เสียงหัวเราะร่าเริงบันเทิงใจดังขึ้นจากโต๊ะอาหาร โรเบิร์ต ชอว์ตัน ชายหนุ่มที่คาวัลโลรู้ข้อมูลคร่าวๆว่าเป็นชาวอังกฤษ รู้จักกับอัลชาอ์มานานนมและคบกันนานพอสมควร กลายเป็นอาคันตะกะผู้สร้างเสียงหัวเราะไปเสียแล้วนั่งอยู่ข้างชีคหนุ่มผู้นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ คาวัลโลตักอาหารเข้าปากขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงสนทนาของผู้คนโดยรอบไปพลางๆ...และพ่นลมหายใจหลบหนีสายตาเห็นอกเห็นใจของฟาลซาอ์ เจ้าชายผู้ไม่รู้อะไรเลยเงียบๆ
ตัก"คีบับ"อาหารพื้นเมืองที่ทำมาจากเนื้อวัวย่างซอสเข้าปาก พลางเตือนตัวเองว่าเขาควรจะโทรไปหาพี่ชายสุดที่รักได้แล้ว เพราะขาดการติดต่อมาอาทิตย์กว่าๆแล้ว เดี๋ยวอเล็กซิสมันจะพาลคิดไปว่าเขาถูกเก็บไปเสีย แล้วอาจจะหาเรื่องยกพวกมาตีกับที่นี่เหมือนพวกเจ้าโง่ราฟาเอลโร่และฟิลิเป้เข้าให้
" หือ? " ครางในลำคอเบาๆเมื่อพบว่าสายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมาที่ตน คาวัลโลวางส้อมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพันเส้นสปาเกตตี้อย่างเอาเป็นเอาตายแล้วหันไปมองงงๆว่าที่มองนี่เพราะการกินแบบทำลายล้างของเขารึเปล่า
"....อ้อ....เมื่อกี้ร๊อบถามคุณเรื่องอิตาลีน่ะ เขาเพิ่งไปเที่ยวมา "ราเซย์อธิบายคร่าวๆ
" อ้อ...."ครางรับในลำคอ พลางเลิกคิ้วมองหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้า..." ว่าไงครับ? "
"..ผมอยากคุยกับคนอิตาเลียนน่ะ....ไปเที่ยวมาเลยเห่อนิดหน่อย...ผมชอบไร่องุ่นที่นั่นมากเลย ตอนเช้าๆโรแมนติกมากเลยนะให้ตาย..."ว่าแล้วชายชาวอังกฤษเบื้องหน้าก็ทำหน้าตาเคลิ้มฝัน ชวนขันไม่น้อย
"...บ้านผมเป็นเมืองโรแมนติกอันดับหนึ่งของโลกไง " คาวัลโลหัวเราะหึๆ "แล้วคุณไปเที่ยวที่ไหนมาล่ะ ทางเหนือหรือว่าทางใต้.."
" ผมเริ่มจากไปเที่ยวโรมครับ แล้วไปต่อเรื่อยๆ ได้เที่ยวที่เกาะซิซิลีด้วยล่ะ เขาว่าแถวนั่นมาเฟียเยอะใช่ไหม..."คนพูดทำหน้าตาขนลุก คาวัลโลฟังแล้วหัวเราะเบาๆในลำคอมองสีหน้าของคนฟังรอบๆแล้วยิ่งขำ อยากบอกนักว่า"มาเฟีย"ก็นั่งอยุ่ตรงนี้ตัวเป็นๆแล่วไงเล่า
" อืม....บ้านผมอยู่ที่ปาร์เลโม ไม่ยักสนใจเรื่องนั้นนะ..."เอาจริงๆไม่ได้โกหก เพราะบ้านเดิมที่ครอบครัวย้ายมาก่อนจะตั้งรกรากที่โรม ก็อยู่ที่แคว้น ปาร์เลโม เกาะซิซิลีจริงๆ...
" โว้ว....คุณ...อยู่ที่เกาะนั้นเหรอ? "โรเบิร์ตว่าพลางมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ " ชักอยากรุ้แฮะว่ามันมีจริงไหม?"
" แล้วแต่ว่าคุณจะสนใจไหม...ถ้าไม่ยุ่งกับพวกนั้นเขาก็ไม่มายุ่งกับเราหรอก ใช่ว่าพวกที่เดินตามถนนจะมีป้ายแขวนคอบอกไว้ว่าเป็นมาเฟียเสียหน่อย "คาวัลโลยักไหล่ "ส่วนเรื่องสมาคมลับที่พวกสื่อต่างชาติชอบเอามาเล่น...ก็ไร้สาระ แถวนั้นมีแต่ไร่องุ่นกับไร่มันฝรั่ง " วงเล็บว่ามีคฤหาสถ์โบราณตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกกับหลุมศพมาเฟียในแกงค์เก่าๆด้วยนะ
" งั้นเหรอ? แต่มันน่าสนใจจริงๆนา...ได้บรรยากาศเดอะก๊อดฟาเธอร์เลย " คนพูดหมายถึงหนังสือวรรณกรรมอาชนิยายที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมาเฟียจากอิตาลี
"...คงเพราะเขาอิงจากเกาะซิซิลีล่ะมั้ง " คาวัลโลยักไหล่...
"....แล้วอยู่ที่นั่นคุณทำอาชีพอะไร "ชักจะเหมือนการสอบสวนเข้าไปทุกที คาวัลโลกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย
"....ก็...ไกด์นำเที่ยว สำหรับพวกนักท่องเที่ยวสอดรู้สอดเห็นอยากไปเหยียบหางพวกตาเเก่ขี้โมโหแถวนั้น "
" ฮ่ะๆ...เอ่อ...งั้นเหรอ.." ว่าแล้วโรเบิร์ต ชอว์ตัน ชายผู้มีมนุษย์สัมพันธ์เลอเลิศและสอดรู้สอดเห็นนิดหน่อยก็หันไปทานอาหารต่ออย่างไม่ต่อความถามไถ่อะไรอีก..ซึ่งก็ดีแล้วเพราะถ้ายังเสือกจะถามต่อทั้งที่เขาประชดไปเสียเต็มกำลังแล้วล่ะก็...อีกเสี้ยวขี้ตาแมงหวี่ หมอนี่ก็จะกลายเป็นไอ้บ้าไร้กาละเทศะไปแล้ว
"...ให้ตาย" รามิลที่นั่งอยู่ข้างๆทำหน้าเบี้ยวใส่เขาแล้วส่ายหัว
" อะไร..."คาวัลโลคำรามกลับ ก็ใครใช้ให้มา"ยุ่ง"กับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเกินไปแบบนี้ ทั้งที่เป็นคนอังกฤษซึ่งขึ้นเชื่อเรื่องมารยาทและเป็นผู้ดีเสียเปล่าเรื่องแบบนี้ก็ไม่เข้าใจ
"...แค่แฟนเก่าอัลชาอ์มาเยี่ยมไม่เห็นต้องหงุดหงิด ไม่กี่วันเขาก็ไปแล้ว....แล้วคุณก็เป็นฝ่ายทิ้ง...อุ๊ก...."
" เงียบไปเลยไป " ซัดฝ่าเท้าใส่หน้าแข้งรามิลเสียทีหนึ่งแล้วถลึงตาใส่...ช่างจับเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องเสียเหลือเกิน มันเกี่ยวอะไรกับหึงหวงตรงไหน เขาก็แค่ไม่พอใจที่มาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเท่านั้นล่ะ..
"..ก็เห็นเข้ากันได้ดีขนาดนี้..ทำไมถึงเลิกกันซะล่ะ "คาวัลโลออกปากถามพลางปรายตามองทางหัวโต๊ะที่อัลชาอ์นั่งคุยกับโรเบิร์ตด้วยท่าทีคุ้นเคย
"...ไม่รู้เหมือนกัน "รามิลยักไหล่..." เห็นคบกันมานานพอดู จู่ๆก็บอกว่ากลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว.."
"อืม....อาจจะมีรีเทิร์นก็ได้มั้ง "คาวัลโลตักสปาเกตตี้เข้าปากแล้วเปรยขึ้นเงียบๆ
"...หึ...พูดเหมือนตัวเองไม่เกี่ยวนะ "รามิลหัวเราะหึๆ
"...ช่วงที่อกหักน่ะ คนเรามันจิตใจอ่อนไหว ไม่รู้รึไง "คาวัลโลยังคงพูดประเด็นเดิมอย่างไม่คิกจะสนใจถ้อยคำจิกกัดของพี่น้องตระกูลเซฮามัค
" ไม่เห็นคุณเป็นแบบนั้น " ไอ้เวรนี่ยังไม่เลิก คาวัลโลถอนใจพรู หยิบแก้วน้ำเปล่ามาจิบ บ่งบอกว่าอิ่มหลังจากฟาดเรียบมามากกว่าครึ่งชั่วโมง
"...ผมไม่ใช่คนเจ็บ...รึจะเถียง "
" อืม...ชัดเจนเลย แบบนี้ยิ่งชัดเข้าไปใหญ่ " คราวนี้รามิลแสยะยิ้มออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด "ว่าแล้วก็ชักอยากจะให้รีเทิร์นแบบที่คุณว่าจังเลยนะ อยากรู้จริง ว่าคนแถวนี้มันจะนึกเสียใจขึ้นมาบ้างไหม"
"............." คาวัลโลไม่ตอบแต่ขยับฝ่าเท้ากระทืบลงบนหลังเท้าของรามิล เซย์ฮามัคอีกครั้ง เขาวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ มองสบแววตาเห็นอกเห็นใจไม่เลิกของเจ้าชายฟาลซาอ์และเลยไปถึงแววตาสงสัยจัดของฮาซานที่เฝ้าอยู่ตรงประตูหน้า นึกหงุดหงิดว่าคนพวกนี้จะห่วงอะไรเขานักหนา ก่อนจะตัวดสายตามองอัลชาอ์ที่นั่งคุยกับโรเบิร์ต เขาสังเกตเห็นฝ่ามือของหนุ่มชาวอังกฤษวางบนหน้าขาของท่านชีคแห่งเซเนียยาอย่างสนิทสนมแล้วนิ่วหน้าน้อยๆ...สบมองนัยน์ตาสีดำสนิทแล้วผงกหัวเชิงขอตัวไปที่อื่นด้วยหวังจะให้จบรายการงี่เง่าบนโต๊ะอาหารเสียที
อัลชาอ์พยักหน้าน้อยๆให้เชิงอนุญาติ เขาจึงลุกจากเก้าอี้ออกไปจากห้อง ใคร่ครวญเรื่องราวทั้งหมดพร้อมถามตัวเองว่านี่จะเป็นแผนของอัลชาอ์อีกไหม..แต่เขาก็ปัดมันทิ้งไป เพราะรู้ว่าท่านชีคแห่งเซเนียยาไม่ได้ว่างพอจะมาเล่นเกมส์ทดสอบหรือประชดอะไรกับเขาให้เสียเวลาอีก...
ฝ่าเท้าของคาวัลโลย่ำลงไปยังห้องขังใต้ดินของวัง เขาปัดเรื่องวุ่นวายยุ่งยากทั้งหมดออกจากสมองอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากยามมองเห็นร่างของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ และ ฟิลิเป้ เรกาโซ่ สองมาเฟียคู่อริอยู่ในสภาพถูกล่ามโซ่ไว้ในห้องขัง สั่งให้ฮาซานที่เดินตามมาเปิดประตูห้องขังของราฟาเอลโร่ ก่อนจะลากเก้าอี้ไปนั่งหน้าร่างที่เอนตัวพิงผนังห้องขังนิ่งเงียบด้วยรอยยิ้มพึงใจ
เสียงเปิดประตูเเละเสียงครูดของโต๊ะกับพื้นห้อง ทำให้ราฟาเอลโร่ลืมตาขึ้นมาในที่สุด เขามองเห็นร่างของคู่แข่งตลอดกาลนั่งอยู่เบื้องหน้าบนเก้าอี้สีทึบ สบมองรอยยิ้มที่เหนือกว่าของมันพร้อมกับฟังเสียงทายทักที่บ่งบอกว่ามันพร้อมจะเอาคืนเขาแล้วอย่างสาสม..แบบที่เจ้าตัวมันบอก
" สวัสดี ราฟาเอลโร่ หลับสบายดีไหม? "
ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ เพียงแต่ขยับยิ้มหยัน...เย้ยหยันทั้งโชคชะตา ทั้งตัวเอง และทั้งชายหนุ่มตรงหน้า
.....ไม่รู้ว่าเจ้าคนที่กำลังพยายามดิ้นรนจะเป็นจะตายตรงหน้าจะรู้ไหม...ว่าคนที่มันรักนักหนา กำลังหักหลังมันอยู่...
...........
หนาวอ่ะ...ฮู่ววว
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ขี้เกียจมาก (ไม่ใช่เพราะสอบเสร็จแล้วนะ ) หมายถึงขี้เกียจลุก เพราะอากาศมันชวนนอนต่อมากมาย
.. ช่วงนี้กรุงเทพเป็นอะไร รู้สึกเหมือนกำลังกลับไปเที่ยวบ้านตอนหน้าหนาวก็ไม่ปาน ขนาดปุ้ยอยุ่ทางเหนือมาค่อนชีวิตยังไม่ชินกับอากาศหนาวแบบนี้เลยเหอะ โทรไปที่บ้านแม่ก็บอกว่าหนาว แถมฝนตกด้วย เกิดอะไรขึ้นเนี่ยฮู้ยยย (ไม่เกี่ยวกับซึนามิรึโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นนะ อย่าบ้าเอาเบต้าดีนป้ายคอเหมือน ฟอเวิร์ดเมล์ล่ะเออ)
...ส่วนตอนนี้ หึหึ ศัตรูความรักมาแล้วเรอะ (โดนเตะ
) แต่ไม่ได้มาแนวนางร้ายหรือแย่งอะไรนะ บอกตามตรงว่าปุ้ยไม่ชอบเขียนเลยแฮะ ไอ้เรื่องที่พระนาย(ฮ่าๆ)ทะเลาะกันแล้วมีมือที่สามมาทำให้หึงให้หวงเนี่ย รู้สึกว่ามันงี่เง่าอ่ะ แต่ไปๆมาๆ นั่งคิดนอนคิดยังไงก็พบว่าอิวี่(อัพเดทชื่อใหม่ของคาวัลโลแล้ว
)มันจะต้องเจอแบบนี้ถึงจะรู้สึกรู้สาซะบ้างแต่ไปๆมาๆนังวี่ก็ออกแนวไม่สนอยู่ดี แต่มีแอบพาลแอบเหวี่ยงตามประสา
ส่วนเรื่องเล็กซิสหึหึหึ บรรยากาศทางโน้นก็เริ่มมาคุแล้วนะค่ะ..ถ้าคาวี่รู้เรื่องเมื่อไหร่ล่ะก็...รับรองงงานนี้มีเฮ
แอบสะใจนังวี่(ตั้งด้วยความรักจริงๆ)นิดนึงตอนอัลชาอ์เดินมาบอกว่าจะไม่มีอะไรอีกแล้ว แถมไปตบหัวใจเค้าอีก เจออัลชาอ์สวนคำเดียวจอดเลย พอเขาไม่สนก็แอบมามึนๆซึมๆ ชะ ทำตัวเองแท้ๆ..แถมยัง...อืม คาวี่มันไซโคตัวเองแฮะ แบบว่าเฝ้าบอกตัวเองว่าไม่รักๆๆ ไม่สนว่าความจริงตัวเองจะรู้สึกยังไง ไซโคแบบนั้นไปเรื่อยๆเพราะเชื่อว่าในที่สุดมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เอาเข้าจริงคาวี่มัน"เด็ก"กว่าที่แสดงออกมากมาย ภายนอกอาจจะมองว่าดูแกร่งและเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าลองมองเข้าไปลึกๆก็เป็นแค่เด็กที่ใช้วิธีหนีความจริงและตัดปัญหาไม่อยากให้ลุกลาม แค่นั้น... เราก็ได้แต่รอดูกันไปว่าจะได้ผลไหม
ตอนนี้ไม่มีอะไรมากนัก รอตอนหน้าเรามาสอบสวนราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้กันดีกว่า อะหึหึหึหึ
ปล. ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
ปล.2 ใครที่หนาวแล้วไม่อาบน้ำ สารภาพมาซะ !