-16-
หลังจากที่เห็นภาพตำตาไปแล้วนั้นปฐวีเศร้าใจไปพักใหญ่ก่อนจะก้าวลงจากรถแต่แล้วก็หันกลับมาหาอีกสองคน
“วัตร ขับรถพาน้องมินทร์ไปเที่ยวแล้วกันนะ ไม่ต้องห่วงฉัน เย็นๆเจอกันที่บ้าน”
เมื่อเอ่ยจบร่างโปร่งก็รีบวิ่งหายเข้าไปในตัวอาคารอีกคน
“เอาไงดีล่ะเนี่ยทีนี้”
เรวัตรเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ผมห่วงอาวีนะครับ อาวัตรว่าอาวีจะต้องการความช่วยเหลือจากเราไหม”
“ไหนๆเราก็รู้สึกเป็นห่วงวีด้วยกันทั้งคู่ งั้น…เราตามเข้าไปกันเถอะ”
ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินไปเดินมาพลางสอดส่ายสายตามองหาคนคุ้นเคยและไม่นานก็พบเข้ากับร่างสูงที่กำลังยืนเลือกซื้อของอยู่ตรงแผนกเด็กอ่อน มือใหญ่หยิบถุงมือคู่น้อยที่ทำจากเนื้อผ้านุ่มนิ่มขึ้นมาก่อนจะอมยิ้มกับสิ่งที่อยู่ในมือ
หญิงสาวที่ยืนเคียงข้างขยับกายเข้าไปแนบชิดก่อนคนทั้งคู่จะเดินซื้อของใช้จำเป็นอะไรอีกมากมาย เพราะนภดลไม่เคยทำให้อะไรให้ใครจนปฐวีหลงคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษทั้งๆที่การกระทำและรอยยิ้มที่เขาเคยได้รับคนอื่นๆก็ได้รับมันเช่นกัน
ร่างบอบบางในชุดคลุมท้องเดินสะดุดทำให้อ้อมแขนใหญ่รีบโอบประคองไว้ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้มหน้าก้มตาปฐวีก็เดินเข้าหยุดลงต่อหน้า เมื่อนภดลเงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มก็ทำสีหน้าตกใจ หญิงสาวคว้าท่อนแขนใหญ่ไปควงก่อนจะยิ้มกว้างให้คนที่ยืนอยู่ต่อหน้า
“พี่วีใช่หรือเปล่าคะ”
ปฐวีพยักหน้าให้
“สวัสดีค่ะพี่วี ต้องขอโทษด้วยนะคะที่แองจี้ไม่ได้ขออนุญาตก่อนควงพี่ดลมาซื้อของให้ลูกน่ะค่ะ”
“จะขอโทษทำไมล่ะครับ ยังไงซะพี่กับดลก็ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลาอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะพี่วีนี่ใจกว้างจังเลย พี่ดลคะ…เดี๋ยวเราไปซื้อของต่อเถอะค่ะ วันนี้ตอนบ่ายมีนัดตรวจด้วย”
“เดี๋ยวแองจี้เดินไปก่อนนะ พี่ขอคุยกับวีแป๊บหนึ่ง”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะหันมาไหว้ลาซึ่งปฐวีก็รับไหว้แต่โดยดี เมื่อเธอเดินห่างออกไปนภดลก็คว้ามือเล็กกว่ามากุมไว้แต่ปฐวีก็สะบัดออกทันที
“วี…”
“มีอะไรก็ว่ามา”
“คือดล…”
ยังไม่ทันที่นภดลจะได้เอ่ยอะไรออกมาต่อเสียงโทรศัพท์มือถือของปฐวีก็ดังขึ้นขัดเสียก่อนและปลายสายก็คงไม่พ้นใครนอกจากคุณศิลาเจ้าของไร่อิงดาว
“ครับ คุณศิลา อ่อ…ว่างครับคุยมาได้เลย”
ชายหนุ่มร่างโปร่งคุยไปพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อยไปพลางก็ทำเอาอีกคนอดไม่ได้ที่จะโมโห มือใหญ่คว้าโทรศัพท์มือถือมาจากปฐวีก่อนจะกดสายทิ้ง ปิดเครื่องและส่งคืนให้
“ฉันยังคุยไม่จบ”
“ดลไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะเวลาเราจะคุยกัน”
“จะพูดอะไรก็ว่ามา วีจะไปแล้ว”
“วีจะรีบไปไหน ขอแค่ห้านาทีไม่ได้เลยเหรอไง”
ปฐวีเงียบยอมฟังแต่โดยดีแต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง นภดลสบถออกมาทันที ในใจนึกอยากจะขว้างเครื่องมือสื่อสารทิ้งแต่อีกใจก็ห่วงคนที่อยู่ปลายสาย
“ห้านาทีหมดลงซะแล้วล่ะ”
ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินห่างออกไปยืนตรงทางแยกราวกับจะให้นภดลเลือกว่าจะไปทางไหน เพราะทางซ้ายชายหนุ่มจะต้องเดินไปหาหญิงสาว ส่วนทางขวาเป็นทางที่เขากำลังยืนอยู่ ชายหนุ่มหนุ่มนายแบบละล้าละลังจะก้าวซ้ายก้าวขวา ปฐวีเห็นท่าทีไม่ชัดเจนอย่างนั้นจึงก้าวเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
แต่แล้วก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่ห้อมล้อมจากด้านหลัง นภดลกอดอีกฝ่ายแน่นก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนต้นคอและผละตัวออกและเลือกเดินไปทางแยกด้านซ้าย ทางที่เขาไม่ได้ยืนอยู่
ก่อนไปน้ำเสียงทุ้มลึกได้เอ่ยฝากถ้อยคำไว้แผ่วเบา
“ดลรักวีนะ”
คำพูดกับการกระทำที่ขัดแย้งกัน จะทำให้ปฐวีเชื่อได้สักแค่ไหน ชายหนุ่มร่างโปร่งก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน
ปฐวีกำลังจะเดินกลับมาที่รถก็ได้สวนทางกับสองอาหลานพอดี
“โอเคไหม”
เรวัตรเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายยังไม่ค่อยดีขึ้นเสียเท่าไหร่
“โอเค ป่ะ…เราไปเที่ยวกันให้เต็มที่เลยดีกว่า”
ชายหนุ่มร่างโปร่งขับรถออกมาจนถึงชานเมืองก่อนจะหยุดรถลงที่ที่หนึ่งที่ภูมินทร์เห็นแล้วถึงกับยิ้มกว้าง
“ดรีมเวิร์ด เย่ๆๆ…อาวีนี่รู้ใจผมจริงๆ”
เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยความตื่นเต้น เมื่อถึงหน้าประตูเรวัตรก็เป็นคนออกค่าบัตรผ่านประตูให้ทั้งเพื่อนและหลานรักก่อนจะพาทั้งคู่เดินเข้าไปยังดินแดนแห่งความสนุก
ภูมินทร์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นของเล่นชนิดต่างๆที่เขาเคยแต่มองผ่านจอทีวี วันนี้จะได้สัมผัสจริงๆสักครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ เด็กหนุ่มหยุดยืนตามที่ต่างๆที่เห็นว่าน่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
เมื่อถึงตรงที่เป็นเก้าอี้นั่งสีชมพูและข้างหลังเขียนตัวภาษาอังกฤษว่า ‘LOVE’ ปฐวีก็แย่งกล้องมาจากเรวัตรก่อนจะดันเพื่อนสนิทให้ไปนั่งคู่กับเด็กหนุ่มที่เก้าอี้
“นี่…ไม่รู้จักกันหรือไงสองคนนั้นน่ะ นั่งชิดๆกันหน่อยสิ”
ชายหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยแซวทั้งเรวัตรและภูมินทร์ต่างก็ค่อยๆขยับเข้าหากันแต่ก็ยังไม่ถูกใจตากล้องอีกอยู่ดี
“วัตร แขนน่ะถ้ามันเกะกะมากนัก ก็โอบบ่าน้องมินทร์ไปเลย”
ปฐวีเอ่ยบอก เรวัตรจึงใช้อ้อมแขนกว้างโอบรอบบ่าเล็กไว้และดึงร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาแนบชิดมากขึ้นก่อนที่เสียงชัตเตอร์จะดังขึ้น ชายหนุ่มร่างโปร่งอดยิ้มอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตัวเองไม่ได้ รูปนี้ควรค่าแก่การเก็บไว้เพราะดูน่ารัก ละมุนละไมมากที่สุด
ทั้งสามคนเดินตรงไปยังส่วนของเมืองหิมะแต่ปฐวีอ้างว่าไม่ค่อยถูกกับอากาศหนาวจึงไม่ขอเข้าไป
“อาวีอ่ะ ผมอยากได้อาวีเข้าไปด้วยนี่นา”
“น้องมินทร์เข้าไปเล่นเถอะครับ เดี๋ยวอาวีจะรอข้างนอก”
ภูมินทร์กับเรวัตรเดินเข้ายังโซนเปลี่ยนรองเท้าและรับเสื้อกันหนาว ชายหนุ่มหันไปใส่เสื้อให้กับคนตัวเล็กกว่าก่อนจะติดกระดุมเสื้อให้อย่างเรียบร้อยแต่แล้วชายหนุ่มก็อดแกล้งไม่ได้จึงดึงฮู้ทด้านหลังเสื้อกันหนาวมาเสียเกือบปิดหน้า
“เด็กน้อยเอสกิโม”
“อาวัตรอ่ะ แกล้งมินทร์ นิสัยไม่ดี”
เด็กหนุ่มบ่นอุบก่อนจะดึงให้ฮูทไปอยู่ด้านหลังแต่ชายหนุ่มก็ดึงกลับมาอีก
“เข้าไปข้างในมันหนาวนะ เดี๋ยวไอเย็นๆเกาะผมเข้าจะไม่สบายเอา”
ทั้งคู่เข้ามายืนอยู่พื้นที่สีขาวโพลน ไอเย็นที่เป่าสร้างหิมะเทียมทำให้เด็กหนุ่มถึงกับตัวสั่นก่อนจะเดินไปดูยังส่วนต่างๆอย่างสนอกสนใจ เรวัตรจำต้องเป็นตากล้องจำเป็นเมื่อเด็กหนุ่มหยุดตรงโน้นทีตรงนั้นทีเพื่อถ่ายภาพ
ปุยหิมะที่ถูกทำขึ้นโปรยปรายลงมาจากด้านบนทำให้เรวัตรยืนซ้อมร่างหลังเด็กหนุ่มก่อนจะหันกล้องเข้าหาแล้วนับสามก่อนจะกดชัตเตอร์ ชายหนุ่มยืนยิ้มให้กับรูปภาพที่ถูกถ่ายออกมาทำให้ภูมินทร์เกิดอาการอยากรู้ขึ้นมา
“อาวัตร ขอมินทร์ดูด้วย”
ชายหนุ่มลดระดับการถือต่ำลง ภาพที่เห็นนั้นทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ใบหน้าอ่อนเยาว์แดงระเรื่อก่อนจะหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆแต่แล้วก็อดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มอีกฝ่ายเสียฟอดใหญ่ เรวัตรทำหน้าเหรอหราที่อยู่ๆก็ถูกหอมแก้มกะทันหันจนเด็กหนุ่มต้องเอ่ยบอก
“รางวัลที่อาวัตรถ่ายรูปออกมาได้ถูกใจมินทร์ไงล่ะครับ”
เรวัตรคว้ามือเล็กมากุมไว้ก่อนจะยกขึ้นแนบริมฝีปาก
“มือเย็นเฉียบเลย เดี๋ยวเราออกกันดีกว่า อาไม่อยากให้วีรอนานน่ะ”
ว่าแล้วทั้งคู่ก็อออกมายังด้านนอกโดยเห็นปฐวียืนรออยู่แล้ว ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินไปยังร้านขายไอศกรีมก่อนจะสั่งรสโปรดให้กับหลานของเพื่อน ภูมินทร์รับมาก่อนจะกัดเข้าที่โคนจึงทำให้ไอศกรีมสีหวานติดอยู่ที่ปลายจมูก
“ดูสิ…แค่กินไอศกรีมยังเลอะ อาจะปล่อยไปไหนได้ยังไงกัน”
เรวัตรเอ่ยก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเข้มมาเช็ดให้ราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวน้อยๆ ทั้งสามคนเดินผ่านซุ้มเกมส์ต่างๆซึ่งเด็กหนุ่มก็มองรางวัลล่อใจอย่างเพลิดเพลินแต่แล้วผู้เป็นอาก็จูงมือเข้าร้านร้านหนึ่ง
“มินทร์อยากได้ตัวไหนมากที่สุด”
ชายหนุ่มเอ่ยถาม ภูมินทร์มองไปรอบๆก่อนจะถูกใจเข้ากับตุ๊กตาตัวหนึ่งเข้า
“ชอบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวนั้นเหรอ”
“มินทร์ได้ตุ๊กตาหมีเป็นของขวัญวันเกิดจากอาดลแล้วครับ ไม่อยากได้ตัวไหนไปแทนด้วย มินทร์เอามิคกี้เม้าส์ตัวนั้นแล้วกันครับ”
เด็กหนุ่มชี้และมองดูเรวัตรที่ตั้งอกตั้งใจเล่มเกมส์ ดูก็รู้ว่าเสียเงินไปมากพอควรแต่ในที่สุดภูมินทร์ก็ได้เจ้าหนูอินเตอร์ตัวนั้นมากอดไว้ในอ้อมแขน
“อาวีครับ ผมไม่เห็นอาวีเล่นเครื่องเล่นอะไรบ้างเลย”
“อาวีของมินทร์น่ะ อายุเกินแล้ว ห้ามขึ้น ฮ่าๆๆ”
เรวัตรเอ่ยบอกทำให้ปฐวีมองค้อน
“แหม…ได้ข่าวว่าวัตรเกิดก่อนวีอีกไม่ใช่เหรอ”
ภูมินทร์หัวเราะทั้งคู่ มาทะเลาะกันเรื่องอายุเนี่ยยิ่งกว่าเด็กๆทะเลาะกันเสียอีก เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าซุ้มขายไหมฝันสีสวย เมื่อผู้เป็นอาเห็นว่าหลานเจออะไรถูกใจก็รีบหยิบกระเป๋าสตางค์จ่ายเงินให้ทันที
“โอ๊ย…พ่อบุญทุ่ม”
“วัตรมีแค่มินทร์คนเดียวนี่ เป็นธรรมดาที่เวลามินทร์อยากได้อะไรวัตรก็อยากจะหามาให้”
ปฐวียิ้มให้กับคำพูดนั้นก่อนจะมองภาพของทั้งสองคนผลัดกันดึงใยน้ำตาลสีหวานป้อนให้อีกฝ่าย
เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำค่ำมืดปฐวี เรวัตรและภูมินทร์ก็กลับมาถึงบ้าน แต่เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้านก็เห็นนภดลมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“มาถึงกันพอดีเลย ไหนๆก็กลับมากันแล้วตั้งโต๊ะเลยแล้วกันนะลูก”
“เดี๋ยวคุณแม่นั่งรอนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยจัดโต๊ะ ตักข้าว ยกกับข้าวให้เอง”
นภดลเอ่ยก่อนจะกุลีกุจอจัดแจงโต๊ะอาหารแต่ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อนจึงดูขัดๆอยู่บ้าง เดือดร้อนถึงปฐวีต้องเข้ามาช่วย
“คุณชายก็แบบนี้ ไปนั่งรอไป เกะกะ”
“ก็อยากช่วยนี่นา”
ชายหนุ่มหุ่นนายแบบไม่ยอมถอยหนีไปไหนจนแล้วจนรอดมือทั้งคู่ก็สัมผัสโดนกันเมื่อจะหยิบจานข้าวไปตั้งที่โต๊ะ
“แม่มาพาดลออกไปที ยืนเกะกะขวางทางวีรำคาญ”
แต่อยู่ๆนภดลมารวบตัวเข้าไปกอดหน้าตาเฉยทำให้ปฐวีหน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกได้จึงใช้ทัพพีตักข้าวตีคนฉวยโอกาส
“ไม่ต้องแล้วครับคุณแม่ ผมไม่ยืนขวางทางวีแล้วครับ”
จับมากอดซะเลยจะได้ไม่ต้องมาคอยบ่นว่ายืนขวางทาง
“คืนนี้ขอนอนค้างที่นี่นะ มีเรื่องอยากคุยด้วย”
นภดลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่จริงจังซึ่งไม่อาจทำให้ปฐวีขัดขืน ในใจก็หวั่นกลัวว่าจะเป็นข่าวร้าย
“ถ้าเรื่องเธอคนนั้นล่ะก็…”
“ใช่…เรื่องของแองจี้นั่นแหละ”
ปฐวีพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมแขนที่โอบรอบไว้ก่อนจะจัดโต๊ะอาหารต่อและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาหารมื้อนี้คงจะไม่เป็นมื้อสุดท้ายของเขากับนภดล
และคงจะไม่เป็นมื้อสุดท้ายที่เขาจะได้กินข้าวกับกับข้าวที่แสนอร่อย
เพราะถ้านี่เป็นมื้อสุดท้าย ต่อไปเขาคงได้กินข้าวเคล้า
…น้ำตา…
2BCon…
มาอัพแล้วคับ :mc4:กำลังคิดอยู่คับว่ามาอัพเร็วหรือเปล่าแต่ดูจากเวลาแล้วก็พอเหมาะล่ะคับคือพรุ่งนี้ไนท์จะหนีเที่ยวคับ ใครอยู่แถวแหลมแท่น บางแสนก็ขอเชิญชมฟรีคอนเสิร์ตวง Singular เจ้าของเพลง 24/7, เบา เบา เป็นต้น ได้นะคับ แนวเพลงกับบรรยากาศเข้ากันมากๆ o13ช่วงนี้อากาศหนาวร่วมรณรงค์โครงการ 'Free Hug'คับ
![:กอด1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook_dookdik_16024_46513.gif)
ตอบเม้นต์คับ
Églantier✿- -> นภดลกำลังแก้ปัญหาอยู่น่ะคับ อาหลานก็หวานไปก่อน แล้วก็สู้ๆๆเช่นกันนะคับยิ้มเข้าไว้ เกรดของไนท์เองก็ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ Fighting!!!
yayee2- -> ขอบคุณคับคุณพี่แก้ว สาธุคับมีคำสอนมาด้วย วีกับดลเป็นประเภทไม่ค่อยคุยกันน่ะคับ ส่วนอาหลานปล่อยให้หวานไปอีกแป๊บคับ หึหึ…(หัวเราะอย่างตัวร้าย)
heefever - -> ความจริงไนท์ก็อยากให้เรื่องศิลาจบง่ายๆนะคับแต่ต้องดูก่อน ฮ่าๆๆ เดี๋ยวพอเรื่องเคลียร์จะจัดหวานๆให้แฟนคลับอาวีกับอาดลนะคับ
sammy- - > ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์ รอตามอ่านไปเรื่อยๆนะคับ ^^
roseen - -> ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์คับ
win200 - - > เอาตอนต่อไปมาเสิร์ฟแล้วนะคับ รออ่านตอนต่อๆไปด้วยนะคับ ขอบคุณครับ
iforgive- - > คับ ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์และการติดตามอ่านคับ
padigree- ->ไนท์จะพยายามไม่ให้เศร้ามากไปกว่านี้นะคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ
King_Arthur- -> คู่ดลกับวีจะไม่ค่อยเข้าใจกันเพราะไม่พูดกันให้เข้าใจน่ะคับ คือให้แม่วีไฟเขียวไปเลยคับไม่งั้นเดี๋ยวเป็นเรื่องอีก ส่วนเรื่องน้องมินทร์กับอาวัตรไม่ต้องห่วงคับมีแน่ ฮ่าๆๆ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับคุณเอ็ม ^^
didi- - > ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ
BeeRY- - > ไนท์จะพยายามเคลียร์คู่อาวีกับอาดลให้อย่างรวดเร็วนะคับ ดูเหมือนทุกคนจะสงสารอาวีกันมากมาย ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ
PEENAT1972- -> จิ้มคุณพี่นัทคับมาเม้นต์ตอนไนท์กำลังจะเอานิยายลงพอดี เรื่องความไม่เข้าใจเนี่ยสร้างเรื่องได้มากมายแล้วคับ ยิ่งไม่พูดอีกยิ่งเข้าไปใหญ่เหมือนเพลง “นี่คือจุดจบ (ของคนไม่พูดกัน)” อ่ะคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ
samsoon@doll- ->จิ้ม ฉึก ฉึกเลยคับ ดีนะคับตอบเม้นต์ทัน ฮ่าๆๆ เรื่องเอามาม่ามาให้ซดถึงรถเนี่ยเจ๋งมากคับไนท์คาดไม่ถึงจริงๆ อีกอย่างคู่อาหลานหวานไปก่อนคับ คุณย่ากำลังซุ่มชาร์จพลังอยู่คับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ