Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย  (อ่าน 1825 ครั้ง)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
« เมื่อ31-10-2015 19:52:43 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #1 เมื่อ31-10-2015 19:56:13 »

สวัสดีครับ ฮัลโลวีนอีกแล้วนะครับ
มีเรื่องสั้นมาฝากกันอีกแล้วครับ
ถ้าชอบก็ดีใจครับ

HAKURO
++++++++++++++++++++++++++++++

HALLOWEEN FICTION 2015
Hydrangea

“โลกมนุษย์”  เป็นชื่อที่มนุษย์ทึกทักตั้งเอาเอง  ทั้งที่ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกหลากหลายอาศัยอยู่ในโลกนี้  หลายครั้งที่มนุษย์พยายามกำจัดสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อให้โลกเป็น  “โลกมนุษย์”  จริง ๆ  เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป  มนุษย์ก็ได้หลงลืมสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น...และไม่เคยรู้เลยว่า  เรายังคงมีชีวิตอยู่ใน  “โลกมนุษย์”  จนทุกวันนี้

ทาร์ค  คือแวมไพร์ที่เหลือรอดมาจากการล่าผีดูดเลือดเมื่อหลายศตวรรษก่อน  ในตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กน้อยแวมไพร์ที่ครอบครัวและเพื่อนบ้านช่วยกันซ่อนให้พ้นจากมนุษย์ผู้กระหายเลือด  เขาเคยสงสัยว่าเหตุใดมนุษย์ที่เคยอยู่ร่วมกับพวกเขาได้อย่างสงบสุขเกิดจะไม่ยอมรับในตัวพวกเขาขึ้นมาและตามล่าตามล้างจนเกือบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์...แต่ไม่ใช่แค่แวมไพร์อย่างพวกเขาหรอก  แม้แต่พวกภูตป่าหรือแม่มดก็ถูกมนุษย์กำจัดทิ้งเช่นกัน

กระนั้น  ทาร์คก็รักมนุษย์  เขาเคยมีเพื่อนมนุษย์มากมาย  เคยถูกแวดล้อมด้วยความรักจากพวกมนุษย์ผู้ใหญ่  เขายังจำได้ดีถึงคืนวันอันสงบสุขเหล่านั้น

แน่นอนว่าเขายังคงจำการล่าแวมไพร์ได้แจ่มชัดเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้  จากใต้ดินของปราสาทใหญ่ที่ครอบครัวได้ซ่อนเขาไว้ให้พ้นจากพวกมนุษย์  ทาร์คระหกระเหเร่ร่อนไปในโลกกว้าง  แม้สัมผัสพิเศษจะบอกกับตัวเองว่ายังคงมีแวมไพร์ตนอื่นหลงเหลืออยู่บนโลก  แต่พวกเขายังไม่เคยหากันพบ


ความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา...คือชะตากรรมของแวมไพร์ที่หลงเหลืออยู่ในโลกนี้


ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา  ร่างกายของทาร์คได้เติบโตขึ้นจากเด็กน้อยเป็นแวมไพร์หนุ่มวัยฉกรรจ์  มีชีวิตอยู่ด้วยเลือดเล็กน้อยของมนุษย์ที่เขาลอบเข้าไปในห้องนอนในแต่ละคืน...และในตอนนี้เขาก็แอบอาศัยอยู่ในบ้านร้างอายุร่วมร้อยปีที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

ในห้องใต้ดินที่พักอาศัยไม่มีโลงศพให้นอนต่างเตียง  จะมีก็แต่เตียงจริง ๆ เท่านั้น  สภาพมันก็ดีอยู่หรอก  ด้วยแวมไพร์หนุ่มแอบไปขนฟูกนอนมาจากที่ทิ้งขยะในตอนกลางคืนแล้วเอากลับมาทำความสะอาดเสียสวยหรู  ในห้องก็ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี  มีของประดับตกแต่งเหมือนห้องคนธรรมดาทุกอย่าง  ถ้าบ้านยังไม่พัง  ทาร์คก็คิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดนั่นแหละ

ทุกคืนที่ตื่นขึ้นหลังพระอาทิตย์ตกดิน  แวมไพร์หนุ่มจะออกไปเดินเอ้อระเหยในเมือง  ซึ่งเขาบอกกับตัวเองว่าแสงตะวันเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นมันชักจะเจิดจ้าเกินไปแล้ว  แม้มันจะไม่แสบร้อนแต่บางทีเดินในเมืองมาก ๆ ก็ตาพร่าได้เหมือนกัน

ทาร์คเลี่ยงแสงสีและผู้คนไปหลบในสวนสาธารณะมืด ๆ ที่มักจะไปนั่งเล่นเป็นประจำ  แต่ในช่วงที่ฝนตกบ่อยแบบนี้  ม้านั่งที่เคยนั่งก็เปียกจนนั่งไม่ได้...แต่ไม่เป็นไรหรอก  เพราะช่วงฤดูฝนนี่แหละ  เป็นช่วงที่ดอกไฮเดรนเยียกำลังเบ่งบาน  โชคดีที่ตรงเหนือแปลงดอกไม้มีโคมไฟอยู่พอดี  ทำให้เขาพอจะชื่นชมความงามของดอกไม้ได้

ไฮเดรนเยีย  เป็นดอกไม้สวยแปลก  แรกเริ่มจะเป็นดอกเล็ก ๆ สีเขียวก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีเป็นสีม่วง  ฟ้า  ชมพู  ตามแต่สภาพดิน...และทาร์คก็กำลังลุ้นว่าไฮเดรนเยียในแปลงดอกไม้จะมีสีอะไร

แวมไพร์หนุ่มเดินกางร่มเรื่อยเปื่อยไปตามทางเดิน  แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าใต้แสงโคมไฟมีใครบางคนนั่งอยู่

ทาร์คขมวดคิ้ว  ใครคนนั้นนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นโดยไม่มีร่ม  แม้ฝนจะตกไม่หนักนักแต่ก็ไม่น่าจะมาตากฝนในสภาพแบบนี้...เขาเดินเข้าไปกางร่มให้

“ตากฝนแบบนี้จะไม่สบายเอานะครับ”

ร่างนั้นยังคงนิ่งเงียบ  ทาร์คเริ่มไม่แน่ใจว่าคนคนนี้เป็นมนุษย์หรือพวกภูตกันแน่...แต่ก็ไม่มีกลิ่นอายอะไรแปลกปลอมนี่นะ

“...คุณครับ...เดี๋ยวเป็นหวัดนะ”  ทาร์คย้ำอีกครั้ง...หากใครคนนั้นยังคงนิ่งเงียบ

แวมไพร์หนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ  ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นมนุษย์หรือภูตพรายอื่นก็ตาม  ก็ไม่มีใครทำร้ายแวมไพร์อย่างเขาได้หรอก  แต่เขาก็รู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณว่าคนคนนี้ไม่ใช่สิ่งอันตรายอะไรแบบนั้น

ร่างนั้นคือชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง  ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกปอนลู่ลงมาระใบหน้าหวานสวยจนดูคล้ายผู้หญิง  ดวงตาสีเข้มดูเลื่อนลอยเหม่อซึม  เขานั่งกอดเข่าอยู่ท่านั้นไม่กระดุกกระดิกอีกเป็นครู่จนทาร์คชักเป็นห่วง

พลันเขาก็หันมามองหน้าทาร์ค  แววตาไร้ความรู้สึกใสแจ๋วเหมือนลูกแก้วทำเอาแวมไพร์หนุ่มลืมหายใจ

“...”  เขาเอ่ยอะไรบางอย่างแผ่วเบา

“อะไรนะครับ?”  ทาร์คเงี่ยหูฟัง

“...ไฮเดรนเยีย...”  ในที่สุดก็จับใจความได้อย่างนั้น  “...ช่อนี้สีมันแปลกจังเลย...”

ทาร์คมองไปยังช่อไฮเดรนเยียที่คนตัวเล็กกว่าพยักเพยิดไป...แปลกจริง ๆ นั่นแหละ  แทนที่จะเป็นสีม่วงหรือสีชมพู  แต่ไฮเดรนเยียช่อนั้นกลับออกเป็นสีแดงราวกับกุหลาบ

“...แปลกเนอะ...”

“นั่นสินะครับ”

ทั้งสองเงียบกันไปครู่ใหญ่  กระทั่งทาร์คทำลายความเงียบขึ้นมาว่า

“ทำไมถึงมานั่งตากฝนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ?”

กว่าคำตอบจะมา  ดูช่างเนิ่นนาน

“...ไม่รู้สิ  ก็เดินมาเรื่อย ๆ...”

เดินมาเรื่อย ๆ...?  เป็นคำตอบที่ประหลาดเกินไป  ทาร์คสังเกตร่างของชายหนุ่มอย่างละเอียด...เสื้อเชิ้ตเนื้อบางกับกางเกงยีนส์  และเท้าเปล่า...สองเท้าเปื้อนโคลนนั้นทำให้ทาร์คแปลกใจ  ใครมันจะบ้ามาเดินตากฝนทั้งเท้าเปล่าแบบนั้น  แถมยังดึกขนาดนี้...

“...หรือว่า...ละเมอ?”  เขาหลุดปากออกมา

“หือ...?”  ปฏิกิริยาตอบสนองดูจะไวขึ้นนิดหน่อย  ชายหนุ่มเลิกคิ้วเชิงถาม

“เดินเท้าเปล่าแบบนั้นไม่เจ็บเหรอ?”

ได้ยินคำถามแล้วเขาก็ก้มลงมองเท้าตัวเอง

“...อ๊ะ...”

อุทานแล้วก็เงียบไปแค่นั้น  ทาร์คส่ายหน้าน้อย ๆ กึ่งระอากึ่งเอ็นดู

“นี่...กลับบ้านไปนอนเถอะ  เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะครับ”

“...แต่มันสนุกนี่นา...”

“สนุกเหรอ?”

“อื้ม...สนุกกว่าตอนกลางวันเยอะเลย...”  เขาตอบแล้วลุกขึ้นยืน  ทำให้ทาร์คต้องลุกขึ้นด้วย  “...แต่...ถ้าบอกว่าจะเป็นหวัด  ก็จะกลับ...”

“งั้นเอาร่มไปด้วยนะครับ”  แวมไพร์หนุ่มเอาร่มใส่มือชายแปลกหน้าคนนั้น

คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองทาร์ค  ดวงตาสีน้ำตาลเลื่อนลอยเหมือนตุ๊กตาจับจ้องใบหน้าของทาร์คเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง  และทาร์คก็รอให้เขาพูด

“...อาเดีย...”

“หือ?”

“...ชื่อผม...แล้วคุณล่ะ?”

แวมไพร์หนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้ม  ไม่มีใครถามชื่อเขามานานจนตัวเองก็แทบจะลืมไปแล้ว

“ทาร์ค  ผมชื่อทาร์ค”

อาเดียพยักหน้ารับ

“...แล้วเจอกันนะ...”

เขาเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไปตามทางเดินของสวนสาธารณะพร้อมกับร่มในมือ

ทาร์คมองส่งเขาไปจนลับตา  ก่อนจะหันกลับไปทอดสายตามองช่อไฮเดรนเยียสีแดง...ดอกไม้ที่แปลกประหลาด...ชายหนุ่มที่แปลกประหลาด...การพบเจอที่แปลกประหลาด

แวมไพร์หนุ่มยิ้มกับตัวเอง  ...แล้วเจอกัน...งั้นหรือ  จะเอาอะไรกับคนนอนละเมอ...  เขาคิดแบบนั้นแล้วก็กลายร่างเป็นค้างคาว  ออกบินไปหาใครสักคนที่พอจะมอบเลือดให้เขาได้ในคืนนี้

...

ทาร์คไม่ได้ตั้งใจจะไปเจออาเดียเท่าไรนัก  เพียงแต่เขาอยากไปดูไฮเดรนเยียช่อนั้นอีกครั้งจึงไปที่สวนสาธารณะแห่งเดิม  แต่แล้วเขาก็เห็นร่างเพรียวยืนกางร่มอยู่ใต้แสงของโคมไฟ  ทาร์คจำอาเดียได้ทันที  เขาเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ  ร่มในมือของอาเดียก็คือร่มคันที่เขาให้ไปนั่นเอง

แม้จะมีร่ม  แต่อาเดียก็ยังมาที่นั่นด้วยเท้าเปล่า  ดวงตาเหม่อลอยทอดมองช่อดอกไม้สีกุหลาบไม่บ่งบอกความรู้สึกอันใด  ดูราวกับจะกลืนหายไปกับเสียงฝนและความมืดสลัวรอบด้าน

“สวัสดีกลางดึกครับ  อาเดีย”  ทาร์คเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“...สวยเนอะ...”  น้ำเสียงแผ่ว ๆ พูดกลับมาเป็นคนละเรื่อง  หากทาร์คก็เข้าใจ

“ไฮเดรนเยียสีแดงนี่สินะครับ”

อาเดียพยักหน้า  “...อยากเอากลับไปจัง...”

“ก็เด็ดกลับไปสิครับ”  ทาร์คพูดพลางนั่งลงแล้วเอื้อมมือไปที่ดอกไม้ช่อนั้น

“อ๊ะ...อย่าเด็ดนะ”  อาเดียรีบนั่งลงพร้อมกับคว้ามือทาร์คไว้

แวมไพร์หนุ่มมองเขาอย่างไม่เข้าใจ  “ก็บอกว่าอยากเอากลับบ้านไม่ใช่เหรอครับ?”

ดวงตากลมโตจ้องกลับมา  แม้มันจะเลื่อนลอยและใสเหมือนลูกแก้ว  แต่กลับมีประกายประหลาดบางอย่างที่ทำให้ทาร์คแทบลืมหายใจ

“...ไม่...ไม่ใช่แบบนี้  ไม่ได้จะเด็ดไป...ผมจะวาดรูปมันกลับไป”

“วาดรูป?”

“อื้ม...แต่วันนี้ฝนตก  วาดไม่ได้...วันไหนฝนไม่ตก  ผมจะมาวาดรูปมัน”

ทาร์คประหลาดใจ  มนุษย์...เป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวและต้องการครอบครองทุกอย่างไม่ใช่หรือ...แค่ดอกไม้ช่อเดียว  จะต้องเด็ดไปได้โดยไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว  เมื่อมันแห้งเหี่ยวอยู่ในแจกัน  ก็เพียงแค่เอาไปทิ้ง  เพราะอย่างไรเสียดอกไม้ก็ยังคงเบ่งบานใหม่ได้เสมอ...แล้วทำไมอาเดียถึงไม่เอามันกลับไปทั้งช่อ

“...ผมชอบวาดรูปน่ะ...”  อาเดียบอกพลางคลี่ยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก  “ไว้จะวาดรูปคุณด้วย...คุณเหมาะกับกลางคืนดีนะ...”

ต้องเหมาะแน่อยู่แล้ว...ทาร์คคิด  ในเมื่อเขาเป็นแวมไพร์ที่ใช้ชีวิตได้แต่ตอนกลางคืนเท่านั้น  ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดจะเหมาะกับกลางคืนเท่าพวกเขาอีกแล้ว  เพียงแต่ความคิดและคำพูดของอาเดียช่างแปลกประหลาด  ทั้งที่เพิ่งเคยเจอเขาแค่สองครั้งก็ถึงกับออกปากจะวาดรูปเขาเสียแล้ว

ทาร์คไม่ค่อยชอบอะไรที่แปลกเกินไปนัก  แต่ถ้าความแปลกนั้นจะช่วยลบล้างความโดดเดี่ยวในชีวิตอันไม่มีวันสิ้นสุดนี้ไปได้บ้าง...เขาก็ยินดีรับมันไว้

“งั้น...ผมจะรอให้ฝนหยุดตกนะ”

...

การเข้านอนในตอนเช้ากลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับทาร์ค  ที่ตื่นเต้นก็เพราะเขาคอยลุ้นว่าในคืนนี้จะได้พบกับอาเดียอีกหรือเปล่า  แล้วอาเดียจะพูดอะไรแปลก ๆ ให้เขารู้สึกสนุกได้หรือเปล่า

พระจันทร์ขึ้นสูงแล้ว  ทาร์คถ่วงเวลาให้ดึกหน่อยถึงออกจากบ้าน  เขารู้ดีว่าคนนอนละเมอคงไม่ออกมาเดินตั้งแต่หัวค่ำแน่  คืนนี้ฟ้ากระจ่างและแสงจันทร์ก็เป็นใจ  ในสวนสาธารณะมืด ๆ แสงจันทร์เป็นประกายนวลอยู่บนพุ่มไม้ใบหญ้าดูสว่างเรื่อเรืองเหมือนภาพฝัน  เขาเดินลึกเข้าไปถึงแปลงดอกไม้...นั่นไง...ใครบางคนกำลังนั่งทำอะไรง่วนอยู่หน้าพุ่มไฮเดรนเยีย

ดินสอดำลากไปบนกระดาษอย่างคล่องแคล่ว  เพียงเขียนเส้นไม่กี่เส้นก็กลายเป็นภาพช่อดอกไฮเดรนเยียทับซ้อนกันไปมาได้...ไม่ว่าจะด้วยพรสวรรค์หรือการฝึกฝน  แต่สำหรับทาร์คแล้ว  พวกศิลปินคือสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถน่าอัศจรรย์ยากจะเลียนแบบ

หลังจากร่างเส้นเป็นภาพช่อไฮเดรนเยียเรียบร้อยแล้ว  อาเดียก็หยิบจานสีน้ำแบบพกพาออกมา  บรรจงป้ายพู่กันลงไปเพียงไม่กี่ครั้ง  ก็เกิดเป็นภาพดอกไม้สีกุหลาบท่ามกลางช่อดอกสีม่วงและฟ้า...แล้วเขาก็วางกระดานวาดภาพลงกับพื้น

“ยังไม่เสร็จเลยนี่ครับ?”  ทาร์คทักขึ้นในตอนนั้น  เขาได้แต่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ มานานแล้ว

อาเดียหันมาช้า ๆ  ดวงตาสีน้ำตาลยังเหม่อซึมเหมือนเคย  ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เหมือนเคย  “นึกว่าจะไม่มาแล้ว...”

“ต้องมาสิครับ  ก็สัญญาเอาไว้แล้วนี่”  ทาร์คยิ้มให้  “ว่าแต่...ยังไม่เสร็จเลย  เลิกวาดแล้วเหรอครับ?”

“รอให้สีแห้งน่ะ...”  พูดแล้วก็ดึงกระดาษที่สียังไม่แห้งออกจากกระดานวาดภาพแล้วจัดกระดาษแผ่นใหม่ให้เข้าที่  “...มาก็ดีเลย  นั่งสิ  เดี๋ยวผมจะวาดรูปคุณ...”

ทาร์คไม่พูดอะไรให้มากความ  เขานั่งลงกับพื้นง่าย ๆ ที่ใต้แสงไฟนั้น  ดวงตาสีน้ำตาลใสจับจ้องที่ใบหน้าของทาร์คอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะลงมือลากดินสอขีดเขียนไปบนกระดาษ  อาเดียละสายตาจากกระดาษมามองหน้าร่างสูงเป็นระยะ  มือก็ตวัดดินสอไปอย่างคล่องแคล่ว...เหมือนบรรยากาศและเวลาได้หยุดลง ณ ตรงนั้น  รอบกายเงียบสงัด  มีเพียงเสียงดินสอลากไปบนกระดาษเท่านั้น  ทาร์คมองท่าทีจริงจังนั้นอย่างเอ็นดูแล้วเผลอยกมุมปากขึ้นยิ้ม

อาเดียชะงักไปนิดหนึ่ง

“มีอะไรเหรอครับ?”  ทาร์คเลิกคิ้วนิด ๆ เป็นเชิงถาม

คนตัวเล็กกว่าเพียงแต่ยิ้มบาง ๆ ตอบ  “...คุณยิ้มได้ดีจัง...”

“ผมน่ะเหรอ?”

“อื้ม...ยิ้มอีกสิ...”

มาบอกให้ยิ้มแบบนี้  ใครจะไปยิ้มได้...ทาร์คคิด  แต่คิดแล้วก็นึกขำถึงได้ยิ้มออกมาอีก  อาเดียทำหน้าพอใจแล้วรีบวาดภาพต่อไป

ไม่นานนัก  ภาพลายเส้นของทาร์คก็เสร็จ  เจ้าตัวรับไปดูแล้วก็ทำหน้าฉงนนิด ๆ

“นี่...ผมทำหน้าแบบนี้เหรอ?”

“ถึงได้บอกว่ายิ้มได้ดีไง...”  อาเดียยิ้มแล้วหันกลับไปหยิบภาพวาดสีน้ำของตัวเองขึ้นมาเสียบกับกระดานอีกครั้ง

พออาเดียกลับไปหมกมุ่นกับการวาดดอกไฮเดรนเยียช่อนั้นต่อ  ทาร์คก็แค่นั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไร

...

ผ่านไปหลายวัน  ทาร์คได้พบกับอาเดียทุกคืน  ชายหนุ่มที่เป็นโรคนอนละเมอคนนี้ออกเดินไปในเมืองยามค่ำคืนมาจนถึงสวนสาธารณะแห่งนี้ทั้งเท้าเปล่าเสมอ  ตั้งแต่ได้ร่มจากทาร์คไปอาเดียก็ไม่เคยตากฝนอีก  และในวันที่ฝนไม่ตกก็จะมาที่สวนสาธารณะพร้อมกับกระดานวาดภาพทุกครั้ง  อาเดียวาดภาพดอกไฮเดรนเยียมากมายและวาดภาพทาร์คเอาไว้มากพอ ๆ กัน
ไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่บานอยู่ได้นาน  แต่สุดท้ายก็ต้องมีวันเหี่ยวเฉา  ช่อดอกไม้สีกุหลาบค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลไปพร้อมกับช่ออื่น ๆ ที่บานในช่วงเดียวกัน  แต่ถึงกระนั้นอาเดียก็วาดภาพมันตอนที่เริ่มเหี่ยวแล้วเอาไว้

“...ไม่รู้ช่อใหม่...จะแดงแบบนี้หรือเปล่านะ...”  ชายหนุ่มพึมพำออกมาหลังจากปาดพู่กันเป็นครั้งสุดท้าย

“นั่นสิครับ  ถ้าได้แบบนี้อีกก็คงดีหรอก  ลองเอาปูนขาวมาใส่ให้มันดีไหม?”

“...ทำไมต้องปูนขาว...?”  ดวงตาใสเหมือนลูกแก้วมีแววสงสัย

“ผมเคยได้ยินมาว่าถ้าใส่ปูนขาวลงไปจะได้ไฮเดรนเยียสีชมพูน่ะครับ  ถ้าใส่เกลือหรืออะไรลงไปในดินจะได้สีฟ้า  ถ้าจะให้แดงขนาดนี้อาจจะต้องใช้ปูนขาวเยอะหน่อยละมั้ง”  ทาร์คอธิบายตามความรู้ที่มี

อาเดียนิ่งเงียบไป  เขาหันกลับไปจ้องดูดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา  สีหน้าไร้ความรู้สึกดูมีแววกังวลบางอย่างฉาบอยู่บาง ๆ

“...อย่าไปบังคับมันเลย...”  เสียงนั้นแทบไม่ดังกว่ากระซิบ

“ครับ?”

“...มันจะเป็นสีฟ้าหรือแดงก็ให้มันเลือกเองเถอะ  อย่าบังคับมันเลย...”

มีกระแสบางอย่างในน้ำเสียงนั้นที่สะดุดใจทาร์ค  สีหน้าของอาเดียดูเศร้าหมองลงนิดหน่อย

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ  ผมแค่เสนอความคิดเท่านั้นเอง  ถ้าคุณไม่ชอบผมก็ไม่ทำหรอก”  ทาร์คพยายามปลอบ

คำตอบมาช้ากว่าที่เคย  แต่ในที่สุดอาเดียก็หันมายิ้มบาง ๆ ให้

“...อื้ม  ขอบคุณนะ...”

ทาร์คไม่รู้หรอกว่าอาเดียคิดอะไร  แต่บางอย่างในสีหน้าและน้ำเสียงนั้นทำให้เขาอยากรู้  อาเดียในตอนกลางวันเป็นอย่างไร  อาเดียที่ไม่ได้นอนละเมอเป็นอย่างไร  ตัวตนจริง ๆ ของอาเดียเป็นคนอย่างไร...ความรู้สึกเช่นนี้ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในใจของทาร์คทีละน้อย

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #2 เมื่อ31-10-2015 20:02:11 »

ฝนต้นฤดูร้อนเดินทางจากไป  พร้อม ๆ กับสีสันของดอกไม้  ไม่ทันไรไฮเดรนเยียก็เหลือแต่ใบสีเขียวแผ่รับแสงจันทร์กระจ่างใส  อากาศร้อนชวนอึดอัดทำให้ทนอยู่ในบ้านได้ยากแต่ถึงกระนั้นทาร์คก็ต้องทน  แสงแดดหน้าร้อนสาดแสงแรงกล้าแผ่ความร้อนลงมาจนถึงห้องใต้ดินที่อากาศเย็นกว่าข้างบนมาก

ร้อน...แต่ออกไปไม่ได้...แค่แดดฤดูหนาวในวันหิมะตกยังทำให้ผิวพุพอง  อย่าให้ถึงมือแดดฤดูร้อนเลย

“แต่อาจจะเป็นการตายเฉียบพลันที่ไม่ทันรู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยก็ได้นะ”  ทาร์ครำพึงกับตัวเองบนที่นอน  มันร้อนเสียจนเขานอนไม่หลับ  ขนาดตอนกลางคืนก็ยังร้อนอบอ้าว

แวมไพร์หนุ่มคิดไปถึงอาเดียที่ได้พบในตอนกลางคืน  แม้จะยังพูดคุยและยิ้มบาง ๆ ได้เหมือนเคยแต่ชายหนุ่มดูซีดเซียวไปมาก

“ก็มันร้อนขนาดนี้นี่นะ...มนุษย์ทนอยู่กลางแดดกันได้ยังไง”  ทาร์คบ่นแล้วลุกจากเตียงในที่สุด

เขาอยากรู้ว่าอาเดียในตอนนี้ทำอะไรอยู่แต่ก็ออกไปดูไม่ได้  เขาทบทวนศาสตร์เก่า ๆ ที่เคยได้เรียนรู้มาอยู่ครู่หนึ่งจึงได้หากระดาษมาพับเป็นนก  ร่ายมนตราด้วยภาษาโบราณแล้วเป่าลมหายใจลงไป  นกกระดาษกลายร่างเป็นนกสีน้ำตาลตัวเล็ก ๆ ที่ไม่สะดุดตา

“บินไปหาอาเดียนะ”

พอได้รับคำสั่งเจ้านกน้อยก็โผบินออกช่องหน้าต่างแตก ๆ ไป  ทาร์คกลับไปนั่งลงบนเตียงแล้วหลับตา  ด้วยเวทมนตร์นี้เขาสามารถมองเห็นโลกภายนอกผ่านสายตานกกระดาษได้

ด้วยสายตาของนกเวทมนตร์  ทาร์คสามารถมองเห็นโลกใต้แสงตะวันได้  มันสว่างเจิดจ้าและเต็มไปด้วยสีสันมากมายจนแทบจะพร่าพราย  ต้นไม้สีเขียว  ผิวน้ำสีฟ้าสะท้อนแดดเป็นประกายสีทอง  ดอกไม้แข่งกันอวดสีสันท้าทายสายตา...โลกดูราวกับถาดอัญมณี  ผิดกับโลกตอนกลางคืนที่ทาร์ครู้จักอย่างสิ้นเชิง

ไม่ใช่ว่าโลกยามราตรีไม่สวย  ทาร์ครักโลกสีน้ำเงินที่แผ่กว้างอยู่ใต้แสงจันทร์สีเงินงามมาก  เขาเพิ่งรู้จักสีสันแท้จริงของโลกเมื่อตอนที่มนุษย์มีไฟนีออนใช้นี่เอง

นกเวทมนตร์บินตัดผ่านเมืองไปค้นหาคลื่นวิญญาณของอาเดียจนพบ  มันร่อนลงจับกิ่งไม้ที่ทอดอยู่ใกล้ ๆ หน้าต่างของอาคารทรงโบราณแห่งหนึ่ง

อาเดียนั่งอยู่ข้างหน้าต่างบานนั้น  ตรงหน้ามีเฟรมผ้าใบขนาดใหญ่ตั้งอยู่  ชายหนุ่มป้ายพู่กันลงบนแผ่นผ้านั้นอย่างเชื่องช้า

...เป็นศิลปินจริง ๆ ด้วยสินะ...ทาร์คคิด

แต่ท่าทางของอาเดียผิดไปกว่าเคย  สีหน้าดูหม่นหมอง  ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยใสเหมือนลูกแก้วดูขุ่นมัว  มือที่จับพู่กันดูไร้เรี่ยวแรง...อาเดียดูไร้ชีวิตชีวายิ่งกว่าเวลาเดินละเมอเสียอีก

...ทำไมกันล่ะ  มีอะไรทุกข์ใจงั้นหรือ...

นกเวทมนตร์โผจากกิ่งไม้ไปเกาะบนบานหน้าต่างที่เปิดอยู่  มองดูอาเดียและภาพที่กำลังวาดในระยะใกล้

นั่นดูไม่เหมือนภาพของอาเดียเลยสักนิด  ทาร์คเห็นอาเดียวาดภาพมาไม่มากนัก  แต่ภาพวังวนอึมครึมที่เต็มไปด้วยคลื่นแห่งอารมณ์อันเกรี้ยวกราดมันเป็นคนละเรื่องกับภาพดอกไม้สีกุหลาบที่เขาเคยเห็นจนราวกับเป็นคนละคนวาด

ผู้ชายมืดมนคนนี้ไม่ใข่อาเดียที่ทาร์ครู้จัก

ก่อนที่ทาร์คจะทันได้คิดว่าควรจะทำอย่างไร  ชายค่อนข้างสูงวัยคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง

“เป็นอย่างไรบ้าง  อาเดีย?”  เขาเอ่ยทักขึ้น

“อาจารย์...”  อาเดียหันไปมองผู้มาเยือนแล้วมีสีหน้ามืดมนกว่าเดิม

“โอ้  จวนจะเสร็จแล้วนี่  เธอนี่ทำงานได้เร็วจริง ๆ เลยนะ  แบบนี้ต้องทันงานประกวดแน่”  คนเป็นอาจารย์เอ่ยปากชมภาพที่ยังวาดค้างไว้

“...ครับ”  อาเดียรับคำด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย

“แต่ตรงนี้สีอ่อนไปหน่อยนะ  น่าจะให้ทะมึนดำกว่านี้จะดูทรงพลังมากกว่า”

“ครับ...”

อาจารย์ยังคงแนะนำอะไรอีกยืดยาว  ซึ่งอาเดียก็แค่รับคำอย่างแกน ๆ  พักใหญ่ผู้เป็นอาจารย์จึงออกจากห้องไป

แล้วอาเดียก็ถอนใจพลางวางพู่กันลง  ขนตายาวเป็นแพหรุบลงไม่ยองมองภาพตรงหน้า  นั่งนิ่งอยู่เป็นนานเหมือนไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว  แต่ก่อนที่ทาร์คจะสั่งให้นกเวทมนตร์ลงไปเกาะไหล่อาเดีย  ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง  คราวนี้เป็นหนุ่มร่างสูง  อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาเดีย  ผมสั้นสีดำดูยิ่งเหยิงและสวมผ้ากันเปื้อนเลอะดิน

“อาเดีย  ไปกินข้าวกัน...เอ้า  นั่งหงอยอะไรอีกล่ะ?”

“...วาเรส?”

“เออสิ”  คนถูกเรียกว่าวาเรสเดินอาด ๆ เข้ามาในห้อง  “ทำไม?  โดน ’จารย์ว่าอะไรอีกหรือไง?”

“...เปล่า...”

“ฉันไม่ค่อยเชื่อคำว่าเปล่าของนายเลย  เรื่องรูปที่จะส่งประกวดนี่ละสิ...นี่นายจะเป็นศิลปินผีให้ ’จารย์ไปถึงเมื่อไร  หา?”  วาเรสมองภาพที่อาเดียวาดค้างไว้แล้วทำหน้ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

“มันก็...”

“นายมีฝีมือนะ  อาเดีย  ถึงจะมีรายได้จากการเป็นศิลปินผีให้ ’จารย์แกก็เถอะ  แต่ได้สักแค่ไหนเชียว  ’จารย์แกแบ่งรายได้จากการประกวดกับการขายงานให้นายแค่ขี้เล็บเท่านั้นแหละ  นายยังต้องทำงานพิเศษหาค่าเช่าหออยู่เลยไม่ใช่เรอะ?”

“ก็ใช่...แต่อาจารย์คอยจัดการเรื่องทุนกับค่าอุปกรณ์วาดรูปให้ฉันมาตลอดเลยนี่นา  มันก็...”  อาเดียอ้อมแอ้มเถียง

“แล้วไง?  นายก็เลยทิ้งอนาคตตัวเองเป็นการตอบแทนบุญคุณงั้นสิ?”

คราวนี้อาเดียไม่ตอบอะไร  เขาเอาแต่ก้มหน้านิ่งแล้วถอนใจอย่างอึดอัด  วาเรสเห็นท่าทางของเพื่อนแล้วก็ยักไหล่

“เอ้า  ช่างเถอะ  ตอนนี้ไปหาข้าวกินกันก่อนดีกว่า  เย็นนี้มีงานนี่นะ  มาอดข้าวไม่ได้หรอกนะ”  พูดแล้ววาเรสก็คว้าแขนอาเดียดึงให้ลุกขึ้นก่อนจะฉวยกระเป๋าของอาเดียที่วางอยู่ใกล้ตัวแล้วลากออกจากห้องไป

...ศิลปินผี?...เพราะอย่างนั้นภาพนี้จึงไม่เหมือนภาพของอาเดียที่เขารู้จักสินะ...ทาร์คพิจารณาภาพนั้นผ่านสายตาของนะ  ว่ากันว่าจิตใจของศิลปินจะถ่ายทอดออกมาทางผลงาน  อาเดียที่วาดภาพนี้คงกำลังทุกข์ทรมานมากสินะ  ทาร์ครู้สึกได้ถึงการตะเกียกตะกายดิ้นรนอยู่ในภาพนั้น  ต่างจากภาพดอกไฮเดรนเยียที่เริ่มเหี่ยวแห้งที่เพิ่งวาดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้  ในภาพนั้นแม้ดอกไม้จะเหี่ยวเฉาแต่ยังมีบรรยากาศที่สงบและอบอุ่น

...อย่าไปบังคับมันเลย...คำพูดของอาเดียผุดขึ้นมาในหัว  เพราะถูกบังคับอยู่ตลอดอาเดียจึงไม่อยากบังคับใครหรืออะไรสินะ  และเพราะอึดอัดทรมานกับการถูกบังคับจึงได้ออกเดินไปในยามค่ำคืนเพื่อสัมผัสกับอิสระที่ไร้การผูกมัดสินะ

ทาร์คติดตามดูอาเดียตลอดวัน  ตกบ่ายแก่ ๆ อาเดียกับวาเรสก็ออกจากวิทยาลัยไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารกลางแจ้งแห่งหนึ่ง  แม้อากาศจะร้อนและแดดจะจ้า  แต่ผู้คนก็นิยมนั่งตามโต๊ะใต้ร่มไม้ใกล้ ๆ น้ำพุ  เป็นร้านที่ขายดีมากร้านหนึ่ง  อาเดียกับวาเรสและพนักงานอื่น ๆ เดินบริการอาหารและเครื่องดื่มกันแทบไม่ได้หยุดได้หย่อน

ล่วงเข้าตอนเย็นแล้วแต่อากาศยังร้อนอบอ้าว  ไม่เพียงแต่ทาร์คที่สังเกตเห็นว่าอาเดียที่ทำงานมาหลายชั่วโมงหน้าซีดเผือด  วาเรสก็เห็นเช่นกัน

“อาเดีย  เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“หือ?  เปล่านี่”  ปากพูดแบบนั้นแต่งใบหน้าของอาเดียขาวซีดเหมือนกระดาษ  เหงื่อเย็น ๆ ไกลอาบหน้าจนต้องเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด

“ไม่เป็นไรได้ไง  หน้าซีดเชียว  นายไปพักหน่อยดีกว่า  เดี๋ยวฉันบอกผู้จัดการให้”  วาเรสบอกเมื่อเห็นอาการของอาเดียดูไม่ดีเอามาก ๆ

“เอางั้นเหรอ”  แม้จะรู้สึกเกรงใจแต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากปฏิเสธ  เขาก็รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก

“เอางั้นแหละ  เอ้า  เอาแซนด์วิชนี่ไปด้วย  ฉันเลี้ยง”  วาเรสหยิบแซนด์วิชที่กำลังจะเอาไปเสิร์ฟลูกค้าซึ่งอยู่ในถาดยัดใส่มืออาเดียโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของพ่อครัว

“เอ้อ...ขอบใจนะ...”

“เออ  รีบไปเหอะ  อย่าพักนานนักล่ะ  สักสองชั่วโมงก็กลับมาได้แล้ว”  วาเรสบอกพลางโบกมือไล่

อาเดียยิ้มพลางพยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปด้านหลังร้าน  ตรงนี้มีบันไดปูน 8 ขั้นทอดลงไปถึงทางเดินด้านล่างและมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา  เป็นที่ที่อาเดียมักจะมานั่งกินมื้อเย็นระหว่างพักเสมอ

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวลงบันได  โลกก็เอียงวูบ...อาเดียหน้ามืดพลัดหล่นจากบันได!

ไวเท่าความคิด  ทาร์คร่ายคาถาด้วยความเร็วที่ตนก็ไม่คิดว่าจะทำได้มาก่อน  นกเวทมนตร์พุ่งลงจากกิ่งไม้  กลายร่างเป็นกระดาษหนาแผ่นใหญ่รับร่างของอาเดียไว้ได้ก่อนตกกระแทกพื้นพอดี

เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของผู้หญิงที่เดินผ่านมาคือเสียงสุดท้ายที่ทาร์คได้ยิน  แล้วมนตร์ที่ใช้กับนกกระดาษก็คลายลง  ภาพจากโลกภายนอกดับวูบลงทันที

“อาเดีย...”  ทาร์คยกมือขึ้นปิดหน้า  บางอย่างในความรู้สึกบอกเขาว่านี่เป็นความผิดของเขาส่วนหนึ่ง

คนที่นอนละเมอคือคนที่หลับไม่สนิทแบบเดียวกับคนฝัน  ต่างกันที่คนฝันไม่ต้องใช้พลังงานและร่างกายเพียงแค่นอนอยู่เฉย ๆ เท่านั้น  แต่คนละเมอต้องใช้พลังงานและร่างกายด้วย

อาเดียออกเดินจากบ้านทุกคืน  ซ้ำยังต้องเผชิญความเครียดและการทำงานในตอนกลางวันทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ  สภาพร่างกายแย่ลงอย่างรวดเร็ว

ถ้าอย่างนั้น  ทาร์คคิดว่าเขาควรทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยอาเดีย

...

ไฮเดรนเยียเหี่ยวหมดแล้วก็จริง  แต่ทาร์คยังคงไปที่แปลงดอกไม้ใต้เสาไฟ  หากวันนี้อาเดียไม่มา  เขารู้ว่าทำไม...คงไม่มีใครปล่อยให้คนที่เพิ่งตกบันไดออกจากบ้านแน่  เขารู้ว่าเขาช่วยอาเดียได้ทันและอาเดียก็ปลอดภัยแน่  แต่เขาไม่รู้ว่าบ้านของอาเดียอยู่ที่ไหนเพราะนกเวทมนตร์ของเขาคลายมนตร์เสียก่อน  หากที่แปลงดอกไม้นี่มีความรู้สึกนึกคิดของอาเดียหลงเหลืออยู่มาก  และทาร์คสามารถตามความรู้สึกนั้นไปได้

ไกลออกไปหลายช่วงตึก  ทาร์คมาถึงอพาร์ตเมนต์โทรม ๆ แห่งหนึ่ง  เขารับรู้ได้ว่าอาเดียอยู่ในห้องที่ยังเปิดไฟที่ชั้นบนนั่น...และยังไม่นอน

ความจริงจะใช้เวทมนตร์แอบดูในห้องของอาเดียจากตรงนี้ก็ได้  แต่ถ้ามีคนเห็นว่ามายืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ จะต้องถูกสงสัยแน่  ทาร์คจึงแปลงร่างเป็นค้างคาวแล้วแฝงตัวกับความมืดเกาะอยู่นอกหน้าต่างห้องอาเดีย

วาเรสกับอาเดียอยู่ในห้องและกำลังทุ่มเถียงอะไรบางอย่างกันอยู่

“ก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้วไง”  อาเดียที่นั่งอยู่บนเตียงโวยวาย

“ไม่เป็นไรได้ไง  วูบตกบันไดไปแบบนั้นน่ะ”  วาเรสยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงเถียง

“แต่ไม่ได้บาดเจ็บนี่  หมอก็บอกว่าไม่เป็นไรด้วย”  อาเดียยังคงดื้อดึง

“แต่หมอก็บอกว่านายโลหิตจางเพราะนอนไม่พอ  เพราะงั้นนอนซะ”

“แต่นอนมาตั้งแต่เย็นแล้วนี่”  คนป่วยเถียง

“แค่ครึ่งคืนมันจะเต็มอิ่มได้ไง  นอนต่อซะ”  วาเรสออกคำสั่ง

“แต่...มันไม่หลับนี่”

“แล้วจะลุกมาทำอะไรไม่ทราบ?”

“ก็...วาดรูป...”  อาเดียอ้อมแอ้มตอบ”

“จะวาดอะไรตอนนี้”  วาเรสทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ

“ก็ตอนกลางวันไม่ได้วาดนี่...”

หลังน้ำเสียงอ่อย ๆ ของอาเดียคือความเงียบ  ครู่หนึ่งวาเรสจึงได้ถอนใจหนัก ๆ

“เอาละ  เอางั้นก็ได้...วาดรูปสินะ”  ศึกครั้งนี้วาเรสแพ้เสียแล้ว

“ได้ใช่ไหม?”  อาเดียรีบตะกายลงจากเตียงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที  เขาเดินตรงไปยังกองเฟรมผ้าใบที่ตั้งพิงผนังห้องแคบ ๆ รก ๆ ของตนทันที  แล้วรื้อกองกระดาษที่สุมอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา  “ดีจัง  ไม่ได้วาดรูปมาตั้งนานแล้ว...เอ๊ะ...?”

“อะไรเหรอ?”  วาเรสถามเมื่อเห็นอาเดียหยิบกระดานวาดภาพขึ้นมาแล้วชะงักไป

อาเดียไม่ตอบแต่เปิดภาพที่หนีบเอาไว้กับกระดานดูทีละแผ่น  วาเรสจึงเข้ามาดูด้วย...ในนั้นมีทั้งภาพลายเส้นและภาพสีน้ำ

“โฮ่  ฝีมือนายพัฒนาขึ้นเยอะเลยนี่  เป็นศิลปินผีก็ไม่เลวเหมือนกันนะ  แต่ให้สีสวยดีนี่”  วาเรสออกปากชม  แต่อาเดียกลับมีสีหน้ายุ่งยากใจ  “ทำไม?  มีอะไรเหรอ?”

“ฉัน...ไม่เห็นจำได้เลยว่าวาดรูปพวกนี้...”

“อ้าว  ถ้านายไม่ได้วาดแล้วใครจะวาด  นี่เทคนิคของนายชัด ๆ”

“จริง ๆ นะ...จำไม่ได้เลย...”

“ตลกละ  ละเมอลุกขึ้นมาวาดหรือเปล่า?”  วาเรสแกล้งแหย่

“ไม่...ไม่รู้สิ  ดอกอะไรเนี่ย...ไฮเดรนเยีย...?”

“ไฮเดรนเยียอะไรสีแดงขนาดนั้น?”  วาเรสดึงภาพในมืออาเดียไปดู  “แต่ก็ไฮเดรนเยียจริง ๆ ด้วยแฮะ”

อาเดียเปิดไปจนถึงกระดาษแผ่นท้าย ๆ แล้วก็หยุด

“อะไร?”  วาเรสชะโงกหน้ามาดู

ภาพชุดสุดท้ายเป็นภาพวาดลายเส้นของชายหนุ่มที่วาเรสไม่รู้จัก

“ใครน่ะ?”

อาเดียส่ายหน้า  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เขาก็ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้...แต่ส่วนลึกในหัวใจอุ่นวาบขึ้นมาอย่างประหลาด...แต่...ใครกันล่ะ...
ด้วยความสับสนบางอย่าง  อาเดียรวบภาพทั้งหมดมาหนีบด้วยคลิปสีดำอันใหญ่

“ฉัน...ฉันจะนอนแล้ว”

“เออ  นอนเถอะ  เหนื่อยมาทั้งวันก็ควรจะนอนได้แล้ว”  วาเรสรีบสนับสนุน  เขาติดใจกับท่าทีแปลก ๆ ของอาเดียอยู่บ้าง  แต่ตอนนี้อาเดียควรจะพักผ่อนให้มากไว้ก่อน

พอห่มผ้าให้อาเดียที่นอนขดอยู่บนเตียงแล้ว  วาเรสก็ปิดไฟแล้วลงนอนข้าง ๆ เตียงโดยใช้หนังสือต่างหมอน  ห้องทั้งห้องกลับสู่ความเงียบสงัด  มีเพียงเสียงกระพือปีกเบา ๆ ที่นอกหน้าต่างเท่านั้น

ทาร์คบินกลับมาที่สวนสาธารณะแล้วคืนร่างมนุษย์  เขาเดินไปนั่งที่ม้านั่งพลางครุ่นคิด  ร่างกายของอาเดียทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนจนทนรับสภาพไม่ไหว  แม้การเดินละเมอตอนกลางคืนจะเกิดขึ้นเพื่อเยียวยาจิตใจที่อ่อนล้าก็ตาม  แต่ความเหน็ดเหนื่อยสะสมก็เริ่มก่อผลร้ายแล้ว  เขาควรหาทางช่วยเหลือ...อย่างน้อยก็ให้อาเดียได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ก็ยังดี

...

เสียงเท้าเปล่าเดินย่ำกรวดมาตามทางเดินคือเสียงที่ทาร์คจำได้ดีในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา  ร่างบางในชุดนอนเดินตรงมาที่แปลงดอกไฮเดรนเยีย  ในมือมีกระดานวาดภาพและจานสีน้ำแบบพกพาเหมือนเคย  พอเห็นทาร์คใบหน้าเรียบเฉยก็ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ

“...ไม่มีดอกไม้แล้ว...”  เป็นประโยคที่เอ่ยขึ้นเหมือนแทนคำทักทาย

“นั่นสิครับ  แล้วทีนี้จะวาดอะไรดีล่ะ?”  ทาร์คถามอย่างอ่อนโยน

อาเดียนิ่งคิดไปพักหนึ่ง  ดวงตาใสเหมือนลูกแก้วจ้องทาร์คไม่วางตา

“...วาดคุณ...”

ทาร์คเบิกตาขึ้นนิดหนึ่งอย่างประหลาดใจ

“ทำไมล่ะ?”

“คุณยิ้มได้ดี  ผมอยากวาดไว้อีก...”  อาเดียตอบพร้อมกับรอยยิ้ม  “มา...นั่งเลย...”

คราวนี้ทาร์คหัวเราะ  “วาดแค่ผมก็แห้งแล้งแย่สิครับ”

“อยากวาดนี่...อะไรก็ได้  อยากวาดเยอะ ๆ เลย...”

แวมไพร์หนุ่มยิ้มกับท่าทางกางแขนกว้างเหมือนเด็ก ๆ นั่น  อาเดียคงอยากวาดภาพมาตลอดจริง ๆ

“งั้นผมพาไปที่ดี ๆ ดีกว่า  ที่ที่มีดอกไม้ด้วยเป็นไงครับ?”

“...ดี”

“งั้นจับมือผมไว้นะครับ”  ทาร์คยื่นมือไปให้

อาเดียมองมือข้างนั้นเหมือนจะลังเลนิดหน่อย  แต่แล้วก็จับเอาไว้มั่น

“ไม่ว่ายังไงก็อย่าปล่อยนะครับ”

พูดจบ  ปีกสีดำก็สยายออกมาจากแผ่นหลังของแวมไพร์หนุ่ม  ทาร์คพาอาเดียบินขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว  อาเดียเบิกตากว้างแล้วก็รีบหลับตาปี๋ด้วยความตกใจระคนหวาดเสียว  ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมแขนที่รั้งร่างของเขาไปกอดไว้แน่น

“ลืมตาสิครับ  วิวสวยออก”

เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู  อาเดียค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“...ว้าว...”

ทิวทัศน์ของเมืองใหญ่แผ่กว้างอยู่เบื้องล่าง  แสงไฟสว่างไสวเป็นประกายระยับเหมือนหมู่ดาว...ไม่สิ  ดูราวกับทางช้างเผือกต่างหาก  อาเดียตื่นตะลึงกับความสวยงามจนแทบลืมหายใจ  สายลมเย็นปะทะเข้าที่ใบหน้า  เมฆหมอกบาง ๆ พัดผ่านเข้ามาในสายตา  ภาพเมืองที่ประดับประดาด้วยดวงไฟใหญ่น้อยสวยงามเหมือนภาพฝัน

“...ฝัน...”

“ครับ?”

“...นี่เป็นความฝันสินะ”

“จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ”  ทาร์คหัวเราะเบา ๆ  สำหรับอาเดียที่นอนละเมอแล้วความเป็นจริงนี้ย่อมเท่ากับความฝันแน่

แสงของเมืองเริ่มห่างออกไป  คราวนี้ดวงดาวแท้จริงบนฟ้าจึงเปล่งประกายแสงดึงดูดให้แหงนมองขึ้นไป  ดูใกล้เสียจนแทบจะเอื้อมมือคว้าได้  อาเดียยกมือขึ้นไปหาดวงดาวแล้วหัวเราะเสียงใส

เป็นเสียงหัวเราะที่อาเดียในตอนกลางวันคงไม่ได้เปล่งออกมานานแล้ว

“ดีจัง...วิเศษไปเลย”

“แล้วจะดีกว่านี้อีกครับ”

แวมไพร์หนุ่มบอกพลางร่อนลงตรงที่ราบแห่งหนึ่ง  เขาปล่อยอาเดียลงพื้นอย่างนุ่มนวล

“โห...ดอกอะไรเนี่ย?”

อาเดียทำตาโตกับทุ่งดอกไม้สีขาวที่สะท้อนแสงจันทร์จนดูราวกับจะเรืองแสงได้  ดอกไม้เล็ก ๆ ทอดยาวออกไปตามเส้นทางในป่าเหมือนลำธารที่เต็มไปด้วยน้ำนม

“ดอกแสงจันทร์ครับ  จะบานเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น”  ทาร์คอธิบาย

“...เหรอ...ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย...”  อาเดียนั่งลงพิจารณาดอกไม้อย่างสนอกสนใจ

“เพราะมันบานตอนกลางคืน  มนุษย์เลยไม่สนใจจะเอาไปปลูกไงครับ”

“...คุณ...พูดเหมือนตัวเองไม่ใช่มนุษย์...”

“ยังไงดีนะ”  ทาร์คเพียงแต่ยิ้ม

ดวงตากระจ่างใสจ้องมองทาร์คเหมือนจะคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง

“...เมื่อกี้บินได้นี่...ไม่ใช่มนุษย์หรอก”  อาเดียสรุปกับตัวเองแล้วหยิบกระดานวาดภาพขึ้นมา

บทสนทนาจบลงแค่นั้น  ทาร์คเพียงแต่เฝ้ามองอาเดียวาดรูปอยู่ใกล้ ๆ  เวลาเคลื่อนผ่านไปโดยไม่มีคำพูดจา  อาเดียหมกมุ่นอยู่กับการวาดภาพภาพแล้วภาพเล่า  รอบตัวชายหนุ่มมีภาพสีน้ำวางเกลื่อนไปหมด  สีหน้าของคนนอนละเมอยังนิ่งเฉยเหมือนตุ๊กตา  มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่มีรอยยิ้มแตะแต้มอยู่บาง ๆ

ทาร์คมองรอยยิ้มนั้นแล้วหลับตาลงเบา ๆ

แล้วดาวประกายพรึกก็จับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก  ทาร์คพาอาเดียบินกลับมาในเมืองและร่อนลงตรงหน้าอพาร์ตเมนต์ของอาเดีย  ตะวันยังไม่จับขอบฟ้า  อากาศยามย่ำรุ่งยังเต็มไปด้วยละอองชื้นของน้ำค้าง  ยังไม่มีคนตื่นจากนิทราแม้แต่คนเดียว

“...ทำไมถึงรู้ว่าที่นี่...?”

“ก็ผมไม่ใช่มนุษย์นี่นา”

อาเดียยิ้มกับคำตอบนั้น

“...นั่นสินะ...นี่  ไว้พรุ่งนี้  พาผมไปที่นั่นอีกนะ...”

ทาร์คส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบาง ๆ

“...ทำไมล่ะ...?”  อาเดียไม่เข้าใจความหมายในรอยยิ้มนั้น

“ดอกไม้กลางคืนก็ควรบานกลางคืน  ส่วนดอกไม้ที่บานกลางวันก็ควรอวดความงามของมันใต้แสงอาทิตย์”

“...คุณพูดเหมือนกวี...”

“ผมไม่ใช่กวีหรอก  ไม่มีความสามารถอะไรแบบคุณ...แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทำให้คุณได้”

ทาร์ครั้งร่างของอาเดียมากอดไว้แนบอก  จรดริมฝีปากลงกับลำคอขาวแล้วกระซิบแผ่วเบา

“ลืมเรื่องราวของผมซะ  ไม่ต้องเดินออกมาหาผมอีก  จงหลับให้สบาย  นอนให้มีความสุข...และจงเบ่งบานใต้แสงตะวันเถอะ  อาเดีย  คุณที่วาดดอกไฮเดรนเยียแห้ง ๆ ได้มีชีวิตชีวาขนาดนั้น  ต้องเบ่งบานอย่างงดงามได้แน่”

เขี้ยวขาวกดลงไปในผิวเนื้ออย่างนุ่มนวล  อาเดียผวาเยือก  ปล่อยกระดานวาดภาพหล่นลงพื้น  รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างหลุดลอยจากร่างไปพร้อมกับสติที่เลือนรางลงทุกที

แล้วริมฝีปากเย็นเหมือนน้ำแข็งก็ผละออกจากลำคอ

“ที่ผ่านมาผมสนุกมากเลยนะ  แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ  จงกลับไปใต้แสงตะวันแล้วเป็นตัวคุณอย่างที่คุณอยากเป็นเถอะ”

“...ทาร์...ค...”

ทาร์คยิ้มแล้วจูบลงหน้าผากของอาเดีย

“ผมจะรอดูภาพวาดใต้แสงตะวันของคุณนะ  อาเดีย”

นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่อาเดียได้ยิน  ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #3 เมื่อ31-10-2015 20:07:58 »

“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่างานของนายจะชนะการประกวดน่ะ”  วาเรสพูดพลางโยนหนังสือลงลังกระดาษ

“ฉันยังไม่อยากเชื่ออยู่เลยเนี่ย”  อาเดียจัดการเอาเทปปิดลังให้เรียบร้อย

“แต่ที่ฉันไม่อยากเชื่อมากกว่านั้นคือนายเอารูปของตัวเองส่งประกวดงานเดียวกับ ’จารย์  นายทำได้ไงน่ะ?”

“ก็วาดรูปของอาจารย์เสร็จแล้วมันยังพอมีเวลานี่นา”

“สามวันก่อนประกวดเนี่ยนะ...อัจฉริยะไปป่ะ?”  วาเรสทำเสียงประชด

อาเดียเพียงแต่หัวเราะ  “ไม่รู้สิ  มันเหมือนกับว่าตื่นมาในเช้าวันหนึ่งแล้วก็อยากจะวาดรูปขึ้นมาน่ะ  อธิบายไม่ถูก...เหมือนได้หลับเต็มอิ่มเลยมีแรงจะวาดขึ้นมาน่ะ”

“หลับเต็มอิ่ม?  ก่อนหน้านี้ยังเลือดจางเพราะนอนไม่พอแท้ ๆ”

“ก็นั่นสิ  แต่ตื่นมาเช้านั้นแล้วหายเป็นปลิดทิ้งเลยนะ”

“คงไม่เกี่ยวกับไอ้รอยที่คอนั่นใช่ไหม?”

“ไม่เกี่ยวน่า...”

วาเรสกับอาเดียมองหน้ากันแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก  ต่างก็เก็บของกันไปเงียบ ๆ พลางครุ่นคิดอยู่ในใจ

มันเป็นเรื่องแปลกที่เช้าวันหนึ่งอาเดียก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน  อาเดียที่ดูซึมเซาอยู่เสมอกลับตื่นก่อนที่วาเรสจะมารับไปวิทยาลัยด้วยกัน  ไม่แค่ตื่นเฉย ๆ ยังเอาเฟรมผ้าใบอันเก่ามาทาสีทับเตรียมวาดภาพอีกด้วย  พอไปถึงวิทยาลัยก็จัดการกับภาพวาดที่จะส่งประกวดของอาจารย์เสร็จอย่างรวดเร็ว  ส่งงานให้อาจารย์แล้วก็ขาดเรียนขาดงานหายตัวไปหมกอยู่ในห้องสามวัน  ก่อนจะกระหืดกระหอบเอางานไปส่งประกวดในวันสุดท้ายก่อนปิดรับผลงานพอดี  แต่ทั้งที่โหมงานตลอดสามวันสามคืนก็ยังดูสดชื่นอยู่ได้

แล้ววาเรสก็สังเกตเห็นรอยประหลาดที่ลำคอของอาเดีย  เป็นรอยแดงช้ำเหมือนแผลที่กำลังจะหายเรียงกันอยู่สองรอย  จะว่าแมลงกัดหรือใครมาทิ้งร่องรอยแห่งรักเอาไว้ก็ไม่น่าจะใช่  แถมเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมาตอนไหนเสียด้วย

ถ้านึกให้เป็นเรื่องลึกลับก็คงต้องบอกว่าเป็นฝีมือแวมไพร์  แต่คนโดนผีดูดเลือดกัดมันก็ไม่ควรจะมีชีวิตชีวาขนาดนี้ไม่ใช่หรือ

หนึ่งเดือนหลังจากนั้นก็มีการประกาศผลการประกวดวาดภาพ  และอาเดียก็ได้รางวัลชนะเลิศ  ไม่เพียงแต่เงินรางวัลเท่านั้น  ยังมีกรรมการที่ถูกใจในผลงานของอาเดียรับเป็นผู้อุปถัมภ์ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เขาอีกด้วย

อาเดียจึงเลิกเป็นศิลปินผีให้กับอาจารย์และใช้เงินที่ได้รับมาขยับขยายที่ทางย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์แห่งใหม่ที่สภาพดีกว่าที่เป็นอยู่  วาเรสจึงมาช่วยเก็บของอยู่ในตอนนี้

“นิทรรศการจะจัดแสดงถึงเมื่อไรนะ?”  วาเรสทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด

“ปลายเดือนนี้”  อาเดียตอบ  “เดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นงานสำหรับฤดูใบไม้ร่วงแล้ว”

“แล้วนายมีงานไปแสดงหรือยัง?”

“กำลังรอคอสมอสบานอยู่  จะได้ไปวาดรูป”

“นายนี่วาดแต่ดอกไม้นะ  ที่ส่งประกวดก็ไฮเดรนเยียไม่ใช่เรอะ...ว่าแต่ไฮเดรนเยียอะไร  สีกุหลาบ”

“ไม่รู้สิ  รู้สึกว่าเคยเห็นน่ะ...อ้อ  รูปนั่นไง  รูปวาดสีน้ำนั่น”

นึกขึ้นได้แล้วอาเดียก็ลุกไปรื้อกองภาพวาดที่วางสุมไว้เตรียมเก็บลงลัง  ดึงเอากระดานวาดภาพออกมาแล้วเปิดดูภาพที่ใช้คลิปหนีบรวม ๆ กันไว้

“นี่ไง  รูปนี้ไง”

“อ้อ  ใช่...ก็ว่าเคยเห็นที่ไหน  ว่าแต่นายไปเห็นต้นแบบมาจากไหนล่ะ?”  วาเรสถาม

คราวนี้อาเดียขมวดคิ้ว  “...จำไม่ได้  ฉันไม่เคยจำได้ว่าวาดรูปพวกนี้เลยด้วยซ้ำ”

มือเรียวไล่เปิดภาพไปเรื่อย ๆ  มีภาพดอกไม้แปลก ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  เป็นดอกไม้สีขาวที่ต้องแสงจันทร์เรืองรองอยู่บนฉากหลังสีน้ำเงินเข้มของยามราตรี...แล้วก็มีภาพ...

“อ๊ะ...”

ผู้ชายที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง  ผู้ซึ่งมีรอยยิ้มแสนอ่อนโยน

“หมอนี่อีกแล้ว  ตกลงเขาเป็นใครกันน่ะ?”  วาเรสยังไม่หายสงสัยมาจากครั้งที่แล้ว

“...ไม่รู้สิ”  อาเดียตอบได้แค่นั้น

เพราะขยับกระดาษมากไปคลิปที่หนีบเอาไว้จึงดีดหลุด  กระดาษกระจายจากกระดานวาดภาพร่วงลงพื้น

บนกระดาษเหล่านั้น...เต็มไปด้วยภาพของชายคนนั้นในอิริยาบถต่าง ๆ

“...อะไรกัน...”

“คงบอกว่าไม่รู้จักไม่ได้แล้วมั้ง  อาเดีย”

“ฉะ...ฉันไม่รู้จักเขาจริง ๆ นะ”  อาเดียทั้งสับสนและงุนงง

วาเรสหยิบภาพเหล่านั้นขึ้นมาพิจารณา  มีทั้งภาพลายเส้นดินสอและภาพวาดสีน้ำ  และทุกภาพมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน

ฉากหลังของชายคนนั้นเป็นตอนกลางคืนเสมอ

“บางที...รอยที่คอนายอาจเป็นฝีมือหมอนี่ก็ได้นะ”  วาเรสรำพึงออกมา

“พูดบ้าอะไรน่ะ”  อาเดียเสียงเขียว

“ก็แค่คิดขึ้นมาเฉย ๆ”  วาเรสยักไหล่แล้วรวบรวมภาพทั้งหมดมาหนีบคืนกับกระดานตามเดิม  “อย่าคิดมากเลย  ถ้าเขายอมให้นายวาดรูปเอาไว้ขนาดนี้  สักวันต้องได้พบแน่  ต่อให้นายจำไม่ได้เลยก็เถอะ”

“...อื้ม...”

ทำได้เพียงแค่นั้นจริง ๆ  กับผู้ชายปริศนาในภาพวาด  อาเดียได้แค่เชื่อคำพูดของวาเรสเท่านั้นจริง ๆ

...

ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนแล้ว  นิทรรศการประกวดภาพวาดกำลังถูกปลดลง  คืนนี้ทีมงานของหอศิลป์จะต้องทำงานหนักเพื่อนำภาพวาดชุดใหม่ขึ้นจัดแสดง  เป็นตอนค่ำแล้วที่อาเดียมาเตร่อยู่ในห้องแสดงงานเพื่อดูภาพดอกไฮเดรนเยียสีแดงเป็นครั้งสุดท้าย  มีคนซื้อภาพนี้ไปในราคาสูงจนอาเดียตกใจ  ไม่คิดว่าศิลปินหน้าใหม่อย่างเขาจะขายงานได้ราคาขนาดนั้น

แต่ไม่ใช่อาเดียคนเดียวที่มาดูภาพนั้น  ร่างสูง ๆ ของใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าภาพนั้นก่อนแล้ว

ร่างในชุดดำที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่เจ้าหน้าที่ของหอศิลป์ยืนทอดสายตามองภาพดอกไม้อยู่พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก  ทำให้อาเดียไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ  เขาได้แต่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้อง

ครู่ใหญ่  ใครคนนั้นก็ทำลายความเงียบขึ้น

“ไฮเดรนเยีย...บานทั้งกลางวันกลางคืน...”

“...ครับ?”

“ไฮเดรนเยียใต้แสงจันทร์ก็สวยดี”  เขาพูดต่อโดยไม่หันมามอง  “แต่บางที...ถ้าได้ดูไฮเดรนเยียเล่นน้ำฝนใต้แสงตะวันบ้าง  ก็คงดีนะครับ”

“เอ๊ะ...?”

คำพูดนั้นสะดุดหูอย่างประหลาด

“เพราะดอกไม้ที่บานกลางวันก็ควรจะอวดความงามใต้แสงอาทิตย์”

อาเดียเบิกตากว้าง...เขาเคยได้ยินคำพูดนี้  จากที่ไหนสักแห่ง

“คุณ...”

“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ  อาเดีย  ในที่สุดคุณก็ได้เบ่งบานใต้แสงอาทิตย์แล้ว”

พูดจบร่างสูงก็เดินจากไป  อาเดียรีบตามไปทันที

“เดี๋ยวก่อน!  คุณ...!”

ชายลึกลับคนนั้นไม่ได้หยุดรอ  เขาเดินไปในความมืดของระเบียงทางเดิน  ชุดสีดำเหมือนจะกลืนหายไปในเงา

“รอก่อนครับ!  คุณ...คุณเป็นใครกันน่ะ?”

“อย่ารู้เลยครับ”  ร่างนั้นตอบมาโดยไม่หยุดเดิน  “ผมแค่ทำตามสัญญาเท่านั้นเอง”

“สัญญาอะไร?”  อาเดียยังคงไล่ตามไป

ใครคนนั้นหันมา  แสงไฟสลัวทาบลงกับใบหน้านั้นให้เห็นเพียงชั่วแวบก่อนจะถอยเข้าไปในเงามืด

“ผมบอกว่าจะมาดูภาพวาดใต้แสงตะวันของคุณไง”

เขายิ้ม  แล้วก็หายไป...ก่อนที่ปลายนิ้วของอาเดียจะแตะต้องร่าง  หายไป...ละลายหายไปเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด

หากรอยยิ้มนั้นยังตราตรึง  เขาคนนั้น...ผู้ชายในภาพวาด

...

อาเดียไปหอศิลป์ตอนช่วงเย็นและอยู่จนปิดทำการทุกวัน  เขาเฝ้ารอ...รอแล้วรอเล่า  เผื่อว่าเขาคนนั้นจะมาอีก  อาเดียเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้วาเรสฟัง  วาเรสทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็ไม่ได้บอกว่าเขาเพี้ยนหรืออะไร

“งั้นรอยนั่นก็เป็นฝีมือหมอนั่นจริง ๆ สินะ”

“หา?”

“คนที่นายได้พบแค่ตอนกลางคืน  และนายจำไม่ได้...ก็คงเป็นอะไรที่เหนือมนุษย์แล้วละ”  วาเรสพูดง่าย ๆ เหมือนเป็นเรื่องลมฟ้าอากาศ

“นายเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย  วาเรส?”

“แล้วนายที่เห็นมากับตาคิดว่าตัวเองเพี้ยนไหมล่ะ?”

“ก็...”  อาเดียเถียงไม่ออก

“ก็ไม่ใช่ว่าเชื่อจริงจังหรอกนะ  แต่ก็ไม่รู้จะสรุปยังไง  ถ้านายคิดว่าไม่ใช่ก็ลองหาวิธีพิสูจน์ดูก็แล้วกัน”

นั่นทำให้อาเดียมาเฝ้าอยู่ที่หอศิลป์ทุกวัน  แต่ก็ไม่ได้เห็นใครคนนั้นแม้แต่เงา...ไม่สิ  เขาคนนั้นเป็นเหมือนเงา  บางทีอาจจะเฝ้าดูอาเดียอยู่ในความมืดก็ได้

...แต่ก็อยากพบ...อยากจะลองพบและพูดคุยกันอีกสักครั้ง

ถ้าบอกว่าจะมาดูภาพวาดใต้แสงตะวันของเขา  เขาก็วาดมาให้ดูแล้วไง  แล้วทำไมถึงไม่มา

ไม่รู้เมื่อไรที่ความรู้สึกอยากพบนั้นรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความหมกมุ่น  อาเดียรื้อภาพวาดปริศนาของตนออกมาแล้วลงมือวาดขยายลงบนเฟรมผ้าใบขนาดใหญ่  ผสมสิ่งที่อยู่ในความรู้สึกและจินตนาการลงไปในภาพอย่างเต็มที่

ยิ่งวาดไปภาพแล้วภาพเล่า  อาเดียก็ยิ่งแน่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังวาดไม่ใช่แค่ความเพ้อฝัน  ทั้งดอกไม้แปลกประหลาด  ทั้งชายปริศนา...ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาเคยสัมผัส  หัวใจของเขารู้สึกได้ถึงยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและอบอุ่น  รู้สึกถึงสายลมเย็นและละอองฝนฉ่ำชื้น  รู้สึกถึงสัมผัสของเท้าเปล่าที่เหยียบย่ำลงไปบนโคลน  และริมฝีปากเย็นเยียบที่แตะลงบนหน้าผาก...เขาสัมผัสมันด้วยตัวเองทั้งสิ้น

คืนวันล่วงเลยไป  ฤดูใบไม้ร่วงหวนกลับมาเยือนอีกครั้ง  อาเดียกำลังเตรียมนิทรรศการเดี่ยวของตัวเอง  เหลือเพียงภาพสุดท้ายนี่เท่านั้น

“เมื่อไรจะเลิกวาดหมอนี่เสียที  วาดฉันบ้างก็ได้นะ”  วาเรสบ่นเมื่อเข้ามาเห็นอาเดียยังคงวาดภาพผู้ชายคนเดิม ๆ

“ตอนเด็ก ๆ ก็วาดไปตั้งเยอะแล้วนี่”

“ก็วาดตอนนี้บ้างสิ”

“ไม่สเป็กนี้”  อาเดียว่าพลางหัวเราะ  “แล้วขนอะไรมาล่ะนั่น?”

“อ้อ  ตะเกียงเซรามิกส์ที่เขาสั่งทำสำหรับฮัลโลวีนไง  พรุ่งนี้จะเอาไปส่งลูกค้า”  วาเรสเปิดกล่องให้ดูตะเกียงทรงฟักทองที่ปั้นเป็นลวดลายต่าง ๆ

“ถึงช่วงนั้นแล้วเหรอเนี่ย?”  อาเดียละความสนใจจากภาพที่กำลังลงสี

“ก็นายมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับดอกไม้หน้าร้อนอยู่น่ะสิ  ไม่รู้เลยหรือไงว่านิทรรศการของนายจะเปิดแสดงวันฮัลโลวีนพอดีน่ะ”

“จริงน่ะ!?  ไม่รู้เลยนะเนี่ย  รู้แค่ว่าหอศิลป์ว่างพอดี”  อาเดียตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“เบ๊อะเอ๊ย”  วาเรสตบหัวเพื่อนเบา ๆ

อาเดียหยิบตะเกียงดินเผาฝีมือวาเรสขึ้นมาดูแล้วก็นึกสงสัย

“นี่  ทำไมฮัลโลวีนต้องเป็นตะเกียงฟักทองด้วยล่ะ?”

“ตะเกียงไล่ผีมั้ง...ไม่สิ  ตะเกียงของผีต่างหาก  มีตำนานว่ามีเจ้าบ้าคนหนึ่งชื่อแจ็ค  ไปโกงสัญญาซื้อขายวิญญาณกับปีศาจเข้า  เลยโดนสาปให้ต้องร่อนเร่ถือตะเกียงนี่ไปตลอดกาล”

“ฟังดูไม่ดีเลย”  อาเดียวางตะเกียงลง  เขาไม่อยากเดินถือเจ้านี่แบบแจ็คคนที่ว่าหรอก

“แต่มีตำนานเก่าแก่กว่านั้นนะ  บอกว่ามันมีไว้สำหรับนำทางคนตายกลับบ้าน”

“คนตาย...?”

“อื้ม  เขาเชื่อว่าญาติพี่น้อยที่ตายไปจะกลับจากอีกโลกในวันฮัลโลวีนน่ะ  คนที่ยังอยู่จะจุดตะเกียงนี่นำทาง”  วาเรสอธิบาย
ได้ยินแล้วอาเดียก็เงียบไป  เขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ

“...ถ้าไม่ใช่คนตาย  จะใช้ได้ไหม?”

“หา?”

“ถ้าใช้นำทางคนที่ไม่ใช่มนุษย์...จะใช้ได้ไหม?”

...

พิธีเปิดนิทรรศการจบลงในช่วงบ่าย  แขกผู้มีเกียรติและผู้ที่มาเข้าชมงานต่างแปลกใจกับฟักทองแกะสลักเป็นลวดลายต่าง ๆ ที่ตั้งกระจายอยู่ทั่วห้องจัดแสดงงาน  แต่เมื่อเจ้าของงานอธิบายว่าวันนี้เป็นวันฮัลโลวีน  แขกเหรื่อก็พากันชอบใจ  มีเพียงวาเรสเท่านั้นที่ส่ายหน้าและซ่อนมือที่มีรอยมีดบาดเอาไว้  เมื่อวานเขาเกณฑ์รุ่นน้องมาช่วยกันแกะสลักฟักทองเพื่อทำตามแผนการบ้า ๆ ของอาเดียในวันนี้  จะบ่นอะไรก็ไม่ได้เพราะเขาเองที่เป็นคนจุดไอเดียให้อาเดีย

ค่ำแล้ว  หอศิลป์ปิดแล้ว  ไฟทุกดวงถูกดับลงแล้วแทนที่ด้วยแสงมลังเมลืองของตะเกียงฟักทอง  อาเดียยังคงอยู่ในห้องแสดงงานเพื่อรอผู้ชมคนสำคัญของเขา  แม้จะไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือไม่  แต่ก็ไม่มีอะไรจะเสียนี่นะ

เวลาเดินไป  หากเทียนที่ใช้เป็นไส้ตะเกียงกลับยังคงลุกโพลงเหมือนเวลาได้หยุดนิ่งลง  แล้วอาเดียก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาตามระเบียง

แล้วร่างในชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูเหมือนเดินออกมาจากเงามืด  แสงจากตะเกียงหลายสิบดวงส่องประทบใบหน้าของเขา...ใบหน้าเดียวกับที่ปรากฏในภาพวาดที่ประดับอยู่ทั่วห้องแสดงงานนี้

แล้วเขาก็ยิ้ม...

“ความทรงจำของมนุษย์นี่มีพลังแรงกล้าจังนะครับ  ทั้งที่คุณไม่ควรจะจำได้แท้ ๆ”

อาเดียไม่ตอบ  ได้แต่ยืนจ้องคนตรงหน้า  ความทรงจำบางอย่างค่อย ๆ หวนคืนกลับมาทีละน้อย

“คนละเมอ...ไม่ควรจำได้ว่าตนนอนละเมอ”

“แต่ถ้ามีหลักฐานขนาดนี้  ก็ต้องจำได้บ้างแหละ”  อาเดียเถียง

“นั่นสินะครับ  แต่ที่ผมปล่อยให้มีหลักฐานเหลืออยู่ในมือคุณ  ก็คงเพราะ...”  สีหน้าของร่างสูงหม่นหมองลงเล็กน้อย  “...ผมไม่อยากให้คุณลืม”

“แล้วคุณคิดว่าผมอยากลืมนักเหรอ?”

“ก็คงไม่...”

“อย่ามาเที่ยวลบความทรงจำคนอื่นง่าย ๆ แบบนี้นะ”

“ถ้าไม่ทำ  ร่างกายของคุณก็คงไม่ไหว”

“ไหวซี่”  อาเดียทำเสียงดื้อดึง

“ขนาดเป็นลมพลัดตกบันไดนี่ไม่เรียกว่าไหวนะครับ”  ชายลึกลับยิ้ม

“ทั้งที่ยิ้มได้ดีแบบนั้นแท้ ๆ  แต่กวนโมโหจริง ๆ เลย”

“คุณที่ไม่ละเมอก็ดื้อไม่เบานะครับ”

อาเดียทำเป็นไม่ได้ยิน  เบือนหน้าหลบสายตาไปมองตะเกียงฟักทอง

“รู้ไหมว่าผมอยากเจอคุณแค่ไหน...”

ร่างสูงไม่ตอบในทันทีแต่มองไปรอบ ๆ ห้อง...ภาพของเขาปรากฏอยู่บนผืนผ้าใบทุกผืนในห้องนั้น  บอกห้วงคำนึงของคนวาดได้เป็นอย่างดี

“ฝัน ณ คืนกลางฤดูร้อน...”  ร่างสูงเอ่ยชื่อนิทรรศการออกมา

“ก็ผมเจอคุณในฤดูร้อน...ใช่ไหม...?”  ความทรงจำที่เพิ่งไหลรินกลับมามีดอกไม้หน้าร้อนเบ่งบานเต็มไปหมด

“เป็นการพบกันที่สนุกมาก”

“เพราะมันสนุก  ผมถึงได้อยากพบคุณอีก  แต่คุณก็ไม่มา”

“ผมกลัวว่าถ้าผมมาพบคุณ  แล้วคุณจะเดินละเมอออกไปหาผมอีก  ผมไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไปอีก”

“ผมอุตส่าห์วาดรูปดอกคอสมอสใต้ท้องฟ้าไว้รอ”

“ขอโทษนะครับ”

“แล้วทำไมคราวนี้ถึงมาล่ะ?”

“ก็คุณถึงขนาดใช้เวทมนตร์โบราณที่ใครต่อใครหลงลืมไปหมดแล้วเรียกผมมา  แถมยังใช้มากมายขนาดนี้...”  ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ กับตะเกียงฟักทองที่ตั้งอยู่เต็มไปหมด  “...ผมจะต้านทานได้ยังไง”

“ก็ไม่รู้นี่  คุณไม่ใช่คนตาย  คุณเป็นอะไรก็ไม่รู้  จะจุดตะเกียงเรียกมาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...ผมเลยเอาปริมาณเข้าว่าไว้ก่อน”  อาเดียทำหน้ามุ่ย  แก้มแดงนิด ๆ ด้วยความเขินอาย

“เข้าใจคิดนี่ครับ”  ร่างในชุดดำหมุนตัวกลับมาหาอาเดีย  “เอาละ  ผมมาอยู่ที่นี่แล้ว  แต่ไม่เห็นมีรูปวาดใต้แสงตะวันเลย  มีแต่รูปตอนกลางคืนทั้งนั้น”

“รูปนั้นผมขายไปแล้ว  แล้วผมก็ลองวาดคุณดูแล้ว  แต่คุณไม่เหมาะกับตอนกลางวันเลยนี่นา”

“ก็ผมเป็นสิ่งมีชีวิตกลางคืนนี่ครับ”

“ภูตของดอกแสงจันทร์เหรอ?”

“ไม่ใช่อะไรน่ารักแบบนั้นหรอกครับ”

“ดอกไม้กลางคืนต้องบานตอนกลางคืนสินะ...”  อาเดียทวนคำพูดในความทรงจำ

“และดอกไม้กลางวันต้องบานใต้แสงอาทิตย์”  มือใหญ่และเย็นเฉียบเอื้อมไปแตะแก้มของอาเดีย  “ผมดีใจนะที่คุณอวดความงามของคุณใต้แสงตะวันได้แล้ว”

“ก็คุณบอกให้ผมเป็นอย่างที่ผมอยากเป็นนี่”

“และผมก็ดีใจที่คุณเชื่อผม”

ต่างก็เงียบกันไปชั่วขณะหนึ่ง  แล้วอาเดียก็พูดออกมาเบา ๆ

“...แล้วยังไงต่อ?”

“อะไรเหรอครับ?”

“คุณอยู่ตอนกลางคืน  ผมอยู่ตอนกลางวัน...แล้วยังไงต่อ?”  ดวงตาใสเหมือนลูกแก้วหม่นหมองลง

“ไฮเดรนเยียบานทั้งวันทั้งคืนนะครับ”

อาเดียเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าทันที

“แปลว่าผมจะได้เจอคุณอีก...?”

“แน่นอนครับ  ก็ผมยังไม่ได้ดูรูปวาดใต้แสงตะวันของคุณเลย”  ร่างสูงยิ้ม

“แล้วผมจะวาดให้คุณดูจนเบื่อเลย”

“สัญญาแล้วนะครับ”

“สัญญาสิ...ทาร์ค...”

อาเดียเขย่งปลายเท้าขึ้น  แนบริมฝีปากอุ่นกับหน้าผากเย็นเหมือนน้ำแข็งของทาร์คแทนคำสัญญา  ท่ามกลางแสงตะเกียงสลัวที่นำพวกเขาให้มาพบกันอีกครั้ง

จากวันนี้  ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน  ชีวิตของทาร์คก็ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

END
25  ตุลมคม  2558

ใช้เค้าโครงเรื่องแวมไพร์กับคนนอนละเมอมาจากการ์ตูนไม่มีลิขสิทธิ์เล่มเดียวจบเรื่องหนึ่ง  ไม่รู้ชื่อคนเขียน  ไม่รู้ที่มา  รู้แต่ว่าใช้ชื่อไทยว่า  “เดียวดายใต้แสงจันทร์”  ถือเสียว่าลงเครดิตไว้ตรงนี้นะครับ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #4 เมื่อ03-11-2015 22:34:33 »

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #5 เมื่อ04-11-2015 20:22:42 »

ชอบจุงงง น้องเดียนอนละเมอได้น่ากลัวมากลูก ทาร์คก็ดี๊ดี  รัก  :mew1:

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #6 เมื่อ30-05-2016 05:15:51 »

หวานมากกกก  :กอด1:  ดอกไฮเดรนเยียนี่สวยจริง แต่ได้ข่าวว่าดูแลยากสมความสวยของมัน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #7 เมื่อ30-05-2016 08:29:09 »

เป็นเรื่องที่ดีจังค่ะ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #8 เมื่อ02-07-2016 13:33:53 »

หวานมากค่ะ ชอบๆๆๆๆ :-[

ออฟไลน์ taran

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 325
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
«ตอบ #9 เมื่อ02-07-2016 16:41:04 »

 o13 o13 o13 o13 o13 น่ารักอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Halloween Series 2015 : ไฮเดรนเยีย
« ตอบ #9 เมื่อ: 02-07-2016 16:41:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด