อวสาน
“น้ำหน้าอย่างมึงจะทำอะไรกูได้ไอ้สิน คนที่จะตายคือมึงไม่ใช่กู!” อิทธิเอ่ยขึ้นก่อนจะตัดสินใจกระทุ้งข้อศอกไปด้านหลังเต็มแรงและมันก็กระแทกเข้าทรวงอกสิ้นจนฝ่ายนั้นร้องลั่นร่างเซถลาปล่อยมือจากการล็อคร่างเจ้าของข้อศอกโดยอัตโนมัติ อาทิตย์เห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้าที่จะตรงเข้าไปใช้เท้าถีบร่างของสินให้เซถลาไปไกลตัวอิทธิจนสำเร็จ สินร้องอ็อคในตอนที่โดนปลายเท้าอาทิตย์ถีบซ้ำตรงยอดอก ร่างชายอันธพาลเซถลาลงไปกระแทกพื้น กำลังจะยันกายลุกขึ้นแต่แล้วก็ไม่ทันสองเท้าจากสองคนที่ตรงมาเหยียบซ้ำที่อกคนละข้างจนร่างจมพื้นจุกแน่นไปทั้งทรวงจนแทบหายใจไม่ออก
อาทิตย์กับอิทธิออกแรงขยี้ปลายเท้าลงไปบนร่างของสินหนักขึ้นเมื่อนึกถึงว่าคนๆ นี้เป็นอันธพาลต้นเหตุที่ทำให้อาทีต้องนอนโรงพยาบาล ด้านสินทำอะไรไม่ได้เมื่อรู้สึกใจจะขาดจากการโดนเท้าหนักๆ สองเท้าขยี้ลงบนอกแน่น นัยน์ตาชายอันธพาลที่ถลนออกมาจากอาการเกร็งเจ็บมองจ้องใบหน้าและแววตาชิงชังของทั้งอาทิตย์และอิทธิที่มองจ้องมา รู้สึกอยากจะลุกมาเพื่อสู้กับสองคนนั้นอีกสักครั้งจึงฮึดเรี่ยวแรงขยับกายเพื่อลุกขึ้น แต่เพียงแค่ขยับก็ต้องกายสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนสองเท้ายกขึ้นกระทืบลงมาที่อกอีกพร้อมกันด้วยน้ำหนักที่มากกว่าตอนแรกมากเกินจะทน เลือดสีสดทะลักออกมาจากทั้งทางปากและจมูกของสินตอนที่โดนปลายเท้าของคนทั้งคู่ที่ยืนเหยียบร่างอยู่พร้อมใจกดขยี้แรงลงมาอีก
“กะ กูจะขอจองเวรผะ พวกมึง” ชายอันธพาลฝืนเรี่ยงแรงพูดได้แค่นั้นก่อนขจะสะดุ้งเฮือกเป็นรอบสุดท้ายเมื่อโดนคนที่ตนเอ่ยจองเวรกระทืบร่างซ้ำลงมาอีก สุดท้ายลมหายใจก็ปลิดปลิวไปอย่างไม่มีวันหวนกลับในสภาพนัยน์ตาเหลือกถลน!
อาทิตย์กับอิทธิยกปลายเท้าออกจากร่างของสินเมื่อเห็นฝ่ายนั้นแน่นิ่งไปแล้ว สองคนหันมองหน้ากันต่างคนต่างผ่อนลมหายใจก่อนที่อาทิตย์จะเป็นฝ่ายดึงร่างอิทธิเข้ามากอดปลอบ
“จบสิ้นกันที ไม่เป็นไรแล้วนะอิท”
อิทธิยอมซบร่างลงบนอกอาทิตย์พราะรู้สึกล้าเหลือเกินกับเหตุการณ์ที่เผชิญมาในวันนี้ และพอนึกอะไรได้เด็กหนุ่มจึงเอ่ย
“แล้วคุณจิตรละครับคุณอาทิตย์”
“จริงสิ ป่านนี้นายศรจะทำอะไรแม่ฉันไปหรือยัง” อาทิตย์เอ่ยขึ้นหน้าตาตระหนก ก่อนจะจูงร่างอาทิตย์ไปเพื่อตามหามารดาตน ที่สุดก็มาเจอตอนที่เห็นลุงไกรกำลังอุ้มวิ่งมาตามทางและมีแม่นางวิ่งตามมาด้วย
“แม่”
“อิท”
สองคนแม่ลูกที่ได้พบกันโผร่างเข้ากอดกันด้วยความรู้สึกดีใจและยินดีที่ไม่เห็นว่าต่างฝ่ายต่างไม้ได้รับอันตรายใดๆ ร้ายแรง ส่วนอาทิตย์นั่นตกใจกับสภาพมารดาจนแทบช็อกจึงเข้าช่วยรับจากลุงไกรวิ่งพาร่างฝ่ายนั้นเพื่อหาทางออกจากป่าท้ายไร่นี้ โดยที่แม่นางกับอิทธิได้ตามไปด้วย
*****************************************************
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ในตอนที่อาทิตย์พาร่างมารดาถึงมือหมอเรียบร้อยชายหนุ่มก็รู้สึกยินดีที่ได้รับข่าวว่าผู้เป็นป้าของตนฟื้นขึ้นมาแล้วอย่างปาฏิหาริย์ พร้อมๆ กับน้องชายได้พ้นขีดอันตรายและรู้สึกตัวด้วยเช่นกัน
ลุงไกรรับอาสาดูแลเรื่องวุ่นวายภายในไร่ให้เพื่อให้อาทิตย์ อิทธิ และแม่นางเข้าเยี่ยมจันทร์จวง ซึ่งพอจันทร์จวงเห็นสภาพคนทั้งสามที่เข้าเยี่ยมก็ตกใจถามไถ่เรื่องราวว่ามันเกิดอะไรขึ้น อาทิตย์จึงเป็นคนเล่าให้ฟังทั้งหมด หญิงเจ้าของไร่ได้ฟังก็ใจหาย แล้วก็แทบหลับใหลลงไปอีกเมื่อมีพยาบาลมาแจ้งว่าตอนนี้อาการน้องสาวนางเข้าขั้นโคม่าต้องการเลือดด่วน อาทิตย์เสนอตัวจะมอบเลือดให้อีกแต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะก่อนหน้าชายหนุ่มได้เสียเลือดมากมายเพื่อยื้อชีวิตน้องชายแล้ว ที่สุดแม่นางจึงเสนอตัวขึ้นว่าตนพอจะช่วยเหลืออะไรได้มั้ย สุดท้ายนางก็ได้รับการรับการพาเข้าห้องตรวจและปรากฏว่าเลือดของนางสามารถโอนถ่ายให้กับจิตราได้เช่นกัน ที่สุดเลือดในกายของนางจึงส่งผ่านไปยังร่างจิตราเพื่อช่วยยื้อชีวิตหญิงร้ายผู้นั้น
จันทร์จวงและอาทิตย์รู้สึกเบาใจที่จิตราได้รับการยื้อชีวิตไว้ได้ ส่วนอิทธินั้นได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่รู้จะแสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา อาทิตย์หันมามองเห็นจึงเอ่ย
“ฉันถือว่าครอบครัวฉันเป็นหนี้บุญคุณแม่นางนะอิทธิ แม่ฉันฟื้นขึ้นมาฉันจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฉันฟัง”
อิทธิไม่ตอบอะไรได้แต่เดินออกหนีไปเงียบๆ อาทิตย์เข้าใจว่าเจ้าตัวคงไปเยี่ยมน้องชายตนจึงเดินตามไป
“พี่อาทิตย์ ไอ้อิท” อาทีเอ่ยเรียกชื่อบุคลทั้งสองที่โผล่หน้าเข้ามาเยี่ยมตน เด็กหนุ่มยังรู้สึกเจ็บที่บาดแผลอยู่จึงไม่อาจลุกนั่งหรือพูดอะไรได้มาก สองคนที่เข้ามาเยี่ยมจึงไม่ได้ตั้งคำถามหรือพูดอะไรกวนใจ ได้แต่ส่งรอยยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าตัวหายเป็นปกติโดยเร็ว
ส่วนทางไร่ซึ่งตอนนี้ฟ้าได้สางแล้ว เหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นจบลงตรงที่นายศร สิน และส้มสิ้นใจตายอย่างน่าอนาถ ตำรวจท้องที่ทำคดีไปตามหน้าที่ด้วยการเรียกสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ลุงไกรเสนอตัวเป็นพยานยืนยันว่าบุคลสามคนที่ตายไปคิดร้ายต่อผู้เป็นเจ้านายด้วยการวางแผนฆ่ายกครัวเพื่อเข้ายึดครองไร่ เหตุที่ต้องตายตกไปตามกันเพราะเกิดจากฝ่ายรอดชีวิตทำไปเพื่อป้องกันตัว เหล่าคนงานหลายคนที่นึกไม่ชอบนายสินกับการเป็นหัวหน้าคนงานที่ข่มเหงรังแกมาโดยตลอดเข้าสนับสนุนคำให้การของลุงไกร จึงทำให้ตำรวจไม่ติดใจมุ่งเอาผิดคนร้ายคนใดที่คร่าชีวิตของครอบครัวอันธพาลนี้ เมื่อตำรวจสรุปสำนวนคดีไปเช่นนั้นฝ่ายที่สนับสนุนนายศรก็ไม่กล้าขัดข้องเพราะยังไงๆ ก็คิดว่าตนจะยังต้องพึ่งใบบุญของจันทร์จวงเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพต่อไป
อาทิตย์เข้าแจ้งความเพิ่มเติมถึงเรื่องที่วายร้ายอุ้มน้องชายตนไปเพื่อหวังฆ่าทำให้ตำรวจต้องตามไล่ล่าวายร้ายเหล่านั้นมาลงโทษ ซึ่งพอจับตัวได้ก็พบว่าเป็นกลุ่มคนร้ายที่เคยหนีคดีอุกอาจอยู่หลายคดี อาทิตย์เองก็จำได้ว่าวายร้ายพวกนี้คือกลุ่มคนสินเคยจับกลุ่มพูดคุยด้วยตอนที่ตนขับรถตะเวนชมรอบตัวเมื่อเมื่อครานั้น ชายหนุ่มรู้สึกยินดีที่น้องชายของตนไม่เจ็บตัวฟรี
ในวันนี้จันทร์จวงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว นางยกตำแหน่งหัวหน้าคนงานให้กับลุงไกรเป็นคนดูแลต่อจากนายศร เรื่องงานในไร่ลุงไกรจึงช่วยสะสางและจัดการให้มันเข้ารูปเข้ารอยหลังจากที่คนงานหลายกลุ่มต่างขวัญเสียไปกับเหตุการณ์ร้ายแรงนี้ ส่วนหน้าที่คนคุมบัญชีนางก็ยังคงมอบให้แม่นางกลับเข้ามาดูแลเหมือนเดิม โดยบอกจะสร้างเรือนที่แข็งแรงมั่นคงให้อยู่ใหม่แทนเรือนหลังเก่า
“อิทไม่ว่าอะไรแม่ใช่มั้ยลูก แม่ทิ้งคุณจันทร์ไปไม่ได้จริงๆ” แม่นางเอ่ยกับบุตรชายในวันหนึ่งขณะเดินทางไปบอกลาดวงและขอบคุณในทุกเรื่องที่ฝ่ายนั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
“แล้วแม่แน่ใจเหรอว่าคุณจิตรแกจะไม่อาละวาดเราอีก” อิทธิออกความเห็น แม่นางนิ่งคิด จำได้ถึงวินาทีก่อนที่หญิงร้ายผู้นั้นจะสิ้นสติคิดว่าตนน่าจะพ้นจากการโดนราวีแล้วเป็นแน่
************************************************
อาทิตย์เข็นรถพาน้องชายซึ่งยังเดินเหินไม่สะดวกเข้าเยี่ยมมารดาที่ยังคงนอนพักอยู่พร้อมผู้เป็นป้าในวันหนึ่ง ชายหนุ่มพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้สองคนลดละทิฐิในใจที่มีต่อกันแล้วเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกันซะทีเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงผู้เป็นบิดาก็กำลังจะมาถึงที่นี่หลังจากที่ตัวเองส่งข่าวไปบอก
“อาทีให้อภัยแม่นะลูก แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ” จิตราน้ำตาไหลพรากในตอนที่เห็นบุตรชายคนเล็กมองมายังร่างตนด้วยแววตาวูบไหว อาทีเองพอเห็นเช่นนั้นจึงก้มลงกราบแทบเท้ามารดาเอ่ยขอโทษเจ้าตัวเช่นกันในสิ่งที่ตนเผลอล่วงเกินในวันวาน จันทร์จวงและอาทิตย์รู้สึกยินดีที่เห็นสองคนจับมือกันมั่นแสดงออกถึงการเชื่อมรอยร้าวที่มีให้แก่กันให้แนบสนิท เวลาผ่านไปสักพัก จิตราจึงถามขึ้น
“แล้วแม่นางกับอิทธิเป็นยังไงบ้างล่ะอาทิตย์พี่จันทร์”
“ทำไมหรือ เธอจะลุกไปอาละวาดสองคนเขามั้ยหากฉันจะบอกว่าพวกเขาสบายกันดี และแม่นางก็กลับมาดูแลบัญชีให้ฉันเหมือนเดิม ส่วนอิทธิฉันก็รับอุปการะเหมือนเดิม” จันทร์จวงเอ่ยว่า จิตราหน้าง้ำหน่อยๆ เอ่ยบอก
“พี่จันทร์ไม่ต้องมาประชดประชันจิตรเลยค่ะ จิตรขอโทษที่จิตรเคยเห็นกงจักรเป็นดอกบัว วันนี้แม่นางเป็นคนที่ช่วยชุบชีวิตจิตรขึ้นใหม่ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาจิตรเอง หากจิตรจะมัวเมามองไม่เห็นความดีนี้จิตรก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่เป็นผู้เป็นคนหรอกค่ะ”
“ฉันก็ล้อหล่อนเล่นไปอย่างนั้นเองแหละ คราวนี้ลองหล่อนร้ายใส่แม่นางอีกสิ ฉันเป็นไล่หล่อนออกจากไร่ก่อนใครเพื่อนแน่” จันทร์จวงเอ่ยบอกยิ้มๆ ทำให้สามคนแม่ลูกยิ้มตาม ก่อนจะหยุดอาการนั่นไว้เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูและเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา ซึ่งพอหันไปมองจึงพบว่าเป็นแม่นาง
“อยู่ที่นี่กันหมดเลย ขะ คุณจิตรเป็นยังไงบ้างคะ” แม่นางเอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาจิตรามองมายังตน
“ฉันยังไม่ตายหรอก เลือดหล่อนนี่มันมันแรงดีจริงๆ มาใกล้ๆ ฉันซิ” จิตราเอ่ยขึ้นติดตลกก่อนจะเอ่ยปากบอกให้คนเพิ่งเข้ามาเดินมาหาตน ฟากแม่นางมองสบสายตาจันทร์จวงเป็นเชิงขอความเห็น พอเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าให้จึงยอมเดินเข้าไปใกล้ๆ จิตราก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆ ตอนที่ฝ่ายนั้นเอื้อมมือมาจับมือตนเอ่ยขึ้น
“ฉันขอโทษนะในทุกเรื่องที่เคยผ่านมา”
“ดิฉันไม่เคยโกรธคุณจิตรนะคะ ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งที่คุณจิตรทำทั้งหมดเพราะเป็นห่วงคุณจันทร์” แม่นางเอ่ยบอกยิ้มๆ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปกุมมือจิตราไว้ สองคนส่งยิ้มให้กันท่ามกลางสายตายินดีของคนทั้งสามที่มองอยู่
“ลูกชายหล่อนคงจะเกลียดขี้หน้าฉันมากสินะ ตั้งแต่ฉันฟื้นมาฉันยังไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย” จิตราเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่งทำให้คนทั้งห้องมองหน้ากัน เพราะรู้กันดีว่าอิทธิยังไม่สนิทใจที่จะหันมาญาติดีกับจิตรานั่นเอง
“เดี๋ยวผมไปตามให้เองครับ คงจะนั่งหน้างออยู่ด้านนอกน่ะแหละ” อาทิตย์เอ่ยบอกยิ้มๆ อาทีจึงเอ่ยแซว
“อย่าไปชวนไอ้อิทมันทะเลาะล่ะพี่อาทิตย์ จะง้อก็ง้อดีๆ”
“ปากดีนะไอ้อาที แกคิดว่าพี่ชายแกเป็นอันธพาลหรือไง” อาทิตย์ว่าน้องอาทีเพียงแต่หัวเราะไม่ตอบโต้ ก่อนจะหันมาสนทนากับมารดาและแม่นางด้วยรอยยิ้มกันทั้งสามคน จันทร์จวงที่ยืนมองอยู่ก็รู้สึกอิ่มเอมใจไปด้วย
ทางด้านนอกอาทิตย์เดินตามหาอิทธิจนพบเจ้าตัวกำลังนั่งหน้าตึงอยู่ใต้ร่มไม้ไหญ่จึงเดินยิ้มเข้าไปหาเอ่ยแหย่
“มานั่งหน้าตึงอยู่คนเดียวกำลังคิดจะเอามีดไปไล่แทงใครอีกล่ะ”
“อย่ามาปากเสียนะคุณอาทิตย์” อิทธิหันมาตอบโต้ตอนที่ร่างสูงของอาทิตย์นั่งลงข้างตัวแล้ว
“คนปากเสียกับคนปากดีบางทีมันก็เข้ากันได้ดีนะนายว่าป่ะล่ะ” อาทิตย์ยังคงล้ออีก อิทธินึกฉุนจึงหันมาว่าอีก
“ถ้าจะมากวนประสาทกันก็ไปไกลๆ เลยนะคุณอาทิตย์ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะล้อเล่นกับคุณ”
“ไม่มีอารมณ์ล้อเล่นแล้วมีอารมณ์อะไรหรือจ๊ะเมียรัก แต่นี่มันโรงพยาบาลนะคงจะทำอะไรกันไม่สะดวกมั้ง”
อิทธิอ้าปากค้างในสิ่งที่หลุดออกมาจากปากอาทิตย์ เด็กหนุ่มจึงลุกจะเดินหนีแต่ก็ไปไหนไม่ได้เมื่อโดนอาทิตย์ฉุดไว้พลางถาม
“ไปไหน”
“ยุ่ง” หนุ่มน้อยหันมาว่า อาทิตย์จึงเลิกเล่นแล้วเอ่ยเข้าเรื่อง
“แม่ฉันเขาถามหานายแน่ะ ไปกับฉันหน่อยสิ”
อิทธิหยุดคิดเมื่อได้ยิน การที่หลบมานั่งอยู่ลำพังแบบนี้ตอนมารดาบอกจะเข้าไปเยี่ยมจิตราก็เพราะยังรู้สึกเคืองในการกระทำที่ผ่านๆ มาของจิตราอยู่นั่นเอง
“ทำไมนิ่งไปล่ะ” อาทิตย์ลุกขึ้นยืนเอ่ยถาม อิทธิจึงถอนหายใจก่อนตอบ
“อย่าให้ผมต้องไปเผชิญหน้ากับคุณจิตรตอนนี้เลยนะคุณอาทิตย์”
“ทำไมล่ะ”
“คุณก็รู้อยู่เต็มอกคุณจะมาถามผมทำไม” อิทธิเดินผละหนีเมื่อเอ่ยจบอาทิตย์จึงเดินตามไปเพื่อจัดการปัญหานี้ให้ลงตัวให้ได้ในวันนี้
“แม่ฉันกับแม่นายเขาหันมาดีกันแล้วรวมถึงไอ้อาทีด้วย นายจะยอมทำตัวแปลกแยกคนเดียวแบบนี้เหรออิทธิ อะไรที่แล้วๆ ไปก็ทำใจลืมๆ มันบ้างเถอะนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจตอกย้ำนะแต่เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในไร่ต้นเหตุมันก็มาจากความเคียดแค้นชิงชังกันไม่ใช่เหรอ ต่างคนต่างแรง ต่างคนต่างโกรธ ต่างคนต่างใช้อารมณ์ในการเผชิญหน้ากับคู่อริ สุดท้ายก็ต้องวอดวายกันไปอย่างที่นายเห็น” ชายหนุ่มโน้มน้าวเมื่อเห็นอิทธิไม่ยอมฟังท่าเดียวบอกแต่ว่ายังทำใจไม่ได้ที่จะหันไปญาติดีกับมารดาของตน
“แม่งเอ้ย ทำไมมันง้อยากแบบนี้วะ” ชายหนุ่มโวยขึ้นเมื่อคำโน้มน้าวไม่เป็นผลสำเร็จ ก่อนจะหยุดเดินตามอิทธิแล้วหาที่นั่งสงบสติอารมณ์ อิทธิหยุดเดินแล้วหันมามอง เห็นชัดถึงอาการท้อใจของอาทิตย์จึงยอมเดินกลับมาหาเอื้อมมือไปหวังแตะกายฝ่ายนั้นเพื่อจะบอกว่าขอเวลาให้ตนทำใจสักพักก่อน อาทิตย์พอเห็นอาการคนใจแข็งคล้ายจะกลับมาง้อจึงแกล้งงอนบ้างโดนการขยับตัวหนีเอ่ยบอกเสียงเข้ม
“ไม่ต้องมาแตะเลย ฉันมันลูกคนนิสัยไม่ดี”
“อย่ามาทำงอนเป็นเด็กนะคุณอาทิตย์ ผมขอเวลาทำใจหน่อยแค่นั้นได้หรือไง อย่างน้อยผมกับแม่ก็ไม่ได้ไปไหนจากไร่ ต้องมีสักวันแหละที่ผมกับคุณจิตรจะมองหน้ากันติดถ้าคุณจิตรไม่ราวีเราสองแม่ลูกอีก” อิทธิเอ่ยบอกเมื่อพอจะเดาอาการออกว่าฝ่ายนั้นมีอาการแง่งอน
“คราวนี้ฉันเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าแม่ฉันไม่มีทางราวีนายกับแม่นางแน่” อาทิตย์เลิกแกล้งงอนหันมาบอกด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น นาทีถัดมาชายหนุ่มเลื่อนมือไปกุมมือคนนั่งข้างๆ มองจ้องตาเอ่ยบอก
“แต่กับฉันหวังว่านายคงไม่ขอเวลาทำใจนะ”
“ทำไมต้องทำใจ ทำใจเรื่องอะไร” อิทธิถามงงๆ
“ไม่รู้สิฉันกลัวนายยังโกรธและก็เคืองฉันอยู่ในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา” อาทิตย์บอกตามจริง
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าตัวเองทำอะไรที่น่าจะทำให้คนอื่นเขาโกรธเขาเคือง” อิทธิต่อว่าอย่างไม่จริงจังมากนัก เพราะในใจตอนนี้ก็ไม่ได้นึกจงเกลียดจงชังคนๆ นี้แล้วจากที่เคยผ่านคืนวุ่นวายคืนนั้นมาด้วยกันและฝ่ายนั้นก็แสดงออกถึงการปกป้องตนด้วยดี
“แล้วนายให้อภัยฉันได้มั้ยล่ะ” อาทิตย์เอ่ยถามแทนการตอบเพราะก็รู้อยู่ว่าที่ผ่านมาตนก็เคยทำตัวน่าชิงชังใส่คนๆ นี้เหมือนกัน
“ถ้าคุณสำนึกผิดจริงผมก็คงไม่ฝังใจที่จะเก็บความโกรธนั้นมาคิดมากหรอก แต่สำหรับคุณเท่านั้นนะ สำหรับแม่คุณมันคงต้องใช้เวลาอย่างที่ผมบอกคุณน่ะแหละเพราะผมกับคุณจิตรเราปะทะกันมามากเกินกว่าที่คุณเห็น”
อาทิตย์ยิ้มรับเหตุผลของอิทธิพลางนึกสัญญากับตัวเองว่าจะทำให้คนๆ นี้กับมารดาของตนต่อกันติดให้ได้อย่างที่ตนเคยทำให้น้องชายกับฝ่ายนั้นมาแล้ว
****************************************************
จิตรารู้สึกเสียใจหน่อยๆ ที่ไม่รับการให้อภัยจากอิทธิง่ายๆ ตลอดระยะเวลาที่นอนพักฟื้นหนุ่มน้อยรายนั้นไม่เคยโผล่หน้าไปเยี่ยมหล่อนเลย จะมีก็แต่แม่นางเท่านั้นที่เทียวไปเทียวมาตามปรนนิบัติอยู่เช้าเย็นกระทั่งหล่อนสามารถออกมาพักฟื้นได้ที่ไร่ หล่อนก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กนั่นเลย
“ฉันมันเลวมากใช่มั้ยคะคุณเกริกลูกชายแม่นางถึงไม่ยอมอภัยให้ฉัน” หล่อนเอ่ยถามสามีที่ขณะนี้ยอมทิ้งหน้าที่การงานชั่วคราวเพื่อมาช่วยดูแลหล่อนสลับกับบุตรชายคนโตของหล่อนที่ต้องกลับไปศึกษาต่อในตอนนี้
“ทุกอย่างมันต้องใช้เวลานะจิตราสิ่งที่คุณเล่าให้ผมฟังผมว่ามันก็ไม่น่าแปลกหรอกที่อิทธิเขาจะไม่ยอมญาติดีกับคุณง่ายๆ แต่หากคุณแสดงความจริงใจว่าคุณสำนึกผิดได้จริงสักวันอิทธิก็ต้องยอมอภัยให้คุณเชื่อผมเถอะ” สามีเอ่ยปลอบ หล่อนจึงได้แต่ยิ้มรับและบอกกับตัวเองว่าจะพิสูจน์ให้อิทธิเห็นให้ได้ว่าหล่อนทิ้งพิษสงร้ายกาจไปแล้ว เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือจิตใจที่พร้อมจะเมตตาในทุกๆ เมื่อหากว่าเจ้าตัวต้องการรับไป
เรือนที่จันทร์จวงให้คนงานมาสร้างขึ้นใหม่ให้กับแม่นางยังไม่เสร็จดี ขณะนี้แม่นางกับอิทธิจึงต้องอาศัยอยู่เรือนคนงานหลังอื่นไปก่อน ซึ่งอาทีเองก็ยังคงเทียวไปเทียวมาหาสองแม่ลูกนั่นในทุกยามที่ว่าง วันนี้ก็เช่นกัน ซึ่งแม่นางได้เข้าไปทำงานที่เรือนสำนักงานแล้ว ที่เหลืออยู่จึงเป็นหนุ่มน้อยสองคนที่นั่งพูดคุยสรุปเรื่องราวที่เคยผ่านๆ มา
“กูรอดมาได้ยังไงก็ไม่รู้ว่ะไอ้อิท กูดีใจนะที่วันนี้กูได้มีโอกาสมานั่งคุยกับมึงอยู่” อาทีเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่ง อิทธิพอจะรู้เรื่องที่มารดาเล่าเรื่องพิธีกรรมของหญิงเจ้าของไร่ลำไยให้ฟังอยู่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้บอกคนข้างๆ เพราะวันนี้ที่เจ้าตัวรอดมาได้ไม่ว่าจะเหตุผลใดเขาก็รู้สึกยินดีด้วยเช่นกัน
“ต่อไปเรื่องร้ายๆ มันคงไม่เกิดขึ้นกับเราอีกแล้วล่ะมั้ง เพราะไอ้พวกอันธพาลก็ถูกส่งตัวไปให้ยมบาลจัดการแล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยติดตลก ก่อนจะยิ้มไม่ออกเมื่อคนข้างตัวเอ่ยถึงใครอีกคนที่เดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปหลายวันแล้ว
“คิดถึงพี่อาทิตย์เหมือนกันเนาะ เมื่อไหร่จะกลับมาก็ไม่รู้”
“มึงคิดถึงเหรอ ทำไมกูเฉยๆ” หนุ่มน้อยแสร้งปากแข็งทั้งๆ ที่ภายในใจก็รู้สึกโหวงเหวงอยู่เหมือนกันเมื่อไม่เห็นเงาของอาทิตย์อยู่ในไร่นี้หลายวัน
“มึงเฉยๆ ก็ไม่แปลกหรอก ก็มึงไม่ได้เป็นอะไรกะพี่กูนี่ เอ๊ะ หรือว่ามึงเป็น” อาทีหันมาว่า ถึงคราวนี้อิทธิถึงกับอึกอักแก้ตัวพัลวัน
“มึงอย่ามามั่วไอ้อาที กูจะเป็นอะไรได้ไง”
“โหยรีบแก้ตัวเชียว มีพิรุธนะเนี่ยพี่สะไภ้กูเนี่ย” อาทีเอ่ยแซวอย่างคะนองปาก อิทธิหน้าชารู้สึกอายและเขินจึงไล่ทุบตีเพื่อนแก้อาการดังว่า
“น้องฉันเพิ่งหายดีนะอิทธิ มาวิ่งไล่แบบนี้ได้ไง นิสัยเสียนะนายน่ะ” เสียงดุดังมาให้ได้ยินสองหนุ่มน้อยหันไปมองแทบจะพร้อมกัน
“พี่อาทิตย์” อาทีเอ่ยออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างพี่ชายยืนจ้องพวกตนอยู่ หนุ่มน้อยวิ่งเข้าไปหา อาทิตย์จึงยกมือลูบผมเป็นการทักทาย ก่อนจะมองเลยไปทักอีกคนที่ยืนนิ่งๆ อยู่
“ไม่คิดจะทักทายกันบ้างหรือไงอิทธิ นี่มาถึงไร่ฉันก็ตรงมาหานายเลยนะ”
“ก็เมื่อกี้คุณว่าผม” อิทธิบอกหน้านิ่ง อาทีเห็นอาการจึงบอกพี่ชายยิ้มๆ
“เคลียร์กันเอาเองนะ ผมไปดูแม่ก่อนล่ะ” หนุ่มน้อยวิ่งหายไปทางเรือนเมื่อเอ่ยจบ อิทธิทำท่าจะเดินหนีไปด้วยแต่ช้ากว่าที่อาทิตย์ตรงเข้าประชิดตัวไว้ก่อน
“หนีไปไหน คิดถึงจะตายอยู่แล้ว ที่นี่ปลอดสายสายตาใครแล้ว นายเสร็จฉันแน่” ชายหนุ่มเอ่ยบอกยิ้มๆ ก่อนจะฉุดแขนคนที่ไม่ยอมมองสบตาเดินไปทางเรือน
“คุณจะพาผมไปไหนคุณอาทิตย์” อิทธิเอ่ยแย้งทั้งๆ ที่พอจะรู้ว่าตัวเองจะโดนพาไปที่ไหน
“จะให้ฉันปล้ำหน้าเรือนนี้เลยมั้ยล่ะ” อาทิตย์หันมาว่าแล้วพาร่างคนถามขึ้นเรือนจนสำเร็จ เข้าห้องได้ก็ปิดประตูบดบังสายตาใครๆ ทันทีเพราะสิ่งที่จะทำต่อไปคือมอบความรักความเสน่ห์ และความคิดถึงทั้งหมดทั้งมวลให้กับอิทธินั่นเอง ซึ่งเชื่อว่าครั้งนี้ฝ่ายนั้นก็จะมอบกลับคืนให้ด้วยความเต็มใจเช่นกัน
**************************************************
เย็นแล้วประตูห้องถูกเปิดออก อาทิตย์เดินจูงมืออิทธิออกมาภายนอก ทั้งสองเดินลงจากเรือนจับมือกันเดินไปตามเส้นทางท่ามกลางบรรยากาศโพล้เพล้ จุดหมายที่จะไปยังไม่รู้หรอกว่าคือที่ใด ความคิดตอนนี้คือเดินจับมือกันเดินเล่นไปเรื่อยๆ หลังจากที่เพิ่งผ่านบทเสน่ห์หาที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันจนสุขสมไปเมื่อครู่
“คุณอาทิตย์จะกลับไปเรียนอีกเมื่อไหร่ครับ” อิทธิเอ่ยถามในตอนหนึ่งเมื่อรับรู้ว่าคนที่เดินจับมือตนตอนนี้กลับมาเพียงชั่วคราวเท่านั้น
“อีกสามสี่วันโน่นแหละ ไปกับฉันมั้ยล่ะ” อาทิตย์ตอบด้วยรอยยิ้มรู้สึกสุขใจที่คนข้างกายแสดงออกถึงจิตใจแท้จริงว่าก็โหยหาตนไม่น้อยในวันที่ห่างกัน
“ไปได้ไงเล่าผมก็ติดเรียนเหมือนกัน” หนุ่มน้อยเอ่ยบอก อาทิตย์เพียงแต่ยิ้มรับแล้วชวนคุยเรื่องมารดาตนเอง
“แล้วกับแม่ฉันล่ะ นายพอจะให้อภัยท่านได้หรือยัง”
“อีกนิดได้มั้ยครับ เกือบแล้วล่ะ เพราะตอนนี้แม่ก็เอ่ยชมเหลือเกินว่าคุณจิตรดูเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน”
“ตามใจฉันไม่เร่งรีบอะไรหรอกเพราะฉันเชื่อว่าแม่ฉันเลิกราวีแม่นายแล้วจริงๆ ฉันจะรอแล้วกันว่าวันไหนที่นายจะยอมไปพบท่านด้วยจิตใจที่คลายความแค้นลงแล้ว”
“จริงๆ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้แค้นอะไรแล้วล่ะ เพียงผมขอเวลาปั้นหน้าหน่อยนึง บอกตรงๆ จะให้ผมกับคุณจิตรยิ้มให้กัน ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง”
“ฉันเองก็นึกไม่ออกหรอก ที่ฉันนึกออกตอนนี้ก็มีแต่ภาพที่นายนอนหลับตาพริ้มร้องครางภายในห้องเมื่อครู่นั่นแหละ”
“คุณอาทิตย์ อย่ามาล้อผมนะ คุณเองร้องดังกว่าผมอีก”
“ก็มันเสียวนี่จ๊ะที่รัก ไม่ร้องก็บ้าแล้ว ว่าแต่จะไปรำลึกความหลังที่คลองท้ายไร่นั้นอีกมั้ย ที่แรกของเรา”
“จะไปให้ผีครอบครัวนายศรหักคอเอาหรือไง”
“ใช่สินะ งั้นกลับเข้าห้องอีกรอบดีกว่า”
“อย่าให้มันมากนักคุณอาทิตย์ เดินเล่นแบบนี้แหละบรรยากาศกำลังลังดี”
“อืม ตะวันโพล้เพล้เหนือทิวไม้ ลมเย็นๆ พัดมาเป็นระยะๆ นกกาต่างก็กำลังบินเข้ารัง แล้วนายกับฉันกำลังเดินจับมือกันไปแบบนี้มันก็ดูโรแมนติกแบบท้องไร่ดีนะ”
“ผมก็ได้แต่หวังว่าบรรยากาศนี้จะเกิดขึ้นแทนการตามราวีกันนะต่อจากนี้”
“หากภายในใจของนายของฉันไม่คุกรุ่นด้วยแรงแค้นเหตุการณ์เหล่านั้นในคงไม่เกิดขึ้นหรอกอิทธิ ฉันสัญญานะว่าต่อแต่นี้ไปฉันจะไม่ทำให้นายนึกโกรธหรือชิงชังกับการกระทำของฉันเลย นายเองก็สัญญากับฉันได้มั้ยว่าจะไม่ดื้อและไม่รั้นอย่างที่เคยผ่านๆ มา”
อาทิตย์หยุดเดินหันมาเผชิญหน้ามองจ้องตากับอิทธิ ซึ่งตอนนี้ส่งรอยยิ้มบางๆ ให้พร้อมคำสัญญาที่ออกมาจากใจ
“ผมสัญญาครับว่าผมจะเป็นคนใจเย็นและไม่รั้นกับคุณ”
“ชื่นใจจัง” อาทิตย์เอ่ยบอกแล้วโน้มตัวไปจุมพิตหน้าผากของคนตรงหน้า อิทธิหลับตาพริ้มรับสัมผัสนั่น สองคนเดินจับมือคู่กันไปอีกครั้งตามเส้นทางที่เริ่มโรยปกคลุมแล้วด้วยความมืดบนผืนไร่แห่งนี้ ไร่ที่เกิดเรื่องราวมากมายจนเกือบจะวอดวายและตกไปอยู่ในมือของคนอันธพาล แต่สุดท้ายมันก็ยังคงเป็นผืนไร่ของคนที่มีจิตใจดีเฉกเช่นจันทร์จวงอยู่เช่นเดิม
***********************************************
เรื่องราวของอนาคตทั้งอาทิตย์และอิทธิยังไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากทั้งสองยอมเปิดเผยเรื่องราวว่าได้ตกเป็นของกันและกัน แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่สองหัวใจคิดหนักเพราะบริบทรอบกายตอนนี้ทั้งหญิงใจดีอย่างจันทร์จวง หญิงร้ายกลับใจอย่างจิตรา หญิงกตัญญูรู้คุณอย่างแม่นาง ชายนักธุรกิจอย่างเกริกเกรียง และหนุ่มน้อยอารมณ์ดีอย่างอาที ต่างก็ไม่มีท่าทีว่าฝ่ายใดจะลุกมาขัดขวางความสัมพันธ์นี้ที่เริ่มแสดงออกต่อกันมากขึ้น แต่ถึงแม้มีใครขัดขวาง ด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นในกันและกันสองคนก็เชื่อว่าจะร่วมกันฝ่าฟันจนได้รับการยอมรับได้ในสักวัน แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่คาดเดา บางทีเรื่องราวในปัจจุบันก็ไม่สามารถกำหนดทิศทางเรื่องราวในอนาคตได้เสียหมด แค่วันนี้ ตอนนี้ วินาทีนี้ สองหัวใจยอมลดละทิฐิและความชิงชังที่เคยมีให้กันมันก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
จบบริบูรณ์