บทที่ 5.
เดินกลับเข้ามาในห้องตัวเอง ยังไม่ทันจะได้ย่อตัวลงนั่งด้วยความที่เหนื่อยวิ่งวุ่นมาทั้งวัน เจ้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็สั่นเป็นเจ้าเข้า เจ้าของมันถอนหายใจออกมายาวเหยียด จะเป็นใครไปได้อีก เดาเอาว่าคงจะโทรมาถามความเรื่องวันนี้แน่ๆ
"ครับแม่"
"เรื่องที่ทำ เรียบร้อยดีไหมตุล" แทนที่จะถามก่อนว่าลูกชายนายแม่เหนื่อยแค่ไหน กับการจัดห้อง เลือกเฟอร์นิเจอร์ ย้ายของในบ้านตัวเองทั้งวัน เฮ่อ...!! สรุปว่าบ้านนี้ใครเป็นเจ้าของ และใครเป็นลูกชายนายแม่กันแน่
"เรียบร้อยดีทุกอย่างครับ ก็ลูกชายแม่มันเก่ง" นายตุลทำเป็นคุยอวด ทั้งที่กำลังทิ้งตัวลงไปนอนแผ่บนเตียงด้วยความปวดเมื่อย และเหนื่อยจนตาแทบจะปิด เนื่องจากนานๆจะได้ออกแรงที ยังดีที่มีคนจากร้านเฟอร์นิเจอร์ของไอ้คุณเพื่อนมาช่วยอีกแรง ไม่งั้นวันนี้ทั้งวันคนเดียวไม่มีทางจัดห้องได้ทันเวลาแน่
"อืม..ดีมาก แล้วน้องเป็นยังไงบ้างล่ะ" อยากจะตอบไปว่า มันกำลังจิตตกเพราะใบแจ้งหนี้ปลอมๆที่ให้ไป แต่ก็กลัวจะโดนด่า
"ป่านนี้คงกำลังกรอกใบสมัครงานอยู่ล่ะมั้ง เออ...ผมบอกไปว่าทั้งห้อง ทั้งของเป็นฝีมือยัยมีนา บอกเจ้าตัวให้รับมุขด้วยนะ"
"อ้าว..ทำไมไม่บอกไปล่ะว่าลูกทำเองทั้งหมดน่ะ" นายแม่ถามกลับมาอย่างอดสงสัยไม่ได้ ทั้งที่วันนี้ทั้งวันลูกสาวคนเล็กติดงานอยู่ที่โรงแรมจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลห้องให้น้องมันที่บ้านพี่ชายตัวเอง
"ไอ้ไวไวมันดื้อจะตาย ขืนให้รู้ว่าผมทำให้มันคงยืนยันว่าจะไม่รับแน่ๆ" คนเป็นแม่ฟังเสียงถอนหายใจของลูกชายแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เห็นด้วยที่ว่าหลานชายคนนี้ดื้อสุดๆ แต่ทุกครั้งที่ยกเฮียมันมาขู่ ไอ้เจ้าหลานดื้อมันก็จะยอมให้ทุกครั้งไป ขนาดเรื่องที่จะย้ายออกไปอยู่หอ พอบอกว่าจะให้มาอยู่กับเฮียตุลยังไม่อิดออดซักคำ
"อืม..แล้วแม่จะบอกมีนาให้ ว่างๆลูกก็พาน้องกลับมากินข้าวที่บ้านบ้างนะ" นายแม่รับคำเสร็จสรรพ
"ครับๆ แล้วผมจะพาไป"
หลังจากกดวางโทรศัพท์ นายตุลก็ยังคงนอนแผ่อยู่บนเตียงพลางกลอกตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยชั้นว่างเปล่า ที่ขนมาจากห้องข้างๆ ส่วนหนังสือยังกองแยกกันอยู่บนพื้น เพิ่งจะจัดห้องให้คนอื่นเสร็จ ห้องตัวเองคงต้องเอาไว้ก่อน คิดไปคิดมาด้วยความที่เหนื่อยอ่อน เปลือกตาก็เลยปิดไปทั้งอย่างงั้น
.
.
.
สนามหญ้าเล็กๆหน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง จำได้ว่าเคยมาวิ่งเล่นกับน้องสาวบ่อยๆ ตอนที่แม่ไม่อยู่บ้านออกไปทำงาน บ้านที่อยู่ติดกันเป็นบ้านของอาจารย์ใจดีที่ชอบทำขนมให้กิน และมีลูกชายหนึ่งคนหน้าตาน่ารัก ถ้านับจากอายุเจ้าเด็กนั่นก็เป็นเหมือนน้องเล็กที่มักจะโดนพี่ๆแกล้งอยู่เสมอ ทั้งดึงแก้ม จับผูกจุก แต่เจ้าตัวก็ยังคงยิ้มแก้มป่อง แก้มใสนุ่มนิ่มที่ใครเห็นก็ต้องแกล้งหยิก และก้มลงไปฟัดแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
นายตุลเอื้อมมือออกไปอย่างลืมตัว คว้าเอาไหล่เด็กน้อยตรงหน้าที่กำลังนั่งหันหลังให้เอาไว้ได้ในคราวนี้ กลิ่นแป้งเด็กหอมฟุ้งติดจมูก จนอยากจะก้มลงไปฟัดแก้มนุ่มนิ่มอย่างที่ใจหวัง ไม่ทันไรเจ้าตัวก็หันหน้ากลับมา รอยยิ้มไร้เดียงสาที่ทำเอาคนมองเผลอยิ้มตาม แต่พอจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเนียน ไหล่เล็กที่จับอยู่ก็กลับกลายเป็นกล้ามเนื้อแน่น เหมือนไม่ใช่ไหล่เล็กของเด็กน้อยคนเดิม คนที่กำลังยื่นหน้าเข้าไปกลับชะงักเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย แล้วดวงตาทั้งคู่ก็จำต้องเบิกกว้าง เมื่อได้เห็นเจ้าของใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นเต็มตาเป็นครั้งแรก!!!!
"เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!"
ปัง ปัง เสียงทุบประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนที่ไอ้คนข้างนอกมันจะดันตัวเข้ามาเนื่องจากเจ้าของห้องไม่เคยล็อคประตูห้องด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียวมาจนชิน
"เฮีย!!! เฮียเป็นไรอ่ะ?" เป็นไอ้หมีไวไวที่โดดเข้ามาทีเดียวถึงตัวเจ้าของห้องที่ยังนั่งทำหน้าตาตื่นตระหนกอยู่บนเตียง สายตาที่จับจ้องมองมาเหมือนคนที่กำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
"ไอ้ไวไว...ไอ้เด็กเวร!!!" คนที่สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมานั่งหอบหายใจ กำลังหงุดหงิดเต็มพิกัดเนื่องจากความฝันเมื่อกี้ ฝันบ้าบอคอแตกสิ้นดี อย่าบอกเชียวนะว่า เด็กเวรที่มาหลอกหลอนในความฝันบ่อยๆมันจะเป็น...!!! เป็นไปไม่ได้หรอกโว้ย!! ไม่มีทาง และไม่มีทางแน่ๆ ก็มันต่างกันราวฟ้ากับเหวนรกเลยนี่หว่า!!
"อ้าว...นี่ผมอุตส่าห์รีบวิ่งมาให้โดนเฮียด่าซะงั้นเหรอ!!" คนที่กำลังทำอาหารเย็นรีบวิ่งมาตาเหลือก เพราะได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจ้าของบ้านดังลั่น นึกว่าลื่นล้มหัวฟาด หรือไม่ก็งานโดนไฟไหม้อะไรงี้ ที่ไหนได้ ดูจากสภาพ...น่าจะละเมอมากกว่าล่ะมั้ง แล้ว...ไอ้ไวไวมันเกี่ยวอะไรอ่ะครับ!!
"ไม่จริงอ่ะ แค่ฝันไปๆ" เสียงบ่นพึมพำของคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงฟังจับใจความได้แค่นั้น
"เฮียเป็นไรมากป่าว หรือจะไม่สบาย.." วายุยังคงนั่งมองคนบนเตียงอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
นายตุลยังคงนั่งจดจ้องใบหน้าของไอ้เด็กโย่งตรงหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด ถอดแว่นออกมาแล้วเอามือนวดระหว่างคิ้วเหมือนคนเครียดจัด กำลังบอกตัวเองว่าขอให้มันเป็นเพียงความฝัน ฝันที่ไม่มีมูลความจริง อาจเป็นเพราะวันนี้ทั้งวันอยู่กับข้าวของของไอ้หมีไวไวมันทั้งวันก็เลยเก็บเอาไปฝันบ้าๆ
"ไม่มีอะไร แค่ฝันไป" วายุยังคงเหลือบมองไอ้คุณเฮียอย่างแปลกใจ พอได้โอกาสเหลือบมองไปรอบห้อง ก็เพิ่งจะเห็นว่าชั้นหนังสือที่แต่ก่อนเคยอยู่อีกห้อง ถูกยกมากองรวมกันไว้ที่ห้องนี้จนหมด แถมหนังสือกับชั้นยังคงวางแยกกันอยู่
"เฮียยกหนังสือมาเก็บไว้ห้องนี้เอง งั้นหลังข้าวเย็น เดี๋ยวมาช่วยเก็บเข้าชั้นให้นะ" นายตุลเหลือบมองไปทางกองหนังสือแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมายาวเหยียด งานใหญ่อีกงานยังไม่เสร็จ แต่ก็ปวดไหล่จนต้องยกกำปั้นทุบไหล่นวดให้ตัวเอง
"ดีมาก กำลังขี้เกียจอยู่พอดี" ก็กว่าจะยกย้ายมาได้ เล่นเอาเสียเวลาไปทั้งวัน ตอนแรกจะเอาไว้ข้างนอกก็ไม่มีที่พอจะให้ตู้พวกนี้มันวางได้ แถมยังดูขัดหูขัดตาจนทนดูไม่ได้ ยกกลับมายัดให้ห้องจนได้
"ช่วงนี้ทางร้านของเรา มีบริการเสริมเป็นคอร์สนวดตัวให้ด้วย จะรับเพิ่มไหมครับ" ไอ้หมีไวไวมันทำเป็นดัดเสียงหล่อเลียนแบบโฆษณาในทีวีจนน่าเตะ แถมในมือยังถือทัพพีสำหรับทำอาหารอยู่อีกต่างหาก สงสัยคงจะรีบวิ่งเข้ามาตอนที่มันกำลังทำอาหารเย็นอยู่แน่ๆ
"ปากดี!! จัดหนังสือเสร็จก่อนเหอะ!!"
"โห่ยยย..คอยดูฝีมือไอ้ไวไวของเฮียเถอะนา!!" ไอ้เด็กโย่งบ่นพึมพำ ก่อนที่มันจะเดินออกไปจัดการอาหารเย็นที่ค้างไว้ให้เสร็จ แต่เจ้าของห้องยังคงนั่งนิ่ง เหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตามองตามแผ่นหลังของคนที่กำลังเดินออกไป
อาหารเย็นมื้อนั้นผ่านไปอย่างเงียบเชียบ เพราะเจ้าของบ้านตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องท่ามกลางสายตามึนงงของผู้อาศัย เหมือนกับว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปมันไม่เข้าไปกระทบโสตประสาทคนฟังก็เลยจำต้องอยู่เงียบๆอย่างเจียมตัว จนเก็บล้างจานเสร็จถึงได้กลั้นใจเดินเข้าไปในห้องเจ้าของบ้านอีกรอบ เพื่อทำสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ให้สำเร็จ
“ไปมหาลัยเป็นไงบ้าง มีเพื่อนกับเค้าบ้างไหมเรานะ!?” ตอนที่วายุกำลังเก็บหนังสืออย่างเบามือที่สุดขึ้นชั้น เจ้าของห้องที่กำลังจัดหนังสืออยู่ชั้นถัดไปก็เอ่ยถามทำลายความเงียบ ทำเอาคนถูกถามหันมามองอย่างแปลกใจ
“มีเพื่อนสนิทที่ได้มาตอนไปรับน้องด้วยกันก็สองสามคน แต่จริงๆพวกก็รู้จักกันทั้งหมด” เฮียตุลพยักหน้า แต่ก็ยังทำเหมือนคิดอะไรอยู่ไม่เลิก
“ไปเฮฮากับเพื่อนบ้างก็ได้นะ เฮียไม่ว่าอะไรหรอก” วายุชะงักมือที่กำลังทำงาน หันมามองหน้าเจ้าของบ้านเต็มตา คนพูดยังคงตั้งหน้าตั้งตาจัดหนังสือโดยไม่หันมามอง
อาจเป็นเพราะ...บ้านหลังนี้เคยมีคนอาศัยอยู่เพียงลำพังแค่คนเดียว และอาจเป็นเพราะนั่นคือความตั้งใจของเฮียที่อยากจะอยู่เงียบ ๆ แต่ก็ดันมีไอ้ตัววุ่นวายเป็นใครบางคนเข้ามา ความรู้สึกดีใจลึก ๆ ตอนที่ได้ห้องของตัวเองตอนนี้มันกลับเลือนหายไปหมดเพียงเพราะคนฟังมันดันมองโลกในแง่ลบ
“ถ้าเฮียอยากอยู่เงียบๆผมจะไม่ทำเสียงดัง ถ้าเฮียรำคาญ ผมก็จะไม่มากวนใจ จะอยู่ในที่ที่เฮียอยากให้อยู่ แต่..แต่เฮียอย่าบอกว่าเบื่อไอ้ไวไวเลยนะ” นายตุลขมวดคิ้วเข้าหากันตอนที่ได้ยิน เดาเอาว่าไอ้เด็กโย่งตัวปัญหามันกำลังคิดเองเออเองในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว
“อะไร!!? เฮียกลัวว่าเราเองนั่นแหละ จะเบื่อเพราะมัวแต่เกรงใจ กุญแจบ้านก็ทำไว้ให้แล้ว!!” ไอ้ไวไวหันมาทำหน้างงใส่
“ผมจะเบื่อทำไมอ่ะ”
“ไม่มีเวลาที่ต้องสังสรรค์กับเพื่อนรึไง ตอนเย็นก็ตั้งวง หรือไม่ก็..จีบสาวอะไรแบบนี้” พอได้ยิน ไอ้เด็กโย่งมันหัวเราะลั่นบ้าน ด้วยความหมั่นไส้ก็เลยยกขาเตะมันไปที จะอารมณ์ดีอะไรนักหนาของมัน
“อย่างแรกเลยนะ ผมกินเหล้าไม่ได้ เมาแล้วหลับ ไปตั้งวงกับเพื่อนก็ทำนั่งกินแต่กับแกล้ม เพื่อนมันก็ด่าเอา แล้วอีกอย่าง..ผมไม่มีหญิงให้จีบอ่ะ ทั้งที่หล่อขั้นเทพขนาดนี้แท้ๆ” วายุทำเป็นเก๊กท่าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นนายแบบระดับเทพอย่างที่ตัวเองพูด แล้วก็ได้รางวัลเป็นหน้าแข้งของเฮีย ซัดเข้าที่ข้อพับ..ไม่เจ็บหรอก แต่ก็เล่นเอาล้มทั้งที่ยืนเก๊กอยู่นั่น
“สม!! หล่อตายเหอะ หน้ายังไม่ได้ครึ่งของเฮียเลยวะ!!”
“เฮียอ่ะ ชอบสกัดดาวรุ่งอยู่เรื่อย เกิดหน้าหล่อๆของผมกระทบกระเทือนขึ้นมา จะเอาอะไรหาเลี้ยง” นายตุลเหลือบมองอย่างหมั่นไส้ ทำท่าจะจัดให้อีกรอบ แต่ไอ้นายแบบหมีมันก็รู้ตัวทัน กระโดดหลบได้อย่างว่องไว
“จะเลี้ยงด้วยลำแข้งนี่แหละ มามะ ไอ้นายแบบ!!” ไอ้หมีไวไวกระโดดหลบลำแข้งของไอ้คุณเฮียที่เหมือนจะไม่ยอมออมมือให้เหมือนครั้งแรก ตอบโต้ ต่อต้านก็ไม่ได้ จำต้องยกธงขาวยอมแพ้ และยื่นคำขาด!!!
“ถ้าผมเดี้ยงไปล่ะก็ ไม่มีใครนวดให้เฮียนะ!!”
.
.
.
.
ก็นั่นแหละ”คำขาด”ที่ว่า กระผมไอ้ไวไวถึงต้องมานั่งนวดให้ไอ้คุณเฮียตอนที่จัดหนังสือเข้าชั้นเรียงเป็นระเบียบเสร็จสรรพ ยังดีที่ในกระเป๋ายังติดหลอดยาคลายกล้ามเนื้อมาด้วย เพราะตอนที่อยู่โรงเรียนเป็นนักกีฬาก็เลยต้องใช้มันบ่อยๆ ส่วนไอ้คุณเฮีย ตอนแรกก็นั่งให้นวดดีอยู่หรอก หลังๆสงสัยฝีมือการนวดจะดีมาก ก็เลยทิ้งตัวลงไปนอนสบายใจซะอย่างงั้น
“ดีไหมครับคุณผู้ชาย” ประชดครับ ประชดล้วนๆ ฝีมือดีขนาดนี้น่าไปเปิดร้านขายข้าว แล้วมีบริการนวดไหล่ให้ลูกค้าซะเลยดีไหม!!?
“เออ..ดีๆ ฝีมือใช้ได้ เดี๋ยวเฮียให้ติ๊ป” แหม...ไอ้คุณเฮียก็เนียนเล่นตามบทซะด้วยนะ แค่ไม่ไล่ตื้บแทนได้ติ๊ป กระผมก็พอใจมากแล้วเหอะ
“แล้วเฮียไปทำอะไรมา ถึงได้เส้นยึดขนาดนี้อ่ะ” วายุเหลือบมองคนที่กำลังนอนหลับตาสบายอารมณ์ แต่เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้
“ก็ย้ายของ...เอ่อ..พวกชั้นหนังสือนั่นแหละ” จะว่าไปถ้าจะย้ายห้องกันมากมาย ก็น่าจะรอให้กลับมาช่วยกันก็ได้ ไม่เห็นจะต้องทำเซอร์ไพรส์จนต้องเหนื่อยขนาดนี้เลย
“แก่แล้วนะเฮีย ทำอะไรเกรงใจสังขาร...เฮ้ย!!” จะอะไรซะอีก ก็เฮียแกเล่นตวัดขามาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เกือบจะต้องลงไปนอนวัดพื้นข้างเตียงอีกรอบแล้วไหมล่ะ..ไอ้คุณเฮียโหด!!
“ปากดี!! เดี๋ยวจะโดนไล่เตะอีกรอบ” ..ไอ้คุณเฮียส่งสายตาขู่ อย่างว่าแหละผู้สูงวัยมักอ่อนไหวเรื่องอายุ หึ หึ
“คร้าบ ๆ ผมกลัวแล้วคร้าบบบบ” วายุสงบปากสงบคำบริการนวดให้ไอ้คุณเฮียไปได้ซักพัก ถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายชักเงียบผิดปกติ ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ พอชะโงกหน้าไปมองถึงได้รู้ว่า ไอ้คุณเฮียโหดหลับลึกไปแล้ว
วายุค่อย ๆ บรรจงถอดแว่นออกจากใบหน้าคนหลับอย่างเบามือ ก่อนจะเคลื่อนตัวลงไปจากเตียงอย่างแผ่วเบา แล้วคลี่ผ้าห่มคลุมตัวให้ ไม่รู้ว่าสายตาของตัวเองไปหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าคนหลับตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งมองก็เหมือนอยากมองใกล้เข้าไปอีก ไม่รู้ตัวว่าขยับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จมูกชนเข้ากับแก้มของคนหลับไปแล้ว
เฮือกกกกกกกกก....ซวยแล้ววววววว ไอ้ไวไว เอ็งทำอะไรลงไป...ว้ากกกกกกกกกกกกกก
ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งกลับมาที่ห้องด้วยความเร็วเท่าไหร่แน่ ไม่รู้ว่าจะทำให้ใครบางคนตื่นจากฝันรึป่าว แต่เท่าที่ยังจำได้แม่นก็คือผิวเนื้อนุ่มๆอุ่นๆของคนที่กำลังนอนหลับ วายุทิ้งตัวลงนั่งอยู่ที่หน้าประตูห้องตัวเอง ก่อนจะยกมือสองข้างขยุ้มลงหัวอย่างสับสน หัวใจกำลังเต้นแรงเหมือนในอกมันจะระเบิด
“นี่มัน...อะไรกันวะ!!!???”
==================================
แอบกอด ผู้อ่านทุกท่าน