บทที่ 7.
กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางที่คาดก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ก่อนหน้านั้นก็แวะกินข้าวตามทางที่ขับรถผ่าน และซื้อของใช้ที่จำเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะใครบางคนมาโดยไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า แล้วรถของไอ้คุณเฮียก็แล่นเข้าไปจอดสนิทตรงหน้าบ้าน ก่อนที่เจ้าของบ้านจะเปิดประตูรถแล้ววิ่งขึ้นไปเปิดไฟรอ ยังดีที่ตัวเองพกกุญแจติดตัวไปไหนๆด้วยตลอดเวลา ก็เลยไม่ต้องแวะไปขอจากบ้านคุณยายของเฮีย
"เฮียน่าจะแวะไปเอาเสื้อผ้ามาก่อน ถ้าจะค้างอ่ะ" ไอ้เจ้าของบ้านบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างใน นายตุลยืนมองไปรอบ ๆ บ้านที่ติดอยู่ในความทรงจำตอนเด็กอีกครั้ง สถานที่ที่เคยมาวิ่งเล่น กินขนม หรือแม้กระทั่งนอนค้างก็เคยมาแล้ว
"ไม่ได้ทิ้งเอาไว้บ้างรึไง เผื่อวันไหนกลับมาเที่ยวอีก จะได้ไม่ต้องขนเสื้อผ้ามา" เจ้าของบ้านมันวิ่งหายเข้าไปในห้องของตัวเอง เปิดตู้รื้อค้นเสื้อผ้าที่ทิ้งเอาไว้ออกมาสองสามชุด เผื่อให้แขกคนสำคัญได้เลือกตามความพอใจ แต่ก็อดกังวลนิด ๆ ไม่ได้
"มีแต่เสื้อผ้าเล่นกีฬาของผม เฮียจะใส่ได้ไหมอ่ะ" แทนที่จะยื่นมาให้ ไอ้หมีไวไวมันกลับยกเสื้อผ้าที่จะเอามาให้คนอื่นใส่ไปพิสูจน์กลิ่นซะงั้น เนื่องจากไม่มั่นใจแม้ว่าจะจำได้ว่าตัวเองซักเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ทิ้งเอาไว้ในตู้ กลัวมันจะเหม็นอับจนไอ้คุณเฮียไม่กล้าใส่ ยังไม่ทันจะได้สำรวจให้ทั่วเสื้อกับกางเกงในมือก็โดนคว้าไปซะก่อน
"เป็นหมาดมกลิ่นรึไง" นายตุลคว้าข้าวของที่สันนิษฐานว่าจะเป็นของตัวเองมาถือเอาไว้เสียเอง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แค่..รู้สึกว่ามันเกิดอาการร้อนขึ้นมากะทันหัน พลันนึกไปถึงเรื่องความฝัน ตอนที่ไอ้หมีไวไวมันทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นเสื้อผ้าก็เลยเอื้อมมือไปก่อนที่จะหาเหตุผลได้ แล้วก็กลบเกลื่อนด้วยการด่ามันออกไป
"ก็แค่กลัวว่ามันจะมีกลิ่นอับ เฮียกลับไปนอนบ้านยายไม่ดีกว่าเหรอ" แม้ว่าจะยังแปลกใจ แต่วายุก็ยังกังวลเรื่องที่หลับที่นอนของไอ้คุณเฮียอยู่ดี
"จะนอนที่นี่ จะทำไมวะ!!?" คำตอบแรกที่อยู่ในใจเจ้าของบ้านคือ'เฮียเอาแต่ใจ' แต่มันก็แค่นั้นติดอยู่ที่ปาก ไม่กล้าที่จะพูดออกไป เกรงว่าจะได้โดนเตะเป็นของหวานก่อนนอน
"คร้าบ ๆ ผมจะได้ไปเตรียมที่ให้ เฮียนอนห้องผมก็ได้" ไอ้คุณเฮียพยักหน้าแบบขอไปที เดาเอาว่าคงเข้าใจ ก่อนจะคว้าเอาถุงของใช้ที่จำเป็นเดินเข้าไปทางห้องน้ำ ..เป็นผู้อาศัยที่ไม่สนใจเจ้าของบ้านซักนิด
วายุถอนหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะเดินไปไหว้รูปของแม่ที่วางอยู่บนหิ้ง ดีนะว่าสภาพบ้านสะอาดอยู่แล้ว คาดว่าคนของบ้านคุณยายจะมาทำให้เมื่อไม่นานมานี้ บรรยากาศเดิม ๆ ห้องเดิม ๆ ที่ชวนให้นึกถึงวันเก่า ๆ แม้ว่าจะมีกันอยู่สองคนแม่ลูก แต่ก็ไม่เคยมีวันไหนไม่มีความสุข กลิ่นของความทรงจำที่ทำได้แค่คิดถึง ทำเอาเจ้าของห้องนั่งน้ำตาซึมจนไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ข้างหลัง
"เป็น อะไร ไป "
"เย้ยยยย เฮียอ่ะ ตกใจหมดเลย!!!" หัวใจดวงน้อย ๆ ของไอ้ไวไวจะวายตายดิ!! ก็พี่ท่านเล่นย่องมาข้างหลังทำกระซิบเสียงเย็น ๆ ที่ข้างหู คือแบบว่าที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ ไม่ได้กลัวผีหรอกครับท่าน แต่ไอ้หน้าขาว ๆ ของเฮียที่เคยทำให้ลืมตัวมาอยู่ในระยะประชิดนี่ต่างหาก..หัวใจจะวาย!!
"แล้วมานั่งทำอะไรเงียบ ๆ ตรงนี้ล่ะ ไหนบอกมาเตรียมที่นอนให้ ไม่เห็นจะมีเสียงอะไรขยับ" วายุทำหน้ายุ่ง เพราะมันจริงอย่างที่โดนกล่าวหา มัวแต่นั่งทำอารมณ์ศิลปินเพลินไปหน่อย ไม่ได้ขยับไปไหนซักทาง ผ้าห่มกับหมอนยังอยู่ในอ้อมแขนเหมือนเดิม
"ผมเพิ่งได้กลับมาบ้าน หลังจากเสร็จงาน ก็เลย..." ยังพูดไม่ทันจบ ฝ่ามือของเฮียก็วางลงบนหัว แล้วจับโยกไปมา เหมือนย้อนไปยังตอนที่เป็นเด็ก วายุเหลือบมองเจ้าของฝ่ามือเหมือนความอบอุ่นมันตื้นตันอยู่ในอกทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา
"แม่ษายังไม่ได้ไปไหนนี่ ยังอยู่กับเรา คอยมองดูเราอยู่ห่าง ๆ เข้าใจไหม?" นายตุลแกล้งขยี้มือไปมา จนเส้นผมของไอ้เจ้าไวไวดูยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่น สายตาที่จ้องมองกลับมาไม่ได้เป็นเด็กน้อยที่มองมาเหมือนก่อน แต่อะไรบางอย่างในแววตาทำให้ต้องหดมือกลับมาอย่างรวดเร็ว
เพราะญาติทางสายเลือดเพียงคนเดียวเสียไปแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นวายุก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก แม้ว่าจะมีครอบครัวของเฮียตุนคอยโอบอุ้ม แต่ความรักของคนเรา..ไม่เหมือนกัน และไม่มีใครที่จะสามารถมาทดแทนใครได้ เหงาก็ต้องทำใจ คิดถึงก็ทำได้แค่แหงนหน้ามองฟ้า ไม่กล้าจะเข้าไปหาใคร กลัวจะโดนรำคาญ..แต่กับคนตรงหน้า..
"เฮีย...ขอกอดทีได้ไหม..?" คำถามที่ได้ยินทำเอาไอ้คุณเฮียหันมาทำตาโต จ้องหน้าเจ้าของคำถามเหมือนไม่เคยเห็น
หมับ!! ยังไม่ทันจะได้ตอบตกลง ไอ้เด็กโย่งมันก็โยนข้าวของที่นอนในอ้อมแขนตัวเองทิ้ง แล้วโผเข้ามาคว้าตัวเข้าไปกอด แถมยังซบหน้าลงมาอีก ทำเอาคนที่โดนกอดนั่งตัวแข็งไม่รู้ว่าจะเอามือไม้ไปวางไว้ที่ไหน เข้าใจว่าไอ้หมีไวไวมันอาจจะกำลังต้องการอ้อมแขนของใครบางคน แต่..คือ..มันตั้งตัวไม่ทันเว้ยเฮ้ย!!
"อะ..เอ่อ..ไวไว เฮีย..."
“เฮีย..ผมขออยู่กับเฮียตลอดไปได้ไหม ถ้าวันข้างหน้าเฮียมีครอบครัว ก็ให้ผมเป็นอะไรก็ได้ เป็นคนทำความสะอาดบ้าน เป็นคนทำอาหาร หรือจะให้ดูแลลูกของเฮีย ไอ้ไวไวก็จะทำ แต่...แต่ขอแค่เฮียอย่าไปไหนอีกเลยนะ” คำขอยาวเหยียด คนพูดยังคงซบหน้าอยู่ที่อกไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา เลยไม่ทันได้เห็นว่าสีหน้าคนฟังเป็นแบบไหน
...
’อย่าไปไหนอีก’ งั้นเหรอ มันคงจะหมายถึงตอนเด็ก ๆ ตอนที่นายแม่แต่งงานใหม่ แล้วย้ายออกไปจากที่นี่ นึกถึงสายตาของเด็กชายวัย 6-7 ขวบ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่ยืนมองรถของเฮียมันที่เคยเดินตามก้น เคลื่อนออกไปไกลสุดสายตา แล้วจากนั้นไอ้เฮียตุลใจร้ายมันก็ไม่เคยที่จะกลับมาเยี่ยมน้องซักครั้ง จนได้มาเจอกันอีกครั้งตอนที่ไม่เหลือใครซักคนข้างกาย
“อย่าตามติดเฮียให้มากนักเลย ซักวันเราเองก็ต้องมีครอบครัวของตัวเองไม่ใช่รึไง..?” นายตุลตบที่หลังเบา ๆ ไอ้เด็กโย่งตัวโตก็ยังคงกอดไม่ยอมปล่อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตอนที่พูดประโยคเมื่อกี้ออกไป ทำไมในใจมันถึงรู้สึกโหวงเหวงแปลก ๆ
“เฮียคือครอบครัวของผม เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ผม....อุ๊บ!!” ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ฝ่ามือของคนฟังก็เอื้อมมาปิดปากเอาไว้ ส่วนคนพูดเองมันก็ยังไม่เข้าใจตัวเองกับสิ่งที่เพิ่งจะหลุดปากพูดออกไปเมื่อครู่
“รู้ตัวไหม ว่ากำลังพูดอะไร เข้าใจรึป่าว!!?” สีหน้าของเฮียตุนเหมือนคนกำลังตกใจ มือยังคงอุดปากเอาไว้ไม่ให้พูดต่อ เหมือนกับว่ากำลังกลัวว่าตัวเองจะได้ยินอะไร ตอนที่ในใจกำลังสับสน และไอ้คนพูดเองมันก็ไม่รู้ตัว
“อ๊ม อ้อ โอ๊ด” เสียงอู้อี้ที่จับใจความได้ว่าเป็นคำขอโทษขอโพย แต่ปลายจมูกกับริมฝีปากที่จงใจกดลงกลางฝ่ามือ ทำให้นายตุลต้องรีบดึงมือตัวเองออก ในใจของตัวเองมันกำลังสั่น จนไม่กล้าจะหันกลับไปมองหน้าอีกคน ความรู้สึกสับสนกำลังตีกันให้วุ่นแข่งกับเสียงเต้นของหัวใจ
ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นแค่ไอ้เด็กไวไวแท้ ๆ ทำไมต้องไปรู้สึกแปลก ๆ แบบนั้นด้วย แค่คิดก็จำต้องรีบก้าวขาออกมาจากในห้อง แค่อยากจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก เผื่อว่าจะคิดอะไรออกมาได้บ้าง ที่ผ่านมานายตุลคนนี้ไม่เคยให้ใครเข้ามาใกล้หัวใจเกินความจำเป็น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พอได้รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย จำต้องเป็นคนที่ถอยห่างออกมาเสียเอง เหมือนกับว่ากลัว...กลัวที่จะสูญเสียความเป็นตัวเองไป
“เฮีย...ผมขอโทษ จะไม่ทำแบบนั้นอีก อย่าโกรธผมเลยนะ” วายุที่เดินตามมาเงียบ ๆ เหลือบมองแผ่นหลังของอีกคนอย่างอาลัย ในใจกำลังกังวล กลัวว่าจะไปทำให้โกรธ กลัวว่าจะไม่ได้พูดคุยเหมือนเดิมอีก กลัว...กลัวว่ารอยยิ้มที่อยากเห็นจะหายไป
“...อย่าทำแบบนั้นกับใครอีก ถ้ายังไม่เข้าใจความหมายของมัน” ไอ้หมีไวไวที่ยืนมองพื้นพยักหน้าหงึก ทำเอาคนมองแอบถอนหายใจออกมายาวเหยียด ...ไม่ว่ายังไงก็ตามไอ้หมีโย่งตรงหน้ามันก็ยังเป็นเด็ก คงทำไปเพราะอยากจะอ้อน หรือไม่ก็คิดถึงแม่ษาอะไรแบบนั้น
“เฮีย...” นายตุลเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่เอ่ยปากเรียกชื่อตัวเอง แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาได้แต่ยืนนิ่ง จ้องมองมาด้วยแววตาที่ยากจะอธิบายได้
“ไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว เฮียจะไปกราบแม่ษาหน่อย” ไอ้เด็กโย่งยังคงยืนจ้องมองมา แต่ไม่พูดอะไร เหมือนมันมีอะไรติดอยู่ที่ปากทำให้พูดออกมาไม่ได้ คนที่บอกจะไปกราบเจ้าของบ้านก็เลยรีบชิ่งด้วยการหมุนตัวกลับหลังแล้วเดินหนีมาทันที
วายุยังคงยืนมองตามแผ่นหลังของไอ้คุณเฮียจนกระทั่งเดินหายไปอีกห้อง ก่อนที่จะระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด อยากจะพูดสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในอก แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่เพราะไม่มั่นใจต่างหาก ว่าพูดออกมาแล้วคนฟังจะรับมันได้...กลิ่นหอมของสบู่อ่อน ๆ ยังติดอยู่ปลายจมูก กลิ่นของคนที่คิดถึงและเฝ้ารอมาตลอดโดยไม่รู้ตัว
นายตุลก้าวขายาว ๆ ออกมายังห้องรับแขก ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกก่นด่าตัวต้นเหตุอย่างไอ้เด็กโย่งอยู่ในใจ เพราะมันคนเดียวถึงต้องหนีออกมาหัวซุกหัวซุนขนาดนี้ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นรูปของแม่ษาที่วางอยู่บนหิ้ง ถึงได้สาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วยกมือไหว้เจ้าของบ้านใจดีคนก่อน
แกร๊ก!!!
ยังไม่ทันจะได้อธิฐานหรือกราบไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทาง เผื่อเวลาพักผ่อนจะได้ไม่ต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ มารบกวน เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่ข้างนอกประตูบ้าน ทำให้นายตุลต้องหรี่ตามองออกไป แต่เพราะข้างนอกมันมืดสนิทก็เลยเดาไม่ออก ว่าเสียงที่ได้ยินอาจจะเป็นแค่ลมพัดจนอะไรบางอย่างแถวนั้นขยับก็เป็นได้
ด้วยความที่อยากรู้อะไรแล้วต้องได้รู้จนมันติดเป็นนิสัย หลังจากที่ยกมือไหว้กราบแม่ษาเสร็จเรียบร้อย นายตุลก็เลยค่อย ๆ ย่องออกไปดูที่หน้าบ้าน เพื่อความปลอดภัยต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าไม่ได้คิดไปเอง และไม่ใช่ขโมยที่แอบย่องขึ้นมาบนบ้าน
หมับ!!!
“จ๊ากกกก!!” สัมผัสตรงไหล่ทำให้ตวัดศอกไปข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ แล้วปล่อยหมัดตามไปอีกที
พลั่ก!!!
“โอ๊ย...ผมเองเฮีย เจ็บนะ!!” โดนเป้าหมายเต็ม ๆ ครับพี่น้อง ที่มุมปากไอ้หมีไวไวบัดนี้แตกจนเลือดซิบ แถมยืนตัวงอเป็นกุ้งเนื่องจากโดนสอยพุงไปอีกทีแบบไม่มียั้ง ถึงขั้นร้องครางหงิง ๆ
“ไอ้เด็กเวร!! ใครใช้ให้มาแบบเงียบ ๆ ล่ะโว้ย!!!”
“ก็ผมเห็นเฮียทำอะไรไม่รู้ ก็เลยเดินมาดู เจ็บอ่ะเฮีย” วายุบอกเสียงเบาเนื่องจากขยับปากมากไม่ได้ กลิ่นคาวกับรสปะแล่ม ๆ ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าได้เลือด ใครจะไปรู้ว่าเวลาตกใจไอ้คุณเฮียจะโหดได้ขนาดนี้ ดีนะไม่จระเข้ฟาดหางใส่มาอีกดอก ไม่งั้นไอ้ไวไวคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแหง ๆ
“ปากแตกนะซิ ไม่มีอะไรประคบซะด้วย หรือจะย้ายไปค้างบ้านยายกันดี!!?” ไอ้คุณเฮียโหดชะโงกหน้าเข้ามาดูผลงานตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา แม้จะเจ็บปาก แต่วายุก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ ขืนไปตอนนี้โอกาสที่จะได้อ้อนก็หมดกันนะซิ
“ไม่ไป..แต่เจ็บอ่ะเฮีย เป่าให้หน่อยนะ..นะ..” คนที่เป็นตัวต้นเหตุแทบจะยกมือมะเหงกกะโหลกแทนคำขอ ตัวมันก็ไม่ใช่เล็ก ทำมาอ้อนยังกับตัวเองตอนอายุสี่ห้าขวบ แล้วไอ้สถานที่ที่ให้เป่า ปากมันไม่ใช่เรอะนั่น!!! ไอ้เด็กเวร!!!
“ไม่ใช่อาจารย์หมอผีจากสำนักไหนนะโว้ย ที่แค่เป่าก็หายเป็นปลิดทิ้ง ว่าแต่...เมื่อกี้มันอะไร!!?” ต้องรีบเบนความสนใจไปเป็นเรื่องอื่น เรื่องที่ยังติดใจว่าเสียงที่ตัวเองได้ยินก่อนจะหันไปชกปากไอ้หมีขี้แกล้ง แต่พอชะโงกหน้าไปมองอีกครั้ง ก็ไม่เห็นเงาอะไรซักอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก
“ลมพัดล่ะมั้ง หรือไม่ก็...” วายุจงใจหยุดพูดแค่นั้น ทำเอาไอ้คุณเฮียที่กำลังสนใจเหม่อมองออกไปข้างนอกหันขวับกลับมามอง
“ก็...ก็มันอะไรล่ะวะ อย่ามาทำให้กลัวนะเว้ย..ยาก!!!” อ่ะโธ่!!! อยู่บ้านคนเดียวมาจนชิน ก็แค่บ้านหลังนี้มันเงียบกริบ ไม่มีทีวี ตู้เย็น หรือวิทยุ มีแค่ไฟฟ้าส่องสว่าง แล้วก็มีเจ้าของบ้านใจดีคนก่อนที่ตอนนี้อยู่บนสวรรค์ แล้วข้างนอกก็มืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร ยากเหอะ!!ที่จะไม่กลัวเว้ยเฮ้ย!!
“ไม่เอาดีกว่า ถ้าผมพูดไป กลัวว่าเฮียจะนอนไม่หลับนะซิ” วายุยกมือลูบแขนตัวเอง พลางแกล้งทำท่าสยดสยองจนขนลุกขนพอง แล้วเหล่มองไปหน้าบ้านเหมือนหวาดระแวงอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น พอเหลือบมองไปทางไอ้คุณเฮียโหดอีกที โดดเข้าไปยืนแอบอยู่ตรงมุมเสาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“พอ ๆ ไม่ต้องเล่าไม่อยากรู้แล้ว!!” พอรู้ตัวว่าเสียฟอร์ม นายตุลก็รีบเดินหนีเข้าไปในบ้าน ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่สนใจอยากรู้อยากเห็นแล้ว
“คืนนี้เฮียนอนที่ห้องผมเลยนะ เดี๋ยวผมไปนอนที่ห้องแม่ก็ได้” เท่านั้นแหละ คนที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องหันกลับมามองทันที
“คิดจะหนีไปนอนเตียงกว้าง ๆ ของแม่ษาคนเดียวอ่ะดิ!!” วายุรีบส่ายหน้ารัว แกล้งทำหน้าซื่อกลบเกลื่อนรอยยิ้มที่อะไร ๆ มันเริ่มเข้าแผนการที่วางไว้ในใจได้ไม่ยาก
“หรือเฮียจะไปนอนห้องแม่ก็ได้ เดี๋ยวผมนอนที่ห้องนั้นเอง..”
“ดีมาก!!” อ้าว..ซะงั้น ไอ้ไวไวเกิดอาการเหมือนทำฟลาวส์ในสนามแข่ง ทำได้แค่เดินคอตกตามหลังไอ้คุณเฮียเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง หวังจะไปช่วยย้ายหมอนกับผ้าห่มไปที่ห้องใหญ่ของแม่ แต่พอเข้าไปถึง ไอ้คุณเฮียที่ตกลงใจจะไปนอนอีกห้อง กลับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงซะอย่างงั้น
“อ้าว...เฮียไม่ไปนอนห้องแม่เหรอ เดี๋ยวผมช่วยย้ายของให้” พอจะเอื้อมมือไปคว้าผ้าห่ม ไอ้คุณเฮียก็ขยับไปจนตัวชิดฝาผนังห้อง แล้วตบมือตรงที่ว่างที่ยังคงเหลือให้พอนอน....ตะแคงข้างได้
“อย่าเรื่องมาก นอนมันด้วยกันที่นี่แหละ มาเร็ว ๆ เอาหมอนมา” ไอ้คุณเฮียบอกอีกรอบ พร้อมกับถอดแว่นไปวางไว้บนหัวเตียง
ถึงขั้นอึ้งซิครับ ไอ้หมีไวไวทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากจะโดดพรวดลงไปนอน แต่อีกใจก็กลัวว่าเกิดเฮียแกละเมอเหมือนวันนั้นขึ้นมาอีก จะไม่กลิ้งตกเตียงลงมาเอวเคล็ดหรอกรึ แต่..โอกาสทองเยี่ยงนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปก็โง่เต็มที เอาวะ!! ถือว่าคุ้มค่ากับการปากแตกในครั้งนี้
“เฮียอย่าละเมอถีบผมตกเตียงอีกนะ” วายุยังคงนั่งกอดหมอนอยู่ที่ขอบเตียง พร้อมกับเหล่ตามองไปทางคนที่นอนก่อนอย่างไม่ไว้ใจ จะนอนที่พื้นกระดานห้องก็ยังไงอยู่ มีเวลามาปัดกวาดเช็ดถูซะที่ไหน
“หึ หึ ก็ไม่แน่ ระวังตัวเอาไว้ก็แล้วกัน!!” เวรกรรม!!! เป็นคำราตรีสวัสดิ์ที่ดีมากเหอะ!! มีเฮียกับเค้าอยู่คน ก็มือหนักเท้าหนักเหลือเกิน จะขยับมากก็ไม่ได้ เพราะเตียงห้องนี้มันเป็นเตียงเดี่ยวสำหรับนอนคนเดียว แล้วดูตอนนี้...ผู้ชายตัวโตเกือบจะพอ ๆ กันสองคนลงมานอนเบียดกันอยู่
วายุค่อย ๆ พลิกตัวหันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลังตอนที่ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายจมอยู่ในห้วงของความฝันไปแล้ว ใบหน้าที่ไร้กรอบแว่นกำลังหลับสนิทโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ในระยะประชิดขนาดนี้ ก่อนที่จะแกล้งทำเนียนขยับตัวเข้าไปใกล้โดยไม่ทำให้คนหลับรู้ตัวตื่นขึ้นมาปล่อยหมัดปล่อยแข้งใส่ พอกะระยะได้ วายุก็สอดแขนตัวเองวางไว้บนหัว นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาไอ้คุณเฮียได้สำเร็จ
ขวับ!!!
“อุ๊บ!!” ไอ้ไวไว คิดว่าจะตายเสียแล้วครับท่าน ก็จู่ ๆ ไอ้คุณเฮียดันพลิกตัวกลับมา แล้วยกขาขึ้นมาเกี่ยวเอวกระผมเอาไว้เยี่ยงเป็นหมอนข้าง ได้ยินเสียงพึมพำ แล้วจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะเงียบปกติ ...คนที่ยังคงลืมตาโพลงในความมืดเพราะเกรงจะโดนยันตกเตียงนี่ดิ ยังคงนอนเกร็งตัวตรงไม่กล้าขยับเขยื้อนกาย...
.....เมื่อยแทบตายเถอะครับท่าน แต่กระผมก็ไม่อยากให้ตอนเช้ามาถึงเร็ว ๆ เลยเหอะ ให้ตายซิ!!
=====================
ไอ้คุณเฮียก็เนียนเนอะ (กลัวผีก็ไม่บอกน้องมันไปตรง ๆ )
ว่าแต่...คำคาดเดาของแต่ล่ะท่าน...ช่าง....มองเห็นภาพกันเลยทีเดียว ว่าคิดอะไรกันอยู่ 
(คนเขียนก็แอบหวังบ้างนิดหน่อย กร๊ากกกกก)
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน
ในที่สุดก็อยู่ข้างใจ(แล้วมั้ง) 5555
มาถึงตอนนี้ทุกคนรู้ความหมายของชื่อเรื่องกันยัง คึคึ
แอบกอด
ทุกคนก่อนวิ่งจากไป คึคึ