รถจอดลงเมื่อรถคันหน้าหยุดลงพร้อมกับเเสงไฟที่สาดจ้าเข้าหา ฮาซานเปิดกระจกออกรับคำรายงานของลูกน้องที่เดินมาหา คาวัลโลแว่วเสียงพุดคุยเบาๆ เหมือนกำลังเจรจาอะไรกันสักอย่างก่อนที่ฮาซานจะลงจากรถ และตามมาด้วยเจ้าชายฟาลซาอ์พร้อมกันเขาและอัลชาอ์ตามมาติดๆ
คาวัลโลหรี่ลงเพราะเม็ดทรายที่พัดใส่หน้า เขาจ้องมองสภาพโดยรอบผ่านสายตาที่มัวพร่าของตัวเอง โชคดีที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยแสงไฟจากรถโฟร์วิลคันใหญ่เบื้องหน้า มาเฟียหนุ่มจ้องมองขบวนขนส่งอาวุธเถื่อนของแกงค์ตนเองที่บรรจุอยู่บนรถแฮมเมอร์คันโตขนาดเท่ารถขนส่งทหาร เห็นเพียงตาข่ายสีเข้มคุลมไว้และผ้าร่มสีดำทับไว้อีกชั้น รถที่จอดทอดยาวเจ็ดแปดคันนั้นบ่งบอกว่าของในล๊อตนี้มีจำนวนไม่น้อย..และ...บ่งบอกถึง"กำลัง"ของกลุ่มแกงค์วาลกัสด้วยเช่นกัน
มันช่างน่าแปลกใจปนอดสูไม่น้อยเมื่อได้มาจ้องมองความยิ่งใหญ่ของแกงค์ที่เขาเคยจะได้ครอบครองมันอยู่ตรงนี้ ในฐานะของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีส่วนร่วมใดๆกับมันทั้งสิ้น คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ เขาเม้มปากคล้ายจะควบคุมอารมณ์ที่เริ่มสะท้านลึก..
ร่างของผู้เป็นหัวหน้าในการขนถ่ายครั้งนี้เดินตรงเข้ามาหาอัลชาอ์และออกปากทายทักทันควัน คาวัลโลถอยหลังหลบฉากออกมาเล็กน้อยด้วยความระแวงระวังว่าอาจจะเป็นคนรู้จัก แม้ใบหน้านั้นจะไม่เคยคุ้นเลยก็ตาม ...ครู่หนึ่งหัวใจเจ็บปร่า..ไม่ต่างกับการเอาเหล็กแหลมมาแทงลงบนหัวใจอีกครั้ง
สำนึกบอกให้รู้...ว่านี่คือครั้งสุดท้าย นี่คือสายป่านเดียวที่กำลังจะหลุดลอยไปและจะไม่มีวันได้ชีวิตของคาวัลโล วาลกัสกลับมาอีก..
มีฐานะเป็น"คนที่ตายแล้ว"และเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเซเนียยาไปตลอด..
จะไม่ได้พบพ่อแม่ พี่น้องและคนในครอบครัวอีกแล้ว...ชั่วชีวิต..
ทางเลือกนี้มันจะดีไหมเขาไม่รู้ รู้เพียงความโศกเศร้า ความโล่งใจและความอึดอัดตีกันกับความสิ้นหวังเสียจนสติเบลอพร่า..แทบไม่รับรู้สิ่งใด
กระทั่ง..
ฟึ่บ!!
" คาวัลโล ! "
ร่างทั้งร่างกระแทกลงบนผืนทราย ผิวแก้มแนบลงบนเม็ดทรายที่ทิ้งรอยอุ่นจนชาวาบ หัวใจเต้นระส่ำ รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่เคยคุ้นกอดประคองไว้แนบแน่นและเสียงลมหายใจแรงด้วยความหวั่นระทึกของอัลชาอ์ คาวัลโลกระกริบตาช้าๆ เขาถูกดึงขึ้นมาโอบกอดไว้ พร้อมกับน้ำเสียงกระชากดังลั่นของอัลชาอ์..
" ฝีมือใคร!!! "
คาวัลโลจ้องมองร่างที่เดินแหวกฝูงชนมาอย่างสบายๆ เขาจ้องกระบอกปืนที่ปลิวหวือในมือของชายคนหนึ่งเบื้องหน้าด้วยดวงตาที่พร่าเลือนหากเบิกกว้าง...สติเตือนให้รู้ว่าเมื่อครู่กำลังถูกด้านปืนในมือฝ่ายนั้นกระแทกเข้าหาหมายปองร้ายเอาชีวิต..แต่ทว่าไม่รุ้เพราะแสงจ้าของรถหรือเปล่านัยน์ตาถึงได้เลือนพร่า..และแสบร้อนนัก...
" ...ให้ตายสิ พลาดจนได้ " เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอไร้ร่อยรอยสำนึกผิดหรือกระทั่งร่องรอยของความหวาดหวั่น เรียกเสียงคำรามในลำคออย่างไม่พอใจของชีคหนุ่มทันควันขณะที่ค่อยประคองให้คาวัลโลลุกขึ้นจากพื้นกวาดสายตามองชายผู้นั้นอย่างเคืองแค้น..
" มันจะไปถูกได้ยังไงครับ แล้วนั่นมันเป็นมารยาทจากไหนที่ทักทายกันแบบนั้น " น้ำเสียงเรียบๆของชายอีกคนหนึ่งดังแทรกพร้อมกับเสียงถอนหายใจแผ่วเบา ทำให้ดวงตาของคาวัลโลยิ่งเบิกกว้าง..ฝ่ามือที่กำเสื้อคลุมของชีคหนุ่ม ขยับเข้าหากันแน่นขึ้นอย่างลืมตัว..
" อะไร ฉันทักทายเจ้าตัวเล็กของฉัน แกอย่ามายุ่ง " เจ้าของสุ้มเสียงกวนประสาทปรากฏตัวให้เห็นผ่านแสงจ้าของรถและทรายเม็ดเล็กที่โชยพัดตามแรงลม...หากความคุ้น...คุ้นแสนคุ้นนั้นทำให้ฝ่ามือของคาวัลโลสั่นระริก...
นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้าง ยามมองเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นชัดเจนอยู่ตรงหน้า ร่างสูงเพรียวในชุดทหารรับจ้างลายพรางสีเทา ใบหน้าที่ประพิมประพายคล้ายเหมือนมารดาเขานักชวนให้นึกถึง ทั้งเส้นผมสีทองอร่ามอันบ่งบอกสายเลือดอารยันเต็มตัวของชายตรงหน้า รอยยิ้มแสนจะมั่นอกมั่นใจและดวงตาสีบรูเน็ตที่วาววับ..ราวกับชอบใจ พร้อมกับพาดปืนไรเฟิลในมือลงบนไหล่ กระตุกยิ้มมุมปาก ยามได้ยินเสียงเอ่ยทัก..
"คุณอา...."
ริมฝีปากของคาวัลโลขยับไหว ฝ่ามือที่กำเสื้อคลุมของชีคหนุ่มแน่นตกลงข้างตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับไร้เรี่ยวแรง..
................
รถยนต์คันใหญ่สิบกว่าคันที่จอดเรียงกันอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบใกล้กับโอเอซิสเพื่อพักผ่อน ส่วนหนึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้วเพื่อจัดการเรื่องการขนย้ายอาวุธและพวกก่อความวุ่นวายที่จับได้ กระโจมหนังสัตว์เจ็ดแปดหลังตั้งกระจายตัวกันทั่วบริเวณบ่งบอกจำนวนคนที่มากพอสมควร ขณะที่ดวงจันทร์เสี้ยวท่องไปครึ่งฟ้า สายลมเย็นความหนาวเหน็บปกคุลมไปทั่วบริเวณผืนทรายกว้าง..
แหล่งน้ำสะอาดในโอเอซิสเป็นตาน้ำเล็กๆที่ผุดออกมาจากดิน มีค่าและเป็นดั่งอัญมณีกลางผืนทรายเช่นเดียวกับชื่อเรียกขาน คาวัลโล วาลกัสก้มมองเงาตนสะท้อนในน้ำที่ไหวระริก ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองบริเวณโดยรอบซึ่งไม่ปรากฏต้นวัชพืชเล็กๆอีกแล้วรวมทั้งสีสันของต้นอินทผาลัมก็เปลี่ยนมาเป็นใบสีหม่นเช่นเดิมราวกับจะบ่งบอกถึงความฝันอันผ่านพ้น..
ก้าวเท้าเข้าไปในกระโจม ไม่ใช่กระโจมใหญ่สุดสำหรับพักผ่อนของชีคแห่งเซเนียยา แต่ทว่าเป็นกระโจมพักของ"แขก"ผู้มาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวทั้งสองคนต่างหาก
จ้องมองผู้เป็นอาที่กำลังทำการพิสูจน์ศพเจ้าตะเกียงแบบโบราณที่ตั้งไว้ในห้องอย่างขันเเข็งแล้วอดจะสงสารมันไม่ได้ คาวัลโลก้มลงหยิบน๊อตตัวนึงที่หล่นลงมาบนพรมแล้ววางลงบนโต๊ะ เขาตวัดสายตามองชายอีกคนที่นั่งสำรวจสัมภาระตลอดจนก้มๆเงยๆมองอุปกรณ์ผ้าห่มผ้าคลุมในมืออย่างครุ่นคิดว่าควรทำสิ่งใดก่อนกันพลันก็ถอนหายใจยาว..
" เอาพรมนี่ลงก่อน " ออกปากปากพลางดึงพรมสีเข้มเนื้อหยาบหนาลงบนพื้น ผู้ฟังพยักหน้า หากแต่ก็ดึงพรมนั้นขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มปูมันใหม่ให้เรียบร้อย...ในแบบฉบับของตัวเอง..
จ้องมองชายสองคนในห้องนี้ด้วยหัวใจที่เริ่มจะหนักอึ้ง...หนึ่งบุรุษผมสีทอง นัยน์ตาสีบรูเน็ตและใบหน้าท่าทางที่เคยคุ้น คลาร์ก โรเซนเบิร์ก คือหนุ่มเชื่อสายเยอรมันคือผู้เป็นอาที่ชึ่งคุ้นเคยกันดี อีกทั้งยังเป็นผู้คอยสั่งสอนสรรพวิชาป้องกันตัวกับเขา และอีกหนึ่ง ชายหนุ่มผมแดง นัยน์ตาสีทองสุกปลั่งและสวมเเว่นสายตากรอบดำ ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์คือหนึ่งเพื่อนสนิทที่เคยคุ้น...แกเร็ต เคย์
ความสงสัยและความอัดอั้นตันใจมีมากจนทนไม่ไหว ยิ่งเมื่อมองเห็นท่าทีเรียบเรื่อยไม่หยี่ระของคนทั้งคู่แล้วยิ่งปวดหัวจี๊ด..
"...มาถึงนี่กันได้ยังไง? " ที่สุดคาวัลโลจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ พลางทอดถอนใจ
" มากับขบวนขนอาวุธ แกนี่ก็ถามอะไรโง่ๆ " ผู้เป็นอาตอบแล้วส่งเสียงเฮอะออกมาเบาๆหลังจากแงะชิ้นส่วนตะเกียงออกมาแล้วสามารถประกบกลับไปได้เช่นเดิม..จะขาดอยู่อย่างเดียว คือมันไม่สามารถต่อไฟได้แล้วก็เท่านั้น..
"...แล้วมาทำไม " คาวัลโลเม้มปากแน่น...
".....นี่ยังจะถามอีกงั้นเหรอ? " คลาร์กหัวเราะหึ จ้องมองหลานชายที่วันนี้นึกออกปากถามอะไรโง่ๆออกมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ..และยิ่งเมื่อนัยน์ตาคู่นั้นไม่ยอมสบ ...รอยหม่นที่ปรากฏทำให้ต้องหรี่ตา...เพิ่งพินิจ..
"..คุณอเล็กซิสบอกให้พวกเรามาพาแกกลับไป คาวัลโล " แกเร็ตเอ่ยตอบแทนสีหน้าเยาะหยันของคลาร์กที่กระแทกเข้าตาคาวัลโลจนคาดว่ามันอาจจะสติแตก ทว่าผลที่ได้รับคือดวงตาสีน้ำตาลอมแดงคู่นั้นตวัดมาหากอย่างเคืองๆ
" ให้ใช้ให้แกยุ่ง! " พร้อมกับประโยคหาเรื่องที่แสนจะคุ้น ซึ่งได้ยินอีกครั้ง..และอีกครั้ง...
" ประโยคไม่ได้บอกชื่อ ไม่ได้เจาะจงถามใคร ฉะนั้นจึงมีสิทธิ์ตอบ "คาวัลโลกลอกตามองคู่หูศิษย์อาจารย์เบื้องหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายหัวใจ เขายกมือขึ้นก่อนที่ผุ้เป็นอาจะเข้าไปวางมวยหาเรื่องต่อยตีกับคู่หูตัวเองอย่างไม่ควรทำและมีผลให้ทราบเรื่องต่างๆได้ช้าขึ้นอีกอักโข..
" ครั้งสุดท้ายที่พี่อเล็กซิสคุยกับผม ...พี่บอกว่าคุณลุงไม่ต้องการผมแล้ว " คาวัลโลจ้องหน้าคลาร์ก ริมฝีปากของเขาเหยียดยิ้มหยัน "แล้วนี่....จะว่ายังไงดีล่ะครับ "
"ครั้งสุดท้ายน่ะมันตอนไหน " คลาร์กเลิกคิ้ว ออกปากถาม
" สามสัปดาห์ก่อน " คาวัลโลเม้มปากแน่น...
"...หึ....นั่นสินะ " คลาร์กหรี่ตาลงช้าๆ ชายหนุ่มกวาดตามองร่างของชายหนุ่มผู้เป็นหลายชายเบื้องหน้า เม้มปากแน่นด้วยความขุ่นเคืองใจนับแต่ชุดที่เจ้าตัวสวมใส่ นับแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นมันยืนนิ่ง เหม่อลอยมองซากของความฝังตัวเองเหมือคนแพ้ที่น่าสมเพช...กระทั่งมีผู้อื่นมาปกป้อง...และตอนนี้ ....แววตาของขี้แพ้ที่น่ารังเกียจก็ยังปรากฏชัดบนใบหน้า...
... นี่มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนไป ไม่ใช่คาวัลโลคนเดิม ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เขาภาคภูมิใจจนตกลงยอมรับใช้ ไม่ใช่คนๆนั้น...ไม่เลย..
" เป็นฉัน..ฉันก็คงไม่คิดจะเอาไว้ กับคนที่อุตริวางแผนโง่ๆ เพื่อฆ่าตัวตาย " ริมฝีปากเหยียดยิ้ม เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คาวัลโลหรุบตาลงด้วยความละอายใจวูบ
" ผมว่า....."
" นี่เป็นเรื่องในครอบครัว คนนอกอย่ายุ่ง " น้ำเสียงเฉียบขาด ไร้ร่องรอยของความขัดเคืองใจดังเช่นที่ผ่านมา แต่ใจความยังคงไม่น่าฟังเช่นเดิม ทำให้แกเร็ตหน้านิ่ว..หรือาจจะนิ่วมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ..
" คนที่พ่ายแพ้ ต่อให้แพ้ก็จงแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี แต่นี่กลับเป็นการพ่ายแพ้ที่น่าอดสูที่สุด " นัยน์ตาสีบรูเน็ตจ้องมองร่างของหลานชายเบ้องหน้าแล้วเม้มปากแน่น "ฉันเคยสอนให้แกทำแบบนี้เหรอ คาวัลโล? พ่ายแพ้และตกเป็นทาส ยังไม่น่าสมเพชเท่าการพ่ายแพ้แล้วตกเป็นของๆศัตรู "
" เขาไม่ใช่ศัตรูของเรา !! " มาเฟียหนุ่มส่ายหน้าร้องสวนขึ้นมาทันควันเสียจนผู้เป็นอาหน้านิ่ว..
" นั่นไม่ยิ่งน่าสมเพชกว่าเหรอ? ไม่ใช่ศัตรู ซ้ำยังเป็นพันธมิตรของวาลกัส ! " คลาร์กกระชากเสียงห้วน จ้องหน้าคาวัลโลเขม็ง " แกมันโง่เง่ากระทั่งไม่ยอมใช้ให้วาลกัสเข้าช่วย เอาแต่คิดว่าการพลาดพลั้งแล้วต้องรอความช่วยเหลือมันน่าหัวร่อ แต่นี่การกระทำของแกมันน่าหัวเราะกว่าเป็นไหนๆ แกกลายเป็น....กลายเป็นพวกนางบำเรออยุ่บนเตียง ซ้ำยังเป็นผุ้ชาย กลายเป็ยนพวกวิปริตและน่าสมเพช คิดว่าใครเขาอยากจะได้แกกลับไปเป็นบอสให้วาลกัสเสื่อมเสียอยุ่อีก!"
" ที่มานี่เพื่อจะมานั่งเทศน์ให้ผมฟังเหรอ? หรือว่ามานั่งสาธยายความเสียหาย? ไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการ ผมรู้แล้วและไม่คิดจะ....." คาวัลโลตลาดสั่น เขาเม้มปากแน่น สีหน้าแค้นเคืองปนเจ็บราว ฝ่ามือทั้งสองกำแน่น.. " ไม่คิดจะหลับไปที่นั่นอีกแล้ว!!! "
ผลั่วะ!
หลังมือของผุ้เป็นอาฟาดเข้าที่ผิวแก้มอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน คาวัลโลหน้าหันความเจ็บร้าวชาชินบนผิวหน้าไม่ต่างจากศักดิ์ศรีที่พังทลายและความเจ็บปวดในวันนั้น ใครอยากจะมาฟังคำตอกย้ำหรือกล่าวโทษอีกให้เจ็บใจให้เสียน้ำตา ไม่รู้ว่าคลาร์กจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อยุ่แล้ว เมื่อตัดสินแล้วทุกอย่างก็คือจบสิ้น ไม่มีประโยชน์จะดิ้นรนทุกอย่าง!
" ถ้าแกกล้าพูดแบบนั้นอีกคำเดียว ฉันจะฆ่าแกซะ จำเอาไว้!! " เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและแววตาวาววับอย่างน่ากลัวของผู้เป็นอาชัดเจนในดวงตาที่พร่ามัวด้วยความรวดร้าว คาวัลโลจ้องมองร่างของคลาร์ก โรเซนต์เบิร์ก ที่ถูกแกเร็ตรั้งตัวเองไว้สุดแรงด้วยแววตาวาววับ เขาแสยะยิ้มท้าทาย ลุกพรวดออกจากโต๊ะด้วยหัวใจร้าวไหว
"...ทำไม..หรือเพราะว่าคุณมันไม่มีที่ไปอีกแล้วถึงต้องมาพึ่งผม...ถึงทนฟังไม่ได้ว่าผมจะไม่กลับไปที่นั่งอีกแล้วน่ะ " ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม สบมองไฟโทสะในแววตาของผุ้เป็นอาด้วยสีหน้าหยามหยัน " ผมจะพูดอีก..และคุณไม่มีสิทธิ์จะมาห้าม เพราะนี่คือความจริง ผมไม่มีวันกลับไป ในเมื่อวาลกัสไม่ต้องการคาวัลโลคนนี้...ทำไมผมจะต้องกลับไป ทำไมจะต้องเสียศักดิ์ศรีกลับไปเหยียบอีก ในเมื่อยู่ที่นั่นหรือที่นี่ ก็ยังถูกมองว่าเป็นอีตัวไม่ต่างกันอยู่ดี !! "
ผลั่วะ!
" แก......" คาวัลโลยกมือกั้นหมัดของคลาร์กอย่างทันท่วงที เขาแสยะยิ้ม จ้องมองสีหน้าเคืองโกรธของชายตรงหน้าเขม็ง
"แลกกันคนละหมัดนะ คุณอา " สิ้นเสียงกระซิบ คาวัลโลก็สะบัดมืออก ปล่อยให้หมัดของคลาร์กลอยหวือผ่านใบหน้าไป ชายหนุ่มโยกตัวหลบกำหมัดแน่น ซัดมันลงบนแก้มซ้ายของผู้เป็นอาเต็มแรง
ผลั่วะ!
" พอได้หรือยัง? " เสียงถามห้วนสนิทจากแกเร็ตจ เคย์ บ่งบอกว่าเจ้าตัวจะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว คาวัลโลจ้องมองใบหน้าที่เข้ามารับหมัดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วถอนหายใจเฮือก
" ใครใช้ให้แกโง่มารับเอง " มาเฟียหนุ่มสถบเสียงห้วน ส่งสายตารู้ทันไปทางเพื่อนสนิท "ยังไงก็แตะไม่ได้เลยสินะ..เจ้าโง่ "
" หลีกไป !" แกเร็ตส่งเสียงคำรามออกมาอย่างหงุดหงิด ซ้ำยังไม่มีท่าทีจะเข้าใจบทสนทนาของสองเพื่อนสนิทสักนิด..
" คุณคิดว่าตัวเองอายุแค่ไหนแล้วถึงมาต่อยกับหลานชายตัวเอง ทำอะไรให้มันสร้างสรรค์หน่อยได้ไหมครับ อย่าให้ผมนึกรำคาญไปมากกว่านี้เลย "น้ำเสียงบริภาษห้วนๆของแกเร็ตยิ่งทำให้ผู้ฟังหน้าบูดขึ้นเป็นเท่าตัว คลาร์ก พ่นลมหายใจลงช้าๆ จ้องมองใบหน้าของหลานชายที่อีกฝ่ายก็เริ่มจะอารมณ์เย็นลงแล้วเช่นกันอย่างหัวเสีย..
" ฉันไม่ขอให้แกกลับไปรับตำแหน่งหรอก อยากจะดักดานอยู่ที่นี่จนตายฉันก็ไม่ว่า ไอ้การเล่นเป็นมาเฟียไร้สาระของพวกแก มันน่าสนใจแค่ไหนกัน " คลาร์กสถบเบาๆในลำคอ จ้องมองใบหน้าของหลานชายที่เขารักมันมาที่สุด...แต่ขณะเดียวกันก็หมั่นไส้มันมากที่สุดเขม็ง...
" แต่ก่อนหน้านั้น ก่อนที่พ่อแม่แกจะตรอมใจตายและครอบครัวแกจะย่อยยับมากกว่านี้...ก็ฟังฉันเล่าด้วยล่ะ ว่าคุณลุงที่รักของแกทำอะไรบ้าง..."
วาจานั้นทำให้คาวัลโลชะงัก ขมวดคิ้วอย่างงวยงงไม่น้อย...มาเฟียหนุ่มจ้องมองอาของตนที่ถอนหายใจแรงแล้วค่อยนั่งลงบนโต๊ะอีกครั้ง เขาเหลือบมองแกเร็ตที่ส่ายหน้าแล้วก้มลงปูที่นอนอีกคราวแล้วยิ่งนึกงวยงง...เฟรเดริโก้ วาลกัส ผู้เป็นลุงของเขาคิดจะทำอะไรนอกจากยกเลิกการเป็นบอสของคาวัลโลคนนี้หรือ สีหน้าและแววตาของคนพูดถึงได้เครียดขึ้งปานนั้น...
............
สายลมเย็นโชยพริ้มให้เสื้อคลุมที่ใส่อยู่สะบัดไหว อัลชาอ์จ้องมองพระจันทร์ที่เดินทางอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าครุ่นคิดหนัก ร่างสูงยืนอยู่หน้ากระโจมที่พักของตนเอง หากนัยน์ตาสีเข้มจ้องมองไปยังกระโจมหี่ถัดไปอีกสองหลัง อันเป็นที่อยู่ของผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด...
....อา....กับเพื่อนสนิท?
คำอธิบายถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนที่พบเจอสั้นๆ หากสีหน้าและแววตาเคร่งเครียดทำให้ความกังวลแล่นวาบขึ้นมาอีกครั้ง ชีคหนุ่มถอนหาใจหนัก ด้วยรู้ดี ว่าเมื่อคนในครอบครัวและอีกหนึ่งเศษเสี้ยวของ"วาลกัส"เข้ามาตามหาเจ้าตัวด้วยตัวเอง คนพวกนั้นต้องการอะไร... ทว่าสิ่งที่อัลชาอ์ยังลังเล คือคาวัลโล ต้องการจะทำเช่นไร?
ชีคหนุ่มมองต้นหญ้าเหี่ยวแห้งใกล้ปลายเท้าอย่างครุ่นคิด...ยามนี้ทะเลทรายกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้สดชื่นสดใสด้วยสายฝนอีกแล้ว...พืชพรรณแห้งเหี่ยว สีเขียวเริ่มจางหายไปมีเพียงความแห้งแล้งที่ปกคุลมผืนดินแห่งนี้อีกครา..
ไม่ต่างกับหัวใจ ที่สดใสเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาครึ้มหม่นอีกครั้ง..
หรือที่ผ่านมา...จะเป็นเพียงฝันหนึ่งตื่นเท่านั้น?
เมื่อมีคนเดินเข้ามา เมื่อความจริงเดินเข้าหาอีกครั้ง ที่สุดเจ้าตัวก็ลืมตาตื่น ต่อให้ไม่อยากลืมตา ฝันนี้ก็จะจางหายไป ใช่หรือเปล่า?
การวางเดิมพันครั้งสุดท้าย....จะไม่เป็นผลจริงๆหรือ...
คำสัญญาของคาวัลโล คำพุดที่ว่าจะไม่จากไป อัลชาอ์เชื่อ...และยังเชื่อมาจนบัดนี้ แต่รอยหวั่นไหวและรอยหม่นในแววตาอีกฝ่ายกลับทำให้ความเชื่อมั่นนั้นสั่นคลอนลงช้าๆ..
......ขออย่าให้เราต้องเสียใจภายหลัง..
คำๆนี้เป็นสิ่งเดียวที่อัลชาอ์อยากให้คาวัลโลทำตามที่พูด จะอย่างไรชีวิตของใครก็เป็นของคนนั้น ไม่มีสิทธิไปกำหนดกะเกณฑ์... คำว่ารักไม่ได้หมายถึงความรับผิดชอบหรือการตระหนักในสิ่งใด คำว่าคนรักไม่ได้หมายถึงการผูกพันธ์กันนิรันดร์ และอ้อมกอดไม่ได้หมายถึงพันธะผูกพันธ์ หรือคำมั่นสัญญา..
...เพราะพรุ่งนี้มันเลื่อนลอยเกินไปที่จะตั้งความหวัง..
เสียงฝีเท้าที่ใกล้หูทำให้ชีคหนุ่มชะงัก ร่างสูงใหญ่ละจากภวังค์พลางขมวดคิ้วตั้งท่าจะหมุนตัวกลับไปเผื่อจะเป็นคนของตนที่มีอะไรจะสอบถาม ทว่า รอยกอดที่เคยคุ้นบนแผ่นหลัง ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงัน...
" คาวัลโล? " ชีคหนุ่มเอ่ยปากถามแผ่วเบา...ใบหน้าขมวดเข้าหากันช้าๆ
ฝ่ามือหนาลูบท่อนแขนบางที่มีกอดรัดบั้นเอวตนไว้อย่างอาดูร ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย มีเพียงร่างเพรียวที่สั่นไหว และเสียงสะอื้นที่ถูกเก็บไว้ในลำคอ กับน้ำตาที่ค่อยซึมมายังเสื้อผ้าและผ่านที่หัวใจของตนอย่างเชื่องช้า...
.....มันเกิดอะไรขึ้น !?
...........................
คุณอามาแล้ว อิอิ > < แต่มารอบนี้อาจจะทำให้หลายคนเคือง แล้วตะโกนว่า มาทำม้ายยยยย เหอๆ
ตอนนี้เขียนฉากบู้มันส์มาก อ่า...ชอบพัฒนาการของชีคกับคาวี่นะ
มันพัฒนาไปมากจริงๆเมื่อเทียบกับที่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องทำนองนี้ตอนครั้งก่อน ถึงคาวี่จะดื้อเหมือนเดิมก็เถอะ แต่คราวนี้อัลชาอ์ก็รับรู้และเข้าใจสุดที่รักอย่างเต็มที่ล่ะ น่าปลื้มจริงๆ ส่วนคาวี่ก็รู้ตัวว่าอะไรผิดถูควรไม่ควรแล้วถึงจะยืนยันว่าจะขอเป็นแนวหน้าก็เถอะ เอาน่า ขาลุยๆ
อ้อ อาจจะมีคนงงกับการเดินทางของอัลชาอ์ว่าไงมาไงกันแน่ ทำแผนที่ไว้แล้วค่ะ
มีบอกตำแหน่งไว้แล้วด้วย หวังว่าคงไม่งงกันเนาะ
ปล. แบดกายพรุ่งนี้จ้า > <