บทที่ 18.
หลังจากวางโทรศัพท์จากคุณหมอขิม ไอ้เจ้าคนป่วยมันก็ฮัมเพลงอย่างคนอารมณ์ดี ใช้ผืนเล็กชุบน้ำพอหมาดเช็ดตัวแบบลวก ๆ ล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าสดใสต่างจากคนป่วยหน้าหงอยนั่งซุกอยู่ในผ้าห่มแบบคนล่ะคน
"อารมณ์ดีมาเชียวนะ" คุณน้าหันมาทัก ทำให้วายุฉีกยิ้มกว้างตอบกลับ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้เฮียที่มองมาด้วยสายตาสงสัย
"คุยอะไรกันตั้งนานสองนาน!!?" ไอ้หมีไวไวทำเป็นเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามแบบตรง ๆ เพียงแต่แถไปเรื่อย
"พี่หมอขิมก็ถามเรื่องอาการป่วย ไม่มีอะไรหรอกครับ!!" ไม่มีอะไร แต่ตอนท้ายแกล้งทำเป็นพูดเสียงสูงปรี๊ด
เป็นอาการที่ทำให้เจ้าของโทรศัพท์ขมวดคิ้วมองอย่างไม่คิดจะเชื่อ เพราะถ้าจะถามเรื่องอาการป่วยจริง ทำไมไม่ถามตั้งแต่เมื่อกี้..แล้วก็ไม่จำเป็นต้องถามอาการจากปากคนป่วยตรง ๆ ด้วยไม่ใช่รึไง แถมไอ้หมีทำไมมันต้องหลบตาเวลาตอบ...ทำเป็นมีลับลมคมใน!!
"มาทานข้าวเช้ากันเถอะ เดี๋ยวคนป่วยจะได้กินยา.." เสียงของนายแม่เหมือนเตือนสติให้ใครบางคนแถวนั้นหลุดออกจากความคิดของตัวเอง
"อันนี้อร่อยมากเลยครับ" สายตาของนายตุลยังคงเหลือบมองไอ้หมีหน้ายิ้มอีกเป็นระยะอย่างไม่รู้ตัว ติดที่ว่าวันนั้นนายแม่อยู่ด้วยค่อนวัน มันก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปอ้อนคุณน้าของมันแทน จนกระทั่งส่งนายขึ้นรถกลับบ้านนั่นแหละ
.
.
เสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ของดินสอที่เคาะเป็นจังหวะบ้างไม่เป็นจังหวะบ้างกับโต๊ะทำงาน สายตาที่มองกระดาษร่างแบบ แต่ดูเหมือนว่าความคิดจะไม่ได้จดจ่ออยู่ตรงนั้น ก็ขนาดว่ามีใครบางคนย่องเข้ามาจากข้างหลังเจ้าของห้องก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะรู้ตัว
"เฮีย....คิดถึงผมอยู่เหรอ.." เสียงที่กระซิบที่ข้างหูทำเอาคนที่กำลังเพลินสะดุ้ง ไอ้หมีหน้ากวนมันกระโดดออกไปให้ห่างรัศมีทันทีที่พูดจบก็เลยไม่ทันได้ประทุษร้าย
"อืม" คำตอบที่ได้ยินทำเอาคนฟังฉีกยิ้มกว้างแก้มแทบปริ
"จริงอ่ะ...!!? คิดถึงผมจริง ๆ อ่ะเหรอ" ไม่พูดเปล่าทำท่าจะโดดเข้าใส่ แต่ก็ยังชั่งใจเอาไว้ได้ทันตอนที่เห็นสายตาของไอ้คุณเฮีย
"เออ!! กำลังคิดอยู่ว่าจะฆ่ายังไงไม่ให้มีใครสาวมาถึงตัว.." นั่นปะไร!! ไอ้ไวไวคิดเอาไว้แล้วไหมล่ะ ผิดซะที่ไหน..เฮียอ่ะชอบขู่เล่นแบบนี้อยู่เรื่อยเวลาที่อารมณ์ไม่ดี
"โหดอ่ะ!! แต่เฮียฆ่าผมไม่ได้หรอก..เชื่อดิ!!" ไอ้หมีไวไวทำเป็นยืนกอดเชิดหน้าขึ้น แถมด้วยการยักคิ้วและยิ้มแบบกวนอารมณ์
"ทำไม!!?" เจ้าของห้องอดไม่ได้ที่จะหมุนเก้าอี้หันกลับไปท้าทายไอ้หมีตัวดีกลับ
"ก็เพราะว่า...ถ้าฆ่าผมแล้ว...คนที่จะเสียใจก็เฮียนั่นแหละ" คนที่เกือบจะได้เป็นฆาตกรแทบจะหลุดหัวเราะออกมากับทีท่ามาดมั่นของไอ้หมีตัวกวน แต่ก็ต้องทำเป็นเก๊กเนียนยกมือขึ้นกอดอกเชิดหน้าให้ได้องศาเดียวกัน
"ขนาดนั้นเชียว!!? มาลองดูหน่อยไหมล่ะ!!?" อาการไม่ต่างจากคนที่กำลังจะโดนเชือด เพราะอาวุธที่ไอ้คุณเฮียยกขึ้นมาขู่มีเพียงดินสอร่างแบบปลายแหลมที่มองยังไงก็ไม่สามารถฆ่าใครให้ตายได้ วายุกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม แต่ก็ทำเป็นเชิดหน้าลองดีต่ออีกซักนิด ขืนยอมแพ้ก่อนก็เสียหน้าไอ้หมีแย่
"เฮียจะทำจริง ๆ เหรอ?...ไม่เสียใจซักนิดเลยเหรอ แบบว่าสงสารหมีตาดำ ๆ " ไอ้หมีตาดำที่ว่ากำลังยืนกระพริบตาปริบ ๆ หมดสิ้นกัน ท่าทีเชิดหยิ่งมั่นใจตัวเองแบบเมื่อกี้ ทำเอาคนมองหลุดหัวเราะออกมาจนได้
"อุ๊บ!! ฮ่า ๆ พอเลย ๆ ทุเรศลูกตา!!"
"แหะ แหะ เฮียไม่ทำเพราะเฮียใจดีมากต่างหากล่ะ ผมรู้หรอกนา" พอได้จังหวะ วายุก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ทรุดนั่งลงบนพื้นข้างเก้าอี้ ยกแขนตัวเองวางบนเข่าแล้วเอาหัววางแนบลงไปอีกที โดยที่อีกคนไม่ทันได้ขยับหนีหรือผลักไสเพราะมัวหัวเราะอยู่
"แล้วมานั่งอะไรตรงนี้ กินยาแล้วก็ไปนอนซิ ถ้าไม่หายพรุ่งนี้ก็ไปมหาลัยไม่ได้อีก" ด้วยความที่ได้หัวเราะออกมา ความหงุดหงิดลึก ๆ ในใจก็เลยจางหายไปจนหมด นายตุลยกมือขึ้นแตะหน้าผากคนป่วยเพื่อลองวัดอุณหภูมิ ก็พบว่ายังคงมีไข้อยู่
วายุส่ายหัวแทนคำตอบทั้งที่ยังเอาหัวพาดอยู่บนตักคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ รู้สึกเหมือนว่าความสุขของคนเรามันช่างหาง่ายเสียเหลือเกิน เพียงแค่มีคนที่รู้สึกดีอยู่ด้วยใกล้ ๆ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ดูเหมือนจะยิ้มออกมาได้ตลอดเวลา พอฝ่ามือหนาลูบผมให้เบา ๆ เพียงแค่นั้น ในอกมันก็รู้สึกอิ่มเอิบจนไม่อยากขยับไปไหน
“เหมือนฝันเลยอ่ะเฮีย...”
“ว่าไงนะ!!?” เสียงบ่นพึมพำที่ได้ยินไม่ชัดทำให้ต้องถามกลับ แต่ไอ้หมีมันก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“ผมเคยฝันถึง..วันที่บ้านเฮียย้ายไปอยู่ที่อื่น จำได้ว่าตอนนั้นร้องได้เสียมากมาย แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าจะร้องทำไม..” วายุไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองคนฟังตอนที่เล่าเรื่องความฝันของตัวเอง เพราะเท่าที่เด็กชายวายุจะจำได้ตอนนั้นมีเพียงคำปลอบใจจากปากแม่ว่าซักวันพี่ชายที่รักจะกลับมา.. พอโตขึ้นถึงได้รู้ว่า ต่างคนต่างก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ก็ได้แต่หวังไว้ว่าซักวันคงจะได้เจอกัน แล้วในที่สุดคำของแม่ก็เป็นจริง...
คนที่กำลังนั่งฟังเรื่องเล่าเก่า ๆ จากไอ้เด็กโย่งตรงหน้ากำลังขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้..’ความฝัน’ อย่างงั้นรึ!!? คงจะไม่ได้ติดใจอะไร ถ้ามันไม่บังเอิญว่านายตุลคนนี้ก็ฝันถึงเรื่องราวเก่า ๆ ในสมัยเด็กเหมือนกัน เหมือนกับว่าความรู้สึกบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในใจมันกำลังเรียกร้องและโหยหาบางสิ่งบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ...ทำไมคนอย่างนายตุลคนนี้ถึงได้ยอมอ่อนข้อให้กับไอ้เด็กโย่ง ทั้งที่มันทั้งกวนประสาท ฉวยโอกาส และชอบทำให้หงุดหงิดอยู่เรื่อย
“ไวไว...”
“ครับ..?” เสียงเรียกชื่อตัวเองทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ฝ่ามือข้างหนึ่งที่เมื่อครู่วางอยู่บนเส้นผมเลื่อนมาแตะที่ใบหน้า
“รอมาตลอดเลยรึ..!!?” เสียงที่เปล่งออกมาปนเศร้าจนสั่น แววตาภายใต้กรอบแว่นที่มองตรงมาไม่ได้หลบสายตาเฉกเช่นเคย วายุยืดตัวขึ้นจากพื้นเป็นคุกเข่าทำให้ใบหน้าเสมอกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
แม้ว่าจะบอกกับตัวเองมาตลอดมาตั้งแต่เด็กว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่งซึ่งเคยอยู่ข้างบ้าน และสนิทสนมกันมาก แต่ทุกครั้งที่เผลอก็จะเหลือบมองไปบ้านข้าง ๆ เสมอ ต่อให้ก่อนหน้านั้นจะมีใครเข้ามาแสดงตนว่าเป็นแฟนแต่ก็คบกันได้ไม่เกินเดือน แต่คนอย่างวายุก็ยังคงให้เหตุผลกับตัวเองว่าคงเป็นเพราะตัวเองไม่ดีพอ จนกระทั่งได้กลับมาเจอกับใครบางคนอีกครั้ง
“อาจจะใช่...เพราะตอนนั้นผมเองก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนั้น มันเรียกว่าอะไร” นายตุลยอมให้ริมฝีปากอุ่นประทับลงกลางฝ่ามือของตัวเองโดยไม่ได้ดึงกลับ
แววตาเศร้าปนเหงาของไอ้หมีที่เคยกวนประสาททำให้ไม่สามารถละสายตาไปทางอื่นได้..และหากจะหาตัวคนผิดซักคนก็คงเป็นไอ้ตุลคนนี้แหละที่ปฏิเสธและหลีกหนีความจริงมาตลอด ที่เลือกจะเก็บความรู้สึกอ่อนไหวเอาไว้ให้ลึกสุดใจ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ดูเป็นคนอ่อนแอจนกลายเป็นเย็นชาไปในที่สุด
“เฮียขอโทษนะ ที่ไม่ได้กลับไปเลย เพราะ...”
“เรื่องที่ผ่านมาจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่ตอนนี้มีเฮียอยู่ตรงนี้ ไอ้ไวไวไม่สนอะไรเลยครับ!!” ไอ้เด็กโย่งโผเข้ามากอดเอาไว้ทั้งตัว กอดแน่นจนรู้สึกเจ็บแต่นายตุลก็ไม่คิดจะถือสาเอาความยังคงปล่อยให้กอดอยู่แบบนั้นไปซักพัก..มันก็ยังไม่ยอมปล่อยเหอะ!!
“เจ็บโว้ย!! กระดูกจะหัก!!” ไอ้หมีรีบปล่อยแขนตัวเองทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วนตอนที่เห็นหน้าบูดของไอ้คุณเฮีย แล้วมันก็อดไม่ไหวก้มลงไปฟัดแก้มเนียนนั้นหนึ่งฟอดจนโดนตวัดมองด้วยสายตาโหด ๆ ....ไอ้เฮียคนเดิมกลับมาแล้ว!!
“ทำโทษไง เฮียปล่อยให้ผมรอ!!” วายุยักคิ้วให้ตอบกลับอย่างไม่กลัวตาย แม้ว่าออกจะเสียดายบรรยากาศโรแมนติกแบบเมื่อครู่ไปบ้างก็ตาม แต่ถ้าแลกกับการได้เห็นหน้ากลั้นยิ้มของเฮียกับสายตาเศร้า ๆ ขอเลือกแบบแรกดีกว่า
“เออ!! งั้นก็หายกัน” นายตุลยกมือดันหัวฟู ๆ ของไอ้หมีให้ออกห่าง ไม่งั้นอาจจะเสียท่าได้อีก แต่มันก็ยังดื้อยื่นหน้าเข้ามาอีก
“ได้ไง!! เฮียให้ผมรอตั้งนาน จะหายกันแค่นี้ได้ไง ขี้โกงอ่ะ!!” ไอ้หมีโย่งเริ่มโวยวายทำตัวปัญญาอ่อนงอแงเหมือนเด็ก
“แล้วจะเอายังไง!!?” ด้วยความรำคาญจึงตัดบทถามกลับไปแบบนั้น แต่ไอ้คุณตุลหารู้ไม่ว่าเท่ากับเข้าทางไอ้หมีเจ้าเล่ห์
“
ก็ไม่ยาก 1 ปีมี 365 วัน ในทุก 4 ปีจะมี 366 วัน 10 ปี ก็เท่ากับ 3652 วัน เพราะงั้น...” คนที่กำลังนั่งฟังการคำนวณเลขแบบง่าย ๆ เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะคิดตามอย่างช่วยไม่ได้ แต่พอเหลือบมาเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของไอ้หมีโย่งก็พอจะเดาคำตอบได้
“อย่าบอกนะว่า....ฝันเหอะ!!” ไอ้เด็กเวร!! เผลอเป็นไม่ได้มันจ้องอยู่ตลอดเลยนี่หว่า!!
“อ๊ะ ๆ นี่ผมหยวน ๆ ให้เฮียแล้วนะ คนกันเองเหลือแค่....3650 ครั้งก็พอ” วายุหัวเราะเริงร่า ยิ่งตอนที่เห็นแก้มเนียนเปลี่ยนสีน่ามอง และสายตาที่เบือนหลบไปอีกทางด้วยความเขินจัด เพราะไอ้สามพันกว่าครั้งที่ว่ามันหมายถึงเฮียต้องยอมสละแก้มให้ไอ้ไวไวคนนี้ฟัดจนกว่าจะพอใจ
“หยวนบ้าอะไรวะ ลดไป 2 วัน ไอ้เด็กเวร!! กลับไปนอนที่ห้องเลยป่ะ!!”
“เฮียตกลงแล้วนะ!!”
“ไม่ตกลงโว้ย!! ไอ้เด็กบ้า!!” ด้วยความที่ถูกรุกแบบไม่ทันตั้งตัว อะไรที่คว้าติดมือมาได้ก็เลยต้องเอามาป้องกันตัวก่อน แล้วก็โชคดีที่ได้ไม้บรรทัดแข็งที่ใช้วาดแบบ แต่ยังไม่ทันจะได้ใช้ไอ้หมีมันก็ไหวตัวทันกระโดดออกไปยืนห่างรัศมีการทำร้ายร่างกาย มีเพียงเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มกวน ๆ ให้เห็น
“แต่ว่านะ...ผมมีข้อเสนอ..ถ้าเปลี่ยนจากตรงนี้....” วายุเอานิ้วจิ้มที่แก้มตัวเอง และค่อย ๆ ถอยหลังไปจนติดกับประตูห้องอย่างระมัดระวัง เพราะขืนปล่อยให้โดนจับได้โดยที่ในมือไอ้คุณเฮียมีอาวุธล่ะก็...คงไม่ตายดี และข้อเสนอที่จะบอกออกไปก็เสี่ยงตายใช่เล่น
“...เป็นตรงนี้..ผมจะลดให้ครั้งละ 10!! ว้ากกกกก!!”
ปัง!!!!
“ฮ่า ๆ ”
เสียงหัวเราะที่นอกห้องยังดังลั่น พร้อมกับไม้บรรทัดที่อยู่ในมือปลิวไปกระแทกกับประตูห้อง ไอ้เด็กเวรนั่น...!! จะให้แลกที่แก้มเป็นที่ปากก็เท่ากับ
’จูบ’นะซิ ถึงจะลดไปครั้งล่ะสิบเท่ากับ 365 ครั้ง แต่...ใครมันจะไปยอมเล่นด้วยละโว้ย!!!
========================
มาสั้น ๆ แบบว่าขัดดอกไปก่อนนะ
ส่วนตอนของหมอขิมกะชายเอิงน่าจะได้เข้ามามีส่วนร่วมเต็มตัว (หลังจากมีคนถามหา..ปลื้มใจแทน
)
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม..กระโดดกอดแน่น 
ข่าวฝาก::: สำหรับใครที่ติดตามเรื่อง"พิมตะวัน"ของเจเจ้ มีจดหมายฉบับน้อยแจ้งมาเมื่อเช้า ว่าจะไม่อยู่ 4 วัน 
(ไปแจ้งข่าวไว้ในกระทู้เรียบร้อย)ยังไงก็รอติดตามกันต่อไป เพราะเจเจ้บอกว่ากลับมาจะพาพี่กิม-พี่ใหญ่มา่ด้วย (เพื่อสิ่งนี้
)