ตอนที่ ๑๗
“จะกลับตอนไหนมันก็เรื่องของผม” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบพี่ชายก่อนจะเบี่ยงตัวเดินหลบเพื่อขึ้นเรือน แต่ก็ไม่วายต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อโผล่หน้าขึ้นไปแล้วเจอมารดานั่งใบหน้าเรียบตึงจ้องอยู่
“มาแล้วเหรอไอ้ตัวดี” จิตราเอ่ยทักบุตรชาย ในใจอยากถลาเข้าไปจัดการนักที่ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีที่มีติดตัว ชอบเหลือเกินกับการลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับไอ้เด็กขี้ข้า การที่หล่อนไม่ทำอย่างใจนึกก็เพราะเมื่อคืนบุตรชายคนโตอย่างอาทิตย์ได้เอ่ยให้หล่อนใจเย็นลงสักหน่อย และเพลาๆ การด่าว่าทุบตีบุตรชายคนเล็กอย่างอาทีนี้ลงบ้าง เพื่อให้เจ้าตัวเลิกมีอคติและคิดว่าหล่อนลำเอียงเสียที
“ยิ่งแม่ดุด่าอาทีมันเท่าไหร่ผมว่ามันก็จะยิ่งแข็งกับแม่มากเท่านั้นนะครับ น้องมันยังเด็กมันก็อาจจะติดเพื่อนอยู่บ้าง ปล่อยๆ มันสักพักเถอะนะครับ ค่อยๆ บอก ค่อยๆ สอนมันดีๆ อย่างที่ป้าจันทร์ทำ ผมว่ามันคงไม่มาดื้อด้านกับแม่เท่าไหร่หรอก เพราะจริงๆ แล้วอาทีมันก็ไม่ใช่คนรั้นอะไรนัก”
หล่อนนึกถุงเหตุผลข้อนี้ของบุตรชายคนโต เมื่อเห็นแววตาบุตรชายคนเล็กมองกลับมาคล้ายๆ หน่ายระอากับคำพูดของหล่อน
“อย่ามามองฉันแบบนี้นะ ฉันป็นแม่แกนะ” หล่อนเอ่ยขึ้นอีกเมื่อนึกไม่ชอบในแววตาที่เห็น เข้าใจและรับฟังในสิ่งที่บุตรชายคนโตบอกเมื่อคืนอยู่หรอก แต่ยังไงก็ทำใจรับไม่ได้เมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนที่บุตรชายคนเล็กไปติดพันนั้นเป็นใคร ไม่รู้เป็นอะไร หล่อนไม่ชอบและก็เกลียดอีสองแม่ลูกคู่นั้นซะเกินจะปั้นหน้ายิ้มแย้มทักทายบุตรชายที่เพิ่งจะกลับมาจากเรือนพวกมัน
อาทีไม่โต้ตอบอะไรมารดาเพราะนึกเบื่อและระอา รู้อยู่แก่ใจว่าหากพูดอะไรมากไปก็ไม่วายที่จะโดนด่าว่าให้เจ็บใจหรือทุบตีให้เจ็บตัว หนุ่มน้อยจึงเดินเลี่ยงหนีไปยังห้องพักของตัวเอง
“เออ ฉันมันหัวหลักหัวตอ ไม่กระโดดข้ามไปซะเลยล่ะพ่อคู๊ณ” จิตราเอ่ยว่ากระทบตามหลังเมื่อเห็นการกระทำนั่น หล่อนหันกลับมานั่งหน้าตึงบอกบุญไม่รับดังเดิมเมื่อเห็นร่างพี่สาวเดินตรงเข้ามาหา
“โวยวายอะไรอีกแม่จิตร” จันทร์จวงเอ่ยทักน้องสาว ก่อนจะนั่งลงชวนสนทนา เมื่อเห็นเจ้าตัวไม่ตอบ
“ไม่น่าเชื่อนะว่าฉันจะเห็นหล่อนอยู่ติดเรือน”
“หมายความว่ายังไงกันคะ” จิตราหันมาถามหน้าฉงน
“อ้าวก็ลองหล่อนได้รู้ว่าอาทีไปค้างอ้างแรมกับลูกชายแม่นาง ทุกทีหล่อนก็แจ้นไปอาละวาดตั้งแต่ไก่โห่ไม่ใช่หรอกเหรอ”
“โอ้ย พอจิตรไปก็ต่อว่า พอนิ่งหน่อยก็เอ่ยกระทบ เลอะเลือนใหญ่แล้วนะคะพี่จันทร์ ตกลงจะเอายังไงกะจิตรคะ”
“ฉันก็พูดไปตามประสาที่เห็น การที่เห็นหล่อนอยู่นิ่งๆ แบบนี้มีเหรอฉันจะไม่ชอบ แต่มันจะสักกี่วันกันเชียว”
“ก็ไม่รู้ล่ะค่ะ เมื่อยแขนเมื่อยขาเมื่อไหร่ก็ออกรอบเมื่อนั้นแหละค่ะ”
“เพลาๆ ลงบ้างเถอะจิตราเอ้ย อยู่กันมาเป็นสิบปีแล้วจะราวีกันไปถึงไหน”
“ก็จนกว่ามันสองตัวจะออกไปจากที่นี่แหละค่ะ”
“เฮ้อ ตกลงว่าไม่มีทางไหนที่หล่อนจะญาติดีกับสองแม่ลูกนั่นเลยใช่มั้ย”
“ญาติดีให้มันได้ใจเหรอคะ เมินซะเถอะค่ะ ขืนจิตรเป็นอย่างนั้น พวกมันจะจองหองจ้องฮุบไร่นี้กันพอดี”
“หล่อนนี่มันคิดมากจนจะเพี้ยนนะจิตรา สองคนนั่นมีพิษมีสงอะไรให้หล่อนเห็นนักเหรอถึงคิดว่าพวกเขาจะฮุบไร่ แม่นางเองก็ตัวเล็กๆ อิทธิเองก็อายุยังไม่ถึงยี่สิบ พูดกันตรงๆ ต่อให้ฉันนอนพะงาบๆ อยู่ สองคนนั้นจะมีปัญญาโค่นต้นส้มทิ้งสักหนึ่งต้นได้มั้ยฉันก็ยังว่ามันยาก เออถ้าเป็นชายฉกรรจ์อย่างนายศรและลูกชายวัยหนุ่มอย่างนายสินก็ว่าไปอย่าง สองคนนั้นน่ะน่ากลัวกว่าแม่นางกับเด็กอิทธิเป็นไหนๆ”
“ต๊าย นายศรเขาช่วยดูแลไร่และเป็นหูเป็นตาให้ไร่เรารุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้พี่จันทร์ยังจะคิดระแวงได้อีกหรือคะ”
“ฉันไม่ได้ระแวงฉันแค่เปรียบเทียบให้หล่อนเห็นภาพ”
“เป็นภาพในฝันของพี่จันทร์เองน่ะสิคะ นายศรไม่มีทางทรยศจิตรได้หรอกค่ะ จิตรรับเข้ามาทำงานเองกับมือ กว่าที่จิตรจะไว้ใจใครได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะพี่จันทร์น่าจะทราบดี การที่จิตรไว้ใจนายศรก็เท่ากับว่าจิตรเลือกคนที่ดีที่สุดให้แผ่นดินในไร่เราแล้วล่ะค่ะ”
“เหรอ ระวังเถอะมันจะเป็นหอกข้างแคร่เข้าสักวัน”
“นี่เป็นคำแช่งหรือคำเตือนคะ”
“นั่นก็สุดแล้วแต่หล่อนจะมอง เดี๋ยววันนี้ฉันจะออกตรวจไร่บ้าง หลานชายฉันโดนลอบทำร้ายแบบนี้ จะลองไปสืบความดูซิว่าใครมันเอาญาติหรือคนนอกมาอยู่ในไร่นี้แล้วไม่แจ้งเราบ้าง”
“พี่จันทร์ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ อยู่พักผ่อนเถอะ เดินมากเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะยุ่ง เดี๋ยวจิตรตามสืบเรื่องให้เองค่ะ”
“ตกลงหล่อนเชื่อแล้วเหรอว่าตาอาทีโดนลอบทำร้าย”
“เชื่อไปอย่างนั้นแหละค่ะ ทำอะไรเพื่อมันบ้างเผื่อมันจะเห็นเงาหัวของจิตร จิตรขอตัวล่ะค่ะ” เอ่ยจบจิตราก็ลุกผละไป จันทร์จวงมองตามหลังลอบยิ้มที่มุมปากนิดๆ เข้าใจว่าน้องสาวคงจะกลัวเสียหน้าและเสียฟอร์มหากจะบอกว่าจริงๆ ก็เชื่อในสิ่งที่นางบอกแล้ว เอาเหอะน่า แม้ตอนนี้เจ้าตัวจะมีทิฐิเล็กๆ อยู่บ้างในการทำเรื่องดีๆ เพื่อบุตรชายคนเล็ก แต่อย่างน้อยหล่อนก็เริ่มทำบ้างแล้ว มันคงเป็นสัญญาณที่ดีที่สองแม่ลูกจะได้พูดคุยกันดีๆ บ้างสักครั้งให้นางได้เห็นก่อนสิ้นลม
***************************************************************
ส้มกระฟัดกระเฟียดกลับไปยังเรือนพัก สินที่นอนเล่นอยู่ชานเรือนมองเห็นอาการจึงลุกนั่งเอ่ยถาม
“ใครไปทำอะไรเอ็งมานังส้ม ถึงกลับมาหน้าตาบูดบึ้งแบบนี้ตอนไปข้าก็ห็เห็นเอ็งระริกระรี้นี่”
“ยัยจิตรากับไอ้อิทธิ” คนแรกส้มบอกตามจริง แต่คนหลังหล่อนป้ายสีให้เต็มแปรงเพราะไม่อาจบอกพี่ชายได้ว่าอาทีเป็นคนปั่นรถจักรยานชนหล่อนเอง ทำได้อย่างไรล่ะ เพราะหากหลุดมือจากการจ้องจับพี่ชายน้องชายก็น่าจะเป็นตัวสำรองได้ดีอยู่
“ยังไงวะ ข้าไม่เข้าใจ สองคนนั้นไม่ถูกกันแล้วจะรวมหัวแกล้งเอ็งเนี่ยนะ เป็นไปได้เหรอ” สินทำหน้าฉงน ส้มเห็นอาการถึงกับหน่ายระอาแว้ดขึ้น
“โอ้ย พี่สินนี่โง่สมกับเรียนน้อยจริงๆ สองคนนั้นมันแกล้งส้มต่างที่ต่างเวลากัน ฮึ่ย”
“อ้าวอีน้องเวรนี่ กูพี่มึงนะโว้ย มาแว้ดๆ ใส่แบบนี้เดี๋ยวกูถีบไปโน่นเลยนี่"
”จะมาทำนักเลงใส่น้องตัวเองให้มันได้อะไรไอ้พี่สิน โน่นคนที่พี่ควรจะไปกร่างใส่เพื่อแก้แค้นแทนน้องคือยัยคุณจิตรกับไอ้อิทธิโน่น”
“นี่แสดงว่าสองคนนั้นทำเอ็งเจ็บใจมากเลยสินะถึงได้เคืองแค้นมาแบบนี้”
“ก็ยัยจิตรามันกันท่าส้มไม่ให้เจอพี่อาทิตย์ ส่วนไอ้อิทธิมันปั่นจักรยานชนส้มจนล้มลงข้างทาง”
“เรื่องอีนังคุณจิตรกูเข้าใจว่ามันหวงลุกชายมัน แต่เรื่องไอ้อิทธิมันกล้าทำกับเอ็งขนาดนี้เชียวเหรอ”
“ก็เออน่ะสิ ดีนะที่ฉันไม่ได้แผล ไม่อย่างนั้นนะฉันจะแจ้นไปฟ้องพ่อทันทีเลย”
“โอ้ย แค่เรื่องไอ้อิทธิเอ็งไม่ต้องให้ถึงมือพ่อหรอก ข้าจัดการให้เองก็ได้โว้ย”
“ได้อย่างนั้นก็ดีสิ เอามันให้น่วมเลยนะ หมั่นไส้นักเกาะแกะพี่อาทีอยู่ได้ นี่ถ้ามันเป็นผู้หญิงนะฉันจะตามตบเช้าตบเย็นให้หลาบจำเลยเชียว”
“เอ็งนี่มันสมเป็นลูกพ่อเป็นน้องข้าจริงๆ ว่ะนังส้ม”
“แน่นอนที่สุด ว่าแต่พี่จะไปจัดการไอ้อิทธิให้ส้มตอนไหนเหรอ”
“ตอนนี้ก็ยังไง ข้าคิดว่ามันคงอยู่ที่เรือนคนเดียวแหละตอนนี้ ป่านนี้แม่มันคงอยู่ที่เรือนสำนักงาน”
“งั้นไปสิ ส้มไปด้วยจะไปดูหน้าตามันหน่อยเวลาโดนพี่ชกต่อย”
“เอ็งจะไปทำไม เกะกะข้าเปล่าๆ อยู่ที่นี่แหละรอฟังข่าวอาการช้ำในของมันแล้วกัน”
สินบอกน้องสาวก่อนจะลุกลงจากเรือนแล้วเดินตรงไปยังเรือนของอิทธิ
***************************************************************
ในขณะที่สินกำลังมุ่งหน้ามายังเรือนอิทธิ อาทิตเองก็กำลังด้อมๆ มองๆ อยู่ใกล้ๆ เรือนหลังนี้เช่นกัน ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าอิทธิจะอยู่ข้างในหรือไม่เลยไม่กล้าที่จะดุ่มๆ เข้าไป เสียงฝีเท้าที่ย่ำมาหนักๆ ทำให้ต้องหันไปมอง เห็นเป็นร่างของสินจึงพาตัวเองไปหลบหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ มองสังเกตการณ์ว่าฝ่ายนั้นมายังเรือนหลังนี้ทำไม
“เรือนมันเงียบแบบนี้มันหมกตัวอยู่ในห้องแน่ๆ ดีล่ะกูจะได้ปิดประตูตีแมวกันให้หนำใจ บังอาจมาแกล้งน้องสาวกู” เสียงสินเอ่ยให้ได้ยินทำชายหนุ่มตกใจเมื่อพอจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอิทธิหากเจ้าตัวอยู่ในเรือนนั้นจริงๆ
สองขากำลังจะก้าวออกจากที่ซ่อนเพื่อแสดงตัวให้คนที่คิดแผนร้ายเห็นแต่แล้วต้องชะงักเมื่อโดนทักซะก่อน
“มาด้อมๆ มองๆ อะไรที่เรือนไอ้อิทพี่อาทิตย์”
เสียงนั่นเป็นของอาทีนั่นเอง ซึ่งกำลังมองสบตาพี่ชายอยู่
“ฉันยังไม่มีเวลาตอบนายตอนนี้ ขอตัวนะ” อาทิตย์รีบเลี่ยงออกมาจากร่างน้องชาย ตรงไปเดินขวางทางสินที่กำลังเดินดุ่มๆ มา
“มาทำอะไรที่นี่นายสิน” ชายหนุ่มเอ่ยทัก สินชะงักเท้าเงยหน้าขึ้นมองเรียกชื่อ
“คุณอาทิตย์”
“ใช่ฉันเอง ว่าแต่นายยังไม่ตอบเลยว่ามาทำอะไรที่นี่ทำไมไม่เข้าไปช่วยนายศรทำงานในไร่” อาทิตย์เอ่ยถาม ขณะนั้นอาทีเดินมายืนเคียงข้างพอดี
“ก็นี่ไง ผมก็เดินตรวจไร่อยู่นี่ไง” สินเอ่ยปด นึกขัดใจที่เจอสองพี่น้องหลานชายเจ้าไร่มายืนขวางทางการเข้าไปราวีอิทธิ
ทางด้านอิทธิซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก ได้ยินเสียงพูดคุยจึงเยี่ยมหน้าออกมามอง พอเห็นว่าเป็นคนรู้จักทั้งสามคนจึงเดินออกมาถามไถ่ว่ามันเรื่องอะไรกันถึงต้องมาชุมนุมที่หน้าเรือนตนเช่นนี้
“กูก็มาหามึงตามปกติน่ะแหละไอ้อิท แต่กับสองคนนี้กูไม่รู้ว่ะ” อาทีเป็นฝ่ายตอบก่อนใคร พลางเดินไปยืนเคียงร่างเจ้าของเรือนมองใบหน้าพี่ชายและสินสลับกัน
“ผมก็มาเดินตรวจไร่ แต่คุณอาทิตย์ ผมไม่รู้” สินชิงตอบยียวน จ้องมองสบตาอาทีไม่ถอย แถมยิ้มเยาะส่งให้หน่อยๆ เมื่อนึกถึงตอนที่ตนทำร้ายเจ้าตัวคืนนั้น
“มายิ้มใส่หน้าเพื่อข้าแบบนี้ทำไมไอ้สิน” อิทธิเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยว่า ยิ่งเห็นแววตาและสีหน้าแบบนี้ของสินก็ยิ่งเชื่อแน่ว่าคืนนั้นอาทีคงโดนคนๆ นี้ลอบทำร้ายเป็นแน่
“เอ็งอย่ามาหาเรื่องข้าไอ้อิท ข้าก็มองของข้าไปเรื่อย” สินเฉไฉ อาทิตย์ที่ฟังอยู่จึงเอ่ยขึ้นอีกคน
“ฉันก็เห็นเหมือนอิทธิเห็นน่ะแหละ นายมีอะไรกับน้องชายฉันหรือเปล่า”
“ผมจะกล้าไปมีอะไรกับหลานชายคนเล็กของเจ้าของไร่ล่ะครับคุณอาทิตย์”
“แล้วกับอิทธิล่ะ ฉันรู้นะว่าที่นายมาที่นี่นายไม่ได้แค่เดินตรวจไร่หรอก” อาทิตย์เอ่ยดักคออีก คราวนี้อิทธิอดที่มองหน้าเจ้าตัวไม่ได้
“ปล่อยให้อันธพาลสองคนเขาเคลียร์กันเองเถอะไอ้อิท มึงกะกูอย่ายุ่งดีกว่า” อาทีเอ่ยว่าแล้วชวนเพื่อนซี้เดินกลับเข้าเรือน ขายังไม่ทันก้าวหนีก็ต้องชะงักไว้เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยกระทบ
“ไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่นจะแอบไปยุ่งกันเองสองต่อสองเหรอครับคุณอาที”
เสียงนั่นเป็นเสียงของสิน อิทธิได้ยินเข้าใจความหมายถึงกับเลือดขึ้นหน้าจึงโผเข้าชกหน้าคนว่าจนเจ้าตัวหน้าหันสะบัด
“โทษฐานที่เอ็งปากดีนะไอ้สิน จำไว้ว่าอย่าพูดจาทำนองนี้ใส่ข้ากับไอ้อาทีอีก”
สินหันหน้ามามองร่างหนุ่มน้อย จากอารมณ์ขัดใจตั้งแต่ต้นผสมโกรธแค้นที่โดนชกหน้า จึงถือจังหวะที่ฝ่ายนั้นเผลอชกหน้ากลับ แล้วชี้หน้าเอ่ยกำชับ
“มึงมันแค่ลูกขี้ข้า มึงกล้าดียังไงมาสั่งกูไอ้อิท และที่กูมานี่คุณอาทิตย์พูดถูก กูไม่ได้มาตรวจไร่ แต่กูจะมากระทืบมึงที่ไปแกล้งน้องสาวกูเมื่อเช้านี้”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่านายสิน คนที่แกล้ง…”
“แล้วไง กูเหม็นหน้าน้องสาวมึงพอๆ กับที่กูเกลียดขี้หน้ามึง กูพอใจจะแกล้งมึงจะทำไม คิดจะมากระทืบกู มึงคิดว่ากูไม่มีมือมีตีนหรือไง” อิทธิชิงเอ่ยตัดหน้าอาทีตอนที่เห็นเจ้าตัวกำลังจะอธิบายเรื่องราวเมื่อเช้า เด็กหนุ่มออกรับแทนเพื่อนเพราะไม่อยากให้เจ้าตัวตกที่นั่งลำบาก การที่ส้มไปรายงานพี่ชายว่าตนเองเป็นคนกลั่นแกล้งเมื่อเช้า เพราะยัยนั่นคงรู้ดีว่าหากบอกว่าเป็นอาที หนุ่มน้อยคนนี้คงโดนสินราวีเป็นแน่ ยัยส้มคงจะยังหวังกับอาทีน่ะแหละจึงปดพี่ชายไปแบบนั้น แต่ดูแล้วมันก็เข้าท่าดี เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการให้อาทีเป็นคนผิดอยู่แล้ว อาทีปกป้องเขาหลายครั้ง แค่รับผิดแทนครั้งนี้ทำไมจะทำให้ไม่ได้
“ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้เองเหรอ ทำไมนายถึงอันธพาลกลั่นแกล้งได้แม้กระทั่งผู้หญิงอิทธิ” อาทิตย์หันมาต่อว่าอิทธิ หลังเข้าใจเรื่องราวเอาเอง
“อย่ามาต่อว่าไอ้อิทพี่อาทิตย์ เรื่องนี้ได้อิท…” อาทีกำลังจะอธิบาย แต่ต้องหยุดไว้อีกเมื่ออิทธิชิงเอ่ยอีกเช่นเคย
“มึงไม่ต้องพูดอะไรมากไอ้อาที กูไม่ถือสาคำพูดของพี่ชายมึงหรอก คนมันดีแต่ปาก ดีแต่เตือนคนอื่น ส่วนตัวเองทำอะไรไว้ไม่เคยสำนึก กูไม่ติดใจให้เสียเวลาหรอก”
“อย่าปากกล้ากับฉันให้มากนักนะอิทธิ ฉันกำลังจะรู้สึกดีกับนายอยู่แล้วนะ ทำไมจะต้องทำให้ฉันโกรธด้วย เฮอะ” อาทิตย์ว่ากลับทันควันเมื่อฟังคำพูดแดกดันจากปากอิทธิจบ อิทธิยิ้มเหยียดส่งให้เอ่ยกลับ
“ใครขอร้องให้คุณมารู้สึกดีกับผมเหรอครับ”
“พูดแบบนี้แสดงว่านายต้องการเป็นไม้เบื่อไม้เมากับฉันไปจนตายเลยใช่มั้ยอิทธิ” อาทิตย์เอ่ยว่าอย่างรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ อิทธิเงียบคิดสักพัก ก่อนตอบกลับอย่างหนักแน่น
“ไม่ใช่แค่ไม้เบื่อไม้เมาหรอก คุณกับผมมันเป็นดังเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้แล้วล่ะคุณอาทิตย์”
สถานการณ์เงียบงันลงเมื่ออิทธิเอ่ยจบ อาทิตย์หมดเรี่ยวแรงตอบโต้เมื่อเจอแววรั้นด้วยทิฐิที่เจ้าตัวส่งให้ตอนเอ่ยตอบ ในขณะที่สินเริ่มมึนงงที่อยู่ดีๆ คู่ราวีอิทธิกลับกลายเป็นหลานชายเจ้าของไร่แทนตน ส่วนอาทีเมื่อเห็นพี่ชายกับเพื่อนสนิทสู้สายตากันไม่ถอยจึงเอ่ยขึ้น
“กลับเรือนไปเถอะพี่อาทิตย์ ผมจะอยู่ทำการบ้านต่อกับไอ้อิท ส่วนนายสิน กลับไปทำงานในไร่ต่อซะ ฉันจะถือว่าเรื่องที่นายมาหาเรื่องไอ้อิทเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน เรื่องนี้จะไม่ถึงหูป้าจันทร์ แต่แค่ครั้งนี้นะ ขืนมีครั้งหน้าอีก อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”
หนุ่มหน่อยฉุดแขนเพื่อเดินกลับไปยังเรือนเมื่อเอ่ยจบ สินลอบมองตามด้วยแววตาและสีหน้าชิงชัง ในขณะที่อาทิตย์ดินหันหลังกลับเรือนช้าๆ หมดแล้วหนทางที่จะได้พูดจาดีๆ กับอิทธิ ชายหนุ่มไม่มีกะจิตกะใจที่จะอยู่ในไร่นี้ต่อจึงคิดว่าจะกลับกรุงเทพฯ เสียตั้งแต่พรุ่งนี้
***************************************************************
“อะไรกัน นึกจะมาก็มา นึกจะกลับก็กลับ ไหนบอกหยุดเรียนได้หลายวันไง” จันทร์จวงเอ่ยถามหลานชายในตอนที่เจ้าตัวมาบอกเรื่องว่าจะขอลากลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น
“เดี๋ยวปิดเทอมใหญ่ผมก็จะมาอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่ากลับมาอยู่อยู่ที่นี่นานๆ คราวนั้นเลบยดีกว่า” อาทิตย์เอ่ยอ้าง ไม่รู้จะบอกผู้เป็นป้าว่าอย่างไรดีถึงสาเหตุที่ตัวเองรู้สึกห่อเหี่ยวใจพิลึกกับการอยู่ในไร่นี้ต่อ คำพูดและท่าทีชิงชังของอิทธิมีผลต่อจิตใจชายหนุ่มมากนัก
“อืม เอาไว้บอกแม่เราอีกทีแล้วกัน ป้าก็ถามไถ่ไปงั้นแหละ” จันทร์จวงบอก ไม่ติดใจถามถึงสาเหตุต่อ
“แล้วแม่ไปไหนเหรอครับ”
“ไปเดินตรวจไร่น่ะ เห็นบอกจะสืบตามเรื่องที่อาทีโดนลอบทำร้ายด้วย”
“จริงเหรอครับ นี่แม่ตามเรื่องนี้ให้อาทีจริงๆ เหรอครับ”
“ดีใจล่ะสิที่เห็นสัญญาณดีๆ แบบนี้ ป้าเองก็แอบดีใจเหมือนกัน สองแม่ลูกเขาจะได้พูดจากันดีๆ สักที”
“ผมก็หวังอย่างนั้นแหละครับ” อาทิตย์ยิ้มออกได้บ้างเมื่อเห็นว่ามารดาเริ่มทำตามคำที่ตนเอ่ยขอ หากมารดากับน้องชายตนหันมาพูดจากันดีๆ ได้แล้ว ก็หวังเหลือเกินว่าตนเองจะได้รับความเคารพจากน้องชายบ้าง แล้วอีกคนนั่นเล่า เขาจะทำอย่างไรดีนะ ให้เจ้าตัวยอมเปิดใจและรับฟังในสิ่งที่เขาอยากจะเอ่ย อยากจะพูดจากใจจริงๆ
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเมื่อนึกถึงภาพสีหน้าและแววตาแห่งความชิงชังที่อิทธิแสดงต่อตน
โปรดติดตามตอนต่อไป