+ G A M E R L O V E R +
แฟนผมเป็นโอตาคุเกมครับ!
12
..เวลานอนมีเต็มอิ่ม..แต่หลับไม่ลง.. ใช่..นานแล้วที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาบนเตียง และความเหนื่อยล้าจากการใช้สมองมากเกินไปทำให้เขานึกด่าตัวเองอยู่นานสองนานกับเวลาที่เสียไปนี้ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟัน
...เพราะใคร..? สาเหตุแรกเลย...เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เพื่อนรัก...ที่เสือกให้คำปรึกษาแสนดีจนอยากผูกคอตายแบบนั้น
ส่วนสาเหตุหลัก(ทำไมไม่ใช่สาเหตุแรกฟะ)...ก็จะใครซะอีก..
….ไอ้เด็กบ้ากวนส้นตีนที่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในท้องแบบนี้น่ะสิ...!! ….กูไม่ได้เกิดมายี่สิบกว่าปีเพื่อจะรู้ตัวตอนแก่ว่าเป็นเกย์หรอกนะว้อยยย...!?!?! คอนโดที่อยู่ไม่ได้ห่างจากออฟฟิศมากนัก นั่งรถเมล์ไปเพียงสองป้ายเท่านั้นก็ถึง...และถึงแม้ข้าวโอ้ตจะมีรถส่วนตัวแต่เขาก็เลือกที่จะจอดมันไว้ที่บริษัท เพราะเวลาในช่วงชีวิตอยู่กับที่ทำงานมากกว่าบ้าน...มันจึงจำเป็นกับงานมากกว่าเรื่องความสำราญ แค่ค่าจอดรถ300บาทต่อเดือนไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งเขาร่วงหรอก
ชายหนุ่มกำลังคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน...มันเป็นรอบที่หมื่นหรือสองหมื่นเนี่ยแหละที่เขาคิดถึงมัน พอย้อนกลับไปถึงจุดไคลแมกซ์ทีไรหัวใจก็เต้นแรงทุกที อาการแบบนี้แถวบ้านเรียก 'หวั่นไหว' ...เขาจึงหยุดคิดมันที่จุดนี้ทุกทีไป
รู้สึกตัวอีกทีเขาก็ลงจากรถเมล์สายประจำแล้ว เวลาเก้าโมงครึ่งเรียกว่าสาย...แต่เมื่อวานฝากโจ้ไว้แล้วไม่น่ามีปัญหา ดังนั้นเขาจึงตอกบัตรเดินเข้าบริษัทได้อย่างสง่าผ่าเผย เอ่ยสวัสดีทักทายเพื่อนร่วมงานต่างกรุ๊ปไปตลอดทางเดินจนกระทั่งถึงประตูกระจก แต่ยังไม่ทันจะเปิดมันก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกมาจากห้องผู้จัดการ เลยต้องเดินไปทักทายท่านก่อน...ถือเป็นฤกษ์ดีไม่เลว...
เขาหมดเวลาไปร่วมชั่วโมงเพื่อฟังเจ้านายตัวเองบ่นเรื่องลูกสาวที่กำลังจะเข้ามหา'ลัย แถมยังให้คำปรึกษางูๆปลาๆเรื่องเรียนต่ออีก ข้าวโอ้ตเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าที่จริงตัวเองก็เรียนจบมาได้แค่ไม่กี่ปี...งานหนักขนาดนี้เวลาเลยดูผ่านไปช้าชอบกล...
“พี่โอ้ต! สวัสดีครับ!”
ชายหนุ่มเจอน้องนักศึกษาฝึกงานตอนเดินออกมาจากห้องผู้จัดการพอดี และถึงแม้จะรู้สึกปวดศีรษะนิดหน่อยแต่ก็ยอมทักกลับ "เออไอ้กรัง ไปไหนมาวะ?”
“พี่โจ้วานให้ไปซื้อเฉาก๊วยฮะ ซื้อมาเผื่อพี่โอ้ตด้วยนะ"
“เออ แล้วมีน้ำเต้าหู้ป่ะ?”
“เอ๋? พี่อยากกินน้ำเต้าหู้เหรอฮะเดี๋ยวผมลงไปซื้อให้?”
“เปล่า" เสียงเนือย "กูแค่เสี้ยนอยากกินเฉาก๊วยน้ำเต้าหู้ ไม่มีก็ไม่เป็นไรอ่ะ...กินเย็นๆก็ได้"
“อ้อ...” เด็กหนุ่มพยายามไม่นึกสงสัยกับรสนิยมการกินนั้น "แล้วมีอะไรรึเปล่าครับ?”
“หืม? เมื่อกี้หรอ? ผู้จัดการแค่คุยด้วยน่ะ...ไม่ใช่เรื่องโปรเจคหรอก"
“หูยยย ผมหลงนึกว่าต้องแก้งานอีกอ่ะ ใจหายเลย"
“กูคงลาพักร้อนเลยล่ะถ้าต้องแก้อีก"
“ฮ่าๆๆ พี่โอ้ตลางานบ้างก็ได้นะครับ"
“กูไม่อยากให้พาร์ทไทม์อย่างมึงมาแซวกูเรื่องนี้หรอกสาดดดดด"
เขาด่าด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงขณะเปิดประตูกระจกประจำห้องตัวเอง เสียงหัวเราะและพูดคุยที่ยังคงดังอยู่จนถึงเมื่อครู่เงียบลงแปปนึง เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มปรายสายตาเข้ามามองในห้อง ทันใดนั้นก็แทบจะผงะหนี
เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์น้ำตาลอ่อนพับขา และรองเท้าหัวแหลม..การแต่งตัวมีไสตล์แบบที่วัยรุ่นสมัยนิยมใส่กันมันก็ดูดีอยู่มิใช่น้อยเพราะแต่เดิมก็มีหน้าตาเป็นทุนหลัก อย่างไรก็ดี...ชุดแบบนี้ก็ดูเรียบร้อยกว่าเสื้อยืดกางเกงนักเรียนที่เคยเห็นมันใส่บ่อยๆ...แต่ดูเหมือนการพิจารณาเรื่องเสื้อผ้าจะไม่ใช่ประเด็นอะไรในตอนนี้นัก....
คนถูกจ้องยังไม่รู้ตัว แถมยังคลี่ยิ้มบานเป็นจานกระด้งขณะเอ่ยทัก
“สวัสดีครับพี่โอ้ต"
“........เอ็งมาทำเตี่ยอะไรที่นี่!?!” ฟาดปากไปหนึ่งคำให้พอหอมปากหอมคอ กอปรกับการสะบัดนิ้วชี้หน้าอย่างโคตรไร้มารยาทหนึ่งทีเหมือนจะช่วยลดโทสะและความตระหนกใจนี้ไปได้หน่อยนึง
กอล์ฟเอียงคอเล็กน้อย แล้วตอบตรง “ก็มาหาพี่โอ้ตยังไงล่ะครับ"
..อึก.. ครั้นเมื่อรู้ตัวว่าจ้องหน้ามันต่อไปไอ้คนจะเสียทีคือเขาเอง ก็ตวัดฉับเล็งเหยื่อถัดไปทันที
“ก....แก ไอ้โจ้ มึงใช่มั้ย?”
เจ้าของนามสะดุ้งสุดใจ “เฮ้ย กู....”
“ผมเองครับ ผมเป็นคนถามพี่โจ้เอง...ว่าถ้ามาได้ผมก็จะมา"
เด็กหนุ่มห้ามทัพอีกครั้ง...ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหน้าที่ประจำไปเสียแล้ว
"ถ้าพี่โอ้ตบอกว่านี่เป็นการรบกวน...ผมพร้อมจะกลับไปครับ ดังนั้นอย่าโทษพี่โจ้เลย พี่เค้าแค่ทำตามที่ผมขอ"
“.....” คนฟังเถียงไม่ออกสักคำ ไอ้อารมณ์ที่ต้องเข้ามาอธิบายความจริงอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้นี่แหละที่เขาแพ้ทาง...จนทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบรับกลับไปด้วยคำพูดฮิตสุดตลอดปีว่า...
"เออ" กอล์ฟเลิกคิ้ว “ผมรบกวนพี่รึเปล่า?”
"ไม่เลยมั้ง!! มานี่!!"
ข้าวโอ้ตถลึงตาใส่ เดินตรงไปกระชากคอเสื้อลากอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างห้าวหาญ...ก่อนจะกึ่งลากกึ่งเดินข้ามห้องตามมาจนถึงระเบียง ปิดม่าน ปิดประตูเสร็จสรรพ โยนร่างสูงกว่าให้เกาะขอบระเบียงเอาไว้ แล้วมองซ้ายมองขวาสำรวจพื้นที่ทุกกระเบียดนิ้วจนมั่นใจว่าคงไม่มีใครได้ยินแล้ว ถึงได้หันกลับมาพูดต่อเสียงเข้ม
“มาทำไม!?”
อีกคนกลับมีท่าทางอารมณ์ดีกับคำดุนั้น
“...ผมบอกไปแล้วว่าผมอยากเจอพี่..."
...ทำไมมโนภาพสุนัขตัวโตๆกำลังนั่งหงอยถึงฉายวูบเข้ามาได้นะ ชายหนุ่มรีบสั่นศีรษะตั้งสติ เขาค่อนข้างเกลียดสัตว์ตัวเล็กเป็นพิเศษแต่สัตว์ใหญ่เรียกได้ว่าเป็นภูมิแพ้เลยล่ะ แต่อย่าให้ความเอ็นดูเอาชนะการห้ามปรามเด็ดขาด..!
“คราวหลังต้องบอกก่อน อยากเจอก็โทรมานัด...ไม่ใช่ตามมาแบบนี้"
“ถ้าโทรมานัดพี่จะไปกับผมเหรอครับ?”
..เออ มันฉลาด.. “ก็...ต้องดูก่อน"
“ผม...ขอโทษสำหรับวันนี้นะครับ คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว"
...แถมยังฉลาดรู้มาก...ประพฤติตัวดีจนอดไม่ได้ที่จะใจอ่อน... “อื้อ...รู้ก็ดี"
คำพูดอ้อมแอ้มเสียงค่อยแบบนั้นทำให้คนฟังรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเริ่มจะคล้อยตามเล็กน้อยแล้ว กอล์ฟปรือตามองร่างผอมบางที่ยังทำตัวหัวแข็งตรงหน้า อดคิดไม่ได้ว่าน่ารักไม่เลว...ก่อนจะถามอีกครั้ง
“งั้นวันนี้ผมนั่งรอได้ใช่มั้ยครับ?”
“รออะไร?”
“เย็นนี้เราไปตีไทโกะกันนะครับ เมื่อวานไปก็ไม่ได้ตี"
ข้าวโอ้ตกำลังจะแปลงร่างเป็นยักษ์ "...แล้วมันเป็นเพราะใครกันล่ะ!?”
“....เพราะพี่โอ้ตต่างหาก เดินฉับๆๆหนีไปเฉยเลย"
“ไอ้....!!”
“ครับๆ ผมผิดเอง ยอมแพ้แล้วนะ"
…...
..ไอ้อาการแบบนี้คืออะไร..
….ไอ้ที่แบบยิ้มๆ พูดจาน่ารักๆ แล้วก็ยอมเขาตลอดแบบนี้มัน...คืออะไร? …....ไม่สิ..ที่เอาใจคงเป็นเรื่องปกติ...
…..เพียงแต่ตอนนี้ 'ความรู้สึก' มันไม่ปกติก็เท่านั้น “พี่โอ้ตครับ" ..อึก.. เสียงเดิม เสียงเดียวกัน..ทั้งน้ำหนักคำพูดแทบไม่ได้แตกต่างจากตอนก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่ตอนนี้ชายหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายเรียกตัวเองแบบนั้นมันทำให้ลมหายใจตัวเองติดขัดแค่ไหน ทั้งๆที่เป็นคำพูดสุภาพๆเหมือนไม่ได้คิดอะไรแท้ๆ
กอล์ฟดูเหมือนจะจับอาการนั้นได้ เขาระบายยิ้มกว้างแล้วกระซิบเสียงเบา
“..ชอบนะ" ...สิ่งแรกที่ข้าวโอ้ตคงจะได้ทำหลังจากเปิดคอมพิวเตอร์...
…...กดสั่งซื้อปืนสักกระบอก แล้วยิงไอ้หน้าเป็นนี่ทิ้งไปซะ...!!!+ G A M E R L O V E R +
“โอ้ตๆ"
“อะไร?”
“วันนี้คนเยอะ สั่งพิซซ่ามั้ยมึง?”
คนถูกถามกรอกตา "มึงจะสั่งก็สั่ง ไม่ได้จะถามความเห็นอะไรกูแต่แรกอยู่แล้วนี่ไอ้สัส"
รู้ได้เลยทันทีว่า..
.แม่งงอน... โจ้เอาสองมือแปะหน้าตัวเองไปทีนึง เพื่อนรักจอมดื้อยังนั่งหลังตรงคอแข็งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เช้า จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่มันขยับคอคือเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ สาเหตุก็ไม่เห็นต้องเดา...คงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเด็กหนุ่มที่นอนกดมือถืออยู่บนโซฟา ที่พอละสายตาจากจอโทรศัพท์ได้ก็ส่งยิ้มหวานๆให้อีท่าเดียว...
เขามองเวลา อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะเที่ยงตรงซึ่งเป็นเวลาพักปกติ แต่ก็อย่างว่า...ออฟฟิศชิวๆแบบนี้ไม่ได้กำหนดอะไรตายตัวขนาดนั้น...ประกาศิตมันก็อยู่ที่ปากของพวกรุ่นพี่เนี่ยแหละ
“หนุ่มๆ"
น้องที่น่ารักรีบขานรับ “ครับพี่"
“พักกลางวัน"
เท่านั้นแหละเสียงขยับของเก้าอี้ล้อเลื่อนถึงได้ดังขึ้นมาบ้าง รุ่นน้องนักศึกษาฝึกงานลุกขึ้นบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีตอนที่ว่า
“ผมเอาฮาวายเอี้ยน"
กระป๋องหันควับ "อีกครึ่งเป็นซีฟู๊ดคอกเทล!"
“ขอบชีสด้วยฮะ!”
“ใช่เลย ลืมได้ไงเนี่ย"
“เบรดสติ๊ก!”
“ไก่นิวออร์ลีน!"
“สปาเกตตี้คาโบนาร่า!”
“ลาซานญ่าหมู"
“สลัดทูน่า"
“ขนมปังกระเทียม"
ตึง! “พอเลยไอ้พวกเวรนี่! แข่งต่อชื่ออาหารกันรึไงวะครับ สั่งขนาดนั้นแล้วใครจะเป็นคนจ่าย!?” พอข้าวโอ้ตโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง(ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนชินชากันไปแล้ว) โจ้ก็ชูนิ้วโป้งอย่างมั่นสุดใจ
“ไม่ต้องห่วงเบบี๋ ดัดแปลงบัญชีนิดหน่อยแล้วขอยื่นบริษัท"
“เจ๋งที่สุดเลยพี่โจ้!”
“โอ้ยยยย รักออฟฟิศนี้จังหนอออ~”
“พวกมึงนี่นะ......-_-”
“น้องกอล์ฟ พวกพี่จะสั่งพิซซ่า...เอาอะไรป่ะคับ?”
วินาทีนั้นข้าวโอ้ตคิดผิดที่หันไปทางเดียวกับโจ้ จึงได้เจอหนุ่มน้อยหน้ามนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้...เขาก็แทบอยากจะกระโจนไปกระชากหลอดคอมันออกมาเป็นพวงไม่ต้องแดกอาหาร ข้อหาทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบนี้
“สั่งเลยครับ ผมทานได้หมด"
“เด็กดี เลี้ยงง่าย มารยาทงาม" โจ้หัวเราะ เหล่สายตามาทางเพื่อนรัก
"เสียอย่าง...หลงผิดจังเบอร์" “มึงว่าไงนะไอ้สัสโจ้?”
“กูว่าน้องเค้า กูไม่ได้ว่ามึง"
พอโดนย้อนเข้าคนถูกค่อนแคะก็หุบปากฉับ สะบัดบ๊อบกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากเบื้องหลังกันครื้นเครง ทำได้เพียงกัดฟันแค้นอยู่ในใจ คาดโทษเอาไว้เสร็จสรรพ...อย่าให้เผลอนะพวกมึง ยิงดับให้หมด!
“....AutoCADเหรอครับ?” เฮือก!!
เคร้ง! เคร้ง! พั่บ!! เสียงกระซิบระยะประชิดทำเอาสติสตังค์ที่มีอยู่จนถึงเมื่อครู่กระเจิงหายไปหมดพร้อมๆกับวินาทีที่แขนกวาดของเล็กของน้อยที่อยู่บนโต๊ะเทลาดลงมากระแทกพื้นด้วยอารามตกใจ ดวงหน้าขาวหันควับไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะสะดุ้งดันเก้าอี้ถอยหลังจนชนฉากกั้น 'โครม' แบบที่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุแบบนี้มาก่อนในบริษัท
“ข..เข้ามาทำไมไม่ให้สุ่มให้เสียง!!” จริงอยู่ที่เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้สร้างความเสียหายจนน่าตกใจมากนัก แต่เจ้าขวัญตัวดีนี่สิกระพือปีกบินหนีไปไกลตั้งแต่เสียงทุ้มหวานนั่นกระซิบอยู่ข้างหูแล้ว และท่าทางคงจะไม่กลับมาง่ายๆหากอีกฝ่ายยังอยู่ในระยะใกล้ขนาดนี้!
กอล์ฟกระพริบตาปริบๆ นึกประหลาดใจกับการสะดุ้งเมื่อครู่มิใช่น้อย
“ขอโทษครับ ไม่นึกว่าพี่จะตกใจขนาดนี้....”
“ก-ก็ต้องตกใจอยู่แล้วสิวะ!"
คู่สนทนายิ้มหวาน “..แอบโก๊ะนะครับ"
“ใครโก๊ะวะเฮ้ย!! พูดให้มันดีๆหน่อย!!”
อยากจะสาดคำด่าใส่มันซักหนึ่งกระด้ง แต่พอเจอรอยยิ้มอิ่มสุขประหนึ่งคนเป็นมาโซคิสต์แบบนั้นกลับมาก็เบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน กลายเป็นว่าถ้ายิ่งด่า...ตัวเองนี่สิจะยิ่งเขินหนักกว่าเดิม
ข้าวโอ้ตยกมือปัดผมด้านหน้าเล็กน้อยปิดสีหน้ามีพิรุธของตัวเอง "….ล-แล้ว-แล้วมีอะไรล่ะ?”
“เอ่อ...ก็แค่....อยากเห็นตอนที่พี่โอ้ตทำงานเฉยๆ"
“ไม่เคยเห็นก็ยกมือไหว้ดิ"
“เอาจริงมั้ยครับ? ผมยอมนะ"
“ไอ้บ้า!!!”
"ว่าแต่...พักกลางวันแล้วไม่ออกไปยืดเส้นยืดสายบ้างเหรอครับ? ทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ"
คนถูกถามกรอกตา "ก็...งานมันยังไม่เสร็จดี...”
เด็กหนุ่มยิ้ม ไม่คิดจะต่อปากต่อคำอะไรเพิ่มเติม...มือใหญ่อ้อมมาจับที่พนักพิงเก้าอี้ข้างหนึ่ง ทำให้ปกเสื้อเชิ้ตโค้งลงมาตามแรงโน้มถ่วงเผยแนวไหปลาร้าและแผ่นอกกว้าง...ใกล้ชนิดที่ว่าคนถูกกระทำหลับตาปี๋ด้วยอารามตกใจสุดหูรูด เส้นประสาททุกเส้นตรึงเขม็งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
..ทำไมต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นด้วยล่ะ!!
..จะทำอะไรวะ กูก็สู้คนนะเฮ้ย!! ด่าทอในใจไปเสียมากมายจนจับได้ว่าทุกอย่างเงียบผิดปกติ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกเลื่อนให้กลับมาอยู่ตำแหน่งเดิมคือหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แถมพอลืมตาขึ้นมาอีกฝ่ายก็ไม่ได้อยู่ในระยะใกล้อะไร ซ้ำยังพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายเหมือนเดิมที่ว่า...
“ขอโทษที่รบกวนนะครับ ทำงานต่อไปเถอะ"
“อะ..."
...แค่นี้เรอะ..!? มือเรียวเผลอคว้าชายเสื้ออีกฝ่ายไว้อย่างลืมตัว อย่าว่าแต่คนถูกจับเลย..คนทำเองก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน
“ครับ?”
คนถูกถามอึกอักทันที นึกอยากจะบีบคอตัวเองให้ตาย “ป-เปล่า ไปเถอะ"
“มีอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าน่า ไปเถอะ"
“พี่โอ้ตครับ...?”
แต่ไม่ว่าจะแกล้งเนียนแค่ไหนก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล...
...เจ้าหน้าเป็นกลับหันมาถามเสียเป็นเรื่องเป็นราว จนเขาแทบอยากจะโขกฝาตาย
“เปล่า แค่...เอ่อ....อยากดูก็ดูได้นี่ ไม่ได้ว่าอะไร"
..เฉไฉไปก่อนล่ะกัน..
“เก้าอี้ว่างตั้งหลายตัวจะลากมาก็ได้ แต่ถ้ากลัวเมื่อยก็ไปนอนโซฟาไป...แล้วก็อย่าเข้ามาทางด้านหลังเงียบๆอีก ไม่ชอบ" ...นั่นไม่เรียกว่า 'เฉไฉ' แล้วเพื่อน..!! แถวบ้านเรียก 'เชิญชวน' ว้อย!! โจ้กำลังกลั้นขำอย่างเป็นบ้าเป็นหลังตอนกดโทรสั่งพิซซ่า ขณะที่กอล์ฟกระดิกหาง(!?)ระริกระรี้ลากเก้าอี้มานั่งเท้าคางมองข้างๆ ข้าวโอ้ตน่ะหรือ...โคตรรู้สึกผิดที่ตัวเองเผลอใจอ่อนไปเมื่อครู่ จนทำให้แต่เบนศีรษะเอาหน้าแดงๆของตัวเองซ่อนก็เท่านั้นแหละ
..มันพลาดตั้งแต่ที่ปล่อยให้อีกคนเข้ามาวุ่นวายในชีวิตแล้วล่ะ.. ชายหนุ่มร่างสูงโคลงศีรษะน้อยๆหันกลับมาหาวงสนทนาอีกวงที่กำลังลิสต์รายการอาหารที่จะสั่งอยู่อย่างขมักขเม้น ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าอีกสองคนที่ตกอยู่ในภวังค์ส่วนตัวนั้นกำลังเริ่มบทสนทนาแบบไหนและต่างคนต่างรู้สึกอย่างไร ทั้งหมดทั้งมวลไม่ยากเกินคาดเดาได้...เพียงแต่...
“มึงพนันกับกูมั้ยไอ้กรัง"
“พนัน? พนันอะไรครับพี่โจ้?”
“คู่นั้น" รุ่นพี่ที่แสนใจดีพยักเพยิดไปอีกทาง
“กูว่าได้กันแน่...ไม่เกินอาทิตย์" เท่านั้นแหละคนที่อยู่ข้ามไปถึงครึ่งห้องถึงกับปรี๊ดแตก หน้าแดงจนไม่รู้จะเอาศีรษะไปมุดอยู่หลุมไหนดี
“หุบปากไปไอ้สัสโจ้!!”TBC===================
มาแล้วจ้า หลังจากหายไปนาน...
แอบเม้าท์ว่าตัวเองโก๊ะตามข้าวโอ้ตค่ะ ตะกี้เกือบกดอัพตอนที่15ละ...ข้ามไปแม่งเลยสามตอน.... #ไม่ย์
จะอัพทุกวันแล้วค่า ถ้าไม่ลืมนะ ;;_;; วุ่นๆวายๆแทบไม่มีเวลาเปิดคอมเลยจ้ะ
จริงๆวันนี้นั่งคิดอยู่
การที่เราจะ 'รัก' ใครสักคน..มันอาจจะไม่ใช่เรื่องยากเลยก็ได้นะ
แต่การที่เราจะ 'คบ' ใครสักคน..มันอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อคิดเลยก็ได้นะ
การคบกันแปลว่าเราต้องรู้ทุกเรื่องของเขารึเปล่า?
การคบกันแปลว่าเราต้องยอมรับเขาได้ทุกเรื่องรึเปล่า?
ทุกๆคนต่างก็มีด้านดีและด้านแย่...เราพร้อมจะรับในเรื่องนั้นของเขาได้รึเปล่า?
ทุกวันนี้เราผ่านเรื่องรักๆมามากมาย แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่า...คนที่เค้าจะยอมรับเราได้ทุกอย่างน่ะ มีอยู่จริงหรือ?
((อินเนอร์ไปนิดไม่ว่ากันเนอะห์ 5555555))
ก็ช่วยไม่ได้...เขียนนิยายรักนี่หว่า...."OTL
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
ozaka*
