.
.
.
.
“เหมือนอะไรครับ?” ผมแกล้งถามทั้งที่รู้
“เหมือน...” ฟันซี่สวยกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่น ตากลมโตหลุบต่ำเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิด ลังเลที่จะพูดหรือไม่ก็กลัวที่จะพูดออกมา แปลว่าคนตรงหน้าผมกำลังแคร์ความรู้สึกของผมอยู่ ถึงไม่ยอมพูดอะไรที่อาจจะทำร้ายจิตใจผม
“เหมือนอะไรครับ?” ผมถามซ้ำ กดจูบที่แก้มซ้าย แก้มขวา ประคองใบหน้าน่ารักให้เงยขึ้นมาสบตา
“คุณหมอ...แกล้งผมใช่ไหม” คนน่ารักของผมตัดพ้อเบาๆ ก่อนจะสอดแขนเข้ามากอดผมไว้เสียแน่น ซบหน้าลงบนอกผมอย่างที่ทำเป็นประจำ
“ไม่ได้แกล้งครับ แค่อยากรู้ว่าเหมือนอะไร?...กลัวผมทิ้งคุณฟ้าเหมือนที่คุณนนท์ทิ้งงั้นเหรอครับ” ผมถามเอากับกลุ่มผมนุ่ม
“....” คุณฟ้าไม่ตอบแต่อาการนิ่งก็ช่วยยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี
“ผมกลัวคุณหมอทิ้งผม” สุดท้ายคุณฟ้าก็พูดออกมา หลังจากที่เงียบไปนาน แล้วผมก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากกอดคุณฟ้าอยู่อย่างนั้น
“ไม่หรอกครับ ไม่ทิ้ง”
“.......แน่นนะครับ”
“แน่ครับ ผมจะทิ้งได้ไง คบกันได้แค่ห้าวันเอง จะทิ้งได้ไง” สงสัยคำตอบของผมจะไม่ถูกใจคนถาม ไอ้อาการดิ้นรนหนีออกจากอ้อมกอดผมก็ตามมาทันที คุณฟ้าทั้งผลักทั้งดันตัวผมออก แต่สู้แรงของผมไม่ได้ สุดท้ายถึงได้สงบลง ผมงงว่าผมพูดผิดไปตรงไหน แล้วผมก็เข้าใจในทันที เมื่อคนน่ารักของผมบอกเสียงอู้อี้เอากับอกผม อกผมสัมผัสเข้ากับน้ำอุ่นๆ อีกครั้ง
“นนท์ยังทิ้งผมไปได้เลย คบกันมาตั้งหลายปี” คุณฟ้าร้องไห้อีกแล้ว
“ผมไม่ทิ้งคุณฟ้าหรอกครับ สัญญา”
“นนท์ก็เคยสัญญาว่าจะไม่ทิ้งผม”
“.....” ผมถอนหายใจหนัก ไม่ว่าจะพูดอะไร คุณฟ้าเอาผมไปเปรียบกับคุณนนท์ตลอด ผมเข้าใจนะว่ามันเป็นช่วงที่ยังลืมคนเก่าไม่ได้ แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บที่อกอยู่ดี
“คุณหมอ....รำคาญผมใช่ไหมครับ” คุณฟ้าดันตัวเองออกจากอ้อมแขนผม มองผมตาละห้อย ทำหน้าเหมือนเด็กถูกผู้ปกครองทิ้งไว้ที่โรงเรียนอนุบาล เช็ดน้ำตาตัวเองปอยๆ
“เปล่าครับ”
“รำคาญผมจริงๆ ด้วย” บางครั้งคุณฟ้าก็ทำตัวเหมือนเด็กที่คิดเองเออเองได้ตลอด ผมลูบใบหน้าชื้นน้ำตา มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลมโตคลอน้ำตา
“ผมบอกสักคำไหมว่าโกรธคุณฟ้า รำคาญคุณฟ้า ที่ผ่านมาไม่เห็นหรือครับว่าผมจริงจังกับคุณฟ้ามากแค่ไหน เวลาระหว่างผมกับคุณฟ้ามันอาจจะยังไม่มาก แต่ผมก็มั่นใจนะครับว่าจะไม่ทำให้คุณฟ้าเสียใจเด็ดขาด” ผมพูดด้วยความจริงจัง หน้าตาของผมคงจะจริงจังตามสิ่งที่ผมพูดด้วย คุณฟ้าถึงอ่อนลง
“ผมขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ผมกลัว ผมไม่อยากถูกทิ้ง” น้ำตายังไหลตอนที่คุณฟ้าพูด ผมต้องเช็ดน้ำตาให้อีกครั้ง ดูแล้วคุณฟ้าเป็นคนที่ถ้าได้ร้องไห้แล้วน่าจะร้องไม่หยุด
“ไม่ร้องนะครับ คนดีของผม” คุณฟ้าพยักหน้าช้าๆ ดึงมือผมไปกุม น้ำตาไม่ไหลแล้วเพราะเจ้าตัวกั้นมันเอไว้เต็มที่ เห็นแล้วสงสาร เหมือนเด็กที่ถูกพ่อแม่สั่งไม่ให้ร้องไห้ทั้งที่ตัวเองอยากร้องไห้ใจแทบขาด
“อย่าทิ้งผมไปนะครับ” คุณฟ้าบอกเอากับมือผมที่ชิดอยู่กับปากบาง จูบซับลงไปที่หลังมือผม ก่อนจะช้อนตากลมๆ ขึ้นมามองหน้าผม ตาสวยดูเศร้าปนไปกับความรู้สึกคาดหวังในคำขอ
“ไม่ทิ้งหรอกครับ น่ารักขนาดนี้” ผมว่าแล้วจูบหน้าผากมน ไล่มาที่ปลายจมูกเล็ก และกลีบปากบาง แต่ต้องมาสะดุดกับหลังมือนิ่มที่ยกขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ของคุณฟ้า มืออีกข้างก็ดันแผ่นอกผมเอาไว้ ขณะที่เจ้าตัวขยับถอยห่าง ผ้าห่มร่นจนเกือบจะอวดโฉมคุณฟ้าน้อย ดีที่เอื้อมมาดึงเอาไว้ทัน
“ยังไม่ได้แปรงฟันเลย” พูดกันไปตั้งเยอะ เพิ่งมาห่วงเรื่องกลิ่นปาก
“ไม่มีกลิ่นหรอกครับ” ไม่เหม็นจริงๆ นะครับ
“ไม่เอา ขอผมไปแปรงฟันก่อน” ว่าแล้วคุณฟ้าก็ก้าวลงจากเตียง แต่พอเท้าแตะพื้นเท่านั้นแหละ ก็กลับมานั่งแหมะอยู่ที่เตียงเหมือนเดิม หันมามองค้อนผมทันทีอย่างคาดโทษ ผมได้แต่ส่งยิ้มจืดๆ ไปให้
โดยไม่ต้องมีคำสั่งหลุดออกมาจากปากคนน่ารัก อย่างรู้หน้าที่ผมเดินอ้อมเตียงมาช้อนร่างบางขึ้นสู่วงแขน เดินไปยังห้องน้ำ ปล่อยให้ทำธุระส่วนตัวไป ส่วนผมก็เดินกลับมาเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปเก็บข้าวของที่รกๆ อยู่ด้านนอก สักพักก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นคุณฟ้านอนอยู่บนเตียงทั้งที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดร่างกายส่วนล่าง
“ง่วงหรือครับ” ผมคุกเข่าถามอยู่ข้างเตียง อดใจที่จะจูบแก้มหอมๆ ไม่ได้
“....ครับ” คุณฟ้าลืมตาขึ้นมาตอบ ตากลมโตแดงช้ำจนน่าใจหาย เห็นแล้วสงสาร ถ้าผมเดาไม่ผิดนี่คงแอบร้องไห้ในห้องน้ำแน่ๆ เพราะก่อนเข้าไป ตาไม่ช้ำแดงขนาดนี้
“ไปทำงานไหวไหมครับ” ผมถาม คุณฟ้าส่ายหน้า ลองเอามือแตะหน้าผากดู ไม่ร้อน หมดห่วงเรื่องเป็นไข้ไม่สบายไปได้เปราะหนึ่ง แต่ดูจากสภาพแล้ว ไม่อยากให้คุณฟ้าลุกไปทำงานเลย ยอมรับว่าเมื่อคืนผมรังแกคุณฟ้าไปมาก คุณฟ้าได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง แถมตอนนี้ตายังบวม หน้าก็ช้ำแดงเพราะการร้องไห้หนัก ให้ไปทำงานสภาพนี้ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกใจ
“ไม่ไหวครับ อยากนอน...........กอดคุณหมอ” คุณฟ้าบอกเสียงหวาน ตากลมโตหลุบต่ำเพราะเขินอายกับคำพูดของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ขยับตัวเข้าไปข้างในเตียงมากขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่ให้ผมขยับขึ้นไปนอนด้วยกัน
“ให้กอดอย่างเดียวหรือครับ” ผมกระซิบถามข้างแก้มขึ้นสี ตอนนี้ทั้งตัวคุณฟ้าอยู่ในอ้อมกอดผมหมดแล้ว ผมมองใบหน้าน่ารัก คุณฟ้าเปลี่ยนไปเร็วมาก จากวันแรกที่เอาแต่ขับไสผมตลอด ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็เอาแต่ยืนยันว่าไม่ต้องมายุ่งกับตัวเอง พอมาวันนี้กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นคนสำคัญ ผมเป็นที่คุณฟ้ารักมากจนไม่อยากให้จากไปไหน
“หื่น...จะไม่ให้พักเลยรึไง”
“ก็คุณฟ้าน่ารัก” ผมว่า จุ๊บปากบางไปที อยากทำมากกว่านี้แต่ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ เพราะขืนใช้ลิ้นอะไรๆ มันคงไม่หยุดอยู่แค่ในปากหวาน
“น่ารักแล้วต้องรักไปนานๆ นะครับ” คุณฟ้าว่า กอดผมแน่นขึ้น
“ครับ...ผมสัญญา” ผมตอบ ยืนยันคำพูดด้วยจูบที่ประทับหนักแน่นบนหน้าผากมน
“ผมเป็นเด็กกำพร้า” จู่ๆ คุณฟ้าก็พูดขึ้นมา รู้สึกว่าตัวคุณฟ้าสั่น ขณะที่น้ำเสียงเริ่มเบาลง แต่ยังคงเล่าเรื่องของตนเองให้ผมฟัง เรื่องที่ผมยังไม่รู้และคุณฟ้าคงอยากให้ผมรู้
“ผมกับพี่สาวถูกแม่ทิ้งไว้ในโรงพยาบาลตั้งแต่เกิด เราสองคนไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครแม่เป็นใคร เกือบจะต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กแรกเกิด ถ้าคุณหมอที่ทำคลอดพวกเราไม่สงสารแล้วติดต่อเพื่อนสนิทให้มารับพวกเราไปดูแล” คุณฟ้าเล่า น้ำตาคลออยู่ที่เบ้าแต่ยังไม่ไหล ดูเหมือนเจ้าตัวก็พยายามจะกั้นเอาไว้
“คุณปู่กับคุณย่าที่เลี้ยงพวกเราสองคน ท่านทั้งสองไม่มีลูกครับ เลยรับเราสองคนเป็นบุตรบุญธรรม แต่ท่านไม่อยากให้เราสองคนเรียกว่าพ่อกับแม่ เพราะไม่อยากให้เราสองคนลืมคนที่ให้กำเนิดเรามา แม้พวกเขาจะไม่ต้องการเราสองคนก็ตาม ผมกับพี่สาวเลยเรียกท่านทั้งสองว่า ปู่กับย่าครับ”
ผมกอดคุณฟ้าแน่นขึ้น เข้าใจแล้วครับว่าทำไมคุณฟ้าถึงกลัวผมจะทิ้งไป
“คุณปู่กับคุณย่าผมเสียไปแล้วครับ พี่สาวผมก็เพิ่งแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนนนท์ก็ทิ้งผมไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมไม่อยากถูกทิ้งอีกแล้ว คุณหมออย่าทิ้งผมไปนะครับ” คุณฟ้าช้อนตาขึ้นมามองผมราวกับอ้อนวอนขอคำสัญญาจากผมอีกครั้ง ดวงตาที่ไหวระริกนั้นทำให้ผมสงสาร
“สัญญาครับ” ผมให้คำมั่นไม่ใช่เพราะความสงสาร แต่มาจากความรู้สึกรักที่ผมมีให้คนในอ้อมกอด
“ขอบคุณครับ” คุณฟ้ายิ้มเต็มหน้า ปากบางยื่นเข้ามาจูบที่ปากผม ก่อนลิ้นเล็กจะเป็นฝ่ายรุกเข้ามาในปากผมอย่างนิ่มนวล ผมปล่อยให้คุณฟ้าเป็นฝ่ายกระทำโดยที่ผมเป็นเพียงฝ่ายที่ตอบรับ คุณฟ้าไม่ได้จูบเก่งมากมายแต่ก็อ่อนหวานเหมือนที่ตัวคุณฟ้าเป็น
“อื้อออ....ไม่เอาครับ ยังเจ็บอยู่เลย” คุณฟ้ารีบดันตัวผมออก เมื่อผมลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ต่ำลงไปด้านล่างด้วยความเคยชิน
“เจ็บมากไหมครับ” ผมถาม มือลูบสะโพกเล็กเบาๆ
“มากครับ...เมื่อคืนก็ตั้งกี่ครั้ง คุณหมอก็น่าจะรู้” ประโยคหลังว่าไม่เต็มเสียงหนัก ใบหน้าเขินอายน่ารักมาก ผมเปลี่ยนจากมือที่ลูบไล่มากอดร่างบางดังเดิม
“ก็คุณฟ้าน่ารัก” ผมพูดคำเดิมๆ ที่มันเป็นความจริงที่สุด ไม่ว่ามองตรงไหนคุณฟ้าของผมก็น่ารัก น่ารักเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ผมสบตาด้วย
“รักผมไปนานๆ นะครับ”
“ครับ...จะรักให้นานเท่าชีวิตแล้วก็จะรักให้ดีที่สุดครับ” แล้วแก้มขาวก็ถูกผมกดจูบลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะนอนกอดกันอยู่อย่างนั้น ฟังเสียงลมหายใจของกันละกัน
“คุณหมอ”
“ครับ”
“ผมรักคุณหมอนะครับ”
“รู้แล้วครับ” ผมหอมแก้มขาวอีกจนได้
“แล้วคุณหมอรักผมไหม?” ตากลมรอเอาคำตอบ
“รักสิครับ” พูดได้เต็มปากครับว่ารัก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาเลยแม้แต่น้อย
“แล้ว....”
“ครับ”
“แล้ววันนี้คุณหมอไม่ไปทำงานหรือครับ” ผมนึกว่าจะถามอะไร
“ไม่ครับ วันนี้ไม่เวร” วันนี้เป็นวันหยุดของผม อาทิตย์หนึ่งหยุดสองวัน
“หรือครับ” พูดแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ก่อนจะส่งสายตาปริบๆ มาให้ผม
“ ผมไม่ได้ไปทำงาน กลัวเด็กๆ ไม่มีข้าวเช้ากิน คุณหมอซื้อข้าวให้พวกเด็กๆ ได้ไหมครับ คือเมื่อวานผมก็บอกว่าจะซื้อข้าวมันไก่ร้านที่อยู่ซอยถัดไปซะด้วย”
ให้มันได้อย่างนี่สิครับคนน่ารักของผม ไม่ไปทำงานแต่ก็ไม่ลืมหน้าที่ประจำของตัวเอง เมื่อครู่ยังเศร้าอยู่กับเรื่องในอดีตของตัวเอง ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาห่วงเรื่องปากท้องของลูกน้องในร้าน ผมพอรู้ครับว่าทุกเช้าคุณฟ้าจะซื้อข้าวเช้าไปให้เด็กในร้านก็ยีนกับแดน เดี๋ยวนี้เพิ่มมาอีกสองคนคือดาวกับตาม ส่วนมื้อกลางวันเห็นว่าผูกปิ่นโตกับร้าน ‘คนกันเอง’ ร้านเล็กๆ ของพ่อแม่แดน
“ครับ” แล้วผมมีหรือจะกล้าปฏิเสธ เด็กในร้านที่คุณฟ้าดูแล ก็น่าจะเป็นเด็กที่ผมต้องดูแลเหมือนกัน
“เกรงใจจังครับ” คุณฟ้าว่า ทำน่าเกรงใจผมสุดๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”
“ขอบคุณครับ” คำขอบคุณมาพร้อมกับปากเล็กที่ยกขึ้นแตะปากหนาของผม ก่อนจะถอนออก แล้วยิ้มหวานเอาใจผมสุดๆ
ผมลุกจากเตียงมาแต่งตัว ทั้งที่อยากจะกอดร่างบางไม่อยากปล่อยไปไหน แต่อดใจไว้ครับ ทำหน้าที่สำคัญแทนคุณฟ้าไปก่อน เดี๋ยวกลับมาค่อยขอรางวัลชุดใหญ่ ยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดของผมอีกวันหนึ่ง ส่วนคุณฟ้าเป็นเจ้าของร้านจะหยุดพักอีกสักวันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คิดแล้วก็มีความสุข พรุ่งนี้วันเกิดผมด้วย อยากจะชวนคุณฟ้าไปทำบุญด้วยกัน
“รีบกลับมานะครับ” คำที่บอกดังขึ้นตอนผมจับลูกบิดประตู เรียกให้ต้องหันหลังกลับมามองหน้าคนพูดที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ส่งยิ้มหวานมาให้ แทบอยากเดินกลับไปจูบปากเล็กๆ ที่พูดคำพูดนี้ออกมาเหลือเกิน
“ครับ” สุดท้าย ผมก็พูดแค่นี้แล้วออกจากห้องไป กลัวห้ามใจตัวเองไม่ให้จูบปากอย่างเดียวน่ะครับ ขอไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเสียก่อนก็แล้วกัน กลับมาจะกอดให้หนำใจ
.
.
.
.
.
.
‘รีบกลับมานะครับ’
ประโยคแสนหวานของผมที่ออกมาจากปากคุณฟ้า ยังดังก้องอยู่ในหูของผมเหมือนว่าคุณฟ้ายืนกระซิบอยู่ข้างหูในตอนนี้ ผมซื้อข้าวเช้าไปให้ทุกคนในร้านเรียบร้อยแล้ว แถมยังบอกกับยีนอีกว่าคุณฟ้าขอหยุดพักสองวัน รายนั่นดี้ด้าใหญ่ เข้าใจครับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในลิฟท์ และประตูลิฟกำลังจะปิดเข้าหากัน ก็มีเสียงเรียกให้ผมต้องหยุดลิฟท์รอ
“รอด้วยค่ะ” เจ้าของเสียงคือหญิงสาวน่าตาน่ารักในชุดหมีที่วิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาในลิฟท์ที่ผมกดรอ ในมือถือถุงพะรุงพะรัง มองมือตัวเองมีแค่ถุงข้าวมันไก่สี่ห่อ อาหารเช้าของผมกับคุณฟ้า
“ชั้นไหนครับ” ผมถามทันทีที่ประตูลิฟปิดเข้าหากันอีกครั้ง ในลิฟมีผมกับเธอสองคน
“14 ค่ะ” ชั้นเดียวกัน
“ช่วยถือไหมครับ ผมก็ชั้น 14 เหมือนกัน” ผมอาสาช่วย หญิงสาวที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของห้องชุดในคอนโดแห่งนี้ห้องไหนสักห้องบนชั้น 14 ชั้นเดียวกับห้องของคุณฟ้า เผลอๆ อาจจะเป็นห้องตรงข้ามหรือไม่ก็ห้องตรงกันข้าม จะได้ผูกมิตรกันเอาไว้
“เกรงใจค่ะ” เธอว่า
“ไม่เป็นไรครับ”
“งั้นก็....ขอบคุณค่ะ” เธอยืนถุงบางส่วนมาให้ผม
“ฝนชื่อฝนนะคะ แล้วคุณชื่อ...”
“ผมหมอนุครับ”
“ยินดีที่รู้จักนะคะ” เธอยิ้มได้น่ารักมาก ยิ้มที่ผมรู้สึกว่ามันคุ้นมาก
“ยินดีที่รู้จักเหมือนกันครับ”
...ติ้ง...
ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้น 14
“ขอบคุณนะคะ” เธอบอกขอบคุณผม ยื่นมือมารับถุงในมือผมคืน แต่ผมคิดว่าควรจะเดินไปส่งเธอจนถึงห้องดีกว่า
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอว่า ยิ้มที่ส่งมาให้ผม รู้สึกมันคุ้นๆ ยังไงชอบกล หน้าตาแบบนี้ก็เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หน้ากลมๆ ตาโตๆ จมูกเล็กๆ ปากบางๆ
“ห้องของฝนอยู่ทางนี่ค่ะ”
ผมเดินตามน้องฝน (ดูจากใบหน้าแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าผมหลายปีอยู่) มันเป็นทางเดียวกับทางเดินไปห้องของคุณฟ้า หรือว่าน้องฝนจะอยู่ห้องข้างๆ คุณฟ้าหรือไม่ก็ห้องตรงข้ามตามที่ผมคิดเอาไว้
แต่ทำไม....
ทำไม...
น้องฝนถึงหยุดอยู่ที่หน้าห้อง...
‘1411’
ผมกลืนน้ำลายลงคอก้อนใหญ่ ทำหน้าไม่ถูกเมื่อน้องฝนยิ้มขอบคุณ แล้วไม่รู้จะทำตัวยังไงดีเมื่อน้องฝนหันหลังกลับมาบอกผมว่า...
“ห้องน้องชายของฝนเองค่ะ ขอบคุณหมอมากนะคะที่ช่วยถือของให้”
>>>>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<<<<
กว่าจะเข็นตอนนี้ออกมาได้ ยากแท้จริงๆ ปาดเหงื่อ อ่านแล้วสะดุดตรงไหน ขออภัยมา ณ ที่นี่นะคะ
อาจเขียนบรรยายงงๆ ไปบ้าง โปรดอภัย อิอิ งงตรงไหน ถามได้นะคะ เดี๋ยวคนเขียนมาตอบให้ค่ะ