[คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50  (อ่าน 240260 ครั้ง)

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #120 เมื่อ08-03-2011 08:30:05 »

น่าสงสาร น้ำ เนอะ

ออฟไลน์ MiTo™

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #121 เมื่อ08-03-2011 09:13:33 »

กระซิบ อะไร กัน

เค้าอยากรู้   :impress2: :impress2:



ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #122 เมื่อ08-03-2011 09:39:28 »

สงสัยในพฤติกรรมของพ่อเลี้ยงมาก ๆ ถ้าน้ำไม่โดนพ่อเลี้ยงอึ๊บเอง  มันก็ต้องขายน้ำให้เพื่อน ๆ มันแน่

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #123 เมื่อ08-03-2011 10:05:32 »

ตามลุ้นขอรับ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #124 เมื่อ08-03-2011 14:07:02 »

อยากรู้ว่าอีตาพ่อเลี้ยงทำอะไรนที
ไมต้องเป็นความลับขนาดนั้น คนอ่านอยากรู้ค่ะ

ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #125 เมื่อ08-03-2011 22:31:45 »

ไอ่หยาาา เจอกันแว้วววววววว
อยากอ่านบทหวานๆแล้วค่ะ (นี่ก็จะรีบไปไหนเนี่ย? ฮ่าๆๆ)

nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #126 เมื่อ08-03-2011 22:41:44 »

น้ำพึ่งจะฟื้นขึ้นมา........มาม่าชามใหญ่ก็เตรียมจ่อแล้ว

ฮึก.......................

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/
«ตอบ #127 เมื่อ08-03-2011 22:55:56 »

มาลงชื่อตามอ่านด้วยคนคร่า :3123:
*******edit********
รู้สึกว่าเรื่องนี้จะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายแน่ๆ
น้ำโดนพ่อเลี้ยงข่มขืนหรอ มีส่วนกับการตายของแม่ด้วยหรอ โอ้ว สงสัยๆ
ติดตามต่อไปค่ะ +1 เป็นกำลังใจให้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2011 15:22:57 โดย ChCh13 »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #128 เมื่อ09-03-2011 07:21:56 »

พ่อเลี้ยงทำอะไรกับน้ำอ่ะ ขืนใจหรอ

ว่าแต่เรื่องราวดูเหมือนกดดันๆเนอะ บรรยากาสอึมครึมๆยังไงชอบกล

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #129 เมื่อ09-03-2011 12:27:39 »

ตกลง คุณพ่อเลี้ยงทำอะไรน้องนทีอ่ะ???? นานแล้วด้วย??? สงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมากๆๆๆๆ
รออ่านต่อตอนหน้าจ้า
+1 เพื่อเป็นกำลังใจ....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
« ตอบ #129 เมื่อ: 09-03-2011 12:27:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 6-7 - 07/03/11 - 22.30
«ตอบ #130 เมื่อ09-03-2011 21:25:10 »

8

     ร้าน รชตานันต์ อัญมณี ตั้งอยู่ในย่านการค้าของเมืองพัทยา ไม่ห่างจากทะเลมาก แต่ก็ไม่ไกลจากบรรดาร้านต่างๆ ผู้ที่สัญจรไปมา สามารถสังเกตเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพวกที่มาจากชายหาด หรือพวกที่เดินซื้อของอยู่ในเมือง หน้าร้านมีภาพถ่ายขนาดใหญ่ของ ทิฆัมพร และ ภาสกร อยู่ในอิริยาบถที่ดูเผินๆ แล้วเหมือนคู่รักถ่ายภาพแต่งงานอย่างไรอย่างนั้น แต่หากพิจารณาดูแล้วจะพบว่า รอยยิ้มบนใบหน้าของภาสกรนั้นเสแสร้งเสียเรียกว่า หากถ่ายแบบหน้าบึ้งได้ เขาก็จะทำ อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายนี้ทำให้ผู้คนหยุดมองได้ด้วยความที่ทิฆัมพรเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงทำให้ร้านของเขามีคนเข้ามาชมสินค้าไม่ขาดสาย
    ร้านของ ท่านชายเรืองเดชเป็นอาคารทันสมัย สูง 3 ชั้น ด้านล่างใช้จัดแสดงสินค้าต่างๆเป็นตู้ เรียงรายตามความยาวของผนัง ตรงกลางมีตู้กระจกใส่เครื่องประดับไว้เช่นกัน ออกแบบให้มีโซฟาล้อมรอบตู้แต่ละใบ สามารถนั่งชมกำไล แหวน หรือ จี้ ได้อย่างสบายใจ
    ชั้นสองของอาคารหลังนี้ เป็นห้องทำงาน ใช้ออกแบบเครื่องประดับต่างๆ รวมไปถึงติดต่อกับลูกค้าทั้งไทย และต่างชาติที่ชอบรูปแบบของเครื่องประดับที่นี่และต้องการให้ทำเป็นพิเศษ โดยมีทั้งแบบเป็นรายเดี่ยว หรือ แบบที่มาเป็นกลุ่มด้วย บางบริษัทก็ขายพลอยให้ และ ขอให้ออกแบบและขึ้นเรือนให้ด้วย ธุรกิจนี้มีมาตั้งแต่รุ่นของท่านชายสมัยที่ยังทำกันเล็กๆน้อยๆกระทั่งใหญ่โตขึ้นมาขนาดนี้ได้
    ชั้นสามเป็นห้องประชุม ซึ่งเป็นที่ที่ภาสกรกำลังขึ้นไปเดี๋ยวนี้
    ดลนภา เลขานุการของเขาเดินลงมาจากชั้นสอง ก็เจอเข้ากับคุณชายของหล่อนพอดี หญิงสาวทำท่าจะยกมือไหว้ แต่คุณชายแย่งไหว้เองเสียก่อน เพราะดลนภาอายุมากกว่าเขาเกือบห้าปี แต่หญิงสาวคิดเสมอว่าหล่อนเป็นเพียงลูกจ้างส่วนคุณชายเป็นนายแถมยังฐานันดรศักดิ์สูงกว่าอีกจึงคิดแย่งทำความเคารพคุณชายอยู่ร่ำไป
    ดลนภา เป็นหญิงสาวหน้าตาเก๋ คือไม่สวยหยาดเยิ้มแบบนางเอกละคร หรือแม้แต่สวยเฉี่ยวอย่างทิฆัมพร แต่เป็นเพียงแค่สาวไทยหน้าตาธรรมดา ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย คิ้วสวยตามธรรมชาติมิได้ตกแต่งเสียสวยงามแต่ดูผิดธรรมชาติ แบบของทิฆัมพร ผมสีดำขลับรวมตึงไว้เป็นหางม้าอยู่ที่ท้ายทอยตลอดเวลา ภาสกรไม่เคยเห็นหญิงสาวทำผมเป็นทรงอื่นหรือแม้แต่ปล่อยผมยาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว ปากทาสีนู้ด มองเผินๆ เหมือนไม่ได้แต่งหน้าด้วยซ้ำ กระนั้นหล่อนก็ยังดูเก๋ไก๋ราวกับนางแบบนิตยสารฝรั่งอย่างไรอย่างนั้น สูทสีแดงทับอยู่บนเกาะอกสีดำสนิทขับผิวสีน้ำนมให้ดูผุดผาดไม่ซีดเซียวเกินไป เมื่อเอ่ยปากพูดทีไรเสียงก็จะดังฉะฉานแล้วยังเป็นการเป็นงานก็ทำให้ภาสกรรู้สึกราวถูกพี่สาวดุทุกที
    “คุณชายรับอะไรมาหรือยังคะ พี่ได้สั่งเด็กออกไปซื้อให้”
    “รับมาแล้วครับพี่ดล คุณหญิงดาริกา มาแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มว่าพร้อมๆกับเดินเคียงข้างเลขานุการขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นสาม
    “ยังค่ะ นัดไว้บ่ายโมงถ้าเป็นเวลาคนไทยก็หมายถึงบ่ายโมงสิบห้าแหละค่ะ ถ้าฝรั่งล่ะก็เที่ยงสี่สิบห้าก็มากันแล้ว” หล่อนว่าอย่างคนช่างพูด
    “ดีแล้ว ทางเราจะได้เตรียมตัวอะไรให้เรียบร้อยเสียก่อนคุณหญิงจะได้ประทับใจ งานนี้ผมอยากให้ออกมาดีเพราะเสื้อผ้ากับเครื่องประดับมันต้องไปด้วยกันอยู่แล้วเผื่อจะได้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”
    ชายหนุ่มขึ้นมาถึงชั้นสามแล้ว ผลักประตูกระจกเข้าไปข้างในห้องประชุมในนั้นมีคนนั่งอยู่แล้วบ้างก็เป็นฝ่ายการตลาด ฝ่ายศิลป์ บ้างก็เป็นพวกคนคุมช่างฝีมืออีกจำนวนหนึ่ง
    “งานเดือนเมษาฯ แล้วพี่ดลว่าทันไหม” เขานั่งลงที่เก้าอี้ประธาน ส่วนดลนภา นั่งลงข้างๆ ทางซ้ายมือคอยจดรายงานการประชุมต่างๆ
    “พี่ว่าทัน มีเวลาหลายเดือนอยู่นะ เพียงแต่ต้องคอยประสานงานกับทางโน้นดีๆ มันไม่เหมือนเวลาเราจัดงานปกติ เสื้อผ้าเราจัดหามา นางแบบ สถานที่ คอนเซ็ปต์งานเราเลือกเอง นึกอยากทำอะไรก็ทำแต่คราวนี้เรามีหน้าที่ส่งเครื่องประดับเท่านั้น ทุกอย่างขึ้นกับทางโน้นหมดเลย”
    ภาสกร รับเอกสารเรื่องงานของบังคลาเทศมาดู
    “ทางบังคลาเทศล่ะ ทำไปถึงไหนแล้ว”
    “ใกล้แล้วครับคุณชาย” ฝ่ายคุมงานฝีมือตอบ “มีพวกงานยากๆเท่านั้นที่เราต้องใช้ฝีมืออีกมาก แต่ผมประมาณว่าจะเสร็จก่อนสิ้นเดือนกุมภาฯ นี้แล้วครับ”
    “ดีแล้ว พวกแขกนี่เคี่ยวนัก งานเสร็จช้าหรือคุณภาพไม่ดีก็ลดค่าจ้างลูกเดียว” คุณชายว่า “แล้วเขาจะมารับไปเองหรือเราส่งไปล่ะ”
    “เขามารับครับ”
    “อืม”
    “คุณชายขา คุณหญิงมาแล้วค่ะ” แม่บ้านคนหนึ่งเคาะประตูบอก
     หม่อมราชวงศ์ ดาริกา สุวรรณฉาย เดินขึ้นบันไดมาถึง ก็ส่งยิ้มให้กับคนที่อยู่ด้านใน เลขานุการของหล่อนเปิดประตูให้เข้ามาในห้องประชุมโดยไม่ต้องออกแรงผลักเองด้วยซ้ำ ภาพตรงหน้าทำให้ภาสกรเข้าใจว่าสวยหยาดฟ้ามาดินเป็นอย่างไร
    ความงามของหล่อน ไม่ต่างจากนามสกุลของหล่อนนัก ผิวสองสีของหล่อนดูสว่างเรืองรองราวกับแต้มทองคำเปลวเอาไว้ทั่วกาย ดวงหน้าสวยราวกับรูปสลักดวงตาสองคู่นั้นไม่ใช่สีดำขลับหากเป็นสีน้ำตาลแก่ รับกันกับเส้นผมที่ทอดตัวหยักศก กระจายบนบ่า จมูกโด่งยาว ริมฝีปากสีชมพูใส บางได้รูปไม่ต่างจากจากของนายนที ทว่าความงามนี้ ไม่ใช่ความงามแบบบุรุษเพศเพราะอย่างนั้นแม้งามอย่างไรก็งามไม่พอเรียกว่างามได้ แต่คุณหญิงงามจนเกินจะใช้คำว่างามมาบรรยายได้ด้วยซ้ำ คิ้วของหล่อนโก่งเป็นคันศร หากเป็นคันศรของกามเทพที่พร้อมจะยิงทะลุชายที่นั่งอยู่ในห้องนั้นทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ภาสกรเอง
    เสื้อผ้าที่ประดับอยู่บนเรือนร่างสีทองสุกใสนั้นเป็นผ้าอย่างดี ออกแบบและตัดเย็บจากห้องเสื้อ “คุณหญิง” เป็นสีเหลืองสดใสเข้ากันกับสีผิวของหล่อน ดาริกายิ้มให้กับชายหนุ่มก่อนจะยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างสวยงาม ราวกับถอดมาจากหนังสือสมบัติผู้ดีทุกขั้นตอน
    “สวัสดีค่ะ คุณชายภาสกร ดิฉัน เพิ่งมาพบวันแรกก็มาสายเสียแล้วต้องขอโทษด้วยค่ะ” แม้เสียงก็ยังหวานซึ้งจับใจ ราวเสียงนกไนติงเกลก็ไม่ปาน
    “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึง เชิญคุณหญิงนั่งเถิดครับ” ดาริกานั่งลง จริตกิริยาของหล่อนดูอ่อนช้อยงดงามไปหมด หากย้อนไปในอดีตภาสกรมั่นใจว่าหล่อนคนนี้ต้องเป็นนางรำคนใดคนหนึ่งกลับชาติมาเกิดเป็นแน่
    สาวใช้ เสิร์ฟกาแฟหอมกรุ่นเคียงคู่กับน้ำเปล่าใสเย็นให้คุณหญิง และเลขานุการ ก่อนที่ดลนภาจะลุกขึ้นประกาศเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบ และชี้แจงเรื่องวาระการประชุม
    การประชุมเริ่มด้วยเรื่องคอนเซ็ปต์ของงาน เนื่องจากเป็นงานซัมเมอร์ จึงจัดใต้คอนเซ็ปต์ Ladies on the Beach โดยคุณหญิงดาริกา จะเนรมิตรันเวย์ขึ้นทอดตัวยาวไปบนหาดทรายมีการเดินแบบของชุดสามสไตล์รับฤดูร้อน โดยมีชุดไปเที่ยวทั่วไปสำหรับเดินเที่ยวตอนกลางวัน ชุดว่ายน้ำหรือชุดชายหาด สำหรับตอนเย็น และ ชุดราตรีสำหรับงานราตรีบนชายหาดในตอนกลางคืน
    “คอนเซ็ปต์ของซัมเมอร์ปีนี้ ดิฉันออกแบบไว้สำหรับเที่ยวทั่วไปตอนกลางวัน ว่ายน้ำตอนเย็น และ งานปาร์ตี้ริมหาดตอนกลางคืนค่ะ เพราะคนที่มาทะเลช่วงหน้าร้อนย่อมจำเป็นต้องแต่งตัวกันตามโอกาสต่างๆอยู่แล้ว ลูกค้าที่มาชมจะได้พบกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่หลากหลายไว้ใช้ตลอดวันค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน จังหวะสม่ำเสมอ คล้ายเสียงดนตรี พลางหยิบแบบชุดต่างๆที่ร่างไว้คร่าวๆ ส่งให้ภาสกร
   เข็มนาฬิกาเดินเล่นอ้อยอิ่งไปได้อีกสักพัก ภาสกรก็ยิ้มให้เมื่อหญิงสาวกล่าวจบแล้ว “ฟังแล้วพอจะเห็นภาพครับว่าจะต้องเป็นแฟชั่นโชว์แห่งปีแน่ๆ คอนเซ็ปต์ของงานแปลกไม่เหมือนกับที่ผมเคยดูทั่วไป”
    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับคำ “ดิฉันขอความเห็นของคุณชายด้วย ถ้าหากว่าแนวความคิดนี้ยังไม่ดีเท่าที่ควร และขอปรึกษาคุณชายเรื่องเครื่องประดับที่จะใช้ในงานทั้งหมดด้วยค่ะ”
    ภาสกร รับภาพร่างของชุดทั้งสามแบบมาดูให้ผ่านตา ก่อนจะตอบไปอย่างที่ใจคิด “ผมไม่เห็นข้อบกพร่องเลยครับคุณหญิง ส่วนเรื่องเครื่องประดับไว้ใจได้เลยนะครับทางเราจะช่วยออกแบบให้เข้ากับชุดของคุณหญิงแน่ๆ...”
    การประชุมผ่านไปค่อนข้างช้า ทว่าไม่มีใครคิดเบื่อหน่ายกับการประชุมครั้งนี้เลย เป็นเพราะคุณหญิงดาริกาพูดเก่งและมีเสน่ห์มากเสียผู้ฟังไม่รู้ตัวว่าเวลาล่วงเลยมาสอง สามชั่วโมงแล้ว พอได้ข้อสรุปและปิดประชุมเรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป ทว่าภาสกรกลับรั้งท้าย ให้ทันที่ดาริกากำลังเก็บของจะเดินลงชั้นล่างไปพอดี
    “คุณหญิงครับ”
    ดาริกาหันมา ทันทีที่หล่อนสบตากับภาสกรหล่อนก็ยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง “ว่าอย่างไรคะ คุณชาย”
    เลขานุการสาวของดาริกา หยุดตามมิได้เดินล่วงหน้านายหญิงไปก่อนหากยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างประตูภาสกรมองหญิงสาว ทำให้ดาริกาพอจะเข้าใจจึงหันไปพูดกับเลขาของหล่อนเบาๆพอได้ยินกันสองคน
    “ลำดวน ฉันฝากเอกสารไปไว้บนรถด้วย เดี๋ยวฉันตามลงไป”
   เลขานุการสาวเดินออกจากห้องไป ก่อนหน้าดลนภาที่มองคุณชายแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจถามอะไร เพียงปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอยู่กับหญิงสาวอย่างนั้นตามลำพังเพียงสองคน “เอาล่ะค่ะคุณชายมีอะไรพูดกับดิฉันหรือคะ”
    “ผมอยากถามคุณหญิง” เขาเริ่ม “ว่าพอจะมีเวลาไปนั่งทานอาหารเย็นกับผมไหม จะได้คุยกันเรื่องความร่วมมือของห้องเสื้อคุณหญิง กับ ร้านอัญมณีของผมไปด้วย”
   “คุณเรื่องงานหรือคะ ดิฉันคิดว่าคุณชายมีเรื่องส่วนตัวคุยกับดิฉันเสียอีก” ดาริกาแย้มปากสีชมพูอ่อนนั้นให้ภาสกรก่อนจะตอบอย่างทีเล่นทีจริง “ไปซีคะ ดิฉันไม่ค่อยคุ้นทางในพัทยา ถ้าคุณชายจะกรุณาแนะนำร้านอร่อยให้ละก็ ดิฉันจะยินดีมากค่ะ”
    ภาสกรยิ้มให้กับหญิงสาวก่อนจะเปิดประตูกระจกของห้องประชุม ให้หล่อนเดินออกไปก่อนแล้วจึงตามลงบันไดไป
    
    ร้านที่ภาสกรแนะนำ อยู่ไม่ไกลจาก รชตานันต์ อัญมณีนัก เขาจึงเป็นคนขับรถนำหญิงสาวไปก่อน ให้ดาริกานั่งรถของหล่อนตามกันไปจนถึงร้าน หากไม่รู้จักจริงๆ ร้านนี้ ก็เป็นเหมือนร้านอาหารส่วนใหญ่ที่อยู่ในละแวกนี้ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย เป็นเพียงร้านธรรมดาริมชายหาด ตกแต่งแบบบ้านๆ ร้านหนึ่งเท่านั้น ภาสกรติดนิสัยทำอะไรสบายๆ ไม่ชอบพิธีรีตองนัก ดังนั้น เขาจึงเลือกมาร้านแบบนี้ มากกว่าไปร้านอาหารที่มีแต่ของแพงๆ
    “ได้บรรยากาศมากกว่าครับ ทานไป สูดลมทะเลไป”
    ด้วยเหตุนี้ดาริกาจึงไม่ได้บ่นอะไร ชายหนุ่มแอบคิดในใจว่า หากหญิงสาวตรงหน้าเป็นทิฆัมพรละก็หล่อนคงจะกรี๊ดใส่เขาทันทีที่มีโอกาสเห็นหน้าตาของร้านเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงรสชาติ หรือราคาของอาหารเลยด้วยซ้ำ
    ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไปจนบริกรยกอาหารมาเสิร์ฟ ซึ่งก็เป็นอาหารทะเลแบบง่ายๆ แต่ถ้าเป็นรสชาติแล้วทั้งสด ทั้งอร่อย จนดาริกาอดปากชมไม่ได้ตั้งแต่คำแรกที่ได้กิน
    “อร่อยเชียวค่ะคุณชาย” หล่อนป้องปากด้วยอาการอ่อนช้อย หากมีความเป็นกันเองกว่าเมื่อตอนอยู่ในห้องประชุม “ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายจะรู้จักร้านแบบนี้ ดูธรรมดา แต่รสชาติดีกว่าร้านอาหารในกรุงเทพมากเทียวค่ะ”
    ภาสกรยิ้ม
    “พี่ดล เลขานุการของผมเคยพาผมมาที่นี่ครับ ผมเห็นว่ารสชาติดี อร่อยไม่แพ้ภัตตาคารหรูๆ ก็เลยถือโอกาสพาคุณหญิงมายืนยัน”
    “งั้นขอยืนยันเลยล่ะค่ะ ว่าอร่อยจริงๆ” หล่อนตักปลาหมึกเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยพองาม ไม่ได้มูมมาม แต่ก็ไม่เสแสร้งจนดูออกว่าแสร้งทำเป็นผู้ดี อย่างที่ทิฆัมพรมักเป็นบ่อยๆ
    “ท่านหญิงทิพยวรรณยังสบายดีอยู่นะครับ พอดีผมไม่ได้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณป้าเพ็ญแข ก็เลยยังไม่ได้เจอท่าน” ภาสกรถามขึ้น
    “ท่านแม่สบายดีค่ะ” หล่อนตอบพลางยิ้มให้ก่อนจะพูดประโยคต่อไป “พอดีหญิงเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส ก่อนงานวันนั้น ท่านแม่ก็รับสั่งว่าจะแนะนำให้รู้จักกับพี่ชาย ว่าเป็นคนหนุ่มฝีมือดีทำเกี่ยวกับอัญมณีอยู่เป็นโอรสของท่านชายเรืองเดช... แต่ไม่คิดค่ะว่าจะยังหนุ่มขนาดนี้”
    สรรพนามเริ่มเปลี่ยนจาก ดิฉัน มาเป็น หญิง อย่างสนิทปาก ภาสกรเห็นว่าคุณหญิงพยายามทำตัวให้เป็นกันเองก็ใจชื้น ว่าหล่อนไม่ได้เล่นตัวอย่างที่คิดไว้แต่แรก
    “นั่นซีครับ ผมเองก็ไม่คิดว่าคุณหญิงเด็กขนาดนี้เหมือนกัน” เขายิ้ม “หม่อมแม่เล่าให้ฟังว่าธิดาท่านหญิงทิพยวรรณ เรียนด้านแฟชั่น แต่เพิ่งรู้ครับว่า ไปเรียนถึงฝรั่งเศสด้วย มิน่าถึงไม่ค่อยเจอกันตามงานสังคม”
    “ค่ะ หญิงไปตั้งแต่เรียนตรี จนจบก็หาคอร์สใหม่ๆเรียนที่โน่น แต่ก็ไม่ได้โทกลับมาค่ะไม่ไหว” หล่อนทำหน้าทำตาประกอบการพูดการจา ภาสกร อดสังเกตไม่ได้ว่า แม้ยามขมวดคิ้ว หรือ เลิกคิ้วไปตามอารมณ์ หญิงสาวคนนี้ก็ไม่ได้มีริ้วรอยใดๆ ให้เห็นเลย หล่อนคงเป็นประเภทเดียวกับเขาคือสบาย ไม่มีเรื่องให้เครียด หรือ ต้องทำงานอะไรหนักหนานักจึงมีเวลาบำรุงตัวเองจนสวยอยู่ตลอด “แต่ต่อให้อยู่ในไทยหญิงก็ไม่ค่อยได้ไปงานสังคมหรอกค่ะ ไม่ชอบอะไรเป็นพิธีรีตองนัก”
    ภาสกรหัวเราะลงลูกคอเบาๆ
    “ท่าทางคุณหญิงจะเหมือนผมไม่มีผิด ผมเองก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้ครับ อย่างงานสังคม หรือ งานเลี้ยงบรรดาเจ้าๆ นายๆทั้งหลาย ผมก็ไม่ชอบทั้งนั้น ต้องทำตัวเกร็งไม่เป็นตัวของตัวเองลำบากน่ะครับ”
    “นั่นซีคะ ดูจากร้านอาหารที่เลือกมานี่ก็นับว่าประทับใจค่ะ หญิงคิดว่าคุณชายจะพาไปพวกภัตตาคารแพงลิบ เหมือนให้กินเงิน กินทอง แล้วต้องนั่งตัวเกร็งทำเป็นรักษามารยาทแบบนั้น” หญิงสาวพูดจบประโยค ก็ยกแขนขวาขึ้นตั้งศอกบนรั้วไม้เล็กๆที่อยู่ข้างโต๊ะ หล่อนแนบใบหน้าลงเท้าคางแล้วมองออกไปยังชายหาดที่อยู่ไม่ไกลนัก
    ลมพัดจากทะเล เข้ามาถึงตรงนั้น ผมสีน้ำตาลไหม้ของหญิงสาวปลิวไสวออกพ้นหน้า ยิ่งทำให้ดวงหน้าของหล่อนเด่นชัดขึ้นมาก จนภาสกรอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองบ่อยๆ สีหน้าจะว่าเรียบสนิทภาสกรก็ไม่อาจบอกได้ เพราะหล่อนก็ดูเหมือนจะยิ้มที่มุมปากเล็กๆราวนึกอะไรขึ้นมาได้ในหัว หากแต่สีหน้าของหล่อนแบบนี้ แม้ยามที่วางหน้าเรียบเฉยก็ยังดูคล้ายกับอมยิ้มละไมอยู่ในตัวตลอดเวลา... เหมือนรูปสลัก ภาสกรได้แต่คิดแบบนั้น
    “คิดถึงเมืองไทยค่ะ” หล่อนว่า น้ำเสียงที่เจื้อยแจ้วกลับเป็นสงบเงียบทว่าคงความอ่อนหวานเอาไว้ตามแบบของหล่อน “ตอนอยู่ฝรั่งเศส ที่คิดถึงที่สุดคือทะเล แต่ นีส หรือ มาร์เซยล์ ก็เทียบไม่ได้กับ กระบี่ ภูเก็ต หรือแม้แต่พัทยา ตรงที่ไม่มีเตียงผ้าใบแล้วก็เด็กๆ วิ่งขายมะพร้าวน้ำหอมแล้วก็ปูนึ่งนี่ล่ะค่ะ”
    “ฟังคุณหญิงพูด อย่างกับตอนนี้ไม่ได้อยู่ในไทยอย่างนั้นแหละครับ”
    “แหม หญิงเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันเองนะคะ ยังไม่ทันได้เที่ยวเลย”
    “นี่ไงครับมาพัทยาถือว่ามาเที่ยวแล้ว” ภาสกรพูดไปหัวเราะไป “ต่อไปถ้าคุณหญิงไม่มีเพื่อน มาหาผมที่ร้านก็ได้นะครับ ถ้าผมว่างผมจะอาสาเป็นไกด์พาเที่ยวเองถ้าไม่ว่างให้พี่ดลพาไปครับ เธอรู้ทุกที่”
    “ได้ค่ะ แล้วจะใช้บริการนะคะคุณชายไกด์”
    ทั้งคู่หัวเราะ เหลือบดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบห้าโมงเย็นเข้าไปแล้ว คุณชายลืมนึกถึงนทีไปเลย ป่านนี้ชายหนุ่มจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ จะเร่งก็จะดูแย่เพราะเขาเองเป็นคนชวนหญิงสาวมาที่นี่จะกลายเป็นเสียมารยาทไป
    แต่พอดีหญิงสาวเองกลับพูดขึ้นมาก่อน
    “ขอโทษนะคะคุณชาย พอดีหญิงมีธุระต้องรีบกลับกรุงเทพค่ะ เสียดายไม่ทันได้คุยเรื่องธุรกิจ มัวแต่คุยกันเรื่องส่วนตัว”
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีเสียอีก คุณหญิงจะได้ไม่เครียด เพิ่งกลับมาไทยแท้ๆ ไว้คราวหน้าค่อยคุยกันก็ได้ครับ ผมว่าคุณหญิงคงไม่รีบร้อน”
    “ไม่รีบเลยค่ะคุณชาย ว่าแต่คราวหน้านี่ คงได้คุยเรื่องงานกันจริงๆนะคะ” หล่อนหัวเราะเบาๆ
    “ครับผม”
    ภาสกรสั่งเก็บเงิน ซึ่งทางร้านก็จัดแจงคิดเงิน เก็บ และทอนอย่างรวดเร็วกว่าตอนบริการอาหาร ซึ่งเป็นแบบนี้กันแทบจะทุกร้านคือ ตอนสั่งอะไรให้ทำอะไรมักจะชักช้า แต่พอเก็บเงินปั๊บรวดเร็วแบบไม่ต้องง้องอนเลยทีเดียว
    “คุณชายให้หญิงช่วยค่าอาหารเถอะค่ะ หารกันคนละครึ่ง”
    “ไม่ได้ครับ ผมเป็นผู้ชายนะชวนคุณมาเองด้วยให้คุณมาออกเงินเดี๋ยวก็ถูกคนเขานินทาเอาแย่”
    “แต่หญิงทานมากกว่าคุณชายอีกนะคะ ไม่รู้แหละถ้าคุณชายไม่ยอมหญิงจะทิ้งเงินไว้บนโต๊ะอย่างนี้ล่ะค่ะ” หล่อน ส่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาให้ ทำนองว่าถ้าไม่ยอมละก็หล่อนพร้อมจะทำอย่างที่ขู่ไว้จริงๆ
    “งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันครับ คราวหน้าคุณหญิงค่อยเลี้ยงผมบ้าง โอเคไหมครับแลกกัน” เขายิ้มให้บ้าง หญิงสาวจึงยอมใจอ่อนเพราะหากเถียงกันไปแบบนี้ ก็ไม่จบไม่สิ้นไม่ได้กลับกรุงเทพกันพอดี
    “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณชายค่ะ แต่คราวหน้าต้องให้หญิงเลี้ยงจริงๆนะคะ จะเลือกร้านให้ด้วยถ้ามีปฏิเสธอีกหญิงโกรธจริงๆ”
    ภาสกรทำได้เพียงยิ้มเท่านั้นจากนั้นก็เดินมาส่งคุณหญิงที่รถที่จอดรอไว้บริเวณซอยข้างๆร้าน คนขับรถเห็นนายตั้งแต่ลุกจากโต๊ะแล้ว ก็ขับปราดมารับที่หน้าร้านที่เป็นถนนใหญ่ ดาริกายืนคุยกับคุณชายอีกสองสามคำ ก่อนจะก้าวขึ้นรถเมื่อคนขับรถเดินอ้อมมาเปิดให้ หญิงสาวจึงกล่าวอำลาอีกครั้งก่อนที่รถจะขับออกจากพัทยามุ่งตรงกลับเข้ากรุงเทพ
    คุณชายยิ้ม ออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ อัธยาศัยแบบดาริกานี้ เขาชอบที่สุดเรียกได้ว่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอจริงๆ ชายหนุ่มเดินยิ้มไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างร้านนั้นเช่นกันไม่ทันจะได้ขึ้นรถพนักงานของร้านก็วิ่งเอาอาหารที่คุณชายสั่งห่อกลับไว้ต่างหากมายื่นให้
    เกือบลืมแล้วไหมล่ะ
    ภาสกรขึ้นรถขับออกไปจากบริเวณนั้นตรงไปที่โรงพยาบาลทันทีโดยไม่รู้แม้สักนิดเดียวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของหญิงสาวคนหนึ่งทุกขั้นตอน แม้ว่าหล่อนจะยืนมองมาจากชายหาดก็ตาม    

***********************************************************************

ตัวละครโผล่มาครบแล้วครับ เหลือแต่พ่อเลี้ยงเก็บไว้ทีหลังก่อนถ้าโผล่มาเมื่อไหร่คนอ่านของผมคงพร้อมใจกันเกลียดทั้งเขา ทั้งผมแน่ เลยเอาตัวละครน่ารักๆมาฝากก่อนครับ คุณหญิงดาริกา เป็นตัวละครที่ผมชอบที่สุดในเรื่องนี้ครับ เธอสำคัญมากๆในเนื้อเรื่องตอนต่อๆไปจากนี้ครับ เลยขอยกบทนี้ให้เธอก่อน ใครอยากอ่านเฉพาะโมเมนต์คุณชาย-นที ขอให้รอตอนต่อๆไปนะครับ ขอปูตัวละครให้ครบก่อน

อย่างที่บอกว่าเป็นนิยายแนวชีวิตฉะนั้นตอนนี้อาจจะเรื่อยๆไปบ้างต้องขอโทษนะครับ เห็นด้วยกับที่มาคอมเมนต์ว่าเดินเรื่องช้าไป จะบอกว่าจริงๆคุณชายนี่แต่งก่อนปางบรรพ์อีกครับ(ช่วงที่หาข้อมูลมาเขียนปางบรรพ์) แต่งเรื่องนี้ไป 20 กว่าบทก็ไปแต่งปางบรรพ์แล้วพอแต่งปางบรรพ์เสร็จก็กลับมาเรื่องนี้ ฉะนั้นช่วงต้นๆ สำนวนจะประหลาดๆไม่ลงตัว การเดินเรื่องก็เรื่อยๆไปนิด ขอโทษด้วยครับ พยายามแก้แล้วแล้วก็จะเอาไปพัฒนาในบทหลังๆจากนี้ครับ (แต่อย่างน้อยก็จะเห็นพัฒนาการของท่วงทำนองการเขียนได้บ้างหละ แหะๆ)

ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามครับ อิอิ


Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 19.20
«ตอบ #131 เมื่อ09-03-2011 21:48:48 »

คุณชายวางแผนอะไร

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 19.20
«ตอบ #132 เมื่อ09-03-2011 22:05:54 »

ล้างหม้อเตรียมใส่มาม่ายี่ห้อพ่อเลี้ยงไว้รอดีกว่า  ท่าทางจะมากมาย
ตอนนี้สงสัยว่าใครฟระมายืนมองคุณชาย  หรือว่าจะเป็นทิฆัมพร  หรือจะเป็นปุยฝ้าย  หรือใคร

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #133 เมื่อ10-03-2011 00:24:24 »

ใครมายืนมองอ่ะ หรือว่าจะเป็น...เจ้าของร้านอาหาร พอดีคุณชายลืมตังค์ทอน :a5:

ออฟไลน์ w1234

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #134 เมื่อ10-03-2011 01:34:50 »

ใครมายืนมองอะ :call: :call:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #135 เมื่อ10-03-2011 04:02:21 »

อ่านไปก็อยากจะรู้ต่อไปเร็วๆว่าแต่พ่อเลี้ยงคงชั่วร้ายมากแน่ๆ อิอิ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #136 เมื่อ10-03-2011 05:32:27 »


๑๗๙ + ๑ = ๑๘๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #137 เมื่อ10-03-2011 12:25:33 »

ขอบคุณมากๆๆค่ะ นั่งรอวันจันทร์กับพุธ
อยากอ่านอีกอะ

ชอบคุณชายมาก
ไม่รู้ว่าสองคนนี้คุณชายกับน้ำจะรักกันยังไง

ติดตามตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #138 เมื่อ11-03-2011 00:12:16 »

หรือดาริกาจะมาเป็นคู่แข่งหัวใจหว่า
ยิ่งสเปคคุณชายท่านอย่างนี้

ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #139 เมื่อ11-03-2011 01:44:00 »

ใครมาแอบมอง?
แล้วดาริกานี่มาทำไม?
คุณชายคิดอะไรอยู่?
โอ้ววว มีแต่คำส่วน ส่วนพ่อเลี้ยงไม่ต้องเอามันออกมาได้มะ? ไม่อยากเห็น  :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
« ตอบ #139 เมื่อ: 11-03-2011 01:44:00 »





nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #140 เมื่อ13-03-2011 22:54:05 »

อยากอ่านตอนพ่อเลี้ยงแล้วอ่ะ รับรองไม่เกลียดตนแต่งแน่นอน ฮ่าๆๆๆ

พรายกระซิบจากกระทู้ ทางสามสาย ว่าพรุ่งนี้ คุณชายกะนที จะมีโมเม้นท์สองต่อสอง

ปูเสื่อรอ ร๊อ รอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 09/03/11 - 21.20
«ตอบ #141 เมื่อ14-03-2011 20:43:18 »

9
 

     หญิงสาว ผมสีน้ำตาลเข้มซอยสั้นแนบต้นคอขาวระหง เดินกระแทกเท้ากลับมาที่เตียงผ้าใบริมหาดที่หล่อนนั่งเมื่อครู่ ปากเป็นสีแดงจัดเหมือนเดิม แม้ว่าจะนั่งอยู่ชายทะเลก็ตาม ชุดว่ายน้ำตัวเล็กลายทางแบบม้าลายนั้น ปกปิดส่วนที่ไม่ให้อุจาดตาไว้เพียงเล็กน้อย เรียกได้ว่าถ้านั่งไม่ดีละก็เห็นอะไรต่อมิอะไรหมด แว่นตากันแดดสีดำอันใหญ่สวมทับอยู่ทำให้ไม่เห็นดวงตา และคิ้วที่ขมวดแน่นอยู่ข้างใต้ด้วยอารมณ์ฉุนจัด
    “เป็นอะไรครับฟ้า” ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ พูดทักขึ้นก่อน เขาเป็นชาวไทยลูกครึ่งฝรั่ง หากแต่บอกไม่ได้ว่าเป็นชาติไหน เพราะหน้าตาดูคล้ายคนไทยมากกว่าฝรั่ง มีเพียงการพูดการจา และรูปร่างสูงใหญ่เท่านั้น ที่ทำให้ดูออกว่าไม่ใช่คนไทย
    ชายหนุ่มรูปร่าง หน้าตาคล้ายนายแบบฝรั่งออกไปทาง ละติน นิดๆ ตรงที่จมูกโด่งเป็นสัน ตาคมขนตายาวงอน เสียยิ่งกว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ผมสีน้ำตาลไหม้ หยักศก ทำให้ใครๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ต้องหันมามองสองคนนี้กันให้คอเคล็ด ส่วนที่สวยที่สุดในร่างกายของคนคนนี้ คือตาสีเขียวมรกตที่จับจ้องอยู่ที่หญิงสาวข้างๆ
    “ก็คุณชายภาสกรนะซีคะ” หล่อนพูดเสียงเบา แบบร้อนอกร้อนใจ เพราะถึงอย่างไร หล่อนก็ยังไม่ต้องการให้ใครต่อใครรู้ว่า หล่อนคือทิฆัมพร นางร้ายสาวดาวรุ่งในขณะนี้ และที่สำคัญ หล่อนกำลังอยู่กับผู้ชาย ที่ไม่ใช่ภาสกรเสียด้วย เป็นข่าวขึ้นมาเมื่อไหร่ จบเห่เมื่อนั้น
    “ทำไมหรือ ฟ้าเห็นคุณชายหรือจ๊ะ”
    “ใช่ซี อีริค ละก็ถามได้ ฟ้าเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง แหมหัวร่อต่อกระซิก ไม่ได้อายฟ้า อายดิน ทีอยู่กะฟ้านะ ยิ้มยังไม่เคยได้เห็นเลย ” หล่อนแทบจะตวาดด้วยเสียงกระซิบ ฟังดูน่าขันในความรู้สึกของ อีริค กอนซาเลซ เพื่อนชายของทิฆัมพร เขาอดขำขึ้นมาไม่ได้ที่หล่อนเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ตอนนี้ เรื่องภาสกรอยู่กับผู้หญิงอื่น ก็ในเมื่อตอนนี้หล่อนก็อยู่กับผู้ชายอื่นเหมือนกันนี่นะ
    “ฟ้าละก็ไปโกรธคุณชายเขา ฟ้าไม่ได้กำลังอยู่กับชายอื่นหรือครับ” เขาทำเสียงยียวน พร้อมยักคิ้วให้ “แล้วเมื่อคืนนี้ฟ้าเองก็หัวร่อต่อกระซิกกับผมเหมือนกัน นะครับ เพียงแต่คุณชายนั่นไม่มีโอกาสได้เห็นเท่านั้นเอง”
    หญิงสาว คลายคิ้วที่ขมวดกันออก แต่ก็ไม่ถึงกับยิ้มด้วยอารมณ์ดี เพียงทุบที่ต้นแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามของเพื่อนหนุ่มเบาๆเท่านั้น
    “อีริคละก็ บ้าจริงพูดตรงนี้ เดี๋ยวใครได้ยินเข้า”
    “ถ้าอย่างนั้น ก็ไปคุยกันในโรงแรมก็ได้จ้ะ” ชายหนุ่มโดนเข้าอีก ตุ้บ ใหญ่ๆ ก่อนที่ทิฆัมพรจะพึมพำออกมาด้วยความสงสัย
    “แล้วยังห่ออาหารกลับบ้านอีก... อะไรกันนะ หรือว่ายังมีอีกคนที่บ้าน” ลมเพชรหึงพัดเข้าใส่จนหล่อนหน้ามืดไปหมดเมื่อคิดว่า ภาสกรอาจมีสาวๆ ไว้นอน กกที่บ้านก็ได้ ในขณะที่ฝ่ายนั้นไม่เคยไยดีหล่อนเลยว่าหล่อนจะไปไหนกับใคร หรือนอนกกใครคนอื่น ภาสกรไม่เคยสนใจเลยสักครั้ง
    ถึงอย่างนั้น หล่อนก็ไม่เคยรักภาสกร เพียงแต่คิดว่า ในเมื่อผู้ใหญ่ก็จะจับคู่ให้เขากับหล่อนอยู่แล้ว การแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนิดๆก็ดูสมเหตุสมผล อย่างไรเสียหล่อนกับเขาก็ต้องได้เป็นสามีภรรยากัน
    ส่วนหนุ่มละตินข้างๆนี่ พอคบฆ่าเวลาไปพลางๆ ก็ดีไม่ใช่น้อย ช่วยคลายเหงาได้บ้างเวลาที่ภาสกรไม่เอาอกเอาใจ ไม่เอาใจใส่หล่อนแบบนี้ ที่หล่อนมาพัทยา ก็เพื่อมาหาหนุ่มนายแบบคนนี้เท่านั้น แล้วจะไปคิดเรื่องภาสกรทำไมเล่า
    แต่คนอย่างทิฆัมพร ลองว่าได้เห็นภาพที่ปวดใจอย่างนี้ หล่อนไม่ทนปวดใจคนเดียวแน่ หญิงสาววาดแผนอยู่ในใจ ขั้นแรกต้องสืบให้ได้ว่าภาสกรแอบมีเมียไว้ที่พัทยาจริงๆหรือเปล่า ขั้นที่สองแบ่งเอาแผลในใจของหล่อนไปให้หม่อมวิไลวรรณ แม่ของภาสกร ได้แบกรับบ้างแล้วขั้นที่สามก็จะสัมฤทธิผล คือภาสกรจะต้องพ่ายแพ้
    ผู้หญิงคนนั้น และ อีกคนที่แอบซุกไว้ที่บ้าน จะไม่มีทางได้ผู้ชายที่หล่อนหมายมั่นจะแต่งงานด้วยเด็ดขาด
    ทำตามแผนขั้นแรกเสียก่อน
    แหล่งข้อมูลหาได้ไม่ไกลนัก เพียงนั่งรถไป สามสี่บล็อกก็ถึง ร้าน รชตานันต์ อัญมณี หล่อนมั่นใจว่าดลนภาจะตอบคำถามทุกข้ออย่างแน่นอน
    แต่ก่อนจะต้องไปเหนื่อยกับแผนการเหล่านั้น ขอเสวยสุขกับพ่อหนุ่มละตินก่อนก็แล้วกัน
    “อีริคว่า เราจะไป ‘คุย’ อะไรกันที่ โรงแรมนะคะ”

    พอ ภาสกรมาถึงโรงพยาบาล นายแพทย์มิ่งเมืองก็ตรวจอาการของนทีเสร็จพอดี คลาดกันไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ ดังนั้นในห้องตอนที่ภาสกรเข้ามา จึงมีเพียงนที และ ปุยฝ้ายที่กำลังดูโทรทัศน์กันอยู่เท่านั้น
    “มาแล้วครับ อาหารทะเล ผมซื้อมาฝาก”
    ปุยฝ้าย มองหน้านทีครั้งหนึ่งก่อนจะหัวเราะแก้เก้อ เดินเข้ามาหาชายหนุ่ม ทำเป็นช่วยจัดของยังไม่กล้าที่จะบอกสิ่งที่จำเป็นต้องบอกเขาตอนนั้น
    “ แหม คุณ ช... คุณ ภาสกรก็ เดี๋ยวทางโรงพยาบาลก็จัดของมาให้แล้ว ฝ้ายกับไอ้น้ำ เกรงใจแย่เลยค่ะ” ปุยฝ้ายพูดไป ยิ้มแหยๆไป
    “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมไปทานมากับลูกค้า ก็เลยสั่งกลับมาฝากคุณฝ้ายกับคุณนทีด้วยเลย ไม่รู้ว่าชอบอะไรกัน เท่าที่ซื้อมาก็มี ข้าวผัดปูกุ้ง โป๊ะแตก แล้วก็ปลาทอด ไม่รู้ว่าจะชอบกันหรือเปล่า”
    “ไอ้น้ำชอบกินข้าวผัดนี่นา”
    ชายหนุ่มบนเตียงส่งยิ้มแหยๆมาให้ ก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณ
    “ขอบคุณ คุณภาสกรมากครับ แต่คราวหน้าผมขอแค่อาหารของโรงพยาบาลก็เกรงใจจะแย่แล้วครับ”
    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ลำบาก พอดีแวะไปทานมาอยู่แล้ว ก็เลยซื้อมาฝาก คุณฝ้ายกับคุณนที ตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มยิ้ม ให้นทีที่มองเหมือนว่าตัวเองทำผิดอะไรไว้ จะลงมาช่วยแกะอาหารใส่จานก็ทำไม่ได้จึงได้แต่มองให้กำลังใจเท่านั้น
    ปุยฝ้ายและภาสกรจึงแกะอาหารใส่จานชามกันอย่างขะมักเขม้น จานชามพวกนี้ ภาสกรเป็นคน ขนมาจากบ้านที่พัทยานี้เอง มันจึงเป็นจานกระเบื้องสีขาวขลิบทอง ที่ขอบมีลายดอกกุหลาบสีทองสวยงาม ไม่ใช่จานชามพลาสติกแบบที่ใช้กันวันแรกๆ จานชามของภาสกรพวกนี้ ในความเห็นของนทีน่าจะเอาไปใส่ตู้โชว์มากกว่ามาใส่ของกิน
    เขาเป็นคนฐานะปานกลางถึงยากจนมาเสมอ เขาจึงไม่ชอบนักที่คนรวยพวกนี้ใช้ของฟุ่มเฟือย กันราวกับผลิตเงินทองใช้เอาเอง เงินซื้อจานหนึ่งใบของภาสกร นทีสามารถซื้อข้าวกินได้เป็นอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ
    ปุยฝ้ายตักข้าวผัด และแกะปลาให้เพื่อนหนุ่ม นทีลุกขึ้นนั่งอย่างลำบากเพราะเขาไม่สามารถใช้มือซ้ายยันตัวขึ้นนั่งได้เพราะแขนหักอยู่ ภาสกรจึงเข้าไปช่วยประคองให้ ภาสกรเห็นเด็กหนุ่มหลบตาเขา ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ ก็เห็นว่านที เป็นเด็กขี้เกรงใจเสียเหลือเกิน
    เขาอดคิดไม่ได้ว่า หากเขาสองคนเจอกันในสถานการณ์อื่นๆละก็เด็กหนุ่มก็คงจะเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่ดีคนหนึ่งได้
    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณ ราวกับเป็นคำพูดติดปากของเขาไปแล้ว ภาสกรยิ้มให้ก่อนที่จะเดินออกมานั่งที่ชุดโซฟารับแขก มองปุยฝ้ายและ นทีกินอาหารเย็นไป ก็ชวนคุยอย่างคนที่ทนความเงียบไม่ได้นานนัก
    “แล้ววันนี้ คุณหมอมาตรวจว่าอย่างไรครับ”  
    ปุยฝ้าย และ นทีมองหน้ากันเลิ่กลั่กอีกครั้ง ปุยฝ้ายไม่กล้าจะพูดออกมาก่อน ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงตัดสินใจพูดขึ้นมาเอง
    “คุณหมอบอกว่า ตอนนี้อาการของผมดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่ายังไม่แน่ใจว่าที่หัวกระแทกจะมีผลอะไรกับสมองหรือเปล่า ก็เลยอยากให้ผมไปนอนที่ห้องแล็บ อะไรสักอย่างผมไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกครับ แต่ถ้านอนที่แล็บหนึ่งคืน คุณหมอก็จะตรวจได้ทุกอย่างตั้งแต่สมอง หัวใจ กล้ามเนื้อ อะไรทำนองนั้นแหละครับ จะได้ไม่ต้องรอตรวจไปทีละอย่าง”
    “ก็ดีนี่ครับ แล้วต้องเข้าตรวจวันไหนล่ะครับ ผมจะได้คุpกับคุณหมอเรื่องรายละเอียด แล้วก็ค่าใช้จ่าย”
    “คือ..” นทีมองหน้าปุยฝ้ายอีกครั้ง เหมือนจะเรียกหาความมั่นใจอยู่กลายๆ แล้วก็พูดต่อประโยคจนจบได้ “ผมปฏิเสธไปแล้วครับ ค่าใช้จ่ายมันสูง คืนละหลายหมื่น แล้วผมว่าผมก็ไม่เป็นอะไรแล้วอีกไม่กี่วันผมก็คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็เลยคิดว่า...”
    “ไม่ได้นะครับคุณนที คุณต้องเข้ารับการตรวจซีครับ ตอนนี้ดูเหมือนคุณไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเกิดสมองคุณมีปัญหาขึ้นมา คุณก็ต้องกลับมารักษาใหม่อยู่ดี สู้ตรวจอาการอะไรให้ละเอียดที่สุดว่า ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ แล้วก็รักษาตัวให้สบายแน่ๆก่อน แล้วค่อยกลับไปไม่ดีกว่าหรือครับ”
    “ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆครับ อีกอย่าง ค่าใช้จ่ายก็สูงมากผมไม่อยากรบกวนคุณ ถ้าหากว่า..”
    “เรื่องค่าใช้จ่ายผมว่าคุณอย่ากังวลเลยนะครับ” ภาสกรเริ่มพูดไปขมวดคิ้วไป เขาจะยอมให้เด็กคนนี้ออกจากโรงพยาบาลไปก่อนไม่ได้แน่ๆ หากไปเป็นอะไรข้างนอกเข้าจริงๆ เขาก็คงไม่รู้อะไรด้วย แล้วเขาก็จะต้องรู้สึกผิด รู้สึกบาปไปจนตาย “...ถ้าคุณกลัวผมจะลำบาก ผมไม่ลำบากอะไรเลยนะครับผมยินดี....”
    “ผมทราบครับว่าคุณไม่ลำบาก” ชายหนุ่มเริ่มมีอารมณ์หนักใจแบบเด็กถูกบังคับให้ทำอะไรที่ไม่ชอบแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ จนต้องเถียงคอเป็นเอ็นอยู่นานเผื่อว่าจะได้อย่างที่ตัวเองต้องการบ้าง “แต่ผมหามาคืนคุณไม่ได้ งานผมก็ไม่มี พ่อแม่ผมก็ไม่มี ผมเองก็ยังเรียนไม่จบ เงินเก็บยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมจะหามาคืนคุณยังไง เงินเยอะแบบนี้ คุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะเอามาให้ผมฟรีๆได้”
    ชายหนุ่มเกือบหลุดคำว่า คุณเองก็ไม่ใช่พ่อใช่แม่ใช่ญาติพี่น้องผมด้วย จะมาเป็นห่วงเป็นใยผมทำไม แต่ก็ยั้งปากเอาไว้เพราะถือว่าอย่างไร ภาสกรก็เป็นผู้มีพระคุณของเขา
    “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่สบายใจละก็ คุณมาทำงานกับผมก็ได้ ผมมีบริษัทของผมอยู่ คุณมาทำงานใช้เงินผมก็แล้วกัน” แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ภาสกรก็พูดคำนี้ออกไปแล้ว อย่างน้อยก็ให้ชายหนุ่มหัวดื้อคนนี้ สบายใจขึ้นบ้าง
    ปุยฝ้ายกินเสร็จแล้ว หล่อนจึงเดินไปล้างจานที่บาร์ไปพลางฟังบทสนทนาของสองหนุ่มไปพลาง ยังไม่กล้าออกความเห็นอะไรทั้งนั้น
    “ถึงคุณจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...” นทีทำท่าจะบ่น ปุยฝ้ายจึงแทรกขึ้นมา
    “แกก็ได้ยินที่คุณภาสกรเขาพูดแล้วนี่ นที แล้วหมอก็บอกแล้วด้วยว่าถึงจะฟังดูแพง แต่วิธีนี้ก็ประหยัดกว่า แถมยังเร็วกว่าไปเข้าตรวจทีละอย่าง สองสามวันรู้ผล... แล้วก็ไม่ต้องบอกด้วยว่าแกจะไม่ตรวจ เกิดแกออกไปเป็นอะไรข้างนอก ฉันจะส่งแกเข้าโรงพยาบาลทันไหม ตรวจไปทีเดียว รักษาไปทีเดียว แล้วก็ไปทำงานใช้เงินคุณชายที่บริษัท ฉันจะช่วยออกเงินอีกแรง โอเคไหม... จบ”
    เท่านั้น ชายหนุ่มก็ยอมจำนน แม้ว่าจะอยากเถียงแทบตาย แต่ก็ยังดีที่มีคนเป็นห่วงและใส่ใจในตัวเขา ทั้งเพื่อนสนิท และคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแบบภาสกร... อย่างน้อยมันก็รู้สึกอบอุ่นใจแปลกๆ
    กินอิ่มแล้ว ปุยฝ้ายก็ช่วยเก็บจานชามไปล้าง ส่วนภาสกรก็ยังพูดเรื่องเดิม ไม่เปลี่ยนหัวข้อ
    “ถ้าอย่างนั้น ผมจะคุยกับอาหมอพรุ่งนี้ เขาบอกไว้หรือเปล่าครับว่าถ้าจะเข้าตรวจ จะได้ตรวจวันไหน”
    “เห็นคุณหมอบอกว่าจะเป็นวันอาทิตย์นี้ค่ะ” ปุยฝ้ายเป็นคนตอบ
    วันอาทิตย์ หรือ? ...วันนี้ วันพฤหัส ก็อีกสามวันพอดี ดีละ เดี๋ยววันรุ่งขึ้นเขาก็เพียงแต่โทรคุยกับอาหมอ พอตรวจวันอาทิตย์นี้ ก็เป็นสัญญาณนัยๆว่า นทีกับเขาก็คงจะแยกย้ายกันไปภายในอาทิตย์หน้า ... เรื่องวุ่นๆนี้จะได้จบลงเสียที
    ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจชายหนุ่ม หากแต่ทุกครั้งที่จ้องมอง ดวงตากลมสีดำสนิท และคิ้วเข้มที่ดูหนาเฉียงลงคล้ายใบหน้าของคนอมทุกข์ตลอดเวลา ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ และ เสียใจกับการกระทำของตนทุกครั้งไป
    เสียงของปุยฝ้าย ปลุกเขาขึ้นจากความคิดของตัวเอง
    “คุณภาสกรคะ” หล่อนรียกเขา พอชายหนุ่มหันไป ก็พบว่าหญิงสาวล้างจานชามเสร็จแล้ว ในมือถือเสื้อผ้าสองสามชิ้น พอดูออกว่าเป็นชุดหนึ่งชุด ที่จะเปลี่ยนออกไปข้างนอก “คือเมื่อตอนกลางวัน คุณพ่อโทรมาค่ะ บอกว่ามีธุระเรื่องญาติๆ ทางพังงา คือ ฝ้ายต้องไปด้วยน่ะค่ะ ไป ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ กลับ จันทร์เช้า วันนี้ ฝ้ายต้องไปจัดกระเป๋าที่แฟลต แล้วกลับไปนอนบ้านพ่อน่ะค่ะ ตลอดวีคเอนด์นี้ ฝ้ายรบกวนคุณชายอยู่เป็นเพื่อนไอ้น้ำมันได้ไหมคะ”

    ด้วยเหตุผลที่หล่อนกล่าวมานี้เอง เวลานี้ ภาสกรจึงอยู่กับนทีในห้องเพียงสองคน เขายกเก้าอี้จากโต๊ะทานข้าวมาอยู่ข้างๆเตียงของเด็กหนุ่ม เพื่อไม่ให้รู้สึกห่างเหินกันจนเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ อีกคนกลับจ้องโทรทัศน์ราวกับว่าสารคดีชีวิตสัตว์ที่กำลังฉายอยู่น่าสนใจมากเสียเหลือเกิน แม้ว่ามันจะน่าเบื่อมากก็ตาม เขารู้ เด็กคนนี้รู้สึกเกร็งเท่านั้น คง ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา มากกว่าสนใจสิ่งที่อยู่ในโทรทัศน์จริงๆ
    ภาสกรจึงต้องเป็นฝ่ายสร้างบรรยากาศอีกครั้ง
    “นที สนใจเรื่องสัตว์ในแอฟริกามากหรือครับ”
    “หือ” เด็กหนุ่มหันมา ในใจคงนึกแปลกใจอยู่มากที่จู่ๆ นายภาสกรก็พูดโพล่งออกมาแบบนี้ เจ้าของคำถามหน้าแดง เมื่อรู้ตัวว่าคำถามที่ถามออกไปนั้น ฟังดูแย่แค่ไหน
    “ก็ผมเห็น คุณจ้องโทรทัศน์อยู่ได้นานๆ ผมไม่ค่อยชอบดูอะไรพวกนี้ แต่เห็นคุณตั้งใจดู ก็เลยสงสัยว่าจะสนใจมากหรือเปล่า”
    นทีหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่เขาไม่ลืม
    มันไม่ใช่หัวเราะเสียงดังๆแบบของปุยฝ้าย ไม่ใช่แม้แต่เสียงแหลมๆ เสแสร้งแบบของทิฆัมพร แต่ก็ไม่ถึงกับเสียงนุ่มๆหัวเราะลงลูกคอแบบไม่เปิดปากของคุณหญิง ดาริกา เสียงหัวเราะของนที จะว่าสดใสก็สดใส จะว่าเศร้าก็เศร้า มันฟังเหมือนคนอมทุกข์ที่พยายามทำตัวให้ร่าเริงอย่างนั้น
    เด็กคนนี้จะทุกข์อะไรหนักหนา ภากรคิด
    เสียงเสียงหนึ่งในใจของเขาตอบกลับมาว่า ก็เพราะนายไม่ใช่หรือ ที่ทำให้เด็กคนนี้ ต้องทุกข์หนักถึงขนาดนี้
    ภาสกรดึงตัวเองกลับมาในความเป็นจริง เมื่อได้ยินเสียงตอบของเด็กหนุ่ม เสียงนุ่มๆ แต่ทุ้มต่ำฟังดูไม่ค่อยเต็มใจตอบ
    “ผมไม่ได้ชอบเรื่องสัตว์อะไรนักหรอกครับ เพียงแต่ผมชอบท่องเที่ยว ชอบเห็นอะไรใหม่ๆ แปลกตา ไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซากจำเจ คงเป็นเพราะพ่อละมังครับ” ภาสกรรู้สึกว่าคำว่าพ่อ ฟังดูสั่นเครือแปลกๆ กระนั้น ประโยคที่ตามมาก็เป็นประโยคที่เจือด้วยอารมณ์สุข แบบคนที่นึกถึงเรื่องอดีต แล้วอดเล่าแบบสนุกปากไม่ได้
    “ก่อนที่คุณพ่อมาเป็นมัคคุเทศก์ แกชอบพาผมกับแม่ไปเที่ยว เที่ยวในไทยที่แหละครับไปทะเลบ้าง น้ำตกบ้าง ไม่ก็ขึ้นดอยไปถึงแม่ฮ่องสอน แกมักจะหากิจกรรมสนุกๆมาให้เรา สามคนพ่อแม่ลูก ทำด้วยกันเสมอ บางครั้งเราเอาขนมปังไปนั่งปิกนิกกันกลางป่าบ้าง ไปวาดรูปวิวจากบนดอยบ้าง หรือไม่ก็ไปถ่ายรูปกัน บ้างผมเลยติดนิสัยชอบวาดรูป ชอบถ่ายรูป มาตั้งแต่นั้น พอพ่อเริ่มเป็นมัคคุเทศก์แล้วก็มีเวลาให้เราแม่ลูกน้อยลง
    แต่ผมยังจำได้นะ ผมยังชอบที่สุดเลย เวลาไปเดินป่ากับพ่อ พ่อเก่งนะครับ จำสัตว์ป่า จำนกได้ทุกตัว เจออะไรก็เล่านู่น เล่านี่ให้ฟังได้หมดผมถึงไม่เบื่อเลย เวลาดูสารคดีท่องเที่ยว เวลาคนพากย์สารคดีเขาเล่าเรื่องนก เรื่องสัตว์ ก็จะอดนึกถึงพ่อไม่ได้เลย”
    พอชายหนุ่มพูดจบ ก็หันมามองคนข้างๆ ภาสกรนั่งมองหน้าเขาอยู่อย่างตั้งใจ เมื่อพินิจดีๆ ใกล้ๆแบบนี้ นทีก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นที่หน้า ภาสกรเหมือนดารา เหมือนนักร้องที่หน้าตาดี จนหาริ้วรอย สิว ฝ้า หรือตำหนิใดๆบนใบหน้าไม่ได้ นอกจากไรหนวดเครา เขียวครึ้มที่ต่อให้โกนอย่างไร ก็ยังทิ้งรอยไว้แบบนั้น ดวงตากลมโต และคิ้วสวยได้รูป ยามมองมาแบบเพลิดเพลิน ไม่ต่างอะไรกับรูปวาดของพระเอกในวรรณคดี
    จะเป็นขุนแผน หรือ พระลอ ก็ว่าไม่ใช่
    คงเป็นอิเหนาละมัง ที่หล่อเหลาเสียจน จรกาที่เป็นผู้ชายแท้ๆ เห็นหน้าแล้วยังสลบไป… พอรู้ตัวว่านั่งจ้องกันอยู่นานแล้ว นทีก็ดึงตัวเองกลับมาจากภวังค์ รีบพูดแก้เก้อแทบไม่ได้หายใจ
    “เอ่อ ฟังผมพล่ามเสียเบื่อแย่เลย”
    “ไม่หรอกครับ” เขายิ้มที่มุมปาก  ราวกับว่าหากยิ้มเห็นฟันอย่างสดใสจะทำลายบรรยากาศซึ้งๆ ยามลูกนึกถึงพ่อไปได้อย่างนั้น “ผมอิจฉาคุณนะ ที่อย่างน้อยคุณก็ยังได้สนิทกันกับพ่อ”
    เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเป็นคำถาม พอรู้ตัวว่าเสียมารยาท ก็เปลี่ยนมาเป็นใช้คำพูดถามออกไปแทน
    “ทำไมล่ะครับ”
    “ก็ ผมน่ะไม่ค่อยสนิทกับพ่อเท่าไหร่ คือ ท่านน่ะเป็น...” ชายหนุ่มเกือบหลุดคำว่า เป็นหม่อมเจ้า ออกไป แต่ก็เปลี่ยนคำพูดได้ทันเสียก่อน “เป็นคนเข้มงวด แล้วก็น่าเกรงขาม ถึงจะไม่เคยดุผมเลยก็เถอะ แต่ก็อดกลัวคุณพ่อไม่ได้”
    “แต่คุณพ่อก็ยังอยู่นี่ครับ”
    “ใช่ครับ ท่านยังอยู่ ถึงจะ ประ.. เอ้อ.. ป่วยมากก็ตาม” เกือบแล้วไหมล่ะ พอพูดถึงพ่อก็ต้องพูดเป็นราชาศัพท์ทุกครั้งจนเป็นนิสัย เพราะถ้าเผลอไม่พูดหรือพูดผิด หม่อมวิไลวรรณก็จะแหวออกมาทันที
    “แต่ก็ยังดีไม่ใช่หรือครับ ที่ยังมีท่านอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร” ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มจะมีน้ำตาคลอออกมาแล้ว หากเมื่อพูดประโยคต่อไป มันก็เริ่มเอ่อ ไหลช้าๆจากหางตา มาตามแก้มจนเด็กหนุ่มต้องยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้ “ดูแลท่านดีๆเถอะครับ อย่าให้ต้องมาร้องไห้เสียใจ คิดถึงท่านเหมือนผม มาเสียดายว่า ตอนอยู่ด้วยกันไม่สนิทกันเท่าที่ควรจะเป็น”
    ภาสกรเอื้อมมือไปบีบไหล่ชายหนุ่มเบาๆเป็นเชิงปลอบ แต่แล้วก็รีบยกมือออกมาทันที เพราะรู้สึกเขินว่ายังไม่รู้จักกันดีพอ
    “ขอโทษนะครับที่พูดอะไรแบบนี้ คุณภาสกรอย่าถือสาเลยนะครับ”
    “ไม่หรอกครับ” เขายิ้มให้หนุ่มน้อยอย่างอ่อนโยน “อยากพูด อยากระบายอะไรก็เอาเถอะ ผมเข้าใจ”
    เด็กหนุ่มบนโต๊ะยิ้มให้ เป็นยิ้มที่เต็มใจ และจริงใจที่สุด เท่าที่ภาสกรได้เห็นจากเขา ชายหนุ่มยิ้มกลับ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายหาววอด ขึ้นเหมือนเด็กๆ ก็อดนึกเอ็นดูไม่ได้
    “ง่วงแล้วหรือครับ” ภาสกรถาม
    “ครับ จริงๆ ก็ง่วงทั้งวันเลยละครับ เพราะนอนนานไปหน่อยนอนไปกี่วันไม่รู้ เลยชินเสียแล้วทำอะไรไม่เป็นนอกจากนอน” เขาพูดทีเล่นทีจริง
    “เอาเถอะครับ ถ้าง่วงก็นอนเสีย สักพักผมเองก็จะนอนแล้วแต่คงต้องขอตัวอาบน้ำเสียก่อน เหงื่อออกมาทั้งวัน”
    “เอ้อ...” ชายหนุ่มพูดขึ้นอายๆ “ผมอยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน จะแปรงฟันด้วยเมื่อกี้เพิ่งทานข้าว... เอ่อ คุณ...”
    “ครับเดี๋ยวผมช่วยพยุง”
    กว่าภาสกรจะเอาตัวเด็กหนุ่มลงจากเตียงได้ก็งานหนัก เพราะแขนซ้ายที่หักของนที ทำให้ไม่อาจยันตัวลุกได้เอง ส่วนขาขวาก็ขยับไม่ได้ แทบจะต้องอุ้มกันเลยทีเดียว กว่าภาสกรจะโอบเอวของเด็กหนุ่ม มีมือขวาของนที พาดอยู่บนไหล่ ค่อยๆเดินกันไปถึงห้องน้ำได้ก็เหนื่อยเอาการ
    แม้จะบอกว่าเหนื่อยมาทั้งวันจนเหงื่อโชก แต่ภาสกร ก็มีกลิ่นหอมจางๆของน้ำหอมยี่ห้อดี ขวดละหลายพัน โชยมาให้นทีได้กลิ่นตลอดทางจากเตียงไปห้องน้ำทำเอาหน้าแดงซ่านเพราะไม่เคยมีใครดีกับเขา ใกล้ชิดกับเขามากเท่านี้มาก่อน ภาสกรบีบยาสีฟันใส่แปรงของโรงพยาบาลให้ รองน้ำไว้ให้บ้วนปาก บริการทุกอย่างเสร็จสรรพ ด้วยข้ออ้างว่า “ก็คุณมีมือเดียวจะถนัดหรือ”
    พอกลับไปที่เตียง นทีก็แทบจะหลับไปตรงนั้น ภาสกรปิดทีวี  ปิดไฟให้ เด็กหนุ่มที่อยู่บนเตียงแทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากนอนมองเพดานทีขาวสะอาด ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็เข้าไปอาบน้ำพร้อมจะนอนด้วยเช่นกัน
    “คุณภาสกรครับ” นทีเรียกในนาทีสุดท้ายก่อนที่ภาสกรจะทันได้เดินเข้าห้องอาบน้ำ ชายหนุ่มหันมาก็พบว่า นทียังคงมองเพดานสีขาวอย่างมีความหมายบางอย่าง
    “ว่าอย่างไรครับ”
    “คุณ...”  เขาค่อยๆ หันหน้ามามองชายหนุ่มช้าๆ ราวกับไม่แน่ใจว่าจะพูดประโยคต่อไปอย่างไรไม่ให้น่าเกลียด ภาสกรไม่ทันได้รบเร้า เด็กหนุ่มก็พูดประโยคคำถามที่มีอยู่ในใจ นับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ออกไปเสียก่อน “คุณมาช่วยผมไว้ทำไมหรือครับ”
    เงียบ เป็นความเงียบที่นานที่สุด นับตั้งแต่เริ่มคุยกันมา ภาสกรเงียบเพราะตอบไม่ถูก นทีเงียบเพราะลุ้นกับคำตอบ อีกใจหนึ่งก็ไม่รู้ว่าน่าเกลียดหรือเปล่าที่ถามไปอย่างนั้น จึงเป็น นทีที่พูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
    “คือ ผมไม่ได้จะว่าอะไรคุณ ที่คุณช่วยผม ออกค่าใช่จ่ายมากมายขนาดนี้ให้ ผมนับว่าเป็นพระคุณมาก เพราะผมเองคงไม่มีปัญญา จ่ายทั้งหมดนี้ เพื่อรักษาตัวเอง พ่อแม่ ผมก็ไม่มีจะช่วยค่าพยาบาล ที่ผมไม่เข้าใจคือ คุณเองก็ไม่รู้จักผม ผมก็ไม่รู้จักคุณ เราไม่ได้เป็นญาติ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไม...”
    “จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ” ภาสกรแทรกขึ้นมา ตัวเขาพิงผนังก่อนถึงประตูห้องน้ำ มองมาที่เด็กหนุ่มที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง คำตอบไม่ได้เรียบเรียงมาอย่างดี ไม่แม้แต่คิดก่อนจะพูด แต่มันไหลผ่านปากเขาไปอย่างนั้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ทำไมคนถึงช่วยสุนัขจรจัด ทำไมคนถึงบริจาคเงินช่วยเด็กกำพร้า ทำไมต้องมีคนไปดูแลผู้สูงอายุ ที่บ้านบางแค เขาก็ไม่รู้จักกัน เหมือนกับเราสองคน การที่คนช่วยคน การที่คนช่วยสิ่งต่างๆรอบตัว ...มันต้องมีเหตุผลด้วยหรือครับ ก็เราเกิดมาร่วมโลกกันแล้วนี่ครับ ยังไงเสียก็เป็นญาติพี่น้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมผมต้องโทรเรียกรถพยาบาลนำคุณมาส่งที่นี่ ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อรู้จากคุณฝ้ายว่าคุณไม่มีญาติ ไม่เหลือพ่อแม่แล้ว ผมถึงต้องช่วยออกค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนี่ให้คุณ ... ผมรู้แต่ว่าคืนนั้น ผมต้องช่วยคุณให้ได้ ผมจะปล่อยให้คุณตายไม่ได้เด็ดขาด”
    นทีนิ่ง รับรู้คำตอบอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก    
    “ราตรีสวัสดิ์ครับ นที” ภาสกรว่าก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป แล้ว นทีก็หลับไปก่อนที่เขาจะกลับออกมาอีกครั้ง ภาสกรจึงไม่มีโอกาสเห็นน้ำตาที่ไหลรินช้าๆอาบแก้มด้วยความซึ้งใจของนที... ซึ้งใจที่คนดีๆ ยังไม่หมดไปจากโลกนี้

***********************************************************************  

หวังว่าจะเริ่มๆชอบตอนนี้กันแล้วนะครับ  คุณชายยังไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองชอบนที
แต่นทีก็กำลังจะประทับใจคุณชายแล้วครับ

สำหรับคนที่รอคุณอดิสรณ์ อย่าเพิ่งให้เขามาเลยครับ
เขาจะมาในเวลาที่เหมาะสม อิอิ ซึ่งยังไม่ถึงเวลาคร้าบ

วันพุธผมไม่อยู่ ไปต่างจังหวัดยาว ฮี๊ววว พรุ่งนี้ดึกๆอาจจะมาต่อนะครับผม ไม่งั้นก็อีกทีวันเสาร์เลย
บายครับ : )

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03
«ตอบ #142 เมื่อ14-03-2011 21:01:15 »

ก็ว่างั้น  พ่อเลี้ยงมาเพิ่งมาเลย  กำลังอารมณ์ดีเชียวตอนนี้
ยังไม่อยากอารมณ์เสีย  ออกงิ้วตั้งแต่ตอนแรก ๆ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #143 เมื่อ14-03-2011 21:13:22 »

บวกให้ชีวิตเศร้าๆ ของนทีค๊า
ถ้านทีรู้ความจริง จะโกรธมั้ย >.<

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #144 เมื่อ14-03-2011 21:54:49 »

สุดยอดเลยง่ะท่านชาย สมแล้วที่เป็นท่านชาย

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #145 เมื่อ15-03-2011 11:59:09 »

รอชมต่อนะครับ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #146 เมื่อ15-03-2011 12:28:02 »

นางชะนีฟ้านี้เน่าหนอนจริงๆ เกลี้ยดเกลียด

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #147 เมื่อ15-03-2011 15:00:57 »

สนุกมากค่ะ
อ่านตอนนี้เเล้วรู้สึกว่าน้ำหลงเสน่ห์คุณชายเเล้วละซิ
ต้องมีอุปสรรคเเน่ๆ กว่าสองคนนี้จะครองรักกันได้

อยากอ่านวันละสิบตอนค่ะ ห้าๆๆๆๆๆ

ขอบคุณมากๆๆเลย

*อ่านตอนนี้เเล้วเขินเเทนน้องน้ำเลยจ้า*

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #148 เมื่อ15-03-2011 16:04:33 »

คุณฟ้าม่วงลืมเปลี่ยนหัว ตรงชื่อบทอ่ะค่ะ

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 8 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #149 เมื่อ15-03-2011 17:00:14 »

 :z1:

รอค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด