+ G A M E R L O V E R +
แฟนผมเป็นโอตาคุเกมครับ!
10
แกรก..แกรก..แกรก... นั่นคงจะเป็น...จังหวะการคลิก
แกรก..แกรก..แกรก..แกรก...แกรก..แกรก..แกรก...แกรก..แกรก..แกรก...แกรกๆๆๆๆๆ...... “ไอ้สัสโอ้ต!! มึงบอกให้พวกกูนอน...แล้วมึงจะรัวเม้าส์ทำซากอ้อยอะไรครับ!?!” สุดท้ายหน่วยกล้าตายก็ไม่ใช่ใครเลย นอกจากรุ่นพี่ใจดีติดอันดับท็อปทรีของบริษัทอย่างโจ้...ร่างสูงเปิดผ้าห่มขึ้นมาชี้หน้าอย่างหัวเสียโดยมีแบ็คอัพเป็นหนอนน้อยในถุงนอนทั้งสองที่ผงกหัวรัวๆเป็นตุ๊กตาเปะโกะจัง
คนถูกด่าเบือนตาคล้ำดำปื้นมาควับ ไฟจากมอนิเตอร์จับฉายเห็นเป็นเงาโค้งนูนชัดเจนจนดูน่ากลัวขึ้นมาทันตาเห็น
แต่แทนที่จะพูดด่าอะไรสักอย่าง เขากลับหันกลับไปเพ่งคอมพิวเตอร์ตามเดิม
หมับ! “พ-พี่โจ้ ผมว่าเรานอนต่อกันเถอะครับ"
“แค่เสียงรัวเม้าส์ผม..ผมทนได้ จะจินตนาการว่าเป็นเพลงกล่อมนอนเอา....”
“....พี่โอ้ตอดนอนแล้วหน้าหลอนสัส....”
“ใจเย็นๆไว้หนุ่มๆ"
โจ้พูดทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวไม่ได้แพ้กัน แต่ก็ยังจำทนปลอบขวัญน้องรักทั้งสองเรียกสติ
“นอนไปเหอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง"
..คำพูดของอีกฝ่าย..ไว้ใจได้เสมอ.. ร่างสูงลุกขึ้นจากผ้านวมผืนใหญ่ที่หอบมาเก็บไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้เพื่อเดินตรงมายังโต๊ะทำงานของเพื่อนรัก ชะเง้อหน้ามองก็ไม่เห็นจะได้แก้อะไรมากเกินไปกว่าจุดเดิมๆซ้ำๆกลับไปกลับมา แถมท่าทางคนทำจะดูไม่เต็มเต็งยิ่งรู้สึกประหลาดขึ้นมาจับใจ เท่าที่จำความได้...ต่อให้ข้าวโอ้ตเหนื่อยเพลียอดนอนมากแค่ไหนก็ไม่เห็นประสิทธิภาพในการทำงานจะตกต่ำลงเท่านี้...
...หรือบางทีเรื่องที่เขาควรกังวลไม่ใช่เรื่องเสียงรัวเมาส์เมื่อครู่..
...ที่น่าหนักใจที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องสุขภาพจิตสุขภาพร่างกายของคนๆนี้เสียล่ะไม่ว่า...
“...กูว่า...มันถึงเวลาแล้วล่ะที่มึงจะลาพักร้อน" กึก คำพูดที่ดูเหมือนไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนั้นทำเอาจังหวะการคลิกเม้าส์ชะงักลงไป คนฟังเงยหน้ามอง
“หา?”
“มึงอาการหนักแล้ว กูว่ามึงน่าจะหาเวลาไปโรงพยาบาลนะ...ถ้าจู่ๆป่วยหนักไปมันจะยุ่ง"
“กู...ไม่ได้ป่วย" โจ้กระพริบตาปริบๆ "เสียงมึงเมามาก เมาดิบป่ะวะ"
“เมาเหี้ยอะไร? กูทำงาน....”
“พอเลยมึง คืนนี้พอก่อนเลยมึง งานไม่ได้เร่งเหี้ยอะไรนักหนา...ไปนอนเลยสัส โซฟารอมึงอยู่แล้ว"
ไม่พูดเปล่าขยับตัวดันเก้าอี้อีกคนให้เลื่อนหลบไป แล้วถือวิสาสะกดออกเซฟงานปิดคอมให้เรียบร้อยโรงเรียนโจโจ้วิทยา โชคดีที่เพื่อนรักอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วการลากไปหาที่บรรทมนี้เลยดูจะไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่ ซึ่งข้าวโอ้ตเองก็ไม่ได้ขัดขืน ขึ้นไปนอนห่มผ้าดิบดีไม่มีบ่นสักคำ
เมื่อเห็นว่าสภาพการณ์ดีขึ้นแล้ว ตีสี่และทุกคนพร้อมนอน...ท้ายสุดคือการปิดไฟให้เรียบวุธ แล้วเอนหลังลงบ้าง
“โจ้" ยังไม่ทันที่แผ่นหลังกว้างจะถึงพื้น คนนอนบนโซฟาก็ทักมาก่อน
“หืม?”
คนจะพูดเงียบไปสักพัก
"….ไม่มี..อะไร" นั่นยิ่งสร้างความข้องใจให้ทั้งสามคนที่เหลืออยู่นัก แต่สองรุ่นน้องเองก็รู้ตัวว่าไม่ใช่กงการอะไรที่จะไปยุ่งกับพี่ เลยมีสิทธิแค่สะกิดให้คนข้างตัวถามต่อ ซึ่งโจ้ก็น้อมรับความไว้วางใจนั้นไว้
“มีไรป่ะวะ?...2-3วันมานี่มึงแปลกๆนะ?”
….ไม่มีเสียงตอบรับ... “ถ้าเครียดมากๆ มึงจะหนีงานไปเล่นเกมบ้างก็ไม่มีใครเค้าว่ามึงหรอกไอ้สัส" ฉึก..! เหมือนศรแทงลงกลางใจ คู่สนทนาอึกอัก..แต่ก็ตอบ
“...กูยังไม่พร้อม" “พร้อมอะไร?”
“.....เกม และ.....หลายๆเรื่อง" โจ้ไม่ใช่คนโง่ แล้วจากสถานการณ์ดังกล่าวหลักการวิเคราะห์ก็แล่นปรู๊ดปร๊าดเข้ามาในสมอง
...พอปะติดปะต่อเรื่องกันได้ก็เห็นจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกินไปกว่า...
“....น้องกอล์ฟเค้าทิ้งมึงไปแล้วอ่ะดิเงี้ย....?” พรวด!! คำนั้นทำให้คนที่เหมือนจะซังกะตายจนถึงเมื่อครู่สะดุ้งพรวดเด้งขึ้นมาได้ทัน แน่นอนว่าอีกสองคนที่แอบฟังอยู่ก็หันมามองด้วยความสนใจใครรู่คือกัน
คนพูดยักคิ้วรู้ทัน แล้วพูดต่อไม่ให้เสียเวลา "ถ้าเผลอด่าอะไรแรงๆออกไปแล้วสำนึกผิด...ก็ขอโทษไปดิวะ เบอร์ก็มี ไลน์ก็มี...ทิ้งไว้นานๆเดี๋ยวเสียเพื่อนเล่นเกมไปหรอกมึง.....กูไม่เล่นกับมึงด้วยนะเอ้อ"
“............ก็ดีสิ..” “ห๊ะ?”
“กูบอกว่า...ถ้าทะเลาะกันอย่างที่มึงว่าจริงๆก็ดีน่ะสิ!!!” “หา!?!”
“โอ้ย! กูไม่คิดแล้วว้อยสัส!!"
“เหี้ยไรมึงเนี่ย?"
“ปล่อยกูไปเหอะ!”
...กูสับสนทางเพศ!!!
…..จ้างสิบล้าน...ก็ไม่พูดหรอกว้อย!!! ข้าวโอ้ตพลิกตัวซ่อนใต้ผ้าห่ม รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆทันทีที่คิดคำนั้น...ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนออกเพื่อระบายความเครียด แต่เห็นจะไม่ได้อะไรมากเกินไปกว่าอาการอึดอัดในอกที่บังเกิดจากความตื่นเต้นแบบนี้
พอหลับตา ไอ้ความทรงจำเมื่อสามวันที่แล้วก็ลอยมาจากขั้วโลกไหนไม่รู้...แถมยังจดจำได้ดีทุกกระเบียดนิ้วชนิดที่ว่าทุกการขยับของริมฝีปากหยักนั่นด้วยซ้ำ น้ำเสียง คำพูด และท่าทางไหลย้อนมาเป็นภาพสโลว์โมชั่น...นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาหลับไม่ลง และเป็นบ้ามาถึงเวลาย่ำรุ่งปานนี้
'พี่โอ้ตจะฟังหรือไม่ฟังก็ไม่มีผลอะไรมากหรอกครับ เพราะยังไงซะ...ผมก็ชอบพี่อยู่ดี' คำที่ดูเหมือนจะรีรันหลายรอบมากที่สุดไหลเข้ามาในสมอง เป็นประโยคที่ทำให้เขาอึ้งไปไม่น้อย...และตอบอะไรออกไปไม่ได้มากเกินไปกว่า...
'ช-ชอบอะไรกันละเว้ยเฮ้ย...'
'…. 'คำรัก' นี่...พี่โอ้ตชอบฟังบ่อยๆงั้นเหรือครับ?'
..ความพยายามบ่ายเบี่ยงไร้ผลโดยสิ้นเชิง..
'มึงพูดอะไรวะไอ้กอล์ฟ กูไม่อยากฟังแล้ว กูไม่รู้เรื่อง...กูจะกินข้าว'
'พี่โอ้ต'
'กูไม่ฟัง กูเป็นเก๊าท์'
'เก๊าท์เกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับนั่น?'
'ไม่เกี่ยวแต่ก็จะเป็น ทำไม? มีปัญหาป่ะ? เงียบแล้วกินข้าว!'
'ถ้าผมเงียบแล้วกินข้าวพี่ก็จะยอมใช่มั้ยครับ?'
'ยอมอะไร?' ชายหนุ่มนึกเสียใจ และอยากจะกัดลิ้นตายตรงนั้น
เมื่อเห็นชัดเลยว่ารอยยิ้มกว้างๆนั่นไม่ได้มีความเสแสร้งเลยสักนิด
'….ให้ผมจีบพี่ได้มั้ยครับ?' ตูม..!! ยิ่งนึกทวนประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมากลับรู้สึกหายใจไม่ออกเอาดื้อๆ..ในอกปั่นป่วนอย่างเห็นได้ชัด...เบาโหวงบ้าง แน่นจนอึดอัดบ้างสลับกันไป...อุณหภูมิที่หน้าก็ขึ้นๆลงๆจนเหมือนจะไม่สบาย ชนิดที่ว่าถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้จะโทรเรียกรถพยาบาลให้รู้แล้วรู้รอด!
บางที.....
...ไอ้การที่เขายังคิดถึงภาพเดิมๆแบบนั้นมันโคตรจะ..งี่เง่า..เลยว่ะครับ!!!+ G A M E R L O V E R +
...บอกไปแล้ว...
…และ...ขาดการติดต่อไปสามวันเต็มๆ... สิ่งแรกที่กอล์ฟทำหลังจากบิดขี้เกียจตอนเช้าคือการหยิบโทรศัพท์มือถือมาเช็คไลน์ แน่นอนว่ายังไม่มีข้อความอะไรอัพเดทหรือการติดต่ออะไรกลับมา ซึ่งนั่นไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่...คงเป็นเรื่องปกติ...
...แต่ผู้ชายชอบผู้ชายด้วยกันคงไม่ใช่เรื่องปกติเท่าไหร่
…..........มั้ง... เด็กหนุ่มวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม แล้วตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแต่งตัว
เขาไม่ได้ร้อนใจเท่าที่ควรเพราะรู้อยู่แล้วว่า สิ่งเดียวที่ความรักต้องการคือ 'เวลา' ...ดังนั้นการปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามได้คิดพิจารณาก่อนสักนิดมันก็ไม่ได้ลำบากอะไร เวลาทำให้เราได้ทบทวนเรื่องต่างๆ เหมือนที่เขาเองก็ได้ใช้เวลาสักพักก่อนจะตัดสินใจ...
รุกหนัก...แบบเมื่อวันก่อน...ซึ่งมาคิดได้ทีหลังว่ามันคงจะหนักไป...
เห็นแบบนี้เขาก็จีบใครไม่เป็นหรอกนะ ไม่รู้เทคนิคทำให้อีกฝ่ายใจสั่นหวั่นไหวด้วยซ้ำ เรื่องของหัวใจมันเหมือนเกมที่ไหน...แต่ถ้าจะบุกเห็นจะได้แต่ลูกตรงแบบนี้เนี่ยแหละ...
...อย่างไรคนที่เป็นฝ่ายทรมานกับการรอคือตัวเขาเอง ไม่ใช่อีกคน
…............มั้ง... มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ
..และ..เขาพร้อมจะรอ.. กอล์ฟรู้สึกขอบคุณตัวเองอย่างเหลือล้นที่เป็นคนใจเย็น(เกินพอดี) ดังนั้นเขาจึงใช้ชีวิตสามวันที่ผ่านมาได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน และรอการติดต่อกลับมาของอีกฝ่ายด้วยความสงบ...ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นรู้คงอยากตบหัวแล้วไล่ให้ไปเอาคำตอบตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนไปแล้ว อีกข้อดีของเขาคือไม่ค่อยได้สนทนาเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับใครนี่ล่ะ
แต่ก็อีกเหมือนกัน...ไม่มีใครที่จะใจเย็นไปได้ตลอด...
จากการพิจารณา...ข้าวโอ้ตเองก็ไม่ใช่คนที่แอนตี้เกย์หรืออะไรผิดเพศนั่นเท่าไหร่ ต่อให้ปากร้าย หัวโบราณ หรือเอาแต่ใจ..แต่เขาก็เคารพกับการตัดสินใจของแต่ละคนพอสมควร คือเรื่องของใครก็คือเรื่องของเขา...แต่ถ้าเรื่องของเขามันดันเกี่ยวกับเราด้วยเนี่ยก็...ไม่รู้เหมือนกัน
...เชื่อว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่รับรักอย่างเด็ดขาด ก็ไม่มีทางตัดพี่ตัดน้องกันเป็นแน่
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ฟันธงว่าตัวเองเป็นพวกรักร่วมเพศไปซะทีเดียว...แค่นานๆครั้งจะมีใครสักคนผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วสนิทสนมกันจนเกิดความหวั่นไหว...ในแบบที่ไม่ใช่เพียงเพื่อนผู้ชาย
ชอบก็คือชอบ
...ไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น... ที่ชิงพูดก่อนเพราะกังวล อีกฝ่ายก็อายุไม่น้อยนัก...เกิดแต่งงานแบบฉุกละฮุกเขาคงอกแตกตายทันทีที่ได้รับการ์ด
...เจอและจองไว้ก่อน...น่าจะได้เปรียบมากกว่า... ครืดดด ครืดดดดดดดด..... เสียงมือถือสั่นกระทบโต๊ะไม้อย่างดีดังทันทีที่เขาก้าวเท้าออกจากห้องน้ำ ร่างสูงไม่รีรอที่จะกระโจนมาดูหน้าจอโทรศัพท์....เบอร์ไม่คุ้นทำให้กำลังใจลดฮวบฮาบ เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจสั้นๆก่อนจะกดรับ
“สวัสดีครับ"
((น้องกอล์ฟ! น้องกอล์ฟใช่มั้ย? นี่พี่โจ้เองนะครับ จำได้มั้ย?))
..เอาล่ะ กำลังใจที่ไปนอนแน่นิ่งอยู่ก้นบ่อเมื่อครู่เต็มตื้นขึ้นมาแล้ว.. “ครับพี่โจ้ มีอะไรเหรอครับ?”
((พี่ไม่อ้อมค้อมนะ...ทะเลาะอะไรกับไอ้โอ้ตมันน่ะ?))
กึก.. นั่นทำให้คนฟังต้องกระพริบตาปริบๆ ไม่ใช่เพราะคำถามเจาะตรงกลางเป้าหรืออะไร...แต่ส่วนสำคัญมันอยู่ที่ว่า...
เขาไปทะเลาะกับคนๆนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ...?! “เปล่านี่ครับ ไม่ได้ทะเลาะ"
((อ้าว งั้นเหรอ...แล้วมันเป็นอะไรล่ะเนี่ย...))
“พี่โอ้ต..เป็นอะไรไปงั้นหรือครับ?”
((อ้อ เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆ เสียงเป็นห่วงเชียวนะแก))
ปลายสายหัวเราะร่วน และจากน้ำเสียงทีเล่นทีจริงนั่นคู่สนทนาเดาว่าคนๆนี้คงยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
((ก็ไม่มีอะไรหรอก เห็นมันเหม่อๆ...ปกติเครียดอะไรจะวิ่งไปอ้อนแกล่ะ เมื่อวานโปรเจคโดนล้มน่ะนะแต่ก็ไม่เห็นว่าจะอะไรเลย นอนเปื่อยทั้งวันแล้วเนี่ย....ตอนบ่ายๆเย็นๆเลยว่าจะลากมันไปเล่นเกมแก้เซ็งสักหน่อย ให้ชวนแกมันก็ไม่ชวนว่ะ เลยคิดว่าทะเลาะอะไรกัน....ปกติไอ้โอ้ตมีอะไรจะพ่นๆออกมาหมด ตอนนี้มันเงียบอย่างเดียวพี่เลยคิดว่าโทรถามกอล์ฟดีกว่า...))
...พี่โอ้ตไม่ได้เล่าที่เขาบอกชอบไปให้พี่โจ้ฟัง...?
...แถมยังทำตัวปากหนักไม่เข้ากับนิสัยซะอีก... ((เอ้อ ว่าแต่ พี่ไม่ได้กวนใช่มั้ย?))
“อ้อ" กอล์ฟเลิกคิดคนเดียวทันที "เปล่าครับ ไม่ได้กวน...ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ พวกพี่โจ้จะไปเซ็นทรัลกันกี่โมงล่ะครับ?”
((เอ...ไม่รู้เหมือนกันแหะ ถ้าพี่ตกลงเวลาได้แล้วจะโทรไปบอกล่ะกัน))
“เอ้อ พี่โจ้ครับ"
((ครับ?))
“...ถ้าพาพี่โอ้ตออกมาก็อย่าบอกนะครับว่าผมจะไป ไม่งั้นเค้าไม่ยอมมาแน่"
((หา? เฮ้? นั่นไง..ทะเลาะกันจริงด้วย)) น้ำเสียงคนพูดเหมือนจับผิดได้ ((ไม่ต้องห่วงนะกอล์ฟ โอ้ตมันสำนึกผิดแล้วล่ะ))
“มันไม่ใช่แบบนั้นครับพี่ พี่โอ้ตเค้า...ไม่ใช่คนผิด...”
((..? หรือน้องกอล์ฟไปทำอะไรไว้?))
“เปล่าครับพี่ เรื่องนี้มันไม่มีคนผิดหรอก...แค่แบบ..
เอ้อ...ยังปรับความเข้าใจกันไม่ได้"
((…..เอ็งพูดเหมือนสามีภรรยาเพิ่งแต่งงานแล้วทะเลาะกันเลยว่ะ ฮ่าๆๆ))
.
..ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็ดีน่ะสิครับ อย่างน้อยก็มีทะเบียนสมรสค้ำประกัน... กอล์ฟพยายามหัวเราะแหะๆตาม ว่ายน้ำไปตามกระแสเป็นงานถนัดของเขาอยู่แล้ว
ไม่นานอีกฝ่ายก็ขอวางสายลงเพราะเอาเวลางานมาอู้ เด็กหนุ่มก็รับๆเออๆออๆไปอยู่แล้วไม่ได้หาความเพิ่มเติม เขาวางมือถือไว้ตรงตำแหน่งเดิม เดินมาสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย...ไอ้ครั้นจะไปรอที่เซ็นทรัลเลยตั้งแต่ตอนนี้มันก็กระไรอยู่ คงต้องหาอะไรทำในช่วงเช้าและรอพี่โจ้โทรมาก็แล้วกัน
...นี่ไม่ได้ไปเพื่อกดดันนะ...
…...แค่อยากเจอเท่านั้นแหละ...+ G A M E R L O V E R +
ความเงียบ และจิตที่พุ่งตรงอยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง...คือการคงไว้ซึ่งสติ กอล์ฟชอบช่วงเวลาที่ได้ 'รอ' ...มันทำให้ใจสงบ และได้คิดอะไรไปพลางๆระหว่างที่อยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นเขาไม่เคยโทษสักครั้งที่เวลานัดเที่ยวคิมจะมาสายเป็นชั่วโมงๆ หรือต้องไปนั่งรอดอยหน้าบ้านเพราะมันต้องต่อคิวอาบน้ำหลายช่วงคน แต่ความจริงคือเขาไม่ชอบให้ใครมารอ...และไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะมาสาย
แต่ 'คนๆนี้' จะมาก่อนเวลานัดเสมอ...นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับประโยคทักว่า 'ช้า' ทุกครั้งที่มาเจอ
ทว่าครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น... ร่างสูงนั่งเหยียดกายอยู่เงียบๆด้านหลังของเครื่องเล่นใหญ่ยักษ์มากมาย ป้ายติดประกาศปิดปรับปรุงในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดไปแปะไว้แทบทุกช่วงเสาร์ นั่นทำให้เขารู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่มีไม่นานนัก หากเขาไม่คิดจะต่อความสัมพันธ์ให้ถึงขีดสุด...สถานที่แห่งนี้อันเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงพวกเขาทั้งสองต่างหากที่จะพังลงไป และกว่ามันจะกลับมาพร้อมใช้งานได้เหมือนเดิม...อะไรๆ...ก็คงไม่เหมือนเดิม...นั่นเป็นสิ่งที่เขากำลังกังวล
ปัจจัยหลายๆอย่างราวกับกำลังกลั่นแกล้งคนชอบรออย่างเขา...ให้รีบรุกหนักหรือไม่ก็ตัดใจไปเลย...อย่างไรชอบกล
กอล์ฟผ่อนลมหายใจหนัก ไม่นานโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมา...เป็นสัญญาณอันดีว่า 'เป้าหมาย' ใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว
เขาชะโงกหน้ามองบันไดเลื่อนที่อยู่ถัดช่วงเสาไปสองช่วง เป็นดังคาด...ชายหนุ่มในชุดพนักงานบริษัทที่มีสูทวางพาดอยู่บนบ่าสองนายถูกลำเลียงขึ้นมายังชั้นลอยเหนือโรงหนัง มันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแท้ๆ...แต่เขาก็ใจสั่น
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเป็นฝ่ายเห็นเขาก่อน จึงพยักหน้าให้น้อยๆไม่ทันผิดสังเกต ส่วนอีกคนก็ก้มมองโทรศัพท์ในมือตัวเองอยู่นั่น แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะทำอะไรกับมันสักที
ด้วยอะไรบางอย่างทำให้กอล์ฟตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหลบที่มุมเสา อาการใจเต้นรัวในอกทำให้เขาหายใจไม่ถนัดนัก...ไม่ได้เจอกันสามวันเขารู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันเป็นชาติ ความใจเย็นที่เป็นนิสัยเดิมหายไปทันที จึงได้รู้เดี๋ยวนั้นว่าตัวเองไม่ได้แค่ 'ชอบ' เจ้าของร่างผอมบางนั่นแล้วล่ะ แต่ติดจะ CRAZY เลยด้วยซ้ำล่ะมั้งแบบนี้...
“...กู...” เสียงพูดนั้นไม่ได้ดัง แต่ก็ไม่เบาเกินกว่าคนแอบฟังจะได้ยิน
“หืม? ไรวะไอ้โอ้ต?”
“........ว้อย มึงจะเล่นกับกูไหวได้ไงวะสัส ไม่เอาแล้ว! กลับ!”
“อะไรเล่า!?” โจ้แย้ง สายตาพยายามมองหาคนที่นัดไว้เต็มที่ "ปกติก็เห็นเล่นคนเดียวได้นี่ กูพามาคลายเครียดนะเว้ย"
“เล่นคนเดียวมันไม่สนุกแล้ว"
“กูเล่นด้วยไง"
“มึงแม่งอ่อนอ่ะ พอเลย...สัสเอ้ย"
ความเงียบเกิดขึ้นสักพัก ผู้แอบฟังบทสนทนาดังกล่าวเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึกๆด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้
ในที่สุด...ก็มีประโยคของเพื่อนคนสนิทที่ต่อว่า
“..จะเก๊กทำซากอ้อยอะไร ก็โทรหาเลยดิวะ" ......พระเจ้า..!! ไม่ทันขาดคำ...มือถือเจ้ากรรมในกระเป๋าสั่นครืดๆกระทบต้นขายังกะไวเบรเตอร์ก็มิปาน กอล์ฟรู้สึกตัวเองฉลาดชะมัดที่ไม่ได้เปิดเสียงไว้ตั้งแต่ต้น เพราะถ้ามันดังตอนนี้เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน
แย่ล่ะ..ตื่นเต้นเกินไป... สองมือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าลูบตาตั้งสติ ก่อนเสียงทุ้มห้าวที่อยู่หลังเสาอีกฝากจะสบถ
“แม่งไม่รับ!! สัสเอ้ย!! เล่นตัวนักเดี๋ยวปั๊ด....”
“ฮ-เฮ้ย ใจเย็นเพื่อนรัก น้องกอล์ฟเค้าอาจจะแบบ...ไป...เอ่อ...ไปเข้าห้องน้ำ!”
“เข้าห้องน้ำบ้าอะไรตอนกูโทรไปวะ รู้มั้ยว่ากว่าจะกดโทรออกได้นี่กูแทบตายเลยนะ บ้าชิบ! ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เลย”
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังเข้ามาใกล้ ใกล้จนรู้ได้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าพวกเขาต้องปะทะสายตากันเป็นแน่
“อะไรน่ะ...ปิดRenovate?”
..ท่าทาง..อีกสองคนคงจะหยุดที่ป้ายแปะประกาศข้างเสานี่กระมัง..
“อีกสองอาทิตย์? อะไรวะ? ปิดปรับปรุงทำไมไอ้ที่มีอยู่นี่ก็ดีตายห่าแล้ว กูยังเล่นไม่ครบทุกเครื่องเลย"
อีกคนรีบทำหน้าที่สงบอารมณ์ให้ “เฮ้ย ก็คงมีพัฒนาบ้างแหละ มึงอย่าเดือดกับคำนี้ได้ป่ะวะ...แค่โปรเจคrenovateตึกไม่ผ่านอย่าพาลดิ มาบุญครองก็มีให้เล่น"
“ไกลไปป่ะสัส แล้วแบบนี้กูจะไปเล่นเกมที่ไหน?”
บทสนทนาพวกนั้นดังไม่ได้ไกลเลย กอล์ฟหลับตาสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง เขารู้ว่านี่เป็นจังหวะที่ฟ้าประทานออกมาให้ เขาลืมตา..สาวเท้าออกมาปรากฏตัว
“...บ้านผมมีwiiครับ" ...นั่น...ดูไม่เหมาะจะเป็นคำทักทายเท่าไหร่... อย่างไรก็ดี การที่ขัดจังหวะไปแบบนั้นทำให้คนฟังอ้าปากค้างราวกับตกใจนักหนา แต่ก็อีหรอบเดิม...ข้าวโอ้ตไม่ใช่คนประเภทหนีปัญหาที่จะหันหลังวิ่งหนีไป จึงได้แต่ยืนเฉยๆทำหน้าตะลึงงันแล้วก้มหลบตาอย่างรวดเร็วเท่านั้น ปฏิกิริยาไม่ได้เกินคาด...และท่าทางแบบนั้นทำให้คนมองควบคุมความตื่นเต้นนี่ได้ทัน
เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้จนห่างไม่เกินหนึ่งช่วงตัว ยกมือสวัสดีพี่ๆทั้งสองด้วยความเคารพ แล้วพูดต่อ
“ถ้าพี่โอ้ตเครียด...จะไปเล่นที่บ้านผมบ้างก็ได้ครับ.......ถ้าพี่ไม่ว่าอะไรล่ะก็นะ" “โอ้!” จอมเนียนอันดับหนึ่งรีบยกมือแปะบ่า "ไงกอล์ฟ มาได้ไงวะเนี่ยโคตรบัง......”
“ไอ้โจ้" “....ครับผม...”
“มึงหักหลังกูใช่มั้ยเฮ้ย!!!!” “ว๊ากกก อย่าทำกูเลยยยยยยยยยยยยย"
“ไม่ใช่ครับพี่โอ้ต ผมมาเองต่างหาก...ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่โจ้เค้า...เท่าไหร่หรอก"
กอล์ฟขัดขึ้นอย่างเก้ๆกังๆ พยายามห้ามเหตุฆาตรกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้อย่างทันท่วงที
แต่เพราะอะไรไม่ทราบทำให้คนฟังหยุดชะงักได้ทัน แล้วก้มหน้าก้มตาจ้องพื้นเม้มปากแน่นไม่ได้พูดอะไร...กอล์ฟรู้ว่าอาการแบบนี้คือไม่กล้าสบตา แต่ดูจากเวลาที่เหลือเขาไม่มีทางเลือกมากนัก....
“ผม...อยากคุยกับพี่โอ้ตครับ"
… 'รุกหนัก' ต่อเลยก็แล้วกัน...TBC=========================
ผมว่ามันยังหนักไม่พอนะ...ชุดใหญ่ไปเลยลูกพ่อ
ตายล่ะ ตอนที่แล้วเรตติ้งดี 55555 สงสัยนักอ่านจะคึกคักเพราะเค้าเริ่มกุ๊กๆกิ๊กๆกันแล้วววว~ (จริงๆคือนานแล้ว...)
อิมเมจกอล์ฟเป็นคนเงียบๆง่ายๆยิ้มๆแล้วก็ยอมคนค่ะ
ที่อยากให้เห็นคือความเป็นเด็กม.ปลายที่ไม่ค่อยมีเพื่อน(ก็เป็นโอตาคุเกม) เลยไม่ถนัดกับเรื่องแบบนี้
การแสดงออกเลยทื่อๆตรงไปตรงมา ไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรเท่าไหร่(หรา...) การคิดอ่านก็จะจริงจังนิดหน่อยเพราะไม่ค่อยพูด
แต่นั่นแหละ..รุกแบบนี้ก็ไม่เลวเนอะ

ส่วนเคะแบบข้าวโอ้ตนี่ยอมตั้งแต่หน้าประตูแล้วล่ะค่ะ 55555 <<ฉันชอบเคะแบบนี้ .///.
เพราะงั้นเวลาเขียนโหมดข้าวโอ้ตจะเอาฮายังไงก็ได้ สนุกดีค่ะ เอิกส์

เม้นท์เยอะแบบนี้คนเขียนรักตายเลยค่ะ >w<
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์มากๆๆๆจริงๆๆๆนะคะ
ozaka*

ปล. พรุ่งนี้จูลี่งานค่ะ เพลียมาก ไม่อยากทำแล้ว บลาๆๆ หนีความจริงด้วยการอัพนิยายดีกว่า...

ปล2. เราเชื่อว่ามีคนหนีความจริงด้วยการอ่านนิยายเหมือนกันด้วย..............