ตอนที่ ๑๒
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” อิทธิตอบ แล้วคิดจะเลี่ยงหนีเดินขึ้นเรือน อาทิตย์รีบฉุดเอาไว้เอ่ยถาม
“จะไปไหน”
“ปล่อยผมคุณอาทิตย์ ผมอยากคุยกับคุณจิตร” อิทธิหันมาสะบัดแขน ดีทีอาทิตย์ไม่จับโดนที่แผลจึงมีแรงพอที่จะขยับ แต่ถึงกระนั้นเรี่ยวแรงที่ส่งออกไปก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการจับยึดจากแรงฉุดของอาทิตย์ได้
“คิดจะขึ้นเรือนฉัน มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกอิทธิ มานี่!” อาทิตย์ออกแรงฉุดให้อิทธิเดินตามตนไปในมุมมืดหลังเอ่ยจบ ส่วนอาทีพอรามือจากการโต้แย้งกับมารดาก็หันมามองทางเดิมที่อิทธิเคยยืนอยู่ เด็กหนุ่มแปลกใจเมื่อที่ตรงนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาเพื่อตน ร้ายไปกว่านั้นพี่ชายตนก็หายไปด้วยเช่นกัน
“หายไปไหนกันสองคน” หนุ่มน้อยเอ่ยขึ้นเบาๆ จิตราเดินมาชะโงกมองข้างๆ เอ่ยถามเสียงเขียว
“มันหายไปไหนแล้วล่ะ พี่ชายแกด้วย”
“ผมจะรู้มั้ยล่ะครับ” อาทีหันมาตอบยียวน ก่อนจะรีบเดินจากเรือนเพื่อตามหาเพื่อน
“ดู๊ ดูมันพูดกับแม่มัน ฮึ่ย!” จิตรายืนฉุนอยู่กับที่ได้แต่มองตามหลังบุตรที่ชายหายไปในความมืด
ทางด้านอาทิตย์ที่ลากแขนอิทธิมาในที่ลับตาผู้คนพอสมควร บริเวณที่ยืนอยู่มีเพียงต้นส้มล้อมกาย ซึ่งแสงไฟส่องเข้าไม่ถึง สองคนมองเห็นใบหน้ากันและกันก็เพียงแค่แสงจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและหมู่ดาวเพียงเท่านั้น
“คุณพาผมมาไกลขนาดนี้ทำไม” อิทธิโวยขึ้นเมื่อโดนปล่อยร่างให้เป็นอิสระ
“คิดว่าฉันจะลากมาข่มขืนหรือไง ไม่ได้หน้ามืดขนาดนั้นโว้ย” อาทิตย์โต้กลับ อิทธิไม่อยากสนทนาต่อเพราะเป้าหมายที่ตนอยากจะสะสางคดีให้มารดาคือจิตรา เด็กหนุ่มหมุนตัวจะเดินหนีแต่แล้วร่างก็ต้องกระเด็นกลับเมื่อคนข้างหลังดึงไว้ตามเดิม
“ยุ่งจริงโว้ย!” ด้วยความโมโหจึงยกกำปั้นขึ้นชกในขณะที่ฝ่ายนั้นยังไม่ทันตั้งตัว
อาทิตย์หน้าหันสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงกำปั้น ชายหนุ่มรู้สึกชาที่มุมปากก่อนอาการเจ็บหนึบจะตามมา
“ช่วยไม่ได้อยากวอนเอง” อิทธิว่าเมื่อสาแก่ใจในผลงาน เด็กหนุ่มคิดจะเดินหนีตอนคนเจ็บตัวหันมามองหน้า
“จะไปไหน คิดว่าฉันจะยอมให้นายทำฝ่ายเดียวหรือไง” อาทิตย์ใช้ความไวคว้าแขนอิทธิไว้ทัน ชายหนุ่มออกแรงดึงร่างนั้นมาแนบกับอกตนทันที พร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปใกล้
“นี่คุณจะทำอะไร” อิทธิเอ่ยถามใจสั่นระรัว พยายามเบี่ยงกายออกจากอกแข็งแรงแต่ช่างยากนัก เมื่อเจ้าของอกใช้วงแขนกระชับแผ่นหลังตนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“เคยโดนแล้วยังจะถามอีกเหรอคนเก่ง” อาทิตย์เอ่ยยั่ว เลือดในกายสูบฉีดขึ้นอีกครั้งเพราะความโกรธที่อิทธิกล้าลงมือชกต่อยตน หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะตอบโต้กลับด้วยการชกต่อยไปแล้ว แต่ตอนนี้ใบหน้าและแววตารั้นด้วยทิฐิของอิทธิมันชวนให้อยากสั่งสอนเจ้าตัวด้วยวิธีที่เคยทำอย่างตอนเย็นเสียมากกว่า ชายหนุ่มโน้มหน้าลงไปอีกในตอนที่คนในอ้อมแขนพยายามเบี่ยงตัวหลบ
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคุณอาทิตย์ คราวที่แล้วผมแค่เผลอ คราวนี้หากคุณทำกับผมเหมือนตอนเย็นอีก ผมกัดลิ้นคุณขาดแน่” อิทธิเอ่ยขู่ ในใจสั่นหนักกว่าเดิม กลัวเหลือเกินว่าคำพูดเมื่อครู่ว่าจะเป็นแค่การขู่จริงๆ เพราะยังจำสัมผัสอันดุดันบวกอ่อนละมุนของริมฝีปากและปลายลิ้นของคนตรงหน้าได้ไม่ลืม ยอมรับว่ากลัวว่าความรู้สึกในกายจะวาบหวามและสั่นสะท้านได้อีกครั้งจนเผลอตอบสนองหากโดนจู่โจมอย่างที่เคยโดน
“กล้ากัดก็เอาเลย” อาทิตย์เอ่ยท้า พลางกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีก
“โอ้ย!” อิทธิเผลอร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บและแน่นช่วงตัวจนแทบหายใจออก อาทิตย์เห็นอาการจึงยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก คิดยั่วอารมณ์เล่นๆ โดยการปล่อยร่างคนร้องให้เป็นอิสระโดยง่าย เอ่ยขึ้นเยาะๆ
“แกล้งเปิดปากร้องเพื่อให้ฉันจูบได้ง่ายขึ้นอย่างงั้นเหรอ ติดใจปลายลิ้นฉันแล้วล่ะสินายอิทธิ ฝันไปเถอะ ฉันไม่จูบนายง่ายๆ หรอก”
อิทธิหน้าชาวูบเมื่อได้ยินเช่นนั้น พูดแบบนี้มันดูถูกกันชัดๆ เขาไม่ยอมเป็นรองหรอก คิดได้แบบนั้นจึงเอ่ยตอบโต้
“ขี้ขลาดก็ยอมรับมาตรงๆ เถอะคุณอาทิตย์ กลัวว่าผมจะกัดลิ้นเอาจริงๆ ก็ไม่น่าหาข้ออ้างเลยนี่”
“ใครบอกฉันกลัว” อาทิตย์รีบแย้งเพราะรู้สึกเสียหน้ากับคำว่าขี้ขลาด นึกไม่ถึงว่าอิทธิจะมาไม้นี้กับตน
“การกระทำมันฟ้องชัดๆ ทำไมต้องมีใครบอก” อิทธิโต้กลับ กลับมาเป็นฝ่ายยิ้มเยาะบ้าง เมื่อพอจะเห็นใบหน้าเครียดตึงของคนตรงหน้ารางๆ
“ร้ายให้ได้ครึ่งแม่คุณซะก่อนเถอะ ค่อยคิดจะมากำราบผม จำเอาไว้” เด็กหนุ่มทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้อย่างผู้ชนะในเกมตอบโต้นี้ ก่อนจะพาร่างเดินจากไป
“เดี๋ยวก็รู้ว่านายจะยอมศิโรราบต่อฉันมั้ย” อาทิตย์เอ่ยขึ้นตามหลัง แล้วรีบเดินตามร่างคนปากกล้าไป
อิทธิพอได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาก็รีบเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้พ้นจากเขตอับแสงนี้ แสงรำไรจากหลอดไฟด้านหน้าคือเป้าหมาย หนุ่มน้อยเร่งฝีเท้าเป็นเดินแกมวิ่ง เพราะคิดว่าหากอาทิตย์จับตัวตนได้อีกครั้ง คืนนี้ตนคงไม่มีโอกาสเจอตัวจิตราเป็นแน่
“โอ้ย!” เด็กหนุ่มร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อร่างทั้งร่างชนเข้ากับใครบางคนที่เดินเข้ามาขวางหน้า โชคดีที่ฝ่ายนั้นฉุดตัวเอาไว้จึงไม่ได้ล้มลง
“กูเองไอ้อิท เดินเหมือนหนีใครมางั้นแหละมึง” อาทีเอ่ยกับเพื่อนเมื่อฉุดร่างเจ้าตัวเอาไว้ได้แล้ว
“หนีพี่มึงอ่ะดิ แม่งลากกูไปซะไกล” อิทธิบอก ยืนหอบหายใจคลายเหนื่อยและบรรเทาอาการตกใจจากการชนร่างคนตรงหน้าเมื่อครู่
“แล้วเขาทำอะไรมึงหรือเปล่า” อาทีรีบถามไถ่อาการเพื่อนเมื่อรับรู้ว่าเจ้าตัวหายไปกับใคร
“ไม่อ่ะ กูหนีออกมาก่อน” อิทธิเอ่ยตอบ นาทีนั้นอาทิตย์ได้เดินมาถึงร่างพอดี
“พาเพื่อนผมไปไหนมาพี่อาทิตย์” อาทีเบนเป้าหมายมาสนใจพี่ชาย
“มันฟ้องแกว่าไงล่ะ” อาทิตย์ถามกลับ
“กูขอตัวก่อนนะอาที” อิทธิเห็นพี่น้องยืนจ้องตากันจึงคิดจะเบี่ยงตัวหนี แต่แล้วต้องชะงักเมื่อโดนประโยคคำสั่งและคำขู่จากปากอาทิตย์
“ห้ามไปราวีแม่ฉันเด็ดขาด ไม่งั้นนายเจอดีแน่นายอิทธิ”
“ผมไม่เคยราวีใคร ถ้าใครไม่มาราวีผมกับแม่ผมก่อน” อิทธิหันมาตอบ คงนึกเสียใจอีกหลายวันหากวันนี้ตนไม่ได้เรียกร้องอะไรให้มารดาของตนที่ถูกรังแก
“นายกำลังจะบอกว่าแม่ฉันไปราวีนายงั้นเหรอ” อาทิตย์เอ่ยถาม
“ไม่ใช่ผม แต่เป็นแม่ผม”
“ตอนไหน ที่ไหน”
“ผมกำลังจะไปถามแม่คุณอยู่นี่ไง”
“แล้วมีหลักฐานอะไรที่นายคิดจะไปเค้นถามเอากับแม่ฉัน”
“แม่นางนั่งทายาอยู่ที่เรือนผมหน้าตาบวมช้ำคุณตามไปดูสิ!” ถึงตอนนี้อิทธิเสียงสั่นกายสะท้านเพราะรู้สึกสะเทือนใจตอนนึกถึงภาพที่มารดาของตนนั่งทายาแก้ช้ำบนใบหน้า เจ้าตัวคงจะเจ็บและช้ำใจพอดูที่โดนรังแกอยู่ไม่เว้นแต่ละวันอย่างนี้
“ใจเย็นๆ อิท ปะ เดี๋ยวกูพาไปหาแม่กูเอง” อาทีเข้าปลอบเมื่อเห็นอาการเพื่อนคล้ายคนจะร้องไห้
“แกเป็นลูกใครกันแน่วะอาที แกจะพานายนั่นไปอาละวาดแม่แกหรือไง” อาทิตย์ตำหนิน้องชาย รู้สึกสะท้านอยู่บ้างกับอาการของอิทธิที่แสดงออกมา แต่จะให้เขาเชื้อเชิญให้เจ้าตัวไปพบมารดาของตนตอนสภาวะอารมณ์เป็นแบบนี้น่ะเหรอ มันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง
“ก็แม่เราไปทำแม่เขานี่” อาทีแย้งพี่ชาย
“แล้วไงล่ะ พรุ่งนี้ค่อยเคลียร์ได้มั้ยล่ะ วันนี้มันมืดค่ำแล้ว แยกย้ายกันไปพักผ่อนไม่ดีกว่าเหรอ” อาทิตย์หาทางออก
“คุณก็พูดได้สิคุณอาทิตย์ ลองแม่คุณโดนใครรังแกเอาคุณจะใจเย็นแบบนี้มั้ย ผมถามหน่อยเถอะ!” อิทธิถามขึ้น ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“ฉันเข้าใจอารมณ์นายนะอิทธิ แต่ฉันขอให้นายมาพบแม่ฉันพรุ่งนี้ได้มั้ย ตอนนี้มันค่ำแล้ว เกรงใจท่านเกรงใจป้าจันทร์บ้างเถอะ” อาทิตย์ตอบด้วยท่าทีนิ่งๆ ด้วยเพราะเห็นอาการอ่อนแอของอิทธิแล้วไม่อาจจะโวยวายหรือขึ้นเสียงได้อีก
“ผมจะพบวันนี้ เพราะไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ผมกับแม่อาจไม่ทนอยู่ที่นี่แล้วก็ได้” อิทธิฮึดใจให้เข้มแข็งขึ้นเอ่ยบอก ประโยคนั่นทำอาทิตย์และอาทีนิ่งงันไปพลัน สองพี่น้องมองหน้ากันนิ่งๆ ก่อนจะใจหายเมื่อคนนอกสายเลือดได้พาร่างวิ่งไปทางเรือนของพวกตน
“รั้นได้ใจจริงๆ ให้ตายเถอะ” อาทิตย์เอ่ยออกมาก่อนน้องชายแล้วรีบวิ่งตามร่างคนรั้นไปโดยเร็ว
“ตัวเองก็ไม่ต่างกันหรอก” อาทีค่อนขอดพี่ชายแล้วรีบวิ่งตามไปอีกคน
ด้านอิทธิที่วิ่งมาถึงเรือน เด็กหนุ่มฮึดเรียกกำลังใจเฮือกใหญ่ แล้วรีบเดินก้าวจะขึ้นเรือน แต่พอเท้าแตะบันไดขั้นแรกก็ต้องชะงักแหงนมองเมื่อมีหนึ่งเสียงดังมาจากด้านบน
“เป็นลูกขี้ข้าจะขึ้นเรือนเจ้านายง่ายๆ อย่างงั้นเหรอไอ้อิทธิ”
“นายสิน” อิทธิเอ่ยเรียกเจ้าของเสียงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ไอ้อันธพาลนี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง อย่าบอกนะว่าจิตราเรียกตัวมันมา หนุ่มน้อยยืนคิดขณะหนึ่ง ก่อนจะยอมถอยร่างลงมาตอนที่นายสินเดินลงมาหา หยุดอยู่ตรงหน้า
“นายมาอยู่นี่ได้ไงนายสิน” อิทธิเอ่ยถามเมื่อได้เผชิญหน้ากันแล้ว
“คุณจิตรเรียกฉันกับพ่อมา บอกว่าจะมีคนมาก่อกวน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเอ็ง” สินเอ่ยตอบ ยกมือผลักที่อกอิทธิเบาๆ ยิ้มยั่วโมโห
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันขอพบคุณจิตรเท่านั้น” อิทธิปัดมือนั่นออก จ้องเขม็งสั่งให้เจ้าของมือหลีกทางให้ตน
“คุณจิตรกำลังคุยเรื่องงานกับพ่อข้าอยู่ เอ็งกลับเรือนไปถ้าไม่อยากมีเรื่องกับข้า” สินบอกอีก ก่อนจะหันไปยังทิศทางของเสียงพูดที่ดังมาแทรก
“นายนั่นแหละกลับเรือนไปนายสิน เรือนนี้ไม่ต้อนรับอันธพาลอย่างนาย”
อาทีนั่นเองเป็นเจ้าของคำพูด เด็กหนุ่มเดินคู่กันมาพร้อมพี่ชาย
“คุณอาที คุณอาทิตย์” สินเรียกชื่อสองพี่น้องที่ตนกำลังจ้องมอง ร่างทั้งคู่เดินมายืนขนาบร่างอิทธิ
“คุณอาทิตย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ชายหนุ่มเฉไปเอ่ยทักอาทิตย์
“นานแล้ว” อาทิตย์ตอบส่งๆ ไป เพราะไม่ยินดีที่จะพูดคุยด้วยตอนนี้
“แล้วนี่ไปไหนกันมาครับ” สินถามต่อ
“จะรู้ไปทำไม ถอยไปฉันจะขึ้นเรือน” อาทีเอ่ยสั่ง สินยอมถอย ในใจเกิดคิดแค้นที่โดนเด็กรุ่นน้องออกคำสั่ง ถือว่าเป็นลูกเจ้านายงั้นสิ สักวันเถอะ กูจะสั่งสอนให้ ชายหนุ่มแอบคิด
“ผมยอมให้คุณอาทีกับคุณอาทิตย์ขึ้นไปสองคนนะครับ ส่วนไอ้อิท คุณจิตรสั่งไว้ว่าห้ามมันขึ้นไปบนเรือนเด็ดขาด” สินเอ่ยออกมาในตอนที่ถอยร่างเสร็จ
“ฉันต้องเชื่อนายเหรอ” อาทีเอ่ยใส่หน้าอย่างไม่นึกสน เด็กหนุ่มหันไปเอ่ยชวนอิทธิให้ขึ้นไปพร้อมกัน
“ไปกับกูอิท นี่เรือนกู อย่าไปฟังคำใคร”
“แต่แม่คุณอาทีห้ามไว้จริงๆ นะครับ” สินรีบแย้ง เพราะหากตนทำงานนี้ไมสำเร็จก็สิ้นลายลูกชายหัวหน้าคนงานกันพอดี
“ถ้าเป็นคำสั่งป้าจันทร์ฉันจะฟัง แต่ถ้าไม่ใช่ใครก็อย่ามาสั่ง” อาทีเอ่ยเสียงแข็ง จ้องเขม็งที่ลูกชายหัวหน้าคนงานดั่งใช้สายตากำราบว่าให้เจ้าตัวหยุดพูดหยุดสั่ง
“แล้วถ้าฉันสั่งนายจะฟังมั้ย” อาทิตย์เอ่ยขึ้น ไม่ได้คิดเข้าข้างสินแต่เพราะยังไม่อยากให้อิทธิเผชิญกับมารดาตนตอนนี้ ดูภาวะอารมณ์ที่พร้อมอาละวาดของเจ้าตัวแล้วเกิดกลัวว่าเรื่องจะบานปลาย
“ป้าจันทร์กับอาทิตย์ตัวสะกดเหมือนกันมั้ยล่ะครับ ถ้าไม่เหมือนคำตอบคืออะไรพี่อาทิตย์คงรู้ดี” อาทีตอบแล้วคว้ามืออิทธิเดินขึ้นไปบนเรือนอย่างไม่สนใจคำทัดทานใครอีก
“ลากศัตรูมาฆ่าแม่ตัวเองเลยเหรอไอ้ตัวดี” เสียงแรกที่ดังทักทายตอนเยี่ยมหน้าขึ้นไปบนชานเรือนคือประโยคที่ดังออกมาจากปากจิตราที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่กับนายศรและเพลินพิศ
“ผมไม่ได้มาฆ่าใคร ผมแค่มาขอคำอธิบายจากคุณจิตรว่าทำร้ายแม่ผมทำไม” อิทธิเอ่ยตอบโต้ จ้องเขม็งไปยังร่างที่นั่งเชิดหน้าของจิตราอย่างนึกชิงชัง
“หลักฐานล่ะมีมั้ย” จิตราตอบเสียงเยาะ
ทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ ทำไมจะต้องถามหาหลักฐาน” อิทธิตอบแกะมืออาทีออกจากแขนแล้วเดินตรงไปหาจิตรา
“หยุดอยู่แค่นั้นแหละอิทธิ” เสียงที่เอ่ยห้ามคือเสียงอาทิตย์ที่เดินขึ้นมาสมทบพอดีพร้อมกับนายสิน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างไอ้อิทกับแม่เท่านั้น คนอื่นอย่าเกี่ยวได้มั้ยครับ”
อาทีเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกเพื่อนตนโดนกดดันล้อมหน้าล้อมหลัง
“แกแหละเลิกพูดอาที นั่นแม่แกนะโว้ย แกจะให้ใครที่ไหนตามมาถอนหงอกเอาง่ายๆ แบบนี้งั้นเหรอ” อาทิตย์ดุน้องชาย สินแอบยิ้มสะใจ ไม่ต่างจากนายศรผู้เป็นบิดา
“แล้วทีแม่เราไปราวีคนอื่นเขาล่ะ” อาทีหันมาเถียง
“ก็บอกแล้วไงพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน”
“ผมต้องการคุยวันนี้ ตอนนี้ ว่าทำไมแม่คุณถึงไปทำร้ายแม่ผม” อิทธิเอ่ยขึ้น สุดทนเมื่อเห็นอาทิตย์เอาแต่ปกป้องมารดาของตัวเองท่าเดียวโดยไม่นึกถึงความรู้สึกของตน ใช่สินะ เขามันแค่ลูกขี้ข้านี่ นายคนนี้จะมายีระอะไรด้วยล่ะ
“อย่ากำเริบให้มากนักอิทธิ นายเป็นใคร แม่ฉันเป็นใครสำนึกเอาไว้บ้าง จะอวดเก่งยังไงหัดดูเงาหัวตัวเองหน่อยก็ดีนะว่านายก็แค่ลูกคนงานหนึ่งคนในไร่เท่านั้น” อาทิตย์เอ่ยว่าด้วยถ้อยคำเชิงเหยียดศักดิ์ ที่ต้องเอ่ยเพราะนึกไม่ชอบใจท่าทีอวดเก่งของคนที่ว่ากันตามจริงน่าจะนอบน้อมมากกว่านี้
“ขอโทษเพื่อนผมเลยนะพี่อาทิตย์ ไอ้อิทมันก็คนเหมือนกัน ทำไมพี่จะต้องจ้องดูถูกมันด้วย” อาทีเอ่ยโต้แทนเพื่อนในขณะที่จิตราแอบยิ้มสมใจในคำพูดของบุตรชายคนโต ให้มันได้อย่างนี้ซี้! ลูกฉัน หล่อนแอบคิด
“ฉันพูดอะไรผิดไปทำไมฉันจะต้องขอโทษ” อาทิตย์หันมาตอบโต้น้องชาย สองคนจึงเริ่มมีปากเสียงกัน
“ก็ที่พี่พูดเมื่อกี้ คนมีการศึกษาที่ไหนเขาพูดกัน”
“แกจะลามปามฉันเกินไปหน่อยแล้วนะอาที”
“แค่นี้ยังน้อยไปถ้าไม่ขอโทษเพื่อนผม”
“แกนี่มันเห็นคนอื่นดีกว่าสายเลือดตัวเองจริงๆ”
“ผมไม่ชอบความอยุติธรรม ที่ผมต่อต้านการกระทำแย่ๆ ของทั้งพี่และแม่ก็เพียงเพราะให้นึกถึงจิตใจคนอื่นบ้างก็เท่านั้น”
“ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมริจะมาสั่งสอนฉันงั้นเหรอ น่าขันนักไอ้อาทีเอ้ย!” จิตราเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อรู้สึกสมเพชในคำพูดบุตรชาย หล่อนลุกเดินขึ้นมาหาหลังเอ่ยจบ พร้อมนายศรที่ลุกเดินตามหลังมา
“แม่เข้าห้องไปก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวทางนี้ผมเคลียร์เอง” อาทิตย์เอ่ยบอกมารดาเมื่อเห็นอิทธิจ้องเขม็งที่ร่างเจ้าตัวทุกฝีก้าว กระทั่งหยุดเผชิญหน้ากัน
“ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ยไอ้เด็กเหลือขอว่าการจะเข้าถึงตัวฉันมันไม่ง่ายอย่างที่แกคิดหรอก” จิตราเอ่ยว่าใส่หน้าเครียดๆ ของอิทธิอย่างสาแก่ใจ หล่อนยกมือจิ้มหน้าผากเจ้าตัวสุดแรงพร้อมเอ่ยขึ้นตอนร่างนั้นหน้าหงาย
“เห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ไอ้ลูกไร้พ่อ!”
“เกินไปแล้วนะแม่ ทำไอ้อิทธิทันทำไมอ่ะ!” อาทีเอ่ยว่ามารดาเสียงดัง ก่อนจะหน้าหันไปอีกคนจากแรงฟาดของฝ่ามือคนที่ตนว่า
“แล้วแกคิดว่าแกจะไม่โดนเหรอไอ้ลูกนอกคอก หนอยพาไอ้ลูกขี้ข้านี้มาถอนหงอกฉันถึงบนเรือน มันน่านัก” จิตราเงื้อมือจะทำร้ายบุตรชายคนเล็กอีกตอนเจ้าตัวหันมาจ้องหน้า หล่อนชะงักมือค้างไว้เพราะมีเสียงเอ่ยห้ามจากบุตรชายคนโต
“พอแล้วแม่ ผมขอเคลียร์กับสองคนนี้เองครับ แม่เข้าห้องไปก่อนนะครับ” อาทิตย์รู้สึกตกใจไม่น้อยที่เห็นการกระทำร้ายๆ ของมารดา ชายหนุ่มเดินไปดึงร่างน้องชายและอิทธิออกจากรัศมีวงแขนของฝ่ายนั้น
“ไม่ต้องมาถูกตัวผม ถอยไป” อิทธิสะบัดแขนออกพร้อมออกแรงผลักอาทิตย์จนล้มไปบนพื้นเรือน
“ว้าย! ลูกอาทิตย์” จิตราร้องเสียงหลงในภาพที่เห็น นึกแค้นเคืองอิทธิเหลือจะทน จึงเงื้อมือขึ้นจะตบสั่งสอน แต่สายตาอิทธิว่องไวกว่า เด็กหนุ่มมองเห็นภาพนั้นจึงชิงลงมือผลักร่างจิตราให้ล้มลงไปบนพื้นเรือนอีกคน จิตราร้องกรี้ดลั่น นายศรกับนายสินเห็นภาพนั้นต้องการทำดีเอาหน้าจึงวิ่งโร่เข้าจะทำร้ายอิทธิ แต่อาทีตวาดสั่งห้ามไว้ก่อน
“อย่าแตะต้องไอ้อิทแม้แต่ปลายก้อย ไม่อย่างนั้นพวกนายได้ยกครัวออกจากไร่นี้แน่”
“ว้าย! แบบนี้อีพิศไม่ยุ่งแล้ว” เพลินพิศเห็นท่าทีขึงขังอาทีแล้วนึกหวั่นจึงไม่อยากมีเอี่ยว สาวใช้คิดจะคลานเข่านี้จากเหตุการณ์ แต่โดนจิตราตะโกนด่าไว้พร้อมออกคำสั่ง
“อีพิศอีไพร่! มึงจะไปไหน มาฉุดกูขึ้นเดี๋ยวนี้”
เพลินพิศหน้าเสียรีบคิดประจบเจ้านายแต่ช้ากว่าอาทิตย์ที่วิ่งไปประคองร่างมารดาให้ลุกขึ้นยืนก่อน
“เห็นฤทธิ์มันหรือยังอาทิตย์ มันร้ายอย่างที่แม่บอกไว้ไม่มีผิดใช่มั้ย จัดการมันเลยลูก เอามันให้สาสมกับที่มันทำกับแม่” จิตรารีบฟ้องบุตรชายใส่จริตอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาอิทธิ
“ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่ครับแม่ ว่าแต่แม่เข้าห้องไปก่อนนะครับ” อาทิตย์บอกมารดา จิตราจึงยอมถอยร่างไปโดยให้เพลินพิศพยุง ลับหลังสายตาบุตรชายหล่อนยิ้มเยาะเหยียดหยันใส่อิทธิประหนึ่งสะใจที่จะเห็นเจ้าตัวโดนจัดการจากบุตรชายคนโตของหล่อน
“มึงไม่ต้องกลัวอิท เดี๋ยวกูไปตามป้าจันทร์มา” อาทีเอ่ยบอกเพื่อนก่อนจะวิ่งหายไปทางห้องพักของผู้เป็นป้า ที่เหลืออยู่จึงกลายเป็นอาทิตย์กับอิทธิกำลังยืนเผชิญหน้ากัน โดยมีนายศรกับนายสินยืนคุมเชิงดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ
“นายศรกับนายสินกลับเรือนไปเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกนาย” อาทิตย์หันไปสั่งสองพ่อลูก ซึ่งทั้งคู่ยอมทำตามถอยกลับโดยง่าย บนเรือนตอนนี้จึงเหลือเพียงชายหนุ่มกับหนุ่มน้อยที่หันมาจ้องหน้ากันอีกครั้ง
“นายมันร้ายกว่าที่ฉันคิดนะอิทธิ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ฉันขอปราบพยศนายก่อนเถอะ มานี่!” เอ่ยจบอาทิตย์ก็ฉุดแขนคนตรงหน้าลากไปทางลงเรือนอีกด้าน
“ปล่อยผมนะ คุณจะพาผมไปไหนคุณอาทิตย์” อิทธิร้องสั่งพร้อมตั้งคำถาม แต่สุดทายก็ไม่ได้คำตอบเพราะร่างโดนลากกระชากไปตามเส้นทางที่เริ่มมืดและเงียบหลังถูกดึงลงจากเรือนสำเร็จ
อาทิตย์จะพาอิทธิไปไหนยังไม่มีใครรู้คำตอบ เพราะผมจะจบตอนไว้แค่นี้ อิอิ
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ