ลมเหนือที่รัก
ตอน170 กายและโจ๊ก
------------------------------
Guy’s
9 โมงเช้า ห้องนอนของผม โจ๊กเพิ่งกลับไปเมื่อครู่
บนเตียงมีรูปถ่ายวางสะเปะสะปะเต็มไปหมด...รูปผมกับลมเหนือ
เมื่อวานไปร้องเพลงคาราโอเกะในห้องอัดบ้านเจฟฟรี่
ลมเป็นคนต้นคิดทำซีดีเพลงเป็นของขวัญวันเกิดให้เหยี่ยว ร้องกันคนละเพลง
ผมร้องเพลง ‘ไม่ว่าชีวิตของเธอเป็นแบบไหน’ ให้ลมเหนือ
[ไม่ว่าชีวิตของเธอเป็นแบบไหน: วงพาย ขับร้อง: เบล สุพล]
http://www.youtube.com/v/qjKiph5F1oIเมื่อไหร่เธอมองไม่เจอใครๆ
เมื่อไหร่ที่เธอทุกข์ใจลำพัง
เมื่อไหร่เธอผิดหวังจากสิ่งใด
อยากให้เธอจงคิดถึงฉัน
เมื่อไหร่ที่เธอปลอดภัยแล้ว
ก็จะเป็นคนสุดท้ายที่จะพบเธอ
..
ไม่ว่าชีวิตของเธอนั้นแบบไหน
แค่ขอให้รู้เท่านั้นว่าเธอไม่เดียวดาย
ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ขอให้เธอได้จำไว้
ยังเหลือคนๆหนึ่ง ฉันคนนี้ไม่เคย(ไม่รักเธอ)
มันไม่เลิกรักเธอ
***
ไม่อยากผิดสังเกตเพราะน้องสองคนเลือกเพลง ‘ไม่ธรรมดา’ จากศิลปินเดียวกัน
คุยเฮฮาท่าไหนไม่รู้บีเผลอหลุดปาก ผมเลิกกับเมี่ยงคำแล้ว
โจ๊กกับเจฟฟรี่ดึงผมออกไปคุยส่วนตัว ได้แต่สารภาพตามตรง...
“จริง กูบอกเลิกเขาเอง ก่อนกลับมานี่” ผม
“ทำไมวะ!?” โจ๊กขยุ้มคอเสื้อจะเอาเรื่อง ผิดจากปกติวิสัยทุกที น้อยยิ่งกว่าน้อยที่เพื่อนคนนี้ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวผมเลย หนนี้คงโกรธจริง
“กูมันไม่รักดี!”
“เพราะ...?” เจฟฟรี่อดทนในน้ำเสียง
“เพราะกูรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้รักเขาแบบที่เขารักกู”
“มึง---มึงมีคนอื่น!?” โจ๊กถามแทบตะโกน
“ใช่ มีคนที่อยู่ในใจตลอด ลบไม่ได้...ไม่มีวันลบได้ มันไม่แฟร์กับผู้หญิงเลยหยุดแค่นี้ดีกว่า”
“ไอ้---” โจ๊กโกรธจนน้ำตาคลอ
ผลักตัวเหมือนรังเกียจเหลือแสน หันหน้าหนีหายไปในทันที
ปล่อยผมประจันหน้ากับเจฟฟรี่ตามลำพัง
เสียงเปียโนจากในบ้านแว่วมาพอให้ได้ยินบางเบาราวสายลม
บทเพลงจากลมเหนือแจ่มชัดในความรู้สึกของผม
[First Love: Utada Hikaru (piano cover)]
http://www.youtube.com/v/HPA2zBsFQFA ต่างคนต่างหยุดนิ่ง กระทั่ง...
“มึงคิดว่าไงล่ะ กาย” เจฟฟรี่ทำลายความเงียบ
“ไม่รู้ รู้แต่ว่ากูจะกล้ารักเขา กล้าชัดเจน จะแสดงออกตามใจตัวเองมากขึ้น ไม่ต้องเสียใจทีหลังอย่างที่ผ่านมา”
“คิดว่าดีแล้ว...?”
“กูแค่ไม่อยากเก็บไว้ในใจอีกแล้วเจฟฟรี่...มึงไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอก ตัดใจวันละร้อยพันเที่ยว แอบซ่อนความรู้สึก ปวดร้าวอยู่คนเดียวมันเป็นยังไง”
“ทำไมกูจะไม่รู้” เจฟฟรี่ทำผมประหลาดใจ
“ไม่...มึงไม่มีวันรู้ ไม่มีวันเข้าใจ” ผมไม่เชื่อ
“กูก็รักเขากาย”
“หะ!?” ผมผงะ
“ไม่เชิง...เคยรัก ตอนนี้มันเปลี่ยนไปบ้างแล้ว” เจฟฟรี่ทำผมหวั่นวูบ
“เจฟฟรี่ รู้...รู้เหรอวะ กูรักใคร!?” หนาวสันหลังวาบระคนตกใจ ความลับของผมไม่เป็นความลับอย่างนั้นเหรอ
“เด็กนั่นมีเจ้าของ กาย มึงรู้เต็มอก” ผมหน้าซีด ไม่มีทางปิดพ่อมดนี่ได้จริงๆ หรือ
“มึงรู้ ตั้งแต่เมื่อไร!?” เสียงเปียโนพริ้วหวาน บาดแทงใจผมเลือดซิบ
“นั่นไม่สำคัญเท่ากับตัวมึงคิดยังไงหรอกว่ะ” เจฟฟรี่ดูผ่อนปรน
“กูไม่รู้แบบนี้มันถูกต้องไหม?” ผมคลายใจ
“ก็แล้วแต่คน...แต่แบบนี้ก็ดี ค่อยเป็นมิสเตอร์ไนซ์กายเพื่อนกูหน่อย”
“มึงไม่โกรธ ไม่เกลียดกู...” ผมประหลาดใจระคนสงสัย ทำไมเจฟฟรี่พูดง่ายดาย
“มึงเพื่อนกูกาย เหยี่ยวก็เพื่อนเหมือนกัน”
“ใช่ เหยี่ยว...” คนที่ฉกฉวยทุกๆ อย่างไปจากผม
“มึงคงไม่ทำอะไรบ้าๆ ให้กูต้องเสียเพื่อนดีๆ อย่างมึงไปหรอกนะกาย” เจฟฟรี่
“...กูเข้าใจ”
เจฟฟรี่ยืนยันชัดเข้าข้างเหยี่ยว แต่จริงๆ ไม่ใช่ หากผมมีเวลาฉุกคิดซักน้อย
นั่นเป็นวิธีเจฟฟรี่ให้กำลังใจผม ให้กล้าก้าวผ่านความขี้ขลาดของตัวเอง
และบอกเป็นความนัยลึกซึ้ง เพื่อนจะต้องไม่เสียเพื่อนด้วยเรื่องพรรณนี้
มิตรภาพระหว่างเราสำคัญ แต่ตอนนั้นผมกลับคิดวนสลัดไม่หลุดเห็นแต่ตัวเอง
................
.....................
นั่นเป็นตอนที่ผมคุยกับเจฟฟรี่เย็นวานนี้ ก่อนผมกับน้องชายและบี
จะไปส่งลมเหนือที่คอนโด เจอเหยี่ยวรออยู่ข้างล่างก่อนแล้ว...
แค่เปิดประตูรถ กระแสสายร่างบางก็อยู่ในวงแขนของเหยี่ยวสีขาวจมมิด
กางปีกกลืนกินทั้งตัว แม้จากมาลอบมองกระจกหลังเหยี่ยวยังคงไม่ปล่อยมือ
อิจฉา ชิงชัง ร้าวราน เจ็บปวดตีกันมั่วซั่ว...
คิดว่าทำใจได้ กลับย้อนมาเหมือนไข้กลับซ้ำ...
---ทำไมถึงไม่เป็นผม
---ทำไม...
---ทำไมถึงเป็นเหยี่ยวขาวที่ได้ไปทั้งหมด
..............................
....................................
(‘~ติ๊ดๆๆๆๆ’) นาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงบอกเวลา 10:00 น.
ดึงตัวเองจากภวังค์ความเลื่อนลอยกลับสู่ปัจจุบัน...
ผมก้มมองดูรูปถ่ายกลาดเกลื่อนเต็มเตียง
บทสนทนากับโจ๊กยังก้องอยู่ในหัว
“มึงรัก...ลมเหนือ” โจ๊กดุดัน นัยน์ตาแดงช้ำ
มาหาผมตั้งแต่ 6 โมงเช้า ท่าทางไม่ได้นอนทั้งคืน
ค่อยๆ โยนรูปถ่ายขนาดโปสการ์ดลงบนเตียงผมช้าๆ ทีละใบๆ
---รูปผมยื่นกล่องชอคโกแลตให้ ชุดนักศึกษาร่างสูงไม่รับ ไม่แม้แต่ยื่นมือ
สวมกางเกงยีนส์สีซีด นั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นแต่งตัวเหมือนแฝดกับเหยี่ยว
---รูปตอนซ้อมใหญ่ บนเวทีงานกีฬาฟุตบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัย
ผมแตะต้นแขนลมเหนือ เชิงปลอบใจที่บล็อคกิ้งพลาด
---รูปในงานวันกีฬา ผมส่งสายตามองลมเหนือกับเหยี่ยว หลายต่อหลายใบ
แต่ที่ชัดเจนที่สุด...ลมเหนือยืนอยู่ข้างซ้ายมือ มือชี้ที่รูปแสดงคอนเสริต
ผมยืนอยู่ข้างขวา เรายืนอยู่ในงานนิทรรศการ ดูรูปที่มีเราเพียงสองท่ามกลางกลุ่มคน
---รูปไปเที่ยวอยุธยามากที่สุด ผมแสดงออกชัดเจน
มีเพียงลมเหนือในสายตาแต่เพียงผู้เดียว
---รูปงานเปิดตัวสินค้าของ GES ที่เพิ่งลงจากเครื่องกลับจากออสเตรเลีย
และท้ายสุดล่าสุด...เมื่อวาน ในห้องอัดบ้านเจฟฟรี่ อริยาบทเผลอไม่เผลอ ตั้งใจไม่ตั้งใจ
---ดูไม่ออกก็โง่ดักดานเต็มทน!
---นี่ผมแสดงออกโจ่งแจ้งขนาดนี้เชียวหรือ
----------------------
“มึงรักลม?” โจ๊กเอ่ยย้ำ ถามเชิงรุกเอาคำตอบ
“ใช่ กูรักเขา รักมานานแล้วด้วย แต่...” ผมหมดใจ กำแพงที่อุตส่าห์ปิดกั้นไว้พังทลาย
“แต่อะไร...” เสียงโจ๊กเบาหวิว ใบหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แต่กูไม่เคยรู้เลย ไม่เคยรู้ตัวเชรี่ยไรเลย กระทั่งเหยี่ยวมาเอาเขาไป”
“นานแค่ไหนแล้ว?” นานมากกว่าโจ๊กจะหลุดปากถามประโยคนี้
“อาจจะตั้งแต่เจอกันครั้งแรก”
“...” โจ๊กหลับตา หน้าซีดเผือด มือกำหมัดแน่น คงสรรหาคำด่า
ผมก็หลับตา ภาพเด็กน้อยกับเปียโนสีดำ เนิ่นนานแทบเก่าเก็บกรุ
จนถึงบัดนี้ยังกระจ่างแจ่มไม่สามารถลบเลือนแม้ซักน้อย
“รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเจ้าของ แต่ก็ยังหวัง ยิ่งนานวันยิ่งมากขึ้นๆ จนกูจะบ้าอยู่แล้ว!”
“กาย...มึง” โจ๊กไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่ผมเหมือนธนูหลุดจากแหล่ง หยุดไม่ได้อีกต่อไป
“กูตัดใจไม่ได้ โจ๊ก สมองสั่งได้แต่หัวใจมันไม่ยอม” หน้าผมคงทุเรศจนไม่กล้ามองหน้าตัวเอง
“งั้น มึงคงต้องทุกข์ทรมานไป...อีกนาน” เสียงโจ๊กเย็นยะเยือก
ผมฉิววูบมีแต่ซ้ำเติม เพื่อนประสาอะไร!???
“มึงก็ดีแต่เหยียบซ้ำ คงเห็นกูทุเรศมากซิท่า!?”
“กาย ทำไมมึงคิดอย่างงั้น” โจ๊กลืมตามองผมเต็มๆ
“รูปพวกนี้ไง ไม่เรียกว่าด่ากู ตบหน้ากูจะเรียกว่าอะไร มาแบบเดียวกับเจฟฟรี่
เข้าข้างแต่เหยี่ยว เห็นแต่เหยี่ยว---แล้วกูล่ะ”
(‘เพี๊ยะ!’) เสียงดังฟังชัด โจ๊กตบหน้าผม หน้าหันเจ็บจนชา
ผมของขึ้น ปรี่จับต้นแขนเพื่อนทั้งสองมือ ตะคอกเป็นยักษ์
“เอาเล้ย แค่นี้ยังน้อยไป ตบกูเลย ต่อยเลยโจ๊ก คนอย่างมึงจะไปรู้อะไร!?”
“กาย!” โจ๊กดิ้นแต่ไม่สามารถหลุดจากเงื้อมือ น้ำตาคลอเต็มหน่วยตา ผมสลดวูบ...
“รักเขาข้างเดียว มึงไม่รู้หรอกกูเจ็บปวดตรงนี้แค่ไหน” คอตก น้ำตาไหล
...ลูกผู้ชายอย่างผมเนี่ยนะ
กำมือทุบหัวใจข้างซ้าย อยากทุบให้มันหยุดเต้นสิ้นเรื่องสิ้นราว
“ทำไมจะไม่รู้”
“ไม่ ไม่รู้หรอก” ผมก้มหน้าหมดแรง
“กูรู้...กาย” โจ๊กหลับตา
“ไม่...ไม่รู้ ไม่มีทางรู้” ผมละเมอระทมทุกข์
รู้สึกเจ็บในอกจนปวด ร้าวรวดเหลือประมาณ
ก่อนโจ๊กเอ่ยประโยคเสียดแทง ทะลุกลางใจผม
“รู้...เพราะ...”
“...” ผมงี่ยหูฟัง
“กู...ก็รักมึง...กาย”
ดวงตาคมสวยคู่นั้นปรากฎสายน้ำไหลรินไหลเป็นทางอาบแก้ม
อากาศรอบกายหยุดนิ่งไม่ไหวติง
...ตาสบตา
...เนิ่นนาน คล้ายพื้นใต้เท้ายุบลง
****************************************TBC by puppyluv