ก็ต้องลุ้นกันต่อไปคร้าบบบ ถ้ารู้ว่าใครก็จบสิ เรื่องนี้ยาวนะขอบอก หวังว่าคงขอบอะไรยาวๆ กัน แต่ถ้าขอบสั้นก็จะรีบจบครับ อิ อิ
ป.ล. นิยายของคฑาวุธต้องลุ้นทุกเรื่องครับ หุ หุ แต่ขอเตือน (โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยอ่านนิยายของอีตาคฑาวุธมาก่อน) ว่าเรื่องนี่ยุ่งกว่าทุกๆ เรื่องที่เคยผ่านมาครั้บ
Guy Chapter 4
กายนั่งอยู่ในผับ Lose Urself คนเดียวอย่่างเบื่อๆ พนักงานที่คุ้นเคยกันดีมองหน้าเขาอย่างงงๆ เมื่อเขาสั่งน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว คืนนี้กายมาที่นี่เพราะต้องการนั่ง 'สังเกต' ลักษณะของลูกค้าผับ
เผื่อจะนึกอะไรออก!
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังจำอะไรไม่ได้ ภาพสุดท้ายที่อยู่ในหัวของเขาคือตอนที่มีใครคนหนึ่งยื่นแก้วเหล้าให้ เขารู้สึกว่าเหล้าแรงมาก ได้ยินเสียงวินเตอร์พูดแว่วๆ ว่าไม่เมาไม่เลิก ตามมาด้วยเสียงหัวเราะประสานกัน จากนั้นเขาก็หลับตา เสียงรอบตัวค่อยๆ เบาลงจนในที่สุดก็จางหายไปพร้อมกับสติของตัวเองหยุดทำงาน
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่นอนอยู่บนเตียงกับผู้ชายผิวเข้มคนนั้น
จากเสี้ยวหน้าด้านข้างที่เห็น ผู้ชายคนนั้นเป็นคนรูปหล่อ
คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ตัวใหญ่ หุ่นดี กล้ามเป็นมัดๆ เนื้อแน่น ผิวสีแทน และน่าจะฐานะดีเพราะห้องชุดกว้างขวางมากและคอนโดมีเนียมก็หรู
อ้อ นึกออกแล้ว ถนนนราธิวาสราชนครินทร์!
เช้าวันนั้นเขาวิ่งออกมาจากคอนโดนั่นเพราะต้องรีบไปทำงาน คิดว่ามองเห็นป้ายห้างโลตัสซุปเปอร์มาร์เก็ตแวบๆ
ยังดีนะที่เป็นโลตัส ถ้าเห็นเซเว่นอีเลฟเว่นนี่คงเดินหาจนตายซะก่อน
อา พรุ่งนี้ต้องลองไปเดินๆ แถวนั้น
เผื่อจะนึกอะไรออก
กายยกน้ำส้มขึ้นดื่มแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ กำลังยิ้มให้และเดินตรงเข้ามาหา
“ไม่เห็นคุณโทรหาผมเลย” ผู้ชายคนนั้นทำปากยื่นเหมือนไม่พอใจเล็กน้อย แต่สายตากลับแพรวพราว
“คุณ...”
“วรุจน์ไงครับ ผ่านไปไม่กี่วัน คุณลืมแล้วหรือ คนที่เกือบขับรถชนคุณไง ขวัญมาหรือยังครับ” วรุจน์ทำหน้าตาห่วงใย
“จำได้ครับ พอดีผมเพิ่งเปลี่ยนงานก็เลยยุ่งๆ” กายแก้ตัว
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่อีก” วรุจน์พูดยิ้มๆ
“อะไรนะ” กายขมวดคิ้ว รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินวรุจน์พูดเช่นนี้
“คุณเมาหรือเปล่่านี่ ทำไมดูเบลอๆ” วรุจน์หลุบตาลงมองแก้วน้ำส้มคั้นในมือของกาย “อืม หรือว่ามีใครแอบใส่ยาในน้ำส้มคุณ รู้หรือเปล่า ในผับในบาร์คุณต้องระวังตัวดีๆ ยิ่งดื่มน้ำส้มยิ่งอันตราย ชื่อเล่นของมันคือน้ำเสียตัว รู้ไหมครับ”
“โชคดีที่ผมดื่มครั้งนี้เป็นครั้งแรก” กายยิ้ม รู้สึกสงสัยในคำพูดของวรุจน์ขึ้นมาทันใด
เป็นไปได้หรือเปล่าที่คืนนั้นเราถูกมอมยา ถ้าแค่เมา น่าจะจำอะไรได้ แต่ใครจะทำแบบนั้นกับเรา ผู้ชายคนนั้นหรือ แล้วทำไมเขานอนนิ่งไม่ยอมตื่น
ก็เพราะเขาเป็นคนนอนขี้เซานะสิกายเอ๊ย แค่นี้ก็คิดไม่ออก
“คุณมาที่นี่ประจำหรือครับ” กายเริ่มการ 'สอบสวนผู้ต้องสงสัย'
“ก็เรื่อยๆ ครับ ผมไม่มีที่ประจำ ผมชอบหาที่แปลกๆ ใหม่” วรุจน์ยักไหล่แล้วรีบเปลี่ยนสีหน้า “โอ๊ะ คุณอย่ามองผมแง่ลบนะครับ จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนหลายใจ ผมแค่ไม่ไปเที่ยวผับไหนประจำบ่อยเกินไปแค่นั้นเอง เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นคนลอยไปลอยมา”
“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย คุณคิดมากไปเอง” กายส่ายหน้ายิ้มๆ ในใจพูดต่อว่า...อย่างคุณนี่นะไม่หลายใจ แค่เจอครั้งแรกก็รู้ว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ สายตาแพรวพราวแบบนี้ ใครเชื่อก็โง่แล้ว...
ถ้าอย่างนั้น ก็มีทางเป็นไปได้ว่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็น 'ผู้ชายคนนั้น' ก็ได้ ผีเสื้อราตรี พอดืี่มเหล้าได้ที่ก็คงหา 'เหยื่อ' กลับไปนอนด้วย ขนาดเราเดินข้ามถนนตอนหัวค่ำ พี่แกยังจีบหน้าตาเฉย
“ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผมผิด” วรุจน์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จริงๆ นะครับ ผมรู้สึกถูกชะตาคุณมาก ไม่รู้ทำไม เห็นคุณครั้งแรกแต่กลับรู้สึกเหมือนกับว่าเราเคยเจอกันมาก่อน แต่ผมคิดไม่ออกว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ คุณเคยเป็นแบบนี้ไหม ที่เห็นใครซักคนแล้วรู้สึกคุ้นมากๆ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก มันติดอยู่ในซอกเล็กๆ ในรอยหยักของสมองของเรา”
“อืม...” กายทำท่าคิด ทั้งที่อยากจะพยักหน้า
ก็ตอนนี้ไงล่ะ กำลังเป็นอยู่นี่ล่ะ หน้าตาคุณก็ดูคุ้นๆ นะ ถ้าได้ไปคอนโดของคุณและเห็นคุณแก้ผ้าอีกที อาจจะนึกออก
จะบ้าหรือกาย คิดออกมาได้
อ้าว แล้วจะทำยังไง จะมัวสงสัยอยู่อย่างนี้หรือ
ใจเย็นๆ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
ขืนชักช้าเดี๋ยวก็เป็นเอดส์หรอก จำไม่ได้หรือว่าโดนแบบสดๆ เช้าวันนั้นยังรู้สึกเจ็บๆ จุกๆ เดินไม่ถนัด จำไม่ได้หรือไง
ถ้ายังงั้นไม่ต้องไปมีอะไรกันอีกทีหรือ จะได้พิสูจน์ว่าเป็นคนเดียวกัน ถ้าหลังเสร็จกิจแล้วเจ็บและจุกเหมือนครั้งนั้นก็ถือว่าใช่ เจอตัวการแล้ว จากนั้นค่อยชวนเขาไปตรวจเลือด
บ้า คิดอะไรงี่เง่า
“คิดนานนะครับ” วรุจน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ผมว่าคุณต้องเคยเป็นเหมือนผมแน่ๆ เลย”
“คุณมีชื่อเล่นหรือเปล่า” กายถามโพล่งขึ้นมา
“เรียกผมว่ารุจน์ก็ได้ครับ” วรุจน์ตอบ
“ไม่มีชื่อเล่นอื่นหรือครับ”
“ชื่อเล่นอื่น” วรุจน์ขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็เช่น...เอ่อ...ชื่อเล่นที่ไม่ใช่ชื่อเล่นไทยๆ”
“อ๋อ” วรุจน์ทำสีหน้าเข้าใจแล้วพูดออกมาว่า “รุจจัง”
“รุจจัง”
“น่ารักไหมครับ” วรุจน์หัวเราะชอบใจที่ได้ปล่อยมุขขำๆ
“ไม่เห็นเข้ากับรูปร่างหน้าตาเลย” กายส่ายหน้า
“ผมล้อเล่น” วรุจน์หัวเราะจนตาหยี “อย่างผมนี่หรือจะชื่อรุจจัง ผมก็ชื่อรุจน์นี่ล่ะ ชื่อเล่นที่เป็นทางการจริงๆ ที่พ่อแม่เรียก แต่ฉายาน่ะมีเยอะ เพื่อนๆ ผมเรียกผมแผลงๆ กันหลายชื่อ”
“เช่น...” กายเลิกคิ้ว
“คุณอย่ารู้เลย บางชื่อก็น่าอาย บางชื่อก็ค่อนข้างหยายคาย เอาไว้ให้เราสนิทกันก่อน ผมถึงจะกล้าบอก”
“อ๋อ ตอนนี้เราเป็นคนแปลกหน้ากัน คุณเลยบอกไม่ได้”
“แน่นอน” วรุจน์ยักไหล่ ทำหน้านิ่งเรียบแล้วพูดออกมาว่า “ก็คุณเล่นไม่ยอมบอกชื่อกับเบอร์โทรให้ผมรู้เลยนี่นา”
“ผมชื่อ กาย” กายตัดสินใจบอกชื่อ
“ชื่อจริงล่ะครับ”
“ก็ชื่อกายนี่ล่ะครับ กายคำเดียว สั้นๆ ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น มีอยู่ชื่อเดียว”
“แปลกเนอะ” วรุจน์ทำหน้าสงสัย “หน้าตาคุณก็คุ้น ชื่อคุณก็คุ้น เหมือนกับเคยได้ยินจากที่ไหน แต่ผมก็นึกไม่ออกอีกแล้ว”
“ได้ยินจากสถานที่ที่มีเสียงจอแจหรือเปล่า” กายถาม จ้องหน้าวรุจน์ สังเกตแววตาของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
“อืม...” วรุุจน์หรี่ตา ใช้ความคิด ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่รู้สิ นี่ไง ผมถึงบอกว่า มันเหมือนจะจำได้แต่ก็จำไม่ได้ คุ้นมาก แต่ก็นึกไม่ออก”
“หรือได้ยินตอนคุณดื่มเหล้า กำลังเมาๆ” กายถามต่อ
“ไม่แน่”
“คุณเมาทุกคืนวันศุกร์หรือเปล่า”
“โอ้โห คุณ ผมไม่ใช่คนสำมะเลเทเมาขนาดนั้นนะคร้าบ” วรุจน์ปฏิเสธ
“แล้วครั้งล่าสุดที่คุณเมาคือเมื่อไหร่”
“ก็ไม่นานเท่าไหร่”
“เมื่อไหร่ครับ” กายพยายามเอาคำตอบเจาะจง
“ก็...อืมม วันศุกร์ที่ 20” วรุจน์ตอบแล้วอมยิ้ม “พอใจไหมครับ ถ้าจะเอาเวลาด้วยก็ต้องบอกว่าหลังตีหนึ่ง อันนี้ผมจำได้แน่นอน เพราะเป็นวันเกิดผม แต่หลังจากตีหนึ่งแล้วไม่รับประกันเพราะถ้าเมาหนักๆ ผมอาจจะจำอะไรไม่ได้”
“แล้วถ้าเมาหนักคุณจะกลับบ้านยังไง” กายถามต่อ
“ก็คลานกลับบ้านสิคุณ” วรุจน์หัวเราะ “อะไรกันนี่ คุณถามเหมือนตำรวจกำลังสอบสวนผู้ต้องสงสัยอยู่เลยนะเนี่ย”
“ถามจริงๆ อย่าตอบกวนสิครับ”
“บางทีเพื่อนก็พากลับ คนที่เมาน้อยกว่าไงครับ ก็มีบางพวกที่ยังพอมีสติ”
“แล้วคืนนั้นคุณเมาขนาดไหน”
“คุณหมายถึงศุกร์ที่ 20 ใช่หรือเปล่า” วรุจน์เลิกคิ้วแล้วตอบคำถามแบบคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “เมาเหมือนไม่ใช่คนเลยล่ะ นี่ผมยังไม่รู้เลยว่่าผมกลับถึงบ้านได้ยังไง”
“บ้านหรือคอนโด” กายกลั้นใจรอฟังคำตอบ
“คอนโดสิครับ จำที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม คุณถามผมว่ายังไง” วรุจน์จ้องตากาย “แล้วคืนนี้ผมก็จะกลับไปนอนคอนโดเพราะผมดื่มเหล้าไปพอสมควร ขี้เกียจกลับบ้าน พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานแต่เช้า มีลูกค้าวีไอพี ผมต้องไปเตรียมการต้อนรับ”
“คอนโดคุณอยู่ที่ไหน”
“ถามทำไมหรือครับ คุณอยากรู้ หรือว่าคุณอยากจะไปส่งผม คืนนี้ผมไม่ได้ขับรถมา”
เสียงเพลงดังกระหึ่ม แต่กายแทบจะไม่ได้ยินอะไรเลยเพราะมัวแต่นั่งใจลอยคิดถึงเรื่องคืนล่าสุดที่เจอกับวรุจน์ จนกระทั่งนรธีร์ซึ่งนั่งอยู่ติดกันกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้างจึงสะดุ้ง
“อะไรล่ะเจ๊” กายทำหน้ามุ่ย
“นั่นไง แฟนใหม่เจ๊ ช่วยเชียร์หน่อยสิ” นรธีร์มองขึ้นไปบนเวทีแล้วเป่าปาก โบกมือให้นายแบบหนุ่มร่างบึกที่กำลังเดินอยู่บนรันเวย์ กายปรบมือแล้วเป่าปากช่วยนรธีร์อีกแรงทั้งๆ ที่ยังทำหน้าตาเซื่องซึม
“แกเป็นอะไรวะ เอาแต่นั่งเหม่อ คิดไม่ตกหรือว่าคืนนี้จะเสียตัวให้ใครดี” นรธีร์หันมาพูดกับเพื่อนรุ่นน้อง
“บ้าน่าเจ๊ ใครจะไปเสน่ห์แรงเท่าเจ๊ล่ะ”
“ฉันรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่ฉันไปเนปาล กลับถึงกรุงเทพฯ ไอ้คุณเชิงชายรายงานใหญ่เลยว่ากายเสน่ห์แรง มีคนมาปิ๊ง”
“ปากไม่ดี แบบนี้ต้องตามไปตบปาก” กายพึมพำ
“หรือกำลังคิดหนักว่าจะยอมเป็นของไอ้ชายซะที มันจะได้เลิกตืิ๊อ”
“พี่นรธีร์” กายอุทาน “เลิกพูดเรื่องใต้สะดือซะที”
“อ้าว ก็มันเรื่องธรรมดาของมนุษย์นี่หว่า แปลกตรงไหน รูปร่างหน้าตาอย่างแกนี่ไม่มีใครมาจีบก็แปลกล่ะ เจ๊ว่านะ ตกลงโทรไปเซย์เยสมีพลีสกับคุณธฤตให้รู้แล้วรู้รอดซะเลย แกไปเป็นดาราหรือถ่ายแบบน่าจะรุ่งกว่าเป็นไกด์หรือเป็นล่าม ทำงานแบบนี้เหนื่อยตายห่า แล้วไอ้บริษัทค้าอาวุธสงครามนั่นน่ะก็ใช้งานแกหนักขนาดนั้น อะไรวะ ทำงานตรงเวลาเป๊ะเจ็ดโมงเช้า พักหนึ่งชั่วโมง จะไปฉี่ไปเยี่ยวก็ต้องรีบกลับคอก”
“รู้อีก” กายเบ้ปาก “ชายนี่ปากมากจริงๆ”
“ถ้าไม่ไหวก็ลาออกซะเถอะ” นรธีร์แนะนำ
“เจ๊ ผมเพิ่งทำงานไม่กี่อาทิตย์เองนะ”
“แล้วไง ยังกับว่าแกไม่เคยทำงานวันเดียวแล้วลาออก จำไม่ได้หรือ บริษัททัวร์ SEK ทราเวรรร....นั่นนะ” นรธีร์ลากเสียงยาวแล้วหัวเราะชอบใจ
“เลิกพูดถึงบริษัทเซ็กส์ทัวร์นี่ซะที พูดแล้วเจ็บใจ”
“เพราะไอ้ผู้จัดการไม่หล่อล่ำใช่ไหมล่ะแกถึงเจ็บใจ นี่ถ้าเท่ หล่อเข้ม บาดใจเหมือนคุณธฤต แกก็คงยอมโดนไปแล้ว”
“เชิงชายนะเชิงชาย” กายหรี่ตา ทำหน้าบึ้ง อยากจะชกคนที่เล่าเรื่องราวทุกเรื่องอย่างละเอียดให้นรธีร์ฟัง
“อูวส์ ชุดนอน” นรธีร์หันไปมองรันเวย์อีกครั้งเมื่อนายแบบเดินแบบออกมาในชุดใหม่ “ต่อไปก็กางเกงใน แล้วปิดท้ายด้้วยชุดวันเกิด โอ๊ย ชอบจริงๆ เลยแฟชั่นโชว์ของ Men's Secret เนี่ย พรุ่งนี้ต้องไปชอปปิ้งซักสองสามชุดหน่อยนะกายนะ”
นรธีร์หันไปสนใจกับการเดินแบบ กายจึงกระซิบเพื่อนรุ่นพี่ว่าขอตัวไปห้องน้ำ นรธีร์พยักหน้าอย่่างไม่ใส่ใจเพราะกำลังสนใจนายแบบหล่อล่ำบนรันเวย์
เมื่อเปิดประตูออกมานอกห้องที่ใช้จัดงานแฟชั่นโชว์กายก็พ่นลมหายใจออกมาดังๆ แล้วเอื้อมมือไปดึงประตูให้ปิดลง ห้องโถงหน้าห้องจัดงานค่อนข้างเงียบ ได้ยินเสียงเพียงเสียงเพลงแว่วๆ ดังมาจากข้างใน แต่กายยืนนิ่งเพียงไม่กี่อึดใจก็รู้สึกตัวว่ามีคนยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตัว และผู้ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาเหมือนกับเขา
“คุณนั่นเอง” ชายหนุ่มตัวโตหันมามองกาย
“คุณ...” กายหันไปมอง จำได้ทันทีว่าเป็นใครทั้งที่ได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นไม่นานและเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว
รูปร่างหน้าตาแบบนี้ใครจะลืมได้ง่ายๆ เขาต่่างหากที่แปลกใจว่าทำไมธฤตจำเขาได้ทั้งที่แค่ยืนมองอยู่ข้างถนนไม่กี่นาที
“เบื่อเหมือนกันหรือครับ”
“เปล่าครับ ผมแค่...ผมจะไปห้องน้ำ” กายตอบแต่ก็ยังไม่เดินไปไหน
“คุณถอนหายใจแรง ผมว่าคุณเบื่องานนี้เหมือนผมนั่นล่ะ”
“คุณทำงานในวงการนี้ จะเบื่อได้ยังไง” กายสงสัย
“นั่นไง คุณจำผมได้” ธฤตอมยิ้ม เดินเข้ามาใกล้กายและพูดว่่า “ยังเก็บนามบัตรผมไว้อยู่ใช่ไหมครับ”
“เอ่อ ก็...ครับ” กายพยักหน้า
“ผมรออยู่ว่าเมื่อไหร่คุณจะโทรมา”
“ผมไม่เคยคิดจะเป็นดารา” กายปฏิเสธ
“เป็นนายแบบก็ได้” สายตาของธฤตจับอยู่ที่ใบหน้าของกาย “ใบหน้าคุณสมบูรณ์แบบมาก และ...”
“ผมตัวเตี้ย เป็นนายแบบไม่ได้หรอก อีกอย่าง ผมโพสท่าไม่เป็น ไม่ค่อยชอบถ่ายรูป และถ้าต้องไปเดินอยู่บนเวทีแต่งตัวเหมือนนายแบบพวกนั้นยิ่งไม่ไหว ถ้าไม่ตกเวทีก็ยืนทื่อเหมือนแท่งหิน” กายรีบยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง
“ลองดูหน่อยสิครับ ไม่ต้องเดินแบบก็ได้ แค่ถ่ายแบบลงนิตยสาร จากนั้นค่อยว่ากันอีกที”
“แมวมองเขาชอบหลอกล่อกันแบบนี้ทุกคนหรือครับ” กายถาม
“ผมไม่ใช่แมวมอง” ธฤตหยิบนามบัตรของตัวเองยื่นให้กายอีกครั้ง “ผมเป็นเจ้าของบริษัท”
“แต่เจ้าของบริษัททำไมต้องมาหานายแบบเข้าสังกัดล่ะครับ” กายรับนามบัตรของธฤตแล้วพลิกไปพลิกมาราวกับอ่านอย่างตั้งใจทั้งที่ความจริงตัวเองจำได้หมดแล้ว
“เพราะผมคุ้นหน้าคุณมาก” ธฤตพูดขึ้นมาเบาๆ “เห็นครั้งแรกผมก็รู้สึกถูกชะตา และเหมือนกับว่าเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อน”
“ผมหน้าโหล” กายเบ้ปาก
“ไม่ใช่หรอกครับ เพราะหน้าตาคุณเป็นแบบที่ใครเห็นก็ต้องมอง มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดใจคนดู และผมคิดว่านั่นเป็นคุณสมบัติของนายแบบหรือดารา น้อยคนที่จะมีพลังในตัวแบบนั้น ผมเลยคิดว่าคุณมีศักยภาพ” ธฤตอธิบาย “ผมทำธุรกิจหลายอย่าง ส่วนมากเกี่ยวกับวงการบันเทิง ถ้าคุณสนใจ ผมอยากขอให้คุณไปพบที่นี่” ธฤตชี้ไปที่นามบัตรในมือของกาย
“ผมเป็นดาราไม่ได้หรอกครับ นักร้องก็ไม่ได้ นายแบบก็ไม่ได้ ผมทำอะไรแบบนี้่ไม่เป็น อย่าหาว่าเล่นตัวเลยนะ” กายปฏิเสธท่าเดียว ซึ่งความจริงก็เป็นแบบนั้น การเข้าวงการบันเทิงไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลย
“ผมว่าคุณลองคิดดูก่อนดีกว่า” ธฤตยิ้ม พูดจาอ่อนโยน “ผมไม่เร่งรัดหรอกครับ แต่อยากให้คุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง หรือไม่ก็ ถ้าคุณว่าง ลองไปดูก่อนก็ได้ พอเห็นว่าเขาทำงานกันยังไง คุณอาจจะคิดว่า ที่จริงมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ คนที่ไม่เป็นก็มีคนสอน เรียนรู้นิดเดียวก็ทำได้แล้ว”
“คุณจะตื้อให้ผมเป็นนายแบบให้ได้ใช่ไหมเนี่ย” กายยกมือขึ้นเกาศีรษะพร้อมกับยิ้มบางๆ
“ถ้าผมจะตื้อ คุณจะว่ายังไง” ธฤตก้มหน้าลงมาใกล้และพูดเสียงทุ้มต่ำ
“ผมก็จะ...” กายมองตาของธฤต และรู้สึกแปลกๆ แวบหนึ่งเขาจินตนาการภาพของธฤตนอนอยู่บนเตียงข้างๆ เขา ใบหน้าซุกอยู่กับหมอนเห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมเข้มด้านข้าง ผิวสีแทน ตัวใหญ่ จมูกโด่ง คิ้วเข้ม
แบบที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้านี้เลยล่ะ
“คุณมีชื่อเล่นไหมครับ ถ้าผมโทรไปจะได้เรียกง่ายๆ” กายเปลี่ยนเรื่อง
“ธฤตก็เรียกง่ายแล้วครับ แค่สองพยางค์ ธ ฤต” ธฤตออกเสียงชื่อตัวเองช้าๆ ชัดๆ
“ไม่มีชื่อเล่นที่เป็นชื่อฝรั่งหรือครับ” กายเริ่มทำการ 'สอบสวนผู้ต้องสงสัย'
“มีครับ” ธฤตพยักหน้ายิ้ม “ตอนเรียนเพื่อนเรียกผมเล่นๆ พอเรียนจบแล้วก็ไม่ค่อยมีใครเรียก จะว่าเป็นชื่อเล่นผมก็ไม่น่าใช่นักซะทีเดียว ความจริงผมไม่ค่อยชอบ”
“ชื่ออะไรครับ” กายอยากจะรู้
“เรียกผมธฤตดีกว่า ผมอยากให้คุณรู้จักตัวจริงๆ ชื่อจริงๆ ของผม” ธฤตพูดแล้วขยัยตัวออกห่างและเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงกระตือรือร้น “ผมว่าเราไปหาอะไรดื่มกันดีไหมครับ ไหนๆ ก็ออกมาจากงานแล้ว ผมว่าคุณคงไม่อยากเข้าไปอีก ผมก็ไม่อยากกลับเข้าไป ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าของงาน”
“แต่ว่าเพื่อนผมยังอยู่ข้างใน” กายหันไปมองประตู
“ผมจะกลับมาส่งให้ทันก่อนงานเลิก แค่ไปคอฟฟี่ช้อปของโรงแรม ลงไปไม่กี่ชั้นเองครับ”
กายตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ใจหนึ่งก็อยากกลับเข้าไปในงาน แต่ใจหนึ่งก็อยากไปกับธฤต
เพราะเขาต้องการ 'สอบสวนผู้ต้องสงสัยรายนี้'
แต่ธฤตดูท่าทางไม่น่าจะยอมตอบคำถามอะไรบางอย่่างที่เป็นเรื่องส่วนตัวง่ายๆ เช่น มีแผลเป็นตรงบ่าหรือเปล่่าอะไรทำนองนี้
ใช่สิ! จริงด้วย! ผู้ชายคนที่เรานอนด้วยคืนนั้นมีรอยแผลเป็นที่อกขวา นึกออกแล้ว! ตอนนั้นเราขย้ำอกเขาอย่างแรงเพราะสะดุ้งเฮือกที่โดนลุกลำ้ด้วยขนาดที่ไม่ธรรมดา เราปรือตามองเห็นแต่อกและต้นคอของเขาก่อนจะหลับตาปี๋ กัดฟัน แหงนหน้า ส่ายไปมาเพราะรู้สึกจุกจนแทบจะทนไม่ไหว!
จริงอย่างที่เชิงชายพูด แม้ธฤตจะดูนิ่งๆ แต่เขาก็พอจะมองออกว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน ธฤตเป็นคนมั่นใจในตัวเอง หรือพูดอีกแบบได้ว่า มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง
'เจ้าชู้หลบใน' อย่างที่เชิงชายพูดกระทบกระเทียบ
ทำงานในวงการบันเทิง และถ้ามีลักษณะเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ว่าอาจท่องราตรี ดื่มเหล้า เมา แล้วพาใครซักคนกลับไปนอนด้วย
ซึ่งใครคนนั้น 'อาจจะ' เป็นเราก็ได้
ธฤตอาจจะเมาก็จริง แต่ลักษณะอย่างธฤตไม่น่าจะเมาจนหมดสภาพและจำอะไรไม่ได้ คำพูดก็ค่อนข้างน่าสงสัย เขาดูคุ้นหน้าเรา ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาพาเราไปมีอะไรกันคืนนั้น แต่อาจจะจำไม่ได้ชัดเจนเพราะคนอย่างนี้ก็คงผ่านใครไม่ซ้ำหน้า หล่อและรวย เป็นเจ้าของธุรกิจด้านบันเทิง ดารา นักร้อง นายแบบก็คงมาเกี่ยวพันกับธฤตอยู่เสมอ ไม่แน่ ธฤตอาจเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้าทุกคืน หรือไม่ก็คืนเว้นคืน
::: End of Chapter 4 :::