Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1005097 ครั้ง)

ออฟไลน์ inhyung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องจากไปปปปปป

แต่เดี๋ยวก็ได้พบกันใหม่น่า

ออฟไลน์ DeJavu~ ★

  • มาเฟียแสนซน กะชีคผู้เคร่งขรึม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-9
มารอ อัลชาล์ คาวี่ ป้าปุ้ย

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
รอคอยการกลับมาของคาวี่ แล้วก็คนเขียน~
 :z2:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Line 45 : คำเชิญ



     ยามเช้ามาถึงแม้ไม่อยากให้ถึง จะอย่างไรธรรมชาติก็ยังคงดำเนินตามครรลองของมันอย่างเที่ยงตรง ดวงจันทร์ที่เคยส่องแสงนวลลาลับจากฟ้า ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ค่อยปรากฏกายขึ้นย่างเงียบเชียบเพื่อฉายแสงจ้าบ่งบอกถึงวันใหม่ ดวงตาสีน้ำทะเลเปิดขึ้นเพื่อพบกับแสงอาทิตย์สาดเข้ามาจากหน้าต่างกรุกระจกและที่นอนเย็นชืดข้างกายไร้คนคอยนอนเคียง  ขอบตาผ่าวร้อนปิดลงอีกคราด้วยแสงจ้าขณะที่ความขมปร่าเเล่นเข้ามาในหัวอก


     พลิกกายขึ้นลุกจากเตียงนอนอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีน้ำทะเลหรุบต่ำจ้องมองปลายเท้าของตนอย่างลอยเหม่อ คาวัลโลก้มมองฝ่ามือของตนพลันคิดถึงเรื่องราวในค่ำคืนที่ผ่านพ้น หลังจากร่วมรักกันราวกับไม่รู้จักอิ่ม แม้อยากจะลืมตาและกกกอดคนที่ตนรักไว้ อยากใช้เวลาที่เหลือให้มีค่ามากที่สุด ทว่าความเหนื่อยอ่อนทำให้ต้องปิดพับดวงตาลงพร้อมสติที่หล่นหาย เพื่อตื่นขึ้นมารับความอ้างว้างเย็นชาชวนขมขื่นในอารมณ์


       นาฬิกาบนผนังบอกเวลาแปดโมงสามสิบห้านาทีบอกให้รู้ว่าเสียงท้องร้องโครกครากเป็นเพราะถึงเวลาอาหาร คาวัลโลมองเห็นเสื้อเชิ๊ตขาวและกางเกงสีดำแบบสากลวางพาดอยู่ตรงตั่งเล็กๆปลายเตียง เขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจและโน้มตัวลงไปคว้ามันมาสวมใส่


        ป้ายโลหะเย็นเฉียบที่ทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงทำให้คาวัลโลชะงัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉายแววงวยงงวูบ หากแต่เมื่อได้มองเห็นสิ่งของนั้นชัดถนัดตา คนที่ต้องนิ่งงันกลับเป็นตัวเขานั่นเอง..


        ..สร้อยกางเขนทำจากทองคำขาวแสนคุ้นตา ประดับบนแผ่นอกขาวที่มีร่องรอยสีจัดประปราย คาวัลโลแตะปลายนิ้วลงไปสัมผัสสิ่งนั้นด้วยสีหน้าหลากหลาย       ..หนึ่งคือคิดถึงคนึงหา แต่อีกหนึ่งความรู้สึกที่รุนแรงกว่าคือความแปลกใจ..ไม่ได้แปลกใจที่อัลชาอ์นำมันมาสวมให้เท่ากับแปลกใจ..แปลกไปว่าตัวเขานึกลืม..หรือนึกเคยคุ้นกับลำคอที่ว่างเปล่าไม่มีเครื่องประดับชิ้นนี้ที่เขาหวงนักหวงหนาตั้งแต่เมื่อไหร่..


        ความสงสัยมาพร้อมความรู้สึกหวนอาลัยทั้งเจ็บปวดรุนแรงจนขอบตาร้อนผ่าว คาวัลโลเม้มปากแน่น จ้องมองสร้อยเส้นงามในมือของตนพลางกลืนก้อนสะอื้นลงคอช้าๆ นึกขันตัวเขาที่"คุ้น"และ"รัก" เจ้าของอ้อมกอดนั้นจนแทบไม่มีแก่ใจหวนอาลัยถึงสิ่งที่อยู่ข้างหลัง เขาที่รักใคร่และหลงไหลอัลชาอ์ปานนั้น ทว่าบัดนี้ ชีคหนุ่มกลับคืนสิ่งนี้มาให้ ดั่งคล้ายจะบ่งบอก จะตอกย้ำให้รู้ถึงความฝันที่สิ้นสุด..


         มองมันแล้วทั้งนึกขันทั้งสมเพชตัวเอง คนที่มองเมินความรู้สึกและความรักของอัลชาอ์ คนที่ทำหยิ่งยโสอวดดีไม่แคร์ไม่ไยดีหัวใจที่ถูกวางมาตรงหน้า มาบัดนี้ กลับร่ำไห้เสียใจ..เสียดายวันเวลาที่ผ่านผันโดยที่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดลงไปเลย..


        ...หัวใจที่เจ็บปวดร้าวระบมกำลังกรีดร้อง..ร่ำหา ถ้า...ถ้ารู้ว่าเขาจะหลงรักอัลชาอ์ ถ้า...ถ้าคาวัลโลรู้ว่าเขาจะรักชายคนนี้เสียจนหมดใจ เขาจะไม่มีวันทำตัวร้ายกาจ ไม่มีวันเหยียบย่ำทำร้ายจิตใจของชีคหนุ่มจนฝ่ายนั้นชอกช้ำ รวดร้าวจนไม่อาจวางใจเชื่อถือเขาได้ในที่สุด...


         ถ้า...เขารู้....ถ้า..จะย้อนเวลากลับไปได้...


          ความคิดโง่ๆน่าสมเพชเกิดขึ้นในใจทำให้ต้องเหยียดยิ้ม..เยาะหยันสมเพชตัวเองที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ตอนไหน เขาก็เป็นได้แค่คนโง่อยู่วันยังค่ำ..


          คนโง่ที่เหยียบย่ำตัวเอง ทำร้ายความรู้สึกคนอื่น จะมาเสียใจตอนนี้ ก็สายไปเสียแล้ว


              คาวัลโลกำเสื้อเชิ๊ตขาวในมือแน่น เขาซุกหน้ากลั้นสะอื้นกับฝ่ามือตนเองด้วยความไร้หนทาง ยิ่งแสงตะวันสาดเข้ามายิ่งบอกให้รู้ถึงการจากลาที่ไม่อาจบิดพลิ้วใดๆ...


        แกร๊บ...


            กระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งถูกขยำจนเกิดเสียงทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่น เศษกระดาษนั้นหล่นลงมาจากตัวเสื้อฉุดให้นึกสนใจจึงเอื้อมมือหยิบมาดู...หากคาวัลโลทำได้เพียงขมวดคิ้ว..เมื่อมันเขียนเป็นภาษาอารบิคที่เขาไม่มีวันเข้าใจ กระนั้น ข้อความที่เป็นดั่งถ้อยคำเอื้อนเอ่ยที่มอบให้ก็ถูกกำเก็บไว้ พร้อมกับร่างของมาเฟียหนุ่มซึ่งหยัดกายลุกขึ้นจากเตียง คว้าเสื้อผ้าติดมือก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยใบหน้านองน้ำตาหากแววตายังคงฉายแววเข้มเเข็ง


        ..ก้าวเดินอีกครั้งเพื่ออนาคต     

   
...............


        " ชีคให้แจ้งว่าวันนี้มีประชุมด่วนแต่เช้า ไม่สามารถไปส่งได้ "


            คำกล่าวสั้นๆของฮาซานเอ่ยบอกทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากห้องนอน คาวัลโลพยักหน้ารับคำกล่าวนั้นเงียบๆ แม้จะปวดใจที่ชีคหนุ่มไม่ทำกระทั่งรีรอหรือคอยส่ง ทว่าพอคิดไปมันก็อาจจะถูกแล้ว ถ้าอัลชาอ์ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วกอดเขาไว้หรือกระทั่งชีคหนุ่มยืนส่งเขากลับอิตาลี..ก็ต้องเป็นคาวัลโลนั่นแหละที่จะน้ำตาไหล อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ และอาจจะถึงขั้นทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เสียดายด้วยซ้ำ..


            มาเฟียหนุ่มคิด พลางปลอบบอกกับตัวเองแผ่วเบา ฝ่าเท้าลากตามทางเดินด้วยอาการลอยเหม่อปนครุ่นคิด และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ร่างของคลาร์กและเเกเร็ต ก็มายืนอยู่ตรงหน้า..แววตาของชายสองคนนั้นทำให้มาเฟียหนุ่มสูดหายใจลึก


          ก้าวเท้าตามหลังคุณอาที่เดินนำลิ่วออกจากห้องโถงหน้าพระราชวัง ประตูบานใหญ่ที่เมื่อคืนพังราบด้วยแรงระเบิดนั้นบัดนี้กำลังถูกซ่อมแซมเงียบๆ โดยช่างฝีมือประจำพระราชวัง ชายในชุดประจำชาติอาหรับเหลือบตามามองเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเดินผ่าน ก่อนจะก้มลงทำงานต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


          ลานด้านหน้าของพระราชวังบัดนี้ถูกจัดการเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดย่อม คาวัลโลมองเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางที่ติดเครื่องรออยู่ในสภาพใบพัดหมุนคว้าง รอคอยให้เขาขึ้นเครื่องกลับไปด้วยสีหน้าเจื่อน


          "ไปกันเถอะ " คุณอาของเขาออกปากเบาๆพลางก้าวเท้ายาวๆเดินนำตรงแน่ว ท่าทีของคลาร์กบ่งว่าคงอยากกลับบ้านเต็มแก่..ก็ใช่...ใช่ที่ว่าใครก็อยากกลับบ้าน..


       คาวัลโลก็อยากกลับบ้าน..แต่...ที่ตรงนี้ มาตอนนี้พระราชวังแห่งนี้ ประเทศนี้ กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ไร้กังวลไม่ต่างกับ"บ้าน"ของเขาเช่นกัน..


       มาเฟียหนุ่มเม้มปากเเน่น ดวงตาตวัดมองหน้าต่างทรงสูงกรุกระจกหนาบนชั้นสองของพระราชวังด้วยสายตาคาดหวัง เขากวาดสายตาหา ควานสายตามองไปโดยทั่ว เพื่อหวังว่าจะได้พบกับร่างของชายที่ตนหลงรัก..คนๆนั้น ที่คาวัลโลยังไม่ได้พูดคำที่อยากจะพูดมากที่สุดออกไป..


         "ข้าวของส่วนตัวของคุณ " เสียงของฮาซานดังขึ้นมาปลุกให้คนเหม่อลอยหลุดจากภวังค์ คาวัลโลหันมาจ้องมองค์รักษ์ตรงหน้า ใบหน้านั้นยังคงเรียบนิ่ง แฝงแววเคร่งขรึมเฉยชาเช่นทุกครา ในมือของอีกฝ่ายมีกระเป๋าเป้ลายพรางสีดำคุ้นตา ในนั้นใส่ชุดเสื้อผ้าของเขาในวันที่เขามาถึงและเอกสารประจำตัวปลอมๆ รวมทั้งกระเป๋าเงินและเครื่องกระสุนปืนพกขนาดเล็กพรักพร้อม ครบถ้วน


          " ....อัลชาอ์.." คาวัลโลรับข้าวของเหล่านั้นมาเก็บไว้ ออกปากเอ่ยเบาๆราวกับไม่แน่ใจ


          "ชีคกำลังทำงาน "ฮาซานตอบสั้นๆ แววตากร้าวแข็งนั้นไม่อ่อนข้อ..นั่นทำให้คาวัลโลนึกละอายใจวูบ..


      ...เขารับปากกับมัน ยิ้มและบอกกับมันว่าจะทำให้ชีคของมันมีความสุข แล้วบัดนี้กลับต้องจากไป ทำให้อัลชาอ์ต้องพบกับความโศกเศร้า ฮาซานมันคงเกลียดเขาเกินทน..


          "ขอโทษ..ที่ฉันทำให้แกผิดหวัง " เพราะความเสียใจหรืออะไรก็ไม่รู้ คาวัลโลจึงเอ่ยปากออกไปสั้นๆ หากแววตาของผู้ฟังวาววับขึ้น..ครู่หนึ่งฮาซานหัวเราะหึ คล้ายจะยิ้ม


          "ขอโทษทำไม..ดีเสียอีกที่ชีคจะได้มีรักเช่นปรกติ แม้ท่านจะมีบาดแผลในใจเพราะคนสับปลับ แต่นั่นก็จะเป็นแค่อดีตที่ไม่มีความสำคัญอะไรในวันข้างหน้า" แววตาของผู้พูดฉายรอยหยัน ก่อนจะโค้งตัวให้เล็กๆแล้วหมุนตัวเดินหันหลังกลับ ทิ้งประโยคคำพูดนั้นให้สะเทือนในใจผู้ฟังอย่างไม่คิดจะสนใจใดๆอีก


           คาวัลโลจ้องมองตามแผ่นหลังขององค์รักษ์หนุ่มด้วยสีหน้ากรุ่น..อยากจะโกรธ หากที่สุดมาเฟียหนุ่มก็พ่นลมหายใจแรง กำหมัดแน่น


          "คนอย่างฉัน ไม่มีวันยอมรับตำแหน่ง"อดีต"อะไรนั่นหรอก..แกคอยดูแล้วกัน " แกเร็ต เคย์ ผู้ยืนข้างบอสของตนหน้านิ่ว เมือได้สดับฟังคำพูดของผู้นำตน เขาจ้องมองแววตาวาวโรจน์ของคาวัลโลแล้วลอบถอนหายใจแผ่วเบา บอกตัวเองว่า คนนี้ก็"ยุ่ง"ไม่แพ้"คนนั้น" หรอก.."คนกลาง"อย่างเขา คงได้แต่คอยมอง เพื่อรั้งห้ามปรามการกระทำอะไรที่จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อแกงค์วาลกัสเท่านั้น


....สำหรับตัวบอสนั้น จะรักใครผูกสัมพันธ์กับชายหรือหญิงที่ไหน ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องยุ่ง


           "ไปกันเถอะครับ "  แกเร็ตออกปากท้วงเบาๆ ที่บอสของเขาก็พยักหน้า พร้อมกับยื่นกระเป๋าเป้ในมือให้ตนถือต่อ แล้วก้าวยาวๆไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่มีคลาร์กนั่งรออยู่พร้อมนักบินทั้งสองนายแล้วโดดขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็วแบบไม่หันหลังกลับอีกเลย


           คาวัลโลเม้มปากแน่น เขาทรุดกายลงนั่งบนที่นั่งติดข้างกระจกเฮลิคอปเตอร์ด้วยอารมณ์กรุ่น..อดจะหงุดหงิดไม่ได้เมื่อคิดตามคำพูดของเจ้าฮาซานแล้วพบว่ามันมีโอกาสจะเป็นไปได้ เพราะตัวเขาที่ตัดสินใจจากมาไม่ได้มีหลักประกันใดๆสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเองและชีคหนุ่มเลย กระทั่งสร้อยกางเขนที่เขามอบให้อัลชาอ์เก็บไว้ ชีคหนุ่มยังนำมาแขวนคืนให้กันแบบนี้ แล้วมีเพียงกระดาษใบเดียวมอบให้ตอบแทนคำลาเสียอย่างนั้น!


             มาเฟียหนุ่มพ่นลมหายใจแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิด มือขวาควักกระดาษแผ่นนั้นจากกระเป๋ากางเกงมากำแน่นด้วยอารมณ์ขุ่น พลันแรงสะเทือนจากการเคลื่อนบินของเฮลิคอปเตอร์ที่ตนนั่งมาก็ทำให้ร่างลื่นไถล คาวัลโลรีบไหวตัวคว้าคานด้านบนจับยึดไว้ให้มั่น ก่อนจะได้ไถลตัวไปชนคุณอากับแกเร็ตที่นั่งฝั่งตรงข้ามให้โดนด่าเล่นๆฐานเหม่อจนได้เรื่อง


             "นี่ของใครเนี่ย " คำถามจากผู้ช่วยนักบินที่นั่งอยู่ด้านหน้าทำให้คาวัลโลชะงัก เขาขมวดคิ้วน้อยๆหันไปมองด้านหลังเมื่อแว่วเสียงคุ้นหู เพื่อจะพบกับใบหน้าอันเคยคุ้นของ รามิล เซย์ฮามัค


             "ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้ ? "คาวัลโลถามกลับ..สีหน้าขัดข้องไม่น้อย


             "ผมก็มีเรื่องให้ต้องออกนอกประเทศเหมือนกัน เลยรับหน้าที่ส่งพวกคุณและคอยดูแลไปจนถึงสนามบินที่ยูเออี " รามิลตอบสั้นๆ ไหวไหล่ "และก่อนจะถามอะไรมากกว่านั้น ผมขับเฮลิคปเตอร์เป็น  "


            "......."คาวัลโลฟังแล้วพ่นลมหายใจรับ แอบเม้มปากแน่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่น้อย นี่อัลชาอ์ให้คนมาตามดูเขา ส่งเขาเป็นห่วงเขา แต่ไม่มาให้เขาเห็นหน้าเลยสักนิด ทำตัวเป็นพระเอกแบบนี้มันได้อะไรขึ้นมาไม่ทราบ!


            "รับไปสิ " รามิลบอกพลางยื่นกระดาษตัวต้นเหตุให้ คาวัลโลครางงึมงัมก่อนจะเอื้อมมือไปหา หากเมื่อมองเห็นตัวอักษรในกระดาษคาวัลโลจึงได้คิด


            "คำนี้มันอ่านว่ายังไง..และหมายความว่ายังไง? " คาวัลโลเอ่ยถามฝ่าเสียงเครื่องยนต์และเสียงตีกันของลมอื้ออึงรอบๆหู


           "...เอชก์ " รามิลเหลือบมองตาคนพูดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากอธิบายต่อเมื่อมองเห็นสีหน้างวยงงของผู้ฟัง " ที่จริงแล้วเป็นชื่อพืชตระกูลไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง เหมือนเถาวัลย์ หรือกาฝาก พืชชนิดนี้มันจะพันลำต้นของมัน ไปตามต้นไม้ใหญ่ ๆ แล้วก็จะดูดกินอาหารจากต้นไม้เหล่านั้น จนบางครั้ง มันดูดสารอาหารจากต้นไม้ใหญ่จนต้นไม้เหล่านั้นยืนต้นตายไปเลยก็มี  "


            "..และความหมายอีกอย่าง ที่มีผู้ใช้มากที่สุด  "ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของผู้พูดกรอกตาครู่หนึ่งราวกับครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปากบอกชายหนุ่มตรงหน้า " หมายถึงคำว่ารักที่ลึกซึ้งที่สุด เพราะความรักในมุมมองของเรา หมายถึงความผูกพันธ์ที่มีให้กันระหว่างคนสองคน ที่ต้องการทะนุถนอม และหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันถึงแม้จะต้องมอบชีวิตให้แก่กันเลยก็ตาม "


             ....รัก...ผูกพันธ์..ทะนุถนอมหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันแม้จะต้องมอบชีวิตให้แก่กันก็ตาม


             ฝ่ามือขาวซีดรับกระดาษใบนั้นมาถือไว้ ปลายนิ้วลูบไล้..สัมผัสถ้อยคำสั้นๆที่ถูกเขียนด้วยปากกานั้นราวกับของล้ำค่า ขณะที่ขอบตาผ่าวร้อน และไม่นาน น้ำใสก็หยุดลงบนกระดาษแผ่นนั้น..ทีละหยด ทีละหยด ก่อยคนพูดจะสะอื้นไห้จนตัวโยน..


             ปลายนิ้วแตะลงบนกระจกหนาตรงประตูทางเข้าฝ่ามือทาบลงไปสั่นระริกไหว ก่อนที่ร่างของคาวัลโลจะโผนแนบทาบประตูเพื่อมองภาพของเมืองทัสคานี..ประเทศเซเนียยา และมองไปยังพระราชวังหลวงอันเป็นที่ประทับของเจ้าของประเทศด้วยความอาลัยนัก ..


              พลันร่างที่ร้องไห้กลั้นสะอื้นยิ่งสะท้านไหว  เมื่อนัยน์ตาสีน้ำทะเลมองเห็นร่างสูงที่แสนคุ้นตาในชุดโธปคลุมทับด้วยมิชลาฮ์สีดำขลิบทองยืนอยู่ตรงนั้น..บริเวณหอคอยที่สูงที่สุดของเมืองหลวงทัสคานี ร่างสูงยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อเงยหน้าจ้องมองมายังตัวเขาที่นั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์เงียบๆ..ไม่มีท่ามีโบกมือลาหรือร่ำร้องอาลัย..


            หากภาพชายผู้เป็นสูงสุดของผืนดินนี้ยืนแหงนเงยหน้าสบมองดูตนเองเงียบๆ..กลับทำให้หัวใจปวดแปลบหวั่นไหว


            คาวัลโลพบเปลือกตาลงช้าๆ เขาร้องไห้พร้อมกระซิบคำบางอย่างที่อยากจะพูดออกมาเหลือเกิน ถ้อยคำที่เขาเคยลังเลไม่กล้าเอ่ย..หากแต่บัดนี้ เขาก็เข้าใจมันอย่างชัดเจนแล้ว..


          "ผมรักคุณ"


            ริมฝีปากบางเอ่ยเเผ่วเบาราวกับกระซิบ..ขยับราวกับวานฝากสายลมไปส่งผ่านความรู้สึกให้ชายที่ยืนอยู่ ณ หอคอยแห่งนั้น...แม้ไม่นานนักภาพนั้นก็ค่อยรางเลือน กลายเป็นจุดเล็กลงไปเรื่อยๆ..และลับหายไปในที่สุด   

           มาเฟียหนุ่มเม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นสั่นไว้ในลำคอ แม้การจากไปจะทำให้ปวดร้าวแค่ไหน กระนั้นมันก็ยังดีที่ทำให้เขาได้รู้ใจตัวเองในที่สุด..ว่าเขารักอัลชาอ์...


            ไม่ใช่เพราะรับปากว่าจะพยายาม ไม่ใช่เพราะสภาพบังคับหรือด้วยความเสียดาย แต่ที่รู้คือบัดนี้เขารักด้วยใจ...ด้วยหัวใจทั้งหมด...


              ti voglio bene   
 
             ผมรักคุณ ด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี


             ...........................

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


                ร่างของผู้คนที่เคยคุ้น ปรากฏขึ้นในเงาตาทำให้ความคะนึงหาอายอวลพวยพุ่งในหัวอก  คนที่นั่งนิ่งอยู่ในรถท่าทีเหม่อลอยนับแต่ลงจากเครื่องบินจึงเริ่มขยับไหว ดวงตาผากแห้งมีเพียงความเฉยชาในอารมณ์นับแต่ร้องไห้ราวกับใจสลายบนเฮลิคอปเตอร์ลำที่บินออกจากเซเนียยาค่อยมีประกายแห่งชีวิตขึ้นมาอีกครา เมื่อได้เห็นร่างของผู้เป็นที่รักยืนรอกันอยู่ที่หน้าบ้าน


                คาวัลโลกำมือแน่น เขาค่อยๆเม้มปากเข้าหากันพลางสูดหายใจลึก หลังจากในตัวรถมีเพียงความเงียบงันราวกับทุกสิ่งจะสงบนิ่ง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีท่าทีดีใจที่ได้กลับบ้าน มีเพียงดวงตาที่สงบราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ทว่าสำหรับสายตาคนมองนั้นต่างก็รู้ดีว่าคาวัลโลกำลังอยู่ในอารมณ์หวั่นไหวและปั่นป่วนหลากหลายความรู้สึกจนไม่รู้จะแสดงออกมาเช่นไร


              คลาร์กจ้องมองเสี้ยวหน้าของหลานชาย มองแววตาที่เริ่มมีประกายใสขึ้นมาอีกคราหลังจากรถเเล่นเข้าสู่เขตบ้าน เมื่อคาวัลโลได้มองเห็นบ้านและคนในครอบครัวที่ยืนรออยู่ คนที่เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมากครั้งหลังจากเงียบงันราวกับตายไปแล้วในความรู้สึกของเขา หลังจากไอ้ข้อความบ้าๆและการร้องไห้ออกมาพร้อมกับกระซิบคร่ำครวญคำว่ารักเหมือนคนบ้าที่เขาได้เห็น ริมฝีปากของหนุ่มเยอรมันเม้มเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าของเขาก็ครุ่นคิดไม่แพ้กัน กับสิ่งที่คาวัลโลเจอ และความรู้สึกของเจ้าตัวนั้น ในคราแรกเขาก็มองว่ามันเป็นเพียงความหลงไหลที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่า...บัดนี้กลับเป็นตัวเขาเองที่เริ่มไม่แน่ใจ ว่ามันคืออะไรกันแน่..


          ...ถ้าแค่ความหลง รุนแรงและพัดผ่านไปรวดเร็ว ไม่นานมันก็จะหายไป แต่ถ้าเป็นความรัก ความรู้สึกที่มั่นคงและไม่มีวันเลือนหาย ถ้าเป็นแบบนั้น หลานชายของเขาจะใช้ชีวิตต่อจากนี้อย่างไรนะ?


          คาวัลโลจะกลายเป็นเพียงมาเฟียที่ไร้หัวใจและทุกข์ทรมารจมจ่ออยู่กับความรักที่ไม่มีวันได้สมหวังงั้นหรือ? และหากอยากจะกลับไปมันจะทำยังไง? ทำวิธีไหน ที่จะได้กลับไปตรงนั้นอีกครั้ง..


            ล้อรถหยุดลงทว่าความคิดยังไม่หลุดจากภวังค์ คลาร์กจ้องมองใบหน้าของคาวัลโล มองสีหน้าและแววตาของหลานชายคนสนิท..ชั่วครู่หนึ่งเขาเริ่มไม่แน่ใจและเริ่มรู้สึก ว่าเขาอาจจะทำผิดพลาด ที่พาตัวมันกลับมาก็ได้..


             "คลาร์ก" เสียงเรียกจากคนข้างกายทำให้ละออกจากภวังค์ คลาร์ก โรเซนเบิร์กหันมาสบดวงตาสีทองที่จ้องมองตรงมาของเจ้าคนที่เคยคุ้น แววตาของมันทั้งสื่อความนัยน์และบอกให้เขาเชื่อมั่น ฝ่ามือนั้นแตะลงบนหลังมือเขาเบาๆพร้อมกับดวงตาที่แลสบ ทำให้ความกังวลใจถูกพัดหายไปอย่างรวดเร็ว..


             ....ไม่ว่าอย่างไรมันก็ต้องเป็นแบบนี้ แต่หลังจากนี้ต่างหากที่ต้องรอดูกันไป


              บางครั้งก็ต้องโหดร้าย บางครั้งก็ต้องฝืนทำ บางครั้งก็ต้องทำเป็นรัก บางคราก็ต้องทำเป็นไม่รัก..นี่แหละ..ชีวิตที่ต้องฝืนทนกันไป


              นัยน์ตาสีบรูเน็ตค่อยหรุบต่ำแล้วเบือนหนี คลาร์กแตะมือลงบนประตูรถ ผลักมันออกพร้อมกับก้าวลงไปบนเส้นทางโรยกรวดเล็กๆที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า..


              ..ไม่ใช่แค่คาวัลโลที่ต้องกลับมาและต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าชีวิตของใคร ก็ต้องเดินหน้าและก้าวออกไปหาวันใหม่กันทั้งนั้น..


               ประตูรถเปิดออก พร้อมๆกับร่างของน้องชายคนสุดท้อง..คาวัลโล วาลกัส ที่ห่างหายไปนานทำให้ลมหายใจของอเล็กเซย์ค่อยสูดลึกและระบายออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาพรายขึ้นเป็นรอยยิ้ม นัยน์ตาสีฟ้าสดสบมองกับนัยน์ตาสีเดียวกันของคู่แฝด..คนรัก..ที่ยืนอยู่ด้านหลังและกำพนักรถเข็นของเขาไว้แน่นสีหน้าของคนๆนั้นแม้จะยังคงเรียบสนิท หากคนมองเห็นชัดว่ามันแฝงความยินดีไม่ต่างกัน...


            ..ดีใจ...ที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง


                อเล็กเซย์นั่งนิ่งบนรถเข็น จ้องมองภาพมารดาของตนที่โผกายเข้าหาน้องชายคนเล็ก ดวงตาสีฟ้าสดของเอเลียชา วาลกัส สั่นไหว ร่างบอบบางโผเข้าหาบุตรชายคนสุดท้องแล้วกอดรัดไว้แน่น ร่ำไห้สะอึกสะอื้นกอดลูบร่างของลูกรักไม่ห่างด้วยความห่วงหาและความดีใจที่มากมายนัก ไม่ต่างกับผู้เป็นบิดา ร่างของพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับวางมือลงบนไหล่ โอบแผ่นหลังองมารดาไว้พร้อมกับฝ่ามือหนาที่ลูบไล้แผ่นหลังของตนเองช้าๆ  หากอบอุ่นและแฝงด้วยความนัยน์ลึกซึ้ง ดวงตาสีเขียวสดนั้นจ้องมองสบตาคาวัลโลด้วยความรักใคร่และยินดียิ่งนัก..เขาเห็นชัด..เห็นกระทั่งนัยน์ตาที่สั่นไหวและร่องรอยน้ำตาบางๆในดวงตาของผู้เป็นพ่อ


          ..หากแต่ร่างของน้องชายกลับยืนนิ่ง..ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นมีร่องรอยความยินดีเจือจางอยู่หากแผ่วเบา..และรอยยิ้มที่เผยออกมาบางๆนั้นดูสงบและเก็บอารมณ์เกินกว่าทุกคราที่เป็น


           "อเล็ก.." อเล็กเซย์ร้องเรียกแฝดพี่เบาๆ เสียงของเขาได้รับการตอบรับด้วยเสียงครางในลำคอเบาๆของพี่ชาย หากเมื่อเงยไปสบมองแววตานั้น เสี้ยวหน้าเคร่งขรึมและแววตาครุ่นคิดของอเล็กซิสที่มองไปยังคาวัลโลก็บ่งชัดว่าเจ้าตัวมองเห็นความผิดปกติของ"น้องชาย"ไม่ต่างกัน


            ..เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?


            มันเกี่ยวข้องกับคำสั่งของคลาร์ก คำพูดของผู้เป็นอาที่ไม่ให้เขาเผยตัวว่ามีชีวิตอยู่และไม่ให้บอกเรื่องราวที่จบลงเรียบร๊อบกับคาวัลโลแล้วหรือไม่?


            " เป็นยังไงบ้าง..ดูสบายดีนี่ "น้ำเสียงทายทักเบาๆ ที่แสนเคยคุ้นดังขึ้นเบื้องหลัง อเล็กเซย์เงยหน้าไปมองสบตาผู้เป็นอา หากก็ต้องอ้าปากค้างอีกคราเมื่อมองเห็นร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าของคลาร์ก โรเซนเบิร์ก


            "...เฮ้..ชั้นให้ตอบไหนทำหน้าแบบนั้นหือออออออ" ฝ่ามือของคุณอาคว้าหมับที่แก้มจับหมับและบีบเล่นแบบที่เคยทำด้วยรอยยิ้มขบขัน ดูท่าทางจะตลกกับสีหน้าอ้าปากค้างของเขามากมายนัก จนดูเกินจริงไปเลยเชียว


            "พอได้แล้วครับ" ฝ่ามือของอเล็กซิสแตะลงบนข้อมือของคลาร์กพร้อมส่งสายตาดุๆจ้องเขม็งแบบไม่ยอมใคร คนถูกห้ามจึงส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ


            "ไปทำอะไรมาทำไมหน้าเป็นแบบนั้นล่ะครับคุณอา..แล้วยัง..แกเร็ตด้วยใช่ไหม ..เท่าที่เห็นคาลมันก็โดนด้วย? "อเล็กเซย์ออกปากถามงงๆ


            "นิดหน่อย" คลาร์กยักไหล่ ไม่ตอบคำว่าแผลที่เห็นๆมาน่ะ ไม่ใช่ใครอื่นทำหรอก ก็คนกันเองทั้งนั้น


            "มีปัญหา?"อเล็กซิสถามกลับสั้นๆ


            "ก็มีมาแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง" คลาร์กยักไหล่ ก่อนจะยกมือห้ามคำถามซักไซ้จากปากของอเล็กซิสอีกคำรบ" ตอนนี้เป็นเวลาการพบกันอันแสนสุขไม่ใช่เหรอ เรื่องเครียดๆน่ะ ไว้ทีหลังแล้วกัน"


               อเล็กซิสฟังแล้วพยักหน้ารับไม่ตอบคำ ชายหนุ่มหันไปมองเบื้องหน้าอีกครั้ง..ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอีกคราด้วยสีหน้างวยงงเป็นที่สุด....


               เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมันบ่อยนัก..ในเมื่อคาวัลโลมันกำลัง..ร้องไห้!?


             "คาวัลโล... "น้ำเสียงของมารดาที่ไม่ได้ยินมาหลายเดือนแสนจะนุ่มหูและชวนคะนึงหา แววตาห่วงแสนห่วง คำถามแสดงความใส่ใจและอ้อมกอดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักอยู่เสมอชวนให้หัวใจสั่นไหว  ความคิดถึงตีตื้นขึ้นมาในหัวอก จนต้องเอื้อมมือไปกอด..กอดร่างอันสั่นเทาของผู้เป็นแม่ไว้แน่น..


             คาวัลโลมองหน้า เอเลียชา วาลกัส ผู้เป็นมารดานิ่ง ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกว่าแม่ของเขาดูต่างไปจากที่เคยพบเจอ ระยะเวลาแค่สองเดือนกับอีกไม่กี่วันเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งมุมมองของเขา สายตาของเขา ความคิด หัวใจ หรือกระทั่งยามนี้ ภาพของ"แม่"ในใจนั้นค่อยเเปรเปลี่ยน ในความคิดคำนึงนั้นยังคงปรากฏภาพมารดาผู้อ่อนโยนหากแต่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งสมเป็นนายหญิงของวาลกัส แต่ภาพตรงหน้านั้นไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลยร่างเล็กๆของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าช่างผอมบางและดูอ่อนแอราวกับจะปลิวลม  สีหน้าของแม่ดูอ่อนล้าดวงตาแดงก่ำสั่นไหวและเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า หากแววตาแห่งความรักและความอาลัยยังคงเต็มเปี่ยม..


         ...เวลา...ความเจ็บปวด และความรวดร้าวจากความผิดหวัง หัวใจที่ทุกข์ทรมารเพราะความสูญเสียเปลี่ยนแปลงคนๆหนึ่งไปได้มากเพียงไร และมันมีอานุภาพมากแค่ไหน บัดนี้เขาประจักษ์ชัด..


         ความโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกชายทั้งสองเปลี่ยนแปลงแม่...ผู้หญิงที่เคยเข้มเเข็ง ร่าเริง เป็นเพียงผู้ที่จมจ่ออยู่กับควาททุกข์


         และ...ความโหดร้ายของโชคชะตา ความรักที่ได้พบ ความสูญเสีย และการจากลาก็เปลี่ยนแปลงตัวเขาเช่นกัน..


           คาวัลโลแตะมือลงบนท่อนแขนของมารดา ก้มลงโอบกอดผู้เป็นแม่ไว้แน่น ทั้งกอดรัดปลอบประโลมให้ผู้เป็นมารดาหายจากความโศกเศร้า และปลุกปลอบหัวใจตนเองด้วยเช่นกัน..


         นัยน์ตาผ่าวร้อนจ้องมองแผ่นหลังเล็กๆที่สั่นไหวของมารดา..ก่อนจะสบมองแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจของผู้เป็นพ่อที่ก้าวประชิด..ยิ้ม...และวางมือลงบนไหล่ พร้อมกับลูบไล้เพียงแผ่วเบา..ดั่งปลอบประโลมเขาและแม่ให้คลายจากความทุกข์โศก และอ้อมแขนทั้งความอบอุ่นนี้เองที่บอกให้เขาลุกขึ้นสู้..เดินไปข้างหน้า ก้าวไปในทางที่ตัวเองตัดสินใจ


      ..แต่ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นนั้นเอง ที่ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นไหวความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้าและปวดร้าวจากความรักที่ละมือจากมาเหมือนจะค่อยบรรเทา..หากแต่ไม่นานนักอ้อมกอดนี้กลับกระตุ้นให้คิดถึงใครอีกคน...คนที่มีอ้อมกอดอบอุ่นแบบนี้ คนที่เขาจากมา..คนที่คาวัลโลกระซิบฝากคำว่ารักไปกับสายลม..คำพูดที่ไม่มีแม้กระทั่งจะได้พูดกับเจ้าตัวต่อหน้า..คำที่คนๆนั้นรอคอยมันมานานแสนนานแต่สุดท้ายแล้วยามจากไปเขาก็ยังไม่เอ่ยปาก..


      ...ทั้งๆที่รัก...รักมากขนาดนั้นแท้ๆ...เขาก็ยังไม่พูดออกไป กระทั่งตอนนี้..ตอนที่สายเกินไปเสียแล้ว..


           "ขอบคุณพระเจ้าที่คุ้มครองให้ลูกปลอดภัย"เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วผอมบางแตะลงบนสร้อยกางเขนบนอก ริมฝีปากของแม่เอ่ยพึมพัมขอบคุณพระเจ้าเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นไหลเจือสะอื้นไห้เพราะความยินดี แต่เมื่อปลายนิ้วขาวสะอาดแตะสร้อยบนลำคอ..เล็บยาวที่ตะไล้ และอ้อมกอดของแม่กลับทำให้ความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บกักไว้พลันทะลักทะลายออกมาเป็นน้ำตาในที่สุด..


          คาวัลโลซบหน้าลงกับไหล่ผอมบางของมารดา เนื้อตัวสั่นไหวด้วยรอยสะอื้น เขาทำได้เพียงร้องไห้ ซับน้ำตาลงกับไหล่ของผู้ให้กำเนิด ไม่พูดไม่จา ไม่ตอบคำถามแสนห่วงของพ่อและแม่ที่ดังขึ้นใกล้หู ดวงตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตาจ้องมองเสื้อตัวสวยที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำตา หูได้ยินคำปลอบประโลมของมารดาและฝ่ามืออุ่นร้อนของผู้เป็นพ่อที่ลูบลงบนแผ่นหลัง อ้อมกอดของผู้กำเนิดทั้งสองกอดเขาที่กำลังร้องไห้ดั่งคนใจสลายไว้แน่น ราวกับกำลังช่วยกันประกอบเศษเสี้ยวของหัวใจที่แตกละเอียดให้กลับมาเป็นรูปร่างได้อีกครั้ง


           คาวัลโลไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ที่เข้ามาแตะไหล่ปลอบประโลมเขานั้นจะไม่ใช่เพียงบิดาและมารดา จากนั้นไม่นานร่างของพี่ๆก็กรูกับเข้ามาหา น้ำเสียงถามไถ่และฝ่ามือที่ลูบไล้ปลอบโยนไม่ได้ทำให้มาเฟียหนุ่มนึกรู้ขึ้นมาว่ามันเป็นของใคร กระทั่งเสียงของพี่ชายที่ตายไปแล้วดังขึ้นมา เขาก็ยังคงร่ำไห้ราวกับว่าไม่ได้ยิน


          ...เสียงร่ำไห้นี้ไม่ใช่เพียงเพราะดีใจที่ได้กลับมาที่บ้าน กลับมาพบกับครอบครัวอันเป็นที่รักเพียงเท่านั้น คาวัลโลรู้ตัวดี..


          ..หากแต่รอยสะอื้นและน้ำตา กระทั่งเสียงร่ำไห้ราวกับใจสลายมันออกมาเพราะเขาปวดร้าวจนทนไม่ไหว ความรู้สึกอึกอัดทุกข์ทรมารในอกกำลังทำให้เขาเป็นบ้าจนต้องระบายออกมาเช่นนี้


           คาวัลโลสะอื้นไห้กับไหล่ของมารดาแน่น เสียงร่ำไห้และน้ำตายังไม่จางหายใปจากผิวแก้มกระทั่งคำปลอบโยนใดๆก็ไม่อาจทำให้รอยน้ำตาจางหาย และรู้ตัวดีว่าบัดนี้คนที่จะทำให้เขาหยุดได้ มีแต่เพียงคนๆนั้นเพียงคนเดียว


          ...คนที่เขาหันหลังจากมานั่นเอง


.......................


              คาวัลโลสบตาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามนิ่ง..เขาจ้องมองสบดวงตาสีบรูเน็ตของคนที่คุ้นเคยและยังเป็นผู้ก่อเรื่องสร้างความเข้าใจผิดอะไรให้ตนเองหลายอย่างสีหน้าของคนๆนั้นยังทำไม่รู้ไม่ชี้ หันไปยิ้มทายทักอ้อล้อกับ"พี่ชายที่ตายไปแล้ว"ของเขาอย่างสนุกสนาน...สนุก...เสียจนน่าจับไปให้รถทับนัก!


             ภายในห้องทำงานกว้างใหญ่ปูพรมถักนุ่มเท้าและเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ผู้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่สุดไม่ใช่ใครนอกจาก"บอส"ที่เพิ่งกลับมาไม่นาน หลังจากล้างหน้าล้างตาสงบสติอารมณ์ได้แล้วคาวัลโลก็ถูกอัญเชิญจากพี่ชายคนโตให้มาสะสางเรื่องที่ต้องทำด้วยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นบัดนี้เขาถึงต้องมานั่งในห้องนี้ บนโต๊ะทำวานของบอสมาเฟีย ในคฤหาสถ์ของคุณลุงซึ่งเป็นที่ทำการของแกงค์วาลกัส บัดนี้มีผู้ร่วมขบวนการมาอยู่พร้อมหน้า เพื่อจะให้เขาตัดสินเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ประเดิมงานแรกของการเป็นบอสมาเฟียด้วยการกำจัดบรรดาคนทรยศให้หมดไปจากแกงค์


              มาเฟียหนุ่มกวาดตามองผู้คนที่ยืนอยู่ภายในห้อง นับแต่ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา คนที่ถูก"จัดการ"เป็นรายแรกหลังจากคาวัลโลได้รู้ว่า"พี่ชาย"ของเขายังมีชีวิตอยู่การรบที่ซิซิลีจบลงแล้ว พร้อมๆกับสามารถจับต้นตนของปัญหาและสืบสาวราวเรื่องไปหาคนบงการได้สำเร็จแล้ว ถัดมาก็ผู้สมรู้ร่วมคิดกรายๆสามสี่รายนับแต่แกเร็ต เคย์ ซึ่งเคยทำหน้านิ่วอยู่อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น อเล็กซิส วาลกัส พี่ชายที่กำลังจ้องหน้าเขานิ่งราวกับรอคำสั่งและพี่ชายคนรอง อเล็กเซย์ วาลกัสที่นั่งรถเข็นในสภาพขาเข้าเฝือกกำลังยิ้มเหยๆปัดป้องการกลั่นแกล้งรุกรานของจ้าตัวต้นเหตุไปพลาง มาถึงร่างของพี่ชายคนที่สาม คาร์เนโร่ วาลกัส ซึ่งกำลังมีสีหน้าประมาณ"ฉันมาช่วยแกก็ดีเท่าไหร่"อะไรแบบนั้นใส่เขา...เลยไปถึงคุณลุงตัวต้นเหตุและบรรดาลูกน้องตัวเอ้ที่ยืนสลอนรอรับความดีความชอบไม่ก็ความชังความเคืองกันถ้วนหน้า..


         ...เจ้าพวกนี้มันรวมหัวกันหลอกเขา


         สรุปใจความได้อย่างย่อและเข้าใจง่ายเป็นที่สุดแล้วถอนหายใจเฮือก น่าจะชินได้แล้วว่าโดนอำแต่ละทีก็ฝีมือบรรดาพี่ๆรวมหัวกันทั้งนั้น แม้ตอนนี้มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่ก็เถอะ..แต่คิดไป พอมองหน้าคลาร์ก คาวัลโลก็พอจะรู้ว่าทำไมคุณอาถึงตัดสินใจไม่พูด..


           ...ถ้ารู้ว่าทุกอย่างจบลงแลว ถ้ารู้ว่าทุกคน"ไม่เป็นไร"เขาจะต้องหาทางยื้อเวลากลับ ทำไม่รู้เรื่องรู้ราวกับความเดือดร้อนของทุกคนที่นี่และมันคงยืดเยื้อกว่านี้มากมาย..


              "เอาเถอะ.." ชั่วขณะหนึ่งที่บรรยากาศหนักอึ้งและสีหน้าของบรรดาคนรอบข้างทุกคนยกเว้นคู่กรณีหวาดหวั่นราวกับรอการประหาร คาวัลโลก็ทำเพียงถอนหายใจ..เอ่ยคำ


         ..ในตอนนั้นนี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด...ทุกคนก็ช่วยกันเต็มกำลัง ตัวเขาที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากรอให้ตัวเองถูกช่วยไม่มีสิทธิ์จะกล่าวหาว่าร้ายทุกคนในนี้หรอก


                "หึ..แบบนี้สิถึงจะเป็นผู้ใหญ่หน่อย ไม่ใช่...."


                "และพฤติกรรมของคุณ"ที่นั่น"น่ะเราต้องมาคุยกันหน่อยนะครับคุณอา!" เสียงของหลานรักดังขึ้นขัดคำทำให้คลาร์กส่งเสียงครืดคราดในลำคอ ก่อนจะยักไหล่เชิงไม่สน


                "จะทำอะไร? ฉันได้หยาบคายกับแกเหรอหลานชายที่รัก ไอ้คนที่ฉันทำตัวแบบนั้นมันไม่เห็นโวยเลย แกนี่จะอะไรนัก"คลาร์กบ่นพลางโบกมือ คนฟังหัวเราะหึ แสยะยิ้มสยองขวัญออกมาทันใด แม้ดวงตาจะยังแดงก่ำทว่าก็ไม่ได้ลดทอนความน่ากลัวลงแต่อย่างใด


                "รู้ตัวด้วยเหรอครับว่าหยาบคาย..รู้แต่คุณก็ยังทำ"คาวัลโลเอ่ยเลิกคิ้วขึ้นช้าๆสบมองดวงตาสีบรูเน็ตด้วยท่าทีเหนือกว่า"ไม่เห็นจำได้ว่าเราเป็นพวกนักเลงหัวไม้ข่มคนอื่นด้วยท่าทีกระโชกโฮกฮากหรือกระทั่งชอบใช้กำลังเป็นว่าเล่น..คุณเป็นมือขวาของผม ทำตัวแบบนั้นใช้ได้รึไง.."แก่"แล้วยังไม่รู้จักคิด"


               "นี่แก..!"


               "เงียบ!"ปลายนิ้วของหลานชายชี้หมับมาที่ใบหน้า สีหน้าเคร่งเอาการเอางานของชายตรงหน้าและกระแสอำนาจบางเบาที่ส่งผ่านดวงตาทำให้คนกำลังจะโวยนิ่ง คลาร์กมองหน้าคาวัลโล วาลกัสที่นั่งอยู่ตรงหน้า อยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในชุดเสื้อเชิ๊ตเรียบๆฝ่ามือเท้าคางไว้ข้างหนึ่งแล้วจ้องมองมาทางเขาเขม็งใจความนั้นบอกชัดเจนว่านี่คือคำสั่งของบอส..บอสคนปัจจุบันที่นั่งอยู่ตรงหน้า..


               "คุณเป็นมือขวาของผม การกระทำอะไรก็แล้วแต่ที่คุณทำถือว่าส่งผลกระทบมาถึงผมไม่ว่าจะโวยวายไร้ความยั้งคิด แสดงกริยาหยาบคายไร้ความเกรงใจ นั่นมันลักษณะของ"นักเลง"ไม่ใช่มาเฟีย...ต่อให้คุณจะมองว่าวาลกัสไม่ต่างกับพวกแกงค์สเตอร์แต่สำหรับผมแล้วไม่ใช่ นี่คืองานอันทรงเกียรติ ไม่ใช่กลุ่มแกงค์ที่ทำเรื่องที่แม้แต่แม่มันยังเบือนหน้าหนีแล้วมาใช้ชื่อว่าเป็น"มาเฟีย"ที่ผ่านมาคุณถือว่าตัวเองไม่ใช่"วาลกัส"แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว นับแต่คุณรับปากจะเป็นมือขวาของผม ตั้งแต่นั้นคุณก็ได้ชื่อว่าเป็นมาเฟียแล้ว เพราะฉะนั้นจงเลิกพฤติกรรมแบบนี้ซะ "


               คลาร์กนิ่งฟังคำพูดของหลานชายเบื้องหน้า เขาขมวดคิ้ว นิ่วหน้าเข้าหากันด้วยท่าทีครุ่นคิดขณะที่ความเงียบลอยตัวอยู่ในบทสนทนา ต่างคอยดูท่าทีว่าคลาร์กจะมีท่าทีอย่างไรกับคำพูดที่ได้รับ..


            "รับทราบ"คลาร์กเอ่ยปากสั้นๆพลางลุกพรวด "ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นขอตัวไปพักก่อนนะ..บอส.."


                ว่าแล้วคนเป็นมือขวาก็ลุกพรวดเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูพรวด ขณะพี่คาวัลโลพ่นลมหายใจสีหน้าเหนื่อยหน่าย การจัดการกับคนนอกว่ายากแล้ว ยังไม่เท่าคนในเสียจริงๆ


             "มีอะไร?"คนเป็นบอสครางในลำคอกับสายตาของผู้คนโดยรอบ"อยากพูดอะไรก็พูดมา"


             "เปล่า.."คาร์โลยักไหล่ก่อนจะยกมือเกาหัวแกรกๆ"งั้นฉันไปนะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้วนี่"


             " เรื่องที่พวกพี่รวมหัวกันแกล้งฉันยังไม่ได้สะสาง ระวังตัวไว้แล้วกัน"ถ้อยคำอาฆาตแสนบาดหูของคาวัลโลทำเอาอ้าปากค้าง คาร์โลหันขวับอ้าปากจะท้วงเพราะเมื่อกี้ไอ้คนเป็นบอสมันยังพูดว่าไม่ติดใจอะไรอยู่แหมบๆ แต่พอเห็นสีหน้าของมันถึงได้รู้ เจ้าตัวไม่ได้หมายถึงบทลงโทษใดๆในฐานะบอสมาเฟีย แต่เป็นการกลั่นแกล้งเอาคืนกันในหมู่พี่น้องต่างหาก


         ..แต่ก็นั่นแหละ แบบนี้มันน่ากลัวกว่าการลงโทษซึ่งหน้าเสียอีก ไอ้การ"ล้อเล่น"แต่ละคราวของเจ้าน้องเวรตรงหน้านี่มันรุนแรงเข้าขั้นชวนกระทืบอยู่แล้ว ..เขาไม่น่าลงแรงไปช่วยมันจริงๆ


           คาร์เนโร่ครางในลำคองึมงัมพลางส่งนิ้วกลางอันเป็นภาษาสากลไปให้น้องชายที่หนึ่งทันควัน จนได้รับสายตาดุๆจากพี่ชายคนรองมาเป็นคำขู่ คาร์โลเลยเดินตัวปลิวออกไปอีกราย


            "แล้วก็....."คาวัลโลถอนหายใจเฮือก กวาดตามองบรรดาคนที่เหลือในห้องด้วยท่าทีครุ่นคิด เพราะที่เหลือนั้นเป็นเรื่องที่ต้อง"คุย"กันยกใหญ่


            "พี่อเล็กทั้งสองคน แล้วก็คุณลุงเราไปหาที่นั่งคุยกันเงียบๆเถอะ "


           คาวัลโลเอ่ยปากสั้นๆส่วนที่เหลือก็พยักหน้าเดินดุ่มออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีคำสั่งใดออกมาอีก..



           คาวัลโลมองหน้าพี่ชายทั้งสองคน ก้าวออกมาจากเก้าอี้ของบอสเพื่อจะมานั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆด้านหน้า เผชิญหน้ากับคนทั้งสามโดยตรง สบมองแววตาเคร่งของพี่ชายคนโต และสีหน้ากังวลไม่น้อยของพี่ชายคนรอง ก่อนจะตวัดสายตาไปยังชายอีกหนึ่งคนในห้องซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นเช่นกันในสภาพอ่อนกำลัง ไหล่งองุ้ม แผ่นหลังโก่งลงด้วยวัยที่ร่วงโรยและความทุกข์ทรมารที่พาดผ่าน..ชนิดที่ไม่เหลือเค้ามาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ คุณลุง..ที่เป็นต้นแบบของความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำที่เขาชื่นชมแม้แต่น้อย


          ...อำนาจ...รุ่งโรจน์แล้วร่วงโรย สิ่งที่มีในมือไม่จีรัง เงินทองมหาศาลหรือจะสู้คนๆหนึ่งที่จะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต..


           คาวัลโลสบตาผู้เป็นลุง จ้องมองแววตาสั่นไหวหากบางครามองเหม่อของชายวัยกลางคนเบื้องหน้า ฝ่ามือของเขาแตะลงบนหลังมือหนาไล้เบาๆจ้องมองสบแววตาคู่นั้นเงียบๆ..นิ่ง...นาน...ร่างของชายวัยกลางคนเบื้องหน้าจึงสั่นระริก..


            "ฉัน...ฉะ...ฉัน.."ริมฝีปากแห้งผากสั่นไหว แฝงความรู้สึกมากมายจนยากจะเอ่ย หากแต่คาวัลโลเพียงยิ้มบาง เขาคุกเข่าลงตรงหน้ารถเข็นของอดีตบอสที่เขาเคารพรัก ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่แม้เขาจะถูกหักหลัง ถูกทรยศจากคนที่ไว้ใจจนเจ็บปวดนัก..


          ทว่า บัดนี้เมื่อเรื่องราวทั้งหมดกระจ่าง..เมื่อได้รู้ ว่าคนที่เจ็บปวดไม่ได้มีแค่เขา ผลของการกระทำอันบ้าบิ้นไม่คิดหน้าคิดหลังที่ทำให้เขาสูญเสียอะไรไปหลายๆอย่าง ทั้งความรักที่ผู้เป็นลุงมีให้ซึ่งหายไปพร้อมกับชีวิตของเพื่อนรักคนนั้น..เมื่อได้ทราบว่าเหตุที่เฟรเดริโก้ทำไปเพราะอะไร ให้โกรธเคืองแค่ไหน ก็ไม่อาจตัดใจทำร้ายได้ลง


          เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน..และ...เพราะเขาก็ผิด..ผิดต่อชายตรงหน้าเช่นกัน


         ต่อให้เขาจะได้อำนาจของแกงค์มาไว้ในมือ ต่อให้ไม่มีใครกล่าต่อว่าต่อขาน แต่อย่างไร ในใจของคาวัลโลก็มองว่ามันคือความผิดอยู่ดี ความผิด ที่ไม่มีวันหายไปและไม่อาจลบด้วยเวลาหรือเงินทองและอำนาจในมือ..


           "คุณลุง..." ฝ่ามือของคาวัลโลกุมหลังมือสั่นระริกไว้ "ผมขอโทษนะครับ.."


           "............"


           "ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณลุงต่อจากนี้เถอะนะ"


          ...แล้วเรา จะได้กลับมามีความสุขเสียที


          คาวัลโลจ้องมองแววตาสั่นไหวของชายตรงหน้า ริมฝีปากของผู้เป็นลุงอ้าออกช้าๆคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง เงียบ..นิ่ง..อึกอักสักครู่ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มขาวซีดช้าๆ..


           ฝ่ามือของมาเฟียหนุ่มแตะลงบนผิวแก้มของผู้เป็นลุงปาดเช็ดมันออกด้วยปลายนิ้วที่สั่นไหวไม่ต่างกัน


           ความแค้น ไม่เคยให้อะไร ทำร้ายไปแล้วก็ปวดใจ เข่นฆ่าไปก็มีแต่ความสูญเสีย ชีวิตไม่มีความสุข มีแต่ความแค้นและความผิดหวังที่เกาะกุมจิตใจจนด้านชา..


             หากจมจ่ออยู่กับความแค้น ชีวิตนี้ก็ไม่มีวันจะได้พบกับความสุข 


            คาวัลโลกอดร่างของผู้เป็นลุงแน่น พร้อมกับเงยหน้าไปมองสบตาพี่ชายทั้งสองแทนคำขอบใจและเขาก็ได้รับคำนั้นตอบกลับมาเช่นกัน


            มาเฟียหนุ่มจ้องมองร่างของผู้เป็นลุงในอ้อมกอด เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น เพื่อกอดปลอบประโลมขณะที่ดวงตหรุบต่ำ..ครุ่นคิด..             


            ชีวิตทุกคนต้องเดินหน้า...เขาก็เช่นกัน


            แต่....คาวัลโลจะเดินไปทางไหน...?



ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
       
      ...........................


              คฤหาสถ์สีขาวหลังใหญ่ท่ามกลางแมกไม้และกำแพงปราการคุ้มกันแน่นหนาตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า แสงอาทิตย์ยามบ่ายทอดลงมากระทบศรีษะ ร่างในชุดสูทสากลอย่างประณีตก้าวเดินลงมาจากรถปอร์เช่สีดำสนิทฉาบฟิล์กรองแสงทับกระจกจนไม่อาจเห็นใบหน้าชัด นัยน์ตาสีเข้มทอดมองภาพคฤหาสถ์หลังใหญ่เบื้องหน้าตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวทรงโคโลเนียตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ด้านหน้าคือลานจอดรถกว้างตลอดแนวหน้าบ้าน ขนาบด้วยสวนสวยแบบอิตาลีและรูปปั้นเทวดาน้อยประดับด้วยน้ำพุขนาดใหญ่ กลิ่นหอมของดอกไม้โชยเข้าดึงดูดความสนใจไปยังสวนกุหลาบที่ปลูกอยู่เต็มบริเวณบ้าน กุหลาบหลากสีหลากสายพันธ์พากันบานสะพรั่งราวกับต้อนรับผู้มาเยือนกระนั้น


            เสียงล้อรถบดถนนโรยกรวดกลมดังแว่วมาด้านหลังอย่างไม่ขาดสาย เสียงเครื่องยนต์และเสียงพูดคุยของผู้คนมากหน้าหลายตาบ่งบอกชัดว่าวันนี้มีงานใหญ่กำลังถูกจัดขึ้น ร่างสูงใหญ่พ่นลมหายใจช้าๆ ขณะที่ฝ่ามือหนาสอดเข้ายังกระเป๋ากางเกง แตะลงบนการ์ดกระดาษสีขาวที่ตนได้รับ


          บัตรเชิญสอดมาในซองกระดาษสีแดงสดขลิบทอง เขียนด้วยหมึกสีเดียวกันอย่างงดงาม จ่าหน้าถึง ชีค อัลชาอ์ ยาฮิลยะห์ มูซา มูอัสซินแห่งเซเนียยา มาจาก คาวัลโล เตอเกียเร่ วาลกัส บัตรเชิญสวยเรียบหรูถูกส่งตรงมาจากอิตาลี ในนามของตระกูลวาลกัส แด่ "พันธมิตร" ชั้นดีของตระกูลมาเฟียอันลือชื่อถูกส่งมาหาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เป็นเหตุผลให้อัลชาอ์ มูอัสซินมายืนอยู่ตรงนี้ มายังหน้าคฤหาสถ์หลังใหญ่ของตระกูลมาเฟียอันลือชื่อแห่งอิตาลี


           ปลายนิ้วสีเข้มไล้การ์ดเชิญในมืออย่างอ่อยอิ่ง ดวงตาสีเข้มจับจ้อง มองคฤหาสถ์ใหญ่หรูหราโอ่โถงเบื้องหน้าราวกับครุ่นคิด ปลายนิ้วแตะลงไปยังตัวอักษรสีทองเขียนชื่อชายที่ตนยังคงจำได้ดี..จะหลัก หลงรัก หลงไหล รักใคร่มากมายแม้เวลาจะผ่านผันไปเนิ่นนานหลายคนวัน  แค่เพียงหลับตา ใบหน้าของคนๆนั้นก็ปรากฏในห้องคำนึง ทั้งดวงตาสีน้ำทะเลสดใส  เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองงดงาม รอยยิ้มกว้างและทุกคำพูดจา ทุกการกระทำของคาวัลโล วาลกัส..


          คนที่นับแต่จากไปก็ไร้ข่าวคราวใดติดต่อกลับมา เงียบหาย ราวกับลืม..หรือทำลืม คำสัญญา คำเว้าวอนที่ขอให้จดจำ ขอให้เชื่อมั่น..ว่าจะกลับมา กลับมาที่นี่ กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของอัลชาอ์คนนี้..


           ริมฝีปากของผู้คิดขยับยิ้มคล้ายขบขัน..นึกถึงการกระทำของคนที่จากไป ผู้ที่เขาไม่อาจคาดเดาได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำ หรือท่าทีว่าจะออกมาเช่นไร


         คนที่หายไปคล้ายไม่อยากให้จดจำ แต่บัดนี้กลับร่อนบัตรเชิญมาส่งให้ตอนนี้..ตอนที่เวลาผ่านไปนับครึ่งปีตั้งแต่คนๆนั้นโบกมือลาเซเนียยาไปด้วยน้ำตา


           ชีคหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบาขณะกวาดตามองบรรดาชายในชุดสูทสากลที่ยืนประจำอยู่หลายจุด คล้ายกับพยายามมอง พยายามค้นหาคนที่ส่งบัตรเชิญนี้มาให้ คนที่เป็นสาเหตุให้อัลชาอ์ต้องมายืนอยู่ที่นี่..มาเยือนคฤหาสถ์วาลกัสแห่งนี้ คนที่เชื้อเชิญให้เดินทางมาแต่กลับหายหน้าไม่โผล่มาให้เห็น หรือว่างานในฐานะบอสมาเฟียนั้นยุ่งเสียจนปลีกตัวมาไม่ได้ หรือเจ้าของประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งมันไม่สำคัญให้เข้ามาใส่ใจ


        ชีคหนุ่มระบายลมหายใจอีกคราอัลชาอ์ไม่รู้จะโกรธหรือฉุนดีกับการกระทำเช่นนี้ สำหรับคนที่พร่ำพรรณาพูดว่าไม่อยากจากไปและทำท่าทีเหมือนรักใคร่อาลัยนักหนาแต่กลับเงียบหายไปแล้วจู่ๆก็ส่งบัตรเชิญอย่างเป็นทางการมาให้แบบนี้  มันทั้งไร้น้ำใจ ทั้งเย็นชาและแสดงฐานะเพียงคู่ค่า..คนรู้จัก หรืกระทั่ง"เพื่อน"และ"พันธมิตร"ที่ไม่มีอะไรแอบแฝงไปกว่านั้น


           แต่ก็ใช่จะโทษใครได้ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่จะต้องทำ ในเมื่อไร้คำสัญญาใดต่อกันมีเพียงลมปากอันไร้การผูกมัดเท่านั้น ใครจะจำ จะลืม จะทำตามหรือจะล้มเลิกสัญญานั้นไป ก็หาใช่เรื่องที่ผิดแปลกหรือต้องโหยไห้อันใดนักหนา...


          ก็แค่...สัญญา..ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่..ก็เท่านั้น..


          หากแต่ชีคหนุ่มก็อดจะฉุนเล็กไม่ได้  ในวันที่เกือบจะตัดสินใจให้ทุกอย่างจบลงแล้วเหลือเพียงความทรงจำ คาวัลโล วาลกัส ก็กลับมาทำแบบนี้ ช่างเจ้าเล่ห์เหลือรับ ดั่งสัตว์ร้ายที่รู้ว่าตนเป็นที่รักนักหนา มันจึงเพ่นพ่านออกไปเถลไถลไกลจนเจ้าของแทบหมดอาวรณ์ เคืองโกรธ หากวันที่รู้ว่าจะถูกตัดขาด มันกลับโผล่มาออดอ้อนคลอเคลียเสียอย่างนั้น


         มันน่ากอดให้แน่นพอๆกับน่าจับมาตีก้นแรงๆแล้วมัดไม่ให้ไปไหนเสียจริงๆ


         "สวัสดีครับ"น้ำเสียงทายทักดังขึ้นข้างกายทำให้ชีคหนุ่มชะงัก พลันต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงอีกครั้งเมื่อได้มองเห็นผู้ที่อยู่ตรงหน้าชัดถนักตา ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าคมคายหล่อเหลาหากดวงตาแฝงแววอ่อนโยนรื่นรมย์ที่คุ้นตาไม่ใช่เพียงดวงตาที่เหมือนกับคนที่ตนคะนึงหาเท่านั้น หากแต่เพราะอัลชาอ์จำคนๆนี้ได้ ผู้ชายที่เขารู้จักทางรูปถ่ายและคำบอกเล่าของคาวัลโล ว่านี่คือพี่ชายคนโต พี่ชายฝาแฝดที่เจ้าตัวเอ่ยถึงความรักอันผิดปกตินั่น..


        ..แล้วคนตรงหน้านี้เป็นใครคนไหน แฝดคนพี่ที่เขาเคยคุยด้วย หรือแฝดคนน้องที่เห็นเพียงรูปภาพเท่านั้น?


         "ผมอเล็กเซย์ วาลกัส พี่ชายของคาวัลโล ยินดีที่ได้รู้จักครับ"ฝ่ามือขาวจัดยื่นมาหาพร้อมคำแนะนำตัวเบาๆทำให้ชีคหนุ่มรับรู้ได้ในที่สุด อัลชาอ์ยื่นมือจับทายทักตามธรรมเนียมสากลพร้อมพยักหน้ารับเล็กน้อย


         "ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอัลชาอ์ มูอัสซิน"ชีคหนุ่มแนะนำตัวสั้นๆ สบมองดวงตาสีฟ้าสดอัลชาอ์มองเห็นแววใคร่รู้ในดวงตาคู่นั้น ดวงตาสีฟ้าสดกวาดมองคล้ายสำรวจตรวจตราชั่วครู่ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญ


         "มีคนอยากพบคุณ ผมเลยมาเชิญไปกันเลยไหมครับ"อเล็กเซย์เอ่ยพลางเดินนำ พาร่างของชายชาวต่างชาติเบื้องหลังให้ก้าวเดินเข้ามาด้านข้างของคฤหาสถ์ "อ้อ...แค่สองคน"


           อเล็กเซย์ปรายตาไปมองร่างของฮาซานซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังชีคหนุ่มของตนพลางเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


          "ความปลอดภัยของผู้นำคุณ ทางวาลกัสจะรับประกันเองครับ อย่าห่วงไปเลยเราไม่ฆ่าตัวตายโง่ๆด้วยการทำให้แขกที่เชิญมาเป็นอันตรายอะไรไปหรอก"


             เอ่ยแล้วผู้พูดก็เดินนำออกไปโดยไม่รั้งรอ ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องทำตามโดยไม่ขัดข้อง และก็เป็นเช่นนั้นเมื่ออีกไม่นานอเล็กเซย์ก็รู้สึกได้ถึงฝ่าเท้าที่เดินตามมาช้าๆ..


         "..ผมอยากคุยกับคุณมานานแล้ว ก่อนอื่นอยากจะขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องชายผม.." ผ่านไปไม่นานนัดริมฝีปากของอเล็กเซย์ก็เอ่ยแผ่วเบา ฝีเท้าค่อยก้าวนำผ่านบรรดาการ์ดชุดดำ ผ่านสายตาหลายคู่ที่มองตามอย่างใคร่รู้ "จริงๆแล้วผมก็มีเรื่องถามหลายอย่างนะ..ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นของน้องชายผม..หรือ...เรื่องของน้องชายผมกับตัวคุณ.."


      ผู้พูดเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย..เนิบช้า ฝ่าเท้าที่เดินทะลุสวนสวยไปยังด้านหลังของคฤหาสถ์วาลกัส ก้าวผ่านสวนกุหลาบหลากสีไปยังด้านหลังของตัวคฤหาสถ์ไม่ได้หยุดลง และเจ้าของคำพูดก็ไม่ได้หันหลังมาสบตาแต่อย่างใด เพียงให้ความเงียบและเสียงฝีเท้าแทรกผ่านบทสนทนาของตนไปเรื่อยๆ


          "สำหรับพี่ชายแล้ว มันก็น่าแปลกใจไม่น้อยนะ ที่พอเจอกันอีกครั้ง น้องชายของผมก็โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จนจำไม่ได้ซะแล้ว"อเล็กซิสหัวเราะเบาๆดวงตาสีฟ้าสดฉายแววรักใคร่เมื่อเอ่ยถึงเจ้าตัวแสบของบ้านที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเป็นเหมือนพายุหมุนขนาดย่อมอยู่เสมอ ยิ่งช่วงหลังๆที่ได้ขึ้นเป็นบอสยิ่งเหมือนจะน่ากลัวและขี้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่สาเหตุมันอาจจะเป็นเพราะผู้ชายที่เดินตามหลังเขาอยู่ก็ได้..


           อเล็กเซย์ลอบถอนหายใจทอดสายตามองต้นไม้ใหญ่ข้างกาย ทางที่เขาเดินนำไปเป็นเพียงทางเล็กๆเบื้องหลังคฤหาสถ์ที่ไม่มีผู้ผ่านมามากนัก ลึกเข้าไปในสถานที่ซึ่งบัดนี้มีเพียงต้นไม้สูงใหญ่ยืนต้นอยู่เบื้องหลังความเงียบสงบที่บังเกิดดูผิดแผดแปลกแยกราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยืนอยู่ใจกลางกรุงโรม ไม่มีโคมไฟนำทางยามค่ำคืน ไม่มียามเฝ้ารักษาการ มีเพียงต้นไม้เป็นปราการจากภายนอกเท่านั้นสถานที่นี้อาจบอกได้ว่าเป็นอีกความลับหนึ่งของวาลกัสก็ได้..


           ...อาจดูไม่สมควรที่จะให้คนนอกเข้ามารับรู้ แต่จะคิดอะไรมากเล่า เพราะเรื่องของชายคนนี้กับน้องชายของเขาอาจจะเป็นหนึ่งใน"ความลับ"นั้นเช่นกัน


          ดวงตาสีฟ้าสดเหลือบมองร่างสูงใหญ่ของชายที่เดินมาเบื้องหลัง ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามเข้มแบบชาวตะวันออก คิ้วเข้มจัด ดวงตาสีดำสนิทคมกริบ ใบหน้าไร้อารมณ์แฝงแววเคร่งขรึมฉาบทับไว้บางๆด้วยท่าทีเย็นชา เส้นผมสีดำสนิทระไหล่กว้างในชุดสูทสากลสีดำ ดูเคร่งขรึม จริงจัง แฝงบรรยากาศลึกลับยากจะเข้าใกล้ซึ่งอาจถือเป็นบุคลิกพื้นฐานของผู้คนในแถบทะเลทรายนั้นก็ได้


         ..คนๆนี้ คือคนที่ช่วยเหลือน้องชายของเขา คือคนที่ไว้ชีวิตคาวัลโล และยังเป็นอีกหนึ่งคู่ค้าคนสำคัญของวาลกัส..


         แต่..สาเหตุที่ชายผู้นี้ยืนอยู่ที่นี่เดินตามเขามายังด้านหลังของคฤหาสถ์นี้ไม่ใช่เพียงเพราะความสัมพันธ์ที่เอ่ยมาเท่านั้น หากเพราะความสำคัญที่มีต่อ"บอส"คนปัจจุบันของวาลกัสต่างหาก..


         .......................



ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


Line 46 : สัญญาสุดท้าย




       "คุณโกรธน้องชายผมรึเปล่า?" คำถามที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นหลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่งทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วบางๆ จ้องมองแผ่นหลังของบุรุษผมทองเบื้องหน้าก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยปากสั้นๆ"ที่เขาสร้างความวุ่นวายให้หลายๆ อย่าง"


           "ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องอะไร"


           "ผมเข้าใจ"คำตอบนั้นทำให้อเล็กเซย์หัวเราะขำ เพราะเขาก็รู้ดีว่าที่จริงแล้วน้องชายคนสุดท้องนั้น ออกจะเป็นคนที่กวนโมโห..มากอยู่สักหน่อย "เอาจริงๆที่อยากรู้คือเรื่องที่เขาไปสร้างความวุ่นวายให้คุณ ไม่นับสมัครพรรคพวกที่ตามมาทีหลังพร้อมเรื่องน่าปวดหัวมากมายด้วยน่ะ คุณก็คงต้องลำบากใจพอสมควรทางเราก็ต้องขอโทษด้วย"


          "เรื่องมันผ่านไปแล้ว"อัลชาอ์ตอบสั้นๆ แม้จะอยากตอบว่าเจ้าตัวแสบสร้างความลำบากกายลำบากใจยังพอรับได้ แต่กับพวกวุ่นวายที่ตามมาทีหลัง ไม่ได้เจอกันอีกเลยท่าจะดีหนัก


           "แล้วเรื่องของคุณกับน้องชายผมถือว่าผ่านไปแล้วรึเปล่า?"


           "..........."


          คำถามนั้นทำให้อัลชาอ์นิ่ง ชีคหนุ่มไม่ตอบคำขณะที่ฝีเท้าของชายเบื้องหน้าค่อยทอดลงเนิบช้า ความเงียบโรยตัวลงโดยรอบที่มีเพียงเสียงร้องของนกและเสียงสายลมปลิวผ่านยอดไม้ ร่างของชายหนุ่มผมสีทองดวงตาสีท้องฟ้าเบื้องหน้าจึงหยุดลง หันกลับมามองสบตาชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาซึ่งยืนอยู่เบื้องหลัง...


           "ถ้าคุณจะโกรธเขาที่เขาไม่ได้ติดต่อกลับไปก็ขอรับไว้ว่าเป็นความต้องการของเราเอง...นี่เป็น"ข้อแม้"ที่พวกเราใช้เพื่อนกลั่นแกล้งคุณกับคาวัลโล"อเล็กเซย์จ้องหน้าชีคหนุ่ม ดวงตาหรี่ลงน้อยๆแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มหากแววตานั้นบ่งบอกว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง


           "ถามว่าผมรับได้ไหมที่เรื่องมันเป้นแบบนี้ เอาจริงๆตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์จะพูดเพราะผมก็เป็น"ตัวปัญหา"ที่"เกะกะ"ไม่ต่างกับ"คุณ"เท่าไหร่ แต่สำหรับคาวัลโลแล้วมันต่างออกไป เพราะเขาคือบอสเขาเป็นความหวังของพวกเราวาลกัสทุกคน เพราะฉะนั้นกว่าที่เขาจะก้าวมาถึงตรงนี้ กว่าเขาจะส่งบัตรเชิญไปหาคุณได้ ขอให้รับรู้ไว้เถอะว่าน้องชายของผมก็ลำบากและทุกข์ใจไม่น้อยกว่าคุณเลย"


           "ผมไม่ได้พูดเพราะอยากให้คุณสงสารเขา เจ้าตัวแสบอย่างคาวัลโลจะโดนทิ้งหรือโดนแกล้งแรงๆสักทีก็สมควรแล้วเหมือนกัน แต่ผมแค่ไม่อยากให้ข้อแม้ที่เราตั้งขึ้นมาเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเข้าใจผิด มารู้ทีหลังว่าน่าสมเพชแล้วแต่มารู้หลังจากที่ติดสินใจอะไรผิดๆไปแล้วมันน่าโมโหยิ่งกว่า สำหรับผมก็ใจดีได้แค่นี้ จำไว้ด้วยว่าต่อให้คุณผ่านตรงนี้ไปได้เส้นทางของคุณกับคาวัลโลก็ไม่ได้ราบรื่น พี่ชายผม พ่อ แม่ น้องๆของผมและทุกคนที่รู้เรื่องจะพากันขัดขวางแม้กระทั่งผมเองก็จะทำ มันช่วยไม่ได้นี่ เพราะไม่มีใครคิดว่าจะได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าน้องเล็กด้วยภาพมันร้องไห้เหมือนคนใจสลายเลยสักคน"


           "เรื่องที่ผมอยากพูดก็จบแล้ว จากนี้เดินตรงไปอีกหน่อยก็ถึง..แล้วเจอกันงานเลี้ยงตอนเย็นครับ" อเล็กเซย์โบกมือลาแล้วหันหลังเดินกลับไปในทางเดิม ชีค หนุ่มตวัดสายตามองตามแผ่นหลังของคนพูดซึ่งเดินห่างออกไปอย่างครุ่นคิด ไม่ทันที่แผ่นหลังนั้นจะลับจากสายตา ร่างของชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีใบหน้าประพิมประพายคล้ายเหมือนกันก็เดินเข้ามาสมทบ ฝ่ามือนั้นวางลงบนไหล่ของคู่แฝดดวงตาสีฟ้าเข้มตวัดมามองสบพร้อมก้มหน้าน้อยๆเชิงทายทัก ซึ่งอัลชาอ์ก็พยักหน้าตอบไปเช่นคนเคยสนทนากันแม้จะไม่มากก็ตาม



         อัลชาอ์ขยับฝีเท้าก้าวเดินอีกคราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชีคหนุ่มนิ่งไตร่ตรองคำพูดที่อเล็กเซย์ วาลกัส เอ่ยออกมาเงียบๆเรื่องความขุ่นเคืองที่คาวัลโลไม่ติดต่อกลับมานั้นตนก็ยอมรับว่ามี มีแน่นอนและเหมือนจะมาขึ้นเมื่อได้เห็นบัตรเชิญที่แสนไร้เยื่อใยเช่นนั้น ทว่าหากลองพิจารณาแล้วชีคหนุ่มก็รู้ดีว่าเรื่องระยะเวลาที่ไกลห่างหรือการกระทำของมาเฟียหนุ่มที่ตนหลังรักนั้นหาใช่ใจความสำคัญระหว่างพวกเขาทั้งสอง ที่สำคัญคือการตัดสินใจต่อจากนี้ต่างหากที่จะชี้ทางว่าควรจะเดินไปเช่นไรจะละมือจากกันไปแล้วเดินไปคนละฝั่ง หรือจะเดินจับมือและกอดคอกันไปไม่หวั่นแม้จะกำลังเดินข้ามขอบเหว..


        ภาระหน้าที่ที่ตนต้องกระทำ เกียรติและศักดิ์ศรีที่แบกอยู่บนบ่าในฐานะของ"ชีคผู้นำประเทศ"กับ"มาเฟียผู้นำกลุ่มคน"ทั้งเหมือนและแตกต่างกันไปในรายละเอียด ทว่าสิ่งหนึ่งที่ต่างรู้คือระหว่างอัลชาอ์และคาวัลโลไม่ได้มีเพียงคนสองคนเท่านั้น ด้านหลังยังมีคนรออยู่ ข้างกายยังมีคนจ้องมองทั้งห่วงใยและปองร้าย จะคิดอะไร จะทำอะไรไม่สามารถทำไปตามใจตนได้ อัลชาอ์เองก็มีหน้าที่และข้อแม้ที่ตนต้องกระทำ เช่นเดียวกับคาวัลโลที่มีสิ่งที่ตนเชื่อถือ คำมั่นสัญญาและความปราถนาของตนเอง เมื่อพวกเขาก้าวไปข้างหน้า ไม่ได้มีก้าวไปเพียงคนเดียว แต่มีผู้คนอีกมากมายก้าวไปพร้อมๆกัน พลาดหนึ่งคนไม่ใช่แค่หนึ่งคนแต่หมายถึงอีกหลายๆคนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นดั่งพันธนาการที่ผูกรัด ทั้งโซ่และฟันเฟืองที่คอยฉุดรั้งและคอยผลักดันให้เดินไปข้างหน้า


        หากเดินออกไปก็ไม่ต่างกับทำลายเส้นทางเดินของคนหลายคนให้ย่อยยับลงกับตา แล้วเราจะมีทางเลือกเดินของตัวเองงั้นเหรอ?


.................



         ชีคหนุ่มก้าวเท้าไปตามทางเล็กๆที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ฝ่าเท้าที่ย่ำลงบนผืนหญ้าแต่ละครั้งทั้งหนักหนาหากแต่ก็แฝงไปด้วยความลังเลไม่น้อยก้าวผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ทอดกิ่งบดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าฝ่ามือหนาตวัดมันขึ้น โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาบางๆเมื่อมองเห็นเงาร่างที่เคยคุ้นยืนอยู่เบื้องหน้า


        เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองสะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่ายเป็นประกายระยับไหว นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองตรงมาด้วยความนัยน์ที่เปี่ยมด้วยความรักใคร่ยินดีเด่นชัด ร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวกางเกงสแลคเนื้อดีสีดำสนิทยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า รอบกายของคนๆนั้นเป็นบริเวณสุสานขนาดเล็กดอกกุหลาบสีขาวเบ่งบานชูช่อส่งกลิ่นหอมอวลอายไปทั่วบริเวณ  ร่างเพรียวยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพที่ปรากฏสัญลักษณ์เครื่องหมายไม้กางเขน ในมือมีดอกกุหลาบสีชาวช่อเล็กบ่งชัดว่ากำลังจะวางมันลงตรงหน้าหลุมศพนั้น


         "คุณรังเกียจที่จะเดินเข้ามาหรือเปล่า?"เสียงที่ไม่ได้ยินมานานหลายเดือนดังขึ้นจากริมฝีปากบางเพียงแผ่วเบา ดวงตาที่ฉายความยินดีครู่หนึ่งสั่นไหวรอยยิ้มปรากฏความเศร้าขึ้นเพียงครู่ ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังกลัวว่าอัลชาอ์จะไม่เดินเข้าไปหาซึ่งไม่ต่างกับการปฏิเสธจะสานต่อทุกสิ่งทุกอย่าง


          "แล้วทำไมคุณไม่เดินมาหาผม"คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงันก่อนคนฟังจะเริ่มหัวเราะ..หัวเราะด้วยความสดใสชื่นบานอย่างที่ไม่ได้ทำมานานหลายคืนวัน


          นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่พรายระยับด้วยความขบขันปนถูกใจแลสบ นัยยะยั่วเย้าแฝงความท้าทายที่ส่งมาทำให้คนมองรู้สึกถึงหนังตาที่กระตุกวูบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหต


          "งั้นเราเดินมาเจอกัน โอเคไหม?"คาวัลโลเอ่ยปากกลั๊วหัวเราะ แต่ใจความที่กล่าวออกมานั้นเป็นจริงแน่นอน และเป็นดั่งคำพูดที่จะบอกถึงอนาคตของเขาทั้งคู่กรายๆเช่นกัน..


         คนสองคนเดินมาเจอกัน ละจากที่ๆตนยืนอยู่เพื่อจะเดินมาเจอสิ่งที่ดีกว่า..แม้จะมีปัญหารออยู่ตรงหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่น ทิ้งปัญหาไปไม่ได้ แต่เรายอมรับมันได้


        จับมือกันไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็จะฝ่าฟันมันไปได้แต่นอน..


        ขอเพียงแต่ยอมรับ และเข้าใจ ตัวตนและเหตุผลของกันและกัน


        ร่างของคนสองคนก้าวเข้ามาหากันแนบชิดเสียงฝีเท้าเหยียบบนผืนหญ้าดังขึ้นเบาๆท่ามกลางความเงียบ กลิ่นหอมของกุหลาบอบอวลในบรรยากาศ แสงแดดสาดจ้าสายลมเย็นยะเยือกของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านผิวกาย หากแต่เมื่อผิวกายที่สัมผัสกันกลับอบอุ่นอ่อนหวานยิ่งนักเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่จนรักและคิดถึง..โหยหาจนแทบบ้า แทบขาดใจ


        กุหลาบขาวในมือที่กำแน่นถูไถกับอกกว้างจนกลีบช้ำ หากแต่คนกอดและคนถูกกอดกลับไม่คิดจะใส่ใจมัน ที่คิดถึง..ที่อยากสัมผัสมีแต่คนตรงหน้า ร่างกายอุ่นร้อนและเสียงหัวใจเต้นผะผ่าวแผ่วเบาชวนให้คะนึงหานัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลปิดพับลงช้าๆสูดเอากลิ่นกายที่เคยคุ้นของคนตรงหน้าเข้าบรรเทาความคิดคะนึงห่วงหาที่รุนแรงนัก เอนกายซบอิงพิงพักร่างสูงใหญ่ให้อ้อมแขนแกร่งตวัดกอดรัดแนบแน่น นิ่ง..นานเพื่อชดใช้ความคิดถึงที่เหมือนจะทะลักทะลายออกมาไม่หยุด


          "โกรธผมรึเปล่า?"คำถามอู้อี้ดังมาจากคนที่กอดซบแผ่นอกแน่นไม่ยอมปล่อย หากใจความนั้นทำให้อัลชาอ์ถึงกับต้องหลุดหัวเราะ


          "คุณนี่พูดไม่ต่างกับพี่ชายเลยนะ"ชีคหนุ่มเอ่ยตอบแววตาสงสัยของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา


          "พี่..?"คาวัลโลขมวดคิ้ว ละออกจากแผ่นอกหนาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น"หรือมีใครเอาเรื่องอะไรแปลกๆไปกรอกหูคุณอีกล่ะ?"


          "ไม่ใช่เสียหน่อย"อัลชาอ์ถอนหายใจพลางยกปลายนิ้วขึ้นจิ้มหน้าผากตัวแสบเบื้องหน้า"เขาบอกมาว่าคุณโดนแกล้ง..ไม่สิ เขาก็ออกจะยอมรับตรงๆนะว่าพยายามขัดขวางไม่ให้เราได้ติดต่อกัน"


          "อ้อ"คาวัลโลครางรับ พ่นลมหายใจพรู "ก็จริง..ไม่ว่าหน้าไหนๆก็บ้าบอร้ายกาจกันทั้งนั้น"


          "แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาหรอก"


               คนพูดพ่นลมหายใจ ก้มมองกุหลาบในมือพร้อมกับตวัดสายตาไปมองป้ายหลุมศพด้านหลังเล็กน้อย ระยะห่างที่เขาสองคนก้าวมาหากันไม่ได้ไกลห่างมากนักในความเป็นจริง หากแต่ความรู้สึกนั้นราวกับผ่านมาไกลแสนไกล จากจุดที่ต่างคนต่างยืน จากที่ของตัวเองที่ไม่อาจเสียให้ใคร มาจนถึงทางเดินแตะละก้าวที่ขยับเข้าหากันเพื่อเผชิญหน้าในจุดกึ่งกลางของความรู้สึก..


          ..หากให้ผมเปลี่ยนไป ผมก็คงไม่ใช่ผม และคุณก็คงไม่ใช่คุณ เราก็ต่างเป็นเราอยู่แบบนี้ ไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน


          ต่อให้รักก็ใช่จะมองแต่ส่วนที่ดี แม้จะเจอเรื่องที่บกพร่องก็ใช่จะมองข้าม แต่ก็ไม่ได้เกลียดชังหากแต่รับมันได้ต่างหาก


             "ไม่ว่าใครก็ต้องทำแบบนั้น..ครอบครัวผมก็ไม่มีใครชอบใจกับเรื่องนี้ แบบเดียวกับที่คนรอบๆกายคุณรับไม่ได้ ต่อต้าน ไม่ยอมรับ ปฏิเสธจะรับรู้และรับฟังเหตุผลของเรา..ไม่สิ...เหตุผลของเราก็มีอย่างเดียวอยู่แล้ว.."คาวัลโลก้มมองดอกกุหลาบในมือพลางถอนหายใจแผ่วเบา ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กอกุหลาบและเริ่มก้มลงไปเด็ดมันอีกครา


            "เหตุผลที่คนสองคนจะใช้ชีวิตร่วมกับมีมากมาย แบบเดียวกับเหตุผลที่คนสองคนจะรักกัน แต่มันต่างกันตรงที่บางครั้ง..คนรักก็ใช่จะได้อยู่ด้วยกัน"อัลชาอ์มองอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้าก้มตาเด็ดดอกกุหลาบก่อนจะเอ่ยออกมาแผ่วเบา"เรื่องนี้เราต่างก็รู้กันดี มันจึงเป็นสิ่งเดียวที่คุณและผมต้องมานั่งตัดสินใจ.."


            "ผมรักคุณ"คำรักจากปากของมาเฟียหนุ่มที่ยังคงก้มหน้าก้มตากับดอกกุหลบไม่ยอมหันมาสบตาพัดผ่านหัวใจให้ชุ่มชื้นยินดี..อัลชาอ์พยักหน้ารับริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา


            "ผมรู้..และ..คุณก็รู้ดีว่าผมรักคุณเช่นกัน"ชีคหนุ่มรับคำ ฝ่าเท้าก้าวผ่านเข้าไปยังบริเวณสุสานสาวเท้าไปใกล้ร่างที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับกอกุหลาบเบื้องหน้าอีกนิด พร้อมกันนั้นก็หันไปจ้องมองป้ายหลุมศพที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้า"..เรารักกันแต่นั่นไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง คุณรู้และผมก็รู้ ว่าระหว่างเรามันมีอะไรมากกว่านั้น"


            "คุณทิ้งครอบครัวกับแกงค์ของคุณไปไม่ได้ เช่นเดียวกับผมที่ทิ้งประเทศของตนไปไม่ได้เช่นเดียวกัน ถ้าคุณก้าวออกมาทุกคนก็ต้องเสียใจ เช่นเดียวกับผมที่อาจทำให้คนนับล้านต้องผิดหวัง อาจจะถูกเหมือนที่คุณเคยบอก ว่าเราไม่ควรได้พบกันด้วยซ้ำ พบกันแล้วยังไง รักกันแล้วยังไง ไม่ว่าจะดิ้นรนขนาดไหนเราก็ทิ้งคนข้างหลังไม่ได้อยู่ดี"


            "คุณเคยบอกแล้ว..ว่าเราไม่มีทางเลือก"ริมฝีปากบางเอ่ยพึมพัมแผ่วเบาปานกระซิบ หากใบหน้ายังคงก้มต่ำทอดมองกุหลาบสองดอกในมือตนเองอย่างเงียบเชียบ


           "..และผมก็ไม่คิดจะบังคับคุณอีก"ชีคหนุ่มเอ่ยตอบคำสั้นๆพลางถอนหายใจแผ่วเบาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่ยังคงทิ้งตัวในหัวใจ"เรื่องที่ผ่านมา..ไม่ว่าจะเป็นคำสัญญา คำขอร้อง หรืออะไรก็แล้วแต่มันไม่ใช่สาระสำคัญอีกแล้ว ต่อให้คุณจะโกหกผมเป็นร้อยครั้งมันก็ไม่อาจจะลบความจริงที่ว่าผมรักคุณ ไม่จำเป็นต้องถามว่าผมโกรธคุณไหม เพราะต่อให้ผมโกรธแค่ไหนผมก็รักคุณอยู่ดี"


           "ไม่จำเป็นต้องพูดว่าจะเลือกฝั่งนี้หรือฝั่งไหน เพราะเราสองคนไม่มีทางเลือก คุณก็ต้องอยู่ในที่ของคุณ ผมก็ต้องอยู่ในที่ของผม ระยะห่างของเราไม่ได้ถูกขั้นด้วยคำว่ารักหรือไม่รัก ไม่ได้ไกลกันด้วยระยะทางหรือเวลา แต่เป็นคนอีกนับร้อยนับล้านที่ยืนขวางเราอยู่ เขาพร้อมจะเป็นสะพานให้เราเดินข้ามไปหาความก้าวหน้า แต่ก็พร้อมจะฉุดเราลงมาหากทำให้ไม่พอใจ คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดพลาดไม่ได้ ใจอ่อนไม่ได้ แต่ก็โหดร้ายไม่ได้เช่นกัน จุดอ่อนที่เราเผยไปแม้เพียงนิดก็มากพอจะเป็นการฆ่าตัวตาย หรือกระทั่งคิดจะปิดมันเป็นความลับ..ก็จงจำไว้ว่าความลับไม่มีในโลก"


           "คุณนี่บทจะใจร้ายก็ใจร้ายได้อย่างเลือดเย็นจริงๆ ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าใครเป็นฝ่ายทำร้ายจิตใจใครกันแน่"คาวัลโลตอบคำพลางหัวเราะขำ ก้าวจากเถากุหลาบที่เกาะเกี่ยวรูปปั้นเทวดาตัวน้อยไปยังหลุมศพที่ชีคหนุ่มยืนอยู่"แต่โลกมันก็โหดร้ายอย่างที่คุณพูด โดยเฉพาะโลกของคุณและผม..ที่ไม่มีทางจะเป็นคำว่า"เรา"ได้ง่ายๆ"


           วางกุหลาบสองดอกที่เด็ดมาใหม่แทนช่อเดิมที่กลีบยับย่นไม่น่าดูตรงหน้าป้ายจารึก ป้ายยังใหม่ ทว่าวันเวลาที่บอกในป้ายหินกลับเป็นเมื่อหลายปีก่อนหน้า ปลายนิ้วสีขาวจัดไล้ถ้อยคำจารึกเบื้องหน้าแผ่วเบา ลูบไล้พลางจ้องมองมันอย่างเงียบๆท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่เริ่มอ่อนแสง


            "มันก็ดูน่ากลัวไม่หยอกนะที่เรามีของแบบนี้อยู่ข้างบ้าน"คาวัลโลเอ่ยปากคล้ายขบขัน "คนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าเราคือเพื่อนของผม..ไม่สิ ตอนนี้เขาคือญาติสนิทของผม ลูกชายของคุณลุงที่เป็นบอสคนก่อน คนที่อาจจะเป็นจุดเรื่องต้นของเรื่องบ้าๆทั้งหมดนี่ก็ได้ เขาชื่อจอร์จิโอ้..จอร์จิโอ้ วาลกัส ผมอยากให้คุณได้รู้จัก"


            คนพูดทรุดกายลงเบื้องหน้าหลุมศพช้าๆ นั่งมองป้ายไม้กางเขนพลางเท้าแขนด้วยกริยาคล้ายจะพูดคุยกันคนที่นอนหลับไหลอยู่เบื้องล่าง นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองอย่างอ่อนโยนบ่งชัดว่าคนที่จากไปแล้วมีความสำคัญกับตนเองมากมายเพียงไร นั่นทำให้อัลชาอ์ต้องทรุดกายลงบ้าง แม้จะไม่ได้นั่งข้างๆแต่ก็ทรุดกายพิงขอบรั้วเล็กๆที่เป็นเขตกั้นสุสานกับอาณาเขตป่าภายนอกออกจากกัน


           "พอผมกลับมาถึงได้รู้ว่าโดนต้มเสียหลายเรื่อง..ทั้งพี่ชายผมที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็ต้องขอบคุณความปราณีของคุณลุงที่ยังหลงเหลือ และต้องขอบคุณผม..ไม่สิ ขอบคุณตัวคุณเองที่สอนให้ผมรู้จักให้อภัยเขา"ริมฝีปากบางเอ่ยเเผ่วเบา เล่าเรื่องราวที่ผ่านผันคล้ายกับที่อัลชาอ์ทำในตอนนั้น ในคืนวันที่พวกเขาจะต้องจากกันไกล "สำหรับคุณลุงแล้ว..ตอนนี้คุณลุงของผมอยู่..ที่เกาะซิซิลีเขาอยู่แห่งนั้นเพื่อจะได้ดูแลลูกชายของตัวเองและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในบั้นปลายอย่างสงบ ผมไว้ชีวิตเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้รับโทษ..นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วเพราะนี่ก็เป็นบาปที่ทุกคนร่วมกันก่อด้วยกันทั้งนั้น"


            "และพอจัดการเรื่องคุณลุงเสร็จ พ่อแม่ผมก็รู้เรื่องของ"เรา"จากคุณอาของผม แน่นอนว่าพวกเขาไม่พอใจและไม่คิดจะยอมรับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ ก็ในเมื่อพี่ชายของผมสองคนยังรักกันได้ นับประสาอะไรกับผม..และผมก็จะเป็นบอสมาเฟีย ความปราถนานี้ไม่มีวันเปลี่ยนอย่างที่คุณพูด ว่าเรา..ต่างก็มีทางของเรา"


             "แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้การที่บอสมาเฟียจะเป็น"เกย์"แบบผมเนี่ย ก็ออกจะยากเอาการอยู่ พวกเขาก็ตั้งข้อแม้อย่างที่คุณรู้ เอาจริงๆก็คงเพราะกำลังหลอกตัวเองว่าผมไม่ได้รักอะไรคุณจริงจัง แค่ความหลงไหลชั่วครั้งชั่วคราวของคนที่พบเจอความลำบากแล้วมีพระเอกมาช่วยมันก็ต้องพาลใจอ่อนหลงรักเป็นธรรมดา ..แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ใช่นางเอก อย่างมากก็เป็นได้แค่ตัวร้าย แถวนี่ก็ไม่ใช่นิยาย ที่ทุกอย่างจะจบลงแบบมีความสุข"


             "ถ้าเป็นนิยายก็คงดีนะอัลชาอ์ เพราะอย่างน้อย ผมก็จะไม่ได้ทำให้ใครเสียใจ..เราอาจจะเจอกันแค่สองเดือนกับอีกไม่กี่วัน แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นเวลาที่มีความหมาย ได้พบเจออะไรมากมาย ได้รู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ได้สัมผัส"หัวใจ"ที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่..มันสายไปแล้ว..สายไปมากโขที่จะเปลี่ยนให้ผมไม่รักคุณ หรือไม่ได้เจอกับคุณ"ร่างบางเอนกายแนบชิด เเขนสองข้างวางลงบนเข่าของชีคหนุ่มที่ปรากฏอยู่ใกล้ก่อนจะเอนศีรษะวางลงแนบแอบอิง


             "ผมรักคุณ..ต่อให้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ยังจะรัก หัวใจคนเรามันทำไมถึงงี่เง่าแบบนี้กันนะ..อัลชาอ์..ที่ผ่านมาผมก็พยายาม ไม่ใช่แค่พยายามให้ทุกคนยอมรับ แต่ยังพยายามจะลืม พยายามจะตัดใจให้ได้ เพราะผมก็รู้ว่าอนาคตของผมที่ไม่มีคำว่ารักขวางอยู่จะสดใสกว่านับสิบเท่าร้อยเท่า แต่จะให้ทำยังไงล่ะ..ทำยังไงก็ลืมไม่ได้ ทำยังไงก็เลิกคิดถึงคุณไม่ได้ ต่อให้นั่งทำงานจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนต่อให้บุกไปถล่มพวกศัตรูให้มันย่อยยับไปต่อหน้า ผมก็ยังคิดถึงแต่คุณ..ได้ยินแต่เสียงคุณ...."


           ฝ่ามือหนาแตะลงบนเส้นผมนุ่มของคนที่ซบหน้าลงกับท่อนแขนกล้ำกลืนเสียงสะอื้นอันสั่นไหวด้วยสีหน้ารวดร้าว..เจ็บปวดและทรมารไม่ต่างกับหัวใจของคนพูดตรงหน้าเลยสักนิด


              "ทั้งๆที่เป็นแบบนี้...ทั้งๆที่วันนี้มันเป็นวันฉลองรับตำแหน่งของผม ผมทำสำเร็จ ทำให้พ่อแม่ยอมรับ ทำให้คุณลุงคุณอาหรือแม้แต่พี่ๆไม่มีสิทธิจะคัดค้านอะไรกับการตัดสินใจของผมอีก จ้อห้ามข้อแม้บ้าๆนั่นก็จบลง..ผมได้เจอกันคุณ ได้คุยกับคุณแล้วแท้ๆ แต่คุณกลับมาพูดแบบนี้ คุณพุดเหมือนว่าเราจะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว..คุณทำแบบนี้ได้ยังไง..ทั้งๆที่ผมก็บอกว่ารักคุณ..รักแต่คุณคนเดียว..คนงี่เง่า คุณจะไม่ยอมสู้กับผมแล้วใช่ไหม คุณอยากจะเป็นไอ้ขี้แพ้ตลอดกาลรึไง"



ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

              ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยมาสบมองด้วยสีหน้าร้าวไหว ฝ่ามือกำเสื้อสูทเบื้องหน้าแน่นพลางออกแรงขยำเขย่าด้วยท่าทีเคืองโกรธและผิดหวัง ริมฝีปากบางนั้นยังคงเอ่ยปากพูดซ้ำๆต่อว่าต่อขานด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด..


           ..แต่แม้จะบอกว่าผมรักคุณ..ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ทุกอย่ามาในมือ..


          โลกนี้มีหลายสิ่งขยับเคลื่อนไปพร้อมกัน ไม่ใช่เพียงแค่รักแล้วจะหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่ว่ารัก...รักแล้วจะได้ทุกสิ่งมาไว้ในกำมือ พวกเขาก็เป็นเพียงคนโง่ คนดื้อดึงที่ไม่อาจยอมรับชะตา ไม่อาจทำใจรับกับคำว่า"เป็นไปไม่ได้"ที่ตั้งตระหง่านเป็นกำแพงสูงอยู่ต่อหน้า..


           ...แต่ว่า..กำแพงไหนก็ไม่สูงท่าความพยายามของคน


           "ผมรอฟังคำตัดสินจากคุณ..คาวัลโล"ชีคหนุ่มเอ่ย ฝ่ามือปาดเช็ดน้ำตาของชายหนุ่มเบื้องหน้าออกอย่างอ่อนโยนพร้อมกระซิบแผ่วเบา"คุณบอกให้ผมรอผมก็รอ คุณบอกให้ผมฟังผมก็ฟังแล้ว..แต่หลังจากนี้คือสิ่งที่คุณต้องตัดสินใจ สำหรับผมแล้ว ผมทำได้ทุกอย่างยกเว้นแต่ทิ้งเซเนียยาไว้ให้คนอื่นดูแล แล้วสำหรับคุณละ คุณจะทำยังไง..คุณจะพยายามแบบไหนให้คำว่า"เป็นไปไม่ได้"มันเป็นไปได้ขึ้นมา"


           "ผมอยากให้คุณสัญญา"


            "สัญญา?"ชีคหนุ่มเอ่ยทวนคำ ครู่หนึ่งอยากจะถอนหายใจด้วยความหน่ายนักแต่ตนก็ยังคงฝืนยิ้ม..กับคำว่ารอที่ปรากฏชัดเจนอยู่ตรงหน้า


           "ผมจะเป็นบอสมาเฟีย ผมจะเป็นบอสที่ยิ่งใหญ่และเเข็งแกร่งที่สุด ผมจะกำจัดศัตรูของผมให้สิ้นซาก..นี่เป็นคำปฏิญาณของผม เป็นคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับตัวเอง..และ..ผมจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะสำเร็จ"


           "นั่นหมายถึงเวลาที่ผมต้องรอคอย"ชีคหนุ่มเอยช้าๆ


           คนพูดไม่ตอบคำ หากแต่คว้าสร้อยกางเขนแสนคุ้นตาที่แขวนบนลำคอขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาของมาเฟียหนุ่มวาววับ จ้องสบดวงตาสีเข้มอีกครั้งอย่างมั่นคงก่อนจะวางมันลงอีกครั้งบนฝ่ามือของชายหนุ่มเบื้องหน้า


           "ของคุณ.." อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ..จ้องมองโลหะสีเงินแสนคุ้นตาในอุ้งมือ


          "...ครับ...ใช่.." คาวัลโลมองตามแล้วพยักหน้า " ผมฝากคุณ..ฝากคุณเก็บไว้ ผมจะกลับมาสวมมัน ในวันที่จะกลับมาอยู่ตรงนี้..ในวันที่สัญญาซึ่งผมให้ไว้กับตัวเองได้สำเร็จลง ผมจะกลับมาอยู่กับคุณตลอดไป "  ริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มเอ่ยเบาๆดั่งเสียงกระซิบแผ่ว " สำหรับผม ...นี่คือตัวแทนคำสัญญา..สำหรับคุณ..หากวันไหนที่"เหนื่อย"เกินจะตั้งความหวัง ก็ส่งมันกลับมา..ยื่นให้ผมในวันที่คุณตัดสินใจว่าจะไม่มีเรื่องของเราอีกแล้วจริงๆ.."


         "คาวัลโล.."


         "...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ..ผมให้คุณตัดสินใจ..ทุกๆอย่าง.." ริมฝีปากของคนพูดยกยิ้ม หากแววตาสั่นไหว " ผมรู้ว่าตัวเองมันแย่ทีขอให้คุณรอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมตัดสินใจแล้ว ผมเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว ในเมื่อเราสองคนอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ต้องเป็นคนก้าวออกมาจากบนบัลลังก์ สำหรับคุณแล้วเซเนียยาไม่มีวันถูกละทิ้งแต่สำหรับผมมันไม่ใช่..ผมมีความต้องการจะเป็นบอสมาเฟีย แต่คำว่าบอส ที่อยากเป็นก็เพื่อสานความปราถนาของตัวเองมให้สำเร็จ และเมื่อมันสำเร็จผมก็จะปล่อยมือจากมัน"


          "รอผม..รอให้ผมทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ..มันอาจจะยาวนานนับสิบปี..ยี่สิบปี แต่ผมสาบาน...สาบานต่อหน้าหลุมศพของเพื่อนรักและสาบานต่อหน้าคุณที่ผมรัก ว่าเมื่อผมสามารถเป็นบอสที่ดีที่สุด สามารถกำจัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดได้แล้ว ผมจะกลับมาหาคุณ..ผมจะละทิ้งทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับคุณ และตอนนี้ผมอยากให้คุณเลือกว่าจะรอผมเพื่อสักวันเราจะได้อยู่ด้วยกัน หรือทิ้งทุกิย่างไว้ตรงนี้ และจากไปโดยไม่ลังเล"


          "..ไม่ว่าจะนานแค่ไหน"ฝ่ามือของชีคหนุ่มไล้ตามโครงหน้าหวานแผ่วเบา ทะนุถนอมยิ่ง..


           "ไม่ว่าจะยากแค่ไหน.."คาวัลโลเอ่ยพร้อมกับแตะปลายนิ้วลงบนหลังมือของคนตรงหน้า แล้วเปิดดวงตาขึ้นสบมองนัยน์ตาสีนิลอย่างมั่นคง"ผมจะทำให้สำเร็จ..นี่คือคำสัญญาสุดท้ายที่ผมขอและขอเดิมพันด้วยหัวใจและชีวิตทั้งหมดที่เหลือ..ให้คุณ"


          "........"


          "ผม..."ริมฝีปากของคนพูดเริ่มสั่นไหวเมื่อเห็นท่าทีของชีคหนุ่มนิ่งงัน"ผมจะพยายามให้มากที่สุด จะทำให้มันเป็นจริงเร็วที่สุด..ผม...ผมจะไปหาคุณทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ผมจะไม่หายไปแบบนี้อีก ผม.."


         "ชู่ว..."ปลายนิ้วแตะลงบนริมฝีปากสีอ่อนพลางส่งสัญญาณให้เงียบเสียง


         "คำสัญญาครั้งที่สาม"


         "หลังจากครั้งแรกและครั้งที่สองออกจะ..ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง"ริมฝีปากของผู้เอ่ยยกยิ้มมุมปากพร้อมลมหายใจที่ถูกระบายลงช้าๆ จ้องมองสบตาชายหนุ่มเบื้องหน้าที่มองตนดั่งรอคำพิพากษา


         "เคยได้ยินไหมว่ามนุษย์เรามีโอกาสสามครั้งในชีวิต"ชีคหนุ่มเอ่ยพร้อมจ้องมสบแววตาสีน้ำทะเลคู่งาม"ครั้งที่หนึ่ง..คือพลาด...ครั้งที่สอง..คือพลั้ง..ส่วนครั้งที่สาม คือความจงใจ...ครั้งที่หนึ่งคุณพลาดไปเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับ..ครั้งที่สองคุณผิดคำสัญญาเพราะข้อแม้บ้าๆที่ทำให้เราได้มาเจอกับสัญญาครั้งที่สามตอนนี้ด้วยกัน"


         "แล้วครั้งที่สาม....." คาวัลโลเอ่ยพร้อมขมวดคิ้วบางๆ


         "ครั้งนี้...ที่นี่...ตรงนี้.."อัลชาอ์เอ่ยตอบคำ ดวงตาสีเข้มจ้องมองสบตาก่อนจะละมือออกหากแต่ยังไม่ทันจะปล่อย ฝ่ามือของมาเฟียหนุ่มกลับคว้าหมับอย่างรวดเร็วคล้ายกลัวว่าหากปล่อยแล้วตนจะเดินหันหลังจากไปตลอดกาล


         ..ชีคหนุ่มมองสีหน้าวอนเว้า ดวงตาไหวระริกของคนทีจับมือตนเองแน่นราวกับภาวนาก่อนจะก้มมองฝ่ามือตัวเองในมืออีกฝ่าย..


          ไม่ว่าใครก็ดึงมือที่ถูกจับออกได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนที่จับจะเป็นใคร..

           และกับคนๆนี้...ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยไปได้เลย..


           "คุณอาจจะทำให้พ่อแม่เสียใจ"


           "ผมรู้...แต่นี่คือชีวิตของผม ผมต้องมีสิทธิเลือก และพวกเขาจะไม่มีวันเลิกรักผมเพียงเพราะผมรักผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น"


           "คุณอาจทำให้คนในแกงค์ผิดหวัง"


           "ผมจะไม่มีวันให้เขาผิดหวังที่มีบอสแบบนี้ แต่ผมจะทำให้วาลกัสยิ่งใหญ่ ทำให้คนใต้ปกครองของผมได้รู้ว่าผมดูแลพวกเขาได้อย่างดีและไม่มีที่ติ ทำให้พวกเขาเสียดายและเสียใจที่บอสอันเก่งกาจของพวกเขาล้างมือไปเร็วกว่าที่คิด"


           "คุณเอาความม่นใจมาจากไหนว่าจะทำให้ผมยอมรับปากอีกครั้ง?"คราวนี้อัลชาอ์ต้องลอบยิ้มขันกับคำตอบรวดเร็วและสีหน้าหมายมาดของชายหนุ่มเบื้องหน้าที่กำลังเว้าวอนขอโอกาสสุดท้ายอย่างไม่ละความพยายาม และเมื่อไดฟังคำถามสุดท้ายนั้น สีหน้าที่กำลังเครียดเคร่งของบอสมาเฟียคนเก่งถึงกับกระตุกวูบ


            "เพราะคุณรักผมไงเล่า!เลิกเลิ่นตัวงี่เง่าได้แล้ว ถ้าผมไม่สนใจจริงๆคุณนั่นแหละจะมานั่งหงอยอยู่คนเดียว อัลชาอ์งี่เง่า!"น้ำเสียงว้ากดหวกเหวกโวยวายที่ไม่ได้ฟังมาเสียนานทำให้ชีคหนุ่มลอบยิ้มขันและยิ่งขำมากขึ้นไปอีกเมื่อสีหน้าของคนพลั้งปากแสดงออกชัดว่ารู้สึกเสียใจเป็นที่สุดที่หลุดปากออกมาจนทำให้บรรยากาศที่เหมือนจะคล้อยตามของชีคหนุ่มพลันสลายไปเสียอย่างนั้น


         ...แต่สำหรับอัลชาอ์แล้ว นี่คือความรู้สึกที่แสนคิดถึง...คิดถึงเสียเหลือเกิน..


          และมันกำลังกระซิบว่ากลับมาแล้ว..เจ้าแมวน้อยจอมป่วย หรือไฮยีน่าตัวแสบนั้นได้กลับมาป่วนหัวใจกันอีกครอบหลังจากร้างลากันไปนานหลายเดือน


             "อ้อ..นี่คือใจจริงของคุณงั้นสิ"ชีคหนุ่มเอ่ยปากถามคนที่กำลังมีสีหน้าซีดเผือก คาวัลโล วาลกัสมีท่าทีลังเลหงุดหงิดใจที่ตนเองพลั้งปากว่า ฝ่ามือสองข้างยิ่งยิ้อยุดฉุดรั้งมือของอัลชาอ์ไว้แน่นขึ้นและไม่ยอมให้ห่างอีกอย่างระแวดระวัง


             "...ละ...แล้วไง...ก็มันจริงนี่ ก็คุณรักผมนี่!"เจ้าตัวแสบเอ่ยปากโวยวายส่งแววตามายืนยันคำพูดของตัวเอง อย่างจะบอกว่าต่อให้ปากเสียแต่ก็ยังมั่นคงและรักจริงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแบบนั้น


             "ลืมไปแล้วหรือว่าผมไม่คิดจะหวังอะไรอยู่แล้ว ต่อให้คุณทำตามที่พุดหรือไม่ทำตามที่บอกคนรอก็ไม่มีสิทธิตะทักท้วงอะไร"อัลชาอ์ตอบคำตอกกลับเจ้าตัวแสบที่ทำท่ามีความมั่นใจล้นเหลืออย่าหมายจะแกล้งจนคาวัลโลหน้าซีดเผือก เหมือนจะรู้ถึงความผิดของตัวเองดีอยู่ มาเฟียหนุ่มจึงยิ่งมีสีหน้าเงื่องหงอย


             "อ่ะ.."คาวัลโลพลันสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือของชีคหนุ่มดึงออกห่าง สีหน้าที่ยิ่งซีดสนิทของมาเฟียหนุ่มจึงยิ่งซีดขึ้นใหญ่ ความหวั่นกลัวและความคิดในแง่ร้ายแผ่ซ่านเสียจนอดหวั่นไหวไม่ได้ ต่อให้มั่นใจว่ารักและรู้อยู่เต็มอกว่ารัก แต่สำหรับการรอคอยเพื่ออยุ่ร่วมกันมันอีกเรื่อง ใครจะยอมรับการอคอยอันไร้เหตุผลและคำของี่เง่าของเขาได้ทุกครั้ง ทุกครา หรืออัลชาอ์ไม่อยากจะรอคอยอีกต่อไปแล้ว


            ฝ่ามือหนาของชีคหนุ่มที่ผละห่างไปทำให้หัวใจเจ็บแปลบด้วยความหวาดหวั่นไม่น้อย ก่อนฝ่ามือเย็นเฉียบจะถูกกอบกุมไว้ด้วยมือหนา ปลายนิ้วค่อยไล้หลังมือแผ่วเบาเต็มไปด้วยความรักทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบือนมาสบ มองดูรอยยิ้มมุมปากแฝงแววมาดร้าย คล้ายจะบอกว่า"การกลั่นแกล้งเป็นผลสำเร็จ"อย่างไรอย่างนั้น


            คนถูกแกล้งชะงักเมื่อรู้ตัวว่าตกหลุม คาวัลโลอ้าปากทำท่าจะโวยวายคนที่ทำให้เขาใจเสียให้สมเคือง หากแต่วัตถุเย็นเฉียบที่สอดเข้าที่ปลายนิ้วกลับทำให้อาการกระทืบบาทตวาดอึงชะงักลงไปทันควัน


            คาวัลโลขมวดคิ้ว เขาก้มมองสบตาชีคหนุ่มซึ่งพราวไปด้วยแววหัวเราะทั้งเปี่ยมด้วยความอาดูรก่อนจะก้มมองสิ่งที่สอดเข้ากับปลายนิ้วนาง แหวนมรกตสีเขียวเข้มแสนคุ้นตาของอัลชาอ์ที่เคยประดับบนนิ้วของอีกฝ่ายบัดนี้ถูกถอดออกมาตรงหน้า อีกฝ่ายสอดมันเข้ากับนิ่วนางข้างขวาของเขา สีเขียวสดของอัญมณีที่ปลายนิ้วส่องสะท้อนแสงอาทิตย์วาววับน่ามองนัก โดยเฉพาะเมื่อยามริมฝีปากหนาแตะลงไปจุมพิตแผ่วเบาดั่งคำรักคำสัญญา..


           "ในเมื่อคุณฝากของสำคัญของตัวเองไว้ที่ผม ผมก็จะขอฝากไว้ที่คุณเช่นกัน"


            "คุณรับปาก..."คาวัลโลเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย ริมฝีปากอ้าออกอย่างงวยงงไม่น้อยกับคนที่แกล้งให้เขาใจเสียแล้วมาทำซึ้งกันแบบนี้ ช่างดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย..


            แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าลองเทียบกันดูแล้วพฤติกรรมแบบชอบแกล้งชอบหยอกเขาของอัลชาอ์ก็สมเหตุสมผลน่าโมโหสมกับเป็นเจ้าตัวดีอยู่หรอก


           "ไม่รับปาก...แต่จะรอ..เท่าที่จะรอได้"ชีคหนุ่มเอ่ยแผ่วเบา พลางลูบเส้นผมคนตรงหน้าเบาๆ"อย่างที่คุณบอกว่านี่คือตัวแทน หากวันไหนผมเหนื่อยที่จะรอผมก็จะคืนมัน เช่นเดียวกับคุณที่วันไหนรู้สึกว่าไม่ต้องการผมแล้วก็ให้นำมันกลับคืน คำสัญญาน่ะมันเป็นเพียงลมปาก จะจริงหรือลวงคนเราก็แปรมันให้เป็นได้ทั้งนั้น ฉะนั้นผมไม่คิดจะเชื่อมันอีกแล้ว แต่ผมจะรอ..รอให้คุณกลับมา รอในขณะที่ยังรัก ยังหวัง...ฉะนั้น จากนี้มันก็เป็นหน้าที่ของคุณแล้ว ว่าจะหาวิธีอะไรมาทำให้ผมนึกอยากจะรอคุณอยู่เรื่อยๆโดยไม่ท้อไปเสียก่อน"


            "...เห งี้ก็โยนภาระสิ"คาวัลโลท้วงกลับ หน้ามุ่ย แต่ก็ยังยิ้มรับ แม้เขาจะไม่ได้รับคำสัญญา แม้จะไม่มีคำมั่นแต่คำว่าจะรอ นั่นมันก็มากเกินพอ


            "ไม่อยากมีภาระก็จะถูกทิ้งเลือกเอาแล้วกัน"ชีคหนุ่มเอ่ยปากท้าทาย ยักไหล่คล้ายจะขบขัน


           "หึ..จำที่ผมพูดไม่ได้รึไง ใครที่เข้าใกล้คุณผมจะจับเชือดทิ้งให้หมด"มาเฟียหนุ่มเอ่ยปากหมายมาด สีหน้าบ่งชัดว่าเอาจริง พร้อมดวงตาวาววับ นั่นทำให้อัลชาอ์ยิ้มรับ...ยิ้ม...กับคำรักที่จำหลักแน่นในหัวใจ..


           ..ต่อให้ห่างไกล แต่เมื่อมั่นใจว่ารัก...รักแล้วจะกังวลอะไรเล่า..


           ปัญหายังคงมีอยู่ตรงหน้า ภาระยังคงอยู่ หน้าที่ยังคงอยู่ แต่เราจะสู้ จะจับมือกันเพื่อฟันฝ่ามันไปให้ได้ เพื่ออนาคตและเพื่อ"สักวัน"ที่จะเป็นของพวกเขาทั้งคู่อย่างแท้จริง..


               ชีคหนุ่มจ้องมองร่างของมาเฟียคนรักเบื้องที่ ผู้ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาปัดเศษใบไม้ให้พ้นไปจากป้านหลุมศพของเพื่อนรัก ฝ่ามือของคาวัลโลคว้าดอกกุหลาบที่ใกล้มือมายืนให้เขา เพื่อวางลงบนหลุมศพเบื้องหน้าคล้ายจะบอกถึงการมาเยือน ขณะที่แสงอาทิตย์ยามบ่ายแปรเป็นสีส้ม ฟากฟ้าที่เป็นสีสดใสค่อยแปรเป็นสีม่วงครึ้ม บ่งบอกว่าเวลาเย็นกำลังมาถึง และดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับ..


               อัลชาอ์นั่งนิ่งอยู่ข้างกายคนรัก นิ่งฟังคาวัลโลพูดคุยกับหลุมศพเบื้องหน้า หรือกระทั่งเอ่ยปากคุยกับเขาถึงเรื่องราวมากมายด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ขณะที่แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดสีทองมาต้องกระทบดวงหน้าของมาเฟียหนุ่มอีกครา ให้คล้ายจะนึกถึงยามนั้นและเวลาในอดีต ช่วงเวลาที่เขาทั้งคู่ได้นั่งเคียงกันเพื่อมองดวงอาทิตย์ค่อยลาลับจากฟากฟ้า แม่จะไม่ใช่ที่แห่งเดิม แม้จะไม่มีทะเลทรายและดวงดาวนับร้อยพันเรียงราย หากแต่กลิ่นกุหลาบหอมกรุ่น ท้องฟ้ากว้างและต้นไม้สีเขียวที่รายล้อมรอบก็เป็นความทรงจำที่น่าจดจำไม่แพ้กัน..


           ...แม้จะไกลกันเพียงไร แต่ก็ยังอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน


             แม้จะไกลห่าง แม้จะต้องมีเรื่องมากมายให้เผชิญ แม้จะมีอีกสารพันปัญหาให้ฟันฝ่า แต่ตราบใดที่ยังรอก็ย่อมมีรักและเมื่อมีรักก็ย่อมมีหวัง..


          ความหวังที่เป็นดั่งแสงอาทิตย์สีทองส่องประกายในใจ



                ร่างของชายในชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่ริมต้นไม้ใหญ่หน้าทางเดินเข้าสู่สุสานห่างจากพวกเขาพอสมควรเป็นคนที่คุ้นตา ใบหน้าของฝ่ายนั้นมองมาและค้อมกายน้อยๆดั่งจะบอกถึงสัญญาณของงานที่จะเริ่มต้น คาวัลโลค่อยผุดกายลุก พยักหน้าให้แกเร็ตเป็นเชิงรับรู้ และหยัดกายขึ้นเพื่อจะก้าวเดินไปในทางที่ตนเลือกต่อไป


                "แล้วเจอกันที่งานเลี้ยงครับ"คาวัลโลเอ่ยปากบอก ส่วนคนฟังก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ฝ่ามือหนาบีบให้กำลังใจเบาๆให้ร่างที่ทำท่าจะเดินกลับไปหันมาสบตา..


              แววตาไหวระริกของชายที่กำลังจะก้าวออกไปดะงบอกถึงความหวั่นอาลัยที่มีไม่ต่างกัน คาวัลโลจ้องมองสบตาชีคหนุ่ม ริมฝีปากสั่นไหวชั่วขณะเขาอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดนี้แล้วหนีไปให้ไกลสุดหล้า แต่แววตาที่แฝงความเชื่อมั่นที่ชีคหนุ่มจ้องมองมาทำให้ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มออกมาแม้จะสั่นไหวเพียงไรก็ตาม..


            ปลายนิ้วบางแตะลงบนผิวหน้าคร้ามเข้ม คาวัลโลแตะไล้ ลูบผิวหน้าของชีคหนุ่มอย่างแสนรัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉายแววรักใคร่ ก่อนจะโน้มกายเข้าหา โผเข้าสู่อ้อมแขนใหญ่เพื่อจะประทับริมฝีปากแนบชิดคลอเคลียกัน แบ่งปันรอยจูบอ่อนหวานที่เป็นดั่งคำรักและคำมั่นสัญญาท่ามกลางแสงตะวันและกอกุหลาบขาวที่ทอดกางปกคลุมสุสานส่งกลิ่นหอมอายอวล..


             ประทับคำมั่นสัญญา...รัก...

            ...รัก..และจะรอคอย ชั่วนิรันดร์..


            "แล้วผมจะรอดู"


               อัลชาอ์เอ่ยปากแผ่วเบา สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างเชื่อมั่นขณะที่ร่างบางผละห่าง นัยน์ตาที่ไหวระริกของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าจึงค่อยมั่นคงขึ้น ดวงตาทั้งคู่แปรเป็นหนักแน่นร่องรอยไหวหวั่นหายไปเหลือเพียงความรักและความเชื่อมันที่มีให้กันเช่นกัน


             "แล้วคุณจะได้เห็น"


         เห็น...ว่าคำพูดของผมจะเป็นจริง และเห็น ว่ามาเฟียอย่างผมเช่นนี้ จะนำพาคนในแกงค์ไปสู่ความยิ่งใหญ่ด้วยวิธีไหน...

            คุณได้รอผมเพียงไม่นานแน่นๆ..อัลชาอ์

           ไม่ทันจะได้คิดเบื่อ ผมก็จะกลับมาหาคุณ...คาวัลโลคนนี้ขอสาบาน


          มาเฟียหนุ่มเอ่ยพลางขยับฝีเท้าเพื่อก้าวออกไปทำตามหน้าที่และความต้องการของตน หากครู่หนึ่งก็ชะงัก หยุดฝีเท้าและหันมาจ้องสบตาชีคหนุ่มด้วยรอยยิ้ม..


           อัลชาอ์พยักหน้ารับ ชีคหนุ่มก้าวเท้าออกมายืนประชิด ยกมือซ้ายขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายวางมือลงแล้วจับกระชับ บีบแน่น ให้คนสองคนเดินเคียงคู่กันไปในทางเดินเล็กๆที่แม้จะคับแคบและลำบากหากแต่ไม่มีใครหวั่นเกรง ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามอัสดงที่งดงามจับตา ภาพของชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงคู่กันนั้นดูงดงามราวกับภาพฝันอันเป็นนิรันดร์




............END............



** Route liebe ภาคสองของ Stone rose's line กุหลาบทรายใต้เงาหิน คู่แกเร็ตxคลาร์ก มาลงให้อ่านกันแล้วนะคะ ตามมาได้เลยค่า ที่นี่เลย   http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30985.0 คอยติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะคะ 




   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2012 02:13:14 โดย Serin »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ง่า จบแล้ว  :m15:
ท่านชีคและคาวี่ทำให้เห็นว่าความรักบางครั้งก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
แต่ดูคนทั้งคู่พอใจในจุดๆนี้ และพร้อมที่จะจัดการอุปสรรคที่มาขวางกั้น
ประทับใจจริงๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ  :L1:

hahn

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
ตัดมาทอล์คแบบยาวๆ(ตลอดๆ :laugh:)

    สวัสดีค่า มาเจอกันอีกทีก็ตอนจบแล้ว อยากจะบอกว่าโซแซดจริงๆ ใจหายวาบๆ คาวี่ลูกรักจบแล้ว ฮืออออ  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

   ตอนจบตอนนี้แก้หลายครั้งมากกลัวไม่ถูกใจตัวเองและคนอ่าน(ฮ่าๆ)เอาจริงๆหลายคนคงแอบเซ็งว่าทำไมจบแบบนี้ฟร้า จะใหฟ้อัลที่รักของตูรอไปอีกนานแค่ไหน จนแก่ตาย(?)เลยรึไง :angry2: ทำไมคาวี่มันไม่มาหาอัลมั่งงงง :serius2: โถคุณพระเอกผู้น่าสงสาร  :laugh:
     เรื่องตอนจบก็อยากบอกว่าจบแบบนี้แหละ(555+)ไม่ได้กวนตีนหรือรีบจบแต่อย่างใด แต่มันจบแบบนี้จริงๆ ถือว่าเป็นไปตามที่ปุ้ยตั้งจุดมุ่งหมายไว้แล้ว เป็นการตัดสินใจและการยอมรับซึ่งกันและกันที่ไม่ได้หมายถึงคนสองคนแต่เป็นคนหลายๆคนด้วย ถ้าถามว่าคาวี่จะทิ้งทุกอย่างแล้วโดดเข้าหาอัลเลยจะได้ไหม? ก็คงตอบว่าได้ จะให้จบแบบนั้นก็ได้ แต่วี่มันก็จะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวโคตรๆและไม่นึกถึงคนอื่นเอาเสียเลย การจะจบแบบหนีตามกันไปสุดหล้า หรือหนีัปัญหาเ้นี่ย ปุ้ยคิดว่าไม่ใช่ล่ะนะ เพราะนี่คือความจริง ทำแบบนั้นไปผลเสียก็ไม่ได้ตกอยู่ที่คาวี่คนเดียวแต่มีคนเสียใจเพราะทั้งสองคนอีกมากมาย
    ระหว่างคาวี่กับอัลชาอ์ไม่ได้มีแค่รักหรือไม่รักแล้วจบ แต่หมายถึงคนรอบกายอีกมากมายที่มีชีวิตอยู่ภายใต้การนำของสองคนนี้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำไม่ใช่การหนีปัญหา แต่ควรจะยอมรับมันและหาจุดกึ่งกลางของมันที่ทุกคนยอมรับได้ต่างหาก ผลเลยออกมาเป็น คาวี่ทำตามที่ตัวเองพูดไว้ได้แล้วจะกลับไปหาอัล ส่วนอัลที่ไม่มีทางทิ้งประเทศไปหาคาวี่ได้ก็คงต้องรอ รอเพื่อความหวังต่อไป..อาจจะดูน่าเศร้าในมุมของอัลชาอ์...แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตมันก็แบบนี้ คนเราไม่ได้มีทางเลือกมากนัก :เฮ้อ:
      แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่การรอคอยที่อัลชาอ์ทำอยู่ แต่เป็นการเดินก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับคาวัลโลด้วย คนสองคนเดินไปด้วยกัน ก็ำไม่มีวันเหงาหรอกเนอะ  > <
     และแจ้งอีกนิดว่าจะมีบทส่งท้ายตามมาอีกนิด :laugh: สำหรับคนที่รอคอยวง่าเมื่อไรห่คาวี่จะได้มาอยู่กับอัลซะที รับรองเจอกันค่า

   
 **ตอนนี้นิยายปิดจองแล้ว แต่สามารถสั่งได้ตลอดนะคะ เพียงแต่จะไม่ได้ราคาในโปรโมชั่น+ไม่ได้ของแถมนั่นเอง


รายละเอียด

              

 (เชิญโฮกฮ้ากตามสบาย สำหรับอิฮั้น อกเนียนๆของคาวี่กินขาด แฮร่กๆ :haun4:)   

   
Stone rose’s line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน
by  silence_serin

รายละเอียดค่า

   (ตัวอย่างปกนิยายเป็นเล่ม 1 เเละ เล่ม 2  เป็นปกเเบบต่อกันได้ ตามรูป )



  ไม่น่าเชื่อว่ามาเฟียผู้เก่งกาจและอนาคตไกลอย่าง"คาวัลโล วาลกัส"  ต้องมาถูกจับขังคุกในประเทศโลกที่สามอย่างเซเนียยา เหตุเพราะไปโจมตีขบวนเสด็จของชีคผู้นำประเทศนามว่า "อัลชาอ์ มูอัสซิน " คนนั้นเข้า

          ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรยังพอว่า แต่หากต้องมาถูกประหารให้เสียชื่อและเสียอนาคตการเป็นบอสของตระกูลวาลกัสที่ยิ่งใหญ่ จะอย่างไรก็ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

            และด้วยวาทศิลป์อันล้ำเลิศของคาวัลโลคนนี้ เขาจึงรอดพ้นโทษประหารและยังได้ตำแหน่งที่ปรึกษาของท่านชีคอัลชาอ์ผู้ตายด้านมาครอบครอง แม้จะมีข้อแม้ว่าภายในเวลาสามเดือนนี้หากเขาหาตัวคนทรยศไม่เจอก็จะโดนลากไปยิงเป้าก็ตามที

       การตามหาคนร้ายน่ะไม่ยากเกินกำลังมาเฟียผู้ฉลาดหลักแหลมเยี่ยงอัจฉริยะอย่างคาวัลโลอยู่แล้ว แต่การต้องมาสู้รบปรมบมือกับท่านชีคอัลชาอ์ต่างหากเล่าที่น่าปวดหัวกว่าหลายขุม นอกจากยืนทำหน้าหล่อ(มาก)อยู่ดีๆก็โดนลากไปสวมบทคู่รักวิปริตเพื่อหักอกสาวแล้ว คาวัลโลยังได้ข้อมูลชวนตะลึงมาอีกอย่างว่าอัลชาอ์หลงรักเขาชนิดหัวปักหัวปำ!

                   คนอย่างเขาจะไปมีความสัมพันธ์บ้าๆที่ผิดคำสอนของพระเจ้าได้ยังไง ....ผู้ชายกับผู้ชาย...มันไม่ใช่ความรัก แต่มันคือความผิดปกติ !
.
.

              การพบกันท่ามกลางกระสุนปืนและเม็ดทรายที่คละคลุ้งนั้นเป็นดั่งพรหมลิขิตที่น่าปวดหัวที่สุดของ" อัลชาอ์ มูอัสซิน"

             เจ้ามาเฟียงี่เง่าปากดีเป้นที่หนึ่งนามว่า "คาวัลโล วาลกัส " ต่อให้อยู่ในฐานะอาชญากรต้องโทษประหาร เจ้าตัวก็ยังมาทำลอยหน้าลอยตาอย่างไม่หยี่ระได้กวนโทสะเป็นที่สุด

              แต่พฤติกรรมชวนเส้นเลือดในสองแตกของเจ้ามาเฟียตัวร้าย ยังควบคุมได้ง่ายกว่าหัวใจตัวเองมากนัก เมื่อความหลงไหลที่มีต่ออีกฝ่าย..สิ่งที่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในใจถูกเจ้าตัวป่วนขุดขึ้นมาอีกครา ซึ่งคราวนี้มันดูจะมากกว่าทุกคราจนเกินความคุม

            ฝืนทำใจเเข็งด่าว่าไม่อ่อนข้อก็แล้ว นิ่งเงียบทำไม่สนก็แล้ว ไม่ว่าจะป้องกันหัวใจตนเองอย่างไร เล็บคมๆของเจ้าไฮยีน่าตัวแสบยังตะกุยเข้ามาขยี้หัวใจเสียจนป่นไม่มีชิ้นดี

             ความรักของเขากับคาวัลโลเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โลกของตนซึ่งเป็นชีคมีหน้าที่ปกครองประเทศ กับมาเฟียจอมวายร้ายคนนั้นอยู่ตรงข้ามกันดั่งเส้นขนานที่ไม่มีทางบรรจบ..

                ..คาวัลโลนั้นกล่าวว่าความรักแบบนี้พระเจ้าถือว่าผิดบาป

               ...สำหรับอัลชาอ์แล้ว...อัลเลาะห์...ก็ไม่ทรงอนุญาติให้สาวกของพระองค์ มีความรักที่ไร้ประโยชน์...เช่นเดียวกัน
 
รายละเอียดหนังสือ


+++จำนวน   2 เล่มจบ    เล่มละห้าร้อยหน้าโดยประมาณ   

+++  มีตอนพิเศษในเล่มและไม่ลงในเว็บอีก 5 ตอน ดังนี้

ตอนพิเศษ Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน (ในเล่ม)

1. 30 day for wedding
      เมื่อเซเนียยามีการจัดงานแต่งงานครั้งสำคัญ..การ์ดแต่งงานที่ถูกส่งมายังคฤหาสถ์ตระกูลวาลกัสทำให้บอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับสติแตก ..ถ้างานแต่งคนอื่นก็แล้วไป แต่ถ้างานแต่งของอัลชาอ์ล่ะก็..งานนี้คาวัลโลจะบุกเชือดและถล่มงานให้มันล่มต่อหน้าต่อตาให้ดู !!

2. I'm relate
     มันก็เป็นปกติที่ผู้นำประเทศจะมีล่าม มีที่ปรึกษาส่วนตัวหรือเลขาอะไรก็ว่ากันไป ไม่น่าแปลกอะไรเลยสักนิด แต่ตอนนี้ ไอ้สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าเลขาของอัลชาอ์กำลังทำให้คาวัลโล..เหลืออด !

3. To The destination
 ..ในที่สุด..การเดินทางของเราก็จบลง เส้นทางของสองคนสบประสานเพื่อจะได้อยู่ร่วมกัน..ตลอดไป..

4. Meeting in Family
 รายงานสดจากท่านชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยา กับการพบปะครอบครัวของคาวัลโล ..เหล่าญาติมิตรในตระกูลลวาลกัสอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันก็.....เอ่อ....นะ

5. Study in the sunday
 ของแถมพิเศษเล็กๆน้อยๆแด่แฟนคลับของฝาแฝดอเล็กซิส&อเล็กเซย์ กับตอนพิเศษว่าด้วย..บทลงโทษของพี่คนรองผู้แสนดี อเล็กเซย์ วาลกัส
....


  ราคานิยาย

+++ราคาหนังสือเล่มละ 550 บาท หนังสือทั้งชุด สองเล่มจบ 1,100 บาท

+++ค่าส่ง 60  บาท

+++ที่คั่นหนังสือ Stone rose's line สองเเบบ สองอัน


+++ดังนั้นราคาสินค้ารวมค่าส่งทั้งชุดเป็นเงิน   1,160 บาท +++




ขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า

(สั่งซื้อเรื่องไหน ระบุมาด้วยนะคะ )



1. สั่งซื้อผ่านทาง we love shopping


ตามลิงค์นี้เลยนะคะ อ่านรายละเอียดการสั่งซื้อได้เลยค่ะ

http://www.weloveshopping.com/shop/shop.php?shopid=272390


2. สั่งซื้อโดยโอนเงินเข้ามาที่บัญชี ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาสยามสแควร์ ชื่อ


THANADPORN A. บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 1524611603

 โอนตามยอดการสั่งซื้อ ถ้ามากกว่าหนึ่งชุด คูณตามจำนวนได้เลยค่ะ หรือสงสัยพีเอ็มมาถามหรืออีเมล์มาได้เลยค่ะ

หลังจากโอนเงินเเล้ว กรุณาส่งเมล์เเจ้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์   พร้อมทั้งสเเกนใบโอนเงินมาที่  raikrob.จีเเมว ดอท คอม


เมื่อทาง สำนักได้รับเมล์เเล้วเราจะเเจ้งยืนยันกลับทันทีค่ะ
   

..................


 :L2: :L2: เเล้วเจอกันตอนพิเศษส่งท้ายค่า อิอิ :กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2012 02:16:37 โดย Serin »

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
ใจหาย
จบแล้วหรือนี่
ไม่น่าเชื่อว่าจะจบแบบนี้แต่ก็คิดว่ามันเหมาะสมแล้วกับคนทั้งคู่
ตั้งแต่ตามอ่านเรื่องนี้มาต้องบอกว่าเสียน้ำตาไปก็มี หัวเราะ..มีมั้ง...นะ  ถึงมันจะเครียดแต่ก็มันในอารมณ์  และที่สุดก็คือซาบซึ้งตรึงใจ ประทับใจทั้งกับคาวี่และท่านชีค
คงไม่มีคู่รักคนไหนบู๊แหกแหลกลานเท่าคู่นี้อีกแล้ว ทั้งทางด้านชีวิตส่วนตัว ความรัก หรือแม้แต่จิตวิญญาณ   o13 o13 o13
ปล.ขอตอนพิเศษได้มั้ยครับ :กอด1: :L2: :3123:

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
:monkeysad:
เศร้า + ซึ้ง แต่มันก็เป็นการจา่กลาที่ทำให้คาวี่รู้ใจตัวเองแหละนะ
อ่านยาวสะใจเลยค่ะ~ รอคอยที่จะได้กลับมารัก กลับมาอยู่ด้วยกัน
ประทับใจในความรักของทั้งสองคนมากอ่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีดีอย่างนี้นะคะ :pig4:
รอมาอัพบทส่งท้ายจ้า :)

ออฟไลน์ DeJavu~ ★

  • มาเฟียแสนซน กะชีคผู้เคร่งขรึม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-9
ไม่น่าเชื่อว่าจะแบบนี้ ขอชื่นชมป้าปุ้ย จากใจจริง ว่าแต่งมาก

ข้าขอคาราเต้ เอ้ย คาราวะ o13 o13

เหมาะสมแล้วสำหรับความรักระหว่างอัลชาล์ กับ คาวี่

แล้วขอบอกว่า อัลชาล์ นี้ท่าทางจะรักคาวี่ ยิ่งกว่าอะไรนะเนี่ย

ยื่นส่งตรงหอยคอย อ่านแล้วรู้สึกน้ำตาซึมจริงๆๆ ซึ้งและประทับใจมากคนอะไรจะรักเมีย หลงเมียได้ขนาดนี้ :-[ :-[

พอคาวี่ กลับมาถึงบ้าน อีหนูคาวี่ก็ร้องไห้กอดกะครอบครัวอีกรอบ ตอนนี้ก็ประทับใจอีก :กอด1:

สรุปแล้วเกือบทั้งตอนคาวี่ของเค้าเนี่ย ร้องไห้ทุกตอนเลยนะเนี่ย :sad4: :o12: :m15:

หนูคาวี่เอ้ย เดี่ยวนี้หนูกลายเป็นนางเอกไปตั้งแต่เมื่อไรกันลูก (แอบหลบตีนอัลชาล์ และป้าปุ้ย) :z6:

ชอบตอนสุดท้ายอ่า ตอนคำมั่นสัญญา ที่มีให้กันไว้  อัลชาล์ กับ คาวี่ น่ารักมากมาย

แบบว่าตอนนี้ คาวี่ดูเป็นพระเอกไปเลยอ่า

ชอบคาวี่ตั้งแต่แรกยันตอนสุดท้าย มาเฟียอะไร น่ารัก น่าหลงมิน่าไอ้คุณพี่อัลชาล์แกถึงได้หวงซะ!

แต่ว่า อัลชาล์ตอนท้ายแอบเจ้าเล่ห์นะ มีการกลั่นแกล้งคาวี่ ซะด้วย แถมตบท้ายด้วยการสวมแหวน

ทำเป็นฟอร์มที่แท้อยากจะหมั้นและตีตราจองคาวี่ละซิ

แต่ยังไงป้าปุ้ย ตอนจบเค้าก็อยาก อัลชาล์ แต่งงานใช้ชีวิตอยู่คาวี่อยู่ดีแหละ

จบแบบนี้มันสวยงานก็จริง แต่ว่ามันค้างคายังไงก็ไม่รู้ อยากให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ

รักคาวี่มากๆ รักอัลชาล์ รักทุกคนใน กุหลาบทราย และก็รักป้าปุ้ยนะครับ

จะรอในบทสงท้าย

ป้าปุ้ยผขอมตอนพิเศษแบบ ว่าอัลชาล์ กับ คาวี่อยู่ด้วยกันเลยนะปะ เอาแบบไม่ซ้ำในเล่มน๊า

ปล นิยายเรื่องนี้ยังไงเค้าก็เอาแน่ กำลังเก็บเงินซื้ออยู่ คงโอนในประมาณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ไม่ก็กลางเดือนธันวาคมนะ

ยังไงเค้าก็เอานิยายเรื่องนี้ให้

มารออ่านตอนต่อไป













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2011 02:56:34 โดย DeJavu~ ★ »

ออฟไลน์ น้องอึน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ง่า  อยากได้ตอนพิเศษอะค่ะ :o12:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
ขอจองเนื้อที่ไว้ก่อน

ขอถามหน่อยว่า โอนเสร็จสิ้นเมื่อไรอ่า

พอดีแถวบ้านน้ำท่วมอ่า

โอนถึงวันที่ 31 มกราปีหน้าค่า ^^

บทส่งท้ายอีก3-4 วันเจอกันค่า

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
ใจหายหน่อยๆกับตอนจบ ประมาณว่า จบแล้วเหรอเนี่ย!!
จบสวยมากก อ่านแล้วรู้สึกซึ้งจนน้ำตาจะร่วงเลย  :monkeysad:

ออฟไลน์ PAnppyJunJii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ใจหายอ่ะ  จบซะแล้ว   :เฮ้อ: 
เห็นราคาแล้วแอบท้อ  แต่เพื่อตอนพิเศษ   o13

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
อยากให้ถึงวันที่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปเร็วๆ
หน้าปกคาวี่หน้าเอ็กซ์มาก
อัลชาร์ก็เซ็กซี่ซะ :o8:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

จบแล้วววววว ซาบซึ้งมากค่ะ สนุกเหมือนเคย มารอบทส่งท้ายด้วยใจจดจ่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
่จนถึงตอบจบ บรรยากาศก็ยังรู้สึก อึนๆ ยังไงไม่รู้สิง
อาจเป็นเพราะเราชอบคาวี่กับท่านชีคในช่วงสวีทหวานวิ้ดวิ้วกันมากกว่าล่ะมั้ง
พอมาจบแบบนี้เลยเหมือน มันขาดอะไรสักอย่างไป (ขาดน้ำตาล  :serius2:)
อยากรู้ว่าคาวัลโลจะทำอีท่าไหน มาผูกมัดให้สุดที่รักยอมรอตัวเองต่อ  :z1:

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
จบแล้วววววว ว ว
ปกสวยค่ะ

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ง่ะ จบแล้วในที่สุด
น้ำตาคลอเลยอ่ะ  ยิ่งตอนบนคอปเตอร์ยิ่งแล้วใหญ่น้ำตาแทบล่วง
รอต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ก็น่าสงสารนะ  น่าสงสารทั้งคู่นั้นแหละ
เห็นตอนพิเศษในเล่มแล้วอยากอ่านแต่ราคาแบบว่า เฮ้อ :เฮ้อ:
เอาเป็นว่าขอรอตอนพิเศษในเว็บก็แล้วกันนะค่ะ

ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบแล้ว ....
เง้ออออ ใจหายอ่าา เพราะตามอ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกๆเลยยย
แล้วมีอยู่ตรงช่วงนึงจนถึงปัจจุบันที่ไม่ได้อ่าน = .. = รู้สึกที่หายไปนี่เพราะสอบกลับมาจะอ่านอีกทีมันดันดราม่า
เลยขอพักไว้ก่อน พักไปพักมาเลยกลายเป็นไว้ค่อยไปอ่านในเล่มล่ะกัน ฮาา
รักเรื่องนี้มากเลย รักพี่ปุ้ย รักคาวี่ รักอัลชาอ์ รักทุกคนเลยยย ย
เรื่องนี้ทำให้กลับไปอ่านนิยายทะเลทรายๆอีกครั้ง ฮ่าๆ ๆ ,,

ตอนจบไม่ได้อ่าน จะไปอ่านในเล่ม แฮ่ๆ ><
ปกสวยโฮ๊กกกกก กรี๊ดดดดดดดดดด
อัลชาอ์หล่ออออออออออออออออออออ :z1:
ราคาถึงพันเค้าพึ่งเคยจะได้ซื้อนี่แลลล เอิ๊กๆ
ปิดโอนถึงสิ้นเดือนมกรา.. ถึงตอนนั้นก็เก็บตังค์ได้ครบแล้วแหละ >___<

ปล.ถามเรื่องพี่โตน้องเนมภาคหนึ่งมีรีปริ้นมั้ยค่ะ เพราะคราวแล้วพลาด ไม่ได้ซื้อ > <

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
เศร้า  ทำไมรู้สึกเหมือนหินสิบล้านตันกำลังถ่วงอยู่หัวใจ

นี่มันตอนจบน๊า  อดทนรอ บทส่งท้าย  T^T





***  CUT ***





 เปลี่ยนอารมณ์ ตัดฉึบ

ปกสวยมาก สวยโฮก สวย ไม่มีคำบรรยาย กรี๊ด ท่านชีค หล่อเท่และคมเข้มมากๆฮร่ะ

อยากจะบวกให้สักล้านครั้ง

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
แอบเศร้า ซึ้ง รอคอย จบแบอารมณ์ไม่จบ??? ฮิฮิ

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
นึกแล้วว่าจะต้องจบแบบนี้ แต่มันก็ดีที่สุดแล้วนี่นะ

 :sad11: ลึกซึ้งกินใจเหลือเกิน

Fairy_94

  • บุคคลทั่วไป
จบแร้ว! !!~~~ กรี๊ดติดตามมานานนะคะ ใจหาย ><
เฮ้อ แอบคิดไว้ในใจว่ามันอาจจะต้องจบแนวๆนี้...
เพราะงั้นเข้าใจค่ะ ไม่แย้ง จบแบบนี้ดีแล้ว ลงตัวที่สุด!

แต่ตอนสุดท้ายรู้สึกชื่นชมในตัวท่านชีคมาก พระเอกมากๆ
ทำไมเฮียถึงรักคาลได้ขนาดนี้เนี่ย อิจฉา...
และยิ่งตอนฉากที่จากกันและเฮียอัลซาอ์ยืนมองอยุนิ่งๆนะ
แบบอารมณ์ของผู้นำประเทศและหลายๆอย่าง ชอบมาก!

ส่วนคุณบอสมาเฟียแอบทำน้ำตาซึมตอนกอดกะครอบครัว
เป็นฉากที่สวยมากๆ แถมตอนที่ขอคำสัญญาจากชีค..
เป็นอะไรที่ดูน่ารักมากกก และอีกอย่างขอให้เคลียร์ปัญหา
และหลายๆอย่างที่ตั้งใจไว้ได้เร็วๆนะ จะได้อยุด้วยกันจิงๆ
คนอ่ายเชียร์มากๆค่ะ

รู้สึกจะอินกะเรื่องนี้มาก ขออภัยหากเม้นยาวไปนะคะ
น้องชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ จริงๆ
ขอบคุนนะคะ. สำหรับ 'กุหลาบทรายใต้เงาหิน' สนุกจิงๆ

ปล.เห็นหน้าปกหนังสือแร้วคลั่ง กรี๊ดมากๆ ซื้อค่ะ! !

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด