เสียงปืนดังขึ้นติดๆกันหลายนัดบนเชิงผาที่ใช้เป็นที่ซ่อนตัว รถจี๊ปเปิดประทุนสองสามคันและรถเเลนซ์โรเวอร์อีกสองคันจอดนิ่งเพราะใช้การไม่ได้ เสบียงร่อยหรอ กระสุนเครื่องกลหนักที่พกพามาเต็มกำลังบัดนี้วางเกร่ออยู่ทั่วตัว หากเหลืออยู่เพียงน้อยนิด...
แสงแดดแผดเผาจนร้อนระอุแทบไม่มีที่พักพิง ราฟาเอลโร่พิงเพิงพินที่หลบมาอย่างเหนื่อยอ่อน เอื้อมมือเช็ดหยาดเหงื่อที่ทิ้งตัวลงบนผิวแก้มหากปต่แผ่นหลังที่พิงหินอยู่ร้อนผ่าวจนต้องขยับตัวออกมา ขณะที่มองฝ่าสายลมและฝุ่นทรายคละคลุ้งเบื้องหน้า เห็นเปลวแดดไหวระยิบและเงาตะคุ่มของรถที่จอดทิ้งไว้ไม่ไกล..
ใบหน้าชื้นเหงื่อและเปื้อนฝุ่นผงคราบไคล ร่างของลูกน้องคนสนิทหลายรายบาดเจ็บร้องโอดโอยบ้างก็ไข้ขึ้นอยู่ใกล้ๆ ยาระงับปวดที่พกพามามียังคงมีอยู่หลายแผง ทว่าน้ำสะอาดสำหรับล้างแผลหรือแม้แต่จะทานยังไม่มี...
สองวัน !!
สองวันมาแล้วที่ถูกรุกไล่จนแทบเอาตัวไม่รอด ไม่สามารถข้ามไปอีกฝั่งของประเทศที่ชีคของประเทศนั้นอ้าแขนรับ เพราะทหารที่ชายแดนประจำแน่นหนา ตรึงกำลังไม่ให้พวกเขาข้ามไปได้...สองวันที่พรรคพวกต่างล้มตายบาดเจ็บไปทีละน้อย ลูกน้องที่มาจากอิตาลีนั้นยังสมัครใจจะอยู่ร่วมเป็นร่วมตาย แต่เหล่าคนของที่นี่กลับหนีหาย พวกมันไม่ยอมอยู่ร่วมเมื่อรู้ว่าพวกเขาเป็นปรปักษ์ต่อชีคของตน !
" กรอด....ไหนพวกนั้นบอกว่าจะช่วยไง หายหัวไปไหนกันหมด ! " เสียงคำรามของไอ้ตัวโง่และไร้ประโยชน์ข้างกายยิ่งทำให้ความหงุดหงิดพุ่งพรวด ราฟาเอลโร่หยิบเอากระสุนปืนมาใส่ให้เต็มแม๊กอย่างอารมณ์เสีย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดแค่ไหน ที่แผนการณ์มันผิดพลาดมาได้ขนาดนี้ ทั้งที่อุตส่าห์ยอมลำบากเสี่ยงมาที่นี่เพื่อจะกำจัด"มัน"ไปให้พ้นๆทางเสียที นอกจากจะทำไม่ได้แล้ว ตอนนี้ยังถูกไล่ล่า หมายเอาชีวิตอีกด้วย
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงลั่นกระสุนดังลั่นเข้ามาในระยะใกล้ พร้อมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ทำให้ดวงตาเบิกกว้าง ราฟาเอลโร่เงยหน้าพรวดขึ้นจากเพิงหิน ขณะที่ลูกน้องในแกงค์ซึ่งผลัดเวรขึ้นไปสังเกตการวิ่งถลาลงมาหาด้วยหน้าตาตื่นตระหนก
" คุณราฟาเอลโร่ครับ พวกมันมากันแล้ว ! "
"...ให้ตายสิรับนี่ไป ! " โยนระเบิดมือและปืนเอ็มสิบหกส่งให้อย่างไม่รีรอ ขณะที่เหล่าลูกน้องก็กระโจนพรวดเข้ามาหยิบปืนไปอย่างไม่รอช้า ราฟาเอลโร่หยิบไรเฟิลคู่ใจออกมากำแน่น พาดลูกกระสุนอยู่บนไหล่ เขาได้ยินเสียงฟิลิเป้คำรามฮึ่มฮั่มในลำคอ จึงบีบไหล่มันไว้ ขยับริมฝีปากส่งซิกไปให้แยกกำลังโจมตีอย่างไม่รอช้า
ฟิลิเป้นำพรรคพวกที่มากกว่ากระโจนเข้าคลุกฝุ่นกลางทะเลทรายเป็นทัพหน้า ส่วนเขาและพรรคพวกจะลอบซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่...ราฟาเอลโร่กัดฟันกรอดเมื่อแว่วเสียงปืนดังลั่นและเสียงล้อรถบดถนนชัดหู ชายหนุ่มกระชับไรเฟิลไว้แนบไหล่ ขณะที่นอนราบลงกับพื้น เพ่งสายตามองฝ่าทรายที่คละคลุ้งเบื้องหน้า...
....รู้ดีว่าทางรอดนั้นช่างมีน้อยเหลือแสน...
พวกเขารู้ดีว่าคงรอดไปจากที่นี่ยากนัก...หนึ่งเพราะกำลังที่เหลือไม่มากจากการปะทะเมื่อสามวันก่อน อีกทั้งเขารู้ ว่ากองทัพของที่นี่กำลังคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว ตัดน้ำ อาหาร ตัดเสบียงให้ร่อยหรอ เฝ้ารอให้พวกเขาอ่อนแอแล้วค่อยลงมือจัดการ...
ราฟาเอลโร่รู้ดีว่าในฐานะที่พวกเขามาเยือนประเทศนี้โดยไม่บอกกล่าว ไม่มีแม้แต่คำขออนุญาติหรือพาสปอร์ตแปะหน้านั้นถือเป็นเรื่องที่โง่เง่าและหยามเกียรติหยามกฏหมายอย่างร้ายแรง...ตอนแรกวางใจว่าคนของทางนี้จะช่วยดูแล แต่ทว่าเมื่อเกิดเรื่องก็รู้ชัด ว่าทางนั้นก็คงลำบากไม่ต่างกัน..
อีกทั้งการเข้ามาก่อเรื่องของพวกเขา ไม่เป็นที่นิยมของผู้นำที่นี่แน่ๆ...
...และที่สำคัญที่สุด พวกเขาต่างประจักษ์แล้ว ว่าข่าวการเสียชีวิตของคาวัลโล วาลกัสนั้นโกหกทั้งเพ..
มันยังอยู่ ยังคงมีตัวตนและกำลังดำเนินแผนการณ์บางอย่างอยู่เงียบๆ เพราะราฟาเอลโร่รู้ว่ามันไม่มีทางสิ้นคิดถึงขนาดจะไปเป็นเมียเก็บของใครจริงๆ...
...ดังนั้นเมื่อพวกเขารู้ถึงการมีตัวตนของมันแล้ว การจะหยุดไม่ให้ข่าวแพร่ออกไป มีทางเดียวเท่านั้นคือกำจัด...พวกเขาให้สิ้นซาก...
มันกำลังขีดเส้นตายให้เขาเดินตาม...
....ราฟาเอลโร่เสยผมสีบลอนด์ของตัวเองแรงๆราวกับพยายามทำจิตใจให้นิ่งไม่สั่นไหว ในสมองกำลังคิดพิจารณาแผนการณ์ที่วางไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน...ถึงพวกมันจะขีดเส้นไว้ แม้ว่าเจ้านั่นมันกำลังวางแผนเชือดพวกเขาแบบหนูจนตรอกอย่างที่มันถนัดนัก....แต่หากวางแผนดีๆก็ใช่จะไม่ชนะ
...เขาให้ฟิลิเป้และคนของมันเข้าไปลุย เพราะความจัดเจน ชำนาญการรบนั้นจะทำให้การบุกเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และข่มขวัญพวกมันไปได้ในตัว
ส่วนเขาและลุกน้องคอยดักซุ่มยิง...โจมตีพวกที่ไม่ทันตั้งตัว...และหากสบโอกาส...การเลือกเฟ้นหาตัวประกันสักคน ไม่ใช่เรื่องยาก....
เพียงเท่านั้น...ก็จะ...
ตูม !
เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นควันและเม็ดทรายที่ปลิวคลุ้งพร้อมกับแว่วเสียงรถยนต์คำรามเข้ามาใกล้ ราฟาเอลโร่แนบตัวลงกับพื้น พยายามเพ่งตามองผ่านทัศนียภาพที่พร่ามัวเพื่อเล็งเป้าสังหาร...
ฝุ่นที่อวลตลบค่อยจางลงไป เผยให้เห็นร่างสูงของบุรุษชาวอาหรับในชุดโธปสีขาวบ้างดำบ้าง พวกเขาสวมผ้าคลุมลายตารางหมากรุกพันรอบใบหน้าจนโผล่พ้นมาแต่ดวงตา มีอาวุธครบมือและใส่เครื่องกันกระสุนพร้อมรบ ทั้งหมดนั้นนั่งอยู่ในรถจิ๊บลายพรางสีเขียวที่ติดปืนกลหนักสีเข้มทะมึน อีกจำนวนหนึ่งกระโจนลงมาล้อมจับพร้อมกับลั่นกระสุนอย่างต่อเนื่อง ราฟาเอลโร่ขมวดคิ้วเมื่อพวกมันยังไม่มีท่าทีว่าจะยิงถล่มสาดกระสุนใส่ฟิลิเป้และพวกที่กำลังสู้ยิบตาอยู่อย่างที่ควรทำ...
ร่างของฟิลิเป้กระโจนคุลกฝุ่นพร้อมสาดกระสุนปืนกลในมืออย่างต่อเนื่อง มันหมอบอยู่ที่เนินทรายห่างไปจากตัวเขาไม่กี่เมตร ราฟาเอลโร่มองเห็นร่างของทหารฝ่ายนั้นหลายนายที่ทรุดตัวลงกับผืนทรายเพราะกระสุนที่เจาะเข้ากลางหน้าผากและบริเวณอื่นของร่างกาย..
หรือมันไม่คิดจะจับตาย..
.
ราฟาเอลโร่ครุ่นคิด ขณะที่สอดปลายนิ้วเข้ากับไกปืนช้าๆ เมื่อเจาะจงตำแหน่งของเป้าหมายได้ชัด เขาเม้มปากแน่นเมื่อพวกมันเริ่มทำการสาดกระสุนกลับ บ่งบอกว่าคงได้รับคำสั่งเด็ดขาดมาจากผู้นำของตนแล้ว..
มองเห็นร่างของพรรคพวกที่ล้มลงทีละรายอย่างแค้นใจนัก ราฟาเอลโร่กัดฟันกรอด ขณะที่เริ่มเหนี่ยวไกเล็งไปยังเหล่าทหารที่ระดมยิงเข้ามาพร้อมกับเคลื่อนกายกระชับวงล้อมเข้าใกล้ ใจจริงเขาอยากยิงเจ้าพวกที่นั่งเฝ้าปืนใหญ่เป็นป้านิ่งอยู่มากกว่า ทว่า การยิงไปที่ตรงนั้นไม่ต่างกับการแสดงตน แม้วิถีของไรเฟิลจะไปถึง แต่ทว่ารถพวกนั้นยังถอยห่างให้ทหารราบเป็นเหล่าคุ้มกันไม่ได้เข้าร่วมในสมรภูมิ แน่นอนว่าพวกที่เป็นแนวหน้าอย่างฟิลิเป้มันต้องสนใจบุกพวกทหารที่ดาหน้าเข้ามา มากกว่าจะมายิงพวกกองสนับสนุนด้านหลัง ดังนั้น หากเขายิงไปก็ไม่ต่างกับการเผยตัว และนั่นจะทำให้ผลของการต่อสู้เปลี่ยนไปทันที
ตูม !
ระเบิดมือที่เขวี้ยงลงไปทำให้ฝุ่นทรายที่คละคลุ้งอยู่แล้วยิ่งโหมหนัก ราฟาเอลโร่สะดุ้ง ถอยตัวหลบเข้ามาด้านในเมื่อลูกกระสุนตกลงใกล้ตัว ชายหนุ่มหลับตาลงกระเถิบตัวเข้าไปในเพิงหินให้มากขึ้นอีก ...แต่กระบอกปืนยังส่องประกายวาววับ
ขณะที่ราฟาเอลโร่กำลังซุ่มอยู่ด้านหลัง ฟิลิเป้กำลังหยีตาฝ่าทะเลทรายที่คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นผงและเม็ดทราย ชายหนุ่มกระหน่ำยิงไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ลืมหูลืมตา อะดรีนาลีนในกายหลังออกมาอย่างเต็มที่ยามที่กระโจนตัวกลิ้งกลบห่ากระสุนจากปืนกลที่สาดซัด... เขาได้ยินเสียงคำรามของลูกน้องข้างกายตนราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ มองเห็นเลือดสีเข้มที่สาดกระจายเข้าสู่ใบหน้า ยิ่งทำให้ต้องกัดฟันกรอด
" บ้าชิบ กระสุนหมดแล้ว !! " เขาร้องลั่นเมื่อพบว่ากระสุนที่พาดไล่มาด้วยถึงคราวหมดไปอย่างรวดเร็ว ฟิลิเป้คำรามเสียงต่ำ หันกายไปหาลูกน้องข้างๆเผื่อจะได้ออกปากถามเอาลูกกระสุน หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าร่างของลูกน้องข้างกายนอนจมกองเลือดอยู่...
นัยน์ตาสีเขียวสดกวาดมองทั่วบริเวณอย่างไม่แน่ใจ พลันก็หนาววูบเมื่อพบว่าร่างของลูกน้องคนสนิทหลายนายกำลังแน่นิ่ง อีกไม่น้อยโอดโอยด้วยอาการบาดเจ็บ หายใจรวยริน...
...ไม่มีทางชนะ...
ลางสงหรณ์บ่งชัดแบบนั้น ทำให้ต้องกัดฟันกรอด หากฟิลิเป้ไม่นึกหวั่นผวาเขากระชากสลักระเบิดในมือ แล้วเขวี้ยงไปยังเหล่าทหารที่สืบเท้าเข้ามาใกล้อย่างไม่หวาดหวั่น..
....ปืนสั้นสีดำสนิทที่พกติดตัวอยู่เสมอถูกดึงออกมาจากรองเท้าบู๊ตราคาแพงลิ่ว ฟิลิเป้แสยะยิ้มเย็น ขณะที่ลุกพรวดขึ้นท่ามกลางฝุ่นทรายที่คละคลุ้งและปลายกระบอกปืนที่หันเข้าหา มาเฟียนุ่มยกปืนในมือขึ้นเล็งอย่างรวดเร็ว...พลันเผยรอยยิ้มุมปากเมื่อร่างเงาที่เดินเข้ามาใกล้หายไปทีละคน...ทีละคน..
หนึ่งคน...สองคน...และ...
ปัง !!
ชาวูบที่หัวเข่าซ้ายจนต้องทรุกตัวหอบระริก ความเจ็บปวดยังไม่เกิดขึ้นในยามนี้ มีเพียงความร้อนวูบและประสาทสัมผัสที่ชาด้าน ฟิลิเป้กัดฟันกรอดแล้วค่อยพยุงตัวขึ้นลุกจากพื้นอย่างโซซัดโซเซ เขายันร่างไว้ด้วยเข่าข้างที่ไม่บาดเจ็บ ก่อนจะยกปืนขึ้นแล็งอีกครั้ง...
" อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก...." ฟิลิเป้มองเห็นร่างเงาสีดำย่างก้าวมาเบื้องหน้าตนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลายดาบของฝ่ายนั้นที่ชูสูงส่องประกายล้อแสงแดดระยับ ท่ามกลางฝุ่นผงและเม็ดทรายที่คละคลุ้ง มาเฟียหนุ่มมองเห็นเพียงใบหน้าที่ถูกผ้าลายตารางหมากรุกพันไว้จนเหลือเพียงดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววโหดเหี้ยวและเกรี้ยวกราดเสียงจนทำให้ตัวแข็งทื่อ และสิ่งต่อมาที่รู้ คือกระบอกปืนในมือถูกแตะทิ้งอย่างรวดเร็วเสียงจนเขาตั้งตัวไม่ทัน และความเจ็บปวดจากกลางฝ่ามือข้างที่ถือปืนไว้แล่นปร่า
เลือดสีเข้มสาดกระจายลงบนท่อนแขนและผิวหน้าตน ความเจ็บปวดทำให้สติปลาสไปสิ้น ฟิลิเป้ถูกปลายเท้าในชุดสีเข้มนั้นยันแผ่นอกไว้แล้วเหยียบแน่น ร่างสูงใหญ่อย่างชาวยุโรปของตนผงะหงายเมื่อถูกปลายดาบใหญ่จ่อเข้าที่ลำคอจนเนื้อตัวสั่นระริก..
.
มาเฟียหนุ่มสบมองนัยน์ตาที่จ้องเขม็งมาคู่นั้น พลันความหนาวยะเยือกก็เข้าเกาะกุมหัวใจ มองเห็นความเย็นชาที่ฉาบฉายไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเหี้ยมโหดจับจ้องมายังตนชัดเจน..
ปลายเท้าที่เหยียบอยุ่บนแผ่นอกหนัก...และกดทับแผ่นอกจนจุกแน่น หากราวกับผู้ทำพอใจจะให้มันเป็นเช่นนั้น ปลายเท้าจึงได้เหยียบลงน้ำหนัก ขยี้ฝีเท้าลงไปอย่างไม่ปราณี ราวกับเคียดแค้นมาเนิ่นนานนัก...
" อ่ะ...คั่ก....."พยายามจะอ้าปากพูดแต่ทว่าไม่มีกระทั่งเสียง หอบเอาเศษฝุ่นเข้าไปในลำคอจนต้องถ่มมันออกมาทั้งที่น้ำลายเหนียวหนืด ฟิลิเป้มองเห็นเลือดสีเข้มที่ไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณกลางฝ่ามือยาวไปถึงท่อนแขน เผยให้เห็นสีเนื้อที่ออกชมพูสดเปื้อนด้วยหยดเลือดสีแดง...สีแดงที่เขาชื่นชอบมันนักหนา...
นัยน์ตาสีเขียวหรี่ปรือลงและร้องครางในลำคอแผ่วเบายามที่เจ้าของฝ่าเท้าบนร่างเขาออกแรงบดขยี้ให้แรงขึ้น ฟิลิเป้เงยหน้าขึ้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ยิ้มออกมาบางๆเมื่อมองเห็นแสงจากปลายกระบอกปืนไรเฟิลเข้าตา..
ร่างของชายในชุดดำที่โผล่เข้าไปจัดการฟิลิเป้นั้นยืนเด่นอยู่ท่ามกลางเศษเนื้อซากชีวิตของผู้แพ้ ท่ามกลางทะเลทรายที่ฝุ่นของมันยังคงคละคลุ้ง ขณะที่ผู้คนโดยรอบยืนนิ่งลดปืนลงเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกนั้นถูกกำจัดจนไม่อาจจะหยิบปืนมาทำอะไรได้อีก ชวนให้แค้นเคืองนัก..
มองเห็นคนๆนั้นออกปากสั่งการอะไรกับคนรอบกายทั้งที่ฝ่าเท้ายังเหยียบร่างของเจ้าฟิลิเป้ไม่ยอมห่าง..บ่งชัด...ว่ามันคือผู้สั่งการในการเข้าจับกุมครั้งนี้..
ปลายกระบอกปืนไรเฟิลเล็งเข้าที่ร่างของชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ราฟาเอลโร่ยิ้มมุมปากแน่นอนว่าเขาไม่ได้ความทจำสั้นขนาดคิดไม่ออกไม่ได้ว่านั่นน่าจะเป็นใคร..
...ท่านชีคแห่งเซเนียยา..ผู้ที่ตอนนี้กำลังหลงไหล"มัน"เสียจนเข้าขั้นคลั่งไคล้...
หัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างหมายมาด ขณะที่ปลายนิ้วสอดเข้าที่ไกปืนอย่างช้าๆ ชายหนุ่มเลียมุมปากด้วยความชอบใจ...นัยน์ตาวาววับ เขาแทบจะนึกถึงวินาทีที่ร่างนั้นทรุดลงราวกับเป็นหุ่นเก่าๆตัวหนึ่งไม่ไหว..
กริ๊ก....
" เก็บเสียงหัวเราะแกไปก่อนดีมั้ย เพราะมันสะเทือนไปถึงนรกเลยว่ะ "
....
ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้เกร็งตัวแน่น ปลายนิ้วที่จะแตะไกปืนเข็งชืดเสียจนไม่อาจขยับ เมื่อรู้สึกถึงโลหะสีดำมะเมื่อมที่จ่ออยู่ตรงขมับและรอยยิ้มอีกทั้งน้ำเสียง...อันน่าชังของ"มัน"
เจ้าของฉายาเทพบุตรแห่งเรกาโซ่เงยหน้าไปสบมองรอยยิ้มเยื้อนของผู้มาใหม่ด้วยหัวใจที่ร้อนระอุ เขามองเห็นมันชัดเจน...ตัวมันที่ทั้งเหมือนกับเขา และแตกต่างกับเขา..
มันที่เกิดและเติบโตมาในที่ๆไม่ต่างจากเขา..
มันที่อยู่ในฐานะไม่ต่างกัน..
หากแต่เพราะอะไรมันถึงได้โดดเด่นเจิดจรัสราวกับดวงตะวันในฤดูร้อนแบบนั้น..
คาวัลโล วาลกัส..
นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลกำลังเป็นประกายยั่วล้อด้วยความสาใจ เส้นผมสีน้ำตาลทองที่โผล่พ้นจากผ้าคลุมลายตารางหมากรุกสีแดงที่สวมไว้ลวกๆสะท้อนกับแสงแดดจ้าจนไม่ต่างกับสีของทองคำ ใบหน้าและรอยยิ้มหยันของมันช่างแสนคุ้นตานัก...รอยยิ้มที่เหนือกว่า รอยยิ้มที่บ่งชัดถึงความพ่ายแพ้ของตน....เช่นทุกครั้ง...
"..หึ....ถ้าชั้นกระตุกไก...ทางนั้นก็ตายเหมือนกัน " หัวใจพลุ้งพล่านด้วยความอิจฉาริษยา...และความเคียดแค้นแน่นอก เขาพูดราวกับไม่รู้ว่าตนเองพลาดไปแล้ว..สำหรับการวซุ่มยิง หากพลาดจากเป้าหมาย หรือถูกพบตัวแล้ว การจะปฏิบัติงานให้สำเร็จนั้น..ไม่มีทางเลย...
บัดนี้....มีทางเลือกเดียว คือตาย
" พูดให้ขำ..ทำอย่างกับแกไม่รู้ว่าตัวเองน่ะพลาด.." วาจาเรียบเรื่อยราวกับขบขันนักหนา หากแต่มือที่เหี่ยวไกยังคงจ่อแน่นไม่ยอมละลง..บ่งชัด ว่ามันไม่มีโอกาสให้เขาหนี..
"....หายดีแล้วเหรอแกถึงได้ออกมาเพ่นพ่าน.." อาจจะเฟังเหมือนคำถามนั้นช่างแสนห่วงใย แต่เปล่าเลย มันเจือแฝงนัยเยาะหยันไม่ต่าง.."นึกว่าแกยังจะร้องโอดโอยอยู่"บนเตียง"ไม่ออกไปไหนเสียอีก "
"รับรองว่าจากนี้แกนั่นล่ะจะเป็นฝ่ายร้องขอความเมตตาจากฉันเองล่ะ ! "คาวัลโลหน้าบึ้ง กระชากเสียงห้วนและถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ...เมื่อรู้ว่าชายตรงหน้ากำลังกล่าวเย้ยหยันเขาเรื่องอะไร...
ราฟาเอลโร่ขยับตัวลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างจำยอมเมื่อพบว่าทหารอีกหลายนายต่างก็เล็งปืนมาที่ตน และที่สำคัญที่สุด คือคนที่อยู่ตรงนี้ก้เล็งมาที่เขาเช่นกัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นประสานบนท้ายทอยช้าๆขณะที่กวาดตามองหาพรรคพวกที่น่าจะซุ่มตัวอยู่แถวนี้อย่างใคร่ครวญ
"มองหาใครเหรอ? ใช่พวกนี้รึเปล่า?..." น้ำเสียงเยาะหยันนั้นดังอยู่ข้างหู พร้อมกับแรงกระชากคอเสื้อเขาแรงๆให้มองภาพร่างจมกองเลือดของลูกน้องที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหลัง พวกนี้ต่างก็ถูกจัดการไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้
" แกนี่มันโง่จริงๆ...ทั้งหัวเราะเสียงดังทั้งไม่สนเสียงปืนแบบนั้น จะตายแล้วก็ไม่แปลก " คาวัลโล วาลกัสหัวเราะเบาๆ พร้อมกับกระชากคอเสื้อของเขาให้เดินลงเนินทรายไปหาพวกที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์จ้า ฟิลิเป้รู้สึกชาวาบไปทั้งกาย เมื่อตระหนักรู้ในทีสุดว่าเขาพลาดอะไรไป..
เขาพลาด...พลาดที่ไม่นึกถึงการมีตัวตนของคาวัลโล วาลกัส...
พลาดที่ไม่นึกว่ามันก็รู้ทันเขา เช่นเดียวกับที่เขารู้ทันมัน..
พลาด...ตรงที่ไม่บรรจุมัน..ซึ่งมองเห็นถึงแผนการณ์ของตนทุกอย่างไว้ในแผนของตัวเองด้วย..
ร่างของสองแกนนำผู้บุกรุกถุกผลักลงไปกองรวมกัน สภาพสะบักสะบอมและโทรมบักโกรกชนิดไม่เหลือดีของสองศัตรูที่เข้าเกลียดมันเข้าไส้ทำให้คาวัลโลเหยียดยิ้มอย่างยินดี ยิ่งเมื่อเห็นรอยแผลยาวจนถึงต้นแขนของฟิลิเป้แล้ว เขาก็อดจะหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆอย่างยินดีไม่ได้...
นัยน์ตาสีน้ำทะเลหัวขวับมามองชีคหนุ่มที่อยู่ในชัดโธปสีดำสนิทและกำลังเก็บดาบเข้าไปในฝัก ด้วยสีหน้าเรียบสนิทไม่เหลือบแลมาทางตนสักนิด ทำให้มาเฟียหนุ่มครางงึมงัมในลำคอบอกตัวเองว่าต้องตามง้อก่อนที่รายนี้จะงอนไปใหญ่ คาวัลโลตวัดสายตามองสองผู้บุกรุกที่ถูกจับมัดยัดใส่ในรถจิ๊บพร้อมลูกน้องที่มีอาการบาดเจ็บไม่มากของตนอย่างพึงใจ แล้วเดินตามหลังชีคหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปใกล้รถแลนซ์โรเวอร์คันโตที่จอดติดเครื่องทิ้งไว้ ..
ฝ่ามือขาวจัดออกแรงดังลำแขนหนาใต้ชุดโธปป้องกันแสงแดดอย่างดีด้วยรอยยิ้ม คาวัลโลยิ้มร่าออกปากพูดชมอีกฝ่ายไม่หยุดปากด้วยสีหน้าระรื่น..
" สุดยอดเลยอัลชาอ์..เมื่อกี้ที่คุณยกดาบใส่ไอ้ฟิลิเป้น่ะมะ........"
เพี๊ยะ!!!! เสียงฝ่ามือกระทบผิวแก้มไม่ได้ดังไปมากกว่าเสียงลมหวีดหวิดหวิวกลางทะเลทรายเสียงด้วยซ้ำ ทว่ามันกลับก้องในหูของคนที่ได้ยินอย่างไม่น่าเชื่อ รามิล เซย์ฮามัคที่นั่งอยู่ด้านหน้าคนขับเบิกตากว้าง...จ้องมองร่างของผู้นำประเทศของตนและมาเฟียคู่กรณีอย่างลืมตัว..เขามองเห็นสีหน้านิ่งค้างไปอย่างตกตะลึงของคาวัลโล วาลกัสชัดเจน...ชัดพอๆกับรอยแดงบนผิวแก้มที่เห่อร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว..
" ......... "
ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดใดสีหน้าไม่ส่อเค้าอารมณ์และใบหน้าที่เฉยชาของชีคอัลชาอ์ มูอัสซินแห่งเซเนียยายังตราติดอยู่ในห้วงคำนึงไม่คลาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างนิ่งขึงไปทั้งร่างด้วยอารมณ์หลากหลาย ความเจ็บปร่าแสบร้อนแล่นไปทั่วซีกหน้าด้านซ้าย ไม่มีคำพูดด่าว่าหรือตัดรอน...แต่กลับทำให้ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงันอย่างจนด้วยคำพูด...มองเห็นร่างสูงใหญ่เดินขึ้นไปบนรถและปิดประตูโครม...สั่งให้มันออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เศษฝุ่นผงและเม็ดทรายปลิว่อนเกาะบนผิวหน้าชื้นเหงื่อของคาวัลโล วาลกัส อย่างไม่มีใครสนใจจะเช็ดมัน...
................................................................
อะเเฮ่ม...
ตอนนี้ลงมือจริงๆนะ (ฮ่าๆ)ลงมือในหลายๆแง่ ว่าแล้วก็อยากได้อีกซักข้าง (คาวี่เอามีดจิ้มพุง
)
ตอนนี้ใครถุกใครผิดจะเชียร์ใครแล้วแต่ใจคิด แ่ละคนก็มีเหตุผลพอกัน กับอัลชาอ์คงไม่ต้องบอกมั้งว่า"ห่วง"แค่ไหนแล้วพอคาวี่ทำแบบนั้น...เขาอุตส่าห์ไม่ให้มาเพราะกลัวโดนเป่าขมอง แต่เจ้าตัวก็ดัน..
.ส่วนคาวี่ ก็อย่างที่บอก รายนั้นต้องการมาล้างอาย...ศักดิ์ศรีที่ถูกกล่าวหาไว้มันทำให้ยอมไม่ได้ล่ะนะ..หรือคุณจะยอมได้ถ้ามีใครหาว่าคุณเป็นโสเภณีที่เกาะคนอื่นเป็นที่กำบัง? ยิ่งกับคาวี่ที่เป็นมาเฟียถือเกียรติยิ่งชีพแล้วมันก็..
..
แล้วทำมาซึนบอกว่าห่วงกลัวโดนเหมือนประเทศ XXX แหม..(ประเทศไหนไม่รู้นะ..หึหึ
)ไปๆมาๆทำไมรู้สึกว่าคาวี่มันนางร้ายจัง 555+
คนที่ให้การสนับสนุนพวกราฟากะฟิลิเป้คือ อัลลิยะห์..แม่เลี้ยงของอัลชาอ์ แต่จะทั้งหมดมั้ย อันนี้ต้องตามกันต่อไป
และซิลเวีย...หล่อนโผล่มาแต่เสียง แต่ทำหลายคนสะดุ้งใช่ไหม? 555+ ความหลังแบบชิงรักหักสวาทท่าจะงงไปในสายตาของพี่อเล็กซิส เอาง่ายๆเป็นน้องเอ็งไปแย่งแฟนชาวบ้านที่ระหองระแหงกันมานาน แค่นั้นก็จบ
ปล. ทำไมไม่รู้นึกขึ้นมาวูบนึงว่าให้ราฟาเอลโร่หลงรักอัลชาอ์แล้วมาแย่งกับคาวี่มันคง.....(ก๊ากกกกก
)แต่จะว่าไป รู้สึกว่าเขียนๆแล้วความคิดที่ราฟามีต่อคาวี่นี่ออกแนวทั้งรักทั้งเกลียดยังไงชอบกล คือเกลียดนะ แต่ก็อดหลงไม่ได้ อะไรแบบนั้น..
ปล.2 ไม่ได้มาต่อเลย เน็ตเน่า กาก ไม่ได้เล่นมาเป็นอาทิตย์แล้ว T T นี่เล่นเน็ตคาเฟ่เอานะเนี่ย..