สองสายตาประสานกันในความมืดสลัว ไม่มีคำพูดใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาอีก มีเพียงสายตาที่สื่อความหมายแทนคำพูดมากมาย
เขารักเรา เขารักเรา วนัสคิดถึงคำพูดที่เพิ่งได้ยินไปหยกๆ และทวนซ้ำในสมองเหมือนจะประทับประโยคนี้ไว้ในหัวใจ แล้วค่อยๆหลับตาลง ปล่อยทุกอย่างให้อยู่ในมือภูผา
ร่างขาวโพลนบนเตียงกว้างทำให้ภูผาอยากจะกลืนกินร่างบางทั้งหมดในคราวเดียว ฟันคมๆขบย้ำลำคอเล็กจนเกิดเป็นรอยจ้ำแดงเรื่อ ผ่ามือหยาบลูบไล้ไปตามผิวกายเนียนหนักๆให้คนที่รับสัมผัสหอบครวญครางทุรนทุรายกับอารมณ์ปั่นป่วนในตัว
ยอดอกสีแดงเข้มถูกดูดเม้นจนเห่อบวม นิ้วเรียวเล็กขยุ้มศีรษะคนตัวโตไว้แน่น พลางขยับตัวกระเถิบหนีมือใหญ่ที่กำลังแตะต้องส่วนบอบบางของร่างกาย คลึงเค้นจนแข็งตัวตั้งชัน
“อือ.............คุณภูผา”
“ไม่เจ็บนะ แค่อึดอัดเท่านั้นละ” ภูผาพูดปลุกปลอบคนตื่นตะหนก
กว่าจะคิดได้ว่า ภูผาพูดปลุกปลอบตนแบบนี้ทำไม ก็เมื่อปลายนิ้วยาวเริ่มแทรกผ่านเข้าไปในกลีบเนื้ออย่างช้าๆ ร่างบางกระตุกตัวเกร็งรับสัมผัสแปลกใหม่พลางข่มกลั้นเสียงร้องครางน่าอายไว้เต็มที ปลายนิ้วแกร่งยังคงขยับนวดคลึงให้ร่างบางคลายความกังวล แล้วจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสร้างความอึดอัดให้คนใต้ร่างจนต้องอ้าขากว้างเพื่อบรรเทาความอึดอัดที่เกิดขึ้น
“อือ..........อืม”
ภูผาผงกศีรษะขึ้นมองคนใต้ร่างร้องครางขมวดคิ้วนิ่วหน้าหลับตาแน่นอย่างเอ็นดู ก่อนบรรจงจูบลงบนขมับชื้นแล้วค่อยๆนำพากายตนเองที่ขยายตัวเต็มทีสอดใส่ในช่องทางอุ่นแคบ
“คุณภูผา!” เสียงหวีดร้องระคนตกใจกับการรองรับสิ่งใหญ่โตเข้ามาในตัวทำให้วนัสขยับสะโพกหนี ภูผาที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้ายึดจับสะโพกมนไว้มั่น แล้วจึงค่อยๆดันกายตนไปจนสุด
“อือ...........แฮกๆ” วนัสเบิกตามองร่างสูงที่อยู่กลางหว่างขาตนพร่ามัว ริมฝีปากเห่อแดงเผยอออก หอบหายใจลึกๆ เพื่อบรรเทาความอึดอัดในตัว
ร่างสูงใหญ่สมส่วนด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆจากการทำงาน กลมกลืนไปกับผิวเนื้อสีแทนตลอดร่าง เพิ่มเสน่ห์น่าดึงดูดสายตาคนมองให้ลุ่มหลงไปกับรูปกายงามสมบุรุษเพศ สะโพกแกร่งเริ่มขยับถอนออกแล้วกดเข้าอย่างช้าๆให้ร่างบางได้ปรับร่างกายสอดรับกับจังหวะของตน
“เจ็บ.......คุณภูผา.......ผมเจ็บ”
ผนังเนื้อนุ่มอ่อนบางที่โอบล้อมกายใหญ่โต บวมแดง ขยายกว้างจนแทบปริฉีกออกจากกัน ร่างบางนอนหอบหายใจหนักๆ พลางยกสะโพกขึ้นและอ้าขากว้างให้สอดรับกับกายใหญ่ที่กำลังสอดแทรกเต้นตุบๆในตัวเขาไม่หยุด วนัสถอนหายใจยาวเมื่อการกระทำของตนสามารถลดความเจ็บแสบที่เกิดขึ้นได้
“ยังเจ็บอีกมั้ย” ภูผาลดกายกระซิบถามข้างใบหู ลิ้นเปียกชื้นไล้เลียติ่งหูนิ่ม แล้วขบเม้นอย่างหมันเขี้ยว แต่ร่างบางกลับส่ายหน้าหนี
ถามมาได้!
“อ๊า!” สะโพกมนสั่นสะท้านเมื่อคนที่ขยับสอดแทรกเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นจนตัวโยน มือใหญ่รูดรั้งแกนกายของคนนอนทุรนทุรายจนมีน้ำใสๆเอ่อล้น
“อืม.......นัส..........อื้อ!” เสียครางกระเส่าของคนที่ใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง เกร็งเครียดไปทั้งร่าง มือใหญ่ขยับเร่งเร้าให้ร่างบางปลดปล่อยอารมณ์จนทะลักทะลายเปียกโชก
“อ๊า...........” ร่างบางกระตุกกายรับความสุขล้นที่ภูผาปรนเปรอให้จนคอพับคออ่อนหรี่ตามองคนตัวใหญ่มีสีหน้าบิดเบี้ยว “คุณภูผา......”
ภูผาขยับตัวยกสะโพกมนขึ้นแนบกลางลำตัว แล้วกระแทกสะโพกโถมกายใส่ช่องทางเล็ก ส่งผ่านน้ำรักจนเต็มล้นเอ่อออกมาเปรอะเปื้อนภายนอก
“รักนะ” เสียงภูผากระซิบแผ่วเบาบอกร่างบางที่นอนหลับตาเหนื่อยอ่อน พลางแนบริมฝีปากบนเปลือกตาบาง ก่อนจะทรุดตัวนอนทาบทับร่างเล็กไว้ไม่ยอมผละออก
แสงสว่างจากไฟนีออนที่เปิดทิ้งไว้ตามบริเวณบ้านเล็ดลอดสาดส่องเข้ามาในห้องกระทบร่างสองร่างที่นอนก่ายกอดกันบนเตียงยับย่น คนตัวเล็กกว่าอยู่ในภาวะหลับใหล ผิวแก้มเนียนและปลายจมูกยังคงแดงเรื่อจนสังเกตเห็นได้
ภูผาเฝ้ามองร่างที่นอนหลับนิ่งด้วยความเสน่หา ฝ่ามืออุ่นๆค่อยๆลูบไล้หน้าผากชื้นเหงื่อให้อย่างเบามือ และทะนุถนอมราวของสำคัญยิ่ง แม้สิ่งที่เขาทำในครั้งนี้จะเป็นการหักหาญจิตใจของคนที่เขารัก ด้วยการอาศัยช่องว่างจากจิตใจอันอ่อนโยนของวนัสก็ตาม แต่ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง เด็กนี่ก็จะทำเป็นไม่รับรู้ความรู้สึกของเขาสักที หึ.....แกล้งทำเป็นไม่รู้เก่งซะด้วย ก็หวังว่าผ่านคืนนี้ไปจะทำให้วนัสคิดเรื่องของเขามากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก่อนจะก้มมองใบหน้าขาวนวลชัดๆอีกครั้ง
“เฮ้อ..........อยากกินอีกจัง”
\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\
เสียงโหวกเหวกของป้าหยดกำลังจัดการลูกลิงสองตัวให้ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียนดังเข้ามาถึงภายในห้องนอน ทำให้ร่างสองร่างที่หลับใหลตื้นขึ้นมารับเช้าวันใหม่ในเวลาที่สายกว่าปกติ
ผ้าห่มผืนนี้หนักชะมัด เขาจำได้ว่าพอเข้าหน้าร้อนก็เปลี่ยนมาใช้ผ้าแพรผืนบางเบาห่มมาตลอด แล้วไปหยิบไอ้ผืนหนาหนักในตู้มาใช้ตั้งแต่เมื่อไรกัน......................ร่างบางคิดไปพลางเอามือป่ายปัดผ้าผืนหนักๆออกจากตัว ผิวสัมผัสเนียนลื่นของผิวกายคนสะดุดมือจนสะดุ้งตกใจเอี้ยวตัวมองสิ่งที่มือจับต้อง อาการเสียวปลาบแปลบบริเวณบั้นท้ายทำให้ร่างบางลืมตาขึ้นฉับพลัน
ร่างบึกบึนของภูผานอนกอดก่ายร่างกายเขาอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่ในสายตาพร่ามัวพักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆรวบรวมความคิดลำดับเหตุการณ์
จนได้นะเขา เปลือกตาบางหลุบลงมองแผ่นอกหนาเปลือยเปล่าสะท้อนขึ้นลงจากการหายใจ ก่อนจะค่อยๆไล่มองไปตามลำคอ ปลายคาง แล้วก็ริมฝีปาก ริมฝีปากที่เมื่อคืนกดย้ำไปทั่วผิวกายเขาให้ร้อนระอุทุรนทุรายจนต้องเกาะเกี่ยวตามร่างสูงไปถึงไหนต่อไหน
“ยังเพลียอยู่รึเปล่าหือ?” เสียงทุ้มแหบแห้งเล็กน้อยเอ่ยถามเบาๆ เมื่อเห็นร่างบางตื่นก่อนแล้ว
ดวงตาคู่อ่อนโยนตวัดเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมเข้มนิดก่อนจะหลุบตาลงเช่นเดิม วนัสเขยิบตัวออกห่างแต่ถูกแขนแข็งแรงคว้าตัวไว้
“ว่าไง ไม่ยอมพูดเลย เจ็บมากหรือ?” ภูผากดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมนิ่มสลวย แล้วระเรื่อยมาย้ำเบาๆที่ขมับเสียหลายที
“..........” วนัสพยายามรั้งตัวหนีแต่ก็ติดอ้อมแขนเหนี่ยวหนึบยังกับติดกาวกักตัวไว้ จึงทำได้แต่ปล่อยให้ภูผาจูบจนพอใจ แล้วจึงส่งสายตาเขียวๆไปให้
“หือ?” ภูผาส่งเสียงถามย้ำ
ยังคิดจะถามอีกเหรอ แต่ดูจากสายตาแล้วถ้าไม่ตอบมีหวังตื้อถามไม่เลิกแน่ ถึงจะคิดได้ยังงั้นแต่ก็สุดจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ จึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ส่ายหน้าด๊อกแด๊กแทนคำตอบ
จะเจ็บหรือไม่เจ็บภูผาก็สุดจะเดาได้ แต่เพราะเข้าใจจึงคว้ามือเล็กขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ขณะสายตายังคงจับจ้องใบหน้านวลไม่ห่าง
“เสียใจรึเปล่า” ภูผาถามเสียงเบา
วนัสเงยหน้ามองใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราที่ยังไม่ได้ผ่านการโกนตอนเช้าเต็มตา พลางคิดถึงสิ่งที่ภูผาถาม ช่างเป็นคำถามที่แทงใจเขาได้ดีจริงๆ เพราะเขาเองก็หาคำตอบให้ตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ควรจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จะว่าไปเขาก็เสียใจอยู่เหมือนกัน มันเร็วไปสำหรับเขารึเปล่า แต่ถ้าพูดออกไปผู้ชายตรงหน้านี้จะทำหน้าเหมือนเมื่อครั้งงานวัดวันนั้นรึเปล่านะ เขาไม่ต้องการอย่างนั้นเลย
หากดวงตามุ่งมั่นคู่คมยังคงฉายแววคาดหวังในคำตอบของเขาอยู่ดี ดวงตาที่คอยมองเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย มือใหญ่หยาบกร้านที่คอยประคับประคองเวลาเขาล้มและฉุดรั้งให้ลุกเดินไปพร้อมๆกัน เห็นแล้วก็ให้รู้สึกสะท้านในใจ
คุณภูผา คุณรู้ตัวมั้ยว่า คุณทำให้ผมปฏิเสธคุณไม่ได้เลย เพราะคุณเอาใจของคุณมากองไว้ตรงหน้าผมขนาดนี้แล้ว จะให้ผมปัดทิ้งอย่างไม่ใยดีได้ยังไงกัน ผมก็มีหัวใจเหมือนกันนะ
หัวใจดวงเล็กๆอุ่นขึ้นก่อนจะสั่นหน้าช้าๆแทนคำตอบ
ภูผายิ้มกว้างแล้วรวบตัวร่างบางเข้ามาแนบอก จนอีกฝ่ายหายใจแทบไม่ออก ขยับดิ้นหยุกหยิก
“ปล่อยเถอะครับ ขอผมใช้ห้องน้ำหน่อย” วนัสอ้อมแอ้มพูดขอให้ร่างสูงปล่อยตัว
“เดี๋ยวฉันพาไปนะ” ภูผาอาสาบริการให้คนรักเต็มตัวหมาดๆ
“ไม่ครับ ผมจะไปเอง!” วนัสบอกปัดความหวังดีของภูผารวดเร็ว ด้วยไม่อยากรู้สึกเก้อเขินไปมากกว่านี้แล้ว
ถึงแม้จะต้องเดินโขยกเขยกกระย่องกระแย่งลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ร่างบางก็ดูจะพออกพอใจกับการได้อยู่คนเดียวชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะออกมาเผชิญหน้ากับร่างสูงที่นั่งรอบนเตียงใหญ่ยับย่นเหมือนเดิม
ภูผายื่นแขนเชื้อเชิญให้ร่างโปร่งบางที่ยืนนิ่งหน้าห้องน้ำเดินเข้ามาหา และวนัสก็เดินเข้าสู่อ้อมแขนแข็งแรงอย่างไม่เกี่ยงงอนอีกต่อไป
“นัส ฉันจะเชื่อในการกระทำมากกว่าคำพูด เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่คาดคั้นให้นัสต้องพูดหรือตอบอะไรให้ลำบากใจอีก.........ฉันจะรอให้นัสเต็มใจพูดว่า รักฉัน นานแค่ไหนฉันก็จะรอ..........นะ ”
วนัสพยักหน้ากับซอกคอภูผาหงึกๆ พอใจที่อีกฝ่ายให้เวลากับตน ก่อนจะขอเอ่ยเสียงเบา
“ผมขอกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” ร่างบางมองสภาพตัวเองใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่หยิบติดมือเข้าห้องน้ำไปด้วย จากที่มันกองอยู่บนพื้นทั้งคืน
“ใส่ของฉันก็ได้”
วนัสส่ายหน้าดิก และภูผาเองก็ไม่คิดจะขัดใจร่างโปร่งบางไปมากกว่านี้ จึงบอกให้วนัสรอเขาอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยไปด้วยกัน เมื่อลับร่างสูง วนัสจึงถือโอกาสเปิดประตูห้องนอนออกไปรอเจ้านายที่ห้องรับแขก
“อ๊ะ!”
“อุ๊!”
ร่างท้วมของป้าหยุดชะงักอยู่หน้าประตูห้องนอนด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอวนัสเปิดประตูออกมาพอดี
วนัสมองป้าหยดตาค้างด้วยความตกใจเหมือนกัน ในมือป้าหยดหิ้วถังน้ำกับผ้าถูพื้นมาด้วย ให้ตายเถอะ!............บ้านนี้ยังมีป้าหยดเข้าๆออกๆอยู่อีกคนหนึ่งนี่นา ถึงแม้จะไม่ได้ค้างคืนแต่ป้าหยดก็จะมาเช้าๆและกลับค่ำๆอยู่เป็นประจำ เอาไงละเนี่ย ป้าหยดต้องคิดว่าแปลกแน่ๆเลย ที่เห็นเขาออกมาจากห้องเจ้านายแบบนี้ มันไม่เหมือนครั้งแรกที่เขาเมาไม่ได้สติด้วยสิ
ใบหน้าสีแดงเข้มจากความอายค่อยๆเปลี่ยนเป็นขาวซีด ยืนนิ่งตกตะลึงเหมือนเวลาจะหยุดเดินบัดดล ร่างบางไม่สามารถขยับเขยื้อนกายอย่างที่ใจคิดได้แม้แต่น้อย
นี่ละ สิ่งที่เขาต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงครั้งนี้ คนที่รู้จักจะมองยังไง รู้สึกยังไง และเขาก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอตั้งแต่เช้าวันแรกแบบนี้เลย รวดเร็วทันใจจนเขาตั้งตัวไม่ทันจริงๆกับบททดสอบชีวิตข้อแรกของการเปลี่ยนแปลงไปในครั้งนี้
ป้า..........ป้าหยด เสียงครางเครือติดอยู่แค่ลำคอ ไม่ผ่านพ้นริมฝีปากออกมา อาการพะงาบๆเหมือนปลาขาดน้ำไม่มีผิด
แววตาสั่นไหวแดงก่ำเพ่งมองไปยังร่างท้วมที่มองมาด้วยแววตาของคนเจนโลก ผ่านเรื่องร้อนหนาวมามากมาย ทำให้วนัสรู้สึกเย็นตั้งแต่ปลายเท้าถึงขั้วหัวใจ
ป้าหยดวางถังน้ำลงกับพื้น มองเด็กหนุ่มยื่นปากคอสั่นระริกจนดูน่าสงสาร หญิงสูงวัยพอจะเดาอะไรได้ลางๆตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ถึงไม่ได้เข้าไปปลุกเจ้านายหนุ่มอย่างเคย ถึงจะรู้สึกขัดตาขัดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็สู้ทำใจเป็นกลางเข้าไว้ โลกนี้ล้วนไม่จีรัง ไม่มีสิ่งใดจะสมบูรณ์แบบ อย่าไปยึดติดและวางกรอบให้กับใคร ดูชีวิตครอบครัวที่ผ่านมาของคุณภูผาสิ เคยผ่านการแต่งงานกับภรรยาสาวแสนสวยจนใครๆอิจฉากันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่มันก็ไม่ได้รับประกันยืนยันว่าจะทำให้ชีวิตครอบครัวมันไปได้ตลอดรอดฝั่ง แล้วจะไปเอาอะไรกับชีวิตสั่นๆนี้นักหนากัน ทั้งตัวเองก็ยังรู้สึกรักใคร่เอ็นดูชายหนุ่มทั้งสองคนเกินกว่าจะตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ได้
“จะทานข้าวเลยมั้ยคะ วันนี้ป้าทำข้าวต้มทรงเครื่อง เดี๋ยวป้าจะไปตักมาให้”
น้ำเสียงเอื้ออารีของป้าหยดทำให้ใจที่ห่อเหี่ยวชุ่มชื้นขึ้นมาทันตาเห็น อย่างน้อยป้าหยดก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้เขาได้รู้สึกสมเพชตัวเอง หญิงสูงวัยขยับจะเดินเข้าครัวแต่วนัสก็เอ่ยท้วงเสียงแหบแห้งไว้ก่อน
“ไม่หรอกครับป้า เดี๋ยวผมจะกลับบ้านแล้ว ขะ..........ขอบคุณนะครับ” ประโยคหลังดูเหมือนจะครอบคลุมไปถึงเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจแม้ไม่ได้พูดออกมาตรงๆก็ตามที
ป้าหยดยิ้มให้วนัสนิดแล้วคว้าถังน้ำเดินเงียบเชียบจากไป ทิ้งให้วนัสได้สูดอากาศเข้าจนเต็มปอดอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบมองประตูห้องที่ตนเดินออกมา
เส้นทางที่เขากระโดดเข้ามามันเต็มไปด้วยขวากหนามที่พร้อมจะเข้ามาทิ่มแทงให้เจ็บปวด หากไม่รักษาตัว รักษาใจให้เข้มแข็งพร้อมจะฝ่าฟันเดินออกไป
คุณภูผา...................ถึงตอนนี้ผมจะทำตัวน่ารังเกียจที่เอาแต่รับความรู้สึกจากคุณฝ่ายเดียว โดยที่ผมยังไม่รู้ว่า เมื่อไรผมกล้าจะตอบรับตามที่คุณต้องการได้ แต่ผมก็รู้ได้อย่างหนึ่งละว่า คุณทำให้อนาคตข้างหน้าของผมต้องเหนื่อยแน่ๆ
\\\\\\\\\\\\\\
ภูผาพาวนัสกลับบ้าน ในขณะที่รออีกฝ่ายอาบน้ำตัวเองก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดของอีกฝ่ายออกมาพับๆไว้สามสี่ชุด จนคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นเข้าทำหน้าแปลกใจ
“จะเอาเสื้อผ้าผมไปไหนครับ”
“เอาไปไว้ที่บ้านฉัน คราวหน้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเทียวไปเทียวมา” ร่างสูงตอบหน้าตาเฉย
นี่!...........จะมากไปแล้วนะครับ ถึงจะมาจนถึงขั้นนี้แล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่คิดจะไปอยู่บ้านคุณหรอกนะ ร่างบางที่ผมยังเปียกน้ำหยดติ๋งๆ เดินเข้าหาร่างสูงหมายจะเอาเสื้อผ้าที่ถูกพับรอท่าไว้ไปเก็บ ถูกร่างสูงกันไว้อย่างเหนี่ยวแน่น จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถยื้อเอาเสื้อผ้าคืนมาได้ จึงจำต้องล่าถอยแต่ก็ไม่วายส่งสายตาเขียวๆทิ้งท้ายให้ร่างสูงอย่างโมโหตะหงิดๆ
TBC
พอดีได้อ่านน้องถิง เลยมาต่อเรื่องนี้ให้ อิอิ (ขอบคุณนะคะ รกร ที่รัก หึหุหุหึ)
โห คุณภูผา มัดมือชกชัดๆ ในที่สุดก็ ตึ่งตึ๊ง
เเละ

ทุกคอมเมนท์ เจ้าของเรื่อง พี่สาเกได้เข้ามาอ่านเมนท์นะคะ เเต่ไม่ได้โพสตอบ ขอบคุณทุกท่านเเทนคุณพี่สาเกจ้า

งานหนักมากกกกกเเต่ก็ยังไม่ห่างเล้า