอาตอนสามทุ่ม แล้วยังต้องอยู่ทำขนมถึงดึกดื่น กลับถึงห้องก็คงอาบน้ำแล้วหลับเลย แถมทำงานแบบไม่มีวันหยุดด้วย (ตามคำบอกของสาวยีน) ห้องถึงได้รกมากเพราะไม่มีเวลาว่างที่จะทำ

ผมลงมือเก็บข้าวของให้เข้าที่ เริ่มจากหนังสือที่วางเกะกะ ไม่เป็นที่เป็นทาง อยู่มุมนี้บ้างมุมโน่นบ้าง ขวดน้ำกับแก้วน้ำ กระเป๋ากับผ้าพันคอ หมวกกับเสื้อเชิ้ต ร่มกับไม้ปัดฝุ่น กระปุกยากับโหลใส่ลูกอม ขวดซอสกับกล่องใส่เงินเหรียญ แล้วก็ตะกร้าใบเล็กข้างในมีกุญแจอยู่สองชุด นี่แค่บางส่วนที่ผมหยิบจับให้มันไปอยู่ในทีทางของมันเอง ยังเหลืออีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้จัดการเพราะประตูห้องนอนที่เปิดออกมาเสียก่อน

“อ้าว...นึกว่าไปแล้วซะอีก ....เอ่อ อันนั้นไม่ต้องทำก็ได้ครับ เดี๋ยวผมทำเอง”  ตอนแรกคงแปลกใจที่เห็นผมยังไม่ไปไหน ต่อมาก็คงเกรงใจที่เห็นผมจัดการกับห้องรกๆ ของตนเองอยู่ ห้องเรียบร้อยขึ้นเป็นกองครับ

“ไม่เป็นไรครับ”

“ผมเกรงใจ” คุณฟ้าว่าเสียงเบา

“งั้นผมขอไอ้นี่เป็นค่าตอบแทนนะครับ” ค่าตอบแทนของผมไม่ได้มากอะไรเลย ก็แค่กุญแจห้องชุดของคุณฟ้าในมือผมเท่านั้นเอง

“ก็ได้ครับ” ให้กันง่ายๆ จนผมแปลกใจเป็นรอบที่สามของเช้าวันนี้

.

.

.

.

.
 


Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนผมมาถึงคลินิกเจอน้องหวานนั่งอยู่ในสวนด้านหน้า มีเบียร์นั่งคุยอยู่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่ด้วยนิสัยเข้ากับคนง่ายและเป็นคนคุยสนุก ทำให้ผมเห็นว่าหน้าตาที่บวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้หนักมาทั้งคืนของน้องหวานพอจะมีรอยยิ้มได้บ้าง พอผมเดินเข้าไปหา เบียร์ก็ขอตัวเข้าไปทำงานต่อ บอกว่าออกมาคุยเป็นเพื่อนน้องหวานเพราะเห็นนั่งอยู่คนเดียว

“หิวข้าวไหม?” ผมถาม ขณะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องหวานส่ายหน้าแทนคำตอบ

“หวานอยากเจอพี่อิง พี่หมอพาหวานไปหาพี่อิงได้ไหม” 

เมื่อวานหวานก็ขอให้ผมพาไปหาอิง แต่ผมเลี่ยงที่จะพาไปเพราะมันไม่ใช่เวลาที่ดีแน่ ถ้าคนสามคนจะมาเผชิญหน้ากัน ทั้งอิง หนึ่ง และน้องหวาน ผมอยากให้อิงเคลียร์กับหนึ่งให้รู้เรื่อง การกลับมาแก้ปัญหาระหว่างอิงกับน้องหวานจะได้ง่ายขึ้น ถึงผมจะสงสารน้องหวานแต่อิงก็คือเพื่อนและหนึ่งก็เป็นคนที่ผมรู้จัก

ผมไม่อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งเสียใจไปมากกว่านี้...   

“ได้ไหมพี่หมอ” มือเล็กเกาะแขนผมอย่างร้องขอ เห็นหน่วยตารื้นน้ำตา ก่อนจะไหลลงบนแก้มสีซีด น้องหวานร้องไห้หนักตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงวันนี้น้ำตาก็ยังไหลไม่ขาดสาย

“พี่ไม่แน่ใจว่าอิงกลับกรุงเทพหรือยัง พี่ขอโทษไปถามมันก่อนนะ” และจะถามอิงมันด้วยว่าพร้อมจะเจอน้องหวานหรือยัง เพราะเมื่อคืนหลังจากพาน้องหวานกลับบ้าน ผมก็โทรหาอิงมัน ตอนนั้นมันยังอยู่ที่จันทร์กับหนึ่ง อิงบอกผมว่ากำลังคุยกับหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุยกันแบบไหน ผมถึงได้ยินเสียงสะอื้นของคนที่อิงคุยด้วยเข้ามาเป็นระยะ ผมเลยไม่ได้พูดถึงเรื่องของน้องหวาน แต่อิงมันก็เหมือนรู้ครับว่าน้องหวานต้องมาหาผม มันถึงบอกว่ายังไม่พร้อมจะเจอน้องหวานตอนนี้ เอาไว้ให้พร้อมแล้วจะไปหาน้องหวานเอง

“ขอบคุณค่ะพี่หมอ” น้องหวานยิ้มทั้งน้ำตา มือที่เกาะแขนผมอยู่เปลี่ยนเป็นกำผมแน่น เมื่อผมยกโทรศัพท์แนบหู

(ว่าไงหมอ)

“กลับกรุงเทพยัง?”

(กำลังขับรถไปหาแก) อิงกำลังมาหาผม โดยไม่รู้ว่าน้องหวานอยู่ที่นี้กับผม ผมหันไปมองน้องหวานที่มองผมด้วยสายตามีความหวัง ไม่บอกครับว่าอิงกำลังจะมาที่นี่ ถ้าบอกออกไปแล้วอิงไม่มา น้องหวานจะเสียใจกว่าเดิม เพราะอีกฝ่ายหลบหน้า

“น้องหวานอยู่กับฉัน เค้าอยากคุยกับแก” ผมบอก เพื่อให้อิงรู้ว่าน้องหวานอยู่กับผม ดูว่าอิงมันจะทำยังไง ยังจะมาหาผมอยู่หรือเปล่า 

(อืม...ถึงแล้ว) อิงไม่ได้ตอบผมตรงๆ แต่รถสีขาวที่แล่นมาจอดตรงหน้าคลินิกก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด ว่าอิงพร้อมจะคุยกับน้องหวาน

“พี่อิง” น้องหวานเดินเข้าไปคนที่เปิดประตูรถลงมา หน้าอิงเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หางคิ้วด้านซ้ายมีผ้าพันแผลแปะอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนเยอะขนาดนี้ เหมือนว่ายืนอยู่เฉยๆ ให้เขาซ้อม

“ทานอะไรมารึยัง” อิงถาม น้องหวานส่ายหน้าเป็นคำตอบ ใบหน้ามีคำถามแต่ไม่กล้าถาม

“หวานคิดถึงพี่อิง หวานอยากคุยกับพี่อิง” น้องหวานว่าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ก่อนจะถูกอิงดึงเข้าไปกอดปลอบ

“พี่อยู่นี่แล้วไงครับ ปะ ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่านะครับ.....ขอบใจมากนะหมอ” อิงหันมาบอกผม แล้วพาน้องหวานขึ้นรถ ขับออกไป ทิ้งให้ผมมองตาและเอาใจช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ไม่มีใครต้องเจ็บช้ำไปมากกว่านี้

ผมหวังว่าอิงจะทำให้จะผ่านปัญหานี้ไปได้ และน้องหวานจะหายจากความเจ็บช้ำที่รุนแรงในครั้งนี้ไปได้เช่นกัน

Rrrrrr….

โทรศัพท์ผมดัง คุณหญิงแม่เป็นคนโทรมา

“ครับคุณแม่”

(คุณแม่โทรมาเตือนตาหนูว่าอย่าลืมนัดของเราเย็นนี้นะคะ)

“ไม่ลืมครับ” ความจริงเกือบจะลืมไปแล้ว

(ดีมากค่ะตาหนูลูกของคุณแม่ ห้าโมงเจอกันนะคะ)

ผมวางสายจากคุณหญิงแม่ เดินเข้ามาในคลินิกก็เจอกับเจ้าเบียร์ที่ยืนรอผมอยู่ก่อนแล้ว ท่าทางเหมือนมีเรื่องยากถามผม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินเข้าห้องตรวจ คิดว่าน่าจะอยากรู้เรื่องของอิงกับน้องหวานมั้งนะครับ เบียร์กับน้องหวานก็พอรู้จักกันเพราะน้องหวานแวะมาที่คลินิกของผมบ่อยๆ

.

.

.

.

.

เกือบบ่ายสองครับที่ผมผลักประตูร้านเชิญครับเข้าไป ลูกค้ายังแน่นร้าน แทบไม่มีโต๊ะว่างเหลือ ผมเห็นคุณฟ้าวุ่นวายอยู่กับการชงกาแฟให้ลูกค้าที่ต่อคิวยืนรอ สาวยีนเดินถือถาดขนมเพิ่งอบเสร็จใหม่ออกมาจากครัว จัดเรียงใส่ในตู้ เด็กตามและน้องดาวก็ดูวุ่นวายอยู่กับการเก็บโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไป ผมไม่เห็นเด็กแดนแต่คิดว่าน่าจะเป็นวันหยุดของเขา วันนี้ถึงไม่เห็น

ส่วนมากลูกค้าของร้านคุณฟ้าจะเป็นพวกคุณหมอ นางพยาบาล พนักงานออฟฟิศ อาจารย์สอนพิเศษ เด็กนักเรียนที่มาเรียนพิเศษและลูกค้าขาจรทั่วไป เพราะแถวนี้จะมีโรงพยาบาล โรงเรียนสอนพิเศษ และบริษัทหลายแห่งตั้งอยู่ รวมถึงคลินิกหมาแมวของผมด้วย ที่ลูกค้าของคลินิกมักมานั่งดื่มกาแฟกับทานขนมต่างๆ ระหว่างรอหมาแมวของตนเอง

“รับอะไรดีครับ” คุณฟ้าถามเมื่อคิวผม (ผมยืนต่อคิวครับ) คำถามที่ไม่ได้แสดงถึงความพิเศษที่มีต่อกันเลย เป็นคำถามปกติที่คุณฟ้าใช้ถามลูกค้าทุกคน

“มีอะไรแนะนำบ้างครับ” ผมถาม มองไปที่ตู้เค้ก มีเค้กน่าตาน่าทานทั้งนั้น ผมเป็นคนชอบของหวาน โดยเฉพาะเค้ก ตั้งแต่ร้านเชิญครับเปิด ผมก็เป็นลูกค้าประจำของที่นี่ตลอด ตอนเช้าจะเดินมาซื้อกาแฟ ตอนบ่ายๆ ก็จะเป็นเค้กหรือไม่ก็ขนมสลับกันไปมา

“ทุกทีเห็นสั่งแต่ Strawberry Tart ไม่ใช่เหรอครับ” คุณฟ้าว่า ผมยิ้ม รู้สึกดีที่คุณฟ้าจำได้ว่าผมสั่งอะไรเป็นประจำ แต่จะว่าไปคุณฟ้าก็ต้องจำได้อยู่แล้ว เพราะมาทีไรผมก็สั่งแต่ Strawberry Tart ตลอด

“วันนี้อยากเปลี่ยนดูบ้างครับ คุณฟ้าช่วยแนะนำหน่อยสิครับ” อยากเปลี่ยนเพื่อจะได้มีเรื่องคุยกับคุณฟ้าให้มากกว่าคำสองคำครับ

“คุณหมอชอบทานสตอเบอร์รี่ งั้นเอาเป็น Strawberry Mousse Cake ดีไหมครับ” คุณฟ้าว่า โดยไม่ต้องรอคำตอบจากผมก็เดินไปเปิดตู้เค้ก ก้มหยิบเค้กน่าตาน่ารักขึ้นมาจากชั้นล่างสุด ผมเห็นว่ามันเหลืออยู่เป็นชิ้นสุดท้ายพอดี น่าจะขายดีถึงเหลือชิ้นเดียว

“ส่วนเครื่องดื่มเปลี่ยนจากสตอเบอร์รี่ปั่นเป็นชาสตอเบอร์รี่นะครับ เป็นเมนูใหม่ของยีนเค้าน่ะครับ” บอกอย่างนี้แปลว่าเลือกให้ผมไปเรียบร้อยแล้ว

“ครับ” ผมจะว่าอะไรได้ ก็วันนี้อยากเปลี่ยนเมนูของหวานดูบ้าง หลังจากหกเดือนมานี่ผมกินแต่แบบเดิม ไม่เคยเปลี่ยนเลย

“เดี๋ยวผมเอาเครื่องดื่มเสิร์ฟให้ทีหลังนะครับ โต๊ะโน้นยังว่างครับ” ผมมองตามือคุณฟ้าที่ชี้ไปยังเคาน์เตอร์บาร์ริมกระจก นั่งหันหน้าออกไปยังถนนใหญ่ มีสวนเล็กๆ กั้นเอาไว้ มีเก้าอี้หัวกลมหุ้มเบาะสีเหลืองเข้มเหลืออยู่สองตัว ร้านของเชิญครับแต่งร้านออกโทนขาวเหลือง ข้าวของเครื่องใช้ เก้าอี้ โต๊ะ เบาะ โซเฟ กำแพง จึงล้วนแล้วแต่เป็นสีขาวสลับสีเหลือง

“ครับ” ผมว่าง่าย คุณฟ้าบอกเสร็จ ผมก็ถือจานเค้กน่าทานไปนั่งตรงนั้นทันที ตักเค้กเนื้อนุ่มรสหวานอมเปรี้ยวเข้าปากได้สองคำ ชาสตอเบอร์รี่ก็มาวางใกล้มือผม เป็นชาสตอเบอร์รี่ที่ใส่เนื้อสตอร์เบอร์รี่ลงไปด้วย

“อันนี้เป็นของแถม ไอศครีมทับทิมกรอบ เมนูใหม่เหมือนกันครับ ” ผมมองของแถมที่วางลงตรงหน้า น่ากินครับ เป็นไอศกรีมกะทิในถ้วยแก้วใบเล็กมีทับทิมกรอบรวยอยู่ด้านบน แอบมีสตอเบอร์รี่ลูกใหญ่วางอยู่ข้างๆ ก้อนไอศกรีมด้วย

“ขอบคุณครับ”

คุณฟ้ากำลังเอาใจผมอยู่หรือเปล่า...ผมแอบเข้าข้างตัวเองว่าใช่ รู้ว่าผมชอบสตอเบอร์รี่ถึงมีแถมมาให้ด้วย

“เดี๋ยวครับคุณฟ้า” ผมคว้าข้อมือคุณฟ้าเอาไว้ เมื่อคุณฟ้าทำท่าว่าจะเดินกลับ แล้วรีบปล่อย ทำอะไรโจ่งแจ้งนักไม่ดีครับ ต้องเกรงใจสายตาลูกค้าคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่เต็มร้าน

“มีอะไรครับ”

“เย็นนี้ผมต้องไปรับน้องสาวที่สนามบิน อาจจะกลับดึกหน่อยนะครับ” ผมบอก เดาได้ไม่ยากครับ ว่าหลังจากไปรับน้องเนยกับคุณหญิงแม่แล้ว ผมคงถูกบังคับให้ทานข้าวเย็นและอยู่คุยกับน้องเนยแน่ๆ ไม่มีทางไหนที่ผมจะปลีกตัวออกมาได้เลย นอกเสียจากคุณหญิงแม่และคุณหญิงวลัยจะพอใจกับการเจอกันระหว่างผมกับน้องเนย

“ครับ” คุณฟ้าพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินกลับไปช่วยสาวยีนที่หน้าเคาน์เตอร์ เพราะมีลูกค้าหลายรายยืนล้อมตู้เค้กอยู่ตรงนั้น ใกล้จะบ่ายกว่าๆ แล้ว ลูกค้าในร้านเชิญครับยังแน่นร้าน

ผมนั่งมองรถราที่วิ่งไปมาบนท้องถนนตรงหน้าผ่านผนังกระจกใส อุ่นใจกับกุญแจและคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกง สิ่งที่ทำให้ผมเข้าออกคอนโดของคุณฟ้าง่ายขึ้น รวมถึงตอนไหนและเวลาไหนก็ได้ด้วย

สี่วัน...

มันเป็นเวลาที่สั้นมากกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ความผิวเผินแล้วแยกจาก แม้มันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนมากนัก แต่ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีระหว่างผมกับคุณฟ้า ผมไม่รู้ว่าคุณฟ้าคิดยังไงกับผม รับผมเข้าไปไว้ในใจหรือยัง หรือเป็นแค่ความสงสาร เป็นแค่ความใจดี ถึงได้ยอมผมไปเสียทุกอย่าง ไม่ห้าม ไม่ว่า ไม่มีขัดขืน ทำยังกับว่าเราสองคนเลือกใช้ชีวิตร่วมกันไปแล้ว

ทั้งที่มันก็แค่สี่วัน...เท่านั้นเอง

แต่ผมรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ผมรู้ว่าผมกำลังเริ่มต้นกับผู้ชายคนนี้ ในจังหวะชีวิตที่ผมคิดว่ามันพอดี จนไม่น่าจะปล่อยให้สิ่งดีๆ หลุดมือไป

ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับความรักเล่มหนึ่ง (ของยัยภา) ในบทเขียนไว้ว่า

…บางครั้งความรัก มันก็เกิดขึ้น “ง่าย” จนน่า “ตกใจ”…

ไม่ต่างจากเรื่องของผมกับคุณฟ้า มันเกิดขึ้นอย่าง ‘ง่ายๆ’ จนน่า ‘แปลกใจ’ ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง มีพื้นฐานมาจากอะไร ความสัมพันธ์ที่เป็นเพียงลูกค้ากับเจ้าของร้าน กระโดดข้ามมาถึงความสัมพันธ์แบบลึกซึ้ง กลายเป็นคนๆ เดียวกันไปแล้ว

แม้มันจะเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้มันจบไปอย่างง่ายๆ ผมจะพยายามรักษาความสัมพันธ์อันนี้เอาไว้ให้ดีและยาวนานไปตลอด มันต้องมีสักวันหนึ่งที่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณฟ้าจะชัดเจน และพูดได้เต็มปากว่าเราสองคนคือ ‘คนรักกัน’

ผมนั่งคิดถึงเรื่องราวระหว่างผมกับคุณฟ้า นึกย้อนไปถึงเรื่องราวภายในสี่วันที่เกิดขึ้น และนึกคิดไปถึงอนาคตข้างหน้าในวันพรุ่งนี้ วันมะรื่นนี้ วันต่อไป เดือนต่อไป ปีต่อไป และตลอดไป ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยแรกรัก ที่เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน ผมเป็นผู้ชายที่กำลังมองหาอนาคตร่วมกับคนที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วย ตอนนี้คนๆ นั้นก็คือ...คุณฟ้า

ไม่เร็วไปหรอก...

ถ้าความรักจะเกิดขึ้นกับผม...ได้อย่างง่ายๆ แล้วมันก็เกิดขึ้น ผมแน่ใจว่าผมเริ่มรักคุณฟ้าเข้าให้แล้ว

ผมไม่ได้เริ่มรักคุณฟ้าเพราะรอยยิ้มที่สดใสหรือดวงตาที่ชวนมอง และไม่ได้รักเพราะคุณฟ้าเป็นคนใจดีหรือน่ารัก ไม่อย่างนั้นผมคงตกหลุมรักคุณฟ้าตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรก วันนั้น ผมไม่มีความรู้สึกอะไรที่พิเศษไปกว่าเจ้าของร้านเชิญครับที่ผมตั้งใจจะมาอุดหนุน

ถ้าจะถามว่าผมรักคุณฟ้าเพราะอะไร อาจเป็นคำตอบที่ฟังแล้วไม่เข้าท่า แต่มันก็เป็นความจริงและเป็นเหตุผลข้อแรก นั่นคือ...คุณฟ้าเป็นของผมแล้ว

ความรักของแต่ละคนเกิดขึ้นไม่เหมือนกัน ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ความรู้สึกของเรา มีเราที่เป็นเจ้าของเท่านั้นที่รู้ดี เหมือนที่ผมรู้ดีว่า ความรักครั้งใหม่ของผมเริ่มต้นได้แปลกประหลาดมาก แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทำให้ผมมีความรักอีกครั้ง

รักแล้วครับ...

ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า...วันนี้ผมรักคุณฟ้า

นั่นสินะ ผมถึงได้อยากอยู่ใกล้คุณฟ้าทุกวัน อยากเห็นคุณฟ้าเป็นคนแรกของวัน และเป็นคนสุดท้ายก่อนที่ผมจะหลับตาลง


“ยิ้มคนเดียวก็เป็นนะครับคุณหมอ”

เสียงของคนที่อยู่ในความคิดของผมที่ดังอยู่ใกล้ เรียกให้ผมกลับมาสู่ความจริงตรงหน้า ตรงที่คุณฟ้าทำหน้าสงสัยว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่มือก็ถือถาดใบใหญ่ไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็เก็บจานเปล่ากับแก้วที่น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำไปหมดแล้ววางบนถาด แล้วหยิบผ้าออกมาจากกระเป๋าหน้าขึ้นมาเช็ดโต๊ะตรงที่แก้วกับจานวางอยู่เมื่อครู่ ผมขยับหนีไปอีกทางเพื่อให้คุณฟ้าเช็ดได้สะดวกขึ้น มองไปรอบๆ เหลือลูกค้าแค่สองโต๊ะ

“อร่อยไหมครับ” คุณฟ้าถามเหมือนถามตามความเคยชิน เพราะท่าทางไม่ได้ตั้งใจจะเอาคำตอบจากผมเลย ถามเสร็จก็เดินยกถาดเดินเข้าไปในครัว

“อร่อยครับ คุณฟ้าทำอะไรก็อร่อย” ผมเดินตามเข้าไปในครัว เอาคำตอบให้คุณฟ้า

“อย่ารุ่มร่ามสิคุณหมอ เดี๋ยวเด็กๆ เข้ามาเห็น” คุณฟ้าว่า ไม่จริงจังเท่าไหร่ เพราะยังยืนนิ่งอยู่หน้าอ่างล้างจาน โดยมีผมสวมกอดอยู่ด้านหลัง หอมแก้มใสไปหลายที

“คิดถึง” ผมบอกสั้นๆ จับเอวบางให้เจ้าของร่างหันมาสบตาด้วย

“คิดถึงอะไร อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” ว่าเสียงนิ่งแต่ผมก็ดูออกว่ากำลังเขิน กล้าสบสายตากับผมทีไหน เอาแต่ก้มหน้าหลบ ผิดวิสัยแต่ก่อนที่ชอบสู้ตาผม

“คิดถึงคุณฟ้าสิครับ อยู่ใกล้แบบนี้ก็ยังคิดถึง” ผมปล่อยมือข้างหนึ่งจากเอวบาง ขึ้นมาเชยคางคนแก้มแดงให้หันมารับจูบ ผมไม่ได้ล่วงล้ำ แค่จูบซับเอากับกลีบปากบางสีสด ชิมความหวานตามธรรมชาติ ก่อนจะละออก มามองหน้าแดงระเรื่อของคุณฟ้า

“...”

“...”

สำหรับผมกับคุณฟ้า ความเงียบระหว่างที่เราจ้องตากันอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่ความรู้สึกดีๆ ถูกถ่ายทอดถึงกันได้ง่ายกว่าเวลาไหนๆ

“คิดถึงคุณฟ้านะครับ” ผมบอกคำเดิม ชิมกลีบปากหวานอีกครั้ง ครั้งนี้ผมรุกล้ำเข้าไปในปากหวาน กวาดต้อนความหวานจากเรียวลิ้นเล็ก พอใจแล้วถึงละออกมา ผมไม่ใช่พวกเอาแต่ได้ กอบโกยเอาตามความอยากหรือสนองความต้องการของตัวเอง ผมแค่ทำอย่างที่ใจอยาก แล้วคุณฟ้าก็ยอมให้ความร่วมมือ ผมถึงได้กล้าทำอะไรที่คุณหมอนิสัยดีคนหนึ่งไม่เคยทำกับใครมาก่อน ยกเว้นกับผู้ชายคนน่ารักคนนี้

“แล้วคุณฟ้าคิดถึงผมไหม”

“คิดถึงก็มาหาสิครับ ใครห้าม” คุณฟ้าไม่ตอบแต่กลับพูดไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งมันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ แม้ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่มันก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผม

“คิดว่าคุณฟ้าจะห้าม”

“เคยห้ามอะไรคุณหมอได้ล่ะครับ”

“นั่นสิครับ ห้ามไม่เคยได้” ผมว่า จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสวย รั้งเอวบางให้ชิดมากยิ่งขึ้น ผ่ามือเล็กยกขึ้นมาดันตัวผมแทบจะทันที ก่อนจะผ่อนแรงลง แล้วเคลื่อนขั้นมาคล้องคอผมไว้หลวมๆ ก่อนจะซบใบหน้าแดงกล่ำไว้กับอกผม กระซิบถ้อยคำแผ่วเบา แต่ผมได้ยินชัด

“คุณหมอทำให้ผมหวั่นไหว”

ไหวหวั่นที่คุณฟ้าบอกแปลว่าอะไร?

สับสน

โอนเอียง

เริ่มใจอ่อน

เริ่มมีใจ

งั้นเหรอ?

ผมไม่รู้ว่าหวั่นไหวของคุณฟ้าแปลว่าอะไร แต่ถ้าให้ผมตีความหมายเข้าข้างตัวเองคือ คุณฟ้าอยู่ใกล้ผมแล้วหวั่นไหว และกำลังเริ่มมีใจให้กับผม ผมเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรทำร้ายความรู้สึกตัวเองครับ เมื่อคุณฟ้าเปิดทางให้ผมคิดได้ขนาดนี้ ผมก็ขอคิดแต่สิ่งที่ผมอยากคิดดีกว่า

“ตั้งแต่ตอนไหนครับ” ผมกระซิบถามกับใบหูเล็กที่ขึ้นสีแดงไม่ต่างจากใบหน้าน่ารักนั้น

“ไม่รู้” เสียงอู้อี้บอกเอากับอกผม ผมต้องดึงใบหน้าน่ารักขึ้นมาให้อยู่ในระดับเดียวกัน

“สี่วันเองนะครับ หวั่นไหวแล้วเหรอ?” ผมแกล้งถาม ได้อาการขัดขืนกับกำปั้นที่ทุบไหล่ผมเบาๆ เป็นรางวัล

“หรือคุณหมอไม่ต้องการ” ทำเสียงเข้มถามผมกลับ ทั้งที่แก้มใสยังขึ้นสีเลือดอยู่เลย ผมชอบนะครับที่คุณฟ้าเป็นคนคิดอะไรแล้วพูดออกมา วันก่อนหน้านี้ยังพูดเฉือนใจผมอยู่เลยว่า ไม่ได้รักผม ให้ผมได้แค่ร่างกายแต่หัวใจไม่มีวันให้ เมื่อวานก็บอกกับผมว่า ไม่อยากหาใครมาแทนที่คุณนนท์ในตอนนี้ มาตอนนี้ก็กล้าที่จะพูดบอกผมแบบนี้

“ต้องการสิครับ ทำไมจะไม่ต้องการ อยากเข้าไปอยู่ในใจของคุณฟ้าจะแย่อยู่แล้ว”

“....”

“....”

เป็นอีกครั้งที่ผมกับคุณฟ้าตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงสายตาที่สื่อความรู้สึกจากอีกใจหนึ่งสู่อีกใจหนึ่ง ของกันและกัน

แล้วเราก็จูบกันอีกครั้ง

คุณฟ้าเป็นฝ่ายเริ่มจูบหวานซึ้งและดูดดื่มนี้ก่อน แต่มันไม่สำคัญอะไรครับว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มต้น มันสำคัญที่ว่าเราสองคนรู้สึกเหมือนกัน เราอยากถ่ายถอดคำพูดในหัวใจออกมาเป็นรสจูบที่ซาบซึ้งให้นานที่สุดเท่าที่อีกฝ่ายจะพอใจ

และมันจะเนิ่นนานกว่านี้ ถ้า...ถ้าไม่มีเสียงแก้วกระทบกัน จานกระทบช้อน อยู่ตรงกรอบประตูห้องครัว ดังเข้ามาขัดจังหวะ

“ขอโทษครับ” เด็กชายตามก้มหัวลงต่ำ ก่อนจะถอยหลังออกจากห้องครัวไปโดยไว ถาดที่ถือเข้ามาก็ดันยกกลับออกไปด้วย

“ผมบอกแล้วว่าอย่างทำรุ่มร่าม” ตาสวยเปลี่ยนเป็นตาเขียว มองผมตาขวาง ก่อนจะผลักผมออกจากตัว หันกลับไปจัดการกับจานและแก้วในอ่างต่อ

“แต่เมื่อกี้คุณฟ้าเริ่ม” ผมว่าเสียงอ่อน สอดมือเข้าไปกอดเอวบางจากด้านหลังอีกครั้ง เจ้าของร่างเพรียวยังใจดีให้ผมกอดเหมือนเคย แสดงว่าไม่ได้โกรธจริงจัง

“จะพูดเพื่ออะไรครับ” คนพูด พูดเสียงเบา ฟ้องอาการว่าเขินหนัก ผมอดไม่ได้ที่จะกดปากลงกับแก้มนุ่มแรงๆ สูดเอาความหอมเข้าเต็มปอด เนื้อตัวคุณฟ้าหอมกลิ่นกาแฟและขนมเค้กแบบที่ผมชอบ

“หอมบ่อยเดี๋ยวแก้มผมก็ช้ำหมดหรอกครับ”

“มันอดใจไม่ไหวนี่ครับ”

“ลองพยายามหรือยังละครับ”

“พยายามแล้วแต่ไม่ได้ ดูสิครับ อดใจไม่ไหวอีกแล้ว” ผมแกล้งจุ๊บทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา ก็ไม่เห็นคุณฟ้าจะขัดขืนอะไร มีแต่ปากน่ารักน่าชังเท่านั้นล่ะครับ ที่พูดต่อความกับผม

“พยายามให้มากสิครับ”

“มากแล้วครับ”

“มากไม่พอครับ”

“ต้องมากขนาดไหนครับ”

“ก็มากพอที่จะทำให้คุณหมอตัดสินใจปล่อยปล่อยมือออกจากเอวผมสิครับ”

“มันทำยากนะครับ”

“ยากตรงไหน แค่ปล่อยมือ”

“มันยากตรงนี้ล่ะครับ”

“ไม่คิดจะทำมากกว่า”

“ก็ไม่คิดจะทำจริงๆ นี่ครับ....ฮ่าๆๆ”

“คุณหมอครับ สนุกมากไหม” คุณฟ้าทำเสียงดุ ตอนที่ผมหลุดขำออกมา งงตัวเองที่ยืนเถียง (เล็กๆ) กับคุณฟ้าอย่างคนไม่ยอมกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาต่อความยาวกันเลย

“ทำไมไม่ยอมผมบ้าง” คุณฟ้าว่าเบาๆ มือล้างแก้วกาแฟไปด้วย ผมเลยละมือออกจากเอวบางมาแย่งเอาฟองน้ำจากมือนิ่มมาทำเอง

“ผมช่วยครับ”

“ไม่รอให้มันเหลือใบเดียวก่อนล่ะครับ” ไอ้เรื่องประชดนี่ ยกให้คุณฟ้าเลย ว่าแล้วก็เดินออกไปข้างนอก ปล่อยผมไว้กับแก้วกาแฟ แก้วน้ำ และจานขนมกองโตในอ่าง


พอคุณฟ้าเดินออกไป เด็กตามกับเด็กดาวก็เดินถือถาดใส่จานกับแก้วเปล่าเข้ามาอีกหลายชุด บอกให้ผมออกไปข้างนอกเดี๋ยวทั้งสองคนจะทำเอง แต่ผมไล่ให้เด็กสองคนนั้นออกไปทำงานหน้าร้าน ปล่อยให้หน้าที่ล้างเป็นของผม

เหลือจานใบเล็กในอ่างแค่สองใบตอนที่คุณฟ้าเดินกลับเข้ามา ถือจานคุกกี้กลิ่นหอมเข้ามาด้วย ช่วงเอวบางด้านหลังพิงกับขอบเคาน์เตอร์

“คุกกี้สตอเบอร์รี่ครับ” พร้อมกับคำบอกคือคุกกี้ชิ้นพอดีคำ ส่งตรงถึงปาก

“อร่อยไหมครับ”

“คุณฟ้าทำอะไรก็อร่อยครับ” ผมตอบแบบเดิม

“อันนี้ไม่ได้ทำ ยีนทำ แสดงว่าไม่อร่อย จะไปบอกยีน” คุณฟ้าพูดกวนๆ หยิบคุกกี้เข้าปากตัวเอง เป็นครั้งแรกนะที่ผมได้เห็นมุมนี้ของคุณฟ้า น่ารักไปอีกแบบ

“อย่าสิครับ เกิดยีนโกรธผมขึ้นมา กีดกั้นไม่ให้ผมเจอคุณฟ้าล่ะแย่เลย” ผมแกล้งทำหน้าเศร้า เช็ดมือให้แห้ง (ล้างจานเสร็จแล้ว) ดึงเอาจานในมือคุณฟ้าแล้ววางไว้บนโต๊ะใกล้มือ ก่อนจะรวบเอวบางมาประชิดตัว กดจูบที่แก้มใสไปสองที วันนี้จูบไปหลายทีมากตั้งแต่เช้า ถ้าแก้มคุณฟ้าเป็นกลีบดอกไม้ มันก็คงช้ำไปหมดแล้ว โชคดีที่เป็นผิวแก้มนิ่ม จูบเท่าไหร่ก็ไม่มีวันช้ำ

~~ฟอดดด~~

เต็มแก้มผมเลยครับ จูบของคุณฟ้า (มีเสียงอีกต่างหาก)

“ค่าล้างจานครับ” คุณฟ้าบอก ยิ้มของคุณฟ้าที่ผมเห็นมันหวานมาก จนผมอยากจะจูบปากหวานๆ นั้นในทันที แต่มือนิ่มยกขึ้นปิดปากผมเสียก่อน

“กำไรเยอะไปแล้วครับวันนี้ พอก่อน กลับไปทำงานของคุณหมอเถอะครับ” คนน่ารักของผมว่า มือนิ่มปลดแขนของผมออกจากเอวของตัวเอง เดินนำผมออกจากห้องครัว พอออกมาได้เท่านั้นแหละก็เจอสายตาล้อเลียนจากสาวน้อยร่างอวบ หูตาสาวยีนแพรวพราวยังกับเจอเรื่องถูกใจ ผมว่าการที่ไม่มีใครโผล่เข้าไปขัดจังหวะหวานๆ ของผมกับคุณฟ้า (ยกเว้นเด็กตามในครั้งแรก) น่าจะเป็นเพราะสาวยีนนี่แหละ

“พี่ฟ้าบอกว่า ถึงคุณหมอจะมาช่วยล้างจานให้ก็ตาม แต่ต้องคิดเงินขนมกับค่าน้ำ ทั้งหมด 110 บาทค่ะ” ถาดไม้สีเหลืองอันเล็ก
 มีบิลค่าขนมกับน้ำวางอยู่ถูกยืนมาตรงหน้าผม ขณะที่เจ้าของร้านเดินเลี่ยงไปอยู่หลังตู้ หยิบกล่องคุ๊กกี๊สามสี่กล่องใส่ถุงกระดาษของร้าน

“90 นี่เป็นค่าทิปนะคะ” สาวยีนว่าทันทีที่ผมวางแบงค์ร้อยสองใบบนถาด ผมพยักหน้าบอกให้รู้ว่าไม่มีปัญหา แล้วเดินไปหาคุณฟ้า

“ผมไปแล้วนะครับ” บอกตามตรง ไม่อยากไปไหนเลยครับตอนนี้  ยิ่งคุณฟ้าใจดีกับผม ผมยิ่งได้ใจ สี่วันอาจไม่ยาวนานพอที่จะทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปได้มากมาย แต่สำหรับผม สี่วันที่ผ่านมา มันยาวนานเหมือนผ่านมาแล้วสี่ปี

“ฝากให้น้องสาวคุณหมอครับ” ถุงคุกกี้ที่ผมเห็นเมื่อครู่ถูกยื่นมาให้ผม

“ขอบคุณครับ”

ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือครับ ผมรวบทั้งถุงคุกกี้กับมือนิ่มในคราวเดียวกัน คุณฟ้าไม่ว่าอะไร ยอมให้ผมจับอยู่อย่างนั้น เหมือนโลกนี้มีเราเพียงสองคน มือคุณฟ้านิ่ม ตัวคุณฟ้าหมอ ตาคุณฟ้าสวย หน้าคุณฟ้าน่ารัก ไม่น่าเชื่อว่าผมจะโชคดีถึงเพียงนี้...


>>>>>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<<<<<


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ตอนเริ่มหวานยังขนาดนี้
ตอนดราม่าจะขนาดไหน

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
  :กอด1: คุณฟ้าน่ารักมาก คุณหมออย่าทำให้คุณฟ้าเสียใจนะ ไม่งั้นเจอดีแน่  :m16:

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
สี่วัน....ไม่สั้นและไม่ยาวเกินไปสำหรับคนที่ "ค้นพบ" หัวใจของตัวเองเจอแล้ว

อ่านตอนนี้จบมดแทบจะตายคาโน๊ตบุ๊คส์เลย เขียนได้หวานมาก สำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยนอย่างคุณหมอ

หวั่นไหว....จริง ๆ แล้วสินะคุณฟ้า

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะคุณหมอ
เบาเบาหน่อยนะเดี๋ยวคุณฟ้าหมด

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
โอย ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีแล้ว คุณแม่อย่าทำเสียเรื่องได้ไหมอ่า :z6:

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
ชอบจังคุณฟ้าเริ่มหวั่นไหวแล้วคุณหมอสู้ๆ :L1:นะคะ :L2:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
น่ารักหวานมาก คุณหมอเริ่มแสดงออกไม่กั๊กแล้ว
ตั้งแต่ฟ้าบอกว่า หวั่นไหวเพราะคุณหมอ

Acid

  • บุคคลทั่วไป
คุณฟ้าน่ารักมากเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
อื้อหือ....มด......หวานซ้า

Panny

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักๆๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากให้มีดราม่าเลย

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

หวานขนาดดด ขออย่าให้คุณฟ้ารู้เลย
ว่าที่ไปรับนะไม่ใช่น้องสาวแต่เป็นคู่หมั้น
เดี๋ยวก็ทะเลาะกันใหญ่โต  ยิ่งคุณฟ้าโกรธง่ายด้วย
เฮ้ออออ ขออ่านตอนหวานอีกสักตอนสองตอนนะคะคนแต่ง
ค่อยมานั่งต้มมาม่ากินกัน ><

+1 ให้จ้าาา  รออ่านตอนต่อไปนะ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
พี่หมอกับน้องฟ้าหวานกันจนเค้กจืดไปเลย

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 19

ห้าทุ่มกว่าแล้วครับที่ผมเปิดประตูห้องของตัวเองเข้ามา ห้องสว่างทันทีเมื่อผมปิดสวิสไฟแต่ดูเงียบเหงาผิดปกติ ผมค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหลังจากเดินไปเสียบปลั๊กกดปุ่มเปิดทีวี มือกดปุ่มรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ อย่างคนไม่รู้จะดูอะไร สุดท้ายเลยกดค้างอยู่ที่ช่องแฟชั่น มีนางแบบหุ่นดีขาวยาวเดินแบบในชุดเดรสยาว ปกติผมไม่ชอบดูทีวีครับ กลับมาถึงก็อาบน้ำ อ่านหนังสือ แล้วก็นอนหลับเลย ทีวีจึงกลายเป็นของแต่งห้องชิ้นหนึ่งที่แทบไม่ได้แตะต้อง

นางแบบหุ่นดียังคงเดินอวดเสื้อผ้าสวยๆ ในจอสี่เหลี่ยม ที่เปลี่ยนมาเป็นบิกินีวาบหวิว ผมไม่ได้สนใจมากนัก (ก็ไม่ได้คิดจะซื้อมาใส่) กวาดตัวมองไปรอบห้อง ข้าวของหลายอย่างอยู่เป็นทีเป็นทางของมันเอง มีบางส่วนที่ยังหาที่เดิมของตัวเองไม่เจอ ผมหลับตาลงช้า เอนตัวลงนอน คว้าหมอนอิงใบเล็กมาหนุน ผมไม่ค่อยได้ทำความสะอาดห้องเองหรอกครับ เพราะจะมีพี่ฝน (ชื่อจริงว่าน้ำฝน) พี่สาวแท้ๆ ของผมมาช่วยทำความสะอาดให้ พี่ฝนเป็นแม่บ้านของคุณสามี เจ้าของโรงงานอาหารกระป๋อง มีเวลาว่างมากพอที่จะมาทำความสะอาดห้องให้น้องชายคนเดียวของตน ผมห้ามก็ไม่ฟัง บอกให้เอาแม่บ้านที่บ้านมาทำให้ก็ไม่ยอม อ้างว่าอยากดูแลน้องชายคนเดียวให้ดีที่สุด หลังจากคุณตาของเราสองคนเสียไปเมื่อสามปีก่อน ครอบครัวของเราจึงเหลือกันอยู่แค่สองคน เมื่อปีที่แล้วพี่ฝนเพิ่งจะแต่งงาน แล้วตอนนี้ก็กำลังฉลองครบรอบวันแต่งงานที่แคนนาดา นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ห้องของผมรกมากกว่าปกติ เพราะขาดคนมาทำความสะอาดให้ แต่ตอนนี้มันก็สะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้นเพราะคุณหมอ

คุณหมอ...

ลูกค้าของร้านเชิญครับ

ลูกค้าธรรมดาคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามายืนข้างๆ ผม ในวันที่ผมถูกนนท์ทิ้ง

สี่วันเองครับ

สี่วันที่ได้รู้จักกับคุณหมออย่างจริงจัง มากกว่าการเป็นลูกค้ากับเจ้าของร้าน รวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทันกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน จนกลายมาเป็นความหวั่นไหว

‘คุณหมอทำให้ผมหวั่นไหว’

ผมยังจำประโยคที่บอกกับคุณหมอเมื่อตอนบ่ายได้ดี จำความรู้สึกทั้งก่อนที่จะบอก ตอนบอก และตอนที่บอกออกไปแล้ว จำได้ดีว่าผมรู้สึกอย่างไร มันรู้สึกอย่างที่พูดไปจริงๆ ครับ

‘ผมเริ่มหวั่นไหว’

ใจมันเต้นเมื่อเห็นหน้าคุณหมอ มันเกิดขึ้นเมื่อผมลืมตาตื่นในตอนเช้าวันนี้ ผมเจอหน้าของคุณหมอที่วางอยู่บนหมอนใบเดียวกัน ผมอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนั้น ความเจ็บด้านล่างฟ้องเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา มันเป็นตอนเช้าที่คุณหมอยังไม่ตื่น หกโมงกับอีกไม่กี่นาทีที่ผมลืมตาขึ้นมาแล้วเจอหน้าคุณหมอ ผมรู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักคนที่กำลังกอดผมไว้ทั้งตัว หน้าคมที่มือผมเอื้อมไปสัมผัสให้ความรู้สึกดี ตาสีเข้มที่ชอบอ้อนเอาอะไรจากผมซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาหนา ปากหนาที่เคยซุกซนอยู่นิ่งเฉยแต่ชวนให้ปลายนิ้วแล่นไปเตะ ก่อนที่ผมจะก้มไปจุ๊บเบาๆ ปลายจมูกโด่งมีลมหายใจอุ่นๆ เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คุณหมอหลับอย่างมีความสุข

ผมนอนตะแคงอยู่ในอ้อมแขนของคุณหมอ มองใบหน้าคมเข้มนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ปนเปไปกับความคิดที่วิ่งวนอยู่ในหัวและคำถามที่ว่า...

‘ผมยอมคุณหมอมากไปหรือเปล่า?’

คำตอบเดียวที่มีคือ

‘มาก’

มากชนิดที่ว่า ‘มากเกินไปด้วยซ้ำ’

ครั้งแรกเป็นเพราะผมทำประชดนนท์ อยากถูกรัก อยากรู้ว่ายังมีคนต้องการตัวผมอยู่ ผมถึงเป็นฝ่ายเชิญชวนคุณหมอ คิดแค่ว่าให้มันจบไปแค่ครั้งเดียว แต่มันก็มีครั้งต่อๆ มา เรียกได้ว่าคุณหมอเริ่ม ผมสานต่อ บางครั้งผมก็เป็นฝ่ายเริ่มและคุณหมอสานต่อ ไม่มีการห้ามปราม มีแค่ความยินยอมกับความพร้อมใจ และความต้องการในส่วนลึก

คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหม? ที่ตื่นขึ้นมาแล้วอยากรักใครสักคนหนึ่ง?

เพราะผมกำลังรู้สึกแบบนั้น เมื่อเช้านี้ที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นคุณหมอเป็นคนแรก...

ผมรู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดของคุณหมอ มันไม่ได้อบอุ่นเหมือนอ้อมกอดของนนท์ที่ผมคุ้นชิน แต่มันก็เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นอย่างน่าประหลาด ทุกครั้งที่คุณหมอกอดผม ผมรู้สึกอยากกอดตอบอ้อมกอดนั้นทุกครั้ง จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งผมเคยบอกคุณหมอว่า...

ตรงนี้...ข้างในหัวใจของผม คุณหมอเข้ามาไม่ได้ เพราะมันเป็นที่ของนนท์

ผมลืมคำพูดต่างๆ เหล่านั้นไปแล้ว จำความรู้สึกของตัวเองตอนที่พูดออกไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมถึงต้องพูดแบบนั้นออกไป สุดท้ายกลายเป็นว่าผมหวั่นไหวกับคุณหมอจนได้ มันรวดเร็วอย่างน่าตลก เหมือนละครน้ำเน่าในทีวี ที่พระเอกกับนางเอกเกลียดกันแทบตาย แต่สุดท้ายก็รักกันปานจะกลืนเกิน แค่พระเอกปล้ำนางเอกได้สำเร็จ นางเอกตกเป็นของพระเอก กลายเป็นว่ารักกันได้เฉยเลย ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละคร เรื่องของคุณหมอกับผมมันเลยจริงยิ่งกว่าพระเอกนางเอกในละครน้ำเน่า

ผมมีอะไรกับคุณหมอ ทำให้ผมเริ่มผูกพัน จนกลายเป็นความหวั่นไหวเล็กๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ ทว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นภายในเวลาแค่สี่วัน ผมรับคุณหมอเข้ามาได้ง่ายๆ เหมือนจุดเริ่มต้นของเราสองคนที่เริ่มขึ้นมาง่ายๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษแต่ก็มีอะไรกันไปแล้ว


...กริ๊งงงงง....

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นดึงผมออกจากโลกของความคิด มองดูนาฬิกาที่วางอยู่ข้างจอทีวี เที่ยงคืนแล้ว ผมลุกเดินไปเปิดประตู คิดว่าคนที่ยืนกดกริ่งเป็นคุณหมอ แต่คุณหมอมีกุญแจห้องผมแล้วนี่นา ทำไมถึงไม่เปิดเข้ามาเอง

“นนท์”

“ขอนอนด้วยคนนะฟ้า ขี้เกียจกลับห้อง” นนท์บอก เดินผ่านผมเข้ามาในห้อง ถอดร้องเท้า แล้วเดินไปทิ้งตัวที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าลงบนโซฟาแทนที่ผมเมื่อครู่ ผมมองตาม ส่ายหน้าช้าๆ ให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตคนรัก คนที่เขาบอกผมว่าผมไม่ได้รักเขา...

นนท์ชอบดื่ม เป็นนักดื่มตัวยงเลยก็ว่าได้ คนที่สอนผมดื่มเหล้าคนแรกก็คือนนท์ ตอนที่เป็นเพื่อนกันชอบลากผมไปดื่มเป็นประจำ (ทำให้ผมคอแข็งพอใช้ได้) แต่เมื่อเป็นแฟนกัน นนท์ก็มักจะทิ้งผมไปดื่มกับเพื่อนคนอื่นๆ แทน อ้างว่าไม่อยากให้ผมเสียคน (คิดได้นะ ตัวเองอ่ะดื่มได้)


“เพลาๆ บ้างนะเหล้าน่ะ” ผมบอก เดินไปนั่งคุกเข่าใกล้ๆ ปลายเท้านนท์ ดึงถุงเท้าออก โยนมันทิ้งไว้บนพื้นข้างๆโซฟา จับปลายเท้าทั้งสองวางให้เข้าที่ ไม่ให้ห้อยโต่งเต่งอย่างตอนแรก เลื่อนมือขึ้นมาถอดเข็มขัด โยนลงไปกองรวมกับถุงเท้า แล้วค่อยขยับมือไปแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตจนหลุดออกจากรังดุมทั้งหมด รอยข่วนเต็มหน้าอกขาว รอยแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ครับว่าเกิดจากอะไร

“บ่นๆๆ อย่าบ่นได้ไหม เมื่อกี้ก็โดนน้องของฟ้าด่ามาเยอะแล้ว” น้องของผมคงหมายถึงแดน แสดงว่าไปหาแดนมาก่อนหน้านี้และก็โดนบ่นเรื่องเหล้า แน่ล่ะ สมควรโดน เอาสภาพที่ตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าไปโผล่ให้เห็น ไม่โดนด่าก็ไม่รู้ว่าอะไรแล้ว ยิ่งแดนไม่ชอบหน้าอยู่เป็นทุนด้วย

“จะจีบน้องก็ช่วยทำตัวดีๆ หน่อย?” ผมบอก หลังจากที่เดินไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดใบหน้าให้คนเมา นนท์ครางอือในลำคอคงรำคาญ หันหน้าหนีแต่ไม่พ้น มือที่พยายามปัดผ้าให้พ้นหน้าก็ถูกผมจับไว้ ผมรับมือกับนนท์มาทุกรูปแบบแล้วครับ เมามาทีไร ผมเนี่ยแหละลำบากสุด เวลาเมานนท์ไม่ชอบอาบน้ำ เอาแต่จะนอนลูกเดียว ผมถึงต้องค่อยเช็ดตัวให้ตลอด

“จะเสียเวลาจีบทำไม นนท์ได้น้องของฟ้ามาเป็นเมียแล้ว เมียที่ไหนมายืนด่าผัวป่าวๆ ” นนท์ว่า สติยังอยู่ครบ พูดจารู้เรื่องดี แต่คำพูดเนี้ย ฟังแล้วผมอยากตีปากคนเมาจริงๆ

“เรียกแดนอย่างนั้นได้ไง น้องเป็นผู้ชายน่ะ” เป็นผมก็ไม่ชอบครับ ถึงสถานะจะเหมือนแต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ ผมเป็นผู้ชายนะครับ ไม่ใช่ผู้หญิง แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงด้วย คำว่าเมียน่ะ เอาไว้ใช้กับผู้หญิงเถอะ

“ก็นนท์จะเรียก แดนเป็นเมียนนท์จริงนี่” นนท์เถียง ผมขี้เกียจเถียงตอบ

“ถอดเสื้อก่อน” ผมดึงตัวคนเมาให้ลุกขึ้นนั่ง จะได้ถอดเสื้อแล้วก็เช็ดตัวได้สะดวก ผมเช็ดตัวให้นนท์ ขณะที่นนท์นั่งเงียบ ไม่พูดอะไร แต่หน้าตาบอกว่ากำลังมีเรื่องให้คิด

“ทำไมแดนไม่น่ารักเหมือนฟ้าบ้าง” จู่ๆ นนท์ก็พูดขึ้นมา เมื่อผมเดินกลับมาหลังจากเอาผ้าไปเก็บ ผมถูกคว้าแขนแล้วดึงให้ไปนั่งบนตักทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ มือมันก็ไปคล้องคอหนาของนนท์โดยอัตโนมัติ หัวของนนท์วางพักไว้ที่ไหล่ของผม

“ถ้าฟ้ารักนนท์ตั้งแต่แรกก็คงดี” เสียงของนนท์อ่อนลง ผมเดาไม่ถูกว่านนท์กำลังคิดอะไรอยู่ ผมกับนนท์รู้จักกันมานานมาก ตั้งแต่อนุบาล แต่นนท์ก็เป็นคนที่ผมเดาความคิดไม่ออกเลยจริงๆ มีแต่นนท์เท่านั้นแหละครับที่ดูผมออกแทบจะทะลุด้วยซ้ำ

“รู้ได้ไงว่าฟ้าไม่รักนนท์” ผมถาม อยากรู้ ตั้งแต่ถูกบอกเลิก นนท์ก็พูดว่าผมไม่เคยรักนนท์ ผมว่ามันเป็นข้ออ้างที่นนท์ใช้มันเพื่อทิ้งผมมากกว่า ถ้าไม่รักผมจะคบกับนนท์มาจนถึงวันที่ถูกเลิกได้เหรอ 

“มองตาก็รู้”

ดูคำตอบสิครับ เป็นคำตอบที่คลาสสิกที่สุดในจักรวาล เหอๆ มองตาแล้วเคยมองไปถึงใจผมบ้างไหมล่ะ ว่ารู้สึกยังไง

“แล้วนนท์เคยมองเห็นใจของฟ้าหรือเปล่าล่ะ” ผมพูดอย่างใจคิด ถึงตอนนี้มันจะหายเจ็บแล้วก็เถอะ รู้ไหมว่าตอนถูกบอกเลิกผมเสียใจแค่ไหน ตอนนั้นผมกลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้านนท์ ไม่ได้เจอกัน แล้วผมจะใช้ชีวิตคนเดียวได้ยังไง ทั้งที่ตลอดมาผมมีนนท์อยู่ข้างๆ เสมอ วันนี้ผมรู้สึกดีขึ้นเพราะนนท์ยังอยู่รอบๆ ตัวผม ถึงแม้คนที่นนท์หมุนรอบจะไม่ใช่ผมก็ตาม

“มองเห็นไงถึงรู้ว่าตรงนี้ของฟ้า ไม่เคยมีนนท์เลยจริงๆ” ปลายนิ้วของคนพูดจิ้มเข้าที่อกด้านเดียวกับที่ผมเคยจิ้มให้คุณหมอดู อกข้างซ้าย ตรงหัวใจ

“เป็นฟ้าเหรอ? ถึงรู้ว่าไม่มี”

“ไม่เป็น แต่ก็รู้” พูดได้กวนมากครับ

“ชิส์...ทิ้งกันแล้วนี่ก็พูดได้สิ” พูดอย่างงอนๆ ครับ รู้สึกบรรยากาศแบบเก่าๆ คืนมาอีกครั้ง นนท์ยิ้ม ผมก็ยิ้ม เคยคิดว่าถ้าเลิกกันแล้ว ผมคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มของนนท์ ไม่มีนนท์อีกต่อไป แต่นี่ผมก็ยังมีนนท์อยู่

“เมื่อยอ่ะ” คนพูดดันตัวผมให้นั่งลงระหว่างขาทั้งสองข้าง ดึงตัวผมให้อิงซบกับแผ่นอกเปลือยที่ขยับที่ให้ผมนั่งได้สบายขึ้น ผมเริ่มชินกับกลิ่นเหล้าที่ลอยอยู่รอบตัว จากตอนที่นนท์เข้ามาใหม่ๆ เหม็นจนแทบจะหันหน้าหนี (ถ้าตัวเองดื่มเนี้ย ไม่เหม็นนะครับ)

“นนท์” ผมดึงมือใหญ่ที่ประสานกันอยู่ตรงหน้าท้องผมขึ้นมาลูบเบาๆ อย่างที่ชอบทำ

“ว่าไง เรียกแล้วทำไมไม่พูด” เสียงของนนท์ดังอยู่ข้างหู คงเห็นว่าผมไม่ยอมพูดอะไรมากว่านาทีแล้ว นอกจากเล่นมือนนท์ ไล่จากนิ้วโป้งไปจนนิ้วสุดท้ายและเริ่มวนหมดอีกครั้งและอีกครั้งไปมา

“ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ”   

“ไม่รู้จะพูดอะไรใช่ไหม งั้นเรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันดีกว่า” อะไรสนุกๆ ของนนท์คือการผลักผมนอนราบลงไป มีนนท์ตามขึ้นมาคร่อมทับ เท้าแขนสองข้างเหนือหัวของผม บรรยากาศเก่าๆ ยิ่งกว่าเก่ากลับมาอีกครั้งครับ มันมาครบเลยทีเดียว อย่างที่เคยบอกไป ผมกับนนท์ เราทำเรื่องแบบนี้กันบ่อยๆ แต่ไม่เคยมีอะไรกันไปมากกว่าทำกันอยู่ภายนอก

“ไม่เอาอ่ะนนท์” มือผมยันหน้าอกนนท์เอาไว้ ไม่ให้แนบเข้ามาใกล้ แต่ปากนนท์ก็ไวพอที่จะหอมแก้มผมไปหลายฟอด ลิ้นร้อนเลียไล้อยู่ข้างซอกหูเหมือนที่นนท์ชอบทำ ใจผมหวิวไปกับสัมผัสแต่ผมไม่อยากให้ความร่วมมือกับนนท์เลย มือจึงพยายามจะดันตัวนนท์ออก ทว่าสู้แรงคนตัวใหญ่ที่กดทับลงมาทั้งตัวไม่ได้

“หน่อยเดียวเอง” ไม่พูดเปล่าครับ หน่อยเดียวของนนท์คือมือที่ลอดเข้าไปใต้เสื้อยืดของผม ฝ่ามือร้อนลากผ่านผิวเนื้อไปหยุดที่ติ่งเล็กบนหน้าอก สะกิดนิดเดียวทำเอาผมสะดุ้งเฮือก เนื้อตัวมันไวกับสัมผัสจนต้องแอ่นเข้าหา

“อ่า...” ผมเผลอคราง เพราะลิ้นร้อนที่เปลี่ยนจากซอกคอเป็นหน้าอก ดูดกลืนติ่งเล็กข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งถูกครอบครองด้วยมือที่บดขยี้เบาๆ จนผมหมดแรงต้านทาน แรงเสียดสีจากด้านล่างมีเพิ่มมากขึ้น ตัวตนของนนท์แข็งขื่น พอๆ กับที่ผมเริ่มรู้สึก นนท์ทำเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ใจผมมันไม่เหมือนเช่นทุกครั้งเลย

ผมอยากหยุดนนท์ แต่ผมทำไม่ได้

“อะ...นนท์... ไม่เอา....อื้อออ” ผมพยายามห้าม แต่ผมกลับถูกปิดปากด้วยลิ้นที่รุกล่าเข้าไปข้างในโพลงปาก นนท์ถอนปากออกเพียงเพราะจะได้ดึงเสื้อผมออกไปพ้นตัว ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้ามากระทบผิวตัวด้านบน มันหนาวไปถึงข้างในทั้งๆ ที่ผมกำลังถูกกอดจากนนท์ ผิวเนื้อที่ไม่มีอะไรห่อหุ้มกำลังเสียดสีกัน

หน้าของคุณหมอลอยเข้ามาในความคิด ขณะที่มือของนนท์เลื่อนต่ำลงไป ปลดหัวเข็มขัดของผม ตามด้วยตะขอกางเกง และซิบที่เลื่อนลง ผมหลับตาลงเพื่อขับไล่ความร้อนรุนแรงที่ขอบตา แล้วน้ำอุ่นๆ ก็ไหลออกมาจากหางตา ทันทีที่ลิ้นร้อนเลื่อนผ่านจากแผ่นอกสู่หน้าท้องเบื้องล่าง

“...อึก...”

“ร้องทำไม” นนท์ละปากจากผิวเนื้อของผมขึ้นมาถาม ดึงตัวผมให้ลุกขึ้นมานั่งเกยอยู่บนตัก มือลูบหัวผม อย่างเอาใจ ผมยิ่งได้ใจร้องไห้เข้าไปใหญ่ ถึงจะมองไม่เห็นหน้าตัวเอง แต่ผมก็รู้ว่าน้ำตามันอาบหน้าจนเลอะไปหมดแล้ว นนท์ถึงได้คว้าเสื้อผมที่โยนทิ้งไปเมื่อครู่ขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้

“สกปรกอ่ะ” ผมว่า ทิซซู่มีก็ไม่ใช้ เอาเสื้อที่ใส่แล้วมาเช็ดหน้าผม

“เสื้อตัวเองนะฟ้า”

“จะเสื้อฟ้า เสื้อนนท์ ใส่แล้วมันก็สกปรกเหมือนกันแหละ” ผมเถียง ดึงเสื้อในมือนนท์ทิ้ง ถูกนนท์ดึงเข้าไปกอด ผมขืนตัวเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ซุกหน้าอยู่กับอกของนนท์จนได้ มือผมโอบรอบเอวหนาเอาไว้

“ที่ถามว่าร้องทำไม ยังไม่ได้ตอบเลยนะ” นนท์ท้วงเอาคำตอบ 

“แล้วนนท์จะทำอะไรฟ้าล่ะ?” ผมย้อนถาม เลิกร้องแล้วครับ

“ทำเหมือนเคย จำไม่ได้หรือไง”

“จำได้ แต่มันทำไม่ได้ต่างหาก” ผมบอกเสียงแข็ง ดันตัวเองออกมาจากอ้อมแขนหลอมๆ ของนนท์ จะขยับตัวลงจากตัก อีกฝ่ายก็รั้งเอวเอาไว้

“หวงตัวเหรอ?”

“ใช่ หวง แล้วไม่ต้องมาทำแบบนี้อีกเลยนะ ทิ้งฟ้าไปแล้วไม่ใช่หรือไง ทิ้งไปแล้วก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้อีก ถ้าทำอีกจะฟ้องแดน” คิดว่าเอาชื่อแดนมาขู่น่าจะได้ผล ได้ผลจริงครับ แต่หน้านนท์ไม่ได้บอกว่ากลัวคำขู่นะครับ แต่ออกจะเซ็งๆ หันหน้าหนีผม แล้วก็หันกลับมาหาผมอีกครั้ง

“พี่น้องคู่นี้ พูดเหมือนกันเดะ”

“ยังไง?” แสดงว่าไปทำแบบนี้กับแดนมาแล้วสิ ผมลืมไป ก็วันที่เปิดประตู้เข้าไปวันนั้น นนท์ก็กำลังพยายามจะทำอะไรแดนอยู่แล้วนี่น่า

“ไปทางนั้นก็บอกจะฟ้องพี่ฟ้า มาทางนี้ก็บอกจะฟ้องแดน แล้วนนท์จะทำอะไรใครได้ล่ะเนี้ย” พูดได้น่าตบปากแตกมากๆ

~~เพี้ยะ~~

“โอ๊ยยยย! เจ็บนะฟ้า ตบมาได้ไงเนี้ย โอยยย...เบามือหน่อยได้ไหม” นนท์ยกมือขึ้นคล้ำบริเวณปากที่ถูกผมตบ อย่างว่าล่ะครับ ความคิดของผมเร็วเท่ากับมือเสมอ

“ตบคนมักมากไง”

“ตรงไหน มันเป็นธรรมชาติ หรือฟ้าไม่เคย” คนถามลอยหน้าลอยตาพูดได้กวนมากครับ

“ปากนนท์นี่นะ” ผมเตรียมจะง้ามือตบปากอีกครั้ง กะเอาแรงกว่าเดิม นนท์รู้ทัน รวบข้อมือของผมไว้เสียก่อน ยังไม่พอ ยังผลักผมลงนอนในสภาพเดิม นนท์แทรกตัวเข้ามาตรงระหว่างขาผมทันที

“ปากนนท์ก็ทำให้ฟ้าพอใจได้ล่ะน่า” นนท์ก็เป็นคนพูดจริงทำจริงครับ พูดจบก็ระดมจูบผมไปทั่วหน้า จนพอใจแล้วก็ลากต่ำลงมาที่ซอกคอ ผมดิ้นแต่นนท์ก็รู้ทันไปซะหมด รวบมือผมไว้เหนือหัว กดทับตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้นหนี

“นนท์....อ่า...อ่ะ....” ปากนนท์ทำให้ผมหลุดคราง เนื้อตัวที่ถูกสัมผัสไม่สามารถต้านทานได้

“ปากนนท์ทำให้ฟ้ารู้สึกดีใช่ไหม?” ผมโกรธนนท์ คนที่เงยหน้าขึ้นมาถามผม มือนั้นป้วนเปี้ยนอยู่ที่ขอบกางเกงผม แต่โกรธไม่มาก เพราะผมไม่อยากขัดใจนนท์ ผมยังอยากให้นนท์อยู่ข้างๆ ผมต่อไป น้ำตาที่มันปริ่มๆ จะไหล มันเลยไม่ไหลเอาซะดื้อๆ

“.....” ผมไม่พูดอะไรแล้วครับ หมดแรงต้าน ปากนนท์กดลงมา ลิ้นร้อนรุกเข้าไปด้านในโดยง่าย ผมไม่ได้ต่อต้าน ปล่อยให้ล่วงล้ำตามอำเภอใจ สาบานได้ว่าผมไม่มีความสุขกับรสจูบนี้เลย อยากขัดขืน อยากผลักร่างหนาๆ ของนนท์ให้ออกไปไกลๆ แต่ที่ทำได้คือนอนนิ่ง ข้อมือผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระแต่ผมก็แค่ขยับให้มันอยู่ในทีทางที่ควรอยู่ บนไหล่สองข้างของนนท์

“ชอบไหม?” นนท์ถามผม ตาสีอ่อนดูเหมือนอยากจะได้คำตอบที่ถูกใจ

“ถ้าบอกว่าชอบ แล้วนนท์จะกลับมาหาฟ้าไหมล่ะ” ผมเลือกที่จะถามแทนที่จะตอบ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีอ่อนที่แสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็น

“....” นนท์ไม่ตอบ

“เพราะทำอะไรแดนไม่ได้ เลยต้องเอามาลงกับฟ้าใช่ไหม” สิ่งที่ผมได้เป็นคำตอบคือปากที่บดจูบลงมาอย่างแรง นนท์ไม่ปฏิเสธ แปลว่าจริง...



   ....แกร็ก...

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
แกร็ก...

ทันทีที่เสียงลูกบิดดังขึ้น ฟ้องว่ากำลังมีใครอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา ผมรีบผลักนนท์ให้พ้นตัว เด้งตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แต่มันคงช้าเกินไป อาการบนสีหน้าของคุณหมอฟ้องชัดเจนว่าเจ้าตัวเห็นอะไรบ้าง

“....”

“....”

“....”

ผม นนท์ คุณหมอ เราสามคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร เวลาผ่านไปนานเหมือนร้อยชาติ ทั้งที่ความจริงมันไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำที่ไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา

นนท์มองผมอย่างไม่พอใจ ที่คุณหมอเข้ามาในห้องผมได้อย่างสบายๆ เพราะกุญแจในมือ ก่อนหน้านี้มันเคยเป็นของนนท์ นนท์คืนให้ตอนวันที่บอกเลิกผม ส่วนคุณหมอ ความผิดหวังฉายชัดเจนอยู่บนใบหน้าคม ในความเงียบที่มีคนสามคนร่วมกันสร้างขึ้นมา ผมก้มหลบสายตาคุณหมอ ก้มหยิบเสื้อขึ้นมาให้นนท์ นนท์แค่รับมาถือแต่ไม่ยอมใส่ ส่วนผมหยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาใส่ เดินตัวลีบไปหาคุณหมอ อยากอธิบายแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

“ผมเอาไปเก็บให้ครับ” ผมหมายถึงเสื้อผ้าหลายชุดที่คุณหมอถืออยู่ในมือ คุณหมอไม่พูดอะไรแต่ก็ยอมยื่นไม้แขวนทั้งหมดให้ผม ผมเดินเข้าไปในห้อง เปิดตู้แล้วเอาเสื้อผ้าของคุณหมอแขวนไว้รวมกับของผม ได้ยินเสียงเปิดประตูตามเข้ามา นึกว่าเป็นคุณหมอ แต่กลับเป็นนนท์

“ไม่กี่วันฟ้าก็ให้กุญแจคุณหมอแล้ว” นนท์เดินหน้ายุ่งเข้ามาถามผม เสื้อพาดอยู่ที่ไหล่ มือถือถุงเท้ากับเข็มขัดเข้ามาด้วย

“คุณหมอขอ” ผมบอกไปตามจริง นนท์ยิ่งไม่พอใจใหญ่

“เขาขอ ฟ้าก็ให้ ทีนนท์กว่าจะได้ ขอแทบตาย” นนท์พูดถูก เพราะกว่านนท์จะได้กุญแจคอนโดของผมก็หลังจากที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่เกือบสองปีแล้ว

“มันไม่เหมือนกัน”

“ไม่เหมือนยังไง” นนท์ถาม แต่ผมหาคำตอบให้ไม่ได้

“นนท์จะถามเอาอะไร กลับไปก่อนได้ไหม ฟ้าไม่อยากทะเลาะกับนนท์” ไม่ลืมครับว่านนท์กำลังเมาอยู่ ตอนเมาน่ะ อารมณ์นนท์จะขึ้นง่าย เกรงใจคุณหมอด้วย อยู่ข้างนอกก็คงได้ยินเหมือนกันเพราะนนท์ไม่ยอมเปิดประตูเลย ผมเลยต้องทำใจเย็น ปกติก็ใจเย็นอยู่แล้วครับ โกรธได้ไม่นานหรอกครับ เดียวเดี๋ยวก็หาย

“ไม่กลับ” ว่าแล้วก็เดินไปนอนแผ่หลาบนที่นอน โยนเสื้อไปทาง เข็มขัดไปทาง ถุงเท้าไปอีกทาง ผมต้องตามเก็บ ไปโยนไว้ในตะกร้า

“ไม่ให้นอน” ผมเดินไปดึงให้นนท์ลุก กลับกลายเป็นว่าโดนนนท์ฉุดให้ลงไปนอนด้วย ดิ้นขลุกอยู่อย่างนั้นอยู่นาน กว่านนท์จะยอมปล่อย

“นนท์” ถึงนนท์จะปล่อยผมแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ข้างตัวนนท์ที่นอนเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ดูอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้

“ว่า”

“กลับไปก่อนได้ไหมอ่ะ” ผมดึงแขนนนท์อีกครั้ง เขย่าเบาๆ ให้นนท์เห็นใจ

“ที่ไล่เพราะอยากจะจู้จี้กับคุณหมอสองคนว่างั้น”

“บ้าน่านนท์ ใช่ที่ไหนล่ะ”

“ไม่ใช่ งั้นนนท์ก็ไม่กลับ เตียงฟ้าออกจะกว้างนอนสี่คนยังได้ ไปๆ ไปเรียกคุณหมอมานอน นนท์ง่วงแล้ว” คนง่วงคว้าเอาหมอนข้างของผมมากอด ก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว แล้วนอนหันหลังให้ผม ผมมองด้วยความอ่อนใจ นนท์น่ะดื้อ ตามอารมณ์เค้าไม่ทันหรอก หรือเพราะผมตามใจนนท์มากเกินไปก็ไม่รู้ ดูสิ ขนาดนนท์ทำอย่างนี้กับผม ผมยังไม่โกรธเลย ปล่อยเลยตามเลยครับ

ผมหยิบหมอนอีกใบที่เหลือขึ้นมา เดินไปหยิบผ้าห่มบนตู้เสื้อผ้าชั้นบน ผ้าห่มที่พี่ฝนซื้อมาไว้ให้ตั้งสามผืน ผมไม่เคยหยิบเอามาใช้ ครั้งนี้ครั้งแรกเลย คืนนี้คงต้องนอนนอกห้อง ใครอยากจะนอนกับคนเมากันล่ะ นอนไม่หลับกันพอดีเพราะกลิ่นเหล้า พอเดินออกมาจากห้อง เห็นคุณหมอนั่งหน้าไม่รับแขกแล้วก็เหนื่อยใจ

“คุณหมอครับ ช่วยยกโต๊ะออกหน่อยครับ” ผมไม่ได้อยากจะใช้แรงงานคุณหมอหรอกนะครับ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับคุณหมอด้วยวิธีไหน เลยเลือกใช้วิธีนี้ คุณหมอไม่ถามอะไร ผมบอกให้ยกก็ยก คงจะพอรู้ครับว่าอะไรเป็นอะไรเพราะเห็นผมหอบผ้าห่มออกมาเยอะขนาดนี้ ไม่บอกก็ต้องรู้ว่าห้องนั้นโดนยึดไปแล้ว ผมกับคุณหมอต้องนอนนอกห้อง

“คุณหมอครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณหมอคิดนะครับ” ผมบอก ขณะที่มือก็ปูผ้าห่มผืนหนาบนพื้นหน้าทีวี เพื่อให้นอนสบาย ผมปูผ้าห่มสองผืน เหลืออีกผืนหนึ่งเอาไว้ห่ม จำได้ว่าเมื่อวานคุณหมอก็พูดประโยคแบบนี้กับผมไปหยกๆ เข้าใจความรู้สึกของคุณหมอตอนนั้นเลยครับ

“ผมไม่ได้คิดอะไร” คำตอบมันขัดกับหน้าตาไม่รับแขกของคุณหมอมาก ปากบอกว่าไม่แต่ตาไม่ยอมมองผมเลย เห็นแสงไฟจากตึกอยู่ด้านนอกกระจกดีกว่าผมซะงั้น

“คุณหมอครับ” ผมเดินเข่าเข้าไปหาคุณหมอที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่บนโซฟา แทรกเข้าไปอยู่ตรงกลางขาคุณหมอ แล้วโอบเอวหนาไว้หลวมๆ ผมติดนิสัยที่ว่าถ้าจะง้อใครแล้ว ผมต้องเข้าไปกอด เพื่อให้ฝ่ายนั้นรู้ว่าผมอยากง้อเขาจริงๆ คุณหมอยังไม่ยอมมองหน้าผมอีก ผมเลยเปลี่ยนจากกอดเอวเป็นเอามือคล้องคอ โน้มใบหน้าคมให้เข้าใกล้ในระดับที่ผมจะจูบถึง

ผมจูบแต่คุณหมอยังนิ่ง ไม่ให้ความร่วมมือ ปากหนาปิดสนิท ท่าทางจะโกรธผมจริง

“คุณหมอครับ”

“...” คุณหมอยังนิ่ง

“โกรธผมเหรอครับ”

“...” ไม่ตอบด้วยคำพูดครับ แต่ตอบด้วยแววตาสีเข้ม ว่าโกรธ โกรธมากด้วย ผมไม่อยากให้คุณหมอเป็นแบบนี้ ใจผมมันไม่ดีเลยครับ มันสั่นๆ ไม่อยากถูกโกรธ

“ผมขอโทษ” ผมกอดคุณหมอแน่น ซบหน้ากับอกกว้าง

“....” ตัวคุณหมอแข็งมาก แข็งเหมือนหุ่นปั้น

“....” แค่รู้ว่าคุณหมอโกรธ จนไม่ยอมพูดกับผม น้ำตาผมก็ไหลอย่างสุดกั้น ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วนอกจากกอดคุณหมอเอาไว้อย่างนั้น ได้ยินเสียงคุณหมอผ่อนลมหายใจช้าๆ ท่อนแขนแข็งแรงขยับขึ้นมาโอบกอดผมตอบ ผมใจชื้นขึ้นมาทันที เงยหน้ามองใบหน้าคม จูบซับที่คางสากเอาใจ

“ผมขอโทษ” ผมย้ำคำเดิม น้ำตามันยังไหล

“ไม่ร้องนะครับ” คุณหมอใช้มือซับน้ำตาให้ผม

“คุณหมออย่าโกรธผมนะ นะครับ” ผมขอร้องทั้งน้ำตาที่มันไม่ยอมหยุดไหล มองนัยน์ตาสีเข้มผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง ผมรู้ตัวว่าผมผิด ผิดที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้นนท์มากขึ้นขนาดนั้น ตอนนั้นผมแค่รู้สึกผิดต่อคุณหมอ แต่ไม่ได้คิดว่าคุณหมอจะเปิดประตูเข้ามาเจอ ผมคิดน้อยไป คิดแค่ว่าไม่อยากขัดใจนนท์ มาตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามาก ถ้าคุณหมอไม่เข้ามาซะก่อน เรื่องมันจะเลยเถิดไปถึงขั้นไหน มันอาจจะซ้ำลงรอยเดิมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาระหว่างผมกับนนท์ ถึงจะไม่ถึงขั้นมีอะไรกันแต่มันก็ผิดกับคนที่ผมกำลังเปิดใจรับเข้ามา

ผิดต่อคุณหมอ...

“อย่าโกรธผมนะครับ” ผมยังพูดคำเดิม

“โกรธไปแล้ว แต่ก็หายแล้วครับ”  มือคุณหมอยังเช็ดน้ำตาให้ผม ผมรั้งมือซ้ายของคุณหมอไว้ ดึงมาใกล้ แนบจูบลงบนหลังมือ ก่อนจะถูกช้อนใบหน้าให้ขึ้นไปรับจูบที่กดชิดลงมา

“อื้ออ...ไม่เอาครับคุณหมอ  นนท์อยู่” ผมรีบห้าม ขณะที่มือยังโอบรอบบนร่างหนาที่ตามกดทับลงมา หลังจากที่ผมถูกผลักให้ลงไปนอนราบกับเนื้อนุ่มของโซฟาตัวเดิม มือใหญ่เลิกเสื้อผมขึ้น ลากไล้เร่งเร้าอารมณ์ ปากหนาพรมจูบไปทั่วหน้า คอ แผ่นอก

“กลัวคุณนนท์จะรู้เหรอครับ” ถามเสียงแข็ง สีหน้าบอกว่าไม่พอใจ

“เปล่าครับ” ผมรีบส่ายหน้าเร็วๆ กลัวโดนเข้าใจผิด ผมจะกลัวนนท์รู้ไปทำไมในเมื่อนนท์รู้อยู่แล้ว แต่ผมอายต่างหาก

“อายหรือครับ” คุณหมอถามแล้วยิ้ม

“ครับ” ผมพยักหน้าไวๆ ให้รู้ว่าผมอายจริงๆ ใครจะไม่อายล่ะครับ กิจกรรมที่ทำกันสองคน มันมีเสียงนะครับ เกิดเสียงมันดังเข้าไปให้นนท์ได้ยินล่ะ ถึงมันจะยากที่เสียงข้างนอกจะลอดเข้าไปข้างใน แต่ใครจะรับประกันได้ว่ามันจะไม่ลอดเข้าไปได้ ที่สำคัญคือให้มีอะไรกันโดยมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย มันน่าอายไหมครับสำหรับผม

คุณหมอยิ้มแล้วกอดผมไว้ เรากอดกันอยู่นาน นามจนผมเริ่มเมื่อยเพราะน้ำหนักตัวของคุณหมอที่ทับอยู่บนตัวผม

“คุณหมอ”

“ครับ”

“เมื่อยแล้วครับ” ผมว่า คุณหมอยิ้มๆ แล้วขยับตัวลุกขึ้น ดึงผมให้ลุกขึ้นตาม แล้วรั้งตัวผมให้นั่งบนตักตัวเอง ผมเอนซบคุณหมอไปทั้งตัว เหตุการณ์เดียวกันกับนนท์เป๊ะ

“ผมหึง ตอนเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นคุณฟ้ากับคุณนนท์อยู่ด้วยกัน” คุณหมอบอก แม้จะเป็นคำพูดเบาๆ แต่น้ำเสียงจริงจังมาก แล้วเหมือนจะเลี่ยงพูดถึงเหตุการณ์ชวนโกรธ ตอนที่ผมกับนนท์กำลังจูบกันอยู่

“สัญญาครับว่าจะไม่มีอีก” ผมบอก ยื่นนิ้วก้อยให้คุณหมอเกี่ยว

“สัญญาแล้วนะครับ” ปลายนิ้วของคุณหมอเกี่ยวเข้ากับปลายนิ้วของผม 

“ครับ”

“ผมจะรอ รอวันที่คุณฟ้าจะรักผม”

“ครับ” ผมตอบรับออกไป ไม่ใช่เพียงเพราะทำให้คุณหมอสบายใจ มันเป็นเพราะผมอยากให้มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีระหว่างกัน

“....”

“....”

แล้วเราก็จูบกันอีกครั้ง กว่าจะรู้ตัวผมหลังผมก็สัมผัสกับผ้าห่มที่ปูเอาไว้ มันไม่นิ่มเหมือนพื้นเตียงในห้อง แต่ให้ความรู้สึกที่ดีเพราะมีคนข้างกายที่โอบกอดผมอยู่

“ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ผมบอกคุณหมอ เมื่อปากของคุณหมอยังไม่หยุดไว้แค่ที่ปากของผม กลับไล่ลิ้นชื้นบนซอกคอ ไล่ลงมาที่ไหล่ จนถึงแผ่นอกเปลือยเพราะเสื้อชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงไปสุดท้ายที่เหนือราวนม

“อ๊ะ...ไม่เอา...คุณหมอ นนท์อยู่” ผมต้องบอกซ้ำ เตือนความจำให้คุณหมอ เมื่อกี้ก็เหมือนจะหยุดไปรอบแล้ว ยังจะเริ่มต้นใหม่อีกเหรอ คุณหมอยอมหยุดและปล่อยตัวผม แต่หลังจากที่แย่งอากาศผมหายใจไปแล้วพักใหญ่

“ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมบอกคุณหมอ พลางดึงเสื้อผ้าให้เข้าที่ เพิ่งรู้ว่ากางเกงข้างล่างถูกปลดตะขอกับซิบไปแล้ว มือไวซะมัดเลยคุณหมอ ทำตอนไหนผมยังไม่รู้ตัวเลย

“รีบอาบแล้วออกมาไวๆ นะครับ ผมเป็นห่วง” คุณหมอบอก ทำสีหน้าละห้อย ยังกับว่าผมจะไปออกรบก็ไม่ป่าน แค่ผมจะเข้าไปอาบน้ำในห้องที่มีนนท์อยู่เท่านั้นเอง

“ครับ” ว่าแล้วผมก็ก้มจูบแก้มคุณหมอไปที เพราะเห็นตาละห้อยแล้วน่าสงสาร แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเองครับ ทั้งห้องยังเปิดไฟสว่าง ส่วนคนที่คิดว่าน่าจะหลับไปแล้ว ยังคงนั่งพิงหัวเตียงคุยโทรศัพท์อยู่ พอเห็นผมเปิดประตูเข้ามาก็เรียกทันที

“ฟ้ามานี่สิ มีคนอยากคุยด้วย”

“ใครอ่ะ?” ผมถามอย่างสงสัย เดินเข้าไปหานนท์ แทนที่จะตอบ นนท์กลับยื่นโทรศัพท์ให้แทน ผมรับมาถือ ดูหน้าจอ มันขึ้นชื่อว่า ‘แดน’

“มีอะไรกับพี่หรือเปล่าแดน”  ผมกรอกเสียงลงไป จากนั้นก็มีสัญญาณที่บอกว่าอีกฝ่ายวางเสียไปแล้ว

“วางสายเหรอ?” นนท์ถามผม เมื่อผมยื่นโทรศัพท์คืน

“อืม...แล้วนี่นนท์โทรไปกวนอะไรน้องอีก” ผมถาม ขณะที่นนท์กดปุ่มโทรออกอีกครั้ง พลางทำมือไล่ให้ผมไปห่างๆ ช่างเถอะ ไม่ตอบก็ไม่อยากรู้แล้วล่ะ

ผมเดินมาที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าเตรียมเข้าไปอาบน้ำ ยังไม่ได้ยินเสียงนนท์พูดกับคนปลายสายเลย สงสัยแดนจะไม่ยอมรับโทรศัพท์ สมน้ำหน้า ขอให้แดนไม่รับโทรศัพท์นนท์ทีเถอะ ผมขอแช่งโทษฐานที่ทำให้ผมโดนคุณหมอโกรธ ถึงผมจะมีส่วนอยู่บ้างก็เถอะที่ยอมนนท์จนได้เรื่อง

   ~~แชะ~~

“เฮ้ย!~ทำอะไรอ่ะนนท์” ผมรีบผลักนนท์ออก กลัวคุณหมอเข้ามาเห็น เพราะจู่ๆ นนท์ก็วิ่งมารั้งคอผมให้หันรับจูบ ก่อนจะมีเสียงแชะที่บอกว่ากล้องมือถือกำลังเก็บรูปซ็อตนี้อยู่

“ไม่บอก” นนท์ทำหน้ากวนๆ ใส่ผม ผมเลยเอาผ้าเช็ดตัวฟาดไปทีหนึ่ง

“เล่นอะไรเจ็บๆ นะฟ้า” นนท์บ่น แต่มือยังวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์ในมือ ผมชะโงกหน้าจะดูแต่นนท์ก็เบี่ยงตัวหนี พร้อมกับยัดโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋า

“คิดจะทำอะไรนนท์” ผมเท้าสะเอวถาม

“ทำอะไรก็เรื่องของนนท์น่า ฟ้าไม่เกี่ยว” นนท์พูดปัดๆ

“ไม่เกี่ยวได้ไง ก็นั้นมันรูปฟ้า”

“ไม่ต้องมาโวยวาย ไปอาบน้ำเลย คุณหมอรออยู่ไม่ใช่รึไง” นนท์ว่า พร้อมกับจับตัวผมหมุนไปทางห้องน้ำ แล้วผลักผมเข้าไป แต่ผมฝืนตัวเอาไว้ จับกรอบประตูห้องน้ำไว้แน่น

“นนท์บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเอารูปไปทำอะไร” ผมถามเสียงไม่ดังมากนัก กลัวคุณหมอได้ยิน

“อยากให้นนท์ช่วยอาบน้ำให้ไหม?” นนท์ส่งสายตาหื่นๆ มาให้ ผมก็กลัวนะครับ ถึงรู้ว่านนท์ไม่ทำจริงหรอก แต่ใครจะรู้ดีเท่าตัวนนท์ล่ะ ขนาดบอกเลิกกับผมไปแล้ว ยังกล้ามาทำรุ่มร่ามกับผมเลย ผมเลยยอมถอยเข้าห้องน้ำไปโดยดี แต่ไม่วายบอกแกมขอร้องกับนนท์ไปว่า...

“อย่าให้คุณหมอเห็นนะ”

นนท์ยิ้มกวนๆ ผมละเกลียดคนเจ้าเล่ห์จริงๆ ดีนะที่คุณหมอไม่เจ้าเล่ห์เหมือนนนท์ (= =’ ไม่จริงม้างงงง : คนเขียน)

.

.

.

.

.

“อ้าวคุณหมอ...”

คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้องของผม ถือหนังสือเล่มเล็กอยู่ในมือ แทนที่จะเป็นนนท์กลับเป็นคุณหมอ ผมกวาดตาไปรอบห้องก็ไม่เห็น  นนท์ไปไหน  รึเปลี่ยนใจไปนอนนอกห้องแทนผมกับคุณหมอ ผมนึกสงสัย แล้วคุณหมอก็ช่วยเฉลยให้

“กลับไปแล้วครับ”

“หรอครับ” พอจะเดาได้แล้วว่าที่นนท์ถ่ายรูปผมน่ะ ถ่ายไปทำไม ต้องเอาไปยั่วแดนแน่ๆ ไม่เข้าใจว่านนท์จะจีบแดนหรือทำให้แดนเกลียดมากกว่าเดิมกันแน่ แถมเอาผมเข้าไปเกี่ยวด้วย มันน่าไหมล่ะ คิดแล้วโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้หรอก นนท์ดื้อจะตาย ไม่ใช่ดื้อเงียบเหมือนผมนะครับ แต่ดื้อจริงจัง ดื้อกันให้เห็นจะๆ ดื้อแบบหัวชนฝาเลยครับ
 

“มาครับ ผมช่วยเป่าให้” คุณหมอว่าทันทีที่ผมหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา แล้วลุกขึ้นเดินเอาหนังสือไปเก็บไว้บนโต๊ะ ไม่เหมือนผมครับที่พออ่านเสร็จหรือเลิกอ่านเพราะง่วงก็จะวางมันไว้บนเตียงข้างตัวนั่นแหละครับ ไม่ลุกเอาไปเก็บให้เสียเวลาหรอกครับ เรียกว่าขี้เกียจดีๆ นี่เอง

“มาครับ” ผมยื่นไดร์เป่าผมให้คุณหมอ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งหน้าโต๊ะกระจก ผมติดนิสัยสระผมทุกครั้งเวลาอาบน้ำครับ เพราะมันรู้สึกสดชื่นมากกว่าที่จะอาบน้ำเพียงอย่างเดียว

เสียงไดร์เป่าผมทำงานอยู่เหนือหัวผม กับมือใหญ่ที่ขยี้ผมของผมไปมา บวกกับเวลาที่มันดึกมากแล้ว ทำให้ผมเคลิ้ม ตาปิด สติหลุดลอย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกคุณหมอจุ๊บแก้มเบาๆ ผมกับประโยคเดิมๆ ที่ว่า

“ค่าจ้างครับ” คุณหมอว่ายิ้มๆ

“งั้นเดือนนี้ก็ช่วยออกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลางให้ผมด้วยนะครับ ถือว่าเป็นค่าเตียงกับค่าตัว” ผมก็พูดไปเรื่อยครับ ไม่ได้จริงจังอะไรมาก เดินมาทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าขึ้นมาห่ม มองคุณหมอเก็บไดร์ใส่ลิ้นชัก แล้วเดินมานอนข้างผม ดึงตัวผมเข้ามากอด ทำหน้าเหมือนคนสำนึกผิดอะไรขึ้นมาสักอย่าง

“ผมขอโทษ”

“หือ? ขอโทษอะไรกันครับ” คิ้วผมขมวดเข้าหากัน สงสัยและไม่เข้าใจว่าคุณหมอจะขอโทษผมทำไมกัน คุณหมอยังไม่ทำอะไรให้ผมโกรธเลยด้วยซ้ำ แล้วผมจะเอาอะไรไปโกรธคุณหมอ

“เรื่องค่าตัว”

“หือ? ค่าตัว” ผมทวนคำนั้นช้าๆ

“ครับเรื่องค่าตัว”

“อะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” ไม่เข้าใจจริงๆ ผมเอาตัวออกจากอ้อมแขนคุณหมอ ลุกขึ้นนั่ง เกาหัวตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ คุณหมอลุกตาม หน้าเข้มดูหมองลง อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบแก้มนั้นเบาๆ คุณหมอจับมือผม แล้วดึงลงมากุมไว้ด้วยสองมือ

“คุณฟ้าโกรธผมที่ผมหอมแก้ม เลยประชดผมเรื่องค่าตัวกับค่าเตียง”

อืมมมม...เข้าใจล่ะ คิดมากกับคำพูดผมนั่นเอง

“คิดมากไปหรือเปล่าครับคุณหมอ ผมแค่พูดเล่นๆ จะไปโกรธอะไรคุณหมอล่ะครับ แค่เรื่องหอมแก้มเนี้ย มากกว่านี้ผมยังไม่โกรธเลย” ผมว่า แล้วแทบจะก้มหลบสายตาวิบวับของคุณหมอไม่ทัน ตาสีเข้มแพรวพราวขึ้นมาทันตา หน้าที่เคยหมองก็เต็มไปด้วยยิ้มหื่นๆ ชักไม่แน่ใจแล้วครับว่านนท์หรือคุณหมอใครหื่นกว่ากัน

“ไม่โกรธจริงๆ นะครับ” คุณหมอถามย้ำ ลูบมือผมที่คุณหมอกุมเอาไว้เบาๆ แบบมีความหมาย จะชักมือหนีก็ทำไม่ได้ เมื่อคุณหมอเปลี่ยนมากำมันไว้แน่น

“จะโกรธครับ ถ้าคุณหมอยังไม่ยอมปล่อยมือผม” ผมทำเสียงเข้มใส่ แต่คุณหมอไม่กลัว สายตายังวิบวับเหมือนเดิม ตอนนี้เริ่มมีอารมณ์อยากโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้วครับ

“ปล่อยครับ” เสียงดังขึ้นอีกนิด ย้ำว่าผมพูดจริง คุณหมอเลยยอมปล่อย พร้อมกับล้มตัวลงนอนหันหลังให้ผม ทำท่าว่าโกรธผม นี่คือคุณหมอที่ผมรู้จักมาตลอดหกเดือนงั้นเหรอ ทำไมมันแตกต่างจากภาพที่ผมเห็นมาตลอดล่ะครับ

เอะอะก็งอน...ผมต้องง้อตลอด

ผมเป่าลมออกจากปากช้าๆ  พยายามเข้าใจอาการของคนที่นอนหันหลังให้ ผมกดเปิดสวิสซ์ไฟที่หัวเตียง ก่อนลุกขึ้นไปปิดไฟ แล้วเดินกลับมาล้มตัวลงข้างคุณหมอ เอื้อมมือไปกอดเอวหนาเอาไว้หลวมๆ ซบหน้ากับแผ่นหลังกว้าง คุณหมอทำขืนตัว นี่กะจะเล่นตัวกับผมว่างั้น

“กอดไม่ได้หรือครับ” ผมถาม ทำใจกล้าเกี่ยวขาตัวเองเข้ากับขาคุณหมอ รู้หรอกว่าคุณหมอชอบให้ง้อด้วยวิธีแบบนี้ อะไรที่ถึงเนื้อถึงตัวเนี้ย คุณหมอชอบ

“ปล่อยเถอะครับ ผมจะนอน” อืมมม...ดูคุณหมอพูด พูดได้ผิดกับนิสัยมากๆ ผมไม่ได้โง่จนดูไม่ออกนะครับว่าคุณหมอกำลังเล่นตัว

“คุณหมอครับ” ผมกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูคุณหมอ กดจูบเข้าที่ข้างแก้มใกล้ปาก

“....” ยังเงียบ นอนนิ่งอยู่ท่าเดิม

“ไม่อยากกอดผมแล้วเหรอ” จำต้องกัดฟันถามเรื่องน่าอายไปจนได้ครับ นี่ผมต้องง้อด้วยวิธีนี้ใช่ไหม ถึงจะยอมหายงอน พอผมพูดจบหันกลับมาอย่างไวครับ ผมแทบตั้งตัวไม่ทัน ถูกกดลงไปจมกับเนื้อเตียงด้วยร่างหนาที่ทาบทับลงมา

“อยากครับ อยากกอดคุณฟ้าใจจะขาดแล้วครับ”

อืม...คำที่บอกสัมผัสตรงกับใบหน้าที่แสดงออกมาครับ ผมจนใจ แต่ก็ยินยอมพร้อมใจนะครับ อย่างน้อยผมก็ถูกกอดด้วยความรักมากกว่าความใคร่...

>>>>>>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<<<<


dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
งงกับความรักของนนท์กับแดน

หวานกับความรักของคุณหมอกับฟ้า

 :เฮ้อ: :L3:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
นนท์บ้าบอมากๆ >"<
บวกๆ ค่า

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
เข้ามาเจอฉากเด็ดพอดี โกรธคุณฟ้าแทนคุณหมอ
ดีจังที่หมอหายโกรธไว ไม่งั้นมาม่าชามโตคงมาอีก
หื่นเสมอต้นเสมอปลายนะหมอ

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
นนท์กับแดนนี่จะเอายังไงกันแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
 :a2:เย้ในทีสุดฟ้าก้อเริ่มแคร์คุณหมอแล้วมีวิธีง้อที่น่ารักชะด้วยชอบให้เป็ด1ตัว :duck1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อยากไล่กระทืบทั้งฟ้าทั้งนนท์
สงสารคุณหมอของเราจริงๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

เบื่อนนท์! -^-
ก็เลิกกันแล้วอะ ยังมาทำตัวรุ่มร่ามใส่ฟ้าอีก
คุณฟ้าก็ยอมเขาทำไมเนี่ยะๆ เฮ้ออ ขัดใจ
แต่ชอบเวลาคุณฟ้าง้อคุณหมออะ
น่ารักกกกกกก >      <

รออ่านตอนต่อไปจ้า
+1 ให้น้าาาาา

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
หึหึหึ...นนท์นี่ บางทีก็สงสารแดน สงสัยจะเจอมาเยอะ555 กวนน่าดู

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ดีที่คุณหมอกับฟ้าเข้าใจกัน แต่ไม่เข้าใจนนท์เลย แถมฟ้ายังไม่ค่อยขัดขีนอีก

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
 :beat: :beat: นนท์ทำตัวแย่มากๆ   :z6: :z6:

atommic

  • บุคคลทั่วไป
นนท์แย่มากๆเลยอ่ะ นิสัย :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
นนท์ทำตัวแย่มากกกกกกกกกกก :m16:
ฟ้าก็ไม่ขัดขืนเลย :z3:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 20 สัญญาว่าจะไม่ทิ้งไปไหน


ผมจูบเข้ากับกลุ่มผมนุ่มที่วางอยู่บนอกของตัวเอง เสียงหายใจหนักหน่วงจากร่างกายที่กกกอดหลังผ่านกิจกรรมระหว่างเราเริ่มกลับเข้าที่ มือลูบแผ่นหลังเปลือยเบาๆ  ช่วยผ่อนอาการเหนื่อยหอบ ผิวเนื้อขาวปรากฏรอยแดงใหม่แทรกรอยเก่า

รอยเก่ากับรอยใหม่

คนเก่ากับคนใหม่

คุณนนท์กับผม....

ตอนที่ผมเปิดประตูเข้ามา ถึงผมจะไม่เห็นว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนสองคน คุณฟ้ากับคุณนนท์ทำอะไรกัน เห็นแค่ตอนที่คุณฟ้าดีดตัวลุกขึ้นหลังจากผลักคุณนนท์ออกไป แต่แค่นั้นมันก็ทำให้ผมเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไปโดยอัตโนมัติในความคิด

ภาพที่เห็นคนอดีตคนเคยรักกันอยู่ด้วยกัน มันก็ทำให้ผมยืนตัวแข็งได้เหมือนกัน วูบหนึ่งที่ผมรู้สึกแน่นที่หน้าอก มันร้อนจนแทบจะระเบิด
อยากทิ้งใบหน้าน่ารักที่ทำเหมือนจะร้องไห้เอาไว้ด้านหลัง แล้วเดินออกไปเสีย แต่ผมทำไม่ได้ ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้คุณฟ้าเดินเข้ามาหา มองดูแผ่นหลังที่หายเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผมหอบเอามาจากบ้าน ยืนจ้องตากับอดีตคนรักของคุณฟ้า แม้อีกฝ่ายจะทำเหมือนหงุดหงิดที่เห็นผม แต่สายตาก็ไม่ได้โกรธหรือแฝงความเป็นศัตรู สักพักก็ก้มหยิบเสื้อผ้าเดินตามคุณฟ้าเข้าไปในห้อง

ผมอยากเดินตามเข้าไป ไม่อยากให้คนสองคนอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ขณะที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมรู้ ผมยังไม่มีสิทธิ์มากพอ ต่อให้ผมกับคุณฟ้าเป็นคนๆ เดียวกันไปแล้ว มันก็แค่นั้นเอง เทียบไม่ได้กับความสำคัญของคุณนนท์

ผมยืนอยู่ที่เดิมนานมาก ชั่งใจว่าจะกลับออกไปดีไหม

กลับหรือไม่กลับ...

ถามตัวเองอยู่นาน จนสุดท้ายคำตอบคือ ‘ไม่’

ผมยังอยากพยายามต่อไป

คำว่า ‘หวั่นไหว’ ของคุณฟ้าเมื่อตอนบ่าย ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาอีกมาก แล้วยังตอนที่คุณฟ้าเข้ามาง้อผมอีก ตอนนั้นคุณฟ้าถึงกับร้องไห้เพราะเข้าใจว่าผมโกรธจนไม่ยอมพูดอะไรกับตัวเอง ตอนนั้นผมโกรธจริงๆ  โกรธแต่ไม่มาก เพราะรู้ตัวดีว่ากำลังอยู่ในสถานะไหน ผมยังเป็นแค่คนที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตของคุณฟ้า ที่ได้มาทุกวันนี้มันก็มากเกินที่จะคิดถึงด้วยซ้ำ แต่พอคุณฟ้าง้อด้วยน้ำตาแล้ว ผมก็ทนใจแข็งไม่ได้ ไม่อยากเห็นคุณฟ้าร้องไห้ โดยเฉพาะร้องไห้เพราะการกระทำของผม และนั่นมันทำให้ผมมั่นใจขึ้นมาอีกนิดว่า ...

‘ผมเข้าไปอยู่ในสายตาของคุณฟ้าแล้ว บางทีอาจจะเข้าไปอยู่ในใจบ้างแล้วก็ได้’

 ไม่งั้นคงไม่ยอมให้ผมกอดอยู่ทุกคืนหรอก ใช่ไหมล่ะครับ

“เหนื่อยแล้วครับคุณหมอ” คนในอ้อมกอดว่า ดิ้นน้อยๆ   เมื่อผมหอมแก้มเนียนไปเต็มแรง คงคิดว่าผมจะรบเร้าเอารอบที่สาม อยากเหมือนกันแต่ไม่ใช่ตอนนี้ 

“ผมก็เหนื่อย....กว่าจะทำให้คุณฟ้าเสร็จได้” ผมพูด คุณฟ้าอาย ใบหน้าน่ารักที่เงยขึ้นมามองแดงมาก ลามไปถึงใบหูเล็ก มือเล็กทุบเข้าที่อกผม ไม่แรงมาก แต่ไม่ยอมหลบตาส่งความหมายของผม

“ทะลึ่ง” คุณฟ้าว่า ทำหน้ามุ้ยเห็นแล้วอดใจที่จะไม่จูบปากเล็กๆ นั้นไม่ได้ ลิ้นผมเลยทำงานอีกครั้ง กวาดความหวานหลังกลีบปากนิ่มอีกอย่างไม่รู้เบื่อ

“ฮื้อออ...”

“ทะลึ่งก็ทะลึ่งกับคุณฟ้าคนเดียว” ผมพูดหลังจากถอนปากจากความหวานตรงหน้า คนที่ขาดอากาศหายใจรีบโกยเอาอากาศเข้าปอด ก่อนจะพูดบอกผมว่า

“คุณหมอคนที่ผมรู้จักเมื่อหกเดือนก่อน ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย” ว่าเสียงเบา แต่ผมก็ได้ยินชัด ก็นอนกอดกันอยู่ใกล้แค่นี้ พูดในลำคอก็ได้ยินครับ

“แบบนี้? แบบไหนครับ” ผมแกล้งถามพาซื่อ พอรู้แหละว่าแบบนี้มันแบบไหน

“หื่น” มือเล็กบีบเข้าที่แก้มผม ผมกุมมือนั้นให้อยู่บนแก้มตรงตำแหน่งเดิม ไม่ให้เจ้าของมือดึงกลับ

“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะครับ” ตอนถามก็ลูบหลังมือนิ่มไปด้วย

“ไม่หื่น” ตอบเสียงดังมากแล้วก็ดึงมือตัวเองกลับ

ผมขำกับคำว่า ‘ไม่หื่น’ ของคุณฟ้า จนเจ้าตัวต้องตีหน้าดุกับตีแขนผมไปหลายที  มีคนน่ารักอยู่ใกล้ๆ ใครจะไม่อยากกอด อยากทำหื่นใส่ล่ะ

“ขำอะไรเยอะแยะครับ ที่พูดนี่ไม่ต้องการให้ขำนะครับคุณหมอ” คนพูดทำหน้ายุ่ง แต่ดูยังไงก็น่ารัก

“ไม่ขำครับ ไม่ขำ” ผมว่า กระชับร่างบางแน่นกว่าเดิม อยากจะบอกเหลือเกินว่าจะให้ก่อนหน้านี้เหมือนกับตอนนี้ได้ยังไง ถ้าตอนนั้นผมทำอะไรๆ ที่เรียกว่า ‘หื่น’ ออกไป มันจะเหมาะสมเหรอ มันก็ไม่เหมาะและไม่ได้ด้วย แต่ตอนนี้มันต่างกันนี่ ผมกับคุณฟ้า เราสองคนไม่ใช่แค่เจ้าของร้านกับลูกค้าอีกแล้ว เราสองคนเป็นเริ่มต้นคบกันแบบรวดเร็วและก้าวกระโดดมากๆ

“ที่หื่น ที่ทะลึ่ง ก็เพราะคุณฟ้า คุณฟ้าทำให้ผมเป็นแบบนี้”

“มาโทษผมได้ไง”

“ไม่ได้โทษครับ แค่ผมอยากบอกให้คุณฟ้ารู้ว่า คุณฟ้าน่ารักจนผมอดใจไม่ไหว แล้วตอนนี้มันก็.....อดใจไม่ไหวอีกแล้ว ขอนะครับ” ผมบอกแล้วขอเอากับเจ้าของใบหน้าที่ขึ้นสีแดงกว่าเดิม อุณหภูมิของร่างกายที่ผมกอดอยู่คงไม่แตกต่างจากผมมากนัก มันเริ่มสูงขึ้น

ด้านล่างไม่ต้องพูดถึง ก็น่าจะเดากันออก ทั้งของผม ของคุณฟ้า

“คุณหมอ...ไม่เอา อื้ออ....” เสียงห้ามเบาเกินกว่าจะหยุดมือผมที่เลื่อนลงต่ำไปเบื้องล่าง ลูบและคลึงเฟ้น วนเวียนอยู่นานในช่องทางด้านหลัง ขณะที่ปากแลกจูบเอากับคนที่ร้องห้ามในตอนแรก แต่แล้วก็กลับกลายมาให้ความร่วมมืออย่างง่ายดาย เพียงแค่ผมแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวานตามความต้องการ

คุณฟ้าที่น่ารักของผม น่ารักจริงๆ ครับ ปากว่าไม่แต่ร่างกายก็ยินยอมเสมอ เป็นแบบนี้แล้วมีหรือผมจะอดใจไหว อย่าว่าแต่ผมไม่เหมือนก่อนหน้านี่เลยครับ คุณฟ้าของผมก็เหมือนกัน เมื่อก่อนน่ารักแต่ตอนนี้น่ารักมากถึงมากที่สุด น่ารักจนไม่รู้เอาคำไหนมาเล่าสู่กันฟังแล้วครับ

ทั้งน่ารัก น่าหลง และว่าง่าย...

เมื่อผมขอ ไม่มีที่คุณฟ้าจะไม่ทำตามคำขอของผม ครั้งนี้ผมถึงได้ขออะไรบางอย่างออกไป เพิ่มดีกรีความหื่นของตัวเองในสายตาขึ้นฟ้าอีกยก

“ข้างบนนะครับ”

“หาาาา.....”
 ตากลมโต โตขึ้นมากว่าเดิม ใบหน้าหน้ารักที่แดงกล่ำหันหนีสายตาของผมที่อ้อนขอ เมื่อร่างของตัวเองถูกพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบน  มือเล็กยึดข้อมือผมที่จับเอวค่อดไว้ทั้งสองข้าง

ตั้งแต่มีอะไรกันมา ผมกับคุณฟ้ายังไม่ลองท่านี้กันเลย...

“ไม่ได้หรือครับ” ผมขยับตัวลุกขึ้นกึ่งนั่ง ปลายจมูกของเราชนกันเบาๆ ร่างบางที่ผมดึงเข้ามากอดร้อนผ่าว กอดแล้วอุ่นดีจริงๆ

“....” คุณฟ้าพยักหน้าช้าๆ ไม่กล้าสบตา ก่อนหลับตาแล้วเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากผม แขนเรียวสวมกอดผมตอบ

“ได้ใช่ไหมครับ” ผมกระซิบถามเสียงเบาเอากับใบหูเล็กอีกครั้ง มือคอยลูบแผ่นหลังเนียนไปมา ปากผมกดลงบนแก้มนุ่ม  ขยับมาที่ปากบางแต่ไม่ได้ล้วงล้ำเข้าไป

“คุณหมออ่ะ...” คุณฟ้าตีไหล่เบาๆ เป็นสัญญาณว่า คนน่ารักคนนี้กำลังจะทำตัวน่ารักให้น่าหลงอีกแล้ว

“นอนลงสิครับ”

.

.

.

.

.

.

นาฬิกาชีวิตของผมจะปลุกผมตอนประมาณหกโมงเช้า วันนี้ก็เช่นกัน หกโมงกับอีกสามนาทีเวลาที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไม่มีร่างกายหอมๆ ในอ้อมกอด เมื่อคนตัวหอมนอนอยู่อีกฟากของเตียง หน้าที่หันมาทางผมดูน่ารักเหมือนตอนที่ตื่นลืมตา ผมเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัว ถึงแม้วันนี้ผมจะเป็นวันหยุดผมแต่ผมก็ชินกับการตื่นเช้าครับ

ออกจากห้องน้ำมาคุณฟ้าก็ยังไม่ตื่น เหลือเวลาอีกสิบนาทีกว่าจะถึงเจ็ดโมงครึ่ง ผมเลือกที่จะนั่งมองหน้าคุณฟ้าตอนหลับ ก่อนที่จะปลุกเมื่อถึงเวลาที่เจ้าตัวบอกเอาไว้

เมื่อคืนผมถูกคุณฟ้าสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เตะแม้แต่ปลายนิ้ว ด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงหลังจากถูกผมปล่อยตัวให้เป็นอิสระ ทั้งที่ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว แต่คุณฟ้าไม่เชื่อ มองผมตาเขียว ต้องป้อมกับผมด้วยมือและเท้าที่ไม่มีแรงเหลืออะไรเลย ถ้าผมรุกอีกครั้งก็คงไม่มีแรงต้าน แล้วก็เผลอให้ความร่วมมือกับผมอีกจนได้ แต่เห็นคุณฟ้าอ่อนแรงอย่างนั้นก็น่าสงสาร ไม่อยากรังแกไปมากกว่านี้ ผมถึงได้ยอม นอนแยกกับคุณฟ้าให้อุ่นใจว่าผมจะไม่ชักชวนให้เคลิบเคลิ้มแต่อย่างใด

ผมเปลี่ยนจากนั่งมองเป็นนอนตะแคงดูใบหน้านั้นด้วยความรู้สึกรักที่มันเต็มตื้นอยู่ในอก เอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมสีดำให้เข้าที่เพื่อจะได้เห็นใบหน้าน่ารักได้ชัดขึ้น ทันใดนั้นมือเล็กก็คว้ามือผมเอาไว้ ก่อนจะดึงเอาไปกอด

“รักคุณหมอนะครับ” ปากบางขยับช้าๆ เปล่งเสียงหวานบอกคำที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ผมไม่ได้หูฝาด ผมได้ยินชัด

คุณฟ้าพูดโดยไม่ได้ลืมตา ความคิดแรกของผมคิดว่าคุณฟ้าละเมอ แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนความคิดทันที ตอนที่กลีบปากบางก้มไปแตะที่หลังมือผม ทำให้รู้ว่าไม่ได้ละเมอ แล้วเปลือกตาสวยก็ขยับเผยให้เห็นส่วนที่หน่อยตาสวย  ตากลมโตขึ้นช้อนขึ้นมองสบตากับผมก็ยืนยันได้ดี มันหวานซะจนไม่กล้ากระพริบตากลัวว่ามันจะเป็นความฝัน

“....” ผมยังพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าคนพูด ตามันค้าง หัวใจมันเต้นแทบจะกระเด้งออกอยู่จากอก

“....”

“ไม่ได้ละเมอนะครับ” คนน่ารักของผมว่า ยังกับเดาความคิดของผมออก จากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ผมลุกตาม

ผิวขาวขึ้นรอยจ้ำแดงเห็นชัดกว่าเมื่อคืนมาก ทำให้ผมนึกไปถึงเมื่อคืนที่เอาแต่ใจตัวเองมาก มากกว่าทุกครั้ง ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าในห้องน้ำตอนที่ผมอุ้มคุณฟ้าไปอาบน้ำ ตอนนั้นมันห้ามตัวเองไม่ไหวจริงๆ ยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่ผมเปิดประตูเข้ามาเห็นคุณฟ้ากับคุณนนท์ ถึงผมจะหายโกรธ แต่ผมก็อยากแสดงความเป็นเจ้าของให้คุณฟ้าจดจำว่า...มีเพียงผมคนเดียวที่จะทำอย่างนี้กับคุณฟ้าได้

“ไม่ได้โกหกด้วย” มือเล็กขยี้ตาบอกอาการว่าคนพูดยังคงง่วงจัดแต่ยังฝืนลุกขึ้นมานั่ง มาพูดให้ผมดีใจจนแทบจะตะโกนออกมาลั่นห้อง

“แต่อย่าทำเหมือนเมื่อคืนอีกได้ไหมคุณหมอ” ความดีใจของผมดับวูบด้วยความรู้สึกผิด ผมผิดมากกับเรื่องเมื่อคืน รังแกจนคุณฟ้าเกือบไม่ได้นอน

“ถ้าผมทำให้คุณหมอโกรธก็บอกผมมาตรงๆ แต่อย่าทำแบบเมื่อคืนอีกนะครับ มีอะไรก็ต้องพูด ถ้าไม่พูด ผมก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงด้วย ผมไม่อยากให้คุณหมอเข้าใจผมผิด ทั้งที่เมื่อก่อนหน้านั้น คุณหมอเองบอกว่าหายโกรธผมแล้วแท้ๆ”

คุณฟ้าว่าต่อ น้ำเสียงฟังดูน้อยใจนิดๆ ส่วนผมได้แต่นั่งฟัง รู้สึกผิดกว่าเดิม ตอนทำมันไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากอยากตีตราจอง แถมตอนทำก็พร่ำพูดอะไรหลายอย่างออกไป จำแทบไม่ได้ว่าอะไรบ้าง แต่ใจความหลักๆ ก็เรื่องอย่างว่านี่แหละครับ ว่าไม่อยากให้ใครมาเตะต้องตัวคุณฟ้า ไม่ว่าจะเป็นคุณนนท์หรือใครก็ตาม อารมณ์หึงหวงมันพาไป ห้ามไม่ได้ โทษผมคนเดียวก็ไม่ได้ โทษคุณฟ้าด้วยที่ตอนนั้นไม่เห็นจะห้ามปราบอะไรผม ทำตัวน่ารักเสียจนผมอยากรังแกซ้ำแล้วซ้ำอีก

‘ตรงนี้อย่าให้ใครจับ’

‘ตรงนี้อย่าให้ใครกอด’

‘ตรงนี้อย่าให้ใครลูบ’

‘ตรงนี้อย่าให้ใครใกล้’

‘ตรงนี้อย่าให้ใครจูบ’

‘ตรงนี้เป็นของผม’

‘ตรงนี้ผมเป็นเจ้าของ’

‘ตรงนี้ก็ใช่’

‘ตรงนี้อีก’

‘ตรงนี้ด้วย’

‘ตรงนี้’

‘ตรงนี้’

‘ตรงนี้’

ทุกส่วนของร่างกายคุณฟ้า ไม่มีเว้นแม้แต่ปลายเล็บที่ผมจับจองเป็นเจ้าของด้วยริมฝีปากกับลิ้นร้อนที่ไล่ผ่าน กดประทับตีตราจองมากกว่าทุกครั้ง โดยมีคุณฟ้าเปิดทางให้ทุกซอกทุกมุม ไม่มีทักท้วง ไม่มีห้ามปราม มีแต่สมยอม พร้อมกับให้ความร่วมมือ จนผมคิดว่าคุณฟ้าเป็นหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ให้เปล่งแค่เสียงครางหวานออกมาเป็นระยะที่ผมรุกล้ำ

ถ้าไม่เห็นว่าคุณฟ้าไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมากอดตอบผม ผมคงไม่หยุดเอาไว้แค่ในห้องน้ำนั้นแน่ๆ ผมไม่ใช่หมอสัตว์โรคจิต แต่ถ้าใครไม่มาเป็นผมไม่มีทางรู้หรอก ว่าคุณฟ้าน่ารักขนาดไหน แล้วจะไม่ให้รักไม่ให้หวงได้ไง

“....” ผมยังไม่มีคำพูดใดๆ ยังนั่งนิ่งฟังคุณฟ้าพูด

“ผมเป็นของคุณหมอแล้วนะครับ ไม่ไปเป็นของใครทั้งนั้น สัญญาครับ”

“.....”

“เชื่อใจผมนะครับ”

“....” ผมยังไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาเหมือนเคย ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดน้อยด้วย ยิ่งเวลานี้ผมควรนิ่งเพื่อจะฟังความในใจของคุณฟ้าต่อไป

“กับนนท์ ผมสัญญาจะไม่มีอีกแล้ว แต่จะห้ามให้ผมเลิกคบเลิกคุยกับนนท์ ตัดนนท์ออกไปจากชีวิตคงไม่ได้ ถ้าต้องให้เลือกระหว่างคุณหมอกับนนท์ ผมก็ต้องเลือกนนท์ เพราะนนท์เป็นเหมือนคนในครอบครัวของผมไปแล้ว” ตอนท้ายคุณฟ้าพูดเสียงเบาเหมือนลังเลที่จะพูดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“เข้าใจผมใช่ไหมครับ แล้วก็อย่าหึงผมกับนนท์อีกเลย ยังไงเราสองคนก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว คุณหมอก็เห็น นนท์รักแดน ไม่ใช่ผม” คุณฟ้าพูดเหมือนจะร้องไห้ เสียงเครือ ตาวาวด้วยน้ำใสๆ ผมรู้สึกคล้ายกับมีเข็มเล่มเล็กจิ้มเข้าที่อก ไม่ลึกแต่ก็ทำให้เจ็บพอประมาณ

ผมพอเข้าใจความรู้สึกของคนถูกทิ้งว่ามันเป็นยังไง หวังให้คุณฟ้าลืมความรักของคุณนนท์ไปทั้งหมดในเวลาแค่ไม่กี่วันคงเป็นไปได้ยาก อย่างน้อยผมก็ควรดีใจใช่ไหมที่คุณฟ้าเปิดใจรับผมเข้าไปแล้ว และยังบอกรักผมอีก แค่นี้มันก็ดีเกินพอกับช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ส่วนความรู้สึกที่คุณฟ้าให้คุณนนท์ไป ไม่นานมันก็คงกลายเป็นอดีตที่ไม่มีตัวตนเหลืออยู่อีกแล้ว

ขนาดความรู้สึกที่ผมมีให้น้องลม ยังต้องใช้เวลาหลายเดือน นับประสาอะไรกับของคุณฟ้าที่รักแล้วก็ผูกพันกันมามากขนาดนั้น ผมต้องให้เวลาคุณฟ้าเท่าๆ กับโอกาสที่คุณฟ้ามอบให้ผม

“โกรธหรือครับ”

“....” ผมส่ายหน้า ยิ้มแทนคำตอบว่าไม่โกรธ แล้วขยับเข้าไปใกล้ ลูบใบหน้าขาวด้วยความรู้สึกรัก อยากสัมผัสแบบนี้ไปเรื่อยๆ

“แต่คุณหมอไม่ยอมพูดอะไรเลย ตั้งแต่ที่ผมบอกว่า.....” คุณฟ้าไม่พูดต่อ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ทำเหมือนแล้วครับตอนนี้ น้ำใสๆ มันไหลออกมาจากตากลมโตทันที

“อย่าร้องสิครับ ผมไม่ได้โกรธคุณฟ้าเลย อย่าร้องนะครับ” ผมดึงตัวคนเจ้าน้ำตาเข้ามากอด ลูบไหล่ลูบหลังหวังให้คลายสะอื้น แต่กลับเป็นว่าร้องหนักกว่าเดิมอีก

“ฮึก...แต่คุณหมอ...โกรธ...ฮึก..ฮึก..คุณหมอโกรธผม....ฮึก...”

“ตรงไหนที่บอกว่าโกรธครับ” ผมถามกลับ ช้อนใบหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมาสบตา ใช้เช็ดน้ำตาที่ไหลจากหน่วยตาสวยที่เช็ดเท่าไหร่ก็ดูจะไม่หมด

“ก็...ก็...ฮึกกกกก....” พูดว่า ‘ก็’ อยู่สองที ก็ปล่อยโฮออกมาใหญ่ ผมต้องดึงตัวเอามากอดไว้เหมือนเดิม นาน ไม่ได้ปลอบอะไรนอกเสียจากกอดร่างนั้นเอาไว้เฉยๆ ปล่อยให้ร้องเสียให้พอ นานกว่าที่คุณฟ้าจะหยุดแต่ยังไม่เสียงสะอื้นหนักๆ ให้ได้ยิน เจ้าตัวดันตัวเองออกจากวงแขนผม เงยหน้าช้ำน้ำตาขึ้นมา

“...โกรธผมจริงๆ ด้วย...ฮึก...” คำต่อว่าเบาแสนเบา ถ้าไม่อ่านปากก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไร

“ตรงไหนครับที่บอกว่าโกรธ” ผมถามคำถามเดิม

“ก็คุณหมอไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่นิ่ง ผมใจไม่ดี ไม่อยากให้คุณหมอโกรธ ผมไม่อยากให้เรื่องของเรามันจบ เหมือน....”
 ถึงประโยคสุดท้ายคุณฟ้าจะไม่พูดมันออกมา ผมก็พอรู้ครับว่าสิ่งที่คุณฟ้าคิดจะพูดคืออะไร

...กลัวผมจะทิ้งไปเหมือนที่คุณนนท์ทำ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด