Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1006586 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
15 เลยเหรอ??  :serius2: :serius2:
จิบเก๊กหวยรอ ...

ออฟไลน์ ToffeE_PrincE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-4
เอารูปอะไรมาโพส เนี่ย :angry2:

 :beat: :beat: :z6:

 :fire:

 :กอด1:

saya

  • บุคคลทั่วไป
มีเพื่อนไปเข้าฝันแล้วเดี่ยวคืนนี้เตรียมตัวไปด้วยคน  o18

15 ก็ 15 ยังงัยก็รอได้ค่า

หาหมอนมานอนรอ :t3:

 :กอด1:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
มาแล้ววว
......................................


   Line : 34  ผืนทรายสีเขียว


       บรรยากาศยามเดินทางไปจารเซอีกครั้ง...ทั้งที่ผ่านมาไม่ถึงเดือนนั้นแตกต่างกับครั้งที่แล้วพอสมควร การเดินทางครั้งนั้นเป็นไปอย่างเป็นทางการและเรียบร้อย ทว่า ครั้งนี้อัลชาอ์บอกว่าจะไปอย่างเงียบๆและรวดเร็วที่สุด ...ซึ่ง การไปเงียบๆของท่านชีค มันก็คือการไปแบบ"เงียบ"จริงๆ

      ครั้งที่แล้วเป็นขบวนเสด็จใหญ่โตมีรถคุ้มครองของทหารและองค์รักษ์วิ่งนำและห้อมล้อมอยู่ราวสิบกว่าคัน ทว่าครั้งนี้มีเพียงรถแฮมเมอร์คันโตของพวกหน่วยทหารองครักษ์สองคันประกบนำหน้า และรถที่คาวัลโล อัลชาอ์ และเจ้าชาลฟาลซาอ์นั่ง โดยมีฮาซานเป็นคนขับ และรถโฟร์วีลอีกสองคันก็ประกบหลังเพียงแค่นี้ นับรวมแล้วมีแค่ห้าคันและดูจากภายนอกก็ไม่ต่างจากขบวนคาราวานท่องเที่ยวกลางทะเลทรายของนักท่องเที่ยวสักนิด คนที่มาในครั้งนี้ก็ร่วมยี่สิบกว่าชีวิตเท่านั้น ในช่วงที่สถานการณ์ในเมืองค่อนข้างวุ่นวายมันก็น่าห่วงเรื่องความปลอดภัยอยุ่ไม่น้อย ทว่า...พอออกปากทัก อัลชาอ์ก็ยิ้มเฉยไปเสีย

        " ...ให้เข้าใจแบบนั้นน่ะดีแล้ว " คำตอบนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว...มองรถแฮมเมอร์คันโตติดฟิล์มกรองแสงสีดำทึบเบื้องหน้าแล้วเริ่มคิด อัลชาอ์คงไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยการหละหลวมเรื่องความปลอดภัยแน่ๆ ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงว่าในรถของพวกองค์รักษ์เหล่านี้ จะมีสรรพอาวุธเตรียมพร้อมและมีการสอดส่องคุ้มกันแน่นหนากว่าที่มองเห็นภายนอกไม่รู้กี่เท่าตัว..

แต่...ให้เข้าใจแบบนั้น?

หมายถึงพวกศัตรูที่จ้องจะโจมตี...แสร้งให้พวกมันตายใจและประมาทงั้นหรือ?..

        "....มันจะเสี่ยงไปไหม? " คาวัลโลเลิกคิ้ว...ไม่แน่ใจในความปลอดภัยมากเท่าไหร่ นึกถึงพวกคนคุ้มกันของอัลชาอ์แล้วก็ลืมไปว่ายังไม่ได้คุยเรื่องยุทธวิธีอะไรกับพวกองครักษ์ละเอียดนัก อีกทั้งการที่คนพวกนี้จะเชื่อฟังหรือปฏิบัติตามคำพูดของตน มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะภาพพจน์ของเขาก็ใช่จะสวยหรูสักเท่าไหร่..นี่ไม่นับเรื่องไปทำร้ายฮาซานหรือเหวี่ยงโวยไปทั่วแล้วนะ..

        " ไม่เป็นไร..มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก " คำตอบนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว...มองนัยน์ตาของคนพูดที่ฉายความมั่นใจ หากแฝงแววเคร่งเครียดไม่น้อย...

        "....คุณแน่ใจ? " คาวัลโลเลิกคิ้วถาม เพราะเขาไม่คิดจะเชื่อ ตราบใดที่ไม่ได้เป็นพวกหัวหน้ากลุ่มก่อความวุ่นวายเสียเองแล้วตกลงใจกันว่าจะไม่โจมตีขบวนเดินทางนี้...แล้วอัลชาอ์ไปเอาความมั่นใจมากจากไหน?

        "...ใช่...." ริมฝีปากของชีคหนุ่มโฉบลงตรงขมับแล้วกดเบาๆด้วยท่าทีรักใคร่ ทว่าดวงตากลับวาววับราวกับมีความนัยอะไรบางอย่าง คาวัลโลมองตามนัยน์ตาคู่นั้น...พบว่ามันกำลังจับจ้องไปยังร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า..นั่นยิ่งทำให้เขาต้องครุ่นคิด

...อัลชาอ์บอกว่า...ถ้าไม่มีเจ้าชายฟาลซาอ์มาด้วย ก็จะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ..

...ผู้ชายที่ดูงกเงิ่นไร้ความโดดเด่นและเหมือนถูกอัลชาอ์ข่มจนชินแบบนั้น...มีความสำคัญเช่นใดต่อแผลการนี้กัน..

           "..พักเรื่องนี้ก่อนเถอะ..คิดมากไปปวดหัวเปล่าๆ " อัลชาอ์ลูบผิวแก้มขาวจัดเบาๆอย่างรักใคร่ พลางกดปลายนิ้วลงบนหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างลืมตัวของคนรัก "..ดูนี่ดีกว่า...เรากำลังเข้าเขตทะเลทรายแล้ว " 

           " อะไร? "น้ำเสียงชี้ชวนนั้นทำให้คาวัลโลละสายตาจากร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์และหันไปมองภาพเบื้องนอกกระจกรถตามน้ำเสียงของชีคหนุ่ม...พลัน เมื่อทอดมองออกไป ดวงวตาของเขาก็เบิกกว้าง ใบหน้าตกตะลึงอ้าปากหวออย่างลืมตัว..

           " โอ้....พระเจ้า...." คาวัลโลอุทานออกมาแผ่วเบา นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องเป๋งไปยังภาพทิวทัศน์เบื้องนอกอย่างตกตะลึงไม่น้อย...ทั้งอยากรู้และเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

           "มานี่สิ...นั่งตรงนี้..."ชีคหนุ่มใช้อ้อมแขนตวัดบั้นเอวของตนให้เข้าไปใกล้และชี้ชวนให้นั่งลงบนตัก แน่นอนล่ะว่าคาวัลโลไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว มาเฟียหนุ่มลุกพรวดเอนตัวไปนั่งตักชีคหนุ่มทันควันด้วยใบหน้ากระตือรือล้นทว่าทันทีที่ทรุดตัวนั่งลงบนตักอีกฝ่าย เขาก็ยืดตัวเกาะหน้าต่างรถไว้ราวกับจิ้งจกทันควัน นัยน์ตาจับจ้องภาพเบื้องนอกเขม็ง..

          " มันเกิดอะไรขึ้น?...เกิดขึ้นได้ยังไง? " คาวัลโลออกปากถามอย่างงวยงงปนอยากรู้ไม่น้อย กับภาพเบื้องหน้า....ทะเลทรายที่กลายเป็นสีเขียว...พืชพรรณที่พากันผลิดอกแตกใบเต็มเวิ้งทราย ที่เขามองเห็นตอนนี้ไม่ได้มีเพียงสีน้ำตาลของทะเลทรายอีกแล้ว เม็ดทรายร้อนๆปลิวกระจายหากแต่สลับคละเคล้ากับเนินหญ้าและเวิ้นทรายที่มีต้นหญ้าสีเขียวเล็กๆเกาะกลุ่มชูช่อยืนต้นอย่างไม่หวั่นกลัวแสงอาทิตย์จ้าในยามบ่ายแก่ๆ..
กับพื้นที่ที่ไร้น้ำและความชุ่มชื้น...ปกติมีแต่เม็ดทรายทับถมกันเป็นเนินยาวสุดลุกหูลูกตา...แต่บัดนี้มันกลับมีต้นหญ้าเล็กๆชูช่อผลิบานไปทั่วจนละลานตาไปหมด...
ทั้งแปลกตาและน่ามองนัก...

          "...ฝนตกไง "อัลชาอ์ยิ้มบางๆ ชีคหนุ่มกอดร่างคนรักไว้ ปลายคางภายใต้กุตราห์สีขาวกดลงบนผิวไหล่ของมาเฟียหนุ่ม อัลชาอ์ยิ้มบางๆจ้องมองผืนทรายที่มีต้นไม้ปกคุลมอยู่ด้วยแววตารักใคร่...ภาคภูมิและพึงใจในดินแดนที่เป็นของตนและบรรพบุรุษ ปลายนิ้วของชีคหนุ่มกดลงตรงกระจกใส ลากชี้เพื่อให้คนบนตักได้เรียนรู้ด้วยคำอธิบายของตน

         " ...ที่นี่เป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งก็จริง แต่ว่าเมื่อมีฝนตกพวกพืชหญ้าหรือวัชพืชเล็กๆที่ถูกพัดมาตามลมน่ะ ก็จะหยั่งรากเติบโตอย่างรวดเร็ว ...ดินทรายน่ะไม่อุ้มน้ำ ฝนตกลงมาน้ำก็ซึมลงไปเร็วจนต้นไม้ไม่อาจจะเติบโตได้  พายุที่เข้ามาตลอดสามสี่วันนี่น่ะเขาเรียกพายุปลายฤดู ตกนานมากกว่าตกหนัก และน้ำฝนที่รวมตัวกันก็จะเอ่อท่วมพื้นที่พวกนี้มันซึมหายไปเร็วพอๆกับไหลบ่ามาก็จริงแต่ว่า มันก็จะมีระยะเวลาสั้นๆที่พวกต้นไม้เล็กๆวัชพืชหรือพืชพันธุ์ที่อดทนเติบโตอยู่ที่นี่ได้ผลิบานขึ้นมา " ชีคหนุ่มกระซิบบอกคนในอ้อมแขน มองแววตาสดใสกระตือรือล้นของอีกฝ่ายแล้วหมั่นเขี้ยวจนต้องก้มลงกดริมฝีปากหอมแก้มเจ้าตัวป่วนสักฟอด ให้ดวงตาสีน้ำทะเลคู่โตนั้นหันมาสบมองรอยยิ้มของตน

          ".. เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไปเมื่อวาน? "คาวัลโลถาม นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่จ้องเป๋งเลิกคิ้วขึ้นช้าๆอย่างครุ่นคิด

          " ใช่...ถ้าเรามาเมื่อวาน บางทีอาจจะได้เห็นรุ้งกินน้ำด้วยนะ " ชีคหนุ่มเอ่ย เรียกให้คนฟังร้องอู้วในลำคออย่างตื่นเต้น ดี๊ด้าดีใจเหมือนเด็กๆ แต่ถึงจะเด็ก...ดูไปแล้วมันก็น่ารัก...

          "...อยากดูจัง..." คาวัลโลหันมาสบตาคนรัก ยิ้มกว้างด้วยดวงตาพราวระยับ " ผมได้ยินว่ามีรุ้งกินน้ำตอนกลางคืนด้วย.." แววตาคนพูดวาววับเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดขีด ...นั่นทำให้ผู้มองหัวเราะเบาๆอย่างอาดูร..ฝ่ามือหนาลูบไล้เส้นผมสีน้ำตาลทองของอีกฝ่ายอย่างเบามือ ก่อนที่ชีคหนุ่มจะดึงเจ้าคนที่ยึดตัวไปมามองซ้ายมองขวาอยู่ไม่สุขให้นั่งลงนิ่งๆ บนตักแล้วจับมาสบตากันเสียดีๆ

          "...มันต้องใช้ความบังเอิญและโชคอย่างมากนะ ถึงจะเจอ " ชีคหนุ่มยิ้มให้คนรัก " ทะเลทรายสีเขียว พระอาทิตย์เที่ยงคืน สายรุ้งจากพระจันทร์ หรือรุ้งกินน้ำกลางทะเลทราย..ของพวกนี้น่ะ ไม่โชคดีจริงๆก็ไม่ได้เจอหรอก..ชั่วชีวิตของคนๆนึงจะได้เจอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย "

          " ...งั้นผมก็เป็นคนโชคดีน่ะสิ " คาวัลโลออกปากถามนัยน์ตาวาววับ 

           " ใช่....โชคดีมากๆ...." อัลชาอ์ยิ้มให้กับคนรักที่จ้องมองเขาตาแป๋ว น่าหมั่นเขี้ยวจนต้องหอมแก้มแรงๆอีกสักสองสามที " แต่ผมโชคดีกว่านะ..."

           " หือ? "คาวัลโลเลิกคิ้ว มองหน้าคนพูดที่ดวงตาเป็นประกายระยับ ก่อนจะยิ้มกว้าง" โชคดีที่ได้มาดูกับผม...ใช่ไหมล่ะ  "

                   เพราะมันเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาหากหวานหู..และใบหน้าคนพูดก็เริ่มแดงจัดด้วยความอาย อัลชาอ์จึงทำได้เพียงกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถเท่านั้น แต่ก็ทำได้ยากนัก เมื่อความสุขมันล้นปรี่ในหัวใจจนไม่อาจจะห้ามได้ ชีคหนุ่มจ้องมองใบหน้าของคนพูดที่เริ่มเบือนหน้าหนี ขยับตัวขยุกขยิกจะลุกออกไปจากตักและแอบชำเลืองมองชายหนุ่มอีกสองรายที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยความขัดเขินไม่น้อยที่ถ้อยคำกระซิกระซาบแสดงความรักของพวกเขาทั้งสองนั้นคงจะแล่นเข้าหูได้อย่างไม่ยาก

        อาการ"อาย"เพราะคำพูดตัวเองที่นานๆจะเจอทีทำให้ชีคหนุ่มนึกเอ็นดูอีกฝ่ายนัก อัลชาอ์ยกมือขึ้นเล่นไล้เส้นผมนุ่มของเจ้าตัวแสบบนตักอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะดึงเอาคนที่กำลังทำท่าจะลุกไปจากตักมานั่งซ้อนตัวไว้ด้านหน้า...เช่นเคย...เช่นที่เคยทำมาเมื่อครานั้น..

     เพียงแต่ตอนนี้มันแตกต่างเมื่อสามารถโอบกอดแสดงความรักและความเป็นเจ้าของได้อย่างภาคภูมิ และไม่ได้ตกอยู่ในภวังค์รักอันโง่งมเพียงฝ่ายเดียว.

            " ...อย่าดิ้นเลย...ดูข้างนอกต่อสิ...อีกไม่กี่วันมันก็จะหายไปแล้วนะ "ชีคหนุ่มเอ่ยพลางมองไปด้านข้าง ผ่านกระจกใสที่สะท้อนภาพทะเลทรายสีเขียวชอุ่ม...ซึ่งเป็นภาพที่หาได้ยากนัก..

            "...น่าเสียดาย "คาวัลโลพ่นลมหายใจลงเล็กน้อย...มองตามดวงตาคู่นั้นของชีคหนุ่มไม่วางตา

            " อืม...แต่ไม่เป็นไรหรอก " อัลชาอ์เอ่ย พร้อมกับยิ้มบางๆ " แม้มันจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน แต่ก็ยังมีปีหน้าและปีต่อๆไป.."

             "...อา......นั่นสินะ " คนฟังนิ่งคิดไปครู่หนึ่งราวกับจะตรึกตรองอะไรบางอย่าง...ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆรับคำกล่าวนั้นอย่างว่าง่าย "...ต่อให้ภาพนี้มันจะหายไปภายในไม่กี่วัน แต่มันก็ยังมีปีหน้า...และปีถัดๆไปอีก...เรา.....มาดูด้วยกัน....ได้..."

            "คาวัลโล? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว ก้มมองคนพูดที่มีทำนองเอื้อนเอ่ยแปลกๆ

            "...เปล่า....ผมแค่....คิด....คิดถึงอนาคตน่ะ...." ปลายนิ้วสีขาวไล้ลงบนหลังมือแกร่งเบาๆขณะที่ดวงตายังคงจ้องมองภาพเบื้องนอกตาไม่กระพริบ.. " มันคงไม่แปลกใช่ไหม..ถ้าความเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างกะทัน ทำให้นึกกลัวขึ้นมา.."

ดวงตาสีน้ำทะเลเงยขึ้นและหันมาจ้องอย่างขอความเห็น อีกทั้งบอกกล่าวเว้าวอนอยู่ในที...นั่นทำให้อัลชาอ์ถอนหายใจพรู

            " ..ไม่หรอก....." ชีคหนุ่มเอ่ย นัยน์ตาจับจ้องภาพทะเลทรายที่มีพืชเล็กๆขึ้นประปรายดูแปลกตา ก่อนจะละจากภาพนั้นมาสบตาคนในอ้อมแขน "  มันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์..ใครๆก็ต่างกลัวกับสิ่งที่ไม่เคยพบเจอทั้งนั้น "

        ชีคหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากบาง จ้องมองเส้นผมสีมะออกกานีของคนในอ้อมแขนนัยน์ตาสีเข้มตวัดมองภาพทะเลทรายเบื้องหน้า ก่อนจะถอนหายใจเพียงแผ่วเบา..

ไม่ได้บอกไป ว่าการพบเจอ"โชคดี"ในครานี้ ก็มีนัยยะในทางเลวร้ายอยู่เช่นกัน

...............

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2011 00:38:10 โดย Serin »

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

   พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ส่องแสงนวลทอดเงาลงมาอย่างอ่อนโยนนั้นเดินทางไปครึ่งฟ้าแล้วยามที่คณะเดินทางได้มาจอดพัก ณ โอเอซิส ที่จะเป็นที่พักแรมในค่ำคืนนี้เมื่อลงจากรถ อากาศหนาวก็ปะทะวูบอย่างไม่ทันตั้งตัวจนขุนลุกเกรียวไปทั้งไขสันหลัง สายลมเย็นที่พัดพาเข้ามาพร้อมกับทรายเม็ดเล็กๆทำให้คาวัลโลต้องรีบยกมือขึ้นปิดบังดวงตาอย่างรวดเร็ว เขาได้ยินเสียงพูดคุยของอัลชาอ์และเหล่าผู้ร่วมขบวนในภาษาถิ่นอยู่ไกลๆ หรี่ตาฝ่าเม็ดทรายและเพ่งมองในความมืดมิดไปยังกระโจมที่ตั้งอยุ่ไม่ไกลและมีตะเกียงขนาดใหญ่แขวนไว้นำทาง

       ใช่ว่าจะไม่เคยเดินทางแบบนี้ แต่ว่าคาวัลโลก็ยังนึกสงสัยท่าทีของอัลชาอ์และคณะไม่น้อย เพราะจากที่ผ่านมาชีคหนุ่มจะลงจากรถและตรงดิ่งไปยังกระโจมทันที ทว่าตอนนี้กลับยืนคุยและสั่งการอะไรกับพวกทหารองครักษ์อยู่ท่ามกลางทะเลทรายยามค่ำคืนที่เย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยแรงลม

        "...23 องศา..คืนนี้หนาวน่าดู..." เสียงของเจ้าชายฟาลซาอ์ดังขึ้นใกล้ตัว ทั้งยังเป็นภาษาอังกฤษทำให้คาวัลโลหันไปมอง ด้วยรู้ว่าถ้าไม่ประสงค์จะคุยกับเขา ชายตรงหน้าคงไม่พูดแบบนี้แน่ๆ

       " เพราะฝนตกและเพิ่งหยุดเมื่อวาน..อากาศแถวนี้เลยยังแปรปรวน " เจ้าชายหนุ่มหันมายิ้มให้และออกปากอธิบาย นัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นหันมาสบตาและตวัดสายตาไปมองสภาพอากาศอีกครั้ง  ก่อนจะเอื้อมมือดึงแขนมาเฟียหนุ่มให้เดินตามหลัง กริยานั้นทำให้คาวัลโลชะงักหน้าเหวอ และหันไปมองอัลชาอ์โดยอัตโนมัติ

       แรงดึงนั้นทำให้ชีคหนุ่มชะงัก อัลชาอ์หันกลับมามองสบนัยน์ตาสีน้ำทะเลของคนรักเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วที่ฉุดรั้งโธปสีเข้มของตนไว้ ชีคหนุ่มยิ้มให้กับใบหน้าเหรอหราของคาวัลโล ฝ่ามือหนาวางลงบนศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองแบาๆ ก่อนริมฝีปากจะบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม

       "..ไปกับฟาลซาอ์ก่อน...ผมมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย "

           สิ้นคำกล่าวนั้นคาวัลโลก็หยักหน้ารับ แต่เขาก็ยังบิดข้อมือออกจากฝ่ามือของเจ้าชายหนุ่มอย่างสุภาพ ไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของอีกฝ่าย คาวัลโลเพียงแต่ยกยิ้มไม่เอ่ยคำและเดินตามหลังไปเงียบๆ แม้ในใจจะนึกขัดเคืองไม่น้อย..เขาไม่ใช่ของสาธารณะที่ใครอยากจะจับก็จับ  ไม่ได้หวงตัวเหมือนผู้หญิง แต่ไม่ชอบที่จะให้ใครมาปฏิบัติต่อเขาเหมือนผู้หญิง เข้ามาจับมือแล้วลากนำไปเหมือนตัวเขาไม่มีแรงเดิน เพราะเห็นเขาเชื่อฟังยอมตามหลังอัลชาอ์ต้อยๆเลยทำบ้างรึไง
คนที่จะทำแบบนั้นกับเขาได้ ตอนนี้มีเพียงอัลชาอ์คนเดียวเท่านั้น..

      เข้ามาภายในกระโจมที่อากาศค่อยอุ่นขึ้นและไม่มีลมแรงเช่นภายนอกจึงค่อยเบาใจ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกหงุดหงิด เพราะสภาพอากาศแบบนี้จะออกไปไหนได้หรือ แล้วที่สัญญากันไว้ว่าจะไปดูดาวด้วยกัน จะทำได้จริงหรือไง

      "...คุณก็พักที่นี่? " คาวัลโลเลิกคิ้ว...ออกปากถามเจ้าชายหนุ่มที่หยิบฟูกยาวหนานุ่มมาปูบนพรมถักเเข็งๆที่ใช้เป็นที่ปูรองบนผืนทรายและค่อยทรุดกายลงนั่ง ...ส่วนตัวคาวัลโลก็ทรุดตัวตามอย่างรวดเร็ว...เนื่องด้วยในนี้ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้เตรียมพร้อมสรรพเช่นทุกคราว จะมีก็แต่ตะเกียงที่แขวนไว้ให้ความสว่างเท่านั้น..

      " เปล่า..." คำปฏิเสธและสีหน้าอมยิ้มคล้ายจะรู้ทันของอีกฝ่ายทำให้ผิวแก้มขึ้นสีเรื่อขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนที่คาวัลโลจะกลบเกลื่อนมันอย่างรวดเร็ว " ผมแค่มานั่งรอเป็นเพื่อนคุณ "

      "...เป็นเพื่อนผม?..ทำไม กลัวผมจะชักน้ำลายฟูมปากรึไงถ้าไม่มีคนอยู่ด้วย " คาวัลโลหน้ามุ่ย เบ้ปากใส่คนพูดอย่างหงุดหงิดกับคำตอบนั้น ขณะที่เจ้าชายหนุ่มผู้ได้ฟังยิ้มค้าง...เหมือนจะตะลึงและช๊อคไปไม่น้อยกับวาจาของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า..

     "..อ่า....ผมแค่ล้อเล่น...ก็บังเอิญว่าท่านพี่อัลชาอ์มีเรื่องต้องจัดการและให้ผมรู้ไม่ได้ จึงต้องมาอยู่ที่นี่กับคุณไงล่ะ " ฟาลซาย์ยิ้มเจื่อนๆก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา ทว่าคำพูดนั้นทำให้ผู้ฟังเลิกคิ้ว..

     "...สรุปว่าความจริงให้ผมคอยเฝ้าคุณสินะ " รอยยิ้มของมาเฟียหนุ่มวาววับ..ชอบใจ

      " ก็..คงงั้นมั้งครับ " เจตนาของผู้สั่งการจะเป็นเช่นไร ใช่หรือไม่ใช่แต่ออกปากตอบรับไว้ก่อนคงดีกว่า

      "น่าสงสัยไม่น้อยนี่...ว่ามีเรื่องอะไรที่คุณรู้ไม่ได้ "ดวงตาคู่นั้นมองสบอย่างสงกาไม่น้อย แต่ก็มีแววท้าทายอยู่ในที

       ". คุณน่าจะรู้ความเป็นมาของผมนี่...แค่ท่านพี่อัลชาอ์อุ้มชูให้ดำรงตำแหน่งก็ดีแค่ไหนแล้ว...กับผู้ที่ไม่ได้มีสายเลือดของผู้ครองแคว้น จะหวังสิ่งใดที่เกินตัวไปทำไม " คำพูดนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว จ้องมองเจ้าชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างใคร่ครวญอีกครั้ง..ก่อนจะถอนใจพรู..

        "  หน้าตาคุณดูสิ้นหวังกับชีวิตดีนะ "ว่าแล้วมาเฟียหนุ่มก็หัวเราะพรืด "ชวนสงสัย ว่าจะไม่นึกอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างรึไง?"

        " ผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ " ฟาลซาอ์เอ่ยเรียบๆ หากดวงตาสีมรกตคู่นั้นจ้องมองอย่างไม่ยอมหลบ เพื่อแสดงความจริงใจ

        "....นั่นสินะ.. เพราะช่วงนี้ก็มีพวกโง่เข้ามาวุ่นวายที่ประเทศคุณเยอะแยะ" คำกล่าวนั้น ทำให้ดวงตาของผู้ฟังฉายแววสั่นไหวขึ้นมาวูบหนึ่งอย่างปิดไม่มิด และแน่นอน...นั่นไม่อาจจะพ้นจากการสังเกตการของคาวัลโลไปได้  "ก็ได้แต่หวัง ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรเลวร้ายขึ้นอีก "

        "....ผมก็คิดแบบนั้น " ฟาลซาอ์ตอบสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจและหยัดกายลุกขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมที่ลอดเข้ามาด้านในจากกระโจมที่เปิดอ้าและร่างของชีคอัลชาอ์เดินเข้ามาภายในกระโจม เจ้าชายหนุ่มผินกายไปโค้งตัวลาแก่ญาติผู้พี่ของตนเงียบๆแล้วเดินออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คาวัลโลนิ่งมองด้วยสายตางวยงงไม่น้อย

       "...คุณไปแกล้งอะไรเขาอีกล่ะหืม? " น้ำเสียงทายทักของชีคหนุ่มผู้กำลังหยิบหมอนใบโตและผ้านวมขนเป็ดผืนใหญ่มาปูลงบนฟูกหนาอีกคราทำให้คาวัลโลที่ถูกกันให้ลุกออกไปมองชีคหนุ่มจัดที่ทางภายในกระโจมหน้านิ่ว..

       "อะไรกัน ทำไมต้องว่าผมแกล้งด้วยล่ะ..." น้ำเสียงกระเง้ากระงอดนั้นทำให้คนฟังหัวเราะเบาๆ วางสัมภาระที่ติดตัวมาลงบนพื้นแล้วหันไปคว้าตัวมาเฟียหนุ่มที่กำลังหน้ามุ่ยได้ที่มาแนบอก

       "  แล้วไม่จริง..? "รอยยิ้มและแววตารู้ทันนั้นทำให้คาวัลโลชักสีหน้าหงุดหงิด ทว่าก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด..

       " ก็นิดหน่อย...แค่ถามซักเล็กๆน้อยๆ " คาวัลโลตอบคำและนั่นก็เรียกร้อยยิ้มขันเชิงหมั่นเขี้ยวของชีคหนุ่มพร้อมกับจูบฟอดใหญ่บนแก้มขาว  อัลชาอ์ตั้งท่าจะฟัดเจ้าเหมียวตัวน้อยให้จมเขี้ยวทว่าเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวจึงผละจากอ้อมแขนชีคแห่งเซเนียยามาทิ้งตัวลงบนผ้านวมผืนหนาและกองหมอนนุ่ม  เอาหน้าซบซุกสัมผัสความนุ่มนิ่มชวนนิทรานั้นอย่างรวดเร็ว อัลชาอ์อมยิ้มให้กับกริยาท่าทางเหมือนเด็กน้อยนั้น และเป็นฝ่ายหยิบเอกสารที่ค้างอยู่มานั่งอ่านเสียเอง ฆ่าเวลาเพื่อรออาหารมื้อดึกที่ยังไม่มาถึง

         เอาหน้าซุกหมอนเล่นจนพอใจและดิ้นไปดิ้นมาเหมือนเด็กอย่างที่ไม่ได้ทำมาเสียนานแล้วจึงค่อยเงยหน้าไปมองเงาร่างของคนรัก คาวัลโลเอียงคอมองชายหนุ่มผู้กำลังนั่งเปิดเอกสารบางอย่างด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่มุมปากจะกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

    กระดึ้บตัวขยับสามสี่ทีเหมือนหนอนบุ้งพาร่างตัวเองมาคลอเคลียใกล้ๆ แล้ววางฝ่ามือบนท่อนขาของคนรัก พาดปลายคางลงไปแล้วเอนตัวนอนกลิ้ง ภารกิจเป็นอันเสร็จสมบูรณ์

     แว่วเสียงหัวเราะทั้งขันทั้งเอ็นดูของอัลชาอ์ หากเพียงสบมองดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววรักใคร่อาดูรแล้วความคันเคืองในหัวใจกลับปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว คาวัลโลยิ้มหวานให้คนรักและเป็นฝ่ายใช้ศรีษะของตนกลิ้งไถต้นขาของชีคหนุ่มอย่างหยอกเย้า ทำกริยาอาการราวกับเด็กน้อยไม่ต่างกับเมื่อครู่เสียเท่าไหร่ และเมื่อฝ่ามือหนาทาบลงบนผิวแก้มมาเฟียหนุ่มที่ตอนนี้ชักจะกลายร่างเป็นเจ้าตัวปัญญาอ่อนก็เอียงแก้มคลอเคลียอย่างรวดเร็ว..

      "..หืม...ทำอ้อนแบบนี้ เป็นอะไรไปล่ะ? " เสียงทุ้มเอ่ยถาม พลางไล้เล่นปลายนิ้วกับผิวแก้ม ริมฝีปากและปลายจมูกของมาเฟียหนุ่ม ผู้ซึ่งนอนทำตาหวานเคล้าคลอเคลียราวกับแมวน้อยอย่างน่ารักนัก

       " อยากทำอ่ะ...ไม่ได้เหรอ? "คำตอบแสนเอาแต่ใจทว่าก็น่ารักน่าชังนัก อัลชาอ์ใช้ฝ่ามือข้างที่ยังคงเล่นไล้กับเจ้าแมวตัวน้อยไม่ห่างลูบเส้นผมและเปลือกตาเจ้าตัวเสียทีหนึ่งเป็นเชิงหยอกเย้า

       " ได้สิ...จะทำอะไรก็ได้...ตามใจคุณ " คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มหวานจากผู้ฟังและริมฝีปากบางที่กดลงบนฝ่ามือของชีคหนุ่มแทนคำขอบคุณ คาวัลโลยิ้มหวานให้ชีคหนุ่มผู้เป็นคนรักก่อนจะพลิกตัวนอนหงาย ก่ายเกยศรีษะพาดไว้บนท่อนขาของคนรัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองผนังกระโจมสีเข้ม ขณะที่ใบหน้ายังคงคลอเคลียกับฝ่ามือของชีคหนุ่มไม่ยอมห่าง...

...อิสระ...การได้ทำอะไรตามใจตนโดยไม่ต้องนึกถึงสิ่งใด ไม่ต้องกลัวเกรงสายตาของใคร ไม่ต้องหวั่นระแวงอะไรทั้งนั้น..

ได้ทำตัวเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ ออดอ้อนพลอดพร่ำคำหวานกับคนรัก แม้จะดูงี่เง่าปัญญาอ่อน..แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็มีความสุขมากกว่าการทำตัวเป็นชายหนุ่มผู้องอาจและเพียบพร้อมมากนัก..

มาเฟียหนุ่มผ่อนลมหายใจลงช้าๆ...รู้สึก...ถึงน้ำหนักบางอย่างที่กดทับหัวใจ ค่อยคลายลงทีละน้อย...

คววามหอมหวานของอิสระ และความอบอุ่นอ่อนโยนของคนรัก...ความรัก...กำลังค่อยๆผูกตรึงร่างกายและหัวใจของเขาช้าๆ ...

...ไม่ให้กลับไปที่ไหน หรืออยู่ที่ใดได้ นอกจากอ้อมแขนของผู้ชายที่ชื่ออัลชาอ์เท่านั้น...

และเป็นการผูกมัด ที่เขาเต็มใจ...ยิ่งกว่าเต็มใจเสียด้วย..

       ตะเกียงทำจากไม้ฉลุลวดลายงดงามตามแบบโบราณส่องแสงเรื่องเรืองทั่วกระโจม เสียงลมและกรวดทรายเบื้องนอกดังปะทะผืนหนังเปะปะเบาๆ ทั้งที่คราวก่อนนึกกลัวแทบตายแต่ทำไมนะตอนนี้ถึงได้คุ้นเคยนัก ฝ่ามือหนาที่กอบกุมไว้ด้วยฝ่ามือตนเองและแนบอยู่บนผิวแก้มยังคงมีไออุ่น ใบหน้าของชีคหนุ่มคนรักก้มต่ำ นัยน์ตาสีเข้มหรุบต่ำลงฉายแววเคร่งขรึมยามจ้องมองเอกสารในมือ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันน้อยๆ อย่างครุ่นคิด เส้นผมสีดำสนิทหยักสลวยน้อยๆยาวระต้นคอเล็ดลอดออกมาจากกุตราห์สีขาว ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับชาวอาหรับ ดูดีอย่างที่คาวัลโลเคยบ่นประณามไว้ว่าอยากจะเอาอะไรมาทุบเสียให้หมดคู่แข่ง ทว่ามาตอนนี้ ยามได้จ้องมอง..หัวใจกลับค่อยเต้นแรง..และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากอย่างห้ามไม่ได้..

   ...สัญชาติญาณกระซิบบอก ว่าเขาโชคดี..โชคดีแค่ไหนที่ได้ชายคนนี้มาเป็นคนรัก..และได้รับความรักจากชายหนุ่มตรงหน้า..

 อัลชาอ์อาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่เก่งกาจเหี้ยมหาญ ไม่ใช่คนที่แสดงความเเข็งแกร่งของตนเองออกมาในรูปแบบของการใช้อำนาจและกำลังกดขี่คนอื่น.

.ทว่า ความแข็งแกร่งในจิตใจผู้ชายคนนี้กลับแสดงออกมาเป็นความอ่อนโยน มุ่งมั่น และความรักที่ทุ่มเทมาให้เขา

ผู้แข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องแสดงอำนาจหรือรุนแรงโหดร้าย..ผู้นำที่ดีไม่จำเป็นต้องปกครองคนด้วยความกลัว

..ดูแลและปกครองคนด้วความรักและความดี จึงเป็นที่รัก...ถึงได้มีแต่คนจงรักภักดี..

ความจริงที่ได้พบทำให้คาวัลดลยิ้มกว้าง..หัวใจฟูฟ่องด้วยความปลาบปลื้ม..

..ทั้งดีใจ ทั้งภาคภูมิใจในตัวอัลชาอ์เหลือเกิน

        "....อัลชาอ์..." น้ำเสียงเรียกของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นเบาๆทำให้อัลชาอ์ชะงัก ชีคหนุ่มเลิกคิ้วมองหน้าผู้พูดที่นอนหนุนตักออดอ้อนตนเองอยู่ราวกับเด็กน้อย ฝ่ายนั้นใช้ดวงตาหวานๆจ้องมองตนเองไม่กระพริบชวนให้หัวใจกระตุกวาบด้วยความรักใคร่..

        ".....หืม? " ชีคหนุ่มรับคำเบาๆ ขณะที่คาวัลโลยันตัวลุกขึ้นจากตักของคนรัก และเป็นฝ่ายนั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างใคร่ครวญ..

        " คุณนี่หล่อจังเลยแฮะ " คำชมที่ได้รับทำให้ชีคหนุ่มชะงักด้วยสีหน้าเหวอไปครู่หนึ่ง...ก่อนที่อัลชาอ์จะวางเอกสารทั้งหมดของตนลงบนฟูก แล้วเริ่มหัวเราะ
       " ไหนบอกว่าผมหลงตัวเอง? "อ้อมแขนหนาตวัดกอดเอวบางไว้แล้วรั้งเจ้าตัวมาแนบกาย อัลชาอ์มองหน้าคนที่จู่ๆก็ลุกมาทำตัวน่ารักน่าชังแถมออกปากชมกันอย่างซึ่งหน้าด้วยความสงสัยไม่น้อย ทว่ากริยาของอีกฝ่ายกลับดูใสซื่อและไร้ความนัยใดแอบแฝง และดูจริงใจเสียจนนึกปลาบปลื้มไม่ได้..

       "...ก็มันจริงๆนี่...คนรักของผม....ชีคอัลชาอ์นี่หล่อที่สุด ! "คำประกาศจากปากของคาวัลโล ทำให้หัวคิ้วของชีคหนุ่มย่นเข้าหากันชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะลั่นออกมาอย่างถูกใจ  ปลายจมูกโด่งกดลงบนผิวแก้มขาวอย่างหมั่นเขี้ยว ออกแรงทิ้งน้ำหนักตัวลงไปทาบทับร่างเพรียวเจ้าของคำพูดแสนน่ารักและตรงไปตรงมา เจ้าเหมียวตัวน้อยของเขาดิ้นฟืดฟาดบ่นว่าหนักสองสามทีสุดท้ายก็ยอมเงียบเสียงลงเมื่อถูกระดมจูบ...จูบเบาๆที่ริมฝีปากราวกับผีเสื้อโฉบทับ แต่ติดกันหลายๆครั้งจนเจ้าเหมียวใต้ร่างครางฮือ ออกปากยอมแพ้ต่อกันทั้งที่ใบหน้ายังแดงก่ำ

      "อะไรกัน ผมออกปากชมแท้ๆ " คาวัลโลบ่นอู้ งึมงัมผ่านแผ่นอกหนาที่แนบชิด

     "ก็รางวัลสำหรับคนน่ารักไง...หืม..." ชีคหนุ่มยิ้มกว้าง และกดริมฝีปากลงบนผิวแก้มขาวอีกรอบอย่างรักใคร่ ก่อนจะเอ่ยปากถามยิ้มๆ "แล้วเกิดอะไรขึ้นถึงได้ทำตัวน่ารักขนาดนี้เนี่ย "

     "..ก็ผมพูดตามความจริงนี่ "คาวัลโลตอบตาใส ก็มันจริงนี่...เป็นความจริงที่รู้แต่แรกเลยล่ะ เพียงแต่ไม่อยากยอมรับเท่านั้นเอง มาตอนนี้พอยอมรับแล้วกลับถูกหาว่าทำตัวแปลกๆอีก ชะ

     "...งั้นผมจะพูดว่าคุณหน้าตาดี น่ารัก น่าหลงไหลที่สุด..ดีไหม? " อัลชาอ์ยิ้มหวานให้คนใต้ร่าง ริมฝีปากหนาจูบไล้ปลายคางของเจ้าแมวน้อย ไล้ลงยังเส้นชีพจนใต้ลำคอเรียกเสียงครางเครือสั่นนิดๆอย่างเร้าอารมณ์..

     " ..ก็เป็นความจริงอยู่แล้วนี่ "นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยหันมาสบ แล้วริมฝีปากของเจ้าตัวก็ขยับพูดวาจาแสนจะหลงตัวเอง ชีคหนุ่มส่ายหน้าอมยิ้มกับคำพูดน่าหมั่นเขี้ยว กอดประคองร่างคนรักแนบอก ตวัดอ้อมกอดรัดรึงให้ดวงตาคู่นั้นหันมาหา..ตาสบตาท่ามกลางบรรยากาศหวานเชื่อมด้วยไอรัก

     " คาวัลโล.."

     " ขออนุญาติครับ.." เสียงของฮาซานดังขึ้นภายนอกทำให้อัลชาอ์ชะงัก อัลชาอ์หันไปเอ่ยปากถามธุระขององครักษ์คนสนิทที่ยืนรออยู่ด้านนอก แว่วเสียงตอบเป็นภาษาอาหรับกันสองสามปะโยค ชีคหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างเสียดายและหันมาสบตายิ้มๆ

      " ไปทานข้าวกันเถอะ.." สีหน้าอาลัยไม่น้อยของคนรักชวนให้นึกสงสารนัก คาวัลโลยิ้มออกมาด้วยความขบขันกึ่งสงสาร แต่ก็สาวเท้าออกจากกระโจมตามหลังชีคหนุ่มและแรงฉุดดึงที่ฝ่ามือแต่โดยดี

.........................


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

    ท้องฟ้ายามค่ำคืน ณ กลางทะเลทรายนั้นเต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยิบระยับราวกับจะเอื้อมถึง สามารถเห็นชัดเจนด้วยฟ้าเปิดและไร้เมฆหมอก สายลมที่เคยพัดหวีดหวิวรุนแรงในยามมาถึงโอเอซิสแห่งนี้ได้คลายแรงลงกลายเป็นสายลมอ่อนแผ่ว เม็ดทรายที่ปลิวตามแรงลมและทัศนวิสัยที่แย่จึงเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ

        เงาของต้นอินทผาลัมและต้นปาล์มที่ยืนต้นขึ้นรอบโอเอซิสนั้นสะบัดไหวไปมา แสงของรถโฟร์วีลที่จอดอยู่ส่องสว่างจ้าจนมองเห็นสีเขียวสดและใบไม้ที่มีชีวิตชีวากว่าปกติอย่างชัดเจน คาวัลโลเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่พราวพร่างเต็มฟ้า ขณะที่นั่งยองๆบนโขดหินเพื่อล้างมือหลังจากทานอาหารมื้อดึกไปเรียบร้อยแล้ว

       แว่วเสียงฝีเท้าย่ำตามมาไม่ไกลพร้อมกับขวดน้ำเย็นเจี๊ยบถูกยื่นมาตรงหน้า มาเฟียหนุ่มสะบัดมือจากแอ่งน้ำบนผืนดิน และเอื้อมมืคว้าน้ำดื่มจากผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังทันที

       อัลชาอ์ทรุดกายลงข้างๆก้มตัววักน้ำทำความสะอาดมือเงียบๆ มาเฟียหนุ่มมองตามกริยาของคนรักจนกระทั่งฝ่ายนั้นล้างมือเสร็จคาวัลโลจึงยื่นขวดน้ำให้อัลชาอ์รับมาดื่ม ก่อนที่ร่างของชีคหนุ่มจะนั่งลงบนก้อนหินข้างๆอังไออุ่นกันโดยไร้คำพูดใด ท่ามกลางเงาของพรรณไม้ที่สะบัดเสียดสีกันเบาๆและเสียงหรีดหริ่งเรไรโดยรอบ ความสงบรื่นรมย์นี้ทำให้คาวัลโลยิ้มออกมาบางๆ ค่อยเอนตัวพิงร่างสูงใหญ่ข้างกายช้าๆอดจะฮัมเพลงออกมาเบาๆด้วยความสุขใจไม่ได้

       "...อา....ผมสัญญาว่าจะพาคุณมาดูดาว.."ครู่หนึ่งในความเงียบ อัลชาอ์จึงค่อยเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบา และใจความนั้นทำให้คาวัลโลหัวเราะพรืด..

       "ใช่..แล้วยังบอกว่าจะทำอะไรๆกันกลางทะเลทรายเสียด้วย "มาเฟียหนุ่มหัวเราะร่าด้วยความขบขันกึ่งถูกใจ " ท่านชีคอัลชาอ์ผุ้เคร่งขรึมครับ ผมล่ะเพิ่งรู้ว่าคุณน่ะทั้งลามกและสัปดนเสียจริงๆ...ไม่เสียแรงที่ไปอยู่อังกฤษมาตั้งนาน"

       "....ลามก...? " อัลชาอ์ทวนคำแล้วทำตาโต ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อคาวัลโลเอ่ยถึงประเทศที่เขาไปพำนักอยู่เป็นเวลานาน อังกฤษกับฉายาเมืองแห่งราคะที่มีกระทั่งงานประกวดช่วยตัวเองมาราธอน ก่อนจะสัพยอกกลับ

       " หรือคุณไม่?"

       "..จะแข่งกันงั้นสิ "คาวัลโลร้อง"ฮ่า"ออกมาแล้วขำก๊าก มาเฟียหนุ่มเอนขยับตัวกระแทกไหล่ชีคหนุ่มสองสามทีอย่างหยอกเย้า ก่อนจะร้องเหวอออกมาเบาๆเมื่ออ้อมแขนแกร่งตวัดกอดรับร่างของเขาไว้บนท่อนแขนตนแล้วออกแรงยกขึ้นจากพื้น แถมยังก้าวฉับๆเดินทะลุโอเอซิสออกไปกลางทะเลทรายราวกับตัวเขาน้ำหนักแค่ห้ากิโลกรัมเสียด้วย

        " ไม่หนักเหรอ? " คาวัลโลสะบัดขาไปมาในอ้อมกอดของชีคหนุ่มฝ่ามือคว้าไหล่หนาเอาไว้แล้วถามออกมาอย่างสนอกสนใจ ดวงตาจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนรักเป๋ง ไร้อาการเคอะเขินกระดากอายหรือสนใจต่อสายตาคนภายนอกโดยสิ้นเชิง

       "...หนัก...แต่ทนได้..." อัลชาอ์ยิ้มให้คนรัก ก่อนจะร้อง"ฮึบ"แล้ววางร่างของอีกฝ่ายลงบนผืนทราย ชี้ชวนไปยังเพิงหินที่อยู่ไม่ไกลซึ่งมีผืนพรมหนาและตะเกียงขนาดกลางวางอยู่อย่างรู้งาน

       " หืมมม เตรียมการไว้แล้วสิ " คาวัลโลทักตาใส เขาลูบแขนตัวเองช้าๆเพราะความเย็นของอากาศในทะเลทรายและสายลมที่พัดวูบมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และทันทีที่ทำอย่างนั้นก็มีผ้าคลุมผืนหนาวางลงบนไหล่ทันควันจนต้องอมยิ้ม

            เพิงหินขนาดใหญ่นี้มาจากก้อนหินที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ และถูกสายลมกัดกร่อนจนเว้าแหว่งเป็นป้อมปราการชั้นดีจากสายลมและเม็ดทราย คาวัลโลทรุดตัวแปะลงบนผืนพรมถักที่ถูกนำมาปูรองไว้ หันไปมองอัลชาอ์ที่จัดการหรี่แสงตะเกียงที่เคยเจิดจ้าให้ริบหรี่ลงพอมองเห็นเสี้ยวหน้าของกันและกัน

          บรรยากาศแสนโรแมนติกนี้ทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มหวาน เบื้องหน้าของเขาก็เป็นผืนทรายยาวสุดลูกหูลูกตา สีของเม็ดทรายสะท้อนกับแสงจันทร์เสี้ยวเกิดเป็นเงาของเนินทรายสลับกันไป เงาตะคุ่มที่เห็นอยู่ไม่ไกลคือต้นกระบองเพชรที่ยืนหยัดอย่างทรหดบนผืนทรายแห้งแล้ง และยามนี้ที่สายฝนพร่างพรมลงบนผืนทรายแห่งเซเนียยา ก็เกิดเป็นต้นวัชพืชเล็กๆแตกหน่อออกใบจนเกิดเป็นเนินทรายสีเขียวสลับกันไปอย่างน่ามอง เบื้องบนมีดวงจันทร์ส่องแสงสว่างและมีดวงดาวอวดโฉมความงามอยู่ข้างฟ้า สีดำสนิทของท้องฟ้ายามค่ำคืนไร้เมฆหมอกมาบดบังทำให้แสงดาวที่เปล่งประกายออกมาน่ามองนัก

        " อ่า....นี่...." คาวัลโลเหลือบไปเห็นต้นไม้เล็กที่ออกดอกสีชมพูเข้มแสนคุ้นตาจึงอุทานออกมาเบาๆ ปลายนิ้วของเขาไล้กลีบบอบบางของดอกไม้แสนทรหดก่อนจะเอนตัวไปด้านหลัง...เพื่อพิงแผ่นอกหนาอันอบอุ่น...และปิดตาลงด้วยความรู้สึกสงบ...อุ่นใจ..

        " ดอกกุหลาบทะเลทราย " อัลชาอ์เอ่ย เรียกเสียงครางในลำคอของคาวัลโลดังขึ้นเบาๆเป็นเชิงรับรู้

        " มันเก่งมากเลยนะ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้ " คาวัลโลเอ่ยรับคำด้วยรอยยิ้มบาง "และฝนตกมาไม่นานก็ยังอุตส่าห์ออกดอกเพื่อแพร่พันธุ์ ช่างแข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้อะไรเลยว่าไหม "

        " ใช่..." อัลชาอ์รับคำ ขณะที่เอื้อมแขนกอดรัดร่างของคาวัลโลให้แนบแน่นขึ้น ปลายคางสากวางลงบนกระหม่อมบางสูดดมกลิ่นของสายลมจากเส้นผมของอีกฝ่าย " แต่รู้อะไรไหม ต่อให้ต้นกุหลาบจะแข็งแกร่ง และเข้มแข็งแค่ไหน มันก็ต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่ดี "

         "......"

         " อย่างต้นกุหลาบหินต้นเล็กๆต้นนี้ มันยังต้องมาอาศัยอยู่ใกล้เพิงหินนี้เพื่อดำรงชีวิตอยู่เลย...อาศัยร่มเงาของหินมาบรรเทาความร้อนแรงและโหดร้ายของผืนทราย...เพื่อที่ว่าสักวัน มันจะได้ออกดอกชูช่อเบ่งบานได้อย่างไม่อายใคร " ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นค่อยก้มลงมาสบมองดวงตาสีน้ำทะเลที่เปิดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า...ด้วยรู้...รู้ถึงนัยยะบางอย่างที่แฝงมา

        "เช่นเดียวกับชีวิตของคน...คาวัลโล พึ่งพากันบ้าง..แอบอิงกันบ้าง..ไม่ใช่เพราะความอยู่รอดเพียงอย่างเดียว...แต่เพราะมันเป็นสิ่งที่เตือนใจให้รู้ว่าผู้แข็งแกร่งไม่อาจจะยืนอยู่อย่างเดียวดาย...คนที่เก่งกาจแต่ต้องอยู่คนเดียว อยู่อย่างหวั่นระแวงไปวันๆใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการทรยศหักหลังกันทุกเมื่อเชื่อวัน...ไม่เพียงจะลำบากใจแต่ยังเหน็ดเหนื่อย...ที่ตรงนี้....มันอ่อนล้าและต้องการที่พักพิง..."

        ปลายนิ้วของชีคหนุ่มแตะลงบนแผ่นอกข้างซ้าย ประทับลงเพียงแผ่วเบาพร้อมกับดวงตาที่สื่อถึงความนัย " ต่อให้กุหลาบทรายจะแข็งแกร่งแค่ไหน ทว่ามันก็ต้องพึ่งพิงเงาจากเพิงหินเพื่อจะรอดชีวิต ไม่ต่างอะไรกับคนๆหนึ่ง ที่ต่อให้เก่งกาจเพียงไร ก็ยังคงต้องการที่พักพิงหัวใจอยุ่ดี...มันไม่ใช่การเสียศักดิ์ศรี มันไม่ใช่ความอ่อนแอหรือความด้อยค่าควรประณาม ....แต่มันเป็นปกติของใจคน..."

        " คุณเข้าใจผมใช่ไหม?"

        "........." คาวัลโลจ้องมองดวงตาสีดำสนิทที่แสนห่วงหาและรักใคร่...นิ่งงัน...หัวใจบนแผ่นอกซ้ายเต้นรัวขึ้นมาอย่างจะสนับสนุนถึงความจริงจากปากของชายตรงหน้า..มาเฟียหนุ่มชะงัก..ก่อนจะกระพริบตาช้าๆผ่อนลมหายใจแผ่วเบา

        "...อัลชาอ์..." น้ำเสียงแผ่วค่อยของคาวัลโลดังขึ้นมาหลังจากเงียบงันกันไปครู่หนึ่ง...ชีคหนุ่มพยักหน้ารับ มองรอยยิ้มของคนรักที่ค่อยกว้างขึ้น " คุณน่ะ...เป็นคนหนึ่ง..ในจำนวนไม่มากที่ผมเจอจริงๆนะ ที่ไม่เห็นแก่ตัวและทำเพื่อคนอื่นได้ขนาดนี้.. "

        "...คุณไม่ได้เป็นคนอื่น..คาวัลโล..." อัลชาอ์ถอนหายใจกับคำพูดนั้น ก่อนจะยกยิ้มบางๆ " และผมก็เป็นคนเห็นแก่ตัวเช่นกัน...ใครๆ ก็เป็นนักฉวยโอกาสทั้งนั้น ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น สิ่งที่แตกต่างกันก็มีแค่ระดับในการฉวยโอกาสของแต่ละคน ว่าคนคนหนึ่งยินดีจะทำถึงแค่ไหนพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ..."

      " อย่างผม...ตอนนี้ผมก็กำลังฉวยโอกาส... ช่วงชิงความอ่อนแอของคุณ อาศัยความหวั่นไหวและไร้ที่พึ่งของคุณ...เพื่อได้มายังสิ่งที่ตัวเองต้องการ"

       " คุณ....ไม่ได้ฉวยโอกาส...แต่ผมต้องการมันเองต่างหาก " คาวัลโลพ่นลมหายใจช้าๆ จ้องมองไปยังทะเลทรายเวิ้งว้างเบื้องหน้าอย่างใคร่ครวญ "  ผมเข้าใจ...และขอบคุณที่คุณหยิบยื่นที่พักพิงให้กับผม ทั้งกับร่างกายและหัวใจ..และตอนนี้ คุณก็ยังสอนผม...."

          "tu sei ,per me ,molto importante.   " คาวัลโลยิ้มออกมาหลังจากเอ่ยจบ

       "...ความหมายล่ะ? "ชีคหนุ่มเลิกคิ้วออกปกาถามกลับอย่างข้องใจไม่น้อย

        " ไม่บอก...ทีคุณยังไม่บอกผมเลย "คาวัลโลยักไหล่ลอยหน้าลอยตาอย่างชวนให้หมั่นไส้นัก แถมยังไม่ลืมความแค้นเรื่อง "ฮาบิติ"คำนั้น " อะ...จริงด้วย..."

              คาวัลโลหันมามองหน้าอัลชาอ์ก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง

         " สอมผมพูดภาษาของคุณด้วย...เดี๋ยวนี้เลย "

         "เอ๋? " อัลชาอ์เลิกคิ้ว สีหน้างุนงงกันความเปลี่ยนแปลงของคนรักไม่น้อย

          "ไม่ "เอ๋" ล่ะ ...ผมไม่อยากฟังคุณพูดไม่รู้เรื่อง...สอนผมมาซะดีๆ แล้วจะบอกความหมายของประโยคเมื่อกี้ให้..." คาวัลโลร้องเหยงๆ หันขวับมามองตาชายหนุ่มเบื้องหน้า อัลชาอ์ชะงัก ก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วเอื้อมมือมาโยกศีรษะคนรักที่ออกปากขอเป็นลูกศิษย์ตัวน้อยของตน

         "...ก็ได้...งั้นนั่งฟังเสียดีๆ..." ชีคหนุ่มรั้งร่างของคนรักมาแนบอก ก่อนจะออกปากสอนภาษาของตนเองให้อีกฝ่าย อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าที่แสนจะตั้งอกตั้งใจ ยามเอ่ยปากทบทวนคำศัพท์เสียงคำพูดของเขา แล้วแอบบ่นกระปอดประแปดถึงความยากของมันอยู่คนเดียวอย่างรักใคร่...

          "ซาลาม..สวัสดี...ซะโลนิค..สบายดีไหม? อาซีฟ ขอโทษ...เอ...แล้ว..." เสียงหงุงหงิงกับใบหน้านิ่วน้อยๆยามออกปากทบทวนคำศัพท์ง่ายๆที่ออกปากสอนไปเรียกร้อยยิ้มขันของชีคหนุ่ม อัลชาอ์นึกอัศจรรย์ใจที่คาวัลโลสามารถจดจำคำพวกนี้ได้อย่างรวดเร็วไม่น้อย..สมกับที่ฉลาดจนได้พาสชั้นขึ้นเรียนมหาวิทยาลัยตอนอายุสิบเจ็ด

           "ฮายาทติ..คนรัก  ฮาบิติ ..ที่รัก  กัลบี หัวใจ  ....  " น้ำเสียงแจ้วๆนั้นช่างรื่นหูเป็นพิเศษ อัลชาอ์ฟังไปแล้วอมยิ้มไปอย่างครึ้มอกครึ้มใจ  ครางรับในลำคอเบาๆให้นักเรียนหนุ่มน้อยของตนใจชื้น อดคิดไม่ได้ว่าหนุ่มยุโรปตาสีเขียวอมฟ้า ผมสีน้ำตาลทองกับโธปและเสียงพูดภาษาอารบิกมันช่างเข้ากันดีเสียเหลือเกิน

           "  ตาฮอบบิค หมายถึง....ผม รักคุณ..." คาวัลโลนิ่วหน้านิดๆ ท่องไปท่องมาชักจะรู้สึกแปลกๆขึ้นเรื่อยๆ มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วบางๆหันไปสบตาชีคหนุ่มผู้ที่กอดเขาไว้อย่างครุ่นคิดไม่น้อย...

          " ทำไมมีแต่ศัพท์พวกนี้ทั้งนั้นล่ะเนี่ย? " โคลงหัวอย่างนึกสงสัยพลางมองหน้า...กระพริบตาปริบๆเมื่อพบว่าอัลชาอ์อมยิ้ม...สีหน้าเคลิ้มฝัน

          "...ก็มันน่าฟังดีไม่ใช่หรือไง ? "

          "...หูยยย....ตาแก่โรคจิต ! " คำพูดของคาวัลโลทำเอาคนกำลังเคลิ้มถึงแก่สะดุ้ง อัลชาอ์มองหน้าคนพูด สีหน้าเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด..

          " เราอายุห่างกันแค่เจ็ดปีเองนะ " ชีคหนุ่มเอ่ยท้วง...สีหน้ารอมชอม

          " ผิด...ต้องพูดว่า"ตั้ง" เจ็ดปีต่างหาก " คาวัลโลชี้หน้าคนพูดพลางแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ "เป็นตาแก่แล้วยังจะลามกโรคจิตอีก ไม่ไหวจริงน้า..อ่ะ..."
 ตุบ..

          " คำก็แก่..สองคำก็แก่ เดี๋ยวเถอะ จะโดนคนแก่ลงโทษ.." อัลชาอ์คว้าเอวเจ้าคนปากดีไว้ให้ทิ้งตัวลงบนพรมหนา ออกปากขู่ด้วยแววตาวาววับเอาจริง

          "....ใจร้าย....จะทำจริงๆอะ..." เหมือนว่าคราวนี้คาวัลโลเริ่มจะมีภูมิต้านทานไม่ก็รู้ทันตนมากขึ้นเสียแล้ว เจ้าตัวถึงได้เอ่ยปากมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตากระพริบปริบๆอย่างที่รู้ว่ายังไงเขาก็โกรธไม่ลง

          "...ไม่รู้สิ...ต้องบอกความหมายของประโยคคำพูดของคุณมาเสียก่อน..ไม่อย่างนั้นจะโดนผมลงโทษ " ฝ่ามือหนาลากไล้จากบั้นเอวลงมาที่ต้นขา สัมผัสผ่านเนื้อผ้านั้นทำให้ขนลุกเกรียวและบอกได้ว่าชีคหนุ่มเอาจริงไม่แพ้กัน นั่นทำให้คาวัลโลกลืนน้ำลายเอื้อก ก่อนจะเงยหน้าสบตาชีคหนุ่ม ส่งสายตาออดอ้อนไปให้อย่างหวังจะกู้สถานการณ์

         "tu sei ,per me ,molto importante..." คาวัลโลเอ่ยทวน สบตาสีดำสนิทของคนมองด้วยรอยยิ้มหวาน " หมายความว่า..."คุณคือคนสำคัญของผม"..ไงล่ะครับ....."

               จากนั้นน้ำเสียงของมาเฟียหนุ่มก็ขาดหายไป เหลือเพียงเสียงลมหายใจผะผ่าว...คาวัลโลหรี่ดวงตาที่ปรือต่ำแทบจะปิดลงของตน ขณะที่ปลายลิ้นสอดกลับตอบรับจูบอันแนบแน่นของอัลชาอ์อย่างเคลิบเคลิ้ม ฝ่ามือสอดลูบไล้ลำคอหนาผ่านโธปคอปกตั้ง ก่อนจะครางฮืออกมาเมื่อชีคหนุ่มสอดร่างมาทาบทับกายตน แทรกเรือนกายท่อนล่างมาแยกเรียวขาทั้งสองข้างออกจากกัน

         "...อา....จะ....ทำ...ที่นี่....." ผละออกจากจูบร้อนๆแนบแน่นจนแทบไม่ทันหายใจแล้วออกปากาถามด้วยดวงตาหรี่ปรือลมหายใจหอบสะท้าน นัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือบมองโดยรอบอีกครั้งอย่างเงอะงะ...กับสภาพการกอดรัดฟัดเหวี่ยงของสองบุรุษกลางทะเลทราย..แม้จะมีโขดหินปิดบังทางลมและเม็ดทรายไว้บ้าง แต่จากสายตาของมนุษย์ล่ะ?

          " ไม่ต้องห่วง...ผมสั่งคนของผมไว้แล้ว..ว่าไม่ต้องมาตรวจตราทางนี้ " คำตอบของชีคหนุ่มผู้ซึ่งยุ่งย่ามอยุ่กับการแกะปลดกระดุมเสื้อคอตั้งตัวในของคาวัลโลออกเอ่ยปากบอกมาทำเอามาเฟียหนุ่มอ้าปากค้าง ด้วยรู้แล้วว่าอัลชาอ์ตั้งใจจะใช้ที่นี่ทำกิจกรรมอย่างว่ากันจริงๆเสียด้วย

          ".มะ...ผม..ผมว่าในกระโจมไม่ดีกว่าเหรอ...." ออกปากต่อรองด้วยนึกอายกับการนุ่งลมห่มฟ้าในที่แบบนี้ไม่น้อย ทว่าคำตอบจากอัลชาอ์กลับเป็นส่วนที่ร้อนผ่าวของร่างกายที่จงใจกดทันต้นขา เบียดแนบให้รู้ว่าเร่งร้อนเพียงใด

          "...ที่นี่แหละ..ไม่มีอะไรหรอก...นะ..." น้ำเสียงกระซิบเอ่ยขอเเผ่วเบา พร้อมกับปลายลิ้นที่เย้าหยอกใบหู ก่อนจะขบเม้มติ่งหูกลมจนร่างทั้งร่างเกร็งเยือกสะดุ้งไหว

           " ผม...อะ...." คำร้องท้วงที่พยายามเอ่ยถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงด้วยริมฝีปากหนาที่ตามกดทับอย่างแนบชิด  คาวัลโลครางพ้อออกมาอย่างระทดระท้อ เมื่อรู้สึกถึงความเย็นวูบที่ปะทะร่างจากอาภรณ์ที่หลุดไปจากกาย มาเฟียหนุ่มสะบัดกายเฮือกเมื่อฝ่ามือหนาเข้ากอบกุมส่วนกลางของร่างกายพร้อมกับกดแนบความแข็งขึงของตนไปพร้อมๆกัน

           หายใจหอบสั่น...ที่สุดแล้วจึงค่อยละริมฝีปากออกมาจากเรียวปากหนาที่รานรุก คาวัลโลปรือนัยน์ตาจ้องมองภาพเบื้องหน้าที่ชีคหนุ่มกำลังเฝ้าจุมพิตสร้างรอยรักบนเรือนกายของตน มองเห็นฝ่ามือหนาชักนำท่อนเนื้อกลางร่างกายไปสู่ควาสุขสมอย่างชัดเจนผ่านแสงสลัวของตะเกียงฉลุลายใบสวยมาเฟียหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ..สายตามองรอบกายที่เป็นทะเลทรายอันเวิ้งว้าง..สดับฟังเสียงเครื่องยนต์และเสียงพูดคุยที่ห่างออกไปพอควร ก่อนจะวกกลับมามองภาพของชายหนุ่มคนรักที่สาละวนมอบความสุขให้กับเรือนกายตนอีกครั้ง

          ครางพ้อออกมาเบาๆและสั่นสะท้านไปทั่วกายยามปลายลิ้นและฟันคมขบกัดยอดอกเพียงแผ่วเบา กระแสความสุขสมสาดซัดไปทั่วร่างจนดวงตาหรี่ปรือด้วยแรงปรารถนา ...ที่สุดแล้ว...ปลายลิ้นเรียวจึงค่อยตวัดไล้ริมฝีปากแห้งผากของตนและนัยน์ตาที่หรี่ปรือเชื่อมหวาน ฝ่ามือทั้งสองข้างซึ่งขยุ้มพรมใต้ร่างของตนแน่นค่อยคลายออกและเลื่อนไล้บนแผ่นหลังหนาใต้เสื้อคลุมตัวยาว..

         ออกแรงเพียงเล็กน้อยให้ชีคหนุ่มเงยหน้ามาจากแผ่นอกของตน คาวัลโลตวัดแขนรั้งให้ใบหน้าหล่อเหลาแนบชิด แล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปเลี้ยไล้ปลายจมูกโด่งสันอย่างหยอกเย้า

         " ขี้โกง..."รู้สึกได้ถึงลมหายใจหอบสั่นและน้ำเสียงสั่นไหวด้วยความคาดหวังของตน " คุณยังใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยอยู่เลย "

              ชีคหนุ่มเหยียดยิ้มให้กับคำพูดนั้น ริมฝีปากหนาตรงเข้าจู่โจมระดมจุมพิตอย่างดูดดื่ม ฝ่ามือละออกมาจากส่วนกลางของร่างกายที่ชูชันด้วยความปราถนา รีบเร่งกระชากโธปตัวยาวและเสื้อคลุมให้ออกจากร่างของตนอย่างรวดเร็ว..

        เสื้อผ้าทั้งหมดหลุดออกจากกายของคนทั้งสองแล้ว ผิวกายร้อนผ่าวจึงค่อยแบนชิด สัมผัสร้อนอังไออุ่นกันเพียงเล็กน้อยทว่าส่งผลให้กระแสไฟฟ้าแล่นวาบผ่านทั้งสองร่าง  เสียงครางแผ่วหวานดังออกมจากริมฝีปากบางเมื่อฝ่ามือหนาตะโบมไล้ทั่วร่างอย่างกระหาย อัลชาอ์เอื้อมมือจับใบหน้าและผิวแก้มขาวไว้ ไล้เบาๆท่ามกลางเสียงลมหายใจร้อนแรง..

          "  ต้องท่องศัพท์ให้ถูกล่ะ ไม่งั้นผมไม่ทำให้นะ "

                 คาวัลโลครางรับคำกล่าวนั้นด้วยเสียงหวานขึ้นจมูก ปลายลิ้นตวัดตอบรับคำท้าทายนั้นแต่โดยดี แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงครางหวานผะผ่าวสลับกับเสียงกระซิบเอ่ยคำศัพท์ภาษาอารบิคสั้นๆดังออกมาเป็นช่วงๆทั้งน่าฟังและชวนให้ขัดเขิน..แต่ ก็น่ายินดีเช่นเดียวกัน

.....................

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
    เปลือกตาบางปิดพับสนิท ทิ้งแพขนตาหนาทาบแก้มขาว เอนกายลงบนแผ่นอกหนาที่รองรับและกอดประคองออดอ้อนไม่ยอมห่าง  ปลายจมูกขยับยุกยิกและรอยสั่นไหวของแพขนตาบอกชัดว่าเจ้าของร่างไม่ได้นอนหลับแต่อย่างใด เพียงแต่ปิดตาลงไม่สบมองดวงตาออดอ้อนขอความเห็นใจจากคนตัวสูงที่กอดไว้ก็เท่านั้น

        คาวัลโลครางฮืมในลำคอเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของชีคหนุ่มรินรด เขาเปิดดวงตาขึ้นในที่สุดและเบิกตาขุ่นขวางออกปากบ่นใส่ชีคหนุ่มหงุงหงิงด้วยความไม่พอใจ อย่างไม่คิดจะสนใจสองชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ด้านหน้าสักนิด ก็แน่สิ!เมื่ออัลชาอ์น่ะ"หื่น"ใส่เขามากขนาดนั้นยังไม่คิดจะอายใคร

         คิดแล้วคาวัลโลชักอยากจะทำร้ายร่างกายท่านชีคอัลชาอ์ระบายอารมณ์สักที การมีอะไรกันในที่โล่งแจ้งขนาดนั้นก็ทั้งตื่นเต้นโลดโผนเสียจนหัวใจจะวายอยู่แล้ว แต่นี่นอกจากจะหื่นไม่เลือกที่อัลชาอ์ดันไม่ยอมหยุดเสียทีนี่สิ !

        ตอนนี้ที่ทั้งปวดและทั้งระบมไปหมดทั้งตัวน่ะมันเพราะใครกัน คาวัลโลถลึงตาใส่ต้นเหตุอีกครั้ง หลังจากเขาถูกบังคับให้"ท่องศัพท์" ให้อัลชาอ์ฟังทั้งคืนจนหมดเรี่ยวแรง นึกอายพวกทหารที่เฝ้ายามอยู่ไม่น้อย เพราะจำไม่ได้ว่าตัวเขาร้องออกไปดังแค่ไหน แล้วไม่พอปูฟูกปูผ้าห่มพร้อมหมอนอย่างดีในกระโจมก็แทบไม่ได้นอน กลับมาหลับอยู่บนกองผ้าห่มตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าก่อนจะทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจนหลับเขายังนอนครางอยู่ใต้ร่างอัลชาอ์อยู่เลย

        ว่าแล้วก็ทุบแขนท่านชีคสักหน่อยเป็นการระบายความหมั่นไส้ ยิ่งเห็นรอยยิ้มอ้อนๆบนดวงตาคู่นั้นแล้วทั้งหมั่นไส้ทั้งเคืองใจนัก

         อ้อมกอดที่แนบชิดขยับห่างออกเมื่อขบวนรถได้มาถึงตัวเมืองจารเซ เพราะการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางอย่างเป็นทางการ การปิดข่าวทำให้ได้รู้ ได้เห็นถึงสภาพทั่วไปของเมือง คาวัลโลลอบมองออกนอกหน้าต่างที่แสดงภาพบ้านเรือนและกิจวัตรต่างๆของผู้คนที่นี่ ขณะที่อัลชาอ์เอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม..

       คาวัลโลยังจำได้ดี ถึงสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่กัน...

เพื่อหาคำตอบ...ว่าใครกันแน่ที่ทรยศ...

ตามหา...คำตอบที่อยากได้มานาน..

         นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบกับดวงตาสีเข้มที่ฉายแววครุ่นคิด คาวัลโลยิ้มบางๆให้ชีคหนุ่มและบีบมือหนาให้กำลังใจเบาๆ..ยามที่รถวิ่งเข้ามายังตัวคฤหาสถ์ของอาเหม็ดด้านในที่ยังคงเต็มไปด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยเช่นเดิม...หรือ...อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ..

             คาวัลโลขมวดคิ้ว มองสภาพโดยรอบที่การรักษาความปลอดภัยแน่นหนาขึ้นอย่างรู้สึกได้ เขาหันไปมองหน้าอัลชาอ์ พบว่าชีคหนุ่มยิ้มให้เพื่อยืนยันความมั่นใจ ทว่าดวงตาก็ฉายความกังวลไว้จางๆ

            รถค่อยจอดลงด้านหน้าคฤหาสถ์...เจ้าชายฟาลซาอ์ลงจากรถไปและยืนรอพวกเขาอยุ่เบื้องนอกด้วยแววตาสงบนิ่ง คาวัลโลบีบมือคนรัก ส่งสายตาให้กำลังใจและค่อยปล่อยมือเพื่อจะผละจากไปและปล่อยให้อัลชาอ์ทำธุระเช่นที่เคยเป็น ทว่าแรงฉุดรั้งที่ฝ่ามือทำให้เขาชะงัก หันไปสบตาชีคหนุ่มที่ส่ายหน้าและออกแรงฉุดดึงตัวเขาให้ออกไปกับตน..

            ฝ่ามือที่จับกันไว้ยังไม่ผละจากด้วยซ้ำยามที่ออกมาจากรถ และยืนเคียงข้างชีคแห่งเซเนียยา คาวัลโลขมวดคิ้ว เขามีสีหน้าไม่แน่ใจและกังวลไม่น้อยกับการแสดงออกของอัลชาอ์ที่...อาจจะเกิดปัญหา..

          " ไปกัน..."อัลชาอ์กระตุกมือของเขาและขยับฝีเท้าก้าวเดิน คาวัลโลลอบใช้สายตาเหลือบแลมองเจ้าชายฟาลซาอ์ที่อยู่ด้านหลัง พบว่าฝ่ายนั้นก็มีสีหน้าเครียดเคร่งสลับกับขาวซีดไม่น้อย..

               ประตูใหญ่หน้าคฤหาสถ์ถูกเปิดออกช้าๆ ท่ามกลางขบวนต้อนรับของเหล่าข้ารับใช้ในคฤหาสน์ คาวัลโลถึงแก่สะดุ้ง เขาพยายามชักมือออกจากฝ่ามือของอัลชาอ์อย่างตกใจ แต่อีกฝ่ายกลับบีบแน่นไม่ยอมผละห่าง...มาเฟียหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วแน่น ยามสบมองแววตาวาววับของเหล่าผู้คนในคฤหาสถ์แห่งนี้ และ...ยามเมื่อมองเห็นร่างของชีคอาเหม็ดเดินเข้ามาหา..จ้องมือมองเขาและอัลชาอ์ที่ยังคงสัมผัสกันแนบแน่นด้วยแววตากรุ่นเคือง..

             สีหน้าของอัลชาอ์ไม่แม้แต่จะสะดุ้งไหวดูราวกับหินแกะสลัก มีเพียงคาวัลโลเท่านั้นที่รู้ ว่าฝ่ามือที่จับมือของเขาไว้เย็นชืด...และสั่นระริกไหว...

     การเผชิญหน้ากับความจริง ที่ว่าคนใกล้ตัวทรยศ...เจ็บแค่ไหน...รวดร้าวทรมานเพียงใด เขารู้ดี

   อัลชาอ์ยังดีกว่าด้วยซ้ำที่แสดงออกเพียงแค่นี้และเก็บเอาความหวั่นไหวทั้งหมดกวาดลงใต้ใบหน้านิ่งเฉยราวกับไม่ใส่ใจ..

            คาวัลโลสูดหายใจลึก ใบหน้าที่ฉายแววกังวลแปรเป็นเด็ดเดี่ยวขึ้น...เขาออกแรงบีบฝ่ามือคนรักกลับเบาๆและตวัดสายตาจ้องมองสบดวงตาของชีคอาเหม็ดอย่างทรนง...

...................

มาช้า..
มาช้ามาก..
มาช้ามากๆๆๆๆๆๆ
 รู้ตัวค่ะ สิบห้าวันถ้วนที่เราไม่อัพนิยาย.. :z6:
  ไม่มีอะไรจะแก้ตัว ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ใช่ไม่ว่าง...ว่างอยู่(บ้าง)แต่กลับแต่งไม่ได้  แต่งไม่ออกไม่ใช่ไม่แต่งและไม่อยากแต่ง  ช่วงนี้รู้สึกเป็นโรคพารานอยต์อะไรสักอย่างเบื่อๆเซ็งๆกับทุกเรื่อง อารมณ์แบนราบอย่างเดียวตลอด  จะแต่งนิยายเปิดหน้าขาวๆออกมาแล้วกลับแต่งไม่ออก พล็อตลอยว่อนอยู่ในหัวชนิดทุกคำพูดทุกการกระทำแต่แต่งไม่ได้ ไปนั่งเปิดเน็ตเล่นไปเรื่อยๆเบื่อๆเซ็งๆใช้เวลาไปวันๆแล้วไม่ได้อะไรสักอย่าง เสร็จแล้วมากดดันตัวเองว่าไม่แต่งนิยาย....รู้สึกว่าอิปุ้ยมันบ้า งี่เง่ามากในระยะนี้ค่ะ.. :o211:
      เอาเถอะ ที่สุดแล้วตอนนี้ก็ออกมายลกัน ออกมาแบบหวานๆคาวี่มีแอบฮา อยากให้มันทำไรปัญญาอ่อนตามวัยเสียบ้าง ไม่ใช่โชกเลือดเกินวัยเสียขนาดนั้น 555+ ก็ไปเอาท์ดอร์กับท่านชีคจน ได้คู่นี้ยังหื่นคงเส้นคงวาแต่ก็หื่นแบบหวานๆ(มั้ง) แล้วที่สุด...ก็กลับมาพบกับความจริง ว่าใครกันที่ทรยศ ฟาติมะอ์หายไปไหน? เจ้าชายฟาลซาอ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร? อาเหม็ดและอัลลิยะห์ ใครกันแน่ที่เป็นตัวการ ? ตอนหน้าเฉลยแน่คะ

  แจ้งเรื่องทะเลทรายสักนิด..ข้อมูลที่ว่าฝนตกแล้วจะเกิดพืชพรรณขึ้นมากลางทะเลทรายให้รึ่มนี้มาจากสารคดีช่องดิสคัฟเวอรี่ชาแนล...สักเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนมั้ง( :laugh:) ก็ยังอุตส่าห์เอามาเขียน เรื่องอุหภูมิตอนกลางคืนในทะเลทรายก้ประมาณ 25 องศาคะ ไปๆมาๆเหมือนนิยายเรื่องนี้ ทะเลทราย = ฉากสวีต  :laugh: :laugh:
ปล. คำศัพท์บ้านท่านชีคหายากมาก ไปขุดในกูเกิ้ลอ่ะไม่เคยเจอ ต้องไปสาวเอาในบล๊อคแก๊งพันทิป งมไปกว่าจะเจอ ยากชิหัยยย คะพี่น้อง :serius2:
ปล.2 ตอนพิเศษมาแล้วว> <
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2011 02:05:28 โดย Serin »

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
«ตอบ #1687 เมื่อ16-06-2011 00:52:02 »

แปะก่อน...เกือบลืม แฮร่..



หวานมากกก ขี้เกียจลงสีเลยปาดมั่วๆ แต่ดันออกมาดีซะงั้น
ปล.มีเวอร์ชั่นเสื่อม แต่ไม่แปะล่ะ มันทำร้ายจิตใจกันเกินไป  :laugh:
ปอลิงอีกที  มีรุปที่วาดเสร้จแล้วอีกกระตัีกแต่ไม่ได้มาแปะ อยู่ตรงนี้ค่า http://my.dek-d.com/silenceserin/gallery/?folder=102438185   ใครอยากดูก็ไม่ชมกันได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2011 00:59:51 โดย Serin »

*~LPCM~*

  • บุคคลทั่วไป
 :z13: :z13: :z13:
 :man1: :man1:กอดดดด ไรเตอร์ปุ้ย เค้าคิดเถิงมากกกก คราวนี้เล่นหายไปครึ่งเดือน เค้าเข้ามาเช็คทุกวันเลย พอเห็นว่าวันที่ 15 ก็ยังอุตส่าเข้าทุกวันเหมือนเดิม หุหุ
ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ แค่มา :กอด1: ไรเตอร์ก่อน เพราะคิดถึงน้องคาวี่กะชีคมากกกกกก
ปล. ไรเตอร์ลงเรื่อง แบดกายไว้ที่ไหนอ่ะคะ จะตามไปอ่านๆๆ อยากอ่านมากเลยค่ะ ><
 :L2: :L1: จะคอยตามเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ >< :L1: :L2:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Stone rose line : special destiny

[การพบกันของพรหมลิขิต]
[/color]


..............



 น่าเบื่อ...น่าเบื่อ..และ น่าเบื่อ...

 ไม่ได้อยากจะสะกดคำนี้หรอกนะ แต่ทว่าเวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ คำว่า”น่าเบื่อ"คำเดียวคงจะเป็นอะไรที่สามารถจะจำกัดความหมายของสิ่งที่เขาประสบได้อย่างดีที่สุด...

    คาวัลโล วาลกัส  ทายาทมาเฟียตระกูลวาลกัสที่ยิ่งใหญ่ ลูกชายคนสุดท้องของคาเฟรโร่และเอเลียชา วาลกัส  ผู้จะรับตำแหน่งบอสคนต่อไปของแกงค์มาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอิตาลี ในวัยสิบแปดปีกำลังใช้นิ้วโป้งยกขึ้นเสยผมที่หวีปัดขึ้นและจัดทรงอย่างดีด้วยช่างทำผมมืออาชีพซึ่งถูกจ้างมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยขณะที่มืออีกข้างซุกอยู่ใต้กระเป๋ากางเกงสแลคเนื้อดีสีเข้ม สวมชุดสูทสุดหรูของอามาร์นี่ รองเท้าหนังแบรนด์โปรดของตัวเองที่ขัดจนมันวับเนคไทเส้นละห้าร้อยกว่าเหรียญ และเชิ๊ตเนื้อนุ่มราคาแพงระยับ

    ...ทุกอย่างถูกเลือกสรรอย่างดีและพรีเซนต์ออกมาเป็น"คาวัลโล วาลกัส"ทายาทตระกูลดังของอิตาลี  บุคลิค ท่าทาง ลักษณะการพูดจาตลอดจนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างบ่งบอกถึงรสนิยมและความเพียบพร้อมของคนๆนั้น...พรีเซต์และ"สร้างภาพ"ออกมาให้ดูดีปานประหนึ่งบุรุษผุ้เพียบพร้อมเพื่อฐานสนับสนุนตนเองและเพื่อ"จำอวด"ให้ผู้คนต่างชื่นชอบและชื่นชมในตัวเขา

    นั่นเป็นคำกล่าวย้ำของผู้เป็นลุงที่เอ่ยถึงวัตถุประสงค์ของการพาตนมางานนี้...ไม่ได้มาทำงาน...ไม่สิ จะบอกว่ามาทำงานก็ได้ เพียงแต่การมาทำงานนั้นหมายถึงงานโชว์ตัวเยี่ยงพวกดารานายแบบเพื่อสร้างภาพลักษณ์เสียมากกว่า

    จ้องมองนาฬิกาโรเล็กซ์เครื่องหรูบนข้อมือของตนพลางถอนหายใจแผ่วเบาอย่างอดรนทนไม่ไหว ทว่าก็ยังพยายามรักษาหน้าเจ้าของงานด้วยการแสดงสีหน้าเริงรื่นอย่างสุดความสามารถ

    ทว่า...ก็ไม่รู้จะทำแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะยิ่งยืนอยู่ตรงนี้นานเข้า ความหงุดหงิดและเหนื่อยหน่ายก็พุ่งปรี๊ดเสียจนแทบอยากจะวิ่งออกไปตะโกนโหวกเหวกแล้วคว้าคอยามรักษาการมาไล่เตะแก้เบื่อ คาวัลโลไม่ใช่คนที่จะอดทนกับเรื่องน่าเบื่อหน่ายแบบนี้ได้นานนักอยู่แล้ว ผู้เป็นลุงนี่ก็ช่างสรรหาเรื่องมาให้ทำราวกับจะกลั่นแกล้ง..ไม่เข้าใจเสียจริงๆว่าจะพรีเซนต์ตัวเองขนาดนี้เพื่ออะไร หรือความเชื่อถือของวาลกัสในฐานะคู่ค้ามันน้อยเสียจนต้องทำแบบนี้...

     และที่สำคัญที่สุด...จะเป็นเช่นไรคาวัลโล วาลกัส ก็ยังเป็นชายหนุ่มอายุสิบเเปดปี แม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว...แต่ก็ไม่ใช่หนุ่มใหญ่สุขุมคัมภีรภาพที่จะมาทนอยู่กับการตกเป็นเป้าสายตาและถูกรุมล้อมจากบรรดา...ผู้คนน่ารำคาญเช่นนี้ได้

    คิดพลางฉีกยิ้มให้กับคนที่เดินมายกแก้วแชมเปญชนกับแก้วของเขาอย่างเหนื่อยหน่าย...ชักจำไม่ได้ว่าไอ้บ้าตรงหน้ามันวนเวียนมากี่รอบแล้ว แถมยังชนเอาชนเอา ราวกับเป้าหมายของมันคือแกล้งมอมเหล้าเขาจนเมาเปราะ นี่ไม่นับแม่นางแบบสาวชื่ออะไรสักอย่างที่เขาไม่คิดจะจำเดินมาส่งสายตาหวานเยิ้มให้อีกสามสี่รอบ...แถมยังมีพวกท่านชีค ท่านสุลต่านหรือคนในตำแหน่งอะไรสักอย่างแถบนี้ที่ชอบใส่ชุดคลุมตัวใหญ่ๆขลิบทองหรูหราส่งสายตาเชิง"อยากรู้จัก"นักหนามาอีก...

     ปากก็ยิ้ม มือก็ต้องยื่นไปจับแล้วส่งเสียงทักทาย รับนามบัตรมาใส่กระเป๋าจนมันชักจะตุงขึ้นทุกทีอย่างหัวเสีย แต่กระนั้น..ตามคำสั่งและตามมารยาทที่พึงมี คาวัลโล วาลกัสก็จำต้องยิ้ม...และออกปากสนทนาไร้สาระกับผู้คนที่รายล้อมนี่แต่โดยดี ทั้งที่อยากให้พวกมันทั้งหลายหันไปทางอื่น ไปทำธุระไปเข้าห้องน้ำ หรือไปทำห่าอะไรสักอย่างเเล้วผละไปจากตรงนี้บ้าง ไม่ใช่มายืนคุยกันหึ่งๆจนสะดุดตาผู้คนและทำให้สายตาผู้ร่วมงานพากันจับจ้องมาที่เขามากขึ้นทุกที

     ต้องปั้นหน้าโกหกชาวบ้านเสียจนเกร็งไปทั้งตัว แถมท่านลุงที่รักซึ่งเห็นตัวอยู่ไกลๆก็ยังทำท่าจะเจรจาธุรกิจอะไรนั่นไม่เสร็จเสียอีก ตาแก่นั่นยังมีหน้าหันมายิ้มแล้วพยักหน้าเชิง"ทำได้ดีมากยืนอยู่อย่างนั้นต่อไปนะหลานรัก"เสียอีก

       ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบรายการจำอวดนี้เสียที...คาวัลโลกรอกตาขึ้นมองเพดานที่มีแชนเดอร์เลียขนาดใหญ่แขวนอยู่ส่องแสงประกายวับ มาเฟียหนุ่มลอบถอนหายใจเบาๆ ขณะยกแก้วแชมเปญชนกับไอ้บ้าชื่ออะไรไม่รู้ที่วนเวียนมาอีกรอบอย่างเหนื่อยหน่าย..

     มองตาวิบๆวับๆอย่างคาดหมายของมันแล้วนึกอยากจะร้อง"เฮอะ"แล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าผากมันสักที  กล้ามาฝันว่าคนอย่างคาวัลโล วาลกัส จะเมาแชมเปญเหรอ มันเป็นไปไม่ได้เว้ยไอ้หอก! ไปนั่งรอชาติหน้าของชาติหน้าอีกทีเถอะ

      แต่มองดูสายตาผู้คนรอบกายแล้วก็อยากรู้นักว่ามันมองเขาเป็นตัวอะไร? คาวัลโลจิ๊ปากเบาๆอย่างขัดใจ การมายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อเป็นหุ่นจำอวดหรือทำตัวเป็นทูตสันทวไมตรีจนคนนั้นคนนี้แวะเวียนมาไม่ขาดสาย ดูไปก็เหมือนกับเขาเป็นเด็กในสังกัดของใครสักคนที่พามาออกงาน มากกว่าลูกหลานของผู้ทรงอิทธิพลอย่างบอสตระกูลวาลกัส

    ..ความผิดของลุงนั่นล่ะ ไม่รู้จะยืนเจรจาหาความอะไรนานนักหนา มาเดินหนีกันไปตั้งแต่เข้างานแบบนี้ ทิ้งให้หนุ่มหล่อแบบเขาถูกสาวๆหนุ่มๆรุมทึ้งอย่างน่าสงสาร ทั้งที่ไม่ได้มางานนี้ด้วยจุดประสงค์นั้นเสียหน่อย...

       คิดพลางปรายตามองบรรยากาศภายในงานอีกครั้ง งานเลี้ยงฉลองครองราชย์ของกษัตริย์แคว้นหนึ่งของอาหรับเอมิเรตส์ ที่เมืองอาบูดาบีเป็นงานใหญ่นอกประเทศงานแรกที่เขามากับผู้เป็นลุงหลังถูกตั้งเป็น"บอส"คนต่อไป แม้ว่าการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นอีกสองปีข้างหน้าก็ตาม แต่การเดินทางมากับผู้เป็นลุงก็เสมือนการเข้ามาทักทายและเปิดตัวให้บรรดาผู้นำประเทศ ผู้นำลัทธิหรือพวกกองโจรอะไรก็ตามที่เป็นพันธมิตรกับวาลกัสได้รู้..ว่าเขาคือผู้ที่จะมาบริหารแทนและควรจะผูกมิตรกันไว้

        และเรื่องราวมันก็ควรจะเป็นการเดินเข้างานพร้อมกับลุงของเขาและ เฟรเดริโก้ วาลกัส ก็จะพาคาวัลโลไปแนะนำตัวกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไปอิท่าไหนถึงได้มาทิ้งให้หลานชายสุดหล่อยืนให้สาวๆหนุ่มๆทึ้งอยู่นี่..คิดแล้วชวนให้เสียสุขภาพจิตจริงๆ

       ยืนมองบรรดาผู้คนที่เดินคุยทักทายกันไปมาในห้องบอลรูมสำหรับจัดเลี้ยงของพระราชวังแห่งนี้ มองรอยยิ้มหลอกลวงและหน้ากากที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใส่แล้วลอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายปนหนักใจไม่ได้...เมื่อคิดว่าชั่วชีวิตเขาคงต้องพบเจองานน่าเบื่อเช่นนี้มากมายเพียงใด...สถานที่งดงาม การตกแต่งสวยวิจิตร ผู้คนสวมอาภรณ์เสื้อผ้าหรูหราแต่ว่า.....ไร้ความจริงใจ

         "สวัสดีครับ.." น้ำเสียงทายทักจากชายหนุ่มในชุดประจำชาติอิสลามดังขึ้นพร้อมกับแก้วเเชมเปญที่ถูกยื่นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ คาวัลโลหันไปมองหน้า สบกับดวงตาสีดำสนิทที่แฝงนัยยะบางอย่างของคนตรงหน้าแล้วนึกเคืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ทว่าที่สุดแล้วเขาก็เอื้อมมือรับแก้วจากมือชายคนนั้น

          "..ครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก...ผม....." และแล้วรอยยิ้มอันจอมปลอม บทสนทนามาตรฐานที่แสนไร้ความจริงใจก็ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับคำๆเดิมที่ว่อนอยุ่ในหัวเช่นเดิม..


น่าเบื่อ...น่าเบื่อ และน่าเบื่อ...

.........................


         บรรดาผู้คนที่รายล้อมรอบกายและเเวะเวียนมาทายทักด้วยรอยยิ้ม หรือบทสนทนาเรียบๆง่ายๆแสนจะเป็นทางการ คือเรื่องปกติสำหรับงานเลี้ยงอันน่าเบื่อของราชวงศ์...

    ชีคอัลชาอ์ ยาฮิลยะห์ มูซา มูอิสซิน หยิบแก้วไวน์ทรงสูงจากถาดของบริกรมาจิบคั่นความเบื่อหน่ายที่ไม่ลดลงง่ายๆ นัยน์ตาสีดำสนิทกวาดมองบรรยากาศชื่นมื่น...หรือพยายามทำให้ชื่นมื่นรอบกาย ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเจ้าของงานที่ยืนคุยกับบรรดาผู้นำรัฐต่างๆ ชีคหนุ่มฉีกยิ้มออกมาบางๆ เนื่องด้วยรู้ตัวดีว่า"ระดับ"ของตนในฐานะเจ้าผู้ครองรัฐหรือแม้กระทั่งในฐานะ"ชีค"นั้นยังอ่อนด้อยนักในสายตาของบรรดาผู้นำที่มากด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์

    อีกทั้งประเทศเล็กๆอันไม่น่าสนใจของตนก็ไม่ได้อยู่ในสายพระเนตรของบรรดากษัตริย์ที่จะลดตัวลงมาถามไถ่พูดคุย..มีแต่จะต้องเดินเข้าไปทำความเคารพและอวยพรเพียงเพื่อจะเข้าไปอยู่ในสายพระเนตรบ้างเท่านั้น

      ...ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มชาเฉย ด้วยรู้ตัวดีว่าไม่คิดจะเข้าไปทำความรู้จักหรือไปร่วมกลุ่มสนทนากับผู้ใด ความเหนื่อยหน่ายและหยิ่งยโสทำให้อัลชาอ์ไม่คิดจะสนใจการเข้าไปพูดคุยใดๆ ชีคหนุ่มเพียงปรายตามองวงสนทนาที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพุดคุย สายตากวาดแลผ่านผู้คนในชุดราตรีสีสันและรูปแบบต่างๆไปยังคนที่ตนหมายตาไว้..

       เสียงของคนสนิทรายงานเบาๆทำให้อัลชาอ์พยักหน้ารับ เขาปรายตาไปยังกลุ่มผู้คนในชุดสูทสากลที่ยืนคุยกันบริเวณใกล้เวทีดนตรี นัยน์ตาจับจ้องชายทีชื่อเฟรเดริโก้ วาลกัส บอสของแกงค์มาเฟียที่เขาติดต่อเพื่อจะซื้อขายและทำการค้าร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงและเป็นเหตุให้อัลชาอ์มายืนอยู่ที่งานเลี้ยงอันน่าเบื่อแห่งนี้

        ยกแก้วไวน์ขึ้นในระดับสายตาแล้วแล้วพยักหน้าช้าๆรับกับใบหน้าของอีกฝ่ายที่แลสบและค้อมศรีษะให้บางๆ ชีคหนุ่มจิบไวน์ในแก้วอีกครา ก่อนจะกวาดสายตาไปมองบริเวณงานอีกครั้ง เพื่อคลายอารมณ์และรอคอย...การมาถึงของชายผู้นั้นเพื่อเจรจาธุรกิจของตนและจะได้กลับออกจากงานที่น่าเบื่อหน่ายนี้เสียที

         สะดุดตากับกลุ่มคนที่ห้อมล้อมคุยกับใครสักคนที่อยู่กลางวง ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นช้าๆด้วยความฉงนสนเท่ห์ แน่ใจว่าในรายการเชิญแขกไม่ได้มีดารานักแสดงเลื่องชื่อระดับโลกมาแต่อย่างใด..ผู้ที่จะมางานนี้ นอกจากแขกผู้มีเกียรติระดับราชวงศ์ ประมุขของประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรในกลุ่มอิสลาม กับกลุ่มผู้ค้าน้ำมันและนักธุรกิจชาวต่างชาติแล้ว จะมีก็แต่บรรดา"ของเล่น"ของเหล่าผู้คนข้างต้นที่ติดตามมาเท่านั้น แต่บรรดานางแบบนายแบบหรือดารานักแสดงเล็กๆก็อาจจะอยู่ในกลุ่มนั้น ชะรอยว่าคนที่ถูกรุมล้อม คงไม่พ้นของเล่นชิ้นใหม่ที่หน้าตาดีนิดหน่อยและโด่งดังพอตัวเป็นแน่..

         รอยยิ้มขันของชีคหนุ่มประดับบนริมฝีปาก  เริ่มจับจ้องผู้คนกลุ่มนั้นด้วยความสนใจมากขึ้น..อยากรู้นักว่าคนๆนั้นเป็นใคร..ไม่สิ...เป็นของๆใครและหน้าตาเช่นไร ถึงได้รับความนิยมเสียขนาดนั้น..

        บริกรถือถาดเครื่องดื่มเข้าไปในวงสนทนากลุ่มให้เมื่อถูกเรียกขาน ผู้คนที่เคยบดบังสายตาจึงห่างไปบ้างจนสามารถมองได้ชัด...ชีคหนุ่มหรี่ตาลงเมื่อมองเห็นเส้นผมสีน้ำตาลทองแปลกตา อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆเมื่อมองเห็นมือของบุรุษผู้อยู่ในกลุ่มค่อยยื่นออกมารับแก้มเแชมเปญเพื่อดื่มร่วมกับหนึ่งเจ้าชายที่เขาคุ้นตาพอควร ซึ่งฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาและผู้คนที่เคยหนาตาพากันถอยห่างเนื่องจากการมาถึงของเจ้าชายผู้นั้น อัลชาอ์จึงได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดถนัดตา..

         แก้วไวน์ที่ถูกยกขึ้นมาจิบชิมรสละออกไปอย่างรวดเร็วเพราะลมหายใจที่สะดุดไหว...ชีคหนุ่มเบิกดวงตากว้างขึ้นน้อยๆ ยามมองเห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน ชายคนนั้นเป็นบุรุษหนุ่มน้อยร่างสูงเพรียว ผิวขาวจัดบ่งชัดว่ามีสายเลือดตะวันตก...ใบหน้าหล่อเหลามีสเน่ห์ในชุดสูททางการสุดหรู เส้นผมสีมะฮอกกานีถูกจัดทรงอย่างดีให้ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทว่าก็ยังส่งกลิ่นอายของวัยเยาว์  ใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสีน้ำทะเลคู่งามนั้นเป็นประกายวาววับทั้งมีเสน่ห์และยั่วเย้าอย่างร้ายกาจ รอยยิ้มพรายอย่างสุภาพประดับบนใบหน้า...น่ามองและเปี่ยมสเน่ห์นักหนาแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มที่ขาดความจริงใจและดวงตาคู่นั้นฉายแววเหนื่อยหน่ายแค่ไหนก็ตาม

   ...ลมหายใจของชีคหนุ่มถึงกับสะดุดไหว เมื่อดวงตาคู่สวยนั้นปรายมองมาเพียงชั่ววูบ วูบหนึ่ง...ที่ตาสบตา แม้คนๆนั้นจะไม่รู้ตัว ทว่าหัวใจของชีคหนุ่มกลับกระตุกเฮือก..ร้อนรุ่ม..

         ..ใคร?

คำถามนี้ดังขึ้นมาในใจของอัลชาอ์ทันทีที่พบว่าตัวเองตกหลุมรักดวงตาคู่นั้น..และรอยยิ้มบนใบหน้านั้น..

  คนๆนี้เป็นใคร? หรือเป็น"ของเล่น"ของใคร...

         ชีคหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อคิด...ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าจะทอดกายอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น...หรือกระทั่งโอบกอดใครไว้..

       "..ฮาซาน...." อัลชาอ์ได้ยินเสียงตนเองออกปากกับองค์รักษ์คนสนิท ขณะที่ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องร่างของคนผู้นั้นไม่วางตา.. "ผู้ชายคนนั้น...ไปสืบเรื่องของเขามาให้ฉันที.."

คุณ....คือใคร ?..คุณ...เป็นของใคร?...คุณ ....อยู่ในอ้อมกอดของใครคนไหน..

...หากเป็น"ของเล่น"ก็จะแย่งชิง..

..หากเป็นของๆใครก็จะทุ่มกำลังคว้ามาจนได้

     ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มมุมปากอีกครั้ง ด้วยท่าทีหมายมาด ยิ้มให้งานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายนี้วึ่งเริ่มมีความน่าสนใจขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหมุนตัวไปยังด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงทายทักของบุรุษที่เขารอคอย..ยกมือขึ้นทายทักพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาแลสบใบหน้าของบอสมาเฟียแกงค์ใหญ่ของอิตาลี หากแต่สมองยังใคร่ครวญ..หมายมาด..

คุณ...จะต้องเป็นของผม..

..........................


        งานนี้ยังคงความน่าเบื่อไว้เช่นเดิม...

      คาวัลโลพ่นลมหายใจช้าๆ ปรายตามองหาลุงของเขาที่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน จับมือกับผู้คนมากหน้าหลายตาเสียจนจำไม่ได้ ทักทายและยิ้มจนมุมปากชักจะเมื่อยขึ้นมา..ท่านลุงที่รักก็ยังไม่มาลากเขาออกจากการรุมล้อมที่น่าเบื่อหน่ายนี้เสียที...

    ครางในลำคอเบาๆอย่างฉิวจัดแต่ก็ยังต้องยิ้มบางๆ พลันรอยยิ้มนั้นก็ยิ่งเเข็งทื่อเมื่อพบว่ามีร่างของอีกหนึ่งบุรุษในชุดของพวกอาหรับเดินตรงแน่วเข้ามาหาด้วยท่าทีมุ่งมาดเต็มไปด้วยความมั่นใจ มองเห็นชายคนนั้นกวักมือเรียกบริกร คาวัลโลนึกอยากจะเขวี้ยงแก้วไวน์ในมือไปใส่หัวมันนัก ไม่รุ้จะยัดห่าอะไรให้เขากินอีก เห็นกันอยู่ทนโท่ว่ามีแก้วอยู่ในมือก็ยังจะหยิบมาให้

     แต่ที่สุดก็ต้องวางแก้วไวน์เหลือๆของตนลงบนถาดและรับแก้วเชมเปญมาอย่างเสียไม่ได้...เขายิ้ม...ฉีกยิ้มแล้วจับมือ....มือที่ชักจะบีบแน่นแถมยังมีการลูบไล้หลังมือเบาๆจนขนลุกวาบ...เล่นเอาเส้นประสาทสั่นระริก

   ... คาวัลโลพยายามดึงมือออกมาขณะที่ชายคนนั้นยังยิ้มอยู่ มาเฟียหนุ่มคำรามในใจอย่างหงุดหงิด นี่ถ้าเป็นที่อิตาลีล่ะก็ พ่อจะคว้าปืนมาจ่อกบาลมันแล้วลากคอไปเล่นรัสเซียรูเล็ตแบบเดิมพันชีวิตกันสักตั้ง แต่นี่เพราะมันไม่ใช่และเขาต้องรักษากริยา การพยายามดึงมืออกจากมือปลาหมึกนี่ก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

      "...ผม...เจ้าชาย......." ที่สุดมันก็ยอมปล่อยมือและเริ่มพ่นยศฐาบรรดาศักดิ์ยาวเหยียดด้วยภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นที่ฟังยากไปกันใหญ่ ทว่าดวงตาที่แลสบและความนัยก็บ่งชัดแล้ว ว่ามันเห็นเขาเป็นอะไรและกำลังพยายามทำอะไรอยู่..

    คาวัลโลยิ่งแน่ใจเมื่อฝ่ามือของฝ่ายนั้นหยิบยื่นนามบัตรอันที่เท่าไหร่ไม่รู้มาให้เขา ...พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา..

       " ถ้า..เจ้านายของคุณทำคุณเสียใจเมื่อไหร่ มาหาผมได้ทันทีเลยนะครับ..."

           ปลายนิ้วหนาไล้มือและข้อนิ้ว ยังให้ความสยองและความโกรธเกรี้ยวแล่นวูบ...

       คาวัลโลพ่นล่มหายใจช้าๆ รอยยิ้มที่พยายามรักษาอย่างสุดความสามารถเริ่มหลุดหายไปเรื่อยๆ มาเฟียหนุ่มกวาดตามองหาผู้เป็นลุงอีกครั้ง เขาเห็นว่ากำลังคุยกับไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ซึ่งตัวเขาไม่เห็นหน้า รู้จากการมองทางด้านหลังว่าคนๆนั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และใส่คลุมของพวกอาหรับ ผู้เป็นลุงของเขายังยืนจ้อและยังไม่มีท่าทีว่าจะหันมาหา

        คาวัลโลพ่นลมหายใจพรืด..จ้องมองสบตาเจ้าชายหนุ่มเบื้องหน้าขณะที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดส่งผลให้ความยั้งคิดเริ่มถอยลงสู่เลขศูนย์

        มาเฟียหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง...สบตาชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มหวาน จนมันมีหน้าตาวางมาดเยี่ยงผู้ชนะ ขณะที่ฝ่ามือซุกเข้าไปที่กางเกงเพื่อหยิบนามบัตรของตัวเองบ้าง

        ฝ่ามือยื่นนามบัตรให้ ขณะที่ค่อยโน้มกายเข้าประชิด คาวัลโลวางนามบัตรนั้นไว้ในมือหนาใบหน้ายิ้มแย้มเข้าไปใกล้ราวกับจะกระซิบอะไรบางอย่าง นั้นทำให้ชายผู้นั้นยิ้มกว้าง...ขยับกายเข้าหาพร้อมกับฝ่ามือที่กระชับมือของเขาอย่างรวดเร็ว..ตาสบตา..แล้วดวงตาพราวระยับของคาวัลโลก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมลึก..

         " ...หัดพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเสียก่อนเถอะ ...ไอ้โง่..."

         " อึ่ก!..." เสียงร้องนั้นแฝงความเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด เพราะฝ่ามือของคาวัลโลจัดการบีบมือของมันสุดแรง มาเฟียหนุ่มขยับตัวห่างออกมาแล้วพ่นลมหายใจแรง  คาวัลโลสะบัดมือออกจากการเกาะกุมนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเศษนามบัตรของชายคนนั้นถูกขยี้จนยับยู่ มาเฟียหนุ่มปรายตาไปมองผู้เป็นลุงอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีว่าเฟรเดริโก้จะยังคงคุยกับคนที่เขามองเห็นเพียงด้านหลังคนนั้นไม่เลิกเขาก็พ่นลมหายใจยาว สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันควัน

...หงุดหงิดอารมณ์เสียจนไม่คิดจะสร้างภาพ ไม่ต้องวางมาดบ้าบออะไรอีกแล้ว !

         "กลับ ! " ตวาดเสียงห้วนใส่บอดี้การ์ดที่เดินเข้ามาหาอย่างหงุดหงิด คาวัลโลก้าวเท้ายาวๆเดินฝ่ากลุ่มคนที่รายล้อมตนเองอย่างขุ่นเคือง หมดอารมณ์จะยิ้มแย้มทำตัวดีเป็นเจนเทิ้ลแมนโดยสิ้นเชิง มาเฟียหนุ่มผู้ก่อเรื่องอาละวาดอีกคราก้าวออกจากงานไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แยแสสีหน้าคับแค้นใจของผู้ที่ถุกทำร้ายจนเสียหน้าสักนิด..

       เจ้าชายหนุ่มผู้โชคร้ายกัดฟันกรอด เมื่อถูกเหยียบหน้าจนแทบไม่เหลือซาก ชายหนุ่มคำรามในลำคออย่างหงุดหงิด พลิกเอานามบัตรที่อีกฝ่ายยัดมาใส่มืออย่างอารมณ์เสีย ด้วยหวังว่าจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็น"เจ้าของ"อีกฝ่าย เพื่อจะต่อว่าให้มันรู้สำนึก..

      หากแต่ใบหน้าของชายเมื่อครู่กลับปรากฏบนนามบัตรนั้น...เจ้าชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะครางเบาๆในลำคอเมื่อมองเห็นชื่อนั้นชัดเจน.

         คาวัลโล วาลกัส....

ผู้ชายคนนั้นเป็นมาเฟีย...

......................


         การเจรจานี้เป็นไปอย่างราบรื่นเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะเกิดปัญหา อัลชาอ์ยิ้มให้กับเฟรเดริโก้ วาลกัส บอสมาเฟียตระกูลดังอย่างยินดีที่การตกลงคร่าวๆเป็นผลราบรื่น แม้จะจดจ่อกับการสนทนา ทว่าใจของชีคหนุ่มกลับนึกประหวัดหาผู้ชายที่เขาหมายตาไม่วาย..

          " จริงสิครับ...ผมอยากแนะนำหลานชายให้รู้จัก...." หลังจากคุยกันเรื่อยเปื่อยสักพัก เฟรเดริโก้ก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ คำกล่าวของอีกฝ่ายทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ " เขาจะรับตำแหน่งต่อจากผมอีกไม่นาน อยากให้เขาได้รู้จักกับคุณ...อีกอย่างผมนึกสงสารเห็นยืนเมื่อยเพราะถูกล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตรงนั้น"

           น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของอีกฝ่ายพร้อมกับท่าทีพยักเพยิดของมาเฟียวัยกลางคนทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ หันไปตามทิศทางนั้นหากพลันหัวคิ้วก็ต้องขมวดแน่น...เมื่อพบว่ามันเป็นจุดของเจ้าหนุ่มที่เขาหมายตา...รึว่าทายาทของเฟรเดริโก้ไปรุมล้อมเจ้าหนุ่มคนนั้นเหมือนกัน?...

         ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจช้าๆอย่างหยามหยันถ้าเป็นบอสมาเฟียแล้วทำตัวแบบนั้น คาดว่าคงจะคบกันไม่ยืด

           "อ่ะ....ให้ตายสิ...ก่อเรื่องจนได้ " เสียงของเฟรเดริโก้บ่นออกมาทำให้ชีคหนุ่มเลิกคิ้วงงๆ หันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่สั่งการให้ลูกน้องที่ติดตามอยู่เดินทางไปหาผู้เป็นหลานชาย...

           " ...ท่าทางจะยังอดทนไม่พอ...คนหนุ่มๆก็แบบนี้ล่ะครับ..." เฟรเดริโก้เอ่ย พอดีกลับเสียงโวยวายที่ดังขึ้นจากกลุ่มคนนั้น ประสานกับเสียงหัวเราะขบขันของบอสมาเฟียผู้องอาจข้างกาย..

           "...ขอโทษนะครับ...ท่าทางผมต้องไปออกหน้าขอโทษแทนเจ้าหลานชายเสียแล้ว..ก่อเรื่องได้ไม่รู้จักเข็ดจริงๆ " น้ำเสียงหน่ายระอา...นั่นยิ่งทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วแน่น...เพราะคำว่าก่อเรื่องที่อีกฝ่ายเอ่ย...

        สายตาของเขามองตามคำพูดของเฟรเดริโก้ มองเห็นเจ้าหนุ่มที่เขาหมายตาคนนั้นยืนหน้าบึ้ง และเมื่อคนของเฟรเดริโก้เดินเข้ามาประกบ..ชายคนนั้นนั้นก็ตวาดลั่นด้วยสีหน้าเดือดดาลแล้วหมุนตัวเดินออกจากงานทันที...

  ลางสังหรณ์ของชีคหนุ่มกระตุกวูบ...หันกลับมาสบตาบอสมาเฟียเบื้องหน้าอีกครั้ง..

         " หลานชายของคุณ...." เขาเกริ่นช้าๆด้วยความงวยงง..และสงสัย

         " ครับ....เจ้าคนที่ก่อเรื่องแล้วเดินหนีออกไปนั่นล่ะ " เฟรเดริโก้บ่นพลางส่ายหัว.. " เขาชื่อคาวัลโลครับ คาวัลโล วาลกัส...ผมคาดว่าสักวันพวกคุณคงได้คุยกัน "

             นามบัตรที่ถูกหยิบยื่นมาจากบอสมาเฟียของแกงค์วาลกัสอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเย็นวูบแทรกเข้ามาในใจอย่างเฉียบพลัน อัลชาอ์เอ่ยปากลากับเฟรเดริโก้ที่เป็นฝ่ายขอตัวไปก่อนออก มองร่างของฝ่ายนั้นเดินแหวกฝูงชนไปยังเจ้าชายผู้ถูกทำร้ายร่างกาย..ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว..ที่สุดก็ก้มมองนามบัตรที่อยู่ในมือ

...ใบแรกเป็นของเฟรเดริโก้..วาลกัส ใบหน้าที่เขาเคยคุ้นเเละได้คุยอยุ่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้า


และอีกหนึ่งใบ...

      คาวัลโล วาลกัส.... ชายหนุ่มผมสีมะฮอกกานีนัยน์ตาสีน้ำทะเลผู้มีรอยยิ้มน่าหลงไหล..คนนั้น...

         ชีคหนุ่มหันกลับไปมองจุดที่เกิดเรื่องอีกครั้ง พบว่าผู้คนต่างแยกย้ายจากกันไปแล้ว และเมื่อมองหาชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่พบว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหนอีก.. ชั่วขณะหนึ่งที่อัลชาอ์นิ่งอึ้ง..ยิ้มค้าง..ท้ายสุดก็อดจะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้..เมื่อก้มลงมองนามบัตรในมือตน..

     ชีคหนุ่มถอนหายใจเบาๆ...กับรักแรกพบที่พังทลายลงในไม่กี่นาที..ร่างสูงยิ้มให้กับองครักษ์หนุ่มที่เดินเข้ามาหา ไม่ทันที่รายนั้นจะรายงานข้อมูลที่ตนทราบ อัลชาอ์ก็โบกมือห้ามแล้วออกปากสั่งให้เดินทางกลับอย่างรวดเร็ว...

ค่ำคืนแห่งมายา...ท่ามกลางแสงไฟและรอยยิ้มจอมปลอมของผู้คน...รัก...ไม่ควรจะเกิดที่นี่...

เป็นเพียงความหลงไหลและเศษเสี้ยวของความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงเท่านั้น..

   ความหงุดหงิดและเบื่อหน่ายของคาวัลโล วาลกัส จบลงในวันนั้น.. แต่ความฝันและความหลงไหลของอัลชาอ์ยังมีอยู่ต่อไปอีกนานวันแต่กระนั้น..ชีคหนุ่มก็บอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความหลงไหลชั่ววูบ..และ..ตนเองกับคาวัลโลคงไม่มีวันได้พุดคุยกันอย่างที่เฟรเดริโก้ วาลกัส ตั้งใจจะให้เป็น..



....แต่ใครจะรู้ ...ว่าหลังจากนั้น ...พวกเขาได้พบกัน..อีกครั้ง..


        ในยามคืนค่ำที่มืดสนิท แสงดาวพร่างพราวกระจ่างฟ้า ท่ามกลางเสียงกระสุนปืนและควันไฟ...ลมหายใจหอบเหนื่อย สีหน้าเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้ ...นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยและใบหน้าที่เคยคุ้นกลับมาปรากฏต่อหน้าตนอีกครา..



ที่สุดแล้ว....โชคชะตา...


ก็พาให้เราได้พบกัน..



...........................................


ฮี่ๆ ตอบพิเศษจบแล้ว... :o8:
อยากเขียนตอนงานเลี้ยงที่อาบูดาบีมานาน ตอนนี้เลยขอซะเลย..ยังไงก็เป็นตอนพิเศษทดแทนที่หายไปนานแล้วกันเนอะ
อาจจะไม่หวาน และคาวี่กับท่านชีคก็ไม่ได้คุยกันเลย...แต่เอาน่า...มันเป็นจุดเริ่มต้น
ตอนท้ายท่านชีคแอบน้ำเน่าอ่ะ 555+ /โดนเตะ :z6:

ปอลิง. คุณ*~LPCM~* แบดกายอยุ่ที่นี่ค่า http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12460.5400 ระวังนะเรื่องนี้ อ่านแล้วต้องกินยาบำรุงตับ เห็นมีคนบ่นปวดตับไตเครื่องไนเซี่ยงจี้กันเหลือเกิน  :laugh:/ไปแล้วเดี๋ยวพี่โตเตะก้น :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
สองตอนอ่านจุใจเลยค่ะ ตอนปกติหวานมากกก เป็นยาบำรุงตับที่ดีค่ะ :laugh:
ส่วนตอนพิเศษ แบบนู๋คาวี่หล่อค่าาาา เล่นเอาทั้งชีคทั้งคนอ่านเคลิ้มไปตามๆกัน :o8:

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
ยิ่งได้มาอ่านตอนแรกพบ :o8:
ยิ่งทำให้รู้สึกว่าท่านชีคเรารักคงมั่นเหลือเกิน :impress2:
แต่หนูคาวี่ดูจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งกะวันนั้น
เอาแต่ใจยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น
ขอตอนพิเศษแบบนี้บ่อยๆนะไรเตอร์ :กอด1:ชอบบบบบบบบ

hahn

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้ก่อนเลย มาแต่ละครั้งนำมาให้อ่านแบบสะใจกันไปข้าง ขอบคุณจริง ๆ

ชอบตอนนี้มากได้เห็นมุมหวาน ๆ ของทั้งคู่บ้าง แต่ก็กลับมาเครียดกันอีกแล้ว


saya

  • บุคคลทั่วไป
คุณปุ้ยค่ามาให้กอดหน่อย จริงๆอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละแต่น้องมันจะใช้คอมก็เลยต้องมาเม้นท์เอาตอนสายๆของวันนี้
อ่านแล้วบอกได้คำเดี่ยวว่าชอบมากถึงมากที่สุด
คนเขียนหายไปนานมากแต่เราให้อภัยเพราะตอนนี้ถูกใจนักอ่านอย่างเรามากๆอ่ะ
อ่านไปก็เขินไป รักท่านชีค รักคาวี รักคนแต่งด้วย  :man1:
ขอชมคะว่าแต่งมนต์เสน่ห์ของทะเลทรายออกมาได้เสมือนไปนั่งอยู่กะท่านชีคและคาวี่เลย
ส่วนตัวเราชอบอ่านเรื่องแนวทะเลทรายอยู่แล้วพอเจอฉากเมื่อคืนเข้าไปจากที่ง่วงนอนตาสว่างเลยอ่ะ(ไม่นับฉากนอกสถานที่นะ)
ยกมือสนับสนุนให้มีฉากหวานๆของคู่นี้บ่อยๆก็ดี แล้วก็ถึงคาวี่น้อยจะทำอะไรดูปัญญาอ่อนยังงัยท่านชีคกับคนอ่านก็เห็นว่าน่ารักนะ(วิ่งหนีคาวี)
รู้สึกตัวเองเพ้อมากหลังจากได้อ่านตอนนี้ ยังงัยก็รอตอนต่อไปนะค่ะ  :L1:

ปล.ยังไม่ได้อ่านตอนพิเศษ แต่เท่าที่ดูผ่านๆ ดูคาวี่เราจะนิสัยคงเส้นคงวามาก
ใจจริงอยากเห็นตอนที่ท่านชีคของเราเจอกับครอบครัวและพวกพี่ๆของคาวี่ดูเหมือนกันนะคงสนุกดีครอบครัวนี้ร้ายๆกันทั้งบ้าน o18


ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
อ๊าย..คาวี่น่าฟัดมากๆเลยอะ
อัลชาร์ก็ช่างเข้าอกเข้าใจเหลือเกินนะ หวานกันกลางทะเลทราย โรแมนติคที่สุด เฮ้อ ไม่รู้จะอิจฉาใครดีเลย 

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
หายไปนาน แต่มายาวมากก็ให้อภัยค่ะ555

เข้าใจฟีลเซ็งๆ พล็อตเต็มหัว แต่เขียนไม่ออกเหมือนกันนะ ช่วงนี้กำลังเป็นอยู่พอดี แต่ยังหาวิธีแก้ไม่ได้สักที เอิ๊กๆ

ปล.ตอนพิเศษทำให้ได้รู้ว่า อัลซาเป็นหนุ่มโรแมนติกมากกกกกกกรักทน รักนานสุดๆ แอร๊ยยยยยส์

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :impress2:น่ารักจริงคู่นี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13

ออฟไลน์ ToffeE_PrincE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-4
หายไปนานเลยน่ะคุณปุ้ย
กลับมาก็มาเป็นหางว่าวเลย อย่างนี้อภัยกันได้ :z1:
ฉากหวานเต็มเลย

แต่ทำไมไม่มีภาคของฝาแฝดบ้างเลย :m15:

 :กอด1:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
คู่นี้น่ารักอ่ะ คาวัลโลเหมือนลูกแมวเลย
อัลชาไปไหนไม่รอดแน่ๆ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






morphinelike

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงคาวี่กะท่านชีคที่สุดเลย                                                                                                                                                                        

flawless

  • บุคคลทั่วไป
ท่านชีคคคคคคคคคคคคค  กลางทะเลทรายเลยหรือคะ????
สุดยอดดดด ช่างกล้า มาดมั่น และไม่แคร์ใดๆ เลยจริงๆ
หุๆ รอบนี้มาสองตอนเลย ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วยิ้มได้
นิดหน่อยหลังจากซึม มาจากแบดกายค่ะ

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
สองตอนเต็มอิ่มจุใจ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ใครกันนะที่ทรยศ อยากรู้ใจจะขาด ฮือ  ลุ้นจริงให้ตายเหอะ :a5: :a5: :a5:
รักแรกพบของท่านชีค  :กอด1: :กอด1: ว่าแต่ ไอ้เจ้าชายคนนั้นคงไม่ใช่เจ้าชายฟาซาลหรอกนะ  :o8:
แล้วเซย์ล่ะค่ะ หายไปไหนอ้ะตอนนี้ อัพเดทหน่อย พลีส  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ ammer

  • มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
  :haun4:  กลางแจ้งเลยหรอ
คาวัลโลยังไม่รู้เรื่องพี่ชายตัวเองใช่มั้ยค่ะ?

ออฟไลน์ penda

  • ~~^v^~~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
อ่า  ยาวดีจริงๆตอนนี้
มีตอนพิเศษให้ด้วย
คุ้มที่รอคอย 55+

 :L2: :pig4: :L2:

KaZuKi

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกก อิจฉา อยากได้แบบอัลชาห์อ่ะ โอ้ย สวีท หวานไปไหนค่ะคุณพี่ :o8:
ไม่ไหวจะเครีย คลอเครีย ออดอ้อน แบบคาวี่ใช่มั้ยที่ต้องการ โฮกกกกก รอตอนหน้านะค่ะ
ยังลุ้มคู่แฝดอยู่ :monkeysad:

ออฟไลน์ inhyung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
โว๊ะ มันจะหวานไปถึงไหน กลางท้องฟ้าโปร่ง โล่ง แจ้ง มีแสงจันทร์เป็นพยาน โรแมนติกมากกกกก
จับตัวคนทรยศได้แล้ว จะทำยังไงต่อไป แล้วไหนจะเรื่องของคาวี่อีก
ต้องกลับไปแก้แค้นนะ ><

ตอนพิเศษน่ารักอ้ะ ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันก็เถอะ 5555

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ไม่ว่าจะเป็นชีคอาเหม็ด รึว่า อัลลิยะห์ 
คิดว่า อัลชาร์ ก็เจ็บปวดอยู่ดี
เพราะเป็นคนใกล้ตัวที่ไม่คิดว่าจะทรยศทั้งคู่ เหมือนกับกรณีของคาวี่เลย
แต่คิดว่าน่าจะเป็นชีคอาเหม็ด มากกว่านะคะ รึไรเตอร์ว่ายังไง
 :really2:

แล้วมือซ้ายมือขวาของคาวี่ ที่พี่ชายใหญ่ส่งมา เมื่อไหร่จะมาคะ รอจะแย่แล้วววววว

 :monkeysad:

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
ตอนปัจจุบัน คาวี่น่าเอ็นดูมั่กๆๆๆๆ :laugh: :laugh:

ส่วนอัลซาร์หื่นสุดๆ  :haun4: :haun4: :haun4:

แต่ตอนพิเศษ อัลชาร์โรแมนติก+หนักแน่นมั่นคงดีจัง :impress2:

ออฟไลน์ ease supsnerv

  • Darker Than Ever
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-0
อ่า  ชีคกะคาวี่ สวีทกันไม๊สนดินฟ้าอากาศ สุดยอด!!  อยากบอกว่าตอนนี้หวานมากๆ หวานเชื่อมเลยจ้ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด