" อัลชาอ์ ! " คาวัลโลก้าวตามหลังชีคหนุ่มที่เห็นอยู่ไม่ไกล เขาซอยเท้าถี่ๆวิ่งตามไปคว้าท่อนแขนของอีกฝ่ายไว้เพราะเดินเร็ว เสียจนตามาไม่ทัน มาเฟียหนุ่มอ้าปากจะบ่น แต่ก็เงียบเสียงลงเมื่อมองเห็นแววตาของชีคหนุ่ม คาวัลโลเดินก้าวเร็วๆตามไปจนถึงโถงทางเข้าที่มีรถจอดอยู่เบื้องหน้า ซึ่งเป็นคันที่พวกเขาใช้โดยสารมาถึงนั้นเอง
อัลชาอ์เปิดประตูรถ รุนหลังให้คนรักเข้าไปด้านใน ก่อนจะทรุดกายลงตามและปิดประตู รถยนต์จอดติดเครื่องอยู่แอร์จึงเย็นฉ่ำ มีกุญแจรถเสียบคาไว้ หากแต่ไร้ร่องรอยของฮาซานองค์รักษ์คนสนิทผู้ควบตำแหน่งคนขับรถ มีเพียงความเงียบและเสียงลมหายใจสั้นๆของคาวัลโลเนื่องจากการวิ่งตามอัลชาอ์ที่....ไม่รู้จะวิ่งเร็วไปไหน
" อัลชาอ์...." คาวัลโลหันไปหาคนรัก แต่เขาก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อพบว่าชีคหนุ่มที่เคยเข้มแข็งองอาจและแข็งแกร่งในห้องประชุมเมื่อครู่เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นอัลชาอ์คนเดิมที่เขารุ้จัก ซึ่งกำลังเอนตัวพิงเบาะรถอยู่ด้วยท่าทีครุ่นคิด..หัวคิ้วขมวดมุ่น ใบหน้าเหนื่อยอ่อน
ต่อให้คาวัลโลฟังไม่ออก ทว่าท่าทางของพวกคนที่อยู่ด้านในห้องประชุมก็บอกอะไรได้มากพอแล้ว ความขัดแย้ง การทะเลาะทุ่มเถียงกัน อย่างไรก็น่าลำบากใจอยู่ดี
ฝ่ามือขาวจัดแตะลงบนผิวหน้าของชีคหนุ่มเบาๆคล้ายจะปลอบประโลม ทำให้แพขนตาที่ปิดพับลงไปกระตุกยิก อัลชาอ์ลืมตามาสบมองแววตาของคนรัก ความห่วงหาอาทรที่ชัดเจนนั้นเหมือนจะค่อยๆเข้ามาเยียวยาหัวใจอันปวดร้าวและเหน็บหนาวของตนให้ได้พักผ่อน...
ชีคหนุ่มยิ้มให้บางๆ เอื้อมมือไปรั้งร่างของคนรักมากอดแนบอกซึ่งคาวัลโลก็ไม่ขัดขืน แม้ที่นี่จะเป็นคฤหาสถ์ของอาเหม็ดก็ตาม เพราะในยามนี้ คนรักของเขากำลังเครียดขึงและอ่อนไหวอย่างไม่เคยเป็น..
ฝ่ามือขาวค่อยสอดไล้เส้นผมสีนิลจากใต้บริเวณลำคอของชีคหนุ่มเบาๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายวางปลายคางลงกับผิวไหล่และสูดหายใจลึก คาวัลโลรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของคนรัก เขาเอื้อมมือวางลงบนแผ่นอกหนาเบาๆสัมผัสเสียงหัวใจที่ค่อยผ่อนช้าลงตามความรู้สึกของอีกฝ่าย..
"...เกิดอะไรขึ้น? " มาเฟียหนุ่มออกปากถามเบาๆ...ด้วยน้ำเสียงห่วงหา...
" ...การเจรจากันน่ะ..." ผ่านไปสักพัก อัลชาอ์จึงค่อยตอบคำถามเบาๆ " เจรจา...กับกลุ่มคนที่เคยไว้ใจ..."
...คนทรยศ...
คนที่ตอนนี้กลับถือมีดมาแทงข้างหลัง..
เจ็บปวดแค่ไหน รวดร้าวเพียงใด คาวัลโลเข้าใจ ดี เพราะตนก็เคยล้ม...ล้มจนแทบลุกไม่ไหวมาแล้ว
เเละเพราะชายคนนี้ไม่ใช่หรือที่คอยโอบอุ้มประคับประคอง มาในยามนี้ ในตอนที่อัลชาอ์กำลังปวดร้าวจากความรู้สึกเดียวกันคาวัลโลก็จะขอเป็นที่พักพิงและคอยปลอบประโลมอีกฝ่ายบ้าง..
"...ไม่เป็นไรนะ...ผม...อยู่กับคุณ..." มาเฟียหนุ่มทาบฝ่ามือลงบนผิวแก้มของชีคหนุ่ม สบมองนัยน์ตาสื่อความนัยน์ลึกซึ้งให้แก่กัน...
" ขอบคุณ.." อ้อมกอดหนาค่อยรัดแน่นขึ้นอีกคราพร้อมกับริมฝีปากที่โฉบทับผิวแก้ม คาวัลโลหัวเราะคิก ดิ้นออกจากอ้อมกอดคนตัวสูง ขยับกายมานั่งข้างๆ เพื่อจะอิงแอบกันเงียบๆ..
"แล้วตอนนี้...." เขาเกริ่นเบาๆ
" อา....ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ...ไม่เป็นไร..." อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ นัยน์ตาค่อยหรี่ปรือลงอย่างครุ่นคิด " ที่ผ่านมา ผมใจอ่อน ผมไม่ยอมจัดการกับพวกเขาขั้นเด็ดขาด ปล่อยให้คนพวกนั้นได้ใจ ปล่อยให้พวกเขาคอยก่อความไม่สงบ..แต่มาวันนี้ ที่เขาใช้ประชาชนของผมมาเป็นตัวประกัน ..มันไม่มีเหตุผลใดที่จะอ่อนข้อให้อีกแล้ว "
" นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย...ถ้าหากพวกเขายังจะดึงดัน...ผมก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้...ต่อให้จะเป็นญาติสนิทก็ตาม.." ชีคหนุ่มถอยหายใจแผ่วเบา ฝ่ามือไล้ผิวแก้มขาวของคนข้างกายช้าๆอย่างใจลอย " ผมพยายามแล้วที่จะอดทนและใช้ความปราณีให้มากที่สุด เพราะเขาคือญาติสนิท เพราะเขาคือคนที่ผมไว้ใจ..แต่สุดท้าย ทุกอย่างมันก็พังทลายไม่มีชิ้นดี..."
"อัลชาอ์...."
"ตอนนี้ผมกับคุณ...เราก็เหลือเพียงกันและกันแล้วนะ...." คำพูดของชีคหนุ่มทำให้คนฟังชะงัก คาวัลโลนิ่งไปกด่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ...
" ครับ...ใช่...."
"...อย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ...คาวัลโล...." ฝ่ามือหนาแตะลงบนผิวแก้ม ไล้มันเบาๆให้คนฟังค่อยพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า...ทว่าก็หนักแน่นยิ่ง..
"...ผม...จะไม่ทิ้งคุณ..."
เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นเบาๆทำให้สองหนุ่มชะงัก คาวัลโลขมวดคิ้วเมื่อมองเห็นร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์ยืนนิ่งอยู่ข้างรถ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม..ราวกับกำลังแบกอะไรที่หนักมากมายไว้บนสองบ่า อัลชาอ์เลื่อกระจกรถลงแล้วพยักหน้าช้าๆ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองดวงตาที่เกลื่อนไปด้วยความว้าวุ่นใจแล้วเอ่ยปากถาม..
"ว่ายังไง...."
" ผม....สั่งให้ธุรกิจบ่อน้ำมันของตระกูลซาราวัคถูกโอนให้เป็นของรัฐ...และ...กักบริเวณท่านแม่อัลลิยะห์ไว้..ไม่ให้พบกับนายพลซาราวัคโดยเด็ดขาด..." น้ำเสียงของเจ้าชายหนุ่มเรียบนิ่ง..หากดวงตาที่ปั่นป่วนว้าวุ่นนั้นแสดงออกชัด อัลชาอ์สบมองแววตาของเจ้าชายหนุ่มเบื้องหน้า ฝ่ามือเคาะลงบนกระจกรถเบาๆ...
" โกรธฉันไหมที่ทำแบบนี้...." ครู่หนึ่ง จึงออกปากถาม...
" ผมมีสิทธิ์โกรธท่านด้วยหรือ? " เจ้าชายหนุ่มยิ้มเคร่ง เอ่ยตอบสั้นๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้น " ผมทำตามที่ตัวเองเห็นสมควร และได้รับบทเรียนที่ท่านสอนแล้ว "
"..ว่า........"
"...คนที่มีอำนาจ...บางครั้งก็ต้องเชือดใจตัวเองเพื่อความถูกต้อง...ในยามที่มีคนผิด ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู ย่อมไม่มีข้อยกเว้น "เจ้าชายหนุ่มตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินไปนั่งตรงฝั่งขวามือของคนขับอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ประตูปิดอัลชาอ์ก็ออกปากถามอีกครา..
"...การตัดสินใจแบบนั้น ทำให้พวกเขาโกรธ ก็รุ้ไม่ใช่หรือ ? "
" ผมทำตามที่ตัวเองเห็นสมควร " ฟาลซาอ์ตอบสั้นๆ " และสำหรับผม สิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้ คือการถูกนำมาเป็น"ข้ออ้าง"ในการทำลายประเทศชาติ "
" ไม่คิดอยากครองราชย์ดูบ้างหรือ? " ชีคหนุ่มเอ่ยถาม นัยน์ตาหรี่ลงน้อยๆอย่างครุ่นคิด..
"...ผมไม่คิด...อยากนั่งบนหนาม ไปชั่วชีวิต "
คำตอบนั้นเรียกเสียงหัวเราะรับเบาๆในลำคอราวกับถูกใจของอัลชาอ์ ขณะที่ร่างของฮาซานก้าวเข้ามาประจำที่นั่งคนขับ ไม่นานขบวนเสร็จของชีคแห่งเซเนียยาก็วิ่งตัดผ่านสวนสวยหน้าคฤหาสถ์ของชีคอาเหม็ดออกไป...
คาวัลโลเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนรัก ขณะที่ความเงียบลอยอยู่ในรถ นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองฝ่ามือหนาที่กุมมือของเขาแนบแน่น ฟังเสียงวิทยุสื่อสารด้านหน้าที่ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอมากกว่าปกติด้วยแววตาสงสัย มองเห็นรถเร่งความเร็วจนถึง 140 กม/ชม เขาพลันขมวดคิ้วแน่น...
" อัล....."
"ใช่....คาวี่ที่รัก หลังจากนี้ล่ะ เราจะโดน"ล่า"ของจริง " เสียงตอบของคนรักที่ราวกับมานั่งอยู่ในหัวใจทำให้คาวัลโลใจหายวาบ เขาหรี่ตาลงช้าๆ มองไปยังกระจกมองหลัง ซึ่งมีรถคุ้มกันของเหล่าองค์รักษ์ประจำตัวอัลชาอ์ ขับตามมาอย่างกระชั้นชิด ก่อนจะมองไปยังเบื้องหน้า ...ซึ่งรถนำขบวนกำลังเบี่ยงเส้นทางออกจากถนนเส้นหลักของเมือง รถคันโตห้าคันค่อยไต่ไปตามถนนเส้นเล็กที่นำไปสู่กลางทะเลทรายร้อนระอุ
" คุ้นตาบ้างไหม? " อัลชาอ์เอ่ยปากถามเบาๆ หลังจากรถเเล่นมาสักระยะ คาวัลโลมองตามปลายนิ้วของคนรัก ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น ด้วยเริ่มจำได้ว่าที่คุ้นตาซึ่งอัลชาอ์กล่าวถึงและเขาสามารถมองเห็นอยู่ไกลลิบๆ คือบริเวณเส้นทางขนอาวุธปลอมๆที่ตัวเขาเคยถูกล่อลวงมา และไม่ไกลจากนั้นก็มีกลุ่มขบวนรถอีกห้าหกคันจอดอยู่ ธงของเซเนียยาที่ปักอยู่บนนั้นทำให้พอจะรู้ได้ว่าเป็นคนของอัลชาอ์ไม่ผิดแน่
หันไปมองหน้าชีคหนุ่มที่เปรยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วก็ต้องโคลงหัว ด้วยไม่รู้จะคิดไปเองรึเปล่า ว่านับวันอัลชาอ์เริ่มจะดูเจ้าเล่ห์ แถมร้ายและแรง มากกว่าที่คิดไว้เยอะ
.....................
ตอนนี้...แหม...หล่อมาก...
ท่านชีค อัลชาอ์ที่รัก (ของคาวี่) หล่อเท่ห์จริงนะเอ๊า
ไอ้หล่อสำเร็จรูปเอ๊ยยยยยยย แต่งแล้วแอบหลง (ทำได้แค่แอบสิ หลงออกนอกหน้าคาวี่จับกระซวกไส้ไหลกันพอดี)
เรื่องคำแทนตัวของท่านชีคอาจจะทำให้หลายคนตงิดๆ (ฮ่าๆ) ที่ใช้คำว่าฉัน อาจจะดูสาวไปในบางประโยค แต่ก้คิดว่าคำนี้แหละที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอัลชาอ์พุดในฐานะ”ผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง” จะแทนตัวว่าผมก็ดุจะหน่อมแน้มไป จะแทนว่าข้าก็โบราณไปหลายปีแสง ฉะนั้นเลยขอใช้คำว่า “ฉัน”นี่ล่ะ
สำหรับตอนนี้มีเรื่องศาสนาแนวคิดอะไรมาเล็กน้อย เรื่องนี้มันแล้วแต่วิจารณญาณสวนบุคคลนะคะ บอกไว้ก่อนว่า นี่เป็นนิยายและเป็นความคิดของคนเขียน เรื่องมันค่อนข้างสุ่มเสี่ยง (เขียนไปเสียวไป)อย่าดราม่ากันนะเออ
และตอนนี้ อัลชาอ์ + คาวัลโล = อิคู่ born to be 55+ แบบว่าคนนึงเชือด คนนึงคอยระวังหลัง คู่หูมาก รุ้ใจจริงๆ ฮี่ๆ
อธิบายเหตุการณ์เล้กน้อยกันงง
อัลลิยะห์และนายพล เป็นคนที่ขัดแข้งขัดขาอัลชาอ์มาตลอด ยุ่งวุ่นวายกับขบวนขนอาวุธของคาวี่ด้วย ทำเพราะอยากได้ตำแหน่งชีคให้เจ้าชายฟาลซาอ์(ซึ่งไอ้คนนี้คิดอย่างเดียวว่าตูไม่ว้อนท์) ที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมที่สุด
ส่วนอาเหม้ดและลูกสาว ตอนแรกไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับแผนนี้ แต่ว่าเข้าร่วมแผนในช่วงหลัง เป็นตัวการปล่อยข่าวลือและอุบัติเหตุที่ทัสคานี ทำไปเพราะแค้นใจที่อัลชาอ์หยามและไม่พอใจเรื่องที่อัลชาอ์รักกับคาวี่
ปล.. แบดกายมาตอนดึกๆของวันนี้ค่า