(เรื่องสั้น)นายมีฉัน..ฉันมีนาย จบบริบูรณ์.(P.2)รบกวนย้ายไปห้องจบได้เลย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น)นายมีฉัน..ฉันมีนาย จบบริบูรณ์.(P.2)รบกวนย้ายไปห้องจบได้เลย  (อ่าน 113972 ครั้ง)

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29

ออฟไลน์ autumm_99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
รอนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  แง้ๆๆๆ

รอรอรอรอรอ :z3: :z3:

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ต่อค่ะ


                   ภายในที่กำลังว้าวุ่นสับสน เรื่องราวที่คอยคิดหมกมุ่นอยู่หลายวันก็หายไปในพริบตา ความสนใจทั้งมวลของหนึ่ง ถูกคนที่ยืนอยู่ข้างๆดึงดูดไปหมดเสียแล้ว  อยากจะถามเหลือเกิน  ว่าทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ อยากถามเหลือเกินว่าตลอดเวลาที่ผ่านมายังคิดถึงกันอยู่ไหม  อยากถามเหลือเกิน...ว่าวันเวลาที่ไม่มีเขาอยู่ข้างกายคอยดูแลห่วงใย คอยปกป้องมากเท่าที่สามารถทำได้นั้น คนที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นอย่างไรบ้าง อยากถามคนๆนี้ว่าไปโดนอะไรมา ใบหน้าและเนื้อตัวที่เขาแสนจะหวงหนักหนาถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ คำถามมากมายผุดขึ้นในจิตใจของหนึ่ง  อยากถามว่าจะยกโทษให้เขาได้ไหม ยกโทษที่หายหน้าไป ยกโทษต่อการที่ทรยศความรักที่คนน่ารักคนนี้มีให้เสมอ ยกโทษที่เขาเลือกที่จะทำให้คนๆนี้เจ็บปวด  คนที่เขาให้ความสำคัญ  คนที่มีความหมายต่อตัวเขามากที่สุดตอนนี้  รู้ทั้งรู้ว่าคนๆนี้รักเขามากเพียงใด  แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยคนน่ารักคนนี้ไป  เขาเลือกทางนั้น  ทางที่แสดงถึงว่าอ่อนแอของเขา  ความอ่อนแอที่ไม่น่าให้อภัย
                  ต่อให้อยากพูดอยากถามมากแค่ไหน แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ตนเองหลงใหล ใบหน้าที่เคยสดใสสะอาดตา ตอนนี้กลับซีดเซียว ซ้ำยังเต็มไปด้วยลอยถลอก  เจ็บปวดที่เห็นสภาพแบบนั้น  เจ็บปวดที่เห็นคนที่ตนเองรักมีบาดแผลถลอกปอกเปิกเต็มเนื้อเต็มตัว  เจ็บปวดที่เห็นดวงตาคู่สวยมีรอยช้ำจนถึงนัยน์ตา  เจ็บปวดที่เห็นหน้าผากขาวๆสะอาดที่เขาชอบสัมผัสตอนนี้กลับบวมปูดนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  เพียงแค่เห็นร่องรอยบาดแผลตามที่ต่างๆของร่างเล็ก  หนึ่งก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด  เขารู้สึกเหมือนใครบางคนกำลังใช้มือที่แข็งแกร่งดั่งคีมเหล็กบีบหัวใจของเขาอย่างแรง  เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะแตกสลาย 
                        หนึ่งขมวดคิ้วยุ่ง  ใบหน้าเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน  น้ำร้อนๆนัยน์ตากำลังเอ่อขึ้น  เขารู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอัดอยู่ในอก  ตัวเขาเองเจ็บปวดเหลือแสน  เจ็บทรมานเพราะเดินไม่ได้  เจ็บเพราะไม่อยากให้คนที่รักต้องมาเห็นสภาพแบบนี้  เขาเลือกที่จะหลบหนี  แต่คนๆนี้  ตอนนี้ก็มีสภาพไม่ต่างจากเขา  บาดแผลหลายแห่ง ใบหน้าซูบเซียว ริมฝีปากสีสวยที่เคยเห็น  ไม่ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มชวนสัมผัสเหมือนเมื่อครั้งที่เคยชิดใกล้  เมื่อเห็นสภาพแบบนี้ของคนตัวเล็ก  หนึ่งก็ยิ่งแน่ใจว่าเขากำลังทำให้คนที่รักเจ็บปวดไม่แพ้กัน  เจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกาย   แต่...คนๆนี้ก็ยังเลือกที่จะมาหา เลือกที่จะเข้มแข็ง คนๆนี้ไม่ยอมละทิ้งเขา
                       และคำถามแรกก็ถูกเอ่ยขึ้นจากริมฝีกปากเรียวที่กำลังเม้มสนิทของคนตัวสูง  ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปไล้เบาๆตรงเปลือกตาของคนที่ตนเองรักสุดดวงใจ
                     
                       “เจ็บมากมั้ยครับ?”
                       
                       น้ำร้อนๆซึ่งเอ่อคลออยู่ที่ดวงตาคมของหนึ่งค่อยๆไหลออกมา
                     
                       คนตัวเล็กกระพริบตาข้างนั้น  แล้วก็ต้องผงะหนีเล็กน้อย  เพียงแค่เห็นอาการแบบนั้น  หนึ่งก็พอรู้ได้ทันทีว่า ความเจ็บปวดยังไม่ได้ทุเลาลงเลยสักนิด   เขารีบชักมือกลับมาวางที่เดิม  ด้วยรู้สึกว่าเขาไม่น่าทำแบบนั้นเลย  เพราะแค่เห็นก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กคงเจ็บอยู่ไม่น้อย  หนึ่งก้มหน้าขมวดคิ้วแน่น
                       และตอนนั้นเอง  เขาก็รู้สึกถึงฝ่ามือเย็นๆของคนข้างๆที่ทาบลงบนใบหน้าของเคร่งเครียดของเขา  ฝ่ามือคู่นั้นค่อยๆประคองใบหน้าของหนึ่งให้หันไปเผชิญกับใบหน้ามนที่มีน้ำตาคลอหน่วย  หนึ่งรู้สึกถึงนิ้วโป้งเล็กๆที่คลึงเบาๆลงบนระหว่างคิ้วของเขา
                   
                      “อย่าย่นคิ้วแบบนี้สิฮะ...เดี๋ยวแก่เร็วนะ...อึก..ฮึก”
                 
                      คนตัวเล็กพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างสุดความสามารถ ก่อนที่จะเอ่ยถามคนตัวโตด้วยความห่วงใยที่ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย
                 
                      “แล้วพี่หนึ่งล่ะฮะ...เจ็บมากมั้ย...ฮึก..อึก”
             
                      ตอนนี้สองหมดความอดกลั้นเสียแล้ว...ความตั้งใจที่จะเข้มแข็งไม่ให้หนึ่งเห็นท่าทางอ่อนแอของตนเองได้สิ้นสุดลง  ทั้งที่ตอนนี้คนตัวสูงเป็นแบบนี้แท้ๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนป่วยต้องการกำลังใจแค่ไหน  สองอยากเป็นหลักให้คนที่กำลังอ่อนแอคนนี้ได้พึ่งพิง  อยากแสดงความเข้มแข็งให้คนตัวสูงได้เห็นเพื่อที่จะได้มีกำลังใจสู้ต่อโดนมีสองคอยช่วยเหลือ  สองไม่อยากเป็นเด็กขี้แยเอาแต่ร้องไห้เหมือนคนที่อ่อนแอ  แต่พอได้เห็นใบหน้าคมสันของคนที่แก่กว่า  คนที่คอยให้ความอบอุ่นและดูแลกันมาตลอด  ความโหยหาและความว้าเหว่ที่ได้สัมผัสเมื่อตอนไม่มีคนๆนี้อยู่ใกล้   มันก็ประดังประเดเข้ามาราวกับพายุที่หมุนวนอยู่ในจิตใจของคนตัวเล็ก  ไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว  ไม่อยากเจ็บปวดแบบนั้น  มันทรมานเหลือเกิน  การที่ต้องเจ็บปวดแบบนั้นมันเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน  และตอนนี้คนๆนั้นก็อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก  สองจะไม่ยอมให้เขาหนีไปอีกแล้ว  เพราะสองรู้ว่าตัวเองรักคนๆนี้มากแค่ไหน  รักมากเหลือเกิน
               
                      “สอง...คิดถึงพี่..อึก..อย่า..อย่าทิ้งสอง....ฮึกก...ไปอีกนะ..อึก”
               
                      เพียงแค่ได้ยินประโยคนั้น หนึ่งก็แทบอยากจะคว้าเอวผอมๆของคนตัวเล็กขี้แยมากอดไว้  หนึ่งเห็นสองเอามือเช็ดน้ำมูกน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อน  แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล   เขาเองก็มองคนตัวเล็กด้วยน้ำตาเอ่อคลอ  ทั้งรักทั้งเวทนา  ทั้งห่วงทั้งคิดถึง  และตอนนี้เอง  ภายในใจของเขาก็กระจ่างขึ้น  ถึงแม้มันจะมีความขมุกขมัวดำมืดอยู่บ้าง  แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้ว  มันไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว  เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง  เขามีคนที่พร้อมจะเจ็บด้วยกัน  คนที่เห็นเขาเจ็บก็เจ็บยิ่งกว่า  คนที่เห็นเขามีความสุข คนๆนั้นก็จะยิ้มพร้อมกับเขา   สุขที่ได้เห็นหนึ่งมีความสุข  เจ็บเพราะเห็นหนึ่งเจ็บปวด  เหมือนกับตอนนี้  หนึ่งกำลังทรมานเพราะเห็นสองเจ็บปวด  ซึ่งสองเองก็คงเจ็บปวดและทรมานเหมือนกัน  ต่างเจ็บต่างทรมาน ยิ่งห่างก็ยิ่งทรมาน  แล้วแบบนี้คงไม่มีใครลืมใครได้  ยิ่งจะให้ละทิ้งหนีหายจากกันไปก็คงจะเป็นไปไม่ได้
                 “พี่.....ขอโทษ...สองยกโทษให้พี่นะครับ”
                 หนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ ดวงตาคมของเขากำลังจับจ้องคนที่กำลังปาดน้ำหูน้ำตาของตัวเอง  หนึ่งค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือผอมบางนั้นไว้  ก่อนที่จะเอามืออีกข้างช่วยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าซีดขาวให้อย่างระมัดระวัง
                 “ได้ยินมั้ยครับ...พี่ขอโทษนะ...พี่จะไม่ทิ้งสองอีกแล้ว..”
                 “สะ...สัญญานะฮะ  อึก....สัญญานะ..ว่าจะไม่ทิ้งสองอีก  ฮึก..”
                 “ครับ...สัญญาด้วยชีวิตเลย”
                 ตอนนี้ดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของหนึ่ง มองคนน่ารักด้วยสายตาที่มั่นคง  มันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของเขา  หนึ่งอยากให้คนตัวเล็กรู้ว่า  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะไม่มีวันทิ้งสองอีกเป็นอันขาด  เขาจะไม่อ่อนแออีกแล้ว จะไม่หนีไปไหน  ตราบใดที่ยังมีคนๆนี้อยู่เคียงข้าง  ตราบใดที่ยังมีสอง...หนึ่งจะอยู่ตรงนั้น...  ไม่ว่าอะไรจะเกิด  หนึ่งจะเผชิญมันไปพร้อมกับสอง  เขาจะเป็นคนฝ่าฟัน โดยมีคนตัวเล็กอยู่ข้างหลังคอยเป็นกำลังใจให้  เป็นแรงผลักดันส่งเสริม  และเขาจะคอยปกป้อง  เพียงแต่นั้นก็พอแล้ว   เมื่อคิดได้แบบนี้..หนึ่งก็สูดหายใจเข้าลึกๆ   ก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมาอีกครั้งอย่างโล่งอก ตอนนี้เขาหาทางออกได้แล้ว  ทางออกนั้นคือ..  การต่อสู้นั่นเอง  สู้เพื่อตัวเขาและคนที่เขารัก  พอคิดถึงตรงนี้  หนึ่งก็นึกขึ้นได้ว่า แม่และพี่สาวที่คอยดูแลตัวเขาอยู่ตลอดก็คงทุกข์และไม่สบายใจมากเช่นกัน  ที่เห็นเขาท้อแท้  แต่ตอนนั้นเขาสิ้นหวังจริงๆ เพราะโอกาสที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้งนั้นมันน้อยจนแทบไม่มีเหลือให้หวัง   ทั้งยังทุกข์ใจสาหัส  กลัวเหลือเกิน  กลัวว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตอนนี้จะรับไม่ได้ และรังเกียจเขา  หนึ่งจึงเลือกที่จะหายไป   เพราะถ้ามันเจ็บปวดที่ต้องรับรู้เรื่องแบบนั้นสู้ไม่รู้เสียเลยดีกว่า  แต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่า  คนตัวเล็กที่เขาหวาดระแวงกลับเป็นคนเดินมาหาเขาเสียเอง ซ้ำยังงอแงร้องไห้เพราะเขาหนีหาย  และไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเขาแม้แต่น้อย  คนตัวเล็กขาดเขาไม่ได้  หนึ่งเองก็เช่นกัน  หนึ่งขาดสองไม่ได้  และตอนนี้หนึ่งจะสู้  หนึ่งไม่อยากเห็นสองเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว
                 “สัญญาแล้วนะ...ไม่คืนคำนะ..อึก”  สองมองคนตัวสูงที่นอนอยู่บนเตียง ถามด้วยสายตาที่หวาดระแรง
                 “ครับ...สัญญา...พี่รักสองมากนะ..พี่จะไม่ทิ้งสองอีกแล้ว  พี่ไม่อยากเห็นสองร้องไห้เสียใจ  ต่อจากนี้ไปเราจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ”
                 “อึก...ฮะ...สองก็รักพี่หนึ่งฮะ...สองจะอยู่กับพี่...สองจะช่วยพี่หนึ่ง...สองอยากเห็นพี่หนึ่งเดินได้เหมือนเดิม   พี่หนึ่งให้สองช่วยนะ”
                 “ครับ....  สองเชื่อพี่นะ  พี่จะพยายาม  พี่ต้องเดินได้...”
                 “ฮะ..อึก..พี่หนึ่งต้องเดินได้แน่ฮะ  เราจะเดินไปด้วยกันนะ”
                 “ครับ..คนดี..เลิกร้องไห้นะ”
                 “ฮะ..อึก..ฮึก..”  คนตัวเล็กรีบเอาหลังมือปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
                 หนึ่งเอื้อมมือไปดึงกระดาษทิชชู่ในกล่อง  ก่อนที่จะเอามาซับลงบนแก้มซูบผอมที่เปรอะเปื้อนหยาดน้ำตา  คนตัวเล็กเลยรับกระดาษทิชชู่ผืนนั้นมาเช็ดเสียเอง    แล้วหยิบขึ้นมาอีกหลายแผ่นเพื่อสั่งน้ำมูก
             
                  “ฟืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
               
                 หนึ่งมองคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดูพร้อมกับยิ้มน้อยๆ  ตอนนี้ในหัวใจของเขาเหมือนถูกเติมเต็มด้วยน้ำที่ใสสะอาดและเย็นชุ่มฉ่ำ  เขารู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด...

ออฟไลน์ autumm_99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ดีใจจังเลย

ไรท์เตอร์มาต่อแล้วววววววววววววววววววววววววว

 :z1: :z1: :z1: :z1:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

tawan

  • บุคคลทั่วไป
นึกว่าไรด์เตอร์ลืมเสียแล้ว :pig4:

 :call:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ตอนที่10

                   "ไม่ได้นะนุช....นี่คิดแบบนี้ได้ยังไง...แม่ไม่ยอมเด็ดขาด!!"
                  
                   เสียงของหญิงสูงวัยดังเกรี้ยวกราดขึ้นทันที เมื่อเธอได้รับรู้ถึงความคิดเห็นของลูกสาวคนกลาง
                  
                   "คุณแม่คะ...คุณแม่ใจเย็นๆนะคะ  คุณแม่ก็เห็นนี่คะว่าหนึ่งพักฟื้นมาตั้งหลายสัปดาห์แล้วนะคะ นี่ก็น่าจะเกือบเดือนแล้วด้วย  คุณหมอเจ้าของไข้ตาหนึ่งก็เรียนคุณแม่แล้วนี่คะ ว่าน้องควรเข้ารับการบำบัดได้แล้ว  ทั้งหนูทั้งคุณแม่หว่านล้อมยังไง หนึ่งก็เอาแต่ผลัดไปเรื่อย จนมันเลยเถิดมาตั้งนานแล้วนะคะ  คุณแม่ไม่อยากให้น้องกลับมาเป็นปกติเหรอคะ"
                  
                   คำอธิบายยืดยาวคราวนี้ยิ่งตอกย้ำ สร้างความลำบากใจให้กับหญิงสูงวัยมากขึ้น จนต้องทำหน้านิ่วถอนหายใจด้วยความไม่สบอารมรณ์อยู่เป็นนานสองนาน  
            
                   หญิงสาวปล่อยให้มารดาคิดสักพัก  เธอรู้ว่าตอนนี้มารดาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว  เพียงแค่ต้องเห็นลูกชายคนเล็กที่เลี้ยงมากับมือล้มหมอนนอนเสื่อ และอาจจะไม่สามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติอีกครั้ง  แค่นี้ก็ทำให้หญิงสูงวัยทุกข์ใจมากแล้ว  ถึงแม้สิ่งที่เธอขอร้องแก่มารดาจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ แต่หญิงสาวก็มั่นใจว่า จะอย่างไรเสีย คนเป็นแม่ก็คงไม่อยากเห็นลูกชายต้องพิการไปตลอดชีวิต  หากยังพอมีโอกาสและหนทางที่จะช่วยลูกได้  มีหรือที่มารดาของเธอจะไม่ยินยอม
                   หลังจากนั่งรอฟังคำตอบของมารดาที่เบือนหน้าหนีไปอีกทางอยู่นาน  เธอก็เห็นหญิงสูงวัยค่อยๆหันกลับมาสบตาอีกครั้ง
                   "นุชว่าเด็กคนนั้นจะทำให้ตาหนึ่งเข้ารับการบำบัดได้จริงๆเหรอ.."
                
                   หญิงสูงวัยพูดเชิงถามด้วยความไม่แน่ใจ
    
                   "นุชก็ไม่แน่ใจค่ะ..แต่เด็กคนนั้นเข้ามาตอนที่นุชคิดอะไรไม่ออก  คุณหมอบอกว่า การที่จะช่วยคนไข้ให้ดีขึ้น  เราต้องทำให้เค้ามีกำลังใจสู้ และมีสภาพจิตใจที่พร้อม  นุชเห็นน้องทุกวัน ชวนคุยก็แล้ว พยายามพูดให้น้องเข้าใจว่ามันยังมีโอกาส แต่..มันเหมือนนุชคุยกับสิ่งของ  ถามหนึ่งคำนึง  หนึ่งก็ตอบกลับมาคำนึง  หนึ่งเงียบมาก  เงียบจนนุชไม่รู้จะพูดยังไงแล้วนะคะ  นุชไม่รู้ว่าหนึ่งคิดอะไร  เพราะหนึ่งไม่ยอมพูดอะไรเลย  แล้วเด็กคนนี้ก็เดินเข้ามา ตอนที่นุชมืดแปดด้าน  นุชอยากช่วยน้องนะคะ  โอเค..นุชเข้าใจ  ว่าเรื่องแบบนี้สังคมยังไม่ค่อยเปิดรับ  นุชก็เพิ่งมารู้เรื่องตอนที่คุณแม่เล่าให้ฟังนี่เองนะคะ ว่าหนึ่งเค้ากำลังคบใคร  นุชยังแปลกใจอยู่เลย แต่คุณแม่คะ  ใจคนมันห้ามไม่ได้นะคะ  ถ้าเค้ารักกันจริง เราคงห้ามเค้าไม่ได้  คุณแม่ต้องให้โอกาสหนึ่งกับเด็กคนนั้นนะคะ  บางทีมันอาจจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นก็ได้"  หญิงสาวบอกมารดาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
              
                   "เฮ้ย....อกแม่จะแตกตาย  มีลูกทั้งคนก็ว่าเลี้ยงมาเหมือนคนอื่นๆเค้า  ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้  แล้วหนูคิดเหรอ  ว่าถ้าแม่ยอมแล้วพ่อเค้าจะยอม  อย่าลืมนะ ว่ารายนั้นน่ะ เค้าไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้  ถ้ารู้เข้าคราวนี้ตาหนึ่งแย่แน่ๆ"  มารดากล่าวด้วยความกลุ้มใจ
                   "หนูว่าเรื่องคุณพ่อเอาไว้ก่อนนะคะ  ยังไงตอนนี้  เรามาช่วยตาหนึ่งให้หายเป็นปกติก่อนนะคะ.. เอ๊ะ!.. นี่ตกลงว่า..คุณแม่ยอมรับเด็กคนนั้นแล้วเหรอคะ"  หญิงสาวถามมารดาด้วยความตื่นเต้น
                   "หนูคิดเหรอ..ว่าแม่อยากเห็นน้องเป็นแบบนี้  แม่ก็ไม่รู้หรอกว่าเด็กคนนั้นจะช่วยทำให้สภาพจิตใจน้องดีขึ้นได้มากแค่ไหน  แต่แม่รู้สึกได้ว่า  ช่วงหลังๆก่อนที่ตาหนึ่งจะประสบอุบัติเหตุ น้องของหนูน่ะ  เค้าดูมีความสุข มีอารมณ์ขันมากขึ้น..เหมือนสมัยที่เค้ายังวัยรุ่นน่ะ  ช่วงนั้นตาหนึ่งดูมีความสุขมากนะ พอเรียนจบทำงาน  เค้าก็ดูเหมือนกลายเป็นคนบ้างาน ยิ่งตอนที่เิลิกกับแจง  แม่ก็ไม่รู้เรื่องเค้าเลย มารู้เอาตอนหลังที่เลิกกันไปนานแล้ว แม่ยังงงอยู่เลยว่าตาหนึ่งมันรักหนูแจงจริงรึเปล่า ทำไมเค้าเล่าให้แม่ฟังดูมันเป็นเรื่องธรรมดามาก  พอมารู้เรื่องเด็กผู้ชายคนนี้ ที่..เอ่อ..ตาหนึ่งบอกว่าคบกัน  แม่..แม่ก็งง นุช  หนูเข้าใจแม่มั้ย  คือ..ทั้งพี่ชายทั้งหนู แม่เลี้ยงมาก็ไม่เคยมีใครเป็นแบบนี้  แม่ไม่คิดว่าลูกชายแม่อีกคนจะมีรสนิยมเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว  แม่ยังนึกว่าตาหนึ่งมันคงผิดหวังจากหนูแจงมาก.. มากจน.. เปลี่ยนไป  พอตาหนึ่งต้องมานอนโรงพยาบาล  แม่เลยคิดว่ายังไงซะก็คงจะมีส่วนดีอยู่บ้าง เพราะอย่างน้อยๆตาหนึ่งจะได้ห่างๆไปจากเด็กคนนั้น ...เฮ้ย..แต่สุดท้ายเด็กคนนั้นก็ตามมาเจอตาหนึ่งจนได้"
                   "นุชเชื่ออยู่ลึกๆนะคะ เด็กคนนั้นมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้นุชรู้สึกดีด้วย เห็นครั้งแรก นุชก็รู้สึกว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กดี นุชรู้สึกถูกชะตากับน้องเค้า เพราะฉะนั้นตาหนึ่งจะรักผู้หญิงหรือผู้ชาย  นุชไม่สนหรอกค่ะ  นุชขอแค่คนที่น้องรักเป็นคนที่ดีและรักน้องของนุช  แค่นั้นนุชก็สบายใจแล้วค่ะ  คุณแม่เชื่อนุชนะคะ ว่าเ้ด็กคนนั้นจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้น  ขอแค่คุณแม่เปิดโอกาสให้น้องเค้าและยอมรับในสิ่งที่ตาหนึ่งเป็น  ตกลงนะคะคุณแม่"
                   "อืมม"  มารดาได้แต่พยักหน้าและตอบรับเบาๆ ตอนนี้เธอคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ  อยากช่วยลูกตัวเองใจจะขาด เมื่อวิธีไหนหรือใครที่สามารถพอจะพูดให้ลูกชายจอมดื้อเข้ารับการบำบัดได้ เธอก็คงต้องยอมรับ
                   "คุณแม่น่ารักรักจังเลย.. ขอบคุณแทนตาหนึ่งนะคะ"  เมื่อเห็นดังนั้น ลูกสาวคนกลางก็รีบเข้าไปกอดเอวมารดาประจบเอาใจ  ด้วยไม่นึกว่าสุดท้ายมารดาก็ยอมรับในสิ่งที่เธอขอร้อง คือ  ยอมรับว่าที่สมาชิกใหม่ภายในบ้าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเรียกลูกเขยหรือลูกสะใภ้ดี ถึงแม่ตัวปัญหาใหญ่จะยังไม่ได้ถูกแก้  เพราะบิดาของเธอยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยๆตอนนี้มารดาของเธอก็ได้เปิดใจแล้ว
                   "ถ้าจะให้ถูก..ต้องบอกว่า ตาหนึ่งมีพี่สาวที่น่ารักจริงๆนะ เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย"  มารดายิ้มบางๆโอบมือรอบข้อมือกลมกลึงของลูกสาวที่กอดเอวเธอไว้หลวมๆอีกที
                   "แหม..คุณแม่อ่ะ ก็หนูอยากเห็นน้องมีความสุขนี่คะ"
                   "แล้วหนูไม่กลัวคนเค้านินทาเหรอคะ ว่ามีน้องเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว"
                   "ชิ..หนูไม่สนใจลมปากของคนอื่นหรอกค่ะ  แค่คนที่หนูรักมีความสุขก็พอแล้ว  โดยเฉพาะคุณแม่ค่ะ อื้มมม"   ว่าแล้วลูกสาวคนกลางก็รีบหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่
                   "ทีนี้ล่ะ..ปากหวานเชียวนะ..แล้วเรื่องของหนูล่ะ  หมั้นหมายกันไว้เมื่อไหร่จะได้เข้าหอซะที"
                   "อุ๊ย..คุณแม่คะ ทำไมเปลี่ยนคนเร็วอย่างนี้ล่ะคะ  แหม...ขอเวลาหนูอีกเดือนสองเดือนนะคะ  หนูยังอยากอยู่บ้านคุณพ่อคุณแม่อยู่นะคะ ชิ  จะไล่หนูไปอยู่กับคนอื่นแล้วเหรอคะ คุณแม่อ่ะ "  ลูกสาวแกล้งทำหน้าบูด
                   "แม่เห็นพี่เค้าบ่นๆว่าหนูยังไม่ยอมแต่งซะที  แม่กลัวผู้ใหญ่ฝ่ายนู้นเค้าจะไม่พอใจ"  ผู้เป็นแม่ได้แต่ยิ้มบางๆตอบลูกสาว
                   "ตายแล้ว..นี่พี่ยศแอบมาบ่นกับคุณแม่เหรอคะ เดี๋ยวเจอกันเย็นนี้สวยแน่  ตาคนนี้..ไม่นึกว่าแก่แล้วจะขี้บ่น"
                   "นี่..ไม่เอานะ  อย่าไปว่าพี่เค้าสิ  หนูก็น่าให้เค้าบ่นอยู่นะ แม่ว่า"
                   "ไม่เอาแล้วค่ะ...ไม่พูดเรื่องหนูแล้ว   นุชว่าเรากลับไปหาตาหนึ่งกับเด็กคนนั้นที่ห้องเถอะค่ะ  หนูว่าเราไปดูผลกันดีกว่า  ไม่แน่นะคะ พรุ่งนี้คุณแม่คงได้ไปเป็นกำลังใจให้ตาหนึ่งที่แผนกบำบัดก็ได้นะคะ"
                   "เฮ้ย...แม่ก็ขอให้มันเป็นแบบนั้นนะ"
                   "ค่าา.คุณแม่เชื่อหนูสิคะ  ไปค่ะ.."
                   ลูกสาวคนสวยรีบประคองมารดากลับไปยังทิศทางของห้องพักฟื้นผู้ป่วยที่เป็นของน้องชายเธอ
                   ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที  นุชอนงก็พามารดามาถึงห้องของพักผู้ป่วยของน้องชาย  แต่ก่อนที่จะเคาะประตูห้องเพื่อแจ้งคนที่อยู่ด้านใน  หญิงสาวก็รีบเดินไปที่บานกระจกเล็กๆด้านบนของประตูเพื่อแอบสังเกตบรรยากาศภายในห้อง
                   "ทำอะไรน่ะ นุช"  มารดาถามลูกสาวด้วยความสงสัย
                   "ชู่!!  เบาๆค่ะ คุณแม่  คุณแม่มาดูตรงนี้สิคะ" หณิงสาวรีบเอานิ้วชี้จ่อที่ริมฝีปากของตนเอง เพื่อส่งสัญญาณบอกให้มารดาเงียบๆไว้  ก่อนที่จะชี้ชวญให้มารดาของเธอแอบดูบ้าง  
                   พอเห็นสีหน้าที่ทะเล้น สดใส ของลูกสาว หญิงสูงวัยก็ต้องรีบเดินไปตรงที่ลูกสาวยืนอยู่  เพื่อแอบมองเข้าไปในห้องด้วยความอยากรู้
                   พอได้เห็นภาพเบื้องหน้า หญิงสูงวัยก็ต้องคลี่ยิ้มบางๆออกมา  เธอรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด  นานเท่าไหร่แล้ว  ที่เธอไม่ได้เห็นลูกชายคนนี้ยิ้มได้อยากสุขใจแบบนั้น..
                   "หนูว่า..เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ" ลูกสาวคนสวยรีบกระซิบบอกมารดา
                   "จ้ะ"  หญิงสูงวัยหันมารับคำของลูกสาว ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข  ก่อนที่จะยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเบาๆ ..
            
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2011 14:02:04 โดย cancan »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ผ่านไป1 ด่าน เหลือคุณพ่อจะเป็นไงบ้างหนอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
ถ้าทางด่านที่หินที่ีสุดจะเป็นคุณพ่อ งานนี้ต้องเสียน้ำตากันอีกป่าวเนี่ย  :o12:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2

ออฟไลน์ autumm_99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คุณพ่อพี่หนึ่ง ต้องเป็นคุณลุงที่ขับรถมาส่งน้องสองที่โรงพยาบาลแน่เลย


tawan

  • บุคคลทั่วไป
ทุกคนต้องเข้าใจ

รักสมหวัง :กอด1:

 :call:

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คุณพ่อน้องหนึ่งต้องเอ็นดูน้องสองแน่เลย น้องสองน่ารัก

ออฟไลน์ in_blu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
เดาว่า ด่านคุณพ่อคงจะไม่ยากนัก

ถ้าเป็นคุณลุงคนนั้นจิงๆ อิอิ

ออฟไลน์ ลู่เคอOlive♥

  • แซ่บเว่อร์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-8
เห็นด้วยกับรีบน

ซึ้งมากเรื่องนี้อะ

Motor-tricycle

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆๆ มาแล้ว พี่หนึ่งน้องสอง  :กอด1:

คุณแม่ยอมรับแล้วดีใจจัง
พี่นุชนี่สาววายตัวจริงเลยนะเนี่ย 555
เหลือแต่น้องสองพี่หนึ่ง ช่วยกันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้นะ

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ต่อค่ะ

                   "ทานอีกหน่อยสิฮะ"  เสียงคนตัวเล็กพูดขึ้นเบาๆด้วยสีหน้ารบเร้า

                   "อิ่มแล้วจริงๆครับ" คนที่นอนอยู่บนเตียงส่ายหน้าช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า
 
                   "................." คนตัวเล็กค้อนคนตัวสูงก่อนที่จะหันกลับไปเพื่อเอาชามข้าวต้มวางลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วหยิบแก้วน้ำพร้อมกับถ้วยยาส่งให้แทน คนบนเตียงรับมาแล้วจัดการทานยาและน้ำเรียบร้อยก่อนที่จะส่งคืนให้คนตัวเล็ก 
               
                   "ทานข้าวก็ไม่หมด  แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปฝึกเดินล่ะ" คนตัวเล็กบ่นเบาๆด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย ไม่ได้ดั่งใจที่คนป่วยยังดูไม่ค่อยเจริญอาหาร

                   "มันไม่ได้อยู่ที่ของกินครับ  มันอยู่ที่คนไปคอยให้กำลังใจต่างหาก" คนป่วยแย้งเบาๆ

                   "ก็สองต้องไปโรงเรียนนี่นา....อ๊ะ!"  พอนึกขึ้นได้เจ้าของเสียงอ่อยๆก็รีบหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู เวลาบอกว่าตอนนี้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว  เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อเดินทางไปโรงเรียน  และแน่นอน คงไม่พ้นการโดยสารรถแท็กซี่

                   "จะไปแล้วเหรอครับ" คนป่วยรีบทักขึ้น รู้สึกเสียดายนิดๆที่ต้องแยกกับเด็กหนุ่มในชุดนักเีีรียนตรงหน้า

                   "ชู่!!!...เบาสิฮะ  คุณแม่หลับอยู่นะฮะ"  สองกลัวว่าเสียงคนป่วยจะไปรบกวนการพักผ่อนของหญิงสูงวัยที่นอนหลับอยู่บนโซฟา เธอคงเหนื่อยมากเพราะต้องนอนเฝ้าลูกชายสุดที่รักทั้งคืน  แต่ตั้งแต่ลูกชายยอมเข้ารับการบำบัด เธอก็ดูมีความสุขมากขึ้น  เรียกว่ามีแรงใจดีขึ้น ถึงแม้จะเหนื่อยกาย

                   "ขอโทษครับ"คนป่วยยิ้มบางๆให้เด็กหนุ่มที่ทำหน้าดุตาโตอยู่ตรงหน้า  ใบหน้าแบบนั้นช่างน่ารักเหลือเกิน

                   "เอาไว้ตอนเย็นๆสองมาหาพี่หนึ่งใหม่นะฮะ.." คนตัวเล็กยิ้มให้  ในมือถือกระเป๋านักเรียนเรียบร้อย

                   "ก่อนไปขอกำลังใจหน่อยครับ" หนึ่งกระซิบเบาๆพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่ม

                   สองยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปเกาะกุมมือใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจ

                   "พี่หนึ่งสู้ๆนะฮะ พี่หนึ่งทำได้อยู่แล้ว  คุณพยาบาลบอกว่าพี่หนึ่งพัฒนาเร็วมาก  สองว่าพี่หนึ่งเดินได้แน่นอนฮะ " คนตัวเล็กยิ้มกว้าง

                   "ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย.." คนป่วยบ่นอุบ

                   "อ้าวว..ไม่ใช่แล้วจะให้ทำไงล่ะ" คนตัวเล็กงงกับความเอาแต่ใจของคนป่วยบนเตียง

                   "ตรงนี้ครับ.." หนึ่งทำแก้มป่องแล้วเอียงขึ้น  เขาชี้ลงตรงแก้มให้คนตัวเล็กรู้ว่าต้องทำยังไง

                   "บ้าเหรอ พี่หนึ่ง..คุณแม่อยู่นะ"  สองรีบดุ

                   "ท่านหลับแล้วครับ  เพิ่งหลับไปก่อนที่สองจะมานี่เอง  ท่านรู้อยู่แล้วว่าพี่มีคนป้อนข้าวให้ทุกเช้า" หนึ่งพูดอมยิ้ม

                   "พี่หนึ่งเล่าอะไรให้คุณแม่ฟังบ้างเนี่ย"  สองแก้มแดง แต่ยังพยายามทำสายตาดุ

                   "ทุกอย่างครับ...เอ้า  เร็วเข้า  เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ มาเร็วครับ  ขอกำลังใจหน่อย"

                   เด็กหนุ่มค่อยๆก้มลองเอาริมฝีกปากจรดลงที่แก้มสากของคนป่วย  นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กลิ่นผิวเนื้อสากๆแบบนี้  คิดถึง  คิดถึงกลิ่นแบบนี้เหลือเกิน  เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกๆก่อนจะผละออกจากแก้มสากของคนป่วยด้วยใบหน้าแดงก่ำ

                   "พอใจยัง"

                   "กำลังใจเต็มเปี่ยมครับ...วันนี้กลับมาตอนเย็นเดี๋ยวเดินให้ดูเลย หึหึ" หนึ่งพูดด้วยสายตาขี้เล่น

                   "อย่าขี้โม้...พี่หนึ่งอย่าหักโหมนะ เค้าบอกว่ามันต้องค่อยเป็นค่อยไป" เด็กหนุ่มรีบบอกด้วยความเป็นห่วง

                   "ครับ.."

                   "งั้นสองไปนะ เจอกันตอนเย็นนะฮะ"

                   "ครับ..พี่รักสองนะ รักมากด้วย"

                   "พอแล้ว..รู้แล้วล่ะ  ไปล่ะ"  เด็กหนุ่มรีบเดินไปที่ประตูด้วยความเขินอาย  ก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูออกไปแล้วปิดลงอย่างเบามือ

                   หนึ่งยิ้มให้กลับร่างของคนตัวเล็กที่หายออกไปหลังจากบานประตูที่ปิดลง  ทั้งมีกำลังใจ และความสุข  เขาเอื้อมมือไปหยิบหนังสือพิมม์ขึ้นมาอ่าน  แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของใครคนหนึ่ง ที่เข้าใจว่าหลับไปแล้ว

                   "ลูกแม่ยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว.."  ตอนนี้คนที่เคยนอนอยู่ลุกขึ้นมานั่งตอนไหน  หนึ่งเองก็ไม่แน่ใจ

                   "อ้าวว คุณแม่ไม่ได้หลับอยู่เหรอครับ"

                   "หลับจ้ะ...แต่เพิ่งตื่นตอนน้องออกไปเมื่อกี๊  แล้วก็ทันได้ยินลูกแม่กำลังแกล้งน้องเค้า"

                   "อ้าวววว"  หนึ่งลากเสียงแหบยาววว  ก่อนที่จะกล่าวกับมารดาต่อไปว่า
 
                   "ผมแกล้งน้องเค้าตอนไหนครับ  ผมว่าผมสุภาพสุดๆแล้วนะเนี่ย"

                   "อย่าคิดว่าแม่ไม่ทันนะ  ตาหนึ่งจอมเจ้าเล่ห์ มีการขอกำลังใจซะด้วยนะ" ผู้เป็นมารดารีบทำตาดุ
                 
                   "ก็....นิดหน่อยครับ" หนึ่งยิ้มแห้งๆเพราะความรู้ทันของมารดา

                   "เกรงว่าถ้าแม่ไม่ได้อยู่ด้วยคงจะไม่นิดหน่อย" เธอแกล้งส่งสายตาดุๆให้แก่ลูกชายตัวดี 
                   หนึ่งยิ้มแห้งๆอีกครั้งก่อนจะเอาหนังสือพิมม์ขึ้นมาอ่านบังหน้าแก้เก้อคนสูงวัย  ผู้เป็นมารดาก็ได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ใช่แล้ว..ลูกชายตัวดีของเธอคนนี้กลับมาเป็นตาหนึ่งอย่างที่เคยเป็นเสียที  จริงๆแล้วเธอหมายถึงตาหนึ่งที่พูดเก่ง ตาหนึ่งที่อารมณ์ดี  ตาที่น่ารักช่างประจบแสนเจ้าเล่ห์  ไม่ใช่คุณหนึ่งที่จมปลักอยู่แต่กับงาน นานๆถึงจะกลับบ้านที หรือไม่ก็โทรหาทีนึง คุณหนึ่งที่เคร่งเครียดและคิดมากในทุกๆเรื่อง  คุณหนึ่งที่ไม่ค่อยเปิดใจกับใครง่ายๆ ตอนนี้ลูกชายของเธอดูดีขึ้นมาก  ไม่ใช่ที่ร่างกาย ไม่ใช่ที่ใบหน้าซูบซีดเหมือนคนป่วย  แต่เป็นที่ดวงตา ดวงตาซึ่งสะท้อนความสดใส และความมุ่งมั่นเข้มแข็ง  ดวงตาที่เป็นประกาย  ใช่แล้วเธอพอใจหนึ่งคนนี้  เธอมีความสุขที่ได้เห็นหนึ่งคนนี้อีกครั้ง

                   "วันนี้พยายาลจะมารับลูกไปฝึกกายภาพตอนไหนเหรอตาหนึ่ง"  เธอเอ่ยถามลูกชายของเธอ

                   "ตอนบ่ายครับ.."  หนึ่งยิ้มให้ก่อนตอบมารดา

                   "อ้อ จ้ะ...  แล้วเป็นยังไงบ้าง  หนึ่งรู้สึกอย่างไรบ้าง"

                   "ก็...บอกไม่ถูกครับ  ตอนนี้มันเริ่มเจ็บ  คือฝืนมากๆแล้วจะเจ็บ  พยาบาลบอกว่าต้องทนครับ แต่ค่อยเป็นค่อยไป  ตอนนี้ยังใช่แรงที่แขนช่วยอยู่ครับ" 

                   "อืม..ถ้ารู้สึกได้ก็แสดงว่า น่าจะดีขึ้นใช่ไหมลูก"

                   "ครับ...ผมก็คิดว่าอย่างนั้น"

                   "อย่าท้อนะลูกเดี๋ยวเย็นๆพี่เค้าก็มาเยี่ยม  ถ้าเค้าว่างจากดูคนไข้น่ะ"

                   "ครับ  เมื่อวานพี่นุชก็มาครับ  ตอนคุณแม่ลงไปทานข้าว"  หนึ่งบอกข่าวคราวพี่สาวแก่มารดา

                   "อ้อจ้่ะ  แม่เจอเค้าแล้วล่ะ  เดี๋ยวสิ้นเดือนพ่อเค้าก็ว่างมาเยี่ยมลูกได้  รวมทั้งพี่ชายของลูกด้วย"

                   "พี่นนท์จะว่างแล้วเหรอครับ  ได้ข่าวว่าคนนี้เค้าเป็นผู้บริหารแล้ว งานรัดตัวมาก" หนึ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น จริงๆแล้วพี่ชายคนนี้สนิทกันมาก  แต่พอต่างคนต่างทำงานก็ห่างๆกันไป

                   "จ้ะ" เธอตอบบุตรชายพร้อมรอยยิ้มพิมม์ใจ

                   "แม่ครับ...คือ..จริงๆหนึ่งอยู่คนเดียวได้นะครับ  ไม่มีปัญหาหรอกครับ  ตอนกลางคืนคุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านจะดีกว่า หนึ่งกลัวคุณแม่เหนื่อย"  คนป่วยพูดด้วยความเป็นห่วง

                   "ได้ยังไงล่ะหนึ่ง..แม่ไม่เหนื่อยหรอกลูก  แล้วหนึ่งคิดเหรอ ว่าหนึ่งจะได้อยู่คนเดียวตอนกลางคืนน่ะ หนึ่งคิดว่าสองจะยอมเหรอ เดี๋ยวน้องก็ต้องมานอนอยู่ด้วยหรอก  น้องยังเรียนอยู่นะ  เค้าไม่ต้องทำการบ้านเหรอหนึ่ง  แค่เค้ามาหาหนึ่งทุกเช้าเย็นแม่ก็เกรงใจมากแล้วนะหนึ่ง ยิ่งกลับบ้านดึกแม่ก็เป็นห่วง"

                   "คุณแม่ก็อย่าบอกสองสิครับ  สองไม่รู้หรอกครับ  แต่..เอ๊ะ  นี่คุณแม่ห่วงน้องสองเหรอครับ"  หนึ่งถามมารดาด้วยสีหน้าตื่นเต้น  ไม่นึกว่าเพียงช่วงเวลาไม่นานที่มีสองเข้ามาช่วยดูแลเขา  มารดาของเขาจะเปลี่ยนใจหันมารักใคร่ใยดีเจ้าตัวเล็กมากขึ้น

                   "ห่วงสิ  ถึงน้องจะเป็นผู้ชายนะหนึ่ง แต่สมัยนี้กลับบ้านมืดๆก็อันตรายนะ โจรผู้ร้ายก็ไม่ใช่จะน้อยๆ นี่แม่เห็นหนึ่งไม่ได้คัดค้านนะ แม่เลยปล่อยให้เค้าอยู่ดึกๆ  คิดถึงว่าถ้าเป็นลูกเรา ก็ไม่อยากให้ลูกตัวเองต้องมาเสี่ยงภัยรู้มั้ยล่ะ"

                   "ก็ใช่ว่าผมจะชอบนะครับ  แต่รายนั้นห้ามยากครับ  ไม่งั้นเดี๋ยวก็ได้ขนของมานอนเฝ้าหนึ่งทุกคืน  หนึ่งกลัวน้องเหนื่อยเกิน  ช่วงหลังมานี่น้องดูผอมไปมาก ดีที่แผลตอนรถชนหายหมดแล้ว"  พอพูดถึงตรงนี้เสียงของคนป่วยก็เริ่มสั่นเครือ
 
                   "ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะลูก  ทั้งหนึ่งและน้องนั่นล่ะ  เรื่องมันผ่านไปแล้ว ลืมๆมันไปเถอะนะ" หญิงสูงวัยบอกลูกชายด้วยความหวังดีและเป็นห่วงอย่างสุดแสน

                   "ครับ  ยังไงก็ขอบคุณคุณแม่แทนน้องด้วยนะครับ  ที่คุณแม่เป็นห่วงน้องขนาดนั้น  ขอบคุณนะครับที่คุณแม่ยอมเปิดใจให้เราสองคน ขอบคุณมากๆครับ" หนึ่งบอกมารดาอย่างจริงใจ  ก่อนจะวางหนังสือพิมม์ลงแล้วยกมือขึ้นพนมไว้  พอผู้เป็นแม่เห็นดังนั้นก็ต้องรีบลุกขึ้นไปรับไหว้ของลูกชาย  เธอรัีบไว้ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ  ไม่นึกว่าเพียงแค่การที่เธอยอมปรับเปลี่ยนความคิดของเธอเสียใหม่  จะทำให้เธอได้ลูกชายที่แสนดีคนนี้กลับมา  ซ้ำยังได้รู้จักเด็กชายที่น่ารักอีกคน  คนที่รักลูกชายของเธอเหมือนที่เธอรัก  คนที่รักคนป่วยในอ้อมกอดของเธอตอนนี้อย่างจริงใจ


                   

                 

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ลุ้นให้ happy ending ซะทีเน้อ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
คุณแม่โอเคแล้วก็ดีใจด้วยเลย น้องจะได้มีความสุขซะที  :กอด1:

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
 :กอด1:คุณแม่คนดีที่หนึ่งเลยยย...

tawan

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักกกกกกกกกกที่สุด :impress2:

 :call:

debubly

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักค่ะ แต่...

NC อยู่ไหนอ่ะ อยู่หนายยยยยยยยยยย  :fire: :fire:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วค่อยยิ้มออกได้ อิอิ

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ต่อค่ะ 

                  ผ่านไปหลายสัปดาห์แล้ว  ที่สองต้องเดินทางไปๆมาๆระหว่างสถานที่3แห่ง  สองไปโรงเรียนตอนกลางวัน ส่วนตอนเช้าและตอนเย็นอยู่ที่โรงพยาบาล พอตกค่ำก็กลับมานอนที่คอนโด  คนตัวเล็กเดินทางแบบนี้จนเริ่มจะรู้สึกชินแล้ว  ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เหนื่อยกายแต่สองไม่รู้สึกเหนื่อยใจเลยสักนิด  เด็กหนุ่มมีความสุขกับสิ่งที่ตนเองทำ  ได้เรียนหนังสือ ได้ดูแลคนที่ตนเองรัก  ได้รู้จักกับครอบครัวของคนรัก ตอนนี้เขาเริ่มสนิทกับพี่สาวและมารดาของหนึ่งแล้ว จะเหลือก็แต่พี่ชายกับบิดาของคนตัวสูง  ที่ยังไม่ได้มีโอกาสเจอกับสอง  เพราะสองคนนั้นมีภาระหน้าที่การงานล้นมือ เนื่องจากทางบ้านของหนึ่งมีธุรกิจของครอบครัวที่ต้องดูแล 
                  แต่สิ่งที่ทำให้คนตัวเล็กมีกำลังใจดี ก็คงเป็นการพัฒนาการของคนตัวสูง  ตอนนี้หนึ่งมีสภาพดีขึ้นเป็นลำดับ ร่างกายที่ดูทรุดโทรมก็ดูดีกลับมาสมส่วน เพราะคนป่วยเจริญอาหาร  เนื่องจากมีคนตัวเล็กคอยป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ตลอดเวลา ยกเว้นช่วงที่สองต้องไปโรงเรียน แต่ถึงกระนั้น  ถ้าหนึ่งทานไม่หมด ก็ยังคงมีคุณแม่ของหนึ่งซึ่งจะคอยฟ้องคนตัวเล็กว่า ลูกชายจอมดื้อของเธอทานข้าวไม่หมด และหน้าที่ของเด็กหนุ่มก็คือขู่คนป่วยว่าถ้าไม่ทานให้หมด ครั้งหลังจะให้ป้อนเอง 
                  ตอนนี้คนตัวสูงสามารถลงน้ำหนักที่เท้าได้มากขึ้น หนึ่งยังคงต้องใช้วีลแชร์ และไม้ค้ำยัน แต่เขาสามารถยืนสองขาได้เมื่ออยู่ในขั้นตอนการบำบัด  และสามารถก้าวออกในระยะสั้นๆ  แม้มันจะเป็นเพียงแค่ไม่กี่ก้าว แต่แค่นั้นก็ทำให้หัวใจดวงเล็กๆของสองพองโตขึ้น
                  "สองเอาของมาครบแล้วนะครับ" คนป่วยถามคนตัวเล็ก ขณะที่กำลังมองคู่สนทนาค่อยๆรื้อของในกระเป๋าเป้

                  "ฮะ  ครบฮะ สองเอารายงานมาทำด้วย" ว่าแล้วก็ยิ้มหวานให้คนป่วยหนึ่งที

                  "โชคดีจังที่พี่ได้สองนะ  อย่างน้อยๆช่วงวันเสาร์อาทิตย์ คุณแม่ก็ยังได้กลับไปนอนที่บ้านบ้าง  เห็นท่านบ่นปวดหลัง คงต้องนอนโซฟานานๆ บางทีมันก็ไม่ดี"  หนึ่งพูดด้วยความกังวล

                  "เอางี้สิฮะ เดี๋ยววันธรรมดา บางวันก็ให้สองค้างที่นี่ก็ได้  คุณแม่จะได้กลับไปนอนที่บ้านได้มากขึ้น"

                  "หึหึ  ท่านไม่ยอมหรอกครับ  ท่านอยากให้สองได้พักผ่อน อ่านหนังสือ ท่านรู้ว่าถ้าอยู่ที่นี่สองก็จะเอาแต่นั่งเฝ้าพี่จนไม่ทำอย่างอื่น"

                  "แหม..รู้ได้ไงฮะ  เดี๋ยวพอพี่หนึ่งหลับ สองก็ทำรายงานไงฮะ"

                  "ครับ..พี่แค่..กลัวสองเหนื่อยน่ะ"

                  "ไม่เป็นไรฮะ  สองเต็มใจ"

                  "ขอบคุณครับ"  หนึ่งยิ้มให้คนตัวเล็ก
                 
                  "ฮะ...เอ้อ...ได้ข่าวว่าสองสามวันก่อน คุณพ่อกับพี่ชายพี่หนึ่งมาเหรอฮะ  เป็นไงบ้างฮะ" สองถามขึ้น

                  "ครับ คุณพ่อท่านมาได้สักพักก็ต้องออกไปแล้วครัับ ส่วนพี่ชายพี่ก็ตามไปที่หลัง  ก็คุยกันเรื่องเก่าๆน่ะ  ราบรื่นดีครับ"  หนึ่งตอบคนตัวเล็ก

                  "เหรอฮะ  ดีจังเลยนะ  แล้วพรุ่งนี้พี่หนึ่งต้องทำกายภาพรึเปล่า  แล้วคุณแม่จะมากี่โมงฮะ"

                  "ทำครับ..ตอนบ่ายๆน่ะ  เดี๋ยวคุณแม่มาหาตอนเช้าๆ แล้วตอนเย็นก็กลับ  คืนนี้สองก็นอนกับพี่ แล้วก็คืนพรุ่งนี้ด้วย" หนึ่งพูดยิ้มๆ

                  "ฮะ..."  คนตัวเล็กรับคำ  สองอาบน้ำมาจากที่คอนโดเรียบร้อยแล้ว  เหลือแต่จัดข้าวของบางส่วน และกว่าจะทำอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม  คนตัวเล็กจึงหยิบรายงานออกมากางบนโต๊ะใกล้โซฟาเพื่อเตรียมเขียนต่อ  แต่ก็ไม่วายเหลือบมองคนป่วยที่ยังอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

                  "........." เด็กหนุ่มมองคนป่วยตาแป๋ว

                  "สองมีอะไรครับ  มองพี่ทำไมครับ"  หนึ่งซึ่งรู้สึกว่ากำลังถูกคนตัวเล็กมอง ได้ถามขึ้นด้วยความสงสัย

                  "สองทุ่มแล้วนะฮะ  นอนได้แล้วล่ะ  พี่หนึ่งอย่านอนดึกสิฮะ ร่างกายต้องการการพักผ่อนนะ"

                  "เอ่อ...ครับๆ  นอนแล้วครับ " คนตัวสูงสุดที่จะต่อความด้วยจึงยอมปิดหนังสือ แล้ววางลงบนโต๊ะข้างๆแต่โดยดี
                  "ดีมากครับ  ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย" คนตัวเล็กอมยิ้มแก้มพอง

                  "ยังครับ  ก่อนนอนขอจุ๊บทีนึง  พี่ไม่อยากฝันร้าย" คนป่วยทำเสียงออดอ้อน

                  "............................."  คราวนี้กลายเป็นคนตัวเล็กที่ไม่อยากจะต่อความด้วย เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาเด็กตัวโข่งที่กลัวฝันร้าย

                  "ตรงนี้ครับ.."  หนึ่งแกล้งเอียงแก้มข้างขวาให้คนตัวเล็ก  ก่อนที่จะพองแก้มให้ป่อง
 
                  สองก้มลงตั้งใจว่าจะหอมฟอดใหญ่ๆ  เพราะอยากให้รางวัลที่คนป่วยพยายามทนความเจ็บปวดจนสามารถยืนได้แล้ว  แต่ก่อนที่ริมฝีปากบางๆจะจรดลงบนแก้มสากเพียงชั่ววินาที  คนป่วยก็หันใบหน้ากลับมาพอที่จะทำให้ริมฝีปากบรรจบกัน  เด็กหนุ่มตาโตตั้งใจจะออกเสียงดุคนตัวโตจอมเจ้าเล่ห์  ก็กลับกลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้ใครบางคนสนิทแนบแน่นริมฝีปากมากขึ้น สองรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองถูกประคองด้วยฝ่ามือใหญ่อบอุ่น ลิ้นร้อนๆของเจ้าของฝ่ามือนั้นกำลังชอนไชเข้ามาสำรวจลิ้นชุ่มฉ่ำที่ถอยหนี เด็กหนุ่มครางอื้ออึงอยู่ในลำคอ คนตัวเล็กรีบผละออกจากริมฝีปากร้อนอันตรายด้วยรู้สึกว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้  แขนทั้งสองข้างที่ยันขอบเตียงของคนป่วยเอาไว้คงหมดแรงเป็นแน่  เด็กหนุ่มรีบยืดตัวขึ้น เอามือทั้งสองข้างปิดปากไว้ ตอนนี้สองรู้สึกร้อนๆบนใบหน้า มันเป็นความร้อนเพราะเลือดกำลังสูบฉีด  คนตัวเล็กหอบหายใจฮักๆ ดวงตาโตค้อนให้กับดวงตาคมขี้เล่น  คนๆนั้นนอนสบายอารมณ์อยู่บนเตียง  สองพูดขึ้นทั้งๆที่มือยังปิดปากของตัวเองไว้

                 "พี่หนึ่งอ่ะ  อย่างนี้เค้าเรียกว่าได้คืบเอาศอกนะ  สองไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นซะหน่อย"

                 "หึหึ  ก็พี่นอนคนเดียวนี่นา  พี่กลัวฝันร้าย พี่ต้องการสิ่งที่ช่วยทำให้หลับได้สนิท"

                 "เจ้าเล่ห์น่ะสิไม่ว่า  เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะฮะ  ลูกเล่นเยอะนะ"

                 "55+ลูกเล่นอะไรล่ะครับ  พี่ก็แค่...อยากจูบคนรักก่อนนอน ไม่ได้เหรอครับ"

                 "ก็พี่หนึ่งอ่ะ..ชอบทำให้สองตกใจ" คนตัวเล็กแก้มแดง แต่ยังบ่นอุบ

                 "55+ โอ๋ๆ  พี่ขอโทษครับ  อย่าโกรธนะคนดี  วันหลังถ้าอยากได้จะบอกตรงๆนะครับ"

                 "ฮื่อๆ  นอนๆ นอนได้แล้วฮะ ไม่คุยแล้ว"

                 "ครับๆ นอนครับ  งั้น..พี่ขออีกทีนะ"

                 "จะขออะไรอีกล่ะ  เมื่อกี้ก็ได้ไปแล้วนะ "

                 "แค่จุ๊บๆก็พอครับ  นะ  คนดี จุ๊บพี่ก่อนนอนหน่อยนะครับ"

                 "ฮื่อ~  เอ้า  หลับตาก่อนสิฮะ"  เด็กหนุ่มสั่งคนป่วย

                 หนึ่งค่อยๆหลับตาลง  ในความมืดมิด  เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดอยู่บนใบหน้า  จมูกได้กลิ่นแป้งเด็กที่คุ้นเคย ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ถึงริมฝีปากบางเบาบนแก้มทั้งสองข้าง  ก่อนที่จะไล่ลงแตะที่ปลายคางของเขา แล้วมาสิ้นสุดที่เปลือกตาทั้งด้านซ้ายและขวา สัมผัสนั้นช่างบางเบา แต่มันอ่อนหวานและหอมหวลราวกลีบกุหลาบที่ทาบทับลงมา  มันน่าหลงใหลและชวนฝัน  ลมหายใจของหนึ่งค่อยๆสม่ำเสมอ  ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ห้วงนิทรา  หนึ่งก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยของใครบางคนกระซิบที่ข้างหูเบาๆว่า

                 "ฝันดีฮะ  พี่หนึ่งของผม"   






เหอๆ มีคนหาNC  ว่าจะเขียนซะหน่อย แต่สงสัยจะไม่ถึงอ่ะ ง่วงแล้วแล่ะ ไว้มาต่อนะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม จุ๊บๆ  :L2:
               
                 

ออฟไลน์ ลู่เคอOlive♥

  • แซ่บเว่อร์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-8
หวานจัง
ขอให้พี่หนึ่งหายเร็วๆ นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2011 23:14:05 โดย yunjae55 »

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด