Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1006590 ครั้ง)

ออฟไลน์ yakusa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :เฮ้อ:   รออย่างตั้งใจ

ออฟไลน์ iranen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
หวานมามากแลเว
ต่อไปก็บู๊แหลกลานเลยละสิ
แต่ก็นะเรื่องคริสนะรับรู้แค่ฝ่ายโรเบิตแค่ฝ่ายเดียวหรือเปล่านะ
แต่ไม่รู้เบื้องหลังจริงๆ
ลุ้นจังเลย

pigrabbit

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะ ^^ พึ่งมานั่งอ่านเรื่องนี้ตอนดึกๆ
อ่านมาได้17ตอนอยู่เลยค่ะ พักยกไว้ก่อน อดหลับอดนอน
ตอนแรกเข้ามา ตกใจกับชื่อตัวละคร โอ้~ ชื่อยาวมาก
คิดว่าในเรื่องจะเรียกกันยาวๆอย่างนั้นซะอีก -..-

ตอนนี้ปวดตับกับน้องคาวี่มาก ใจร้ายที่สุดเลยค่ะ 
ท่านชีคของเรา(?) จะช้ำในตายอยู่แล้ว  :o12:
ยิ่งรู้ว่าเค้าหลงรักมาตั่งนานแล้ว ยิ่งหมั่นไส้น้องคาวี่
ตอนอ้อนๆเรารัก ตอนดื้อๆเราหมั่นไส้ :z13:


ปล.
-คุณคนแต่งเป็นแฟนคลับบารามอสด้วยหรือเปล่าค่ะ (เราก็แฟนคลับ♥)
ที่ถามเพราะต้นๆเรื่องตอนที่17ชวนคิดถึง :กอด1:
- แต่ละตอนนี่ยาวมากนับถือจริงๆค่ะ ><
- เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ  :L2:


saya

  • บุคคลทั่วไป
Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
«ตอบ #1623 เมื่อ29-05-2011 17:06:13 »

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาเม้นท์ซะที  มีคำถามค่ะคำถามคืออ่านเนือเรื่องไปแล้วไปสะดุดกับประโยคนี้อ่ะ ที่หนูคาีวี่พูดกับอัลชาว่า

 "... ผมบอกว่าจะอยู่ที่นี่กับคุณ...ผมก็จะอยู่ที่นี่กับคุณ...อัลชาอ์ "

จนกว่า... <<<<<<<<< ตรงนี้อ่ะจนกว่าอะไร ไม่อยากคิดอ่ะอย่าบอกนะว่าหนูคาวี่จะทิ้งชีคของเราให้ชอกช้ำอีก  :sad4:

แต่อ่านตอนนี้แล้วเริ่มรู้เลยว่าท่านชีคเรารู้จักคาวี่ดีมาก และตอนต่อไปนี้เจ้าแมวแสนเชื่องจะกลายเป็นแมวป่าซะแล้วซินะ

เนื่องเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนดีจริงๆ รอติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ รักคนแต่ง & คิดถึงหนูคาวี่  :L2:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2011 11:34:39 โดย saya »

*~LPCM~*

  • บุคคลทั่วไป
ประกาศตามหาไรท์เตอร์กะน้องคาวี่คร่าาาาาาา

หายหน้าหายตานานเกินไปแล้วน๊าาาาา

รีบๆ มาตามแก้แค้นซะทีสิคะ ตามเป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ คริคริ

ไรท์เตอร์เค้าคิดถึงน๊าาาา

จร๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ  :c3: :give2: :give2:


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Line 33 : -Arrivederci-

............

          " ได้แก้แค้น...ได้ความสะใจ...ได้อำนาจ ทรัพย์สมบัติเงินทอง.."

         "...ได้ทุกอย่างแล้ว...จะมีความสุขรึเปล่า?"

     ...ไม่มีหรอกความสุข

..ไม่ได้หรอกสิ่งที่เคยคาดหวัง ต่อให้คว้า ต่อให้พยายามหาอย่างไรก็ไม่พบอยู่ดี..

ทุกอย่างที่เคยคิดเคยคาดหวัง ปลิวหายไปกับสายลมของอดีตและความผิดพลาดที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้อีกแล้ว

        เฟรเดริโก้ วาลกัส ยืนมองร่างของหลานชายตนที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้โยกตัวเดิมเช่นเมื่อวาน  มองพระอาทิตย์ยามเช้าของซิซิลีที่เริ่มสาดแสงจ้าขึ้นเมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาถึงเก้าโมงเช้า โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูที่อยู่ในมือของเจ้าตัวนั้นยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุดแต่คนถือไม่แม้กระทั่งจะสะดุ้งไหวกับเสียงของมันด้วยซ้ำ..

       บอสของมาเฟียตระกูลวาลกัส มาฟียาผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรแห่งอิตาลีจ้องมองร่างของหลานชายตนเขม็ง ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเพียงชายที่กำลังป่วยอยู่ ขาสองข้างหรือแม้กระทั่งดวงตาก็ยังไม่ป็นปกติ จะฆ่าไปก็ง่ายแสนง่าย จะกักขังจะทรมารก็ไม่ยากลำบากและเหนือบ่ากว่าแรงสักนิด

    ทั้งที่เป็นเช่นนั้น ...แต่เพราะเหตุใดตัวเขาเองถึงรู้สึกถึงความหนักอึ้ง..ทั้งที่แผนการณ์ดำเนินมาอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหา แต่เพราะเหตุใด เพราะอะไรถึงได้ไม่ยินดี ไม่รู้สึกด้วยซ้ำ ทั้งที่หนทางสู่อำนาจที่แท้จริงนั้นใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ

   รู้สึกเพียงความหนักอึ้ง..ระลึกได้ถึงความหดหู่และเงียบงันเช่นเดียวกับวันที่ทราบข่าวถึงการสูญเสียบุตรชายตนเองไป..

หรือเพราะคำถามของหลานชายที่ยังคงก้องอยู่ในสมอง เพราะนัยน์ตาสีฟ้าสดใสที่จ้องมองมายังตัวเขาไม่วางตา

    หรือจะเป็นเพราะ...ตัวเขาไม่อาจให้คำตอบได้ และมีเพียงความเงียบงัน...

รู้...รู้ดีแก่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้พังทลายลงไปแล้ว แต่ยังดึงดันกระทำ

เฟรเดริโก้รู้ตัวดีว่าที่ยังทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะอำนาจที่ปราถนา ไม่ใช่เพราะทรัพย์สินเงินทองมากมายจะมากองอยู่ตรงหน้า

แต่เป็นเพราะความสูญเสียอันบ้าคลั่งที่เขาไม่อาจจะทำใจได้ ...เพราะตนเองทำได้เพียงทุกข์ระทมอยู่เดียวดาย ขณะที่ผู้คนรอบข้างยังยิ้ม ยังหัวเราะกันได้ราวกับไม่รู้สึกผิด

เคียดแค้น ปวดร้าว ขิงชัง โกรธเคืองเสียจนไม่อาจจะทนนิ่งเฉย ต้องการทำอะไรสักอย่างให้พวกมันรู้ ให้พวกมันเห็นเสียบ้างว่าความเจ็บปวดของการสูญเสียสิ่งสำคัญของตนเองเป็นเช่นไร..

ต้องการทำลาย ต้องการล้างแค้น...แม้จะไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความสูญเสียก็ตาม..

         ท้องฟ้าที่สดใสเริ่มปรากฏเมฆหมอกเข้ามาบดบัง อย่างเชื่องช้า แสงอาทิตย์ที่เคยแผดจ้ากลับถูกบัดบังให้สายลมเย็นชายระเรื่อย อเล็กเซย์ยิ้ม ...เขายิ้มให้กับร่างของผู้เป็นลุงที่เดินเข้ามาด้านหลัง เงาร่างของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ทาบลงบดบังเงาร่างของตนให้เลือนหายไปจากสายตา..

       เสียงเรียกเข้าที่ดังมาไม่ขาดสายนับแต่เมื่อวานเงียบลงเมื่อปลายนิ้วของผู้เป็นลุงกดรับ และทาบมันลงบนใบหูของเขา

         อเล็กเซย์หลับตาลงช้าๆ ขบริมฝีปากเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงแว่วมาจากปลายสาย น้ำเสียงที่เคยคุ้น แฝงความห่วงใยนักหนา..

      " เซย์...." เสียงของพี่ชาย....และคนที่เขารักสั่นไหวเเละร้อนรนด้วยความเป็นห่วง เปรียบเสมือนน้ำเย็นๆที่ราดรดลงมาบนหัวใจที่สั่นไหวดวยความหวาดกลัวลึกๆ.. อเล็กเซย์สุดหายใจลึกและค่อยผ่อนออกอย่างเชื่องช้า เขาเงยหน้าสบตาผู้เป็นลุง ราวกับจะถาม..ว่าจะให้เขาทำเช่นไร จะให้เขาพูดอะไร

        "..........." อีกฝ่ายเพียงยิ้ม และจ้องมองอย่างไร้คำตอบใด แต่เพียงแค่นี้ อเล็กเซย์ก็รู้ และสามารถเดาถึง"ตอนจบ"ของสิ่งที่เขาเผชิญได้แล้ว..

         ...มันเคยเป็นเช่นไร ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอมา

ผลของการล้างแค้นด้วยเลือดและน้ำตา จะเกิดและจบลงเช่นไร ต่างฝ่ายก็ต่างรู้อยู่แก่ใจ รู้โดยไร้คำพูด

คำตอบมีเพียงเสียงร่ำไห้ที่ปวดร้าว และบาดแผลลึกในหัวใจ..

         "....คิดถึงจัง..." อเล็กเซย์ยิ้ม...ตอบรับเสียงของคนรักที่ละล่ำละลักด้วยความห่วงใยมาตามสาย เขาหลับตาลงฟังคำถาม ฟังน้ำเสียงแสนห่วงหา ซึมซับเอาความห่วงใยและความรักที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาตามเสียงด้วยหัวใจรวดร้าว..ปนปวดแปลบนัก

       " ฉันจะไปหา...." ถ้อยคำนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหายวับ อเล็กเซย์เปิดตาขึ้นทันควัน  เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้เป็นลุงเพียงเพื่อจะสัมผัสรอยยิ้มร้ายของอีกฝ่าย ชายหนุ่มตัวเย็นวาบ...

       ..เขามองเห็นกระบอกปืนสีดำสนิทที่อยู่ในมือของฝ่ายนั้น มันจ่ออยู่ตรงศรีษะของเขา ส่งสัญญาณไโดยไร้คำพูดให้เขาเลือกระหว่างความเป็นและความตาย
หากเอ่ยปากห้าม..หรือปริปากบอกถึงแผนการณ์หรือสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตรงนี้ออกไป ผลที่ได้รับ คงมีแต่ความตายอย่างไม่ต้องสงสัย

..แต่หากเอ่ยปากตอบรับ ให้อีกฝ่ายมาหา...แม้ความตายจะไม่มาถึง ทว่ามันก็ยังคงกางปีกบินว่อน สยายเข้าครอบคลุมตัวเขาและ...รวมถึงคนอื่นด้วย

   อเล็กเซย์ยิ้ม...นัยน์ตามองเหม่อไป ไกล มองไปยังประตูไม้โอ๊คแกะสลักงดงาม เขามองดูสัญลักษณ์ของตระกูลแล้วยิ้ม..มองกรงเล็บของอินทรี มองหยดน้ำที่สะท้อนแสงวาววับ มอง...เพียงเพื่อจะตระหนักรู้ และยอมรับในสิ่งที่ไม่อาจจะปฎิเสธได้

ต่อให้ออกปากตอบรับแล้วเขาจะไม่ตาย แต่ทว่าไม่ช้าก็ยังต้องตายอยู่ดี

..ถ้าหากชีวิตเดียวและกับชีวิตพี่น้องและคนที่เขารักได้

ถ้าหากเขาจะสามารถหยุดยั้งรอยเลือดที่จะเปื้อนลงบนสัญลักษณ์ของวาลกัส หากจะสามารถห้ามการล้างเลือดในตระกูลให้เสียหายได้น้อยกว่านี้สักนิด

...จะเป็นไรไป..

         อเล็กเซย์สบมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้เป็นลุง จ้องมองเข้าไปภายในดวงตาคู่นั้น เขายิ้ม ...ประสงค์ที่จะจับจ้องและอยากให้ลุงจดจำแววตาของเขาไปตราบชั่วชีวิต

...เสียลูกชาย เสียดวงใจของตนเองไปเพราะความขาดเขลาของตน หาใช่คนอื่น

....เสียสิ่งที่ตนพึงมีและพึงได้ เพียงเพราะความอ่อนแอของตน..แล้วยังจะหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองเพียงเพื่อจะปลิดชีพพวกเขาน่ะหรือ

       " ผมไม่ยอม...ให้มันสำเร็จหรอก "

       อเล็กเซย์แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมมือขวาที่เคยวางอยู่บนพนักเงียบๆกระชากปืนจากมือของผู้เป็นลุงอย่างรวดเร็วเกินกว่าใครจะคว้าทัน  ปลายนิ้วของเขาปลดเซฟ ขึ้นไก และเล็งมันไปยัง"ครอบครัว"ของตนเองเบื้องหน้าอย่างแน่แน่ว ...  แม้ว่าจะไม่อาจเคลื่อนไหว แม้ว่าเขายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม และ....แม้ว่าตอนนี้จะมีปลายกระบอกปืนจากบรรดาบอดี้การ์ดของผู้เป็นลุงนับสิบจับจ้องมาที่ตัวเขาก็ตาม

     " เรามาแลกกันไหม? " อเล็กเซย์จ้องมองแววตาตกตะลึงของผู้เป็นลุง เขายิ้มขื่น...ออกปากเอ่ยถึงข้อเสนอ แม้ริมฝีปากจะสั่นไหวและหัวใจร้อนระอุ...

     " ผมพร้อมจะตาย...." จ้องมองดวงตาของเฟรเดริโก้ที่ฉายแววนิ่งอึ้ง อเล็กเซย์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนล้าปนเศร้าสร้อย...ลำคอเหมือนมีก้อนเเข็งๆจุกอยู่จนน้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่นไหว.." แต่....คุณไม่ "

     "....หลานไม่กล้าหรอก ...อเล็กเซย์ " ในที่สุดเฟรเดริโก้ยิ้มออกมาบางๆ นัยน์ตาวาววับด้วยความพึงใจกับ"การต่อรอง"เบื้องหน้า

     " ..ทำไมจะไม่กล้าล่ะครับ..ผมบอกแล้วว่าผมพร้อมจะตาย ถ้าผมตายคนเดียวแลกกับชีวิตของ"ครอบครัว"ที่เหลืออยู่ จะเป็นไรไป " อเล็กเซย์ จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุงเขม็ง แม้หยาดเหงื่อจะเริ่มซึมชื้นและปลายนิ้วที่แตะไกปืนจะสั่นระริกไหว..

 ต่อให้เตรียมใจยังไง เขาก็ไม่พร้อมจะตาย ไม่เคยอยากตาย ไม่เคยคิดจะอยากจากโลกนี้ไป

...แต่..มันก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว

       " แม้กระทั่ง...ต้องจากกับคนที่รักมากที่สุดน่ะหรือ " เฟรเดริโก้ยื่นโทรศัพท์มือถือที่ยังคงต่อสายคุยกับพี่ใหญ่ของตระกูลมาชูให้เห็นในระดับสายตา อเล็กเซย์ชะงัก นัยน์ตาของเขาวูบไหว เมื่อแว่วเสียงเรียกของพี่ชายฝาแฝด ..หรือคนรักของตนที่ร้องเรียกไม่ขาดปากด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย...

อเล็กเซย์เม้มปากแน่น นัยน์ตาผ่าวร้อน..ริมฝีปากสั่นระริก..

 เขาจ้องมองแหวนทองที่ส่องประกายบนนิ้วนางของตน นึกไปถึงคนที่รักที่สุด...

...และสุดท้าย...เขากลืนก้อนเเข็งๆลงไปอย่างยากเย็น นัยน์ตาที่สั่นไหวกลับมาแน่แน่วอีกครั้ง.. ริมฝีปากบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม ราวกับเยาะหยัน

       " อย่างน้อยผมก็ได้สู้เพื่อคนที่รัก....ดีกว่าคนขี้ขลาดที่ทำอะไรไม่ได้และต้องมาเสียใจทีหลัง "

      "........."

      " ผมไม่ยอมให้มันเป็นไปตามที่คุณคิดหรอก..."

            เฟรเดริโก้ชะงัก บอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่มีสีหน้าลังเล...ไหวหวั่นเพียงชั่วครู่   ก่อนจะกดปุ่มเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้ได้ยินเสียงอันร้อนรนของอเล็กซิส วาลกัสดังลั่นมาตามสาย..

       "...เซย์....อย่า....ฉันขอร้อง...อย่าทำแบบนี้ " น้ำเสียงคล้ายจะร่ำไห้ของฝาแฝด ทำให้อเล็กเซย์หลุดเสียงสะอื้นอย่างอดรนทนไม่ไหว นัยน์ตาที่ร้อนผ่าวมีน้ำใสเอ่อคลอ ...หากเขาก็ยังคงเล็งปืนไปที่ลุงของตนอย่างไม่ยอมลดละ..และสบตาคู่นั้นอย่างแน่แน่วผ่านม่านน้ำตาของตน..

        " บอกลาสิ..." เฟรเดริโก้กระซิบ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ยังคงยืนนิ่งให้ตกเป็นเป้าสังหารอย่างไม่ยอมเคลื่อนไหว ไม่ได้ประมาทหรือท้าทาย...หากเขากำลังวัดใจ...เสี่ยงท้าทายกับบุรุษเบื้องหน้า..

...หากเราจะต้องฆ่าฟัน...หากเราจะต้องหลั่งเลือดกันจริงๆ..

หาก...ชีวิต จะต้องจบลงเพียงเท่านี้..

  ชะตากรรมของมาเฟียที่ทำแต่เรื่องเลวร้าย ชะตากรรมของชายผู้ยืนอยู่บนกองเลือดและซากศพ

ไม่ตายเพราะคนรักหักหลัง ก็ตายเพราะคนใกล้ตัวทรยศทั้งนั้น...

    อเล็กเซย์จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุงท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าอีกครั้ง...เขากลืนน้ำลายลงคออย่างขมขื่น ความรวดร้าวและความเจ็บปวดปนเวทนาแล่นวาบขึ้นมาในใจ..ยามมองดวงตาคู่นั้น สบมองแววตารวดร้าว แข็งกร้าวหากแต่ก็แห้งผากราวกับไร้ชีวิตจิตใจ..

        "เซย์...." เสียงสั่นไหวของคนรักดังแว่วมาราวกับฝ่ายนั้นจะขาดใจ ..น้ำเสียง ...ที่แสนรักและเคยคุ้น ..สิ่งนั้นเองทำให้อเล็กเซย์ปิดตาลง
เขาแตะปลายนิ้วลงบนไกปืน......และ....ค่อยๆออกแรงเหนี่ยวไกอย่างเชื่องช้า

         "....Arrivederci....cara mia ...."


ปัง !!!

    ...น้ำใสๆหยดหนึ่งค่อยร่วงรินจากผิวแก้มลงสู่พื้นพรม รอยเลือดและน้ำตาสาดกระเซ็นไปต้องสัญลักษณ์รูปเหยี่ยวกางปีกคีบเถาองุ่น ดวงตาของเจ้าเวหานั้นวาววับ...หยดเลือดที่สาดกระเซ็นค่อยไหลอาบ ราวกับมันกำลังร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด..

   ..เลือดของผู้คนที่เดินอยู่บนทางแห่งบาปและความผิด...เลือด...และคำสาปที่วนกลับมาที่เดิมอีกครา..

  ..ผู้ที่มีสายเลือดของมาเฟีย...จะต้องฆ่าฟันรบรากันในตระกูลอยู่ร่ำไป ไม่อาจหลีกพ้น

..........


...Arrivederci....cara mia...


ลาก่อน...ที่รักของฉัน.

ลาก่อน..

     คำๆนั้นก้องสะท้อนอยุ่ในโสตประสาทกังวานอยู่ในสมองและความทรงจำอย่างไม่จางหาย..

ริมฝีปากสั่นระริกอ้าค้าง ดวงตาเบิกกว้าง..

โลกทั้งโลกเหมือนจะดับลง ...วูบสลาย..

เสียงปืนลั่นยังคงก้องอยู่ในสมอง บ่งบอกความจริงที่ไม่ว่าเช่นไรก็ไม่อาจจะหลีกพ้น..

  เสียงสัญญาณที่ขาดหายยังคงดังก้องสะท้อนไปมามือซ้ายที่กำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น สั่นระริก สะท้านไปทั้งตัวด้วยความหวาดหวั่นและความสิ้นหวังที่สาดซัดเข้ามาไม่หยุดหย่อน

     อเล็กซิส วาลกัส ซบหน้าลงกับโต๊ะไม้สีเข้ม  เขาจ้องมองใบหน้า รอยยิ้ม และรูปถ่ายของตัวเขาและคนรักด้วยสีหน้าราวกับจะขาดใจ  ร่างกายทรุดลงราวกับสิ้นแรงภายในห้องทำงานกว้างใหญ่เงียบสนิท..ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง

เนิ่นนาน...เสียงสะอื้นแผ่วค่อยราวกับสิ้นหวังจึงค่อยเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม..

      "...อเล็กเซย์....."

อเล็กเซย์..

...ไม่มีแล้ว..รอยยิ้มที่แสนคุ้นตา

..ไม่มีแล้ว..เสียงหัวเราะที่แสนรัก...กำลังใจ...ความหมายและครึ่งหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่

จากไปแล้ว...หมดไปแล้ว ไม่มีอีกแล้ว..


เพล้ง !!

   กรอบรูปใบใหญ่ที่มีภาพของทุกคนในครอบครัวถูกเขวี้ยงกระแทกผนังห้องอย่างรุนแรงจนกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ นัยน์ตาของผู้กระทำแดงก่ำวาววับราวกับจะขาดใจ ฝ่ามือทั้งสองกำแน่นจนขึ้นข้อขาว นิ้วนางข้างซ้ายยังคงมีแหวนสีทองวาววับอยู่บนข้อนิ้ว...

   อเล็กซิสทรุดตัวร่ำไห้ราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความปวดร้าวที่เข้ามาฉีกกระชากวิญญาณให้แหลกสลาย ฝ่ามือทั้งสองข้างทึ้งเส้นผมสีทองสลวยแรงๆราวกับจะให้ความปวดร้าวนี้ฉุดกระชากตนเองให้ตื่นขึ้นมาจากฝัน ให้ออกจากฝันร้ายนี้ไปยังความจริงที่มีคนรักอยุ่เคียงข้าง

  ...ทว่าก็รู้ รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความฝัน  และความจริงที่สาดซัดราวกับลูกกระสุนกระหน่ำนี้ก็ทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ..


        " ทำไม..."

    ทำไมต้องจากฉันไป..

ทำไม....ถึงต้องทำร้าย ทำไมทุกอย่างต้องกลายเป็นแบบนี้..

ทำไมคนที่สนิทชิดเชื้อ คนที่รักใคร่นับถือ คนที่ผูกพันและถือเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงได้ทำร้าย...จึงได้ลงมือฆ่ากันอย่างง่ายดาย..เลือดเย็น

..จะฆ่าก็ฆ่าเขา จะทรมารก็ทำกับเขา ทำไมต้องทำกับคนที่เขารักด้วย

เศษกระจกที่แตกเกลื่อนสะท้อนเข้ากับนัยน์ตาแดงก่ำที่วาววับ อเล็กซิสก้มตัวหยิบกรอบรูปที่แตกกระจายออกมาจากเศษกระจกที่ตกเกลื่อน ก้มมองภาพ"ครอบครัว"ด้วยหัวใจร้อนผ่าว ปวดร้าวราวกับจะแดดิ้น..

แควก !

     รูปถ่ายสีสวยถูกฉีกกระชากจนขาดผึง ราวกับจะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันกลับไปเป็นเช่นเดิม  พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสจ้องมองรอยยิ้มของคนรักในรูปอย่างหวนอาลัย และจ้องมองรอยยิ้มของชายอีกคนในรูปด้วยแววตาเหี้ยมลึก... อเล็กซิสแสยะยิ้มมุมปาก เขาลุกขึ้นยืนช้าๆนัยน์ตาที่เคยสั่นไหวและเต็มไปด้วยความรวดร้าว...เเปรเปลี่ยนเป็นกร้าวแข็ง...

   ชายหนุ่มกดโทรศัพท์โทรออกไปที่เบอร์เดิมอีกครา เสียงรอสายดังขึ้นไม่กี่ครั้งก็มีคนรับ อเล็กซิสสูดหายใจลึก ไม่คิดจะสนใจว่าใครเป็นคนรับ และไม่สนใจ ว่าเฟรเดริโก้จะตายหรือเป็น

     "  Io ti ucciderà!! "

         เขาคำรามเสียงเหี้ยมแล้วกดวางสาย แสยะยิ้มแม้ในใจจะร้อนผ่าวและระทมทุกข์ หากแต่ความเคียดแค้นชิงชังที่ไม่เคยคิดว่าจะมีต่อหนึ่งใน"ครอบครัว"กลับปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

      Io ti ucciderà..

..ฉันจะฆ่าแก...

...เขาจะเป็นคนฆ่ามันด้วยตัวเอง..จะเป็นคนมอบความตายให้มัน เช่นเดียวกับที่มันเคยมอบให้กับคนที่เขารักที่สุด..

นี่คือการประกาศสงคราม

...ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ต่างฝ่ายต่างก็สูญเสียคนสำคัญ เสียเหตุผลในการมีชีวิตต่อไปแล้ว

เหลือเพียงความเคียดแค้น ชิงชังที่ปะทุเป็นเชื้อไฟในการดำรงชีวิต..

ไม่มีแล้ว ครอบครัว...

ไม่มีแล้ว คำว่า"ครอบครัวเดียวกัน" ไม่มีแล้ว...ผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวเขารักและนับถือ..

ทุกสิ่งแหลกสลาย...ทุกอย่างพังทลายลงไปในพริบตา

....สงครามในครอบครัว การล้างแค้น ล้างเลือดในตระกูล ที่พ่อของเขาเคยขอร้องให้มันจบลง "คำสาป"ร้ายกาจที่ไม่มีผู้ใดอยากให้มันเกิดขึ้น ฝันร้ายนั้นกำลังหวนคืนกลับมาอีกครั้ง

และครั้งนี้ เขาจะไม่มีวันอ่อนข้อให้มันอีกต่อไป !!!


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr   

    เสียงเรียกเข้าดังขึ้นแหวกความเงียบดังขึ้นไม่หยุดเสียจนชายหนุ่มผู้จดจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ต้องหันไปมองมันด้วยความรำคาญกึ่งๆโมโห ปลายนิ้วสีขาวยกขึ้นลูบกระบอกตาที่ปวดรุมของตนเอง มองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสามครึ่งแล้วสถบงึมงัม ท้ายที่สุดก็จำต้องถอดแว่นกรอบใสที่ตนเองสวมใส่และลุกขึ้นมาเปิดไฟพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือมากดรับสายอย่างเสียไม่ได้

     เพราะนั่งตรงหน้าคอมพิวเตอร์ทำงานคร่ำเคร่งจดจ่อมาทั้งคืนประกอบกับถอดแว่นสายตาออกไปชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเบื้องหน้าจึงเบลอพร่า จนไม่คิดจะอ่านว่าเป็นใคร คาเนโร่ วาลกัส อ้าปากหาวหวอดด้วยความง่วงงุน ตรงดิ่งไปที่ตู้เย็นมือก็ควานหาน้ำอัดลมเย็นๆมากินให้สดชื่น เขาหยิบโค้กออกมาและกดรับสาย

       " ใครครับ?  " คาร์โลอ้าปากขานรับ

        " ฉันเอง " อยากจะถามกลับว่าฉันไหน แต่น้ำเสียงที่เคยคุ้นนั้นทำให้นึกออกไม่ยาก ขวดน้ำอัดลมที่ยกมาจ่อริมฝีปากเลยละออกทันที คาร์โลถอนใจเฮือก มองนาฬิกาแล้วเริ่มคำนวนเวลาอีกครั้ง...

       " มีอะไรอีก...ข้อมูลที่อยากได้ก็ส่งไปให้พี่แล้วไม่ใช่เหรอ ? จะโทรมาทั้งทีก็ดูเวลาซะบ้าง ที่โน่นมันสิบโมงเช้า แต่ที่นี่น่ะมันตีสาม ! "บ่นใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทั้งที่เอาเข้าจริงตัวเองก็ยังไม่นอนแท้ๆ

       " มีเรื่อง...."น้ำเสียงของพี่ชายคนโตนิ่งงันและเคร่งขรึม ที่ถูกต่อว่าไปเมื่อครุ่ก็ไม่โกรธ..ผิดปกติในขั้นมากพอดู คาร์โลขมวดคิ้ว.. เดินไปหยิบแว่นที่ถอดทิ้งไว้มาสวม

        "...อเล็กเซย์อยู่ไหน? " คาร์โลถามเสียงห้วนรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆเพราะเรื่องที่ทำให้พี่ชายคนโตของเขาโทรมาหาและมีน้ำเสียงแบบนี้มีเพียงสองอย่าง นั่นคือเรื่องงานและเรื่องฝาแฝดของตน

..ในเมื่อ"งาน"ที่ทำให้พี่ชายหนักใจเขาก็ทำให้แล้ว...จะเหลือสาเหตุอะไรอีก..ถ้าไม่ใช่...

         "..........."

        " เงียบทำไม? ตอบผมมา ! " ยิ่งอีกฝั่งเงียบไปหัวใจยิ่งเต้นระทึก คาร์โลรู้สึกปวดหัวจี๊ดและเขาก็เริ่มเดินว่อน " โถ่เว๊ย !!อเล็กเซย์อยุ่ไหน ?มีอะไรก็พูดมาเซ่ !! "

        "....อเล็กเซย์....." คำตอบที่ได้นิ่งเรียบ  หากประโยคต่อมากลับทำให้ลมหายใจขาดหาย.." ..ถูก...กำจัด."

        "...อะไรนะ.."  คาร์โลเบิกตากว้าง ร้องเสียงหลง เขาใจหายวาบหากแต่ก็พยายามหัวเราะและบอกว่ามันเป็นแค่โจ๊กขำขัน " หมายความว่ายังไง? ...ใครมันจะกล้าทำ พี่....."

         "....หึ...ใคร....แกก็รู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรือ ?. "เสียงหัวเราะเย็นๆของพี่ชายทำให้คาร์โลขมวดคิ้วแน่น " เพราะไม่เชื่อคำเตือนของแกเลยเป็นแบบนี้..แกเป็นคนบอกเองนี่คาร์โล แกเป็นคนพูดเอง......."

         " ...แล้วทำไม...ทำไมพี่ไม่ดูแล ทำไมปล่อยให้มันกลายเป็นแบบนี้  !! " คาร์โลตวาดลั่นชายหนุ่มส่ายหน้ารุนแรงราวกับรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันรวดเร็วและโหดร้ายเกินไป...เกินกว่าจะรับไหว... นี่มันอะไรกัน?

         " แกจะด่า จะประณามฉัน จะฆ่าฉันก็ได้..." น้ำเสียงเจือขื่นขมของพี่ชาย ทำให้ความโมโหและความไม่พึงใจของคาร์โลหยุดชะงัก.. "แกจะทำอะไรฉันก็ตามใจ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ "

        " เราถูกทรยศ...คาร์โล..."คำตอบที่ได้นั้นทำให้คนฟังยิ่งงวยงง " ถูกทรยศ เฟรเดริโก้ วาลกัส เป็นคนสั่งฆ่าน้องชายแก และ...เป็นคนพรากอเล็กเซย์ไปจากฉัน.. เขาวางแผนเพื่อฆ่าเราทุกคน....."

        " อะไร....นะ ? "คาร์โลครางออกมาเบาๆอย่างงวยงง ตัวเขาระแวงผู้เป็นลุงก็จริง เขาเคยเอ่ยเตือนให้ทุกคนระวังเฟรเดริโก็ วาลกัส ก็จริง แต่ทว่าเขาก็ไม่เคยคิดว่าลุงจะวางแผนอะไรแบบนี้เขาแค่คิด...ว่าลุงจะวางแผนพรากพี่ชายของเขาออกจากกันเพื่อให้อเล็กซิสเป็นบอสของแกงค์...แล้วนี่ ....มันอะไร?

        " ได้ยินแล้วนี่..."เสียงแข็งกร้าวและเจือแววอมหิตของพี่ชาย...อเล็กซิสพี่ชายที่เก่งกาจและเข้มเเข็งคนนั้นทำให้คาร์เนโร่รู้สึกหนาวสันหลังเยือก "กลับมา..."

          " อะไรนะ.. " คาร์โลครางเสียงสั่น...

         " ...กลับมาที่บ้าน  กลับมาแก้แค้น...ให้กับคนที่เรารัก.... "

         "........."

         " นี่เป็นคำสั่งของฉัน"


ตื้ด...ตื้ด.....ตื้ด...



         เสียงสัญญาณที่ถูกตัดไปยังดังก้องอยุ่ในสมอง กระป๋องโค้กที่อยู่ในมือถูกบีบแน่น...จนน้ำสีดำส่งเสียงซู่ซ่าไหลทะลักออกมาจากฝาเปิด นัยน์ตาสีเขียวสดจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ที่ยังคงส่องแสงจ้าท่ามกลางกองเอกสารมากมายและความมืดรอบกาย คาร์เนโร่ วาลกัส เพ่งมองสีสันของแสงไฟอันเลือนรางของมหานครนิวยอร์คผ่านม่านสีทึบเข้ม ก้อนเเข็งๆจุกแน่นในลำคอเสียจนแทบหายใจไม่ออก

....คาร์โลนึกถึงพี่ชายคนรองที่เขาสนิทสนมนักหนา...นึกถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของฝ่ายนั้น..และ นึกถึงน้องชายคนสุดท้อง..ผู้มีรอยยิ้มยียวนน่าหมั่นไส้และนัยน์ตาแสนเจ้าเล่ห์วาววับ..

...และสุดท้าย เขานึกไปถึงผู้เป็นลุงที่ตนนึกระแวง...ผู้ชายที่สนิทสนมและคุ้นเคยกันดีคนนั้น...

    กระป๋องโค้กตกลงบนผืนพรมสีอ่อน พร้อมๆกับน้ำที่ล้นทะลักออกมาจากกระป๋อง นัยน์ตาสีน้ำตาลวาววับด้วยหยดน้ำตาที่ค่อยซึมชื้น ฝ่ามือตกลงข้างกายกำแน่น...สั่นระริก

   คาร์โลเม้มปากแน่น ถอนหายใจเคร่งเครียด ปลายนิ้วเกี่ยวเอาแว่นสายตาที่สวมอยู่มาถือไว้ในมือ เขาแสยะยิ้ม..ก่อนจะปามันลงพื้นโดยแรง

หมดทางจะหนี...ไม่อาจจะยื้อและซื้อเวลาต่อไปจากนี้ได้

ต่อให้มีความฝัน ต่อให้มีสิ่งอื่นที่ต้องการ ต่อให้หันหลังและก้าวเท้าเดินจากที่ตรงนั้นมา...ที่สุดแล้วก็ไม่อาจหลบพ้น..

...แก้เเค้นเพื่อพี่ชายและน้องชายที่รัก ...

คาร์โลคำรามในใจ เขาเดินตรงไปที่คอมพิวเตอร์ มองเอกสารที่กองเกลื่อน และหน้าจอที่ยังคงส่องแสงวาบ..

     ชายหนุ่มปัดเอกสารทั้งหลายลงบนพื้นและกระชากปลั๊กคอมพิวเตอร์ออกจากเต้าเสียบอย่างไม่แยแส ฟังเสียงเครื่องสำรองไฟร้องเตือนเพียงไม่กี่ครั้งก็เตะให้มันเงียบเสียงลง คาร์โลเอื้อมมือหยิบกระบอกปืนสีดำสนิทที่อยู่ใต้ลิ้นชัก เหวี่ยงกระเป๋าเดินทางให้เปิดออกและโยนสัมภาระของตนใส่ลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงยี่สิบนาทีเขาก็ก้าวออกจากห้อง ไม่เหลียวไปสนใจเอกสารรายงานหรืองานสำคัญที่ตนกำลังทำอยู่อีกต่อไป

....เพราะยามนี้...ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับ”ครอบครัว”อีกแล้ว


..............................
 

    เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นและก้องสะท้อนภายในห้องขังที่เงียบเชียบทำให้ดวงตาที่หรี่ปรือของราฟาเอลโร่ค่อยปรือเปิดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มครางเบาๆในลำคอ นัยน์ตาปวดระบมและเจ็บร้าวไปทั้งร่าง ดวงตาที่หรี่ปรือด้วยอาการปวดบวมจากรอยหมัดและฝ่าเท้าค่อยเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ..ขมวดคิ้วที่แตกเป็นแผลเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่เคยคุ้น...ของคนที่ตัวเขาเกลียดชัง

     รอยยิ้มและสีหน้าเยาะหยันที่ปรากฏบนใบหน้าของมันทำให้ราฟาเอลโร่นึกกังขา เพราะตนยังจำได้ดี เมื่อครั้งที่มันวิ่งพรวดพราดเข้ามาหา ระบายอารมณ์โกรธโกรธาอย่างบ้าคลั่งด้วยใบหน้าสิ้นหวังไร้กำลัง...และ...ผ่านไปเพียงไม่กี่วันมันก็กลับมายิ้มเยาะเย้ยหยัดตัวเขาต่อไปได้แล้วหรือ?

     หรือเพราะ....ใครบางคนที่เดินตามมาด้านหลัง ผู้ชายคนหนึ่งที่มองมันด้วยแววตาอ่อนโยน คนที่มันหันไปยิ้มและคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนม..

รึ...เรื่องที่นำมาล้อเลียน ดูถูกมันจะเป็นจริง?

       " หวัดดีราฟาเอลโร่ ...อือ...ลากมันมาด้วยนั่นล่ะ " มันเอ่ยปากทักด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะหันไปบอกทหารให้นำไอ้โง่ที่ร่วมขบวนการอีกคนมาด้วย ราฟาเอลโร่มองสภาพของมันแล้วยิ้มออกมาอย่างสมเพช...ร่างกายที่บอบช้ำเต็มไปด้วยรอยแผลสารพัด และรอยเลือดสดใหม่ที่เกิดบนแขนขวาก็ยังคงมีรอยซึมชื้นสีแดงสด บ่งบอกให้รู้ว่ามันเจอกับอะไร

     คิดพลางมองเสี้ยวหน้าของผู้นำประเทศแห่งนี้อย่างครุ่นคิด...เพราะราฟาเอลโร่ได้ยินฝ่ายนั้นบอกกับเจ้าคนที่เขาเกลียดว่าไม่ชอบใช้ความรุนแรง ไม่อนุญาตให้ใช้กำลังในการสอบสวน..ประกอบกับข้อมูลที่ว่าชายคนนี้อ่อนแอนักหนาทำให้ตนนึกย่ามใจว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าใครจะคิด คนที่ออกปากเช่นนั้นกลับเป็นฝ่ายสอบสวนฟิลิเป้ด้วยตัวเองและทำให้มาเฟียโรคจิตเช่นฟิลิเป้ถึงกับคร่ำครวญด้วยความหวาดหวั่น.. ต่อให้ไม่อาจรับรู้ว่าการสอบสวนนั้นใช้วิธีไหน ทว่าเสียงครางด้วยความเจ็บปวดก็บ่งบอกอะไรได้มากพอ

       นัยน์ตาสีดำสนิทคมปลาบคู่นั้นตวัดมามองราวกับรู้ว่าถูกจ้อง มันเป็นประกายวาบและกร้าวเเข็งเสียจนราฟาเอลโร่สะดุ้ง ..ทว่าเพียงเจ้าคนที่เขาเกลียดนักหันมาหา ดวงตาคู่นั้นกลับอ่อนละมุนลงอย่างรวดเร็ว

..ปฏิกริยาเช่นนั้นทำให้ราฟาเอลโร่ต้องเก็บงำความคิด...

        "...โห...คุณก็เล่นไปไม่เบานี่ แล้วไหนมาว่าไม่ให้ผมใช่ความรุนแรงปาวๆ " คาวัลโลออกปากเย้าเมื่อมองเห็นสภาพฟิลิเป้เต็มตา กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะโกรธเคืองอะไร มาเฟียหนุ่มหัวเราะหึหึด้วยท่าทีพึงพอใจเมื่อมองเห็นสภาพย่อยยับเข้าตาจนของฟิลิเป้ แสยะยิ้มมองรอยแผลที่แขนมันแล้วมองรอยแผลบนมือของตนเองบ้าง แผลของเขากำลังจะหาย แต่ของฟิลิเป้มันคงจะยังปวดบวมและไม่อาจสมานง่ายๆ...ดูแล้วสาแก่ใจดีแท้

       "....ผมก็แค่......เล่นมากไปหน่อย "ฟังคำแก้ตัวที่ไม่ใช่กระทั่งคำขอโทษแล้วคาวัลโลก็หัวเราะพรืด เขารับเก้าอี้จากฮาซานมายื่นให้อีกฝ่าย และตัวเขาก็นั่งลงข้างๆไขว้เท้ากอดอกจ้องมองพวกมันอย่างเหนือกว่าด้วยความพึงพอใจอย่างเด่นชัด

      หลังจากปรึกษากันว่าจะไปจารเซและคาวัลโลก็รับปากจะช่วยวางแผนรับมือกับพวกมาเฟียที่เข้ามาก่อกวน ทั้งสองก็ตัดสินใจจะสะสางปัญหาที่ค้างคาอยู่ ปัญหาแรกที่ใหญ่สุด คงไม่พ้นชายหนุ่มผุ้บุกรุกสองคน ที่ต่างก็เป็นทายาทของมาเฟียตระกูลดังทั้งสิ้น..

         " เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันดีกว่า " คาวัลโลฉีกยิ้ม...หาแววตาแฝงความโหดเหี้ยม จ้องมองชายหนุ่มทั้งสองตรงหน้าไม่กระพริบ " ราฟาเอลโร่และฟิลิเป้...บอกมา ว่าพรรคพวกของแกที่รออยู่ข้างนอก มีเท่าไหร่? "

         ".....ทำไมต้องพูด ? " คนถามยังคงเป็นราฟาเอลโร่ที่ปากมันช่างหาเรื่องจนอยากหาอะไรมายัดนัก มาเฟียหนุ่มกลอกตาระอา ก่อนจะสะดุดกับนัยน์ตาที่วาววับของอีกหนึ่งมาเฟียตรงหน้า

         " แล้วแกล่ะ ฟิลิเป้...คิดอยากจะพูดอะไรไหม? " เพราะสีหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างของอีกฝ่ายทำให้คาวัลโลนึกสงสัย จึงอ้าปากถาม

         "...คุณมากับไอ้หมอนี่งั้นเหรอคาวัลโล...." ประโยคคำพุดนั้นประกอบกับแววตาที่ยังคงจ้องเขาอย่างบ่งชัดถึงความต้องการทำให้คาวัลโลขนลุกวาบนึกอยากเอาหัวโขกเข้ากับอกอัลชาอ์ที่รักสักที(จะโขกพื้นไปทำไมให้เจ็บ) คนหนึ่งก็ปากหมาและยอกย้อนชวนโมโห แต่กับอีกคนดั๊น...คอยแต่วกมาประเด็นนี้อยู่เรื่อย

          " แล้วไง ฉันจะมากับใคร เกี่ยวอะไรกับแก " มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยิ้มแสยะ " รึว่า....จะให้อัลชาอ์สอบสวนแกต่ออีกซักยกดีนะ "

          "........" ฟิลิเป้ไม่ตอบคำหากร่างของมาเฟียหนุ่มสะดุ้งพรวด นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างขึ้นอย่างลืมตัว และกริยานั้นก็ไม่อาจจะเล็ดรอดสายตาของคาวัลโลไปได้ เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างพึงใจ

          " แหม..ดูท่าฟิลิเป้จะชอบนี่...รึว่ากำลังนึกขอบคุณ...ที่คุณเพิ่มรอยสักเท่ห์ๆให้เขากัน ?" คาวัลโลเลิกคิ้วถามชีคหนุ่ม อัลชาอ์ฟังแล้วร้องหึในลำคออย่างพึงใจ ใบหน้าระบายยิ้มหยัน เมื่อมองไปยัง"รอยสัก"รอยใหม่ของมาเฟียหนุ่ม...   
 
    ร่องรอยของเหล็กร้อนๆขนาดเล็กเป็นจุดกลมๆกว้างไม่ถึงเซนติเมตรปรากฏบนหลังมือซีดขาว มองจากรูปพรรณสันฐานของร่องรอยแล้ว คงไม่แคล้วมาจากวัตถุที่ทำจากเหล็กขนาดเล็กเช่น หัวตะปูที่เผากับไฟจนร้อนจัดแล้วแนบเข้ากับหลังมือกร้านของฝ่ายนั้นจนกลายเป็นรอยแผลสีจัด...

          " ดีแค่ไหนแล้ว...ที่มันไม่ทะลุเส้นเอ็นแกให้กลายเป็นคนพิการ !! " คาวัลโลดวงตาวาววับ คำรามในลำคออย่างชั่วร้าย ยามนึกถึงสิ่งที่ตนเคยถูกกระทำและความเจ็บปวดบนฝ่ามือที่ยังคงตราตรึง

          "......." ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งเสียงเยาะในลำคอเบาๆขณะที่ดวงตาจ้องมองฟิลิเป้ เรกาโซ่ คนนั้นอย่างหมายมาด

      ....มันเคยทำอะไรไว้ ก็ย่อมได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกัน

เคยเอามีดมากรีดเนื้อเถือหนัง เคยเอาตะปูมาตอกลงบนฝ่ามือของคนที่เขารัก...มันก็ต้องได้รับสิ่งนั้นตอบแทนเช่นนั้น กล้าแตะต้องคนที่ตนเฝ้าถนอม กล้าทำร้ายคนที่อัลชาอ์รักสุดหัวใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ให้อภัยไม่ได้ !

   และแน่นอน...มันจะต้องเจ็บปวดมากกว่านัก....มากกว่าที่คาวัลโลเจอนับร้อยเท่าพันทวี !

         " แต่เป็นคนพิการก็ดีนะ ฉันคิดว่าครอบครัวของแกคงไม่รังเกียจ เพราะยังไงก็"เคยชิน"อยุ่แล้วนี่ " มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มร้าย และเนื้อประโยคนั้นก็หันไปวกกัดราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ ผู้ที่นั่งเงียบอยู่ได้อย่างรวดเร็ว

         คนฟังชะงัก หากนัยน์ตายังคงวาววับ  " ก็คงดีกว่าครอบครัวของคุณที่ถนัดรับมือกับพวกวิปริตผิดธรรมชาติก็แล้วกัน "

         "............" คาวัลโลกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ คงจะตะโกนสวนออกไปด้วยความโมโหแล้วหากอัลชาอ์ไม่รั้งแขนไว้  ชีคหนุ่มดันร่างคนรักให้นั่งลงเงียบๆ ก่อนนัยน์ตาจะกราดมองนักโทษทั้งสองนาย...ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงลมหายใจของคุกหลวงใต้พระราชวังอันงดงาม

          " ผมให้โอกาสสุดท้าย...ถ้าไม่ตอบ จะหาว่าเราใจร้ายไม่ได้ ในเมื่อคนของคุณมาหาเรื่องเราก่อน "  นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองมาเฟียสัญชาติอิตาเลียนสองนายเขม็ง " ผมเคยบอกไว้ว่าจะไม่ฆ่า ...แต่ถ้าพวกคุณยังจะเอาประชาชนของผมเป็นตัวประกัน...การจับพวกนอกรีตสักคนสองคนแขวนคอประจานกลางเมืองก็ไม่ได้เป็นอะไรแปลกประหลาดสำหรับที่นี่หรอกนะ "

           "......." ถ้อยคำที่ได้รับทำให้สองมาเฟียใจหายวาบ ราฟาเอลโร่เม้มปากแน่น หันไปจ้องสบตาฟิลิเป้อย่างขอความเห็นเงียบๆ ทว่ามาเฟียหนุ่มก็เป็นฝ่ายต้องสถบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อพบว่าเจ้านั่นมันกำลังจ้องคาวัลโลและชีคคนนั้นเขม็งด้วยแววตากร้าวด้วยความไม่พึงใจ..

..ดวงตาที่วาววับและหมายมาด จ้องมองของที่อยากได้ด้วยความอยากไม่มีที่สิ้นสุด..

          " ....คุณเป็นของผม คาวัลโล...อย่าคิด....ว่าจะหนีผมไปไหนได้..." แค่นี้สถานะของตัวเองยังย่ำแย่ไม่พอสินะ ฟิลิเป้มันถึงได้อ้าปากพูดเรื่องโง่ๆขึ้นมาอีก มันอ้าปากพุดออกมาทั้งที่ตัวเองอยุ่ในสภาพนักโทษสะบักสะบอม...อาจหาญกล้าเอ่ยปากกับคนที่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายให้ตัวเอง....โง่เง่านัก

...ราฟาเอลจ้อมองมันอย่างไม่พอใจ หวังจะให้มันรู้ตัว แต่คงสายไปสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นหัวเขาและมองตนไปมากกว่าคำว่าทาสรับใช้ 

    "...  ต่อให้ครั้งนี้คุณจะรอด แต่ร่องรอยที่ผมประทับไว้บนตัวคุณนะจะไม่มีวันจางหาย....คาวัลโล..."


ผลั่วะ !!!

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

         ไม่ต้องให้ถึงคราวคาวัลโลลุกไปกระชากคอฟิลิเป้มาด่าแล้วกระทืบให้หนำใจ เพราะฝ่าเท้าของอัลชาอ์จัดการเก็บเจ้าคนปากดีนั้นอย่างรวดเร็วจนร่างของมันล้มลงกับพื้น กระอักกระไอออกมาเป็นเลือดสีเข้มหยดลงบนพื้นซีเมนต์  ชีคหนุ่มแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ออกปากสั่งการฮาซานเป็นภาษาอารบิกสั้นๆที่ฝ่ายนั้นรับคำแล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว

          " ตกลงว่ายืนยันจะไม่พูดสินะ " น้ำเสียงของชีคหนุ่มที่เปล่งออกมาห้วนกระด้างจนคนฟังชักสีหน้าเหย คาวัลโลจ้องมองคนรักในมาดโหดด้วยสายตาตกตะลึงปนทึ่ง...ก็นะ....ปกติจะเจอแต่อัลชาอ์โหมดคนปกติบ้างอะไรบ้าง ต่อให้เจอกับท่านชีคตอนอารมณ์เสีย อีกฝ่ายก็ยังไม่มีท่าทีเช่นนี้...นี่มันอัลชาอ์เวอร์ชั่นโหดที่เขาไม่เคยเห็น...ดูแล้วน่าประทับใจเป็นบ้า...

           " ...ผมบอกไปแล้วไงเรื่องนายทหาร จะให้เราพูดอะไรอีก ! "ราฟาเอลโร่รีบสวนขึ้นมาทันควัน อย่างไม่ยอมให้ตัวเขาเป็นฝ่ายถูกต้อนให้จนมุม

           " ...ข้อมูลแค่นั้นให้ใครหาก็เจอ...ให้ใครพูดก็ได้ "  อัลชาอ์ยกมุมปากขึ้นช้าๆ จ้องมองดวงตาสีอ่อนจางของมาเฟียเบื้องหน้าอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

           " แล้วจะเอาอะไรอีก ? " ราฟาเอลโร่ถามกลับสั้นๆ มาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด....มองชีคหนุ่มเบื้องหน้า สมองใคร่ครวญอย่างหนักหน่วง..

           " ...คุณก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือ " อัลชาอ์ตอบสั้น นัยน์ตาสีเข้มปราดมองประตูห้องขัง บัดนี้ร่างของฮาซานองครักษ์หนุ่มคนสนิทก้าวเข้ามาพร้อมกับนายทหารอีกสี่คนเดินเข้ามาด้านใน ในมือองครักษ์หนุ่มมีมีดสั้นลักษณะรูปเล่มโค้งงอน ปลายหยักแหลม ตัวปลอกและด้ามจับประดับอัญมณีและถมทองจนวาววับทั้งอัน คาวัลโลมองมันอย่างสนอกสนใจ เขาหันไปมองหน้าอัลชาอ์อย่างสงสัย หากเพียงฝ่ายนั้นหันมายิ้มให้ มาเฟียหนุ่มก็ร้องอ้า หัวเราะชอบใจ..นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ...

           "...คน...กำลังพล....อาวุธ...ผู้สนับสนุน ผู้ติดต่อ...และ...ผู้บงการ " ชีคหนุ่มเอ่ยช้าๆ สบมองนัยน์ตาของนักโทษสองรายเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็น " หนึ่งคำตอบแลกกับชิ้นส่วนหนึ่งชิ้นดีไหม?...แบบที่พวกคุณชอบทำกันไงล่ะ "

       ประกายวาววับบ่งบอกความคมของกริชโค้งรูปจันทร์เสี้ยวที่ถูกชักออกมาจากฝักสะท้อนภายใต้แววตาระแวงปนหวาดหวั่นของนักโทษทั้งสอง  คาวัลโลยิ้มออกมาด้วยความพึงใจอย่างเป็นที่สุดเมื่อได้มองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวถอดสี ของสองมาเฟียคู่อริ...น่าสมเพชเสียจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ดูยามเบื่อนัก...

     คิดพลางมองใบหน้าด้านข้างของคนรักที่ฉายแววเหี้ยมเกรียม....ถึงจะมองแล้วแอบเคลิ้มแต่คาวัลโลก็ต้องแอบสัญญากับตัวเองเงียบๆแล้ว ว่าคราวต่อไปหากคิดจะหาเรื่องอัลชาอ์ จะต้องทบทวนดูหนึ่งรอบเป็นอย่างต่ำ

              "...พวกเราที่ถูกขังอยู่ในนี้ จะรู้ได้ยังไง !!" ฟิลิเป้เอ่ยเสียงห้วน พลันมาเฟียหนุ่มก็หัวเราะเสียงแผ่ว " หรือหาข้อมูลอะไรไม่ได้แล้วถึงต้องมาเค้นเอากับเรา...ไหนว่าแน่นักไม่ใช่หรือ? "

              "....หึ แน่ใจเหรอว่าไม่รู้ ! " อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ จ้องมองใบหน้าผู้พูดเขม็ง "คิดอะไรให้ดีเสียก่อนจะพูดดีกว่า ฟิลิเป้ เรกาโซ่ เพราะผมไม่ได้อยากจะมานั่งฟังคำพูดของพวกไร้สมองให้เสียเวลา "

              " แก....."

              " 150 คน เดินทางมาสมทบจากUAE อีก50 จะมาลงที่โอมาน อาวุธยุทธโธปกรณ์มาจากคนๆนึงที่คอยสนับสนุนเราที่นี่  ติดต่อกับนายทหารคนหนึ่งผ่านสายของเรา..." ก่อนจะเกิดการวิวาทหรืออะไรมากกว่านั้น ราฟาเอลโร่ก้เป้นฝ่ายเอ่ยปากออกมาอย่างรวดเร็ว " และอาวุธที่นายทหารคนนั้นมี ...คือของที่ปล้นมาจากขบวนของวาลกัส .."

               "ผู้บงการ " อัลชาอ์เอ่ยถามต่อ ขณะที่คาวัลโลชะงัก ดวงตาวาววับขึ้นยามได้ยินเรื่องอาวุธที่ถูกปล้น เรื่องของอาวุธที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาเหยียบประเทศนี้

               ".............."

...หากแต่ไม่มีคำตอบใดเล็ดรอดออกมาจากปากของทั้งสองคน

               “ เงียบไปอีกทำไม ?  พวกแกก็บอกออกมาเกือบหมดแล้วนี่ “ คาวัลโลเลิกคิ้ว จ้องมองสองมาเฟียหนุ่มเขม็ง..

                “ โอเมอร์ต้า...”

...คำตอบห้วน...สั้น นั้นทำให้คาวัลโลขมวดคิ้วแน่น..

...โอเมอร์ต้า กฎแห่งความเงียบ...

แสดงว่าคนที่บงการคือ”มาเฟีย”งั้นหรือ?


                "..@$%@%$$& ." อัลชาอ์สั่งการคนของตนเบาๆด้วยภาษาถิ่น และร่างของนายทหารที่เข้ามาประจำก็ลุกขึ้น ตรงเข้ามาตรึงร่างของฟิลิเป้แห่งเรกาโซ่ให้ยืดกายขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกว่าใครจะไหวตัวทัน

          คาวัลโลเบิกตามองฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างตกตะลึงไม่น้อย ร่างของฟิลิเป้ถูกตรึงเอาไว้บนซี่กรงขังแข็งแรง ขาและแขนสองข้างถูกล๊อก ใบหน้าที่มีเคราครึ้มขึ้นอยู่ประปรายถูกจับให้เชิดขึ้น ขณะที่กริชในมือของอัลชาอ์ส่องประกายสะท้อนแสงไฟวาววับ...

             ".....ไม่มีคำตอบหนึ่งคำตอบสินะ..." อัลชาอ์เปรยเสียงเบาจ้องมองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าเขม็ง...ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ " ดี"

             " หนึ่งชิ้น...จะเอาอะไรดีล่ะ ? " ชีคหนุ่มเปรยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบที่แทบไม่มีผู้ใดกล้าขยับตัว  ขณะที่ปลายมีดแหลมนั้นเริ่มชี้ไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย " นิ้วมือ...นิ้วเท้า....หูซ้าย...หูขวา...จมูก....รึว่าปากดี...? "

             ".......ทำแบบนี้คิดว่าจะได้คำตอบอะไรรึไง !! " ราฟาเอลโร่คำรามลั่นด้วยความไม่พอใจ หากผู้ฟังเพียงเลิกคิ้วขึ้นอย่างเนิบช้า

             "....ในเมื่อไม่มีคำตอบ ก็แลกกับมันซะสิ " นัยน์ตาสีดำสนิทปรายมองมาเฟียหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจ และราฟาเอลโร่ทำได้เพียงกัดฟันกรอดอย่างจำยอม  นัยน์ตาสีชาจ้องมองกริชเงินในมือของชีคหนุ่มเขม็ง

             " ...ดีล่ะ...ยังถือว่าดีที่ผมได้คำตอบ...ฉะนั้นจะขอจัดการให้ด้วยความหวังดี ด้วยการบริการ"เลาะ" เจ้าหมุดเอ็นน่ารำคาญตานี่ออกไปก็แล้วกัน " อัลชาอ์ยิ้มมุมปาก จ้องมองหมุดกลมสีเงินที่ประดับบนปลายจมูกของมาเฟียหนุ่มนามฟิลิเป้  ขณะที่ในมือก็มีกริชสีเงินส่องแสงวาววับล้อแสงไฟ

             นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองใบหูที่มีตุ้มหูสีเงินขนาดกลางและหมุดแหลมหลายอันร้อยเรียงกัน และกวาดสายตาลงมายังข้างจมูกโด่งสันที่มีหมุดเงินขนาดใหญ่และ....ท้ายที่สุด จึงมองตรงไปยังริมฝีปากของชายเบื้องหน้า เหล่าทหารผู้รู้ใจต่างก็ออกแรงบีบปลายคางให้มาเฟียหนุ่มอ้าปากออกมาอย่างจำยอม และเมื่ออัลชาอ์พยักหน้า ฮาซานก็เดินเข้ามา ในมือมีผ้าเช็ดหน้าผืนบางที่เจ้าตัวใช้รองปลายนิ้วไว้เล็กน้อยเพื่อกันน้ำลาย ก่อนจะค่อยๆ"ล้วง"เข้าไปเพื่อความหาลิ้นของชายหนุ่มเบื้องหน้า

           เสียงครางอู้อี้และเสียงร้องราวกับคนถูกกรอกน้ำร้อนเข้าปากของฟิลิเป้ทำให้สองมาเฟียที่เหลือต่างจ้องมองมันตาไม่กระพริบ  ใบหน้าของคาวัลโลฉายแววอึ้งทึ่งปนสะใจ ขณะที่ใบหน้าของราฟาเอลโร่ซีดเผือกปนคับแค้นใจนัก..

           "....พวกแกมันป่าเถื่อนไม่ใช่มนุษย์ !! " ราฟาเอลโร่ตวาดก้อง อ้าปากเอ่ยประจาณผู้คนเบื้องหน้าอย่างไม่นึกกลัว และสิ่งที่ได้รับ คือเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอจากชายหนุ่มผู้นั่งอยู่เบื้องหน้าตนนั้นเอง

           " ..ไปว่าเขา เรามันก็ไม่ต่างกันหรอกว่ะ " คาวัลโลแสยะยิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปมองภาพเบื้องหน้าต่ออย่างใจจดใจจ่อ อัลชาอ์กำลังยกมีดขึ้นจรดบนปลายลิ้นเปียกชื้นของฟิลิเป้  ใบหน้าของชีคหนุ่มเเต้มไปด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยมและแววตากร้าวแข็ง ขณะที่ใบหน้าของฟิลิเป้กำลังเหยเกอย่างถึงที่สุด มันซีดขาว นัยน์ตาเหลือกขึ้นด้วยความหวาดกลัว ครางในลำคอและน้ำตาคลอเบ้าเหมือนหมูถูกเชือก


           " อ้ากกกกกกกกกกกกกก..."

            " หึ... " เสียงร้องนั้นดังขึ้นทำให้ชีคหนุ่มอดจะหัวเราะหยันไม่ได้ อัลชาอ์ละมือจากปลายมีดคม จ้องมองสีแดงที่อาบบนคมมีดของกริชสีสวยอย่างพึงใจ ขระที่นัยน์ตาซึ่งฉายแววเยาะหยันหันไปสบมองแววตาของฟิลิเป้ เรกาโซ่ที่เหลือกลานไปด้วยความกลัวเเข้งขาอ่อนจนต้องทรุดลงกับพื้น

...ไม่ได้กรีดลงไปจริงๆ แต่แค่แกล้งแตะปลายกริชลงตรงปลายลิ้น แค่นี้ก็ทำให้ฟิลิเป้หวาดกลัวตัวสั่น..

...แล้วยังรอยยิ้ม...แสดงความพึงใจที่สงครามจิตวิทยาของตนได้ผลนั่น..

            " เล่นแบบนี้ก็คลายเครียดไม่เลวเลยนะ ว่าไหม ? " ชีคหนุ่มเอ่ยถาม กวางกริชลงบนมือขององค์รักษ์คู่กายตน ออกปากสั่งให้หิ้วปีกราฟาเอลโร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของชายหนุ่มผู้เป็นที่รักซึ่งยังดังก้องกังวานไม่หาย

           " แหม...น่าจะทำจริงนะเนี่ย " คาวัลโลหัวเราะก๊าก จ้องมองชีคหนุ่มด้วยแววตาวาววับ

         " ...แค่ก็กลัวจนสติแตกแล้ว " ชีคหนุ่มหัวเราะในลำคอ หากแววตายังฉายความเหี้ยมลึกจ้องมองร่างของมาเฟียหนุ่มนามฟิลิเป้ที่ถูกหามไปยังห้องขัง

        ....."กล้า"มาแสดงความเป็นเจ้าของบนผิวเนื้อที่เขาแสนรักแสนหวงก็มากพอแล้ว

 ยังจะกล้ามาเอ่ยปากว่าเป็นเจ้าของ ต่อหน้าเจ้าของที่แท้จริงๆอีก

...จะปล่อยให้มันลอยนวลต่อไปหน้าตาเฉยได้อย่างไร..

          คาวัลโลวางมือลงบนไหล่ชีคหนุ่ม ขณะที่พวกเขาเดินขึ้นมาจากคุกใต้ดิน มาเฟียหนุ่มจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนรัก ในใจนึกภูมิใจแม้จะยังหวาดๆหวั่นๆกับท่าทางของอีกฝ่ายไม่น้อย...

      " นี่คุณจงใจทำไปด้วย"เหตุผลส่วนตัว" ล่ะสิ "

        คำกระเซ้านั้นเป็นผลให้คนฟังยิ้มขัน อัลชาอ์เลิกคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ มองสบดวงตาคนรักที่วาววับ ชีคหนุ่มยิ้มมุมปาก ให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยคำบางคำออกมาสั้นๆ...ทว่า...บอกเหตุผลของการกระทำทุกอย่างได้ชัดเจน

       " ก็ผมหึงนี่ "


...........


         เมื่ออัลชาอ์และคาวัลโลเดินขึ้นมาถึงบริเวณเรือนรับรองด้านหน้า ก็พบกับกลุ่มบุคคลที่ตามหาได้ในที่สุด นัยน์ตาของทั้งสองมองไปยังร่างของเจ้าชายหนุ่มที่ยืนคุยกับหนึ่งในกลุ่มวิศวะกรที่มาทำงานอย่างออกรส และก่อนที่จะได้ทำอะไร ชีคหนุ่มก็ออกปากสั่งให้เจ้าชายหนุ่มเตรียมตัวไปจารเซกับตน ทิ้งความสงสัย...ให้เกิดแค่คาวัลโลและเจ้าชายฟาลซาอ์อย่างรวดเร็ว

          " ทำไมถึงพาไปล่ะ ทุกที..." คาวัลโลถามกลับงงๆ ไม่ใช่เสียดายที่ไม่ได้ไปกับอัลชาอ์แค่สองคนหรอกนะ...ก็แค่สงสัยเท่านั้นจริงๆ

           " เขาต้องไปกับเรา ผมจึงจะได้คำตอบที่ต้องการมาได้ " คำตอบของชีคหนุ่มนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้วช้าๆ มาเฟียหนุ่มผู้ไม่ถนัดกับการถกอะไรลึกซึ้งถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยักไหล่

           "...แล้วที่นี่....."

          " รามิลและราเซย์จัดการ " อัลชาอ์ตอบสั้น ตาปรายมองสองพี่น้องคนสนิทของตนที่กำลังยืนคุย...และเหมือนจะปรึกษางานอะไรสักอย่างกับวิศวะกรทั้งกลุ่มของบริษัท ASCAcceat อยู่ คาวัลโลมองตามแล้วหน้านิ่ว เขาถอนหายใจเบาๆ

         " แน่ใจหรือ ? "

          "...มีนายพลกาซิมอีกคน ...เท่านี้ผมก็วางใจได้ "อัลชาอ์ตอบ "เพราะ...ผมไม่ไปนานหรอก.."

                คาวัลโลมองหน้าจริงจังของคนพูดแล้วชะงัก รู้สึกผิดนิดๆที่ตัวเขาไปไพล่นึกว่าการเดินทางครั้งนี้คือการไปเที่ยว ทั้งที่ก็ไม่ใช่แถมยังแอบคิดว่านี่เป็นแผนไปฮันนีมูนนอกรอบของอัลชาอ์อีกแน่ะ

          "...มีคนโกหกให้ผมต้องจับตาดู " อัลชาอ์เปรยสั้นๆ หันมาสบตาคนรักดวงนัยน์ตาวาววับ

           " หืม?...." มาเฟียหนุ่มครางในลำคอเบาๆ

           " รอดูได้เลย...อีกไม่นานหรอก " ชีคหนุ่มยิ้มมุมปาก ด้วยนัยน์ตาหมายมาด..

คาวัลโลยิ้มรับคำพูดนั้น เขาจ้องมองใบหน้าคมสันของอีกฝ่ายที่อยู่ไม่ห่าง...นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง..

...คาวัลโลฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในอุ้งมือของชายตรงหน้าด้วยความเชื่อใจอย่างยิ่ง..

..ถ้าอัลชาอ์พูดว่าได้ก็ต้องได้ ถ้าอัลชาอ์บอกว่าจะทำอะไรก็ย่อมทำได้ตามนั้น...

เอ.....นี่เขามีอาการคลั่งท่านผู้นำแบบเจ้าฮาซานมันแล้วหรือนี่..


...................


สวัสดีค่ะ  :3123:
กลับมาแล้ว
 หายไปนานพอควร ช่วงนี้ยุ่งกับการลงทะเบียน เรื่องมหาลัยแบบวุ่นๆ
และตอนนี้ก็เป็นตอนที่ยุ่งไม่แพ้กัน...อเล็กเซย์ของเค้า T T ม่ายยยยยยยยยย  :m15: :serius2:เขียนไปปวดใจเหลือเกิน (เวลาไปเอาหัวโขกกับอกท่านชีคเบาๆ/โดนคาวี่ถีบกลับ :z6:)
ส่วนท่านชีคกับคาวี่ ..ตอนนี้ท่านชีคเท่ห์จัง ฮ่าๆๆๆ เวลาอัลชาอ์โหดนี่มันช่าง..
ปล. ตอนนี้ง่วงมาก ไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่าขอไปนอนก่อนนะงับ


ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เดี๋ยววววว อเล็กเซย์?????
โน่ววววววว วว :sad4: :sad4:
ไม่จริงใช่มั้ย ฮึก!!

คู่รักซาดิส โฮกที่สุด!!!! o13
คาวี่อยากไปฮันนีมูนก็บอกชีคไปสิจ้ะ ><

ตอนนี้เครียดเลือดสาดมาก  :z3:
มาต่อไวๆนะค่ะ

ออฟไลน์ inhyung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บทนี้เจ็บปวดใจมาก ในตอนแรก อเล็กเซย์ นายยยย ไม่ตายใช่มั้ย
และในตอนหลังก็เจ็บปวดเหมือนกัน แต่แอบสะใจ เสียวนิดหน่อย
แจ่สะใจมากกว่า นี่เราโรคจิต ?? ฮ่าๆๆๆๆ
แล้วอเล็กซิสทำไง บุก ล้างแค้น ไม่รอ คาวี่ก่อนหรอ
ไม่ติดต่อไปหาเลย อ้ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
ไม่อ๊าว ไม่จริง เค้าไม่เชื่อ เซย์จะจากไปแบบนี้  :o12:
ท่านชีคทำอะไรแต่ละอย่างช่างน่ากลัว แต่เหตุเพราะความหึงคาวี่ ก็โอเค
เรื่องค่อยๆ คลายปม ตื่นเต้นๆ

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:ม่ายยยย เซย์ต้องไม่ตาย เอาเซย์กลับมาก่อนนนน :dont2:
เปิดสงครามจริงๆจังๆ อ่านแล้วตื่นเต้น แต่...เอาเซย์กลับมา :monkeysad:
ท่านชีคโหด แต่น่าประทับใจมาก อยู่กับตัวแสบ รู้สึกเหมือนเป็นคู่รักจิตๆ ฮ่าๆๆ(เค้าล้อเล่นน๊าคาวี่)
รอความดุเดือดในตอนหน้าค่ะ

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
อเล็กเซย์ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่จริงใช่ไหม คนเขียนจายยยยยยร้่ายอะ กระซิกๆๆๆๆๆ  :serius2: :serius2: :serius2:

ส่วนคู่รักซาดิสต์ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด  อัลชาอ์หึงโหดมากกกกกกกกกก น่ากลัวที่สุด แต่หนูคาวี่คงชอบ เหอะ เหอะ เหอะ  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
กรี๊ด  เชย์จัง  ไม่นะ  อย่าเป็นอะไรไปนะ  ไม่ยอมๆ :m31:
อืม  เหมือนการกระทำแบบนั้นของเซย์จังไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนะ  ทำให้เกิดการล้างแค้นที่หนักกว่าเดิมอีก  แต่ชอบฉากของซิสและคาโลอ่ะบรรยายได้ใจมากๆค่ะ o13


ฝั่งท่านซีครอบนี้บอกได้คำเดียวว่าเท่ห์มากคร๊า  หุหุ  ประกายความโหดเหี้ยมของผู้นำปรากฏแล้ว
แต่จะว่าไปแล้วคาวี่ออกแนวโรคจิตป่ะเนี่ย   แทนที่จะกลัวกลับชอบซะงั้น
ซีคหึงโหดแบบนี้คาวี่จะทำอะไรก็คิดดีๆก่อนนะ

ออฟไลน์ mana_ai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เซย์ ตายแล้วจิงอ่ะ  o22
ม่ายยยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
สงครามกำลังมา ๆ
เซย์ไม่ตายหรอกมั้งง TT

ท่านชีคก็หึงโหดไ้ด้อีกนะเนี่ย เหตุผลส่วนตัวล้วน ๆ

ออฟไลน์ beer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เหมาะกันจิงๆคู่นี้ น่ากลัวทั้งคู่เลย

แต่เซย์ยังไม่ตายหรอกใช่ไม๊ :sad4:

butajang

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เเม่เจ้าเเง้ๆๆๆๆ ปุ้ยๆๆๆ ใจร้าย ฮึกๆๆ ทำเเเบบนี้ได้ไง ฮึก ๆๆ ฟืดด(เสียงสูดน้ำมูก) สงสารอะ เเต่ปรับอารมณ์เเทบไม่ทัน ฝั่งคาวี่เเม่เจ้า กรี๊ดดด เท่ห์โฮกๆ ท่านชีคขรา สมเเล้วที่ควรคู่กับคาวี่ อิอิ บวกหนึ่งเน้อ

KaZuKi

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากก  :o12:เซย์ จริงๆหรอ ม่ายย :m15: อ่านไปแล้วเจ็ฐปวดหัวใจ แล้ว ซิสจะทำยังไง ฮือออ T_T :monkeysad:
แอบหวังว่ามันจะไม่จริง :z3: เซย์ไม่ได้่จากไปไหน ได้โปรดดดดดดดด รอตอนหน้านะค่ีะ :sad11:

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ปืนลั่นเฉยๆใช่ไหม???????
(ทำใจไม่ได้) :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






dea

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกก อเล็กเซย์ไม่จริงใช่มั๊ยอ่ะ  :sad4:

ท่านชีคก็หึงโหดมาก อิคู่รักซาดิสต์  :laugh:

รอตอนต่อไปจ๊า  :call:

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
เข้ามาโวยวายอีกคน

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
ช็อคกับเรื่องเซย์มากค่ะ  หวังว่าเซย์จะยังไม่ตายนะ :sad4:

ตอนท้ายๆนี่กรี๊ดกร๊าดท่านชีคมากมายค่ะ  คนอะไร๊ บทจะโหดก็เท่เหลือร้าย :o8:

รอตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ ammer

  • มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
 :a5:
อเล็กเซย์ ตายจริงๆหรอ ม่ายยยยยยยยยยย  สงสารพี่ใหญ่อ่ะ :o12:
จะเกิดศึกในตระกูลกันเองแล้ว ถ้าคาวัลโลรู้ จะกลับมามั้ยนะ?
แต่ว่าวันนี้ท่านชีค เหี้ยมและโหดได้ใจ จนแอบหวาดๆเลยละค่ะ แต่คาวัลโลนี่ยังมีการชื่นชมปลาบปลื้ม เหอเหอ เหมาะกันยังกะคู่แส้กับกุญแจมือแน่ะ  o18

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
ลึกลับเนอะมีคนตายด้วยอะ ไม่ดีเลยอะ

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
อ่านเม้นเเล้ว เจอบอกว่าอเล็กเซย์ตาย ไม่อยากอ่านตอนนี้เลย   สะเทือนใจอะ

ขอไปทำใจก่อน เดียวกลับมาอ่าน

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2

pigrabbit

  • บุคคลทั่วไป
 อเล็กเซย์ไม่ตายหรอกเน๊าะคงเป็นความเข้าใจผิด :serius2: :m15:


ตอนนี้มีน้ำตาลอยู่เบาบาง0.05% ของเรื่อง  :monkeysad:
คู่รักเอสเอ็มของเรื่อน่ากลัวจริงๆ อ่อนเปลี้ยเพลียไปเลย เสียวหู  o18




hahn

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าอ่ะทำไมเซย์ต้องตายด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด