Part 41
ความลับบางส่วน.
.
.
.
กูยืนนิ่งไม่กล้าขยับ ไม่กล้าเอ่ยปาก ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรทั้งนั้น ยอมรับกำลังสับสน..งง
อะไรกัน?..แค่ปากแตกแค่เนี๊ยะ..มึงถึงกะร้องไห้ ใช่มันจริง ๆ เหรอ ใช่ไอ้พี่โต๋ที่โครตเก็ก
มาดนิ่ง..หยิ่งจองหอง..เอาแต่ใจ..บ้าอำนาจ..ชอบออกคำสั่ง ใช้คนที่กูพูดถึงอยู่หรือ
ทำไมดูไม่ใช่มันคนเดิมเลยว่ะ?
“อืม..พี่ขอตัวล้างหน้าแป๊ป...เดี๋ยวเราคุยกัน...หวังว่า..คงยอมคุยกะพี่ดีดีนะ” พูดเสร็จมันผละจาก
ไหล่กู..เดินเข้าห้องน้ำทันที กูไม่กล้าหันไปมองหน้ามัน พอมันเดินหายเข้าประตู กูเลยนั่งลง
ขอบเตียงมือกุมหัว หาคำตอบที่มึนตึบ นี่มันอะไรกัน????.....
สักพักมันเดินออกมา หน้าตาดูดีขึ้นหน่อย รอยช้ำมุมปากไม่มากเท่าไหร่ จมูกแดง ๆ คือหลักฐาน
ยืนยันได้ว่ามันร้องไห้ตะกี้หยกๆ มันเดินมานั่งขัดสมาธิตรงพื้นหน้ากู พร้อมกับจ้องกูนิ่งๆ สายตามันดู
เศร้าได้อีก..จนกูรู้สึกแย่ล่ะ..ไม่คิดว่าจะอาการหนัก ใครจะรู้มึงเซนซิทีฟขนาดนี้ นึกว่ากูบ้าคนเดียว
กลายเป็นว่ามึงหนักกว่าอีก
“เอาหล่ะ!...มีอะไรจะถามพี่ไหม” อยู่ ๆ มันก็เปิดประเด็นขึ้น หลังจากเราต่างจ้องกันเงียบ ๆ
นานสองนาน
“เป็นอะไร?” เอ่อว่ะ!..ยืมคำพูดมันซะแร้ว เสือกถามคำถามเดียวที่มันถามซะงั้นกู
“หือ...เอาตอนไหน...ก่อนหรือหลังโดนต่อย?” แน่ะมีบีฟลอ แอนด์อาฟเตอร์ซะงั้น
“ทั้งหมดนั่นแหล่ะ!...พูดมาให้หมด” ไม่เสียเวลายืดเยื้อนี่ปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่งแหล่ะยังไปไม่ถึงไหน
“ถ้าก่อนหน้านี่..มีเรื่องคิดเยอะ..เลยเครียด...แต่ถ้าหลังต่อย..เสียใจ..กลัวตะเกียงหนีพี่ไป..ไม่ยอม
คุยกับพี่อีก...แค่คิดพี่ก็ใจหายแล้ว...สายตาที่ตะเกียงมองพี่มันว่างเปล่า..ตั้งกะเปิดประตูห้องน้ำ
ออกมาแล้ว...พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...พี่ไม่ชอบสายตาแบบนั้น...ดูไม่เหมือนตะเกียงคนเดิม
ที่พี่รู้จัก...ยิ่งตอนโดนต่อย...ไม่คิดว่าตะเกียงจะทำพี่ถึงเลือด..นี่เป็นครั้งแรกที่รุนแรงกับพี่...มีบ้าง
ที่ผ่านมา..แต่ก็ไม่รู้สึกจริงจังถึงขนาดได้เลือดแบบครั้งนี้...และตอนลุกหนีหันหลังให้พี่ด้วยแล้ว...
หัวใจพี่เหมือนหลุดหาย...ยังอยากจะฟังสิ่งที่คุยกันเมื่อวานอีกไหม? ถึงผ่านมาแค่วันเดียว
แต่ถ้ามันพิสูจน์ความรู้สึก..กำลังสูญเสียแล้ว..พี่เหมือนอยู่ไม่ได้ มันคือรักแล้วล่ะก็..พี่ไม่ต้องการ
เวลาพิสูจน์อีกแล้ว อยากบอกตะเกียงว่า... ‘พี่..รัก..ตะเกียง’ .” ฉึก.ฉึก..ตึกๆๆๆๆๆ....ถ้านี่คือเสียง
หัวใจกูแล้วล่ะก็ อยากบอกว่ามันกำลังจะทะลุออกนอกอกหรือเปล่า ตื่นเต้น..จนล้นอก...มันเป็น
อาการแบบนี้ใช่ไหม...เหมือนกำลังฝัน มันบอกรักกู ทั้งที่เมื่อวานมันเพิ่งบอกอยู่หยก ๆ ไม่รู้ว่า
รักกูหรือเปล่า เพียงวันเดียวมันจะรักกูได้เลยหรือ ตกลงต้องเชื่อมันไหม? แต่แววตามันไม่
เหมือนคนโกหก ยังไงก็ช่างกูคาใจเรื่องพี่อังอยู่ มัน..รัก...กู..แล้วทำไมมันคุยเอ็มกับพี่อังอีกหล่ะ?
“พี่บอกว่ารักตะเกียง...แต่ทำไมยังคุยเอ็มกับพี่อังอีก..มีความลับอะไรถึงต้องคุยกัน...ไม่สนกระทั่ง
ว่าตะเกียงจะอยู่ในห้องนี้หรือไม่ด้วยซ้ำ” เปิดโอกาสให้มันอธิบายดูดิ
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นความลับ ถ้าเป็นความลับพี่คงไม่คุยให้เห็นจริงไหม ตะเกียงมาพี่ก็ต้องปิด
ไม่ให้รู้สิ..แต่พี่คุยปกติแสดงว่าไม่มีอะไรปิดบัง...ตะเกียงตะหากสงสัยอะไรทำไมไม่ถาม
บางเรื่องพี่ไม่รู้นี่..ว่าตะเกียงอยากรู้ ทีหลังสงสัยหรือไม่แน่ใจอะไรถามพี่ตรง ๆ ระหว่างเรา
ไม่ควรมีความคลางแคลงใจกัน เพราะสถานการณ์ตอนนี้...ต้องไว้ใจกันและกันให้มากที่สุด
กระทั่งตายแทนกันได้ด้วยซ้ำ เหมือนพ่อพี่กับพ่อของตะเกียงที่ผ่านเรื่องร้าย ๆ เป็นเพื่อนตายกัน
มาถึงตอนนี้ไง พี่มั่นใจว่าพี่รักตะเกียง ระหว่างเราความเป็นมาซับซ้อนผูกพันธ์กันเกินกว่าที่ตะเกียง
เข้าใจ..พี่เพิ่งรู้ความจริงบางอย่างจากพ่อเมื่อเย็นนี้ ท่านกำชับ..ยังไม่ให้บอกตะเกียง..รอซักพักท่าน
กับพ่อเกริกจะเป็นคนพูดเอง พี่รับปากท่านไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ขอพับไว้ก่อน ถึงเวลาตะเกียง
คงได้รู้ ส่วนอังที่พี่คุยด้วย เพราะต้องการยุติความสัมพันธ์ ก่อนคบกันพี่คุยกันก่อนแล้วว่า..
ไม่มีการผูกมัดใดใดทั้งสิ้น ถึงเวลาจากกันด้วยดีต่างคนต่างไป ระหว่างที่คบ..ต่างให้อิสระต่อกัน
เต็มที่ พี่หรืออังจะมีใครต้องไม่ก่ายก่ายกัน ตอนคุยพี่ได้บอกอังไปแล้ว..ต่อไปนี้ไม่ควรติดต่อกับพี่อีก
เพราะพี่มีตัวจริงของพี่แล้ว อังเค้าถามพี่ว่าใช่ริต้าหรือเปล่า พี่ตอบว่าไม่ใช่ อังอยากรู้ว่าเป็นใคร
เพราะอังไม่เชื่อที่พี่พูด อังติดใจว่า..พอริต้ามาพี่ก็บอกเลิก ทำให้อังเข้าใจว่าเป็นริต้า พี่ขี้เกียจ
อธิบายเลยบอกว่าแล้วแต่จะคิด พี่คงไม่ติดต่อแบบเดิมอีกแล้ว ทักทายกันได้เฉพาะที่โรงเรียน
ในฐานะคนรู้จักเท่านั้น เท่าที่ฟังดูเขาก็โอเคนะ แต่จะเป็นไงต่อไป..จะยอมจริงหรือเปล่าต้องรอดู
พี่ได้พูดไปแล้ว ถ้ายังขืนวุ่นวายอีกพี่ก็ไม่ทนเหมือนกัน อังรู้ว่าพี่นิสัยยังไง คำไหนคำนั้น เรื่องนี้
ตะเกียงหายห่วงได้” เท่าที่ฟังมา...สรุป..กูบ้าของกูไปเองว่างั้น แล้วที่มึงเมินกูล่ะ...มีเหตุผลอะไร
อย่าบอกว่าไม่ได้ทำ
“แล้วพี่โกรธอะไรตะเกียง ถึงไม่ยอมพูดไม่ยอมคุยด้วย ตั้งกะตอนกินข้าวแล้ว” เอาพูดมาดิ
“พี่ไม่ได้โกรธตะเกียงสักหน่อย พี่มีเรื่องให้คิดและเครียด ๆ อยู่กับเรื่องที่รู้มา ทำให้ติดอยู่ในหัว
ไม่นึกว่ามันจะทำให้ตะเกียงคิดมาก” ตกลงกูคิดไปเองอีกงั้น
“บอกได้ไหม หรือเรื่องนี้ก็เป็นความลับ”
“อืมนะ..เรื่องนี้คงบอกได้ ไม่เกี่ยวกับตะเกียงโดยตรง แต่ก็เกี่ยวอยู่บ้างแหล่ะ..เอาเป็นว่า ตะเกียงจำ
เหตุการณ์ที่ไอ้เทคมันตวาดในโรงอาหารได้ไหม?”
“จำได้ดิ..ทำไมจะจำไม่ได้...เล่นเอาคนทั้งโรงอาหารเงียบกริบ..ยังกะป่าช้าขนาดนั้น พวกพี่อังกับริต้า
ยังหยุดตีกันทันทีเลย ทำไมมีอะไรไม่ธรรมดาใช่ไหม?”
“ตะเกียงเข้าใจถูกแล้ว...เพราะพลังเสียงที่ใช้ตวาด...มันคือการบังคับพลัง ‘สิงห์โตคำราม’ เป็นวิชา
ตระกูลพี่ ที่นี่เข้าใจหรือยังว่าทำไมพี่ถึงเครียด”
“พี่แน่ใจนะ..ว่าเป็นพลังสิงห์โตคำรามจริง..มันอาจจะไม่ใช่หรือคล้ายกันก็ได้ พอเคยฟังพ่อเล่ามาบ้าง
แต่ไม่เคยเจอจึงไม่รู้ว่ามันใช่หรือเปล่า” กูลองให้มันทบทวนให้แน่ใจอีกที ถึงจะเชื่อมันเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
เข้าไปแล้วก็เห่อะ พอรู้แหล่ะว่ามันไม่ธรรมดาที่ไอ้พี่เทคตวาดนะ
“เป็นพลังสิงห์โตคำรามแน่นอนชัวร์ พี่เอาหัวเป็นประกัน แม้พลังที่ใช้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยก็เถ่อะ
แต่ก็ถือว่าเข้าขั้นใช้ได้ ฝึกได้หกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์” มันยืนยันหนักแน่น
“อะไรทำให้พี่มั่นใจขนาดนั้น” กูยังต้องการย้ำเพื่อให้มันแสดงหลักฐานอ้างอิงให้น่าเชื่อขึ้นล่ะ
“เพราะพี่ฝึกสำเร็จแล้วนะสิ ถึงได้กล้าพูด วิชานี้คนที่สามารถใช้ขั้นสูงมีพี่คนเดียว แต่ตอนนี้ชัก
ไม่แน่ใจแล้ว พ่อพี่เอง..เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บ..จากการต่อสู้ทำให้ท่านฝึกไม่สำเร็จ สามารถใช้ได้
แค่สี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น พี่เต้ฝึกได้แค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์..ไม่สามารถขยับสูงกว่านี้ได้อีกแล้ว
เพราะใช่ว่าจะฝึกสำเร็จกันทุกคน คงเหมือนกับวรเวทย์อัคนีของตะเกียงนั่นแหล่ะ ใช่ว่าใครก็ฝึก
ขั้นสูงได้จริงไหม” กูจนคำถาม ถ้ามันบอกสำเร็จขั้นเทพแล้วก็..คงไม่ต้องพูด แต่ก็น่าแปลกไอ้พี่เทค
มันไปฝึกมาจากไหน ทำไมถึงเรียนวิชานี้ได้ ไหนบอกเป็นวิชาเฉพาะของตระกูลไอ้พี่โต๋ไง
“แล้วไอ้พี่เทค มันไปเรียนมาจากใคร พี่บอกเองว่าวิชานี้เป็นวิชาเฉพาะของตระกูลไม่ใช่นิ”
“นี่แหล่ะ..คือปัญหาทำให้พี่คิดไม่ตก ถึงได้เครียดไง พี่เล่าให้พ่อฟังแล้ว พ่อบอกว่าคงต้องสืบดูอีกที
เป็นไปได้ไอ้พี่เทคอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับลุงสาง พี่ชายพ่อพี่..เข้าใจว่าน่าจะตายตั้งกะตอนต่อสู้บน
เทือกเขาผีปันน้ำสิบแปดปีก่อน พ่อพี่เกือบเอาชีวิตไม่รอดถ้าไม่ได้พ่อของตะเกียงช่วยไว้ ว่ากันว่าลุงพี่
ทรยศผู้มีพระคุณไปอยู่ฝ่ายปรปักษ์ โดยหักหลังพ่อพี่..เหตุการณ์ตอนนั้นพี่รู้เพียงคร่าว ๆ จะเป็นอย่าง
ที่พ่อพี่สันนิฐานหรือเปล่า ถ้าใช่แล้วล่ะก็..เรื่องคงไม่ง่ายอย่างที่เราคิด หากลุงพี่ยังมีชีวิตอยู่ปัญหา
ใหญ่รอเราอยู่แน่ ๆ เข้าใจพี่แล้วใช่ไหม.”
“อืม..” กูพยักหน้า
“อืม..แค่เนี๊ยะ..ไม่ขอโทษพี่ซักคำ..ซัดพี่จนได้เลือด...จะไม่ชดเชยให้พี่เลยเหร่อ?” ดูมันได้คืบเอาศอก
ทำตาละห้อยใส่กูอีก
“ตะเกียงขอโทษ” ขอโทษก็ได้..กูผิดก็ต้องยอมรับ ทำเกินกว่าเหตุไปจริง ๆ
“ไม่ทันแล้วตอนนี้...คำขอโทษเพียงคำเดียว..แลกกับการที่พี่ต้องเจ็บตัว เสียน้ำตา...ตะเกียงรู้ไม่..
น้ำตาราชสีห์..ไม่ได้หยดออกมาง่าย ๆ...ฉะนั้น..มันต้องคุ้มค่ากันหน่อยกับสิ่งที่พี่ได้รับ” เวรรร..เห่อะ...
น้ำตาเป็นเพชรไง...ถึงต้องมีมูลค่า
“น้ำตาพี่ตีราคาได้ด้วย...แพงป่ะ...แล้วให้ทำไง..ถึงจะหายกัน” หงุดหงิดมันแล่ะ..เรียกร้องเยอะป่าว
อย่าบอกให้กูสอยดาวกะเดือนมาปลอบใจมึงล่ะ
“รับปากก่อนว่า..จะทำตาม” แน่ะ!..มีเยอะ..เยอะได้อีก ตัดลำคาญก่อนเสียเวลาไปกว่านี้...
ไม่ได้นอนกันพอดี
“เอาว่ามา...ยกเว้นดาวกะเดือนอย่าบอกนะว่าจะเอา..เอาโมเดลไปแทนแล้วกัน..ซื้อให้ก็ได้” ดักคอ
มันไปก่อน เดี๋ยวขอของยาก ๆ กูคงหาให้มึงได้หรอก
“ดาวกะเดือนพี่ไม่เอา...มันไม่อุ่น...เอาตะเกียงแทน..ตกลงน่ะ” แว๊กกกๆๆๆๆ...อะไรน่ะ..ไอ้บร้าาาา...
นึกว่ามันอยากได้เป็นของ กูงอนทุกทีใครเขาก็ซื้อของปลอบให้ทั้งนั้น ต้องการตะเกียงเหร่อ....
เนียนกะมันดีกว่ากู...เหลี่ยมจัดนักนะมึง
“ได้...พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วไปซื้อกัน เลือกเอาตามใจชอบ..ตามสบาย อยากได้ตะเกียงแบบไหน..
เดี๋ยวจ่ายตังค์เอง” เป็นไง สมองอัจฉะริยะ ไม่จนมุมมึงหรอก หุหุหุหุ............
“ตะเกียงของพี่...ซื้อด้วยเงินไม่ได้หรอก...ต้องซื้อด้วยใจ...และใครก็จ่ายแทนไม่ได้ด้วย..ต้องเป็น
พี่คนเดียวเท่านั้น..ที่มีสิทธิ์ใช้ใจซื้อ” อ่า...บ๊ะ!....องศาเดือดหน้าระเบิด...โครตน้ำเน่า...แต่กู
กลับช็อบบบบๆๆๆๆ...
“ปิดไฟนอนนะ?” เสียงทุ้มนุ่มหวานได้อีกมึง
“ (^ z ^)..อือ...”
“รางวัลปลอบใจ..ให้พี่กอดน๊าาาา?” อ้อนสุดๆ อ้อนจนกูจะละลายแร้วๆๆ...
“(^ z ^)..อือ..”
“รักนะ..” โอ้ย!....ไม่ไหวเขิลลลลลลๆๆๆๆ..โว้ยยยยย!.....
“(^ z ^)..อือ...”
“พรึ่บ” ไฟดับ..มืดสนิท..แต่...ไฟตะเกียงสว่างขึ้นแทน...น้ำมันเติมตะเกียงตรา
“สิงห์โต๋” กำลังจะเติมไฟตะเกียงให้สว่างไสว..ไปกับค่ำคืนแสนยาวนานนนนๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...........สรุป....
ตกลงกูจะได้นอนป่าวเนี๊ยะ?...กรรม.....
นั่นดิ...ทายดิตะเกียงจะได้นอนป่าว...รักแฟนคลับตะเกียงทุกท่านเช่นกัน
Luk.