28
หลังจากนั้นแล้ว สองหนุ่มก็ลงมากินข้าวเหนียวไก่ย่างที่ปุยฝ้ายซื้อมา พูดคุยเล่นกันพักใหญ่ นั่งพักจนหายอิ่มแล้วก็ลงเล่นน้ำกันอย่างมีความสุข มีดาริกาคนเดียวที่ตัดสินใจไม่ลงน้ำแต่อาสาคอยเก็บภาพให้กับเพื่อนๆอีกสามคน เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มที่มุมปากเล็กๆ ด้วยความเอ็นดูในความสุภาพอ่อนโยนของคุณชายภาสกร ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับนที
แทบจะทุกรูปที่มีสองหนุ่มอยู่ด้วยกันดาริกาก็จะสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่แยกไม่ออกระหว่างทั้งคู่เหมือนมีเชือกที่มองไม่เห็นรัดเขาสองคนเอาไว้
ดูแต่ตาไม่ต้องฟังคำอธิบาย หรืออ่านความคิดของสองหนุ่มก็รู้ดีว่าทั้งคู่ผูกพัน รักใคร่กันเพียงใด มีอย่างหรือเพียงนทีว่ายห่างไปไกลหน่อยภาสกรก็เริ่มมองหาด้วยความเป็นห่วงพยายามว่ายตามไปอยู่ใกล้ๆ ราวกับว่าจะห่างกันแม้นาทีก็ไม่ได้ ส่วนนทีเองก็มองคุณชายอย่างอบอุ่น สายตาบ่งบอกถึงความประทับใจ เคารพ นับถือ ในขณะเดียวกันก็คือรักและโหยหาอย่างแรงกล้าแม้สังเกตได้เพียงเสี้ยวนาทีก็จะสัมผัสได้ว่าเขาคิดอย่างไรกับคุณชายหนุ่ม เวลาสองคนปีนป่ายไปตามโขดหินคุณชายก็จะชำเลืองมาทางนทีเป็นพักๆ คอยดูว่าอีกคนตามมาอย่างปลอดภัยหรือเปล่า นานๆครั้งก็มียื่นมือไปให้หนุ่มน้อยจับยึดเอาไว้ด้วย
แต่น่าสงสารก็ตรงที่ทั้งคู่เป็นประเภทเก็บความรู้สึกเก่งพอกัน ภาสกรนั้นแน่ละในเมื่อต้องใช้ชีวิตเป็นคุณชายแสนเพอร์เฟกต์ของผู้ใหญ่ ใช้ชีวิตไปตามทางที่คนอื่นปูไว้ให้ไม่ค่อยมีสิทธิ์แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตนนัก ส่วนนทีเองหล่อนเดาว่าเป็นเพราะหนุ่มน้อยคงลำบากมามาก ฟังจากคำบอกเหล่าของปุยฝ้ายก็พอเข้าใจได้รางๆว่า คงไม่มีสิทธิเลือกอะไรมากนักในชีวิต ประเภทว่าใช้ชีวิตไปตามชะตาลิขิต ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรตามใจ
หล่อนเข้าใจความรู้สึกของการที่คนเรารักใครสักคน แต่ก็ไม่อาจเข้าถึงอีกฝ่ายได้ดี ในกรณีหล่อนคือหล่อนรักเขาข้างเดียว แต่ในกรณีของภาสกร และนทีต่างฝ่ายก็ต่างรักกันจนไม่ต้องมีใครมาบอกก็รู้อย่างนี้ เข้าทำนอง “เพียงแค่มองนัยน์ตาก็รู้ว่าเราชอบกัน แต่เราสองคนต้องเก็บมันไว้” อย่างนั้น น่าสงสารถ้าจะไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้ความในใจของกันและกัน แม้หล่อนจะทำอย่างที่ปุยฝ้ายบอกว่า
“เราต้องสร้างซีนให้เขาค่ะ” แล้วก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ทำได้มากสุดเท่านี้ คือใกล้กันได้แค่นั้นไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนความสัมพันธ์เป็นอื่น นทียังเรียกภาสกรว่า “คุณชาย” และแทนตัวเองว่า “ผม” เหมือนผู้ต่ำต้อยกว่าอยู่อย่างนั้นเป็นไปได้ยากที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ให้ไปในทางของคู่รัก
“พี่ดาไม่ว่ายจริงหรือคะ” ปุยฝ้ายตามมาในที่สุด หล่อนนั่งลงข้างๆดาริกา เนื้อตัวเปียกโชกอยู่ใต้ผ้าขนหนูผืนหนา มองหน้าคุณหญิงสาวสวยอย่างเพ่งพิศ
เอาเป็นว่าดาริกาไม่ได้ชอบคุณชาย หรือถ้าชอบอย่างน้อยคุณหญิงคนนี้ก็แสดงออกว่าสนับสนุนเพื่อนของหล่อนมากกว่าจะแย่งคุณชายมาเป็นของตัวเอง ปุยฝ้ายดีใจที่อย่างน้อยอุปสรรคของนทีก็ไม่ได้มีดาริกาเข้ามารวมอยู่ในนั้นด้วย
“ไม่ล่ะค่ะให้คุณชายกับน้องน้ำเขาอยู่ด้วยกันดีกว่า น่ารักดีค่ะ”
ปุยฝ้ายถอนใจ
“แต่ยังไม่มีใครแสดงอะไรมากไปกว่าเดิมเลยนี่คะ”
“ก็อย่างที่พี่บอกแหละค่ะ” ดาริกาเอ่ยเบาๆ “คุณชายเธอยังไม่รู้ใจตัวเอง หรือต่อให้รู้ก็รับความเป็นตัวเองไม่ได้ มันยากนะคะน้องฝ้ายถ้าผู้ชายสักคนจะยอมรับว่าตัวเองชอบผู้ชายด้วยกัน ยิ่งผู้ชายอย่างคุณชายภาสกรที่ต้องมีชีวิตตั้งอยู่บนความถูกต้องมาตลอดอย่างนั้น ความรักร่วมเพศของคุณชายยิ่งเป็นพฤติกรรมที่เรียกว่า ต้านสังคมแบบมหันต์เลยล่ะค่ะ”
“แล้วพี่ดาไม่คิดว่ามันผิดหรือคะ”
“โถน้องฝ้าย พี่ดูหัวโบราณขนาดนั้นเลยหรือคะ”
ปุยฝ้ายหัวเราะแหะๆ แล้วก็ว่าต่อไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“ฝ้ายไม่รู้เลยค่ะว่าควรจะช่วยเหลือสนับสนุนมันต่อไปดีหรือว่าเตือนให้ตัดใจเสียดีกว่า เพราะดูไปแล้วไม่ว่าอย่างไรทางของไอ้น้ำกับคุณชายก็ดูแทบจะไม่เหลือทางไปแล้วนะคะ ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาของคุณชายในสังคม เรื่องของท่านพ่อ หม่อมแม่ เรื่องคุณฟ้าทิฆัมพรอะไรอีก ฝ้ายว่านทีมีแต่เจ็บกับเจ็บค่ะ”
ดาริกามองสองหนุ่มตรงหน้าตอนนี้ทั้งคู่กำลังคุยอะไรกันอยู่หล่อนก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เห็นว่ากำลังหัวเราะกันเสียงดังก็เลยถามปุยฝ้ายว่า
“แล้วน้องฝ้ายไม่เห็นหรือคะว่าเขามีความสุขเวลาได้อยู่ด้วยกันแค่ไหน” อีกฝ่ายเงียบไป ไม่อาจตอบคำถามของคุณหญิงได้คนถามก็เลยพูดต่อไปอีก “ไม่ว่าเราหรือใครก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทนพวกเขาหรอกค่ะ ถ้าเรารักกัน มีความสุขเมื่อได้อยู่ด้วยกันก็คือเขาเกิดมาคู่กัน ไม่ว่าอุปสรรคจะมีเท่าไหร่ก็ต้องฝ่าฟันกันไปค่ะ”
ดาริกาก้มลงยิ้มให้รูปที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอกล้องของหล่อน เป็นรูปนทีที่นั่งอยู่บนโขดหิน มีภาสกรกำลังว่ายเข้าไปหาด้วยแววตากระตือรือร้น พอๆกับหนุ่มน้อยอีกคนที่ก้มมองต่ำมีแววสุขใจฉายชัดอยู่บนสีหน้า
“ไม่ใช่ว่ารักร่วมเพศทุกคู่ต้องมีปัญหาและไม่มีทางออกเสมอไปนี่คะน้องฝ้าย พอๆกับคู่รักต่างเพศบางคู่เองก็ใช่ว่าจะราบรื่นตลอดรอดฝั่ง จริงไหมคะ”
หลังจากน้ำตกสาริกาแล้ว ทั้งสี่ก็ยังไปน้ำตกนางรองกันต่อแม้จะไม่ได้ลงว่ายน้ำอีกครั้งได้แต่เดินชมวิวถ่ายรูป แต่ก็พบว่ามีความสุขกันดีไม่ต่างจากที่แรกที่ไปกันมา หลังจากนั้นแล้วทุกคนก็แวะตลาดอีกครั้งซื้อของสดกลับเข้ารีสอร์ตเพราะคืนนั้นจะจัดปาร์ตี้อำลากัน
กลับมาถึงที่พักภาสกรก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจึงปล่อยให้นทีอาบน้ำไปในห้องอาบน้ำน่าหวาดเสียวนั้นกระจกห้องน้ำเป็นกระจกขุ่นก็จริง แต่มองเห็นเรือนร่างของคนที่อยู่ข้างในได้แม้ไม่ชัดเจนก็เอาไปจินตนาการต่อได้ว่าอะไรเป็นอะไร คุณชายหนุ่มแต่งตัวแล้วก็เดินออกมากำลังจะตามไปสมทบกับเพื่อนๆที่อยู่นอกบ้านก็เหลือบไปเห็นร่างขาวบางในห้องน้ำพอดี
นทีเอวเล็กคอดแบบหนุ่มน้อยร่างบาง ยืนหันหลังให้ภาสกรเห็นทรวดทรงชัดเจนแทบจะรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน หนุ่มน้อยทำอะไรอยู่ มองไปก็เกิดความกระดากอายค่อยๆวิ่งขึ้นหน้า ก็เลยแกล้งพูดแก้เก้อไปให้หนุ่มน้อยในห้องอาบน้ำได้ยินว่า
“ผมออกไปข้างนอกแล้วนะ นทีเสร็จแล้วค่อยตามมาแล้วกัน”
ไม่ทันรอคำตอบคุณชายก็เผ่นออกมาข้างนอกกลัวเหลือเกินว่าอารมณ์จะถึงจุดระเบิดและไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาค่อนข้างรู้ทันจิตใจของตนมากขึ้นเรื่อยๆแล้วกระนั้นก็ยอมรับไม่ได้จนแล้วจนรอด ไม่รู้เลยว่าจุดระเบิดของอารมณ์ที่คิดถึงอยู่นี้จะมาถึงเร็วเหลือเกิน
ปีเตอร์จัดแจงให้พนักงานเตรียมเตาย่างบาร์บีคิวไว้ข้างๆโต๊ะไม้ยาวหลังบ้านพักของภาสกร พอคุณชายหนุ่มออกมาข้างนอกก็เห็นว่าเพื่อนของตนมานั่งคุมงานอยู่ตรงนั้นเอง ก็เดินเข้าไปคุยด้วย ดีเหมือนกันที่อย่างน้อยก็มีคนให้พูดด้วยจะได้ไม่ต้องนั่งฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว
“ไง เที่ยวสนุกไหมล่ะ”
“ก็ดี น้ำตกสวย” ภาสกรตอบ
“น้ำตกสวยแล้วคนที่ไปด้วยล่ะสวยหรือเปล่า” ใจกระหวัดไปถึงร่างขาวบางในห้องน้ำแล้ว ไม่ทันได้คิดว่าที่อีกฝ่ายพูดถึง คือดาริกาต่างหากมิใช่นที
“ไอ้บ้า จะสวยได้ไง”
“เอ้า สวยออกนา คุณหญิงดาริกาอะไรนี่” ปีเตอร์ว่ามองเพื่อนหนุ่มอย่างล้อเลียน คนถูกมองได้ยินชื่อดาริกาก็แทบร้องอ้อออกมาแต่โชคดีที่ไม่ได้แสดงพิรุธอะไรนักเจ้าของรีสอร์ตก็เลยว่าต่อไป “คิดจะจริงจังด้วยหรือเปล่า”
“เพื่อนกันโว้ย เพื่อนกัน” ภาสกรร้อง แทบจะยกขาขึ้นถีบเพื่อนหนุ่มของตนแล้วเชียว แต่คนที่ถูกพูดถึงรวมทั้งคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่และเพื่อนสาวก็เดินออกมาพอดีภาสกรจึงไม่ได้ว่าอะไร บทสนทนาก็เลยจบลงเท่านั้น
งานเลี้ยงเริ่มตอนค่ำ
ในบรรยากาศมืดๆ มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องมาเท่านั้น เตาบาร์บีคิวตั้งไว้ข้างๆมีเนื้อหมู และไก่ที่ดาริกากับปุยฝ้ายช่วยกันปรุงย่างอยู่บนนั้น ส่งกลิ่นหอมและควันฟุ้งไปทั่วบริเวณ นทีนั่งข้างๆภาสกรปีเตอร์นั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนลูกและภรรยาไม่ได้มาด้วยเพราะลูกสาวตัวน้อยหลับไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำ
“นทีกินเยอะๆ อยากกินอะไรผมจะไปหยิบให้” ภาสกรยังรักษามาตรฐานของตนไว้ได้ดี คอยให้บริการนทีด้วยทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งก็คือเหล้าบ้างเบียร์บ้าง แม้นทีจะปฏิเสธดื่มของมึนเมา แต่ปีเตอร์ก็ปฏิเสธบอกว่า
“ตรงนี้มีแต่เหล้ากะเบียร์ครับน้อง ถ้าไม่ดื่มก็ต้องดื่มน้ำคลอง”
ทั้งที่อายุเพิ่ง 19 แต่นทีก็ปล่อยเลยตามเลยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยดื่มหรอก แต่ไม่อยากเมาให้ภาสกรเห็นพอนทีเมาหนุ่มน้อยก็จะหมดสติมึนไปหมดไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทุกครั้ง เดือดร้อนปุยฝ้ายแบกไปส่งบ้านตลอด มาครั้งนี้เขาก็ย่อมไม่อยากเมาจนเดือดร้อนไปถึงภาสกรที่ต้องอุ้มเขาไปส่งในห้องนอนด้วย
แต่ต่อให้ไม่อยากอย่างไร นทีก็เมาจนแทบไม่รู้ตัวเสียแล้ว
พอเริ่มเมา ภาสกรก็ยิ่งพูดเยอะ คึกครื้นเฮฮามากเป็นพิเศษตรงข้ามกับนที ที่ค่อยๆเงียบลงๆเรื่อยๆกลายเป็นคนไม่พูเอยู่คนเดียวตรงนั้น ส่วนปุยฝ้ายพอได้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ บวกกับเสียงดนตรีสร้างความคึกครื้นเข้าไปแล้ว ก็ลุกขึ้นมาเต้นสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น เต้นไม่เต้นเปล่าเดินเข้ามาดึงปีเตอร์ลุกไปเต้นด้วย ปีเตอร์ก็เลยบังคับภาสกร และดาริกาที่ดื่มอย่างไรก็ไม่เมาลุกขึ้นไปร่วมกับเขา ด้วยความต้องการเป็นพ่อสื่อให้กับเพื่อนนั่นเอง
“ไอ้คุณชาย มาเลยมาเต้นกัน คุณหญิงครับเชิญครับผม”
จะทำอย่างไรได้ ภาสกรก็เลยลึกขึ้นโค้งดาริกาล้อๆ อีกฝ่ายก็เช่นกันยื่นมือให้ก่อนจะหัวเราะเสียงดังกับท่าทางของภาสกรแล้วก็ออกไปเต้นกันหมด
ปล่อยให้นทีนั่งอยู่คนเดียวหนุ่มน้อยก็จมอยู่กับความคิด และความเมามายจนกระทั่งหลับไปไม่รู้ตัว หนุ่มสาวสองคู่ที่เต้นอยู่ก็ไม่ได้รู้เรื่องยังเต้นกันอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งจบเพลงนั้นแหละ จึงเดินกลับมาที่โต๊ะ ปุยฝ้ายเป็นคนที่สังเกตเห็นเพื่อนของหล่อนหลับไปเป็นคนแรก
“ตายแล้วดูไอ้น้ำซีคะ เมาแอ๋ไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ” หล่อนร้อง
นทีนอนฟุบลงกับโต๊ะ แขนขวาวางพาดไว้บนโต๊ะมือยังจับแก้วเบียร์ที่ไม่ได้พร่องไปนักเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว หน้าแดงซ่านด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์วางอยู่บนท่อนแขนเล็กขาวหันมาทางภาสกรแต่หลับตาลงสนิทด้วยความง่วงผสมกับความเมามายไม่ได้สติ ปากเผยอออกคล้ายว่ากำลังหายใจทางปาก ดูเป็นภาพที่ทำให้กระแสเลือดของภาสกรไหลแรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เลือดลมฉีดซ่านไปทั่วร่างหัวใจเต้นรัวเร็วเรียกร้องให้ทำอะไรบางอย่าง แต่สติสัมปัญญะที่ยังมีเหลืออยู่แม้เพียงน้อยนิดก็ต่อต้านเขาอยู่ในใจ
“คุณชายพานทีไปนอนดีกว่าไหมคะ ดูน้องจะไม่ไหว” ดาริกาว่า หล่อนเองต่อให้ดื่มไปกี่แก้วต่อกี่แก้วก็ไม่เมาเพราะคอแข็งเหลือเกิน
“ก็ดีครับ” คุณชายตอบเสียงอ้อแอ้ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะลงลูกคอ “ผมก็จะนอนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ขับรถกลับไม่ไหว”
ชายหนุ่มลุกขึ้น เวลาเขาเมาก็จะกล้าขึ้นเล็กน้อย อารมณ์ดีและพูดมากกว่าเดิม แต่จะไม่ใช่ตัวอ่อนปวกเปียกไม่ได้สติแบบนที เขายังจะมีแรงทำอะไรก็ได้เหมือนยามปกตินั้นแหละ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหานทีแต่หันไปบอกกับคนอื่นว่า “ถ้างั้นผมไปนอนละ ถ้าพวกคุณยังไหวก็ฉลองกันต่อเถอะนะ ไม่ต้องห่วงผม”
ภาสกรเข้าซ้อนหลังนที เขย่าตัวแล้วก็ร้องเรียก
“นที ไปนอนในห้องกันไปอยู่ตรงนี้เดี๋ยวยุงกัด”
หนุ่มน้อยส่งเสียงอือเบาๆ ไม่ยอมลุกเขาก็เลย จัดแจงจับแขนข้างที่ว่างอยู่ของนทีพาดไปรอบบ่าแข็งแกร่ง ปีเตอร์ช่วยประคองให้นทีลุกขึ้นจนได้จนอยู่ในสภาพอิงแนบเข้าหาภาสกร
“คุณชาย... คุณชาย...”
“เมาไม่รู้เรื่องซะแล้ว” ปีเตอร์ส่ายหัว “เอ้าไอ้คุณชายแบกคนเดียวไหวเร้อ ให้ช่วยไหมล่ะ”
“ไม่เป็นไร กูสบายดี” ภาสกรหลุดคำหยาบ แล้วก็หัวเราะเสียงดัง “โอ๊ะพูดหยาบเสียแล้ว ขอประทานอภัยกระหม่อม”
เดินหิ้วปีกนทีไปจนถึงหน้าบ้านเปิดประตูอย่างทุลักทุเล หนุ่มน้อยที่เดินมาด้วยอย่างไม่ค่อยรู้ตัวนักได้สัมผัสเย็นเฉียบจากแอร์ก็นึกว่าถึงห้องนอนแล้วจะทิ้งตัวนอน ภาสกรก็เลยหิ้วปีกต่อไปไม่ไหวจู่ๆฝ่ายนั้นก็ทำตัวหนักจนเขาเองก็เซไปด้วย ก็เลยตัดสินใจอุ้มหนุ่มน้อยขึ้นมาไว้แนบอกอย่างง่ายดาย เพราะนทีเองก็ตัวเบาอยู่แล้ว หนุ่มน้อยได้ไออุ่นจากคนที่ตนรักก็เลยซุกเข้าหาร่างนั้น มือดึงเสื้อของคุณชายหนุ่ม ซุกหน้าเข้าหาอกแข็งแกร่ง
“คุณชาย... ผมหนาว คุณชาย...”
“ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่นี่แล้ว” ภาสกรกระชับอ้อมกอดแน่นเข้า แล้วก็ค่อยๆเดินไปจนถึงห้องนอน จัดแจงวางหนุ่มน้อยลงบนเตียงปิดประตูแล้วก็ถอดรองเท้าถุงเท้าให้กองไว้ข้างประตู
นทีสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเล็กพอดีตัว และกางเกงยีนส์หนาแทบจะเล็กไปสักนิด จะให้นอนอย่างนั้นก็กลัวว่าหนุ่มน้อยจะไม่สบายตัว ก็เลยควานหาชุดนอนจากกระเป๋าเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มเตรียมจะเปลี่ยนให้ จัดแจงถอดเสื้อผ้าของหนุ่มน้อยตรงหน้าออกด้วยความหวังดีไม่มีสิ่งใดเคลือบแฝงไว้สักนิด
จนเมื่อนทีอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยมีเพียงกางเกงในสีขาวสะอาดปกคลุมร่างกายอยู่เท่านั้น ภาสกรก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกนอกจากยืนมองร่างขาวสะอาดตรงหน้านิ่งขยับไปไหนไม่ได้ เขามองตั้งแต่ปลายเท้าเล็กๆ ไล่ไปตามท่อนขาเรียวขาไร้ขนปกคลุม ผ่านหน้าท้องราบเรียบไปถึงเนินอกสีขาวสะอาด และยอดอกสีชมพูใสขึ้นไปผ่านลำคอยาวระหงไปสะดุดที่ดวงหน้าสีแดงซ่านของหนุ่มน้อย
เพราะสัมผัสและความเคลื่อนไหวรอบตัวเมื่อตอนภาสกรจัดแจงถอดเสื้อผ้าให้ หรือเพราะว่าจู่ๆหนุ่มน้อยก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัวก็ไม่รู้ นทีลืมตาขึ้นจ้องมองภาสกรนิ่งอยู่ในความมืด มีเพียงแสงไฟจากภายนอกส่องลอดม่านมาได้ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่อนุญาตให้ภาสกรมองเห็นหน้าหนุ่มน้อยได้ แม้ไม่ชัดเท่าเปิดไฟ แต่ก็น่ามองเสียยิ่งกว่าเวลาไหน ดึงดูดให้ภาสกรไม่อาจขยับเขยื่อนไปที่ใดได้เลย ได้แต่ยืนจ้องมองนทีอยู่ตรงนั้น แววตาแฝงไปด้วยความรัก และความปราถนา โหยหาหนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
ดวงหน้าแดงซ่านด้วยฤทธิแอลกอฮอล์หรือความเขินอายก็ไม่สำคัญทั้งนั้นเพราะบัดนี้มันเข้ามาอยู่ใกล้กับหน้าของใครอีกคนจนเงาของชายหนุ่มที่ร่างใหญ่กว่าพาดทับลงไปแทบมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ดวงตาหวานเยิ้มเชยขึ้นมองชายหนุ่มที่ค่อยๆปืนขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัว ก่อนจะปิดสนิทเมื่อริมฝีปากแดงสดของตนที่เผยอออกกำลังเรียกชื่อชายหนุ่มตรงหน้านั้นถูกทาบทับด้วยริมฝีปากหนาของอีกฝ่าย เสียงเพลงจากข้างนอก รวมถึงความเมามายไม่ได้สติช่วยกล่อมให้นทีปล่อยเลยตามเลย มิได้ขัดขวางหรือปัดป้อง เมื่อมือของภาสกรค่อยๆช้อนตัวของเขาเข้าไปไว้ในอ้อมกอด... โดยไม่ต้องให้ใครบอกหรือบังคับ นทีก็กระหวัดแขนขาวเล็กของเขาไปรอบตัวภาสกรเช่นกัน ตอบสนองต่อเสียงเรียกในใจของตน และไฟปราถนาที่ภาสกรมอบให้กับเขา
เหตุผลและความผิดชอบชั่วดีคืออะไร ทั้งคู่ไม่อาจเข้าใจได้อีกแล้วในนาทีนั้น เข้าใจแต่ว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดมีค่าเหลือเกินสำหรับตน ต่อให้ใครเข้ามาแยกเขาออกจากกันในตอนนั้น ทั้งคู่ก็จะไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปเด็ดขาด
ราวกับว่าทั้งสองร่างจะหลอมรวมกันเข้าเป็นร่างเดียวได้กระนั้น
***********************************************************************
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีเวลามาพูดคุยกับคนอ่านเลยครับขอโทษนะคร้าบ
ช่วงนี้มีหวานๆ น่ารักๆมาไว้ให้อ่าน หวังว่าจะชอบนะครับ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพัฒนาไปทางไหนก็มาติดตามกันนะครับผม

มีคนคิดว่านทีเป็นน้องชายของดาริกา ผมขอบอกว่าไม่ใช่เลยครับ เป็นไปไม่ได้ 555
แล้วเรื่องดาริกาเป็นสาววาย ผมไม่รู้หรอกครับว่าสาววายต้องเป็นยังไงบ้าง แต่ดาริกาเป็นคนไม่มีเพื่อน ทั้งๆที่เป็นคนน่ารักแท้ๆแต่ตามฐานันดรศักดิ์แล้ว คนอย่างดาริกาจะหาเพื่อนยากมาก พอมาเจอคุณชายที่เท่ากันในทุกๆอย่าง แล้วก็นิสัยดี ชอยลุยๆ ไปเที่ยวเหมือนกันด้วยก็เลยเข้ากัน ทีนี้ตามนิสัยดาริกา เขาก็จะชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว อีกอย่าง อาจจะแอบเห็นว่าความสัมพันธ์ ชาย-ชาย มันก็น่ารักดี (ตามประสาเด็กนอกที่เชื่อเรื่องสิทธิอะไรแบบนี้มากด้วย) แบบนี้แปลว่าสาววายหรือเปล่าครับ555+
วันนี้ขอไปก่อนดีกว่า ไว้จะมาคุยใหม่นะครับ
ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะคร้าบบ