:laugh:เอ้า!..ก่อนจะซดมาม่าน้ำตาท่วมจอ...จัดให้ตามสัญญา แหม..ขอ 100 ใจดีให้ตั้ง 101 แนะ ไปตามกันเลยกับตอน 'พิเศษ'!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
Part พิเศษ
เพราะเราคู่กัน.
.
.
.
.
.
ผ่านมาเกือบสามปีแล้วสินะ...ดูเหมือนเหตุการณ์..เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง
วันนี้..จะไปวัดเพื่อทำบุญให้มัน วัดไทยในแคลิฟอร์เนีย แม้จะหาได้ไม่ยากแต่ใช่จะอยู่ใกล้กับที่พัก
อากาศหนาวได้อีก วันนั้นคล้ายกับวันนี้ อากาศขมุกขมัว..อึมครึมไม่ปลอดโปร่งเหมือนกันเลย
ไม่เคยลืมความทรงจำดีดี..ที่สุดแสนจะประทับใจ ชาตินี้คิดว่าคงไม่มีเรื่องใด..ให้น่าประทับใจ
ได้มากกว่านี้อีกแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครตายแทนเราได้....ครบรอบวันที่มันจากไปทีไร
น้ำตาพาลไหลทุกทีสิน่า...
ไม่เคยลืม..เหตุการณ์วันนั้นยังอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา วันที่ไอ้ตะเกียงเสียน้ำตาเป็นปี๊ป
สะอึกสะอื้นเป็นเด็ก ๆ บีบคั้นหัวใจตัวเองแทบระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ พึ่งเข้าใจ..หัวใจร้องไห้เป็นอย่างไร
..เจ็บปวดใจสุด ๆ เมื่อต้องสูญเสียมันไป..อย่างไม่มีวันกลับ โดยไม่มีโอกาสได้พูด..สิ่งที่มัน
อยากได้ยินจากไอ้ตะเกียง ถ้าย้อนเวลาได้..คำว่า...รัก....จะพูดให้ได้ยินโดยไม่มานั่งเสียใจ
เหมือนในตอนนี้อย่างเด็ดขาด..............
.
.
.
“ไงครับ..รอพี่นานไหม..ติดคุยกับโปรแฟรชเซอร์อยู่...กว่าจะส่งงานแกเรียบร้อย..
พี่ขอโทษน่ะครับ..คนดี” พูดพร้อมกับมือลูบหัวผมเบา ๆ คงติดเป็นนิสัยไปเสียแล้วล่ะมั้ง
น้ำเสียงสำนึกผิดสุด ๆ กูเลยได้แต่มองพร้อมกับตอบมันไป
“ไม่เป็นไร..ตะเกียงเข้าใจครับ...เราไปกันได้ยัง” มันยังไม่ขยับ กลับรวบตัวกูเข้าไปกอด ก้มจูบ
ตรงขมับกูซ้ำ ๆ
“ทำไมหน้าตาดูเศร้าจังครับ ไหนไม่โกรธพี่ไง..พี่รู้สึกไม่ดีเลยอ่า” รัดกูแน่นเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ตอนนี้
กูจะสูงขึ้นกว่า177 ซม. แต่ก็เตี้ยกว่าไอ้หล่อเทพ..ที่กอดกูจนแทบจมหายไปในอกมันแหล่ะ..ก็นะ..
เพิ่มได้แต่ความสูง รูปร่างไม่ได้ขยายอะไรมากนัก ยังคงเพรียวบางเหมือนเดิม อาจดูเกือบบอบบาง
ด้วยซ้ำ..ก็ตั้งกะมาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว อาหารไม่ถูกปากเหมือนเมืองไทย..แล้วยังหาอาหารเหนือ
กินยากได้อีก..นอกจากจะทำกินเอง ไอ้ตะเกียงเลย..อรชอนแน่งน้อยซะงั้น ผิดกับไอ้พี่โต๋
ความสูงมันเกือบ 190 เซนแล้ว ความหนาก็เพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อสมบูรณ์กว่าเดิม
ตอนนี้เป็นหนุ่มเต็มตัว คงจะงงกันใช่ไหม..ไม่ต้องงงกันแล้ว ขณะนี้กูกับไอ้พี่โต๋มาเรียนที่แคลิฟอร์เนีย
เรียนต่อปริญญาตรี..ขึ้นปีสองแล้ว กูเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ ส่วนมันเรียนกฎหมาย
คงไม่ได้เอาไปประกอบวิชาชีพหรอก ที่เรียนก็ทำตามที่ตนเองชอบ หลายคนคงคิดว่า
ไอคิวระดับพวกกู..หน้าจะเป็นหมอ..เป็นวิศวะ..ตามค่านิยม ต่อให้เลือกแบบไหน เราก็ต้องกลับ
ไปช่วยธุรกิจของพ่อแม่อยู่ดี ตอนนี้แค่ทำตามที่ตกลงกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไว้ ว่าขอทำตามใจตัวเอง
เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ ตั้งใจว่าจะเรียนจนจบปริญญาโท แล้วค่อยกลับไปบริหารธุรกิจของตระกูล..
ตามที่พวกท่านต้องการ
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว พ่อสิงห์ก็โอนหุ้นขายธุรกิจเกี่ยวกับบ่อนคาสิโน
ที่มีในเครือหมด..คงเหลือเฉพาะพวกอหังสาริมทรัพย์..เกี่ยวกับบ้านจัดสรรค์..ที่ดิน..และ
นิคมอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ทำอยู่
“ตะเกียงไม่ได้โกรธพี่สักหน่อย..แค่เศร้านะ พอถึงวันนี้ทีไร..พาลให้นึกถึงเรื่องนั้นทุกที”
กูพูดให้มันหายกังวล และบอกสาเหตุที่ทำให้กูดูไม่สดใสเหมือนที่เคยเป็น
“อืม..พี่เข้าใจ..นี่ผ่านมาสามปีกว่าแล้วสินะ..ไม่รู้เพื่อน ๆ ที่เมืองไทย จะไปทำบุญกันครบหรือเปล่า?”
“คงไปกันหมดแหล่ะ เวลานี้เมืองไทยยังไม่สว่างคงนอนกันอยู่ ต้องรอพรุ่งนี้เช้า...ตะเกียงได้รับ
เมลล์บอกว่า..นัดกันไว้หมดแล้ว คู่รักสนามรบ..รับหน้าที่ซื้อสังขทาน..ทุกคนนัดเจอกันที่วัดเลย
ตะเกียงว่า..เราเองก็รีบไปเถอะ เก้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว..กว่าจะไปถึงสิบโมงเศษ ๆ
สิบเอ็ดโมงพระฉันเพลพอดี ” มันเห็นด้วย ก่อนจะคลายกอดกู..จูงมือเดินออกประตูไป
ไม่ลืมล๊อคบ้านให้เรียบร้อย พ่อสิงห์จัดการซื้อและตกแต่งไว้ให้..ก่อนพวกกูจะเดินทางเดือนเดียวเอง
หลายคนคงสงสัย ทำไมกูกับไอ้พี่โต๋ไม่เรียนต่อที่เมืองไทย เพราะ..กูอยากอยู่ให้ไกลจากภาพ
ความทรงจำที่เลวร้ายในอดีต สมองกูจะเก็บความจำได้ดีมาก ๆ ไม่แยกแยะว่าเรื่องดีหรือร้าย
ทำให้กูอยู่บนความทุกข์ทรมานใจปีกว่า ๆ เต็ม ๆ รอจนจบม.6 ถึงได้ตัดสินใจเดินทางมาเรียนที่นี้
ไอ้คุณชายมันคงปล่อยกูมาคนเดียวหรอก เหตุการณ์ที่เกือบจะเสียกูไปเมื่อสามปีก่อน ทำให้มัน
แทบจะไม่ห่างกูเลยด้วยซ้ำ...ถ้าไม่เพราะการเสียสละของใครคนหนึ่ง กูคงไม่มีชีวิตรอด
มายืนตรงนี้ได้ คน ๆ นั้น..ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว กูเป็นหนี้บุญคุณ โดยไม่มีโอกาสตอบแทน
หนำซ้ำยังเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวเค้า..ไร้ทายาทสืบสกุล..ลูกชายคนเดียวต้องจบชีวิตลง
ยิ่งทำให้รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่..ไม่มีการต่อว่าจากพ่อแม่พี่เค้า นอกจากน้ำตานองหน้าร้องไห้
ปานจะขาดใจ..ยิ่งตอกย้ำความผิดกูเข้าไปอีก เมื่อท่านทั้งสองคน..กลับเป็นฝ่ายปลอบใจกูเสียเอง
เมื่อเห็นกูร้องไห้เป็นลมล้มพับ..ในวันเผาศพหน้าเมรุ หลังจากนั้นท่านขอร้องกูให้รับท่าน
เป็นพ่อแม่บุญธรรม เพื่ออย่างน้อยจะได้รู้ว่าท่านยังมีลูกอยู่อีกคน กูเต็มใจแทบไม่ต้องขออนุญาต
..พ่อเกริกแม่ษากูเลยซะด้วยซ้ำ ตั้งแต่นั้น..กูมักแวะเวียนไปเยี่ยมท่านเป็นประจำ ไปนอนค้างบ้าง
ไปเที่ยวบ้างแล้วแต่วันไหนสะดวก ทุกครั้งกูจะได้รับความรักความอบอุ่นจากท่านเป็นอย่างดี
จนลืมคิดไปด้วยซ้ำว่ากูเป็นลูกบุญธรรม นึกว่าเป็นลูกแท้ ๆ ของท่านทั้งคู่ซะนี่ ก่อนมาเรียนที่นี่
พร้อมไอ้พี่โต๋..พวกผู้ใหญ่จัดงานเลี้ยงส่ง ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือสู่ขวัญให้..ตามประเพณีทางเหนือ
บ้านกูอ่ะนะ...หลายคนพากันแซวพวกกู..ว่าเป็นพิธีแต่งงานระหว่างกู..กับไอ้พี่โต๋ซะมากกว่า
เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เล่นอวยพรยังกะอวยพรคู่บ่าวสาว พ่อแม่บุญธรรมกูยิ่งแล้วใหญ่
อวย..จนกูปั่นหน้าไม่ถูก
“โตกันแล้ว ถึงวัยสมควรออกเรือนหาประสบการณ์ เชื่อฟังพี่เค้า..ห้ามดื้อ..หนักนิดเบาหน่อย
อภัยให้กัน..อย่าถือฐิทิ..ยิ่งไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองไกล ถึงต่างประเทศด้วยแล้ว ต้องรักใครปรองดอง
คิดเสียว่าลิ้นกับฟันมีกระทบกระทั่งกันบ้าง อย่ามัวแต่เอาชนะ..ยอมได้ก็ยอมกันไป หัดเป็นน้ำ
อย่าเป็นไฟนะจ๊ะตะเกียง..” หูเห่อกูคงแดงเถือกไปหมด จะห้ามท่านก็ไม่ได้ เพราะต่อหน้าคน
ไม่น้อย..ต้องปล่อยเลยตามเลยท่ามกลางสายตาล้อเลียน..ของเพื่อนนรกทั้งก๊วน ไหนจะบรรดา
ญาติผู้ใหญ่ที่ร่วมงานอีกคับคั่ง พากันอมยิ้มทั้งงาน หน้ากูแทบระเบิด......นึกแล้วยังอายไม่หาย
แต่ไอ้คนนั่งข้าง ๆ มันกลับหน้าระรื่นมีความสุขได้อีก เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่กูไม่มีวันลืม
พี่ชายที่แสนดี กูคงทำได้แค่มาทำบุญครบรอบวันตาย ..ซึ่งตรงกับวันนี้ และวันสำคัญอีกวันที่เรา
มักจัดเลี้ยงพร้อมกับทำบุญไปด้วย..คือวันเกิดของพี่เค้า ผู้ชายที่รักกูอย่างหมดหัวใจ โดยไม่เรียกร้อง
สิ่งใดตอบแทน..เพียงขอแค่ได้ฟังคำว่ารักคำเดียวจากกู แต่กูไม่ทันได้พูดให้ฟังขณะที่มีลมหายใจอยู่
คงทำได้แค่พูดให้ฟังฝากตามหลังไป..หวังเพียงแค่พี่จะได้ยิน “รัก” พี่เหมือนกันครับ..พี่.......
รักที่กูมีให้ไม่ได้มากได้น้อยไปกว่าใครเลย..พูดได้เต็มปากว่า “ตะเกียงรักพี่ครับ” พี่จะอยู่ในใจเสมอ
ตลอดไป...............
มาถึงวัดกราบนมัสการเจ้าอาวาส นิมนต์ท่านทำพิธีให้ ทำบุญกรวดน้ำ ถวายสังฆทาน
อุทิศส่วนกุศลเสร็จ พวกกูก็นมัสการลาเจ้าอาวาสกลับ ไอ้พี่โต๋..มันชวนไปดูหนังต่อ กูอิดอ๊อด
ขอผลัดไปวันหลัง วันนี้ไม่อยากทำอะไร เข้าใจมันอ่ะน่ะ..คงไม่อยากเห็นกูเศร้า เลยหากิจกรรม
ให้ทำเพลิน ๆ..จะได้ไม่ต้องคิดมาก พอกูปฏิเสธ..มันก็ไม่ยอมท่าเดียว รบเร้ากูสารพัด..หาว่านาน ๆ
จะมีโอกาสไปดูหนังด้วยกัน เท่าที่ผ่านมาต่างคนก็ต่างเรียนหนัก ไหนจะรายงาน..ไหนจะอะไร
สารพัด ทำให้เวลาเราหมดไป..โดยลืมนึกถึงเรื่องพวกนี้ไปเหมือนกัน เห็นความพยายามมันแล้ว
ไม่อยากให้มันเสียความตั้งใจ..เลยตกลงไปก็ไป ไหน ๆ วันนี้ไม่ได้มีโปรแกรมอื่นอยู่แล้วด้วย...
เราสองคนมาถึงโรงหนัง มันเลือกซื้อตั๋ว..หนังรักโรแมนติกคอมมานดี้ ไม่บ่อยนักที่เราจะดูหนัง
ประเภทนี้ มาอยู่ไกล ๆ ก็ดีไปอย่าง..ไม่มีใครสนใจใคร ไม่ว่าจะเดินกอดคอ..จูงมือ
เหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องคอยพะวงว่าใครจะมองยังไง ทำให้มันกล้าที่จะโอบไหล่กู
จูงมือบ้างลูบหัวบ้างจนติดเป็นนิสัย กูก็น่ะ..กลับรู้สึกดีซะอีก..ต่อสิ่งที่มันทำ ทำให้รู้ว่ากูสำคัญ
กับมันมากแค่ไหน เราอยู่กันเกือบห้าปีแล้ว มันยังเต็มร้อยเสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิม
ตลอดเวลาที่นั่งดูหนัง จับมือกูไปกุมไว้ไม่ยอมปล่อย มีหันมาทำตาซึ้งให้กูอีกบางครั้ง
ยิ่งตอนพระเอกนางเอกเขาหวานใส่กัน กูถึงกับใจสั่นหัวใจเต้นแรง..ยังกะสมัยเราออกเดท
ครั้งแรกซะงั้น โอย...ไม่ไหว..ลืมเรื่องเศร้าไปเสียถนัด ก็เพราะตอนนี้มันสุขล้น จนสมองหมุน
เห็นอะไรเป็นสีชมพูไปซะหมด มันดูหล่อได้อีกแฟนใครว่ะ!..น่าภูมิใจโครต ๆ ออกจากโรงหนัง
เราตกลงกันว่าถือโอกาสไปซื้อของใช้เข้าบ้านกันซะเลย ไหน ๆ ก็มาถึงห้างแล้ว กะจะซื้อของสด
ไปทำมื้อเย็นดินเนอร์กันสองคน ให้โรแมนติกสมกับที่ดูหนังรักซะหน่อย ขณะเดินซื้อของกัน
ในซุปเปอร์..ไม่ให้เสียเวลาเลยบอกให้มัน แยกไปซื้อของใช้บางอย่างก่อน ซึ่งมันเห็นด้วย..ก่อนไป
ไม่ลืมหยอดกูอีก..รีบซื้อให้เสร็จ ๆ จะได้มีเวลาอยู่กันสองคนนาน ๆ พอมันแยกไปไม่ทันไร
จังหวะกูกำลังเลือกสับปะรด..ไว้สำหรับทำผัดเปรี้ยวหวาน..ของโปรดของไอ้พี่โต๋มัน หนุ่มอเมริกัน
หน้าตาดีมาก..เดินเข้ามาขอความช่วยเหลือ เรียกว่าหล่อเลยทีเดียว ถึงจะหล่อน้อยกว่า..
ไอ้หล่อขั้นเทพของกูก็ตามเห่อะ อย่างน้อยไอ้หนุ่มอเมริกันตรงหน้าก็เปล่งประกายออร่าวิบวับ
เค้าขอให้กูช่วยเลือกผักกวางตุ้งฮ่องกงให้เค้าหน่อย..บอกกูว่าไม่รู้จัก กูไม่เห็นว่ามันลำบากอะไร
มากนัก..เลยพาไปชี้ให้ดู..ช่วยเลือกให้อีกตะหาก ซึ่งตอนนั้นไม่รู้หรอก..ว่าอะไรมันยังไง
ก็ไม่ได้คิดอะไร..แปลกใจเล็กน้อยที่ไอ้หนุ่มอเมริกัน ตั้งอกตั้งใจฟังกูอธิบายยังกะเรียนชีวะซะงั้น
ที่สำคัญยิ้มให้กูตลอดเวลา พอไอ้หล่อเทพมันกลับมาเจอเท่านั้นแหล่ะ บ่อนแตก..ไม่พูดไม่จา
ไม่ฟังเหตุผล..ลากกูเดินไปเคาเตอร์..เช็คบิลทันที ทั้งที่ซื้อของยังไม่ครบ ขับรถกลับบ้าน..
หน้านิ่งไม่พูดสักคำ เข้าบ้านแล้ว..ถึงค่อยยอมเอ่ยปากออกมา เสียงแข็งได้อีก..ให้รู้ว่าไม่พอใจ
กูซะงั้น....
“คราวหลัง ทำอะไรนึกถึงใจพี่บ้าง..ว่าพี่รู้สึกยังไง” ดูมัน..ถึงแม้กูจะไม่พอใจอยู่ลึก ๆ ก็เห่อะ
ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด หมดอารมย์..จากที่เป็นสีชมพูแม่บ ๆ กลับอึมครึมสีเทาซะงั้น
เพิ่งสุขได้ไม่กี่ชั่วโมง..ไมมันปุบปับงี้ว่ะ!..คนเราเอาแน่ไม่ได้จริง ๆ เลยนิ่งฟังมันเงียบ ๆ อยากพูดไร
พูดมาให้หมด..พูดจนสบายใจมึงแหล่ะ!...จัดมา..กูจะเงียบเป็นผู้ฟังที่ดี เห็นกูไม่โต้ตอบ
มันก็พูดขึ้นอีก
“พี่รู้ว่าทำไม่ถูก ซื้อของยังไม่ทันเสร็จ ก็พาตะเกียงกลับเฉยเลย...” รู้ด้วยเหร่อ?...
“ ( = “ = ) .” กูมองหน้ามันนิ่ง ๆ ไม่พูดโต้ตอบ ดูมันจะพูดอะไรต่อ
“แต่ใครเป็นพี่...เชื่อว่าคงทำแบบเดี๋ยวกันแหล่ะ..”
“ ( = ” = ) .” เอา..เอาเข้าไป..แล้วไงต่อ
“ กะ..ก็...ก็..ก็พี่หึงนี่...ผิดด้วยหรือที่พี่จะหึงแฟนพี่” พูดเสร็จหลบตากู เอียงหน้าหนีอายกูซะงั้น
โอ้ย!...เป็นครั้งแรกที่เห็นมันหลบตากู ปกติมันเคยหลบกูก่อนทีไหน มีแต่กูสู้สายตามันไม่เคยได้ซักที
“ ทำไมต้องหึง...ตะเกียงไม่ได้ทำอะไรสักกะหน่อย” กูยอมเปิดปากพูดกับมันล่ะ เห็นหน้ามันแล้วก็อด
สงสารไม่ได้
“ มีอย่างที่ไหน ยืนคุยกับไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวอยู่ได้..นานสองนาน ปล่อยให้มันมองจนทะลุแล้ว..
จับแก้ผ้าได้..มันคงทำไปแล้วเห่อะ!.” พอปล่อยให้หน่อย...เริ่มขึ้นเสียงสูงล่ะ..
“บ้า!..ใครเขาไม่อุบาทว์อย่างที่พูดหรอก แค่ขอความช่วยเหลือ เค้าจะซื้อผักกวางตุ้งฮ่องกง
แต่ไม่รู้จักหน้าตามันเป็นยังไง แถมไม่รู้ว่าอยู่ล๊อคไหน ตะเกียงก็แค่พาไปดู ช่วยเค้าเท่านั้น
ไม่ได้มีไรสักหน่อย” กูพูดยาวแล้วนะ ถ้ายังไม่เข้าใจก็พอกันที
“ตะเกียงนะพี่เข้าใจ..ทำไปเพราะบริสุทธิ์..แต่ไอ้ตาน้ำข้าวนั่น..พี่ไม่ไว้ใจมัน ไม่เชื่อหรอก..ว่ามัน
ไม่รู้จักกวางตุ้งฮ่องกง ต่อให้ไม่รู้จริงก็เห่อะ..ไมไม่ถามเอากะพนักงานขายเค้าเองล่ะ...ไม่เห็นต้อง
เจาะจงเป็นตะเกียง แล้วตอนอธิบายมันฟังซะที่ไหน จ้องเอาจ้องเอา..กะจะกลืนเข้าไปทั้งตัวแล้ว
ที่พี่พูดเนี๊ยะ...ไม่ใช่ใส่ร้ายมันหรอกน่ะ มองอยู่เห่อะ! ผู้ชาย..มองกันออกอย่าให้พี่พูดเลย..
บุญแค่ไหนแล้วไม่ชกหน้าหงายเข้าให้อ่า..” ฟังมันแล้วไม่ไหวจะเคลียร์ อดถอนหายใจไม่ได้
ยิ่งโตยิ่งขี้หึง ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งหวงกูเว่อร์เกิน
“เฮ้อ!....ให้มันได้อย่างนี้สิ ผัวกู...เอร้ยยยยยยๆๆๆๆ...เปล่าน๊า...ไม่ได้ตั้งใจพูด..” เวร...แต๋วแตกเลย
ที่นี่..เผลอหลุดปากไปไม่ทันระวัง
“ไม่ทันแล้วหล่ะ..ตะเกียง...บังเอิญพี่หูไว..ชัดเต็มสองหูเลย..ชื่นใจที่สุด..อยากได้ยินคำนี้มานานแล้ว.
ทนรอมากว่าห้าปี..ไม่เสียทีที่รอคอย..สุดท้ายก็ได้ยินจนได้..ขอใหม่อีกครั้งได้ไหม..ขอเพราะ ๆ ชัดๆ
เลยนะที่นี้...เอาแบบว่า..สามีที่รัก...ได้ป่าว” บ๊ะ!..เจ้า...ดูมันพูดดิ..กูก็นะ..ขอหลบไปพักหน้า
ก่อนได้ไหม ก่อนที่มันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ กองอยู่ตรงนี้
“บ้า..พูดไปคนเดียวเห่อะ...ใครเค้าจะพูดกัน..ตลกแหล่ะ!.” ก็นะ..แกล้งแถซะ...ดีกว่าไม่มีลูกออก
“ได้..ไม่เป็นไร..เพื่อความยุติธรรม..เรามาผลัดกันพูด..พี่เสียสละพูดก่อนก็ได้...ตั้งใจฟังให้ดีนะ.
‘ตะเกียงเมียรักของโต๋.’ .”
“ แค่ก..แค่ก..แค่กกกๆๆ” กูสำลักน้ำลายหน้าดำหน้าแดง รับไม่ได้โครต ๆ ก็ฟังมันพูดดิ
รับได้ที่ไหน
“โอ๋ะ..โอ๋..ช้าๆ หายใจช้าๆ..ไม่ต้องรีบ..ดูสิสำลักความสุขใหญ่เลย..เห็นไหม..หน้าอายตรงไหน..
..จริงเปล่า?” มือลูบหลังกูไปด้วย ไอ้บร้าาาา..กูไม่ได้อ๊วก..กูสำลักคำพูดเลี่ยนหู..มึงตะกี้ตะหาก...
ใครบอกมึงกาน..ว่ากูสำลักความสุข...ดันเสือกเข้าใจเป็นอื่นซะนี่
“พอ ๆ...พอเลย..ไม่ต้องลูบแล้ว..เลิกทีเห่อะ..คำพูดเลี่ยน ๆ ประหลาดประหลาดอ่ะ..ฟังแล้วจะอ๊วก..
ขืนยังพูดต่อเห็นที่ได้อ๊วกจริงแล้วทีนี้..” กูสกัดดาวรุ่งก่อนที่จะทนไม่ไหว ตลกอ่ะ..รู้สึกไม่ใช่ตัวมัน
ยังไงไม่รู้
“เป็นอาร้ายยยๆๆ..อย่าบอกว่ามีอาการคลื่นไส้ด้วยนะ..พี่จะได้รีบโทรไปปรึกษาแม่..ว่าอาการแบบนี้
หมายความว่ายังไง” แน่ะ!..ยังไปได้อีก..อึ้ยยยยๆๆๆ....
“ไอ้พี่บร้าๆๆๆ....มัวเล่นอยู่นั่นแหล่ะ!..แล้วนี้ตกลงจะทำอะไรกินกัน...ของก็ไม่ได้ซื้อ..อดกันไปเถ่อะ”
รีบเปลี่ยนเรื่อง เอาเรื่องกินมาดึงความสนใจมันก่อน
“เอ่อ!..นั่นสิ..ลืมไปสนิทเลย...เอางี้..เดี๋ยวพี่ขอแก้ตัวไถ่โทษ..ลงมือเป็นพ่อครัวเอง..ตะเกียงนั่งรอ
พี่ตรงนี้..ไม่เกินสิบนาที...รับรองไม่ผิดหวัง...” พูดเสร็จ ไม่รอให้กูถามให้หายสงสัย สะบัดตูด
เดินหายเข้าครัวไปทันที กูเลยต้องนั่งรอตามมันสั่ง ระหว่างรอ..เลยถือโอกาสเอาของบางอย่าง
ที่ซื้อมา..ลุกเอาไปเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับมาเปิดเพลงฟังเบา ๆ ไม่นานเกินรอ มันก็เดินออกมา
“แท๊น..แทน..แท้นนนนนนๆๆๆ...มาแล้วครับ...โต๋โอชา..รับรองจะติดใจ..หากินที่ไหนไม่ได้
อีกแล้วครับท่าน” พรีเซ้นต์เต็มสตรีม พร้อมกับชามมีฝาปิดอีกสองใบ วางโต๊ะกลางตรงหน้ากู
จัดการยื่นช้อนกับตะเกี๊ยบมาให้เสร็จสรรพ กูไม่ขัดศรัทธาถือโอกาสเปิดฝาชามออกดูทันที
อุ๊แม่เจ้า!....สุดยอดเกินคำบรรยาย..สมคำอวดโอ้สุด ๆ
.
.
มา
.
.
ม่า
.
.
.
ต้ม
.
.
.
“มาม่า..ต้ม..เนี๊ยะน่ะ” กูถามมันไป ใช่ครับ..เข้าใจถูกต้องแล้ว มันต้มมาม่าใส่ชามมาให้
อ๋อ!..มีออฟชั่นใส่ไข่ด้วยอีกฟอง ท่าทางภูมิใจนำเสนอสุด ๆ หน้าระรื่นได้อีก..กระพริบตาวิบวิบ
ยักหน้างึกงึก..หมดหนทางเยี่ยวยา คงก้มหน้าก้มตารับกรรมกินไป..เพราะไม่ไหวแล้ว..
ไอ้ตะเกียงหิวสุด ๆ ตั้งกะบ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย มาม่าก็ยังดี...ล่มสลายความฝันดินเนอร์
มื้อค่ำ..อันแสนโรแมนติกของกู กลับเป็นมาม่าใส่ไข่ ยังดีหน่อยที่มีให้กิน.....เฮ่อ!.....กรรม????
จบตอนพิเศษ หรือเปล่วหว่า..เสียใจไม่มี NC ไว้ตามอ่านตอนปกติเอานะค๊า จัดให้ตามสัญญา
ยาวได้อีก พอใจไหมค่ะ?
Luk.