Stone rose line : special destiny
[การพบกันของพรหมลิขิต]
[/color]
..............
น่าเบื่อ...น่าเบื่อ..และ น่าเบื่อ...
ไม่ได้อยากจะสะกดคำนี้หรอกนะ แต่ทว่าเวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ คำว่า”น่าเบื่อ"คำเดียวคงจะเป็นอะไรที่สามารถจะจำกัดความหมายของสิ่งที่เขาประสบได้อย่างดีที่สุด...
คาวัลโล วาลกัส ทายาทมาเฟียตระกูลวาลกัสที่ยิ่งใหญ่ ลูกชายคนสุดท้องของคาเฟรโร่และเอเลียชา วาลกัส ผู้จะรับตำแหน่งบอสคนต่อไปของแกงค์มาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอิตาลี ในวัยสิบแปดปีกำลังใช้นิ้วโป้งยกขึ้นเสยผมที่หวีปัดขึ้นและจัดทรงอย่างดีด้วยช่างทำผมมืออาชีพซึ่งถูกจ้างมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยขณะที่มืออีกข้างซุกอยู่ใต้กระเป๋ากางเกงสแลคเนื้อดีสีเข้ม สวมชุดสูทสุดหรูของอามาร์นี่ รองเท้าหนังแบรนด์โปรดของตัวเองที่ขัดจนมันวับเนคไทเส้นละห้าร้อยกว่าเหรียญ และเชิ๊ตเนื้อนุ่มราคาแพงระยับ
...ทุกอย่างถูกเลือกสรรอย่างดีและพรีเซนต์ออกมาเป็น"คาวัลโล วาลกัส"ทายาทตระกูลดังของอิตาลี บุคลิค ท่าทาง ลักษณะการพูดจาตลอดจนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างบ่งบอกถึงรสนิยมและความเพียบพร้อมของคนๆนั้น...พรีเซต์และ"สร้างภาพ"ออกมาให้ดูดีปานประหนึ่งบุรุษผุ้เพียบพร้อมเพื่อฐานสนับสนุนตนเองและเพื่อ"จำอวด"ให้ผู้คนต่างชื่นชอบและชื่นชมในตัวเขา
นั่นเป็นคำกล่าวย้ำของผู้เป็นลุงที่เอ่ยถึงวัตถุประสงค์ของการพาตนมางานนี้...ไม่ได้มาทำงาน...ไม่สิ จะบอกว่ามาทำงานก็ได้ เพียงแต่การมาทำงานนั้นหมายถึงงานโชว์ตัวเยี่ยงพวกดารานายแบบเพื่อสร้างภาพลักษณ์เสียมากกว่า
จ้องมองนาฬิกาโรเล็กซ์เครื่องหรูบนข้อมือของตนพลางถอนหายใจแผ่วเบาอย่างอดรนทนไม่ไหว ทว่าก็ยังพยายามรักษาหน้าเจ้าของงานด้วยการแสดงสีหน้าเริงรื่นอย่างสุดความสามารถ
ทว่า...ก็ไม่รู้จะทำแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะยิ่งยืนอยู่ตรงนี้นานเข้า ความหงุดหงิดและเหนื่อยหน่ายก็พุ่งปรี๊ดเสียจนแทบอยากจะวิ่งออกไปตะโกนโหวกเหวกแล้วคว้าคอยามรักษาการมาไล่เตะแก้เบื่อ คาวัลโลไม่ใช่คนที่จะอดทนกับเรื่องน่าเบื่อหน่ายแบบนี้ได้นานนักอยู่แล้ว ผู้เป็นลุงนี่ก็ช่างสรรหาเรื่องมาให้ทำราวกับจะกลั่นแกล้ง..ไม่เข้าใจเสียจริงๆว่าจะพรีเซนต์ตัวเองขนาดนี้เพื่ออะไร หรือความเชื่อถือของวาลกัสในฐานะคู่ค้ามันน้อยเสียจนต้องทำแบบนี้...
และที่สำคัญที่สุด...จะเป็นเช่นไรคาวัลโล วาลกัส ก็ยังเป็นชายหนุ่มอายุสิบเเปดปี แม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว...แต่ก็ไม่ใช่หนุ่มใหญ่สุขุมคัมภีรภาพที่จะมาทนอยู่กับการตกเป็นเป้าสายตาและถูกรุมล้อมจากบรรดา...ผู้คนน่ารำคาญเช่นนี้ได้
คิดพลางฉีกยิ้มให้กับคนที่เดินมายกแก้วแชมเปญชนกับแก้วของเขาอย่างเหนื่อยหน่าย...ชักจำไม่ได้ว่าไอ้บ้าตรงหน้ามันวนเวียนมากี่รอบแล้ว แถมยังชนเอาชนเอา ราวกับเป้าหมายของมันคือแกล้งมอมเหล้าเขาจนเมาเปราะ นี่ไม่นับแม่นางแบบสาวชื่ออะไรสักอย่างที่เขาไม่คิดจะจำเดินมาส่งสายตาหวานเยิ้มให้อีกสามสี่รอบ...แถมยังมีพวกท่านชีค ท่านสุลต่านหรือคนในตำแหน่งอะไรสักอย่างแถบนี้ที่ชอบใส่ชุดคลุมตัวใหญ่ๆขลิบทองหรูหราส่งสายตาเชิง"อยากรู้จัก"นักหนามาอีก...
ปากก็ยิ้ม มือก็ต้องยื่นไปจับแล้วส่งเสียงทักทาย รับนามบัตรมาใส่กระเป๋าจนมันชักจะตุงขึ้นทุกทีอย่างหัวเสีย แต่กระนั้น..ตามคำสั่งและตามมารยาทที่พึงมี คาวัลโล วาลกัสก็จำต้องยิ้ม...และออกปากสนทนาไร้สาระกับผู้คนที่รายล้อมนี่แต่โดยดี ทั้งที่อยากให้พวกมันทั้งหลายหันไปทางอื่น ไปทำธุระไปเข้าห้องน้ำ หรือไปทำห่าอะไรสักอย่างเเล้วผละไปจากตรงนี้บ้าง ไม่ใช่มายืนคุยกันหึ่งๆจนสะดุดตาผู้คนและทำให้สายตาผู้ร่วมงานพากันจับจ้องมาที่เขามากขึ้นทุกที
ต้องปั้นหน้าโกหกชาวบ้านเสียจนเกร็งไปทั้งตัว แถมท่านลุงที่รักซึ่งเห็นตัวอยู่ไกลๆก็ยังทำท่าจะเจรจาธุรกิจอะไรนั่นไม่เสร็จเสียอีก ตาแก่นั่นยังมีหน้าหันมายิ้มแล้วพยักหน้าเชิง"ทำได้ดีมากยืนอยู่อย่างนั้นต่อไปนะหลานรัก"เสียอีก
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบรายการจำอวดนี้เสียที...คาวัลโลกรอกตาขึ้นมองเพดานที่มีแชนเดอร์เลียขนาดใหญ่แขวนอยู่ส่องแสงประกายวับ มาเฟียหนุ่มลอบถอนหายใจเบาๆ ขณะยกแก้วแชมเปญชนกับไอ้บ้าชื่ออะไรไม่รู้ที่วนเวียนมาอีกรอบอย่างเหนื่อยหน่าย..
มองตาวิบๆวับๆอย่างคาดหมายของมันแล้วนึกอยากจะร้อง"เฮอะ"แล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าผากมันสักที กล้ามาฝันว่าคนอย่างคาวัลโล วาลกัส จะเมาแชมเปญเหรอ มันเป็นไปไม่ได้เว้ยไอ้หอก! ไปนั่งรอชาติหน้าของชาติหน้าอีกทีเถอะ
แต่มองดูสายตาผู้คนรอบกายแล้วก็อยากรู้นักว่ามันมองเขาเป็นตัวอะไร? คาวัลโลจิ๊ปากเบาๆอย่างขัดใจ การมายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อเป็นหุ่นจำอวดหรือทำตัวเป็นทูตสันทวไมตรีจนคนนั้นคนนี้แวะเวียนมาไม่ขาดสาย ดูไปก็เหมือนกับเขาเป็นเด็กในสังกัดของใครสักคนที่พามาออกงาน มากกว่าลูกหลานของผู้ทรงอิทธิพลอย่างบอสตระกูลวาลกัส
..ความผิดของลุงนั่นล่ะ ไม่รู้จะยืนเจรจาหาความอะไรนานนักหนา มาเดินหนีกันไปตั้งแต่เข้างานแบบนี้ ทิ้งให้หนุ่มหล่อแบบเขาถูกสาวๆหนุ่มๆรุมทึ้งอย่างน่าสงสาร ทั้งที่ไม่ได้มางานนี้ด้วยจุดประสงค์นั้นเสียหน่อย...
คิดพลางปรายตามองบรรยากาศภายในงานอีกครั้ง งานเลี้ยงฉลองครองราชย์ของกษัตริย์แคว้นหนึ่งของอาหรับเอมิเรตส์ ที่เมืองอาบูดาบีเป็นงานใหญ่นอกประเทศงานแรกที่เขามากับผู้เป็นลุงหลังถูกตั้งเป็น"บอส"คนต่อไป แม้ว่าการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นอีกสองปีข้างหน้าก็ตาม แต่การเดินทางมากับผู้เป็นลุงก็เสมือนการเข้ามาทักทายและเปิดตัวให้บรรดาผู้นำประเทศ ผู้นำลัทธิหรือพวกกองโจรอะไรก็ตามที่เป็นพันธมิตรกับวาลกัสได้รู้..ว่าเขาคือผู้ที่จะมาบริหารแทนและควรจะผูกมิตรกันไว้
และเรื่องราวมันก็ควรจะเป็นการเดินเข้างานพร้อมกับลุงของเขาและ เฟรเดริโก้ วาลกัส ก็จะพาคาวัลโลไปแนะนำตัวกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไปอิท่าไหนถึงได้มาทิ้งให้หลานชายสุดหล่อยืนให้สาวๆหนุ่มๆทึ้งอยู่นี่..คิดแล้วชวนให้เสียสุขภาพจิตจริงๆ
ยืนมองบรรดาผู้คนที่เดินคุยทักทายกันไปมาในห้องบอลรูมสำหรับจัดเลี้ยงของพระราชวังแห่งนี้ มองรอยยิ้มหลอกลวงและหน้ากากที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใส่แล้วลอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายปนหนักใจไม่ได้...เมื่อคิดว่าชั่วชีวิตเขาคงต้องพบเจองานน่าเบื่อเช่นนี้มากมายเพียงใด...สถานที่งดงาม การตกแต่งสวยวิจิตร ผู้คนสวมอาภรณ์เสื้อผ้าหรูหราแต่ว่า.....ไร้ความจริงใจ
"สวัสดีครับ.." น้ำเสียงทายทักจากชายหนุ่มในชุดประจำชาติอิสลามดังขึ้นพร้อมกับแก้วเเชมเปญที่ถูกยื่นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ คาวัลโลหันไปมองหน้า สบกับดวงตาสีดำสนิทที่แฝงนัยยะบางอย่างของคนตรงหน้าแล้วนึกเคืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ทว่าที่สุดแล้วเขาก็เอื้อมมือรับแก้วจากมือชายคนนั้น
"..ครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก...ผม....." และแล้วรอยยิ้มอันจอมปลอม บทสนทนามาตรฐานที่แสนไร้ความจริงใจก็ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับคำๆเดิมที่ว่อนอยุ่ในหัวเช่นเดิม..
น่าเบื่อ...น่าเบื่อ และน่าเบื่อ...
.........................
บรรดาผู้คนที่รายล้อมรอบกายและเเวะเวียนมาทายทักด้วยรอยยิ้ม หรือบทสนทนาเรียบๆง่ายๆแสนจะเป็นทางการ คือเรื่องปกติสำหรับงานเลี้ยงอันน่าเบื่อของราชวงศ์...
ชีคอัลชาอ์ ยาฮิลยะห์ มูซา มูอิสซิน หยิบแก้วไวน์ทรงสูงจากถาดของบริกรมาจิบคั่นความเบื่อหน่ายที่ไม่ลดลงง่ายๆ นัยน์ตาสีดำสนิทกวาดมองบรรยากาศชื่นมื่น...หรือพยายามทำให้ชื่นมื่นรอบกาย ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเจ้าของงานที่ยืนคุยกับบรรดาผู้นำรัฐต่างๆ ชีคหนุ่มฉีกยิ้มออกมาบางๆ เนื่องด้วยรู้ตัวดีว่า"ระดับ"ของตนในฐานะเจ้าผู้ครองรัฐหรือแม้กระทั่งในฐานะ"ชีค"นั้นยังอ่อนด้อยนักในสายตาของบรรดาผู้นำที่มากด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์
อีกทั้งประเทศเล็กๆอันไม่น่าสนใจของตนก็ไม่ได้อยู่ในสายพระเนตรของบรรดากษัตริย์ที่จะลดตัวลงมาถามไถ่พูดคุย..มีแต่จะต้องเดินเข้าไปทำความเคารพและอวยพรเพียงเพื่อจะเข้าไปอยู่ในสายพระเนตรบ้างเท่านั้น
...ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มชาเฉย ด้วยรู้ตัวดีว่าไม่คิดจะเข้าไปทำความรู้จักหรือไปร่วมกลุ่มสนทนากับผู้ใด ความเหนื่อยหน่ายและหยิ่งยโสทำให้อัลชาอ์ไม่คิดจะสนใจการเข้าไปพูดคุยใดๆ ชีคหนุ่มเพียงปรายตามองวงสนทนาที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพุดคุย สายตากวาดแลผ่านผู้คนในชุดราตรีสีสันและรูปแบบต่างๆไปยังคนที่ตนหมายตาไว้..
เสียงของคนสนิทรายงานเบาๆทำให้อัลชาอ์พยักหน้ารับ เขาปรายตาไปยังกลุ่มผู้คนในชุดสูทสากลที่ยืนคุยกันบริเวณใกล้เวทีดนตรี นัยน์ตาจับจ้องชายทีชื่อเฟรเดริโก้ วาลกัส บอสของแกงค์มาเฟียที่เขาติดต่อเพื่อจะซื้อขายและทำการค้าร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงและเป็นเหตุให้อัลชาอ์มายืนอยู่ที่งานเลี้ยงอันน่าเบื่อแห่งนี้
ยกแก้วไวน์ขึ้นในระดับสายตาแล้วแล้วพยักหน้าช้าๆรับกับใบหน้าของอีกฝ่ายที่แลสบและค้อมศรีษะให้บางๆ ชีคหนุ่มจิบไวน์ในแก้วอีกครา ก่อนจะกวาดสายตาไปมองบริเวณงานอีกครั้ง เพื่อคลายอารมณ์และรอคอย...การมาถึงของชายผู้นั้นเพื่อเจรจาธุรกิจของตนและจะได้กลับออกจากงานที่น่าเบื่อหน่ายนี้เสียที
สะดุดตากับกลุ่มคนที่ห้อมล้อมคุยกับใครสักคนที่อยู่กลางวง ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นช้าๆด้วยความฉงนสนเท่ห์ แน่ใจว่าในรายการเชิญแขกไม่ได้มีดารานักแสดงเลื่องชื่อระดับโลกมาแต่อย่างใด..ผู้ที่จะมางานนี้ นอกจากแขกผู้มีเกียรติระดับราชวงศ์ ประมุขของประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรในกลุ่มอิสลาม กับกลุ่มผู้ค้าน้ำมันและนักธุรกิจชาวต่างชาติแล้ว จะมีก็แต่บรรดา"ของเล่น"ของเหล่าผู้คนข้างต้นที่ติดตามมาเท่านั้น แต่บรรดานางแบบนายแบบหรือดารานักแสดงเล็กๆก็อาจจะอยู่ในกลุ่มนั้น ชะรอยว่าคนที่ถูกรุมล้อม คงไม่พ้นของเล่นชิ้นใหม่ที่หน้าตาดีนิดหน่อยและโด่งดังพอตัวเป็นแน่..
รอยยิ้มขันของชีคหนุ่มประดับบนริมฝีปาก เริ่มจับจ้องผู้คนกลุ่มนั้นด้วยความสนใจมากขึ้น..อยากรู้นักว่าคนๆนั้นเป็นใคร..ไม่สิ...เป็นของๆใครและหน้าตาเช่นไร ถึงได้รับความนิยมเสียขนาดนั้น..
บริกรถือถาดเครื่องดื่มเข้าไปในวงสนทนากลุ่มให้เมื่อถูกเรียกขาน ผู้คนที่เคยบดบังสายตาจึงห่างไปบ้างจนสามารถมองได้ชัด...ชีคหนุ่มหรี่ตาลงเมื่อมองเห็นเส้นผมสีน้ำตาลทองแปลกตา อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆเมื่อมองเห็นมือของบุรุษผู้อยู่ในกลุ่มค่อยยื่นออกมารับแก้มเแชมเปญเพื่อดื่มร่วมกับหนึ่งเจ้าชายที่เขาคุ้นตาพอควร ซึ่งฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาและผู้คนที่เคยหนาตาพากันถอยห่างเนื่องจากการมาถึงของเจ้าชายผู้นั้น อัลชาอ์จึงได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดถนัดตา..
แก้วไวน์ที่ถูกยกขึ้นมาจิบชิมรสละออกไปอย่างรวดเร็วเพราะลมหายใจที่สะดุดไหว...ชีคหนุ่มเบิกดวงตากว้างขึ้นน้อยๆ ยามมองเห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน ชายคนนั้นเป็นบุรุษหนุ่มน้อยร่างสูงเพรียว ผิวขาวจัดบ่งชัดว่ามีสายเลือดตะวันตก...ใบหน้าหล่อเหลามีสเน่ห์ในชุดสูททางการสุดหรู เส้นผมสีมะฮอกกานีถูกจัดทรงอย่างดีให้ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทว่าก็ยังส่งกลิ่นอายของวัยเยาว์ ใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสีน้ำทะเลคู่งามนั้นเป็นประกายวาววับทั้งมีเสน่ห์และยั่วเย้าอย่างร้ายกาจ รอยยิ้มพรายอย่างสุภาพประดับบนใบหน้า...น่ามองและเปี่ยมสเน่ห์นักหนาแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มที่ขาดความจริงใจและดวงตาคู่นั้นฉายแววเหนื่อยหน่ายแค่ไหนก็ตาม
...ลมหายใจของชีคหนุ่มถึงกับสะดุดไหว เมื่อดวงตาคู่สวยนั้นปรายมองมาเพียงชั่ววูบ วูบหนึ่ง...ที่ตาสบตา แม้คนๆนั้นจะไม่รู้ตัว ทว่าหัวใจของชีคหนุ่มกลับกระตุกเฮือก..ร้อนรุ่ม..
..ใคร?
คำถามนี้ดังขึ้นมาในใจของอัลชาอ์ทันทีที่พบว่าตัวเองตกหลุมรักดวงตาคู่นั้น..และรอยยิ้มบนใบหน้านั้น..
คนๆนี้เป็นใคร? หรือเป็น"ของเล่น"ของใคร...
ชีคหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อคิด...ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าจะทอดกายอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น...หรือกระทั่งโอบกอดใครไว้..
"..ฮาซาน...." อัลชาอ์ได้ยินเสียงตนเองออกปากกับองค์รักษ์คนสนิท ขณะที่ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องร่างของคนผู้นั้นไม่วางตา.. "ผู้ชายคนนั้น...ไปสืบเรื่องของเขามาให้ฉันที.."
คุณ....คือใคร ?..คุณ...เป็นของใคร?...คุณ ....อยู่ในอ้อมกอดของใครคนไหน..
...หากเป็น"ของเล่น"ก็จะแย่งชิง..
..หากเป็นของๆใครก็จะทุ่มกำลังคว้ามาจนได้
ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มมุมปากอีกครั้ง ด้วยท่าทีหมายมาด ยิ้มให้งานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายนี้วึ่งเริ่มมีความน่าสนใจขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหมุนตัวไปยังด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงทายทักของบุรุษที่เขารอคอย..ยกมือขึ้นทายทักพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาแลสบใบหน้าของบอสมาเฟียแกงค์ใหญ่ของอิตาลี หากแต่สมองยังใคร่ครวญ..หมายมาด..
คุณ...จะต้องเป็นของผม..
..........................
งานนี้ยังคงความน่าเบื่อไว้เช่นเดิม...
คาวัลโลพ่นลมหายใจช้าๆ ปรายตามองหาลุงของเขาที่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน จับมือกับผู้คนมากหน้าหลายตาเสียจนจำไม่ได้ ทักทายและยิ้มจนมุมปากชักจะเมื่อยขึ้นมา..ท่านลุงที่รักก็ยังไม่มาลากเขาออกจากการรุมล้อมที่น่าเบื่อหน่ายนี้เสียที...
ครางในลำคอเบาๆอย่างฉิวจัดแต่ก็ยังต้องยิ้มบางๆ พลันรอยยิ้มนั้นก็ยิ่งเเข็งทื่อเมื่อพบว่ามีร่างของอีกหนึ่งบุรุษในชุดของพวกอาหรับเดินตรงแน่วเข้ามาหาด้วยท่าทีมุ่งมาดเต็มไปด้วยความมั่นใจ มองเห็นชายคนนั้นกวักมือเรียกบริกร คาวัลโลนึกอยากจะเขวี้ยงแก้วไวน์ในมือไปใส่หัวมันนัก ไม่รุ้จะยัดห่าอะไรให้เขากินอีก เห็นกันอยู่ทนโท่ว่ามีแก้วอยู่ในมือก็ยังจะหยิบมาให้
แต่ที่สุดก็ต้องวางแก้วไวน์เหลือๆของตนลงบนถาดและรับแก้วเชมเปญมาอย่างเสียไม่ได้...เขายิ้ม...ฉีกยิ้มแล้วจับมือ....มือที่ชักจะบีบแน่นแถมยังมีการลูบไล้หลังมือเบาๆจนขนลุกวาบ...เล่นเอาเส้นประสาทสั่นระริก
... คาวัลโลพยายามดึงมือออกมาขณะที่ชายคนนั้นยังยิ้มอยู่ มาเฟียหนุ่มคำรามในใจอย่างหงุดหงิด นี่ถ้าเป็นที่อิตาลีล่ะก็ พ่อจะคว้าปืนมาจ่อกบาลมันแล้วลากคอไปเล่นรัสเซียรูเล็ตแบบเดิมพันชีวิตกันสักตั้ง แต่นี่เพราะมันไม่ใช่และเขาต้องรักษากริยา การพยายามดึงมืออกจากมือปลาหมึกนี่ก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
"...ผม...เจ้าชาย......." ที่สุดมันก็ยอมปล่อยมือและเริ่มพ่นยศฐาบรรดาศักดิ์ยาวเหยียดด้วยภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นที่ฟังยากไปกันใหญ่ ทว่าดวงตาที่แลสบและความนัยก็บ่งชัดแล้ว ว่ามันเห็นเขาเป็นอะไรและกำลังพยายามทำอะไรอยู่..
คาวัลโลยิ่งแน่ใจเมื่อฝ่ามือของฝ่ายนั้นหยิบยื่นนามบัตรอันที่เท่าไหร่ไม่รู้มาให้เขา ...พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา..
" ถ้า..เจ้านายของคุณทำคุณเสียใจเมื่อไหร่ มาหาผมได้ทันทีเลยนะครับ..."
ปลายนิ้วหนาไล้มือและข้อนิ้ว ยังให้ความสยองและความโกรธเกรี้ยวแล่นวูบ...
คาวัลโลพ่นล่มหายใจช้าๆ รอยยิ้มที่พยายามรักษาอย่างสุดความสามารถเริ่มหลุดหายไปเรื่อยๆ มาเฟียหนุ่มกวาดตามองหาผู้เป็นลุงอีกครั้ง เขาเห็นว่ากำลังคุยกับไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ซึ่งตัวเขาไม่เห็นหน้า รู้จากการมองทางด้านหลังว่าคนๆนั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และใส่คลุมของพวกอาหรับ ผู้เป็นลุงของเขายังยืนจ้อและยังไม่มีท่าทีว่าจะหันมาหา
คาวัลโลพ่นลมหายใจพรืด..จ้องมองสบตาเจ้าชายหนุ่มเบื้องหน้าขณะที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดส่งผลให้ความยั้งคิดเริ่มถอยลงสู่เลขศูนย์
มาเฟียหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง...สบตาชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มหวาน จนมันมีหน้าตาวางมาดเยี่ยงผู้ชนะ ขณะที่ฝ่ามือซุกเข้าไปที่กางเกงเพื่อหยิบนามบัตรของตัวเองบ้าง
ฝ่ามือยื่นนามบัตรให้ ขณะที่ค่อยโน้มกายเข้าประชิด คาวัลโลวางนามบัตรนั้นไว้ในมือหนาใบหน้ายิ้มแย้มเข้าไปใกล้ราวกับจะกระซิบอะไรบางอย่าง นั้นทำให้ชายผู้นั้นยิ้มกว้าง...ขยับกายเข้าหาพร้อมกับฝ่ามือที่กระชับมือของเขาอย่างรวดเร็ว..ตาสบตา..แล้วดวงตาพราวระยับของคาวัลโลก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมลึก..
" ...หัดพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเสียก่อนเถอะ ...ไอ้โง่..."
" อึ่ก!..." เสียงร้องนั้นแฝงความเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด เพราะฝ่ามือของคาวัลโลจัดการบีบมือของมันสุดแรง มาเฟียหนุ่มขยับตัวห่างออกมาแล้วพ่นลมหายใจแรง คาวัลโลสะบัดมือออกจากการเกาะกุมนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเศษนามบัตรของชายคนนั้นถูกขยี้จนยับยู่ มาเฟียหนุ่มปรายตาไปมองผู้เป็นลุงอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีว่าเฟรเดริโก้จะยังคงคุยกับคนที่เขามองเห็นเพียงด้านหลังคนนั้นไม่เลิกเขาก็พ่นลมหายใจยาว สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันควัน
...หงุดหงิดอารมณ์เสียจนไม่คิดจะสร้างภาพ ไม่ต้องวางมาดบ้าบออะไรอีกแล้ว !
"กลับ ! " ตวาดเสียงห้วนใส่บอดี้การ์ดที่เดินเข้ามาหาอย่างหงุดหงิด คาวัลโลก้าวเท้ายาวๆเดินฝ่ากลุ่มคนที่รายล้อมตนเองอย่างขุ่นเคือง หมดอารมณ์จะยิ้มแย้มทำตัวดีเป็นเจนเทิ้ลแมนโดยสิ้นเชิง มาเฟียหนุ่มผู้ก่อเรื่องอาละวาดอีกคราก้าวออกจากงานไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แยแสสีหน้าคับแค้นใจของผู้ที่ถุกทำร้ายจนเสียหน้าสักนิด..
เจ้าชายหนุ่มผู้โชคร้ายกัดฟันกรอด เมื่อถูกเหยียบหน้าจนแทบไม่เหลือซาก ชายหนุ่มคำรามในลำคออย่างหงุดหงิด พลิกเอานามบัตรที่อีกฝ่ายยัดมาใส่มืออย่างอารมณ์เสีย ด้วยหวังว่าจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็น"เจ้าของ"อีกฝ่าย เพื่อจะต่อว่าให้มันรู้สำนึก..
หากแต่ใบหน้าของชายเมื่อครู่กลับปรากฏบนนามบัตรนั้น...เจ้าชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะครางเบาๆในลำคอเมื่อมองเห็นชื่อนั้นชัดเจน.
คาวัลโล วาลกัส....
ผู้ชายคนนั้นเป็นมาเฟีย...
......................
การเจรจานี้เป็นไปอย่างราบรื่นเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะเกิดปัญหา อัลชาอ์ยิ้มให้กับเฟรเดริโก้ วาลกัส บอสมาเฟียตระกูลดังอย่างยินดีที่การตกลงคร่าวๆเป็นผลราบรื่น แม้จะจดจ่อกับการสนทนา ทว่าใจของชีคหนุ่มกลับนึกประหวัดหาผู้ชายที่เขาหมายตาไม่วาย..
" จริงสิครับ...ผมอยากแนะนำหลานชายให้รู้จัก...." หลังจากคุยกันเรื่อยเปื่อยสักพัก เฟรเดริโก้ก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ คำกล่าวของอีกฝ่ายทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ " เขาจะรับตำแหน่งต่อจากผมอีกไม่นาน อยากให้เขาได้รู้จักกับคุณ...อีกอย่างผมนึกสงสารเห็นยืนเมื่อยเพราะถูกล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตรงนั้น"
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของอีกฝ่ายพร้อมกับท่าทีพยักเพยิดของมาเฟียวัยกลางคนทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ หันไปตามทิศทางนั้นหากพลันหัวคิ้วก็ต้องขมวดแน่น...เมื่อพบว่ามันเป็นจุดของเจ้าหนุ่มที่เขาหมายตา...รึว่าทายาทของเฟรเดริโก้ไปรุมล้อมเจ้าหนุ่มคนนั้นเหมือนกัน?...
ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจช้าๆอย่างหยามหยันถ้าเป็นบอสมาเฟียแล้วทำตัวแบบนั้น คาดว่าคงจะคบกันไม่ยืด
"อ่ะ....ให้ตายสิ...ก่อเรื่องจนได้ " เสียงของเฟรเดริโก้บ่นออกมาทำให้ชีคหนุ่มเลิกคิ้วงงๆ หันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่สั่งการให้ลูกน้องที่ติดตามอยู่เดินทางไปหาผู้เป็นหลานชาย...
" ...ท่าทางจะยังอดทนไม่พอ...คนหนุ่มๆก็แบบนี้ล่ะครับ..." เฟรเดริโก้เอ่ย พอดีกลับเสียงโวยวายที่ดังขึ้นจากกลุ่มคนนั้น ประสานกับเสียงหัวเราะขบขันของบอสมาเฟียผู้องอาจข้างกาย..
"...ขอโทษนะครับ...ท่าทางผมต้องไปออกหน้าขอโทษแทนเจ้าหลานชายเสียแล้ว..ก่อเรื่องได้ไม่รู้จักเข็ดจริงๆ " น้ำเสียงหน่ายระอา...นั่นยิ่งทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วแน่น...เพราะคำว่าก่อเรื่องที่อีกฝ่ายเอ่ย...
สายตาของเขามองตามคำพูดของเฟรเดริโก้ มองเห็นเจ้าหนุ่มที่เขาหมายตาคนนั้นยืนหน้าบึ้ง และเมื่อคนของเฟรเดริโก้เดินเข้ามาประกบ..ชายคนนั้นนั้นก็ตวาดลั่นด้วยสีหน้าเดือดดาลแล้วหมุนตัวเดินออกจากงานทันที...
ลางสังหรณ์ของชีคหนุ่มกระตุกวูบ...หันกลับมาสบตาบอสมาเฟียเบื้องหน้าอีกครั้ง..
" หลานชายของคุณ...." เขาเกริ่นช้าๆด้วยความงวยงง..และสงสัย
" ครับ....เจ้าคนที่ก่อเรื่องแล้วเดินหนีออกไปนั่นล่ะ " เฟรเดริโก้บ่นพลางส่ายหัว.. " เขาชื่อคาวัลโลครับ คาวัลโล วาลกัส...ผมคาดว่าสักวันพวกคุณคงได้คุยกัน "
นามบัตรที่ถูกหยิบยื่นมาจากบอสมาเฟียของแกงค์วาลกัสอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเย็นวูบแทรกเข้ามาในใจอย่างเฉียบพลัน อัลชาอ์เอ่ยปากลากับเฟรเดริโก้ที่เป็นฝ่ายขอตัวไปก่อนออก มองร่างของฝ่ายนั้นเดินแหวกฝูงชนไปยังเจ้าชายผู้ถูกทำร้ายร่างกาย..ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว..ที่สุดก็ก้มมองนามบัตรที่อยู่ในมือ
...ใบแรกเป็นของเฟรเดริโก้..วาลกัส ใบหน้าที่เขาเคยคุ้นเเละได้คุยอยุ่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้า
และอีกหนึ่งใบ...
คาวัลโล วาลกัส.... ชายหนุ่มผมสีมะฮอกกานีนัยน์ตาสีน้ำทะเลผู้มีรอยยิ้มน่าหลงไหล..คนนั้น...
ชีคหนุ่มหันกลับไปมองจุดที่เกิดเรื่องอีกครั้ง พบว่าผู้คนต่างแยกย้ายจากกันไปแล้ว และเมื่อมองหาชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่พบว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหนอีก.. ชั่วขณะหนึ่งที่อัลชาอ์นิ่งอึ้ง..ยิ้มค้าง..ท้ายสุดก็อดจะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้..เมื่อก้มลงมองนามบัตรในมือตน..
ชีคหนุ่มถอนหายใจเบาๆ...กับรักแรกพบที่พังทลายลงในไม่กี่นาที..ร่างสูงยิ้มให้กับองครักษ์หนุ่มที่เดินเข้ามาหา ไม่ทันที่รายนั้นจะรายงานข้อมูลที่ตนทราบ อัลชาอ์ก็โบกมือห้ามแล้วออกปากสั่งให้เดินทางกลับอย่างรวดเร็ว...
ค่ำคืนแห่งมายา...ท่ามกลางแสงไฟและรอยยิ้มจอมปลอมของผู้คน...รัก...ไม่ควรจะเกิดที่นี่...
เป็นเพียงความหลงไหลและเศษเสี้ยวของความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงเท่านั้น..
ความหงุดหงิดและเบื่อหน่ายของคาวัลโล วาลกัส จบลงในวันนั้น.. แต่ความฝันและความหลงไหลของอัลชาอ์ยังมีอยู่ต่อไปอีกนานวันแต่กระนั้น..ชีคหนุ่มก็บอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความหลงไหลชั่ววูบ..และ..ตนเองกับคาวัลโลคงไม่มีวันได้พุดคุยกันอย่างที่เฟรเดริโก้ วาลกัส ตั้งใจจะให้เป็น..
....แต่ใครจะรู้ ...ว่าหลังจากนั้น ...พวกเขาได้พบกัน..อีกครั้ง..
ในยามคืนค่ำที่มืดสนิท แสงดาวพร่างพราวกระจ่างฟ้า ท่ามกลางเสียงกระสุนปืนและควันไฟ...ลมหายใจหอบเหนื่อย สีหน้าเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้ ...นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยและใบหน้าที่เคยคุ้นกลับมาปรากฏต่อหน้าตนอีกครา..
ที่สุดแล้ว....โชคชะตา...
ก็พาให้เราได้พบกัน..
...........................................
ฮี่ๆ ตอบพิเศษจบแล้ว...
อยากเขียนตอนงานเลี้ยงที่อาบูดาบีมานาน ตอนนี้เลยขอซะเลย..ยังไงก็เป็นตอนพิเศษทดแทนที่หายไปนานแล้วกันเนอะ
อาจจะไม่หวาน และคาวี่กับท่านชีคก็ไม่ได้คุยกันเลย...แต่เอาน่า...มันเป็นจุดเริ่มต้น
ตอนท้ายท่านชีคแอบน้ำเน่าอ่ะ 555+ /โดนเตะ
ปอลิง. คุณ*~LPCM~* แบดกายอยุ่ที่นี่ค่า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12460.5400 ระวังนะเรื่องนี้ อ่านแล้วต้องกินยาบำรุงตับ เห็นมีคนบ่นปวดตับไตเครื่องไนเซี่ยงจี้กันเหลือเกิน
/ไปแล้วเดี๋ยวพี่โตเตะก้น