ก่อนอ่านนิยาย ขอแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับ
ขณะนี้นิยายเรื่องนี้ได้ทำการรวมเล่มเปิดจำหน่ายแล้ว
พร้อมผลงานอื่นๆ ของผมก็มีขายด้วยเช่นกันครับ
สนใจก็สอบถามรายละเอียดเข้ามาได้ครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 37
“อิท อิท” อาทีเขย่าร่างปลุกคนที่นอนหลับอยู่กลางพงหญ้า คืนนี้พระจันทร์ฉายแสงเต็มดวงอยู่เหนือท้องฟ้า ทำให้ในป่ารกทึบแห่งนี้ไม่มืดมากนัก ว่าแต่เขากับอิทธิมาที่นี่ได้ยังไง ใช่สิ สำนึกสุดท้ายก่อนสติจะดับวูบจำได้ว่าตัวเองกำลังจะวิ่งไปดูอิทธิตอนที่เห็นเจ้าตัวเดินไปชนร่างชายฉกรรจ์จนร่างกระเด็นซบพื้น แต่แล้วกลับโดนใครสักคนดึงแขนเอาไว้พอหันมามองก็โดนเจ้าตัวใช้มือที่ถือผ้าผืนเล็กโปะเข้าที่จมูกจากนั้นไม่กี่วินาทีสติเขาก็ดับวูบไป ตื่นมาอีกทีก็มาเจอตัวเองนอนอยู่กลางป่ารกพร้อมเพื่อนรักตอนนี้ที่ยังไม่ได้สติ
“นี่เราโดนวางยาเหรอ แล้วที่นี่มันที่ไหน อิท ไอ้อิท ตื่นเร็ว แย่แล้วว่ะ ตื่นเร็วไอ้อิท มึงจะนอนหลับแบบนี้ไม่ได้นะ เราสองคนโดนวางยา ตื่นสิวะ ไอ้อิท ตื่นสิวะ” เมื่อนึกลำดับเหตุการณ์ได้หนุ่มน้อยก็เกิดอาการหวดกลัวนิดๆ จึงหันไปปลุกคนที่นอนหลับอยู่ด้วยการออกแรงเขย่างเจ้าตัว แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เด็กหนุ่มใจหายไปกับสถานการณ์ค่อยๆ หันมองรอบตัวพลางคิดว่าใครกันที่พาพวกตนมาที่นี่
“ตื่นแล้วเหรอเด็กน้อย” หนึ่งเสียงเอ่ยทักมาพร้อมเสียงเดินสวบสาบเข้ามาใกล้ อาทีหันไปมองยังทิศทางนั้นทันที ภายในใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอกเมื่อภายใต้แสงจันทร์ที่สาดไปยังร่างชายฉกรรจ์สามนายที่เดินมาในสมองจำได้ว่าสองในสามเป็นกลุ่มฉกรรจ์ที่อิทธิเดินชน ส่วนอีกหนึ่งเป็นคนที่จัดการโปะยาสลบตนเอง
“ผะ พวกนายเป็นใคร” หนุ่มน้อยถามปากสั่น พลางกระเถิบร่างถอยหนีการเดินเข้าหาเมื่อยังไม่สามารถลุกยืนได้เพราะยังมึนๆ เบลอๆ อยู่ สายตาก็จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนั้นสลับกับมองมายังร่างของเพื่อนที่ยังนอนหลับอยู่อย่างคนไม่ได้สติ
“จะรู้ไปทำไมไอ้หนู ไม่ใช่ธุระอะไรที่เอ็งจะรู้” หนึ่งคนตัวใหญ่ที่สุดเป็นคนเอ่ยบอกก่อนจะหัวเราะเสียงเหี้ยมพาอีกสองคนเดินตรงเข้ามาหา จนหยุดยืนอยู่เหนือร่างของคนที่หลับอยู่
อาทีมองดูคนตัวใหญ่ใช้ปลายเท้าเขี่ยร่างอิทธิไปมาอาการหวาดกลัวตั้งแต่ต้นก็เริ่มกลายเป็นโกรธเคืองขึ้นมา จากตอนแรกที่กระเถิบร่างถอยหนีจึงแปรเปลี่ยนเป็นคลานเข้ามาปัดปลายเท้าที่กำลังเขี่ยร่างเพื่อนตนออกไปให้ห่าง
“อย่ามาทำแบบนี้กับเพื่อนฉันนะ” เด็กหนุ่มเงยหน้าบอกเสียงกร้าวเมื่อปัดปลายเท้าที่ว่าออกไปได้สำเร็จ
“มึงนี่มันอวดดีสมกับที่โดนบอกมาจริงๆ ว่ะ กล้ามองกูแบบนี้ชิมหลังมือหน่อยเป็นไง” สิ้นคำเจ้าของปลายเท้าอาทีก็ต้องร้องโอ้ยหน้าหันสะบัดซบพื้นเมื่อโดนฝ่ายนั้นฟาดหลังมือลงบนใบหน้า แรงของมันส่งผลให้เด็กหนุ่มรู้สึกเค็มปะแล่มๆ ภายในช่องปากแน่นอนที่สุดว่ามันคงเป็นรสชาติของเลือดสดๆ ที่หลั่งออกมา แต่แม้จะเจ็บจนน้ำตาแทบไหลก็ยังฝืนใจแข็งหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ทำร้ายตนเอ่ยถาม
“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพวกนายและฉันคิดว่าเราไม่น่าจะมีอะไรข้องเกี่ยวกัน พวกนายพาฉันกับเพื่อนมาที่นี่ทำไม”
“มึงไม่เคยเห็นหน้ากู แต่พวกกูเคยเห็นหน้ามึงแล้วไอ้อาที” ชายคนเดิมเอ่ยบอกพร้อมกับเรียกชื่อให้ได้ยิน อาทีกายเย็นสะท้าน นี่มันอะไรกัน คนพวกนี้รู้จักชื่อเขาได้ยังไง ไม่ได้การล่ะ ยังไงเขาต้องปลุกให้อิทธิตื่นขึ้นมาแล้วหาวิธีหนีออกจากป่านี้ให้ได้ ชายฉกรรจ์สามคนนี้คงไม่ได้จับพวกเขามาผิดตัว พวกมันรู้จักชื่อเขาแสดงว่าพวกมันตั้งใจจับเขากับอิทธิมาแน่ๆ จะด้วยสาเหตุใดนาทีนี้ยังไม่มีเวลาขบคิดเท่ากับต้องการเรียกเพื่อนรักให้ได้สติขึ้นมาเสียก่อน
“ไอ้อิทตื่นๆๆ มึงจะหลับไปแบบนี้ไม่ได้นะ ตื่นๆๆ” หนุ่มน้อยหันไปเขย่าร่างเพื่อนอีกพลางเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของตนที่เริ่มย้อยมาเรื่อยๆ
“กว่าเพื่อนมึงจะตื่น มึงก็คงไปไปสวรรค์หรือนรกแล้วล่ะไอ้อาที เพราะยาที่กูโปะให้มันออกฤทธิ์มากกว่าที่มึงโดน” ชายร่างใหญ่เอ่ยให้อาทีผวาหนัก สวรรค์ นรก นี่มันอะไรกัน คนกลุ่มนี้ต้องการฆ่าเขางั้นเหรอ สาเหตุล่ะ มันเกิดจากอะไรที่จู่ๆ ตัวเองต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ หากว่าสามคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือนายศร ไอ้สิน หรือยัยยส้ม เด็กหนุ่มจะไม่งงงวยเลยสักนิดกับคำขู่ที่ได้ยินเมื่อครู่ แต่กับสามคนนี้สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าและได้พูดคุยด้วย แล้วเรื่องอะไรกันที่พวกมันมาขู่เอาชีวิตเขาเช่นนี้
“พวกนายช่วยบอกฉันได้มั้ยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้มาขู่เอาชีวิตกันแบบนี้ ฉันไปทำอะไรให้พวกนายหรือว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง”
ถ้อยคำสุดท้ายอาทีถามออกไปเพราะพลั้งปากแต่ก็ทำให้ฉุกคิดว่าสามคนนี้อาจจะรับคำสั่งมาจากใคร ใช่สิ มันต้องเป็นนายศรกับนายสินที่ว่าจ้างคนพวกนี้มาให้เข่นฆ่าเขากับอิทธิ นี่หรือเปล่าคำขู่จากปากยัยยส้มที่ว่า
“ไม่ใช่แค่ไอ้อิทหรอกพี่เองก็ระวังตัวให้ดี ไม่มีส้มคอยคุ้มกะลาหัวแบบนี้ระวังจะเรียนไม่จบม.6”
“พวกนายโดนนายศรกับไอ้สินจ้างมาใช่มั้ย”
ถึงตอนนี้อาทีเอ่ยถามสามคนหน้าตรงๆ สังเกตเห็นพวกมันมองหน้ากันไปมาก็คิดว่าตนคงเข้าใจไม่ผิด จึงเอ่ยออกมาเยาะๆ เพราะอารมณ์แค้นใจคนสนิทของมารดาได้ปะทุขึ้นมาจนกลบเกลื่อนความกลัว
“ทำแบบนี้มันหมาลอบกัดนี่ นายศรไอ้สิน ยัยส้ม สาบานได้ว่าหากฉันรอดในคืนนี้พวกแกสามคนไม่มีทางได้อยู่ในไร่ป้าของฉันอีกต่อไปแน่”
หนุ่มน้อยเอ่ยลอดไรฟันออกมากำหมัดแน่นกับวิธีการหมาลอบกัดที่ครอบครัวนั้นทำกับตนและเพื่อน
“บ่นอะไรงึมงำๆ ไอ้หนู อย่าทำปากกล้าไปหน่อยเลย เพราะคืนนี้เอ็งไปไหนไม่รอดหรอกว่ะ” หนึ่งในสามคนนั้นเอ่ยขึ้นในตอนที่กำลังนั่งนึกชิงชังอยู่ อาทีเงยหน้าขึ้นมองเอ่ยบอก
“พวกนายรู้จักชื่อฉันแสดงว่าพวกนายก็รู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นหลานเจ้าของไร่ที่นายศรและไอ้สินทำงานอยู่ พวกนั้นจ้างนายมาเท่าไหร่ หากพวกนายปล่อยฉันกับไอ้อิทไปฉันให้พวกนายได้อีกสามเท่าสนใจมั้ย”
เสียงหัวเราะดังกลับมาแทนการตอบรับ อาทีมองหน้าคนเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจว่าพวกมันขำอะไรนักหนา หรือว่าพวกมันคิดว่าเขาไม่มีปัญญาจ่าย
“หัวเราะอะไรกันฉันมีปัญญาจ่ายให้ได้สามเท่าน้อยไปใช่มั้ย ฉันให้ห้าเท่าเลยเอามั้ย” เด็กหนุ่มยื่นข้อเสนอไปใหม่ คราวนี้จึงได้รับคำเฉลยว่าทำไมคนพวกนั้นถึงหัวเราะ
“อย่าว่าแต่สามเท่าหรือห้าเท่าเลยไอ้หนูอาที แม้แต่เงินหนึ่งบาทพวกข้าว่าเอ็งก็คงจะหามาถือไว้ในกำมือยากว่ะ เพราะไอ้ตำแหน่งหลานชายเจ้าของไร่คงจะไม่ตกเป็นของเอ็งอีกแล้ว หากว่าพ่อศรขึ้นครอบครองไร่ได้สำเร็จ”
“พ่อศรเหรอ นี่พวกนายเป็นคนของนายศรจริงๆ ด้วย พวกนายกำลังจะบอกฉันใช่มั้ยว่านายศรมีแผนคิดจะฮุบไร่ของป้าจันทร์”
“เข้าใจถูกแล้วไอ้หนู เ เฮ้ย! พวกเราจัดการมันเลย รำคาญที่จะฟังมันพูดแล้ว”
อาทีกระเถิบร่างถอยอีกในตอนที่ได้ยินคำพูดนั่น เด็กหนุ่มมองหาอาวุธที่จะมาใช้ต่อกรกับสามคนที่เดินข้ามร่างเพื่อนตนเข้าหา ที่สุดสายตาก็มองเห็นท่อนไม้ขนาดเหมาะมือวางอยู่จึงเอื้อมมือไปหยิบ แต่อนิจจาพอนิ้วทั้งห้าสัมผัสท่อนไม้ได้หนุ่มน้อยก็ต้องร้องออกมาสุด
เสียงเมื่อโดนเท้าหนักๆ เหยียบทับมือเอาไว้พร้อมออกแรงบดขยี้จนเจ็บปวดเกินจะทน
“มึงอย่ามาอวดเก่งคิดสู้ไอ้เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
เจ้าของปลายเท้ายกเท้าเขี่ยท่อนไม้นั่นไปทางด้านหลัง ก่อนจะฟาดหลังมือลงบนใบหน้าอาทีอีกครั้งจนหนุ่มน้อยใบหน้าหันสะบัดและได้ลิ้มรสชาติของเลือดสดๆ ในช่องปากอีกหน
อาทีค่อยๆ ยกมือข้างที่ไม่โดนทำร้ายเช็ดลิ่มเลือดที่มุมปากก่อนจะใช้มันไปจับประคบมือที่โดนเหยียบขยี้ ซึ่งบัดนี้สั่นเทาจากอาการเจ็บอยู่ สายตาที่พร่าเลือนไปแล้วด้วยหยาดน้ำตาก็จ้องมองไปที่ร่างอันธพาลสามร่างที่ยืนมองหน้าหัวเราะเยาะอยู่
“กูให้มึงเลือกว่าจะตายเพราะคมมีดหรือว่าลูกตะกั่ว” ชายที่ยืนตรงกลางเอ่ยถามก่อนที่สองคนขนาบซ้ายขวาจะหยิบอาวุธออกมาถือไว้ในมือ คนหนึ่งถือมีดปลายแหลมลูบคมไปมาส่วนอีกคนถือปืนสั้นทรงโบราณเป่าปลายกระบอกเล่นๆ
“หรือถ้ามึงไม่เลือกทั้งสองอย่าง แต่อยากจะตายเพราะโดนกูกระทืบกูก็จะสนองให้” ชายคนกลางเอ่ยขึ้นอีกก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ยอดอกจนร่างหนุ่มน้อยกระเด็นหงายหลังไอสำลักเลือดที่ทะลักออกมาทางปาก
อาทีแข็งใจพยุงร่างขึ้นใหม่ทั้งๆ ที่รู้สึกจุกในทรวงอกจากการโดนปลายเท้าถีบเข้าเต็มแรงเมื่อครู่ เด็กหนุ่มไอสำลักออกมาเป็นระยะๆ เมื่อรู้สึกว่าความบอบช้ำภายในกำลังถูกระบายออกมาเป็นลิ่มเลือด
“ฉันขอสาปแช่งให้พวกแกตกนรกรวมถึงคนที่มันจ้างพวกแกมา” หนุ่มน้อยฝืนเอ่ยออกมาเมื่อคิดว่าตนคงไม่รอดชีวิตออกไปจากป่าแห่งนี้แน่แล้ว
“จะตายแล้วยังปากดี แบบนี้กินตีนกูจนตายน่ะดีแล้ว” ชายคนเดิมเอ่ยตวาดขึ้นพร้อมยกเท้าขึ้นจะกระทืบอีก อาทีหลับตารับชะตากรรมเพราะไร้เรี่ยวแรงขยับหนี แต่แล้วหูก็ได้ยินเสียงคุ้นหูตวาดขึ้น
“หยุดนะได้พวกอันธพาล!”
เสียงนั้นเป็นเสียงของอิทธินั่นเอง อาทียิ้มได้ในตอนที่หันไปมองเห็น สามชายฉกรรจ์เองก็ตกใจในน้ำเสียงตวาดไม่น้อยจึงหันมองกลับไปเช่นกัน แต่แล้วก็ต้องร้องโอดโอยกันถ้วนหน้าเมื่อโดนท่อนไม้ในมือเจ้าของเสียงฟาดเข้าแบบไม่ทันตั้งตัว
อิทธิรู้สึกตัวในตอนที่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแว่วๆ พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นร่างเพื่อนรักโดนชายร่างใหญ่ที่หันหลังให้อยู่เหยียบเข้าที่ปลายนิ้วอยู่ ก่อนที่ใครคนนั้นจะยกปลายเท้าเขี่ยท่อนไม้มาตกตรงหน้า ตอนแรกก็อยากจะลุกไปจัดการคนพวกนั้นเพราะแค้นเกินทนกับภาพที่เห็น แต่เพราะยังมึนๆ เบลอๆ อยู่จึงทำให้ลุกไม่ได้ในทันที ประกอบกับเห็นคนสองคนควักอาวุธออกมายืนขู่ทั้งปืนทั้งมีด จึงทนกัดฟันมองเพื่อนโดนทำร้ายอยู่พลางคิดหาวิธีช่วยเจ้าตัว สุดท้ายเมื่อนึกได้จึงค่อยๆ เลื่อนมือไปหยิบท่อนไม้มาถือไว้มั่นแล้วตัดสินใจดีดตัวลุกยืนส่งเสียงห้ามตอนที่เพื่อนตนจะโดนทำร้ายอีก และในจังหวะที่คนเหล่านั้นหันมาหาจึงไม่รอช้าที่จะหวดอาวุธในมือใส่สุดแรงแบบไม่ให้ใครสักคนได้ตั้งตัวโดยเลือกหวดฟาดคนที่ถือปืนอยู่เป็นคนแรกทั้งที่แขนจนปืนหลุดกระเด็นตกพื้น ตามด้วยใบหน้า ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบให้เจ้าตัวหงายหลังเสียหลักล้มลงไป ต่อมาจึงหันไปจัดการฟาดแขนคนที่ถือมีดอยู่จนมีดนั่นหล่นกระเด็นไปทางไหนก็ไม่อยากสนใจเพราะต้องการเล่นงานเจ้าตัวให้หมอบโดยเร็วที่สุดด้วยการหวดไม้ท่อนซ้ำเข้าที่หน้าท้องจนร่างนั้นทรุดนั่งตัวงอร้องโอดโอย จากนั้นจึงหันมาหวดท่อนไม้ใส่ปลายคางคนที่มันถีบเพื่อนตนเมื่อครู่ตบท้ายด้วยการก้มลงฟาดซ้ำที่หน้าแข้งจนฝ่ายนั้นล้มลงดิ้นพล่านๆ กุมหน้าขา ในใจคิดจะจัดการมากกว่านั้นแต่ก็เป็นห่วงเพื่อนเหลือเกินจึงวางท่อนไม้ลงวิ่งจะไปพยุงร่างเพื่อนให้ยืนขึ้น
อาทีตกใจที่เห็นเพื่อนทิ้งอาวุธในมือพร้อมกับเห็นชายคนที่เคยถือปืนกำลังคลานจะไปหยิบเอาอาวุธของตัวเองที่หล่นอยู่บนพงหญ้า มือนั้นใกล้ถึงปืนแล้ว เด็กหนุ่มฝืนเรี่ยวแรงที่มีพุ่งร่างหยิบเอามีดปลายแหลมที่กระเด็นมาใกล้ๆ ตัวแล้วจับด้ามมีดไว้มั่นด้วยมือข้างที่ไม่เจ็บก่อนจะหันมาจ้วงแทงลงบนหลังมือของชายที่กำลังจะหยิบปืนดั่งใช้มันเป็นตะปูตอกหลังมือนั่นไว้ไม่ให้ขยับ
“โอ้ยยย! มือกู มือกู ไอ้เด็กเปรตกูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึง” ชายคนนั้นร้องออกมาเสียงลั่นป่าในตอนที่หลังมือโดนปลายมีดเสียบทะลุปักเอาไว้กับพื้นดิน มือที่ว่างกำลังจะเอื้อมมาดึงมีดนั่นออกในตอนที่คนจ้วงแทงปล่อยมือไปแล้ว แต่ก็ต้องร้องลั่นป่าขึ้นอีกเมื่อหลังมือโดนลูกตะกั่วยิงทะลุ ซึ่งคนที่ยิงก็คืออาทีที่หลังจากจ้วงแทงหลังมือวายร้ายได้เสร็จก็รีบฉวยหยิบปืนมาลั่นไกใส่มืออีกข้างของฝ่ายนั้นทันทีเพื่อไม่ให้เจ้าตัวใช้มือมาดึงมีดปลายแหลมออกจากหลังมือได้
อาทิตย์ยืนอึ้งต่อฝีมือการยิงปืนที่แม่นปานจับวางของอาทีอีกครั้งหลังจากที่เคยเห็นเจ้าตัวยิงใส่ขาของสินมาเมื่อครั้งก่อนโน้น เด็กหนุ่มวิ่งจะไปดูอาการเพื่อนแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อร่างโดนคว้าเอาไว้พร้อมโดนจี้ลำคอเอาไว้ด้วยมีดปลายแหลม
“พวกมึงคิดว่าพวกกูพกอาวุธมีดมาแค่เล่มเดียวหรือไง โยนปืนมาให้กูซะไม่งั้นเพื่อนมึงคอหอยขาดแน่ไอ้ตัวดี”
อาทีตกใจเมื่อเห็นสภาพอิทธิโดนจับไว้เป็นตัวประกันสำหรับยื่นข้อต่อรองให้ตนทิ้งปืนในมือ ชายฉกรรจ์ที่กำลังจี้คอหอยเพื่อนด้วยมีดคมวาวอยู่นั่นคือชายที่โดนอิทธิฟาดไม้ท่อนใส่ลำตัวนั่นเอง
“อาที มึงไม่ต้องห่วงกู ยิงพวกมันซะ กูจะตายจะรอดยังไงก็ไม่สำคัญเท่ามึงต้องรอด เชื่อกูมึงอย่าไปเชื่อมัน” อิทธิรีบเอ่ยบอกเพื่อนเพราะเกรงว่าเจ้าตัวจะเชื่อพวกวายร้ายจริงๆ เด็กหนุ่มมีโอกาสมองหน้าคนพวกนี้ชัดๆ จึงจำได้ว่าเป็นพวกเดียวที่เคยดักก่อกวนทำลายจักรยานของตน แต่ตอนนี้ไม่อาจลำดับความคิดได้ว่าเหตุใดตัวเองต้องมาเจอกับชะตากรรมลุ้นชีวิตในป่ารกร้างเช่นนี้เพราะตอนนี้อยากให้อาทีเชื่อฟังคำพูดตนมากกว่ายอมทำตามคำสั่งพวกวายร้าย เพราะหากฝ่ายนั้นเชื่อตนยังไงเจ้าตัวก็รอด แต่หากเชื่อพวกมันโอกาสที่จะกอดคอกันตายมีสูงมากนัก
“กูรอดแล้วมึงตายกูจะอยู่ไปทำไมล่ะไอ้อิท” อาทีเอ่ยบอกกับเพื่อน สถานการณ์แบบนี้จะให้เขายืนมองฝ่ายนั้นโดนเชือดคอทิ้งเขาจะทำได้ยังไง เด็กหนุ่มตัดสินใจโยนปืนไปทางชายฉกรรจ์ผู้นั้นจนมันตกอยู่ที่พื้น อิทธิน้ำตาแทบไหล ซึ้งใจที่เพื่อนไม่ยอมเอาตัวรอดคน
เดียวแม้ตนจะเอ่ยปากขอร้องแล้ว เด็กหนุ่มนึกเกลียดชังเสียงหัวเราะของชายที่กำลังจี้คอหอยตนอยู่ ตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น
“พวกแกเป็นคนของนายศรใช่มั้ย”
“มึงสองคนนี่สมเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ เดาเรื่องได้เก่งเหลือเกิน” ชายผู้นั้นเอ่ยตอบก่อนจะผลักร่างเด็กหนุ่มให้ไปยืนอยู่ข้างๆ อาที แล้วก้มลงหยิบปืนมาถือไว้ในมือยกขึ้นชี้ขู่แล้วว่า
“พวกมึงสองคนดูรักกันดีนะ แต่น่าเสียดายที่มิตรภาพดีๆ ของพวกมึงต้องจบลงตรงนี้”
“ถึงแม้ว่ามันจะจบแต่ฉันก็ดีใจที่ฉันไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกหน้าตัวเมียที่ส่งลูกสมุนมารุมทำร้ายคนอื่นด้วยวิธีการหมาลอบกัด หากฉันกับไอ้อาทีตายจริงๆ ก็ฝากกลับไปบอกนายของพวกแกด้วยนะว่าฉันสมเพชพวกมันและขอสาปแช่งให้มันตกนรกหมกไหม้ไปทั้งตระกูล”
อิทธิเอ่ยระบายใส่หน้าเมื่อรู้สึกสมเพชมากกว่ากลัวตาย
“ปากดีกันนักนะ กูว่าก่อนที่กูจะยิงพวกมึงทิ้งกูเฉือนลิ้นพวกมึงส่งไปให้พ่อศรกับพี่สินดูดีกว่าว่ะ ท่าทางพวกกูคงจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น”
แม้จะใจแข็งเพียงไรแต่คำว่าเฉือนลิ้นที่ได้ยินก็ทำให้อิทธิและอาทีหันมองหน้ากันด้วยสีหน้าหวั่นวิตก
“ไงกลัวเหรอ เฮ้ย พวกมึงสองคนมัวแต่สำออยลุกไม่ขึ้นอยู่นั่นแหละ แข็งใจลุกมาช่วยกูทำงานก่อนสิวะ”
ชายผู้นั้นเอ่ยเยาะใส่หน้าก่อนจะหันไปสั่งพรรคพวกสองคนที่นอนเจ็บกันอยู่คนละทาง แต่ดูคนที่โดนมีดปลายแหลมปักหลังมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งโดนยิงจนทะลุจะเจ็บปวดกว่าใครอีกคนที่เจ็บแค่หน้าแข้ง ซึ่งตอนนี้ได้ฝืนใจเดินมาช่วยเพื่อนที่หลังมือพรุนทั้งสองข้างจนพยุงกันไปยืนสมทบกันได้สำเร็จ
“เสียมั้ยล่ะมึง โดนไอ้เด็กเมื่อวานซืนเล่นงานซะมือพรุน ไม่ไหวก็ไปนั่งพัก ส่วนมึงไปลากตัวไอ้อาทีจับมัดไว้ ส่วนกูจะจัดการกับไอ้อิทธิเอง”
ชายถือปืนเอ่ยบอกสองคนที่มายืนอยู่ข้างๆ คนที่มือพรุนจึงเดินไปหลบนั่งฉีกเสื้อผ้ามาพันมือตัวเองไว้ ส่วนอีกคนเดินถือมีดเปื้อนเลือดเพื่อนตรงเข้าหาอาที
“อย่านะ อย่าแตะต้องเพื่อนกูแม้แต่ปลายเล็บ” อิทธิตรงเข้าขวางจึงโดนหมัดตะบันบันใส่หน้า นาทีนี้นึกเป็นห่วงเพื่อนมากกว่ากลัวตายจึงหันมาชกหน้ากลับคนที่ชกตนก่อน คิดจะตามไปซ้ำอีกเมื่อเห็นฝ่ายนั้นเซถลาหน่อยๆ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงปืนหนึ่งนัดลั่นขึ้น
“ขืนมึงซ่าส์อีกคราวนี้ก็จะยิงกบาลมึงแทนการยิงขึ้นฟ้าไอ้อิทธิ”
มีเสียงดังตวาดตามมาที่แท้เสียงปืนนั่นก็เกิดจากคนนั้นยิงมันขึ้นฟ้านั่นเอง อิทธิยอมถอยร่างกลับมายืนคู่อาที เอ่ยบอก
“ไม่มีใครแยกมึงกับกูออกจากกันได้ไอ้อาทีมึงไม่ต้องกลัว”
“โธ่โว้ย กูขอเอาคืนทีเถอะที่บังอาจมากล้าดีกับกู”
ในนาทีนั้นชายที่โดนอิทธิโต้ตอบกลับด้วยการต่อยหน้าเกิดมีน้ำโหขึ้นมาจึงเดินถือมีดปลายแหลมในมือตรงเข้าหาร่างอิทธิเงื้อขึ้นเตรียมจ้วงแทง
“ไอ้อิทระวัง!” อาทีมองเห็นภาพนั้นเอ่ยร้องเสียงหลงตาเบิกโพลง และคิดว่าคำเตือนตนคงจะช้าไปจึงตัดสินใจดึงร่างเพื่อนมาซ่อนไว้ข้างหลังแล้วตนเข้ายืนตำแหน่งนั้นแทน
“ฉึก!” เสียงคมมีดเสียบเข้าทะลุร่างบริเวณช่องท้องจนมิดด้าม อาทีตาเบิกโพลงด้วยความเจ็บปวดเจียนขาดใจในตอนนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากเรื่องหนังสือรวมเล่มด้วยครับ