มาต่อแว๊ววววววววววววว

****************************************************
รณวีย์แยกตัวไปคุยธุระ ชายหนุ่มไม่คิดว่าการินทร์จะรอจริงๆ จึงคุยไปอย่างไม่รีบร้อนอะไร จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนค่ำลง จึงเดินกลับมาทางเดิม แล้วก็ต้องแปลกใจปนตกใจเมื่อเห็นรถการินทร์จอดอยู่ แต่เจ้าตัวไม่รู้อยู่ไหน
“หายไปไหนล่ะเนี่ย”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง พลางสับสนว่าจะควรจะโทรตามเจ้าตัวดีหรือไม่ดี แต่ความสับสนในใจก็พลันสะดุดลงเมื่อหูได้ยินเสียงเรียกชื่อตัว
“คุณวีย์”
รณวีย์หันไปตามเสียงเรียก รู้สึกตกใจนิดๆเมื่อเห็นเจ้าของเสียงยืนยิ้มให้อยู่ไม่ไกล
“เพียงฝน”
ชายหนุ่มเผลอครางชื่อฝ่ายนั้นออกมาเบาๆ แต่เจ้าของชื่อกลับโผเข้ามาทักทายเขาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
“คุณวีย์จริงๆด้วย ไม่เจอไม่ได้ข่าวตั้งนาน เป็นไงคะ สบายดีหรือเปล่า แล้วมาอยู่นี่ได้ไงคะ”
“ผมเป็นคนที่นี่ครับ”
รณวีย์ตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ การเจอเพียงฝนที่นี่ทำให้ใจคิดไปต่างๆนาๆ หากว่าการินทร์มายืนคู่กับผู้หญิงคนนี้อีกครั้งให้เขาได้เห็น ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรู้สึกอย่างไร
“ฝน ไปกันหรือยัง”
หนึ่งเสียงเอ่ยเรียก ทำให้เพียงฝนหยุดการสนทนาไว้ หันไปสนใจกับเจ้าของเสียง รณวีย์จึงอดไม่ได้ที่จะมองตาม ใครกัน? ชายหนุ่มไม่รู้จัก
“ฝนขอคุยกับเพื่อนเดี๋ยวค่ะ พี่วุธ”
เพียงฝนเอ่ยตอบออกไป แล้วหันมามองรณวีย์ เห็นสายตาเจ้าตัวมองคนของเธออยากนึกสงสัย จึงรีบแนะนำ
“นั่นพี่วุธ เอ่อ สามีฝนเอง”
สามี!! รณวีย์อุทานในใจ แล้วการินทร์ล่ะ
“วีย์”
เสียงคนที่กำลังนึกถึงเอ่ยเรียก ก่อนเจ้าตัวจะเดินมาหยุดอยู่ข้างตัว รณวีย์มองหน้าชายหนุ่มข้างตัวกับหญิงสาวตรงหน้าสลับกัน ก่อนจะมองเลยไปชายหนุ่มอีกคนที่กำลังเดินเข้ามารวมกลุ่ม
“หวัดดีฝน มาเที่ยวเหรอครับ”
การินทร์ทักขึ้น รณวีย์จับน้ำเสียงรู้สึกถึงความเหินห่างที่เกิดขึ้นระหว่างสองคน
“มาซื้อของกับพี่วุธนิดหน่อยค่ะกานต์”
เพียงฝนตอบ พอดีกับคนที่รณวีย์กำลังมองเดินมาถึงกลุ่มแล้วเอ่ยทักการินทร์
“สวัสดีครับคุณกานต์”
การินทร์โค้งรับคำทักน้อยๆ ก่อนจะมองสบตาคนข้างตัวที่หันมามองเขาเหมือนงงกับเหตุการณ์
“คุยธุระเสร็จยัง”
รณวีย์เย็นวาบกับคำถาม เสียงการินทร์ดูนิ่งเหมือนข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้ ยิ่งชายหนุ่มมองสายตาคนพูดที่หันไปมองเพียงฝนขณะโดนคนข้างตัวโอบกอดหลวมๆก็ยิ่งใจไม่ดี
“กานต์ คุณวีย์ ฝนขอตัวนะ”
เพียงฝนเอ่ยขึ้นพร้อมฉายรอยยิ้มจางๆให้เห็น รอยยิ้มที่รณวีย์รับรู้ได้ว่าไม่ได้ออกมาจากใจคนยิ้มซักเท่าไหร่
“อยากตามพวกเขาไปหรือไง”
รณวีย์สะดุ้งกับเสียงตวาดของคนข้างตัว การินทร์เป็นอะไร ทำไมถึงได้หงุดหงิดนัก
“ทำไมต้องอยากตาม”
ชายหนุ่มเหวกลับ
“ก็เห็นมองจัง”
การินทร์ว่ากลับ รณวีย์ขี้เกียจเถียงเลยคิดจะเดินหนี แต่การินทร์ทักก่อน
“ถ้าจะกลับบ้าน รถจอดอยู่ทางนี้”
“ฉันยังไม่อยากเสี่ยงนั่งรถไปกะนาย”
“ทำไม”
“ท่าทางนายอารมณ์ไม่ดี”
“กลัวตายหรือไง”
“ปลอดภัยไว้ก่อน ก็ไม่เห็นจะแปลก”
“สร้างเรื่องว่าตัวเองตายไปแล้วยังเคยทำ จะกลัวไปทำมกะอีแค่จะตายขึ้นมาจริงๆ”
“ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็กลับไปดีกว่ากว่าการินทร์ ฉันเบื่อที่จะทะเลาะกะนาย น่ารำคาญ”
“อ๋อ เดี๋ยวนี้กล้าพูดว่ารำคาญฉันเหรอ”
“ก็เออสิ ฉันไม่แปลกใจเลยนะว่าทำไมผู้ชายที่ยืนข้างเพียงฝนเมื่อกี้ ไม่ไช่นาย”
“พูดดีๆนะรณวีย์ ถ้านายไม่รู้อะไร ก็อย่าพูดถึงเพียงฝนเลยจะดีกว่า”
รณวีย์เงียบ เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของการินทร์ ท่าทางคงมีหลายเรื่องที่เขาไม่รู้จริงๆ ระหว่างชายหนุ่มตรงหน้ากับหญิงสาวที่เดินจากไปเมื่อครู่ แต่มันคืออะไรล่ะ กล้าที่จะถามซักทีสิ รณวีย์
“พอเลย ไม่ต้องพูด ต้องเอ่ยอะไรทั้งนั้น ฉันเหนื่อย อยากที่จะพัก ถ้าจะให้ไปส่งก็ตามมา หรือจะกลับเองก็ตามใจ”
การินทร์เอ่ยท้วงเมื่อเห็นท่าทีรณวีย์เหมือนจะเอ่ยอะไร จะมีอะไรซะอีกล่ะ รณวีย์ก็คงจะหาทางต่อปากต่อคำเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดน่ะสิ ไม่มีซะหรอกที่จะเอ่ยถามถึงความเป็นอยู่ของเขา ขนาดเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เพียงฝนควงผู้ชายคนอื่นไปต่อหน้าต่อตาอย่างโทนโท่ ยังไม่รู้สึกสะกิดใจที่จะถามไถ่เขาซักคำว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นแบบนั้น เอะอะก็จะเดินหนีเดินหนี จะต้องรอให้เขาเอ่ยปากบอกเองหรือยังไง ถึงบอกไปจะยอมฟังหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ท่าทางคงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำแล้วนี่ ขนาดหลุดปากว่าเขาน่ารำคาญ เวลานี้เขาจะเป็นจะตายก็คงจะไม่มีความสำคัญอะไรนักหรอก
รณวีย์ยืนนิ่งมองการินทร์หายเข้าไปในรถ ชายหนุ่มปล่อยให้เหตุการณ์เป็นอยู่แบบนั้นนานพอดู จนรู้สึกใจหายหน่อยๆเมื่อรถคันนั้นขับเคลื่อนตัวออกไปอย่างแรงและเร็ว มันสื่อชัดเจนว่าคนขับกำลังรู้สึกอย่างไร
การินทร์จะหงุดหงิดโมโหเพราะเขาไม่ตามเข้าไปหรือเพราะการกระทำของเพียงฝนกันแน่ แต่อย่างหลังมันน่าที่จะเป็นไปได้มากกว่าจนแทบจะไม่ต้องคิด
คนคิดถอนหายใจเมื่อสรุปเอาเองว่าทุกอย่างน่าจะเป็นแบบนั้น ก่อนจะก้าวเดินออกไปเพื่อเรียกแท็กซี่ เขาเองก็รู้สึกเหนื่อยและเพลียพอดู แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อรถเก๋งคันที่ตัวเองไม่ได้โบกเรียกเข้าจอดเทียบตรงที่ยืนอยู่ พร้อมกับกระจกรถฝั่งเขาถูกเลื่อนลง
“วีย์ ไปไหนครับ มาด้วยกันสิ ผมไปส่ง”
คนในรถส่งเสียงออกมา รณวีย์มองเห็นรอยยิ้มเจ้าตัวที่เจือไปด้วยมิตรภาพเลยไม่คิดมากที่จะเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่
“ไปไหนมาครับเนี่ย”
ณภัทธิ์เอ่ยถามยิ้มๆ ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปพร้อมกับที่รณวีย์เอ่ยตอบคำถาม
“พอดีมาคุยธุระที่สำนักพิมพ์น่ะครับ”
“วีย์จะเขียนหนังสือเหรอครับ”
ณภัทธิ์ชวนคุยต่อด้วยคำถาม
“ไม่ใช่จะเขียนหรอครับ เขียนเสร็จแล้ว เลยลองมาเสนอดู”
“เหรอครับ เป็นแนวไหนเอ่ย ผมขออ่านต้นฉบับได้ป่าวเนี่ย”
“อย่าเลยครับ เดี๋ยวความลับรั่วไหล”
“ว้าแย่จัง กลายเป็นคนไม่น่าไว้ใจไปซะแล้วเรา”
“ผมล้อเล่นน่ะครับ เอาเป็นว่าภัทธิ์รออ่านตอนเป็นเล่มแล้วดีกว่า น่าจะสนุกกว่ามาอ่านอะไรที่ต้องจับปะติดปะต่อเอง”
“โอเคครับ แล้วนี่วีย์ทานอะไรมาหรือยังครับ เนี่ยผมกำลังวนหาอะไรอร่อยๆทานพอดี ไปด้วยกันมั๊ย ทานคนเดียวมันเหงา”
รณวีย์นิ่งคิด แวบนึงอยากให้คนถามตอนนี้เป็นการินทร์ แต่บ้าน่ะสิ การินทร์เหรอจะมาถามเขาด้วยถ้อยคำน่าฟังขนาดนี้
“ก็ดีครับ ผมเองก็กำลังหิว”
ชายหนุ่มเปิดใจตอบอย่างเลิกลังเล บางทีการมีเพื่อนคุยซักคน ก็น่าจะทำให้เขาลืมอะไรๆที่ไม่อยากจำ