สวัสดีปีใหม่คนอ่านที่น่ารักทุกๆคนนะค่ะ คนโพสแอบหนีไปเก็บสายลมหนาวและไอหมอกอยู่นาน
ปีใหม่นี้ 2'555'ขอให้คนอ่านทุกคนรวยๆสวยๆ หล่อๆ เฮงๆๆๆนะเจ้าค่ะ
ตอนที่ 18 ความหวั่นไหว
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า โดยไม่ถูกถีบตกเตียง กายหอมๆ ที่กอดมาตลอดคืนยังแนบอยู่กับอก ใบหน้าน่ารักยังชวนมองเหมือนเคย ตาสวยถูกปิดซ่อนอยู่หลังเปลือกตาบาง ผมกดจูบแสนเบาที่หน้าผากเกลี้ยง แก้มใสที่อยู่ใกล้ และกลีบปากบางสีอ่อน ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก้มหยิบหมอนข้างที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมา (ผมโยนมันลงไปเองเมื่อคืน) เอามาให้คุณฟ้ากอดแทนตัว แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้หกโมงเกือบเจ็ดโมงแล้ว
ระหว่างที่ผมอาบน้ำ ผมคิดไปถึงเรื่องเมื่อวาน ไม่รู้ว่าผมคิดเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า คุณฟ้าดูจะหึงผมกับน้องหวาน ตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำที่ผมนั่งคุยกับน้องหวาน (เรียกว่าปลอบมากกว่า) บ่อยๆ ที่ผมหันไปเจอสายตาที่คุณฟ้ามองมา ดูไม่ออกหรอกครับว่าคิดอะไร แต่ถ้าให้ดูท่าทางที่แสดงออกมาให้เห็น ทำเอาผมคิดเข้าข้างตัวเองอยู่มาก...
ว่าคุณฟ้าหึงผมกับน้องหวาน
หึงจนถึงขั้นโกรธ
ยิ่งตอนเดินตามคุณฟ้าเข้าไปในห้อง หลังจากโทรเข้ามือถือตัวเองเพื่อให้คุณฟ้าลงมารับ บรรยากาศตอนนั้นเกินบรรยายออกมาเป็นคำพูด บอกได้ง่ายๆ เลยว่า มันมึนตึง เฉยชา ผมต้องทำตัวเล็กลีบไม่ให้ขวางหูขวางตาคุณฟ้า อยากเข้าไปกอดให้หายโกรธ อยากอธิบายให้เข้าใจว่าทำไมผมถึงกอดน้องหวานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณฟ้าก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผม เดินเข้าห้องมาก็ล้มตัวลงนอน ห่มผ้ามิดหัว นานกว่าจะโผล่หน้าออกมาให้เห็น แต่สายตาขุ่นขวางนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่า การทำตัวลีบเล็กและเก็บคำพูดของตนเองเอาไว้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นผมอาจจะต้องระเห็จออกไปจากคอนโดคุณฟ้าได้ในวินาทีที่ผมอ้าปากพูด
แต่สุดท้ายแล้ว คุณฟ้าก็เป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้ผมได้แก้ตัว ทั้งที่ตอนแรกผมถอดใจไปแล้วว่า ยังไงคืนนี้ก็คงไม่สามารถอธิบายอะไรให้คุณฟ้าเข้าใจได้ คุณฟ้าเป็นคนที่ผมตามอารมณ์ไม่ทันซะเลย นาทีก่อนหน้านี้อาจจะโกรธแบบสุดๆ แต่นาทีต่อมาก็กลับกลายเป็นคนละคน ลักษณะเหมือนคนสับสนในตัวเอง หรือไม่ก็เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว โดยที่ผมไม่ได้ออกแรงง้ออะไรเลย
โกรธเอง หายเอง ...
ผมมองเจ้าของใบหน้าน่ารักที่ผมกำลังตกหลุมรักอีกครั้ง หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำ ยังไม่ได้แต่งตัวเพราะเหลือบไปเห็นนาฬิกาเสียก่อน ตอนนี้มันเจ็ดโมงครึ่งแล้ว คุณฟ้ายังนอนกอดหมอนข้างหลับตาพริ้ม ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ยืนชั่งใจอยู่นานว่าจะปลุกดีไหม ดูนาฬิกาอีกที เจ็ดโมงสี่สิบ ไม่ปลุกคงไม่ได้แล้ว
“คุณฟ้าครับ” ผมตัดสินใจปลุกคนที่กำลังมีความสุขกับการนอน เขย่าไหล่บางแรงๆ ให้ตื่น เพราะคุณฟ้าเป็นคนหลับลึกเขย่าเบาๆ คงไม่รู้สึกตัว เปลือกตาบางขยับนิดๆ ก่อนจะเผยหน่วยตาสวยขึ้นมามองหน้าผม
“เจ็ดโมงสี่สิบแล้วครับ” ผมบอก คนฟังขยี้ตาเบาๆ แล้วพลิกตัวนอนหงาย ปิดปากหาว ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้น ภาษากายที่เข้าใจได้ว่าต้องการให้ผมดึงให้ลุก
“ต่อไปเจ็ดโมงครึ่งปุบปลุกผมเลยนะครับ” คุณฟ้าบอก บอกแบบนี้จะให้ผมแปลความหมายเข้าข้างตัวเองใช่ไหม
“ครับ” ทันทีที่คุณฟ้าลุกขึ้นนั่ง หน้าผากเกลี้ยงก็วางแมะที่หน้าอกผมเหมือนเด็กขี้อ้อน แล้วกอด แปลกใจที่คุณฟ้าเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการกอดผม ผมกอดตอบคุณฟ้า ใจก็อยากจะดันร่างเพรียวให้ล้มตัวลงไปนอนกับเตียงนุ่ม แล้วทำอะไรๆ ที่เคยทำกับร่างกายนี้เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา แต่ต้องห้ามใจตัวเอง ปล่อยคุณฟ้าออกจากอ้อมแขน หากไม่ลืมจุ๊บที่แก้มใสใกล้ปากของตัวเอง
“อาบน้ำได้แล้วครับ” ผมบอก ดันร่างเพรียวออก แต่เจ้าของร่างกลับขืนตัวเอาไว้ ปากบางจูบซับเบาๆ บนหัวไหล่ของผม น่าจะตรงจุดที่มีรอยฟันเล็กๆ ฝากเอาไว้
“เจ็บไหมครับ” จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ทำผมแปลกใจอีกแล้ว
“ไม่ครับ” ผมตอบ มันไม่ได้เจ็บอะไรเลยจริงๆ ทั้งตอนนี้และตอนนั้น ตอนที่เขี้ยวเล็กๆ กัดแล้วฝังรอยไว้ที่หัวไหล่ผม เมื่อถึงขีดของความเจ็บจากการรุกรานและดึงดันจากตัวตนของผม รวมถึงรอยเล็บที่จิกลงบนแผ่นหลังและแผ่นอก เมื่อคืนผมใส่แรงไปเยอะกว่าทุกครั้ง ยิ่งเสียงครางหวานของคนใต้ร่างที่ได้ยิน ยิ่งทำให้อารมณ์มันโหมกระพือ ห้ามปราบความต้องการทั้งหมดไม่ได้
“แน่นะครับ” คุณฟ้าเงยหน้าขึ้นมาถาม ตาสวยกำลังคิดอะไรอยู่ไม่รู้ มือเรียวสัมผัสเบาๆ บนรอยเขี้ยวคมที่จูบซับมันไปเมื่อครู่
“แน่สิครับ ผมจะไปเจ็บอะไรล่ะครับ คนที่เจ็บน่าจะเป็นคุณฟ้ามากกว่า เจ็บมากไหมครับ” ผมย้อนถาม จูบแก้มขึ้นสี น้อยครั้งที่จะเห็นใบหน้าขึ้นสีแบบนี้ของคุณฟ้า ครั้งสองครั้งเองมั้งตั้งแต่ทำเรื่องอย่างว่ากันมา
“เจ็บครับ...เอ่อ เมื่อคืนคุณหมอทำแรง” เสียงน่ารักพูดบอก อาการขัดเขินเห็นได้ชัดบนใบหน้า ก่อนจะก้มหนีสายตาด้วยการซุกใบหน้าเข้ากับอกของผม เรียวแขนโอบรอบเอวผมไว้หลวมๆ
“ทำไมไม่บอกละครับ จะได้ยั้งแรงไว้” ผมเชยคางมนขึ้นมาสบตา วูบหนึ่งที่คนน่ารักขี้อ้อนหลบตา แต่แล้วก็กลับมาจ้องตอบ
“แน่ใจเหรอครับว่าจะทำได้ ขนาดผมห้ามไม่ให้ทำ ยังห้ามไม่ได้เลย” คนน่ารักว่า หน้าขึ้นสีหนักกว่าเดิม คงคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ห้ามไม่ให้ผมต่อรอบสองไม่ได้ ห้ามเสียงเบาอย่างนั้นจะห้ามใครได้ แถมเสียงห้ามยังมาพร้อมกับเสียงครางหวานๆ อีก ใครจะหยุดความต้องการได้ล่ะ
“เรื่องห้ามทำ ห้ามไม่ได้ แต่เรื่องยั้งแรงพอจะยั้งได้ครับ” พอพูดจบก็โดนกำปั้นทุบเข้าที่ไหล่ ไม่แรงมาก พร้อมกับร่างกายที่ขยับออกห่าง ตอนที่ผมกำลังจะก้มลงไปจูบปาก
“จะอาบน้ำ”
Rrrrrr….
โทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบดูว่าใครโทรมาหาแต่เช้า คุณฟ้ามองผมนิดหนึ่งก่อนจะลุกออกจากเตียงไป
“สวัสดีครับน้องหวาน” น้องหวานคือคนที่โทรมาหาผม เพราะผมมองตามร่างเพรียวตั้งแต่ก้าวลงจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำ ถึงได้เห็นว่าร่างเพรียวนั้นหยุดชะงักทันทีที่รู้ว่าใครปลายสายเป็นใคร แล้วหันกลับมายืนพิงกรอบประตู กอดอกฟังผมคุย
(พี่หมอ...หวานอยากเจอพี่หมอ) เสียงของน้องหวานไม่ได้ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน มันเจือไปด้วยร่องรอยความเศร้า
“มาหาพี่หมอที่ร้านสิครับ” ผมบอก เข้าใจว่าตอนนี้น้องหวานต้องการที่พึ่ง แล้วผมก็เป็นที่พึ่งนั้น
(หวานนั่งอยู่ที่หน้าคลินิกพี่หมอแล้ว) ตรงหน้าคลินิกมีส่วนย่อมเล็กๆ กับชุดเก้าอี้ให้ลูกค้าได้นั่ง สำหรับลูกค้าที่ไม่อยากนั่งรอด้านใน
“งั้นนั่งรอพี่หมออยู่ตรงนั้นนะครับ อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวพี่หมอถึง” ผมคำนวณเวลาแล้วว่าน่าจะสักครึ่งชั่วโมงคงถึงที่คลินิก
(ค่ะ พี่หมอ)
น้องหวานตอบรับเสียงค่อย ได้ยินเสียงสะอื้นแว่วเข้ามา ก่อนที่สายจะถูกตัดไป ผมสงสารน้องหวานแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาว พร้อมวางชีวิตไว้กับผู้ชายคนหนึ่งที่รักกันมานาน แต่แล้วทุกอย่างก็พังลงมาไม่เป็นท่า คนผิดคืออิง เพื่อนของผมคือคนที่ผิด ผิดที่หักหลังผู้หญิงคนนี้ ผิดที่หัวใจเปลี่ยนไป ผิดที่ไม่ตัดสินใจเลือกน้องหวาน กลับเลือกอีกคนหนึ่งที่มาทีหลัง แต่อิงจะผิดมากกว่านี้และทำร้ายชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดชีวิต หากไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง
โชคดีที่อิงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง น้องหวานอาจจะเจ็บแค่วันนี้ ยังดีกว่าที่ต้องเจ็บไปตลอดชีวิต
“คุณหวานรออยู่เหรอครับ”
“ครับ รออยู่หน้าคลินิก”
“งั้นรีบไปสิครับ ไม่ต้องรอผมหรอก เดี๋ยวคุณหวานรอนาน” คุณฟ้าว่า แล้วหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า (ชุดเสื้อผ้าที่ผมโทรให้พี่ชายเอามาให้เมื่อตอนเย็น ก่อนหน้าที่จะส่งน้องหวานกลับบ้าน) พอแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้อง ไม่ได้จะไปหาน้องหวานตามที่คุณฟ้าบอก แค่ออกมาจัดการกับข้าวของในห้องนั่งเล่นให้เป็นระเบียบขึ้น
ห้องคุณฟ้ารก ไม่ใช่รกธรรมดา รกมาก เหมือนเจ้าตัวใช้แล้วไม่เก็บหรือไม่ก็ไม่มีเวลาเก็บ ดูจากสภาพการทำงานของคุณฟ้าที่เปิดร้านตั้งแต่แปดโมงและเปิดเอาตอนสามทุ่ม แล้วยังต้องอยู่ทำขนมถึงดึกดื่น กลับถึงห้องก็คงอาบน้ำแล้วหลับเลย แถมทำงานแบบไม่มีวันหยุดด้วย (ตามคำบอกของสาวยีน) ห้องถึงได้รกมากเพราะไม่มีเวลาว่างที่จะทำ
ผมลงมือเก็บข้าวของให้เข้าที่ เริ่มจากหนังสือที่วางเกะกะ ไม่เป็นที่เป็นทาง อยู่มุมนี้บ้างมุมโน่นบ้าง ขวดน้ำกับแก้วน้ำ กระเป๋ากับผ้าพันคอ หมวกกับเสื้อเชิ้ต ร่มกับไม้ปัดฝุ่น กระปุกยากับโหลใส่ลูกอม ขวดซอสกับกล่องใส่เงินเหรียญ แล้วก็ตะกร้าใบเล็กข้างในมีกุญแจอยู่สองชุด นี่แค่บางส่วนที่ผมหยิบจับให้มันไปอยู่ในทีทางของมันเอง ยังเหลืออีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้จัดการเพราะประตูห้องนอนที่เปิดออกมาเสียก่อน
“อ้าว...นึกว่าไปแล้วซะอีก ....เอ่อ อันนั้นไม่ต้องทำก็ได้ครับ เดี๋ยวผมทำเอง” ตอนแรกคงแปลกใจที่เห็นผมยังไม่ไปไหน ต่อมาก็คงเกรงใจที่เห็นผมจัดการกับห้องรกๆ ของตนเองอยู่ ห้องเรียบร้อยขึ้นเป็นกองครับ
“ไม่เป็นไรครับ”
“ผมเกรงใจ” คุณฟ้าว่าเสียงเบา
“งั้นผมขอไอ้นี่เป็นค่าตอบแทนนะครับ” ค่าตอบแทนของผมไม่ได้มากอะไรเลย ก็แค่กุญแจห้องชุดของคุณฟ้าในมือผมเท่านั้นเอง
“ก็ได้ครับ” ให้กันง่ายๆ จนผมแปลกใจเป็นรอบที่สามของเช้าวันนี้
.
.
.
.
.