Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1005142 ครั้ง)

wapview

  • บุคคลทั่วไป
หวานๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆ

รักคาวี่ที่สุด รอมาต่อน่ะค่ะ  :o8:

Gasil[+]

  • บุคคลทั่วไป
มดกัดๆๆๆๆ ><

มดจะรุมตอมคนเล่นคอมอยู่แล้ว....อา วาเลนไทน์ที่หอมหวาน หึหึหึ

หวานจริงๆ น่าร๊ากกกก.... :impress2:


ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
หวานมากทั้งสองคู่
ของแฝดเป็นอะไรที่เซอร์ไพรสมากๆ
หัวใจจะวาย
ของท่านชีคโรแมนติกอ่ะ
อยากเห็นทุ่งกุหลาบหินมั่ง

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
มารอตอนต่อไปจ้า :impress2:

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
 :o8: ตอยพิเศษหวานมากกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ว่าเรื่องจริงเมื่อไหร่จะลงเอยกันอ่ะ
สงสารท่านชีค  :o12:

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0

ออฟไลน์ bleach_pa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
มารอคอยท่านต่อไป  :sad4:

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
ท่านชีคอยู่ไหน คาวี่ ยู้ฮู  :z2: :z2:

dea

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาส่อง  :m22:

 :call: :call: :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Line 22 : ลงมือ

      เข็มเวลาเดินเลยเลขสิบสองไปไกลโขแล้ว แต่ทว่าอเล็กซิส วาลกัส กลับไม่มีแม้แต่เวลาจะลุกไปกินข้าว  บนตึกสูงใจกลางกรุงโรมซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทตนชายหนุ่มนั่งอ่านเอกสารต่างๆที่ทยอยมาส่งที่ห้องทำงานไม่หยุดด้วยสีหน้าเครียดเคร่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อกาแฟดำขมจัดในถ้วยถูกยกขึ้นมาอีกครั้งและพบแต่ความว่างเปล่าแล้วนั่นล่ะ คุณชายใหญ่ของบ้านจึงเงยหน้าออกมาจากกองเอกสารได้..

      เขากดอินเตอร์โฟนเรียกให้เลขานำกาแฟถ้วยที่สองให้ ขณะที่เอกสารอีกปึกใหญ่ก็เพิ่งมาถึงด้วยฝีมือของลูกน้องคนสนิท

        " หมดรึยัง? "อเล็กซิสถอนหายใจเฮือก ออกปากถาม

         " ครับ นี่ชุดสุดท้ายแล้ว " คำตอบจากชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาขรึมตรงหน้าทำให้นึกเบาใจขึ้นได้เล็กน้อย แต่ก็เพียงเล้กน้อยเท่านั้น เพราะมันยังมีเอกสารกองเท่าภูเขารอให้เขาตรวจสอบและสะสางอยู่นี่

         " แล้วพวกกรรมการ กับพวกที่แกงค์มีใครสงสัยถามอะไรบ้างรึเปล่า ? "ชายหนุ่มออกปากถามอีกครั้ง ด้วยสีหน้าใคร่ครวญ

         " ไม่ครับ " คำตอบของคนสนิททำให้หัวคิ้วของเขาเลิกขึ้นอย่างงวยงงไม่น้อย " ผมแจ้งไปว่าคุณชายต้องการตรวจสอบงบประมาณรายรับกลางปี.."

          " อืม..." อเล็กซิสรับคำเบาๆ เรื่องที่คาวัลโลตายและเขาจะมารับช่วงต่อทั้งตำแหน่งบอสและประธานบริษัท คนพวกนั้นก็คงทราบแล้วสินะ และมันคงไม่แปลกอะไรถ้าเขาจะตรวจสอบเอกสารรายรับรายจ่ายต่างๆก่อนที่ตัวเองจะได้รับตำแหน่ง

          " แล้วเรื่องตรวจสอบการใช้โทรศัพท์.."

          " ที่บ้านของพวกเขามีการติดเครื่องป้องกันการดักฟัง และเปลี่ยนคู่สายบ่อยๆ ...แต่ตอนนี้กำลังเร่งเจาะระบบอยู่ครับ.." คำตอบนั้นทำให้คิ้วของคนฟังขมวดเข้าสหากันอีกครั้ง แต่อเล็กซิสก็ถอนหายใจเบาๆ เรื่องการป้องกันการถูกดักฟังหรือการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์นั้นเป็นหลักพื้นฐานของการป้องกันความรับรั่วไหล แน่นอนล่ะ ว่าสำหรับแกงค์มาเฟียอย่างพวกเขานั้น การที่ใครหรือครอบครัวไหนจะเลินเล่อ ไม่ป้องกันมันนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนอกจากมันจะเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อมแล้ว ยังเสี่ยงทางแกงค์จะรู้เรื่องความลับที่รั่วไหล มีสิทธิถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกทรยศ ขายความลับได้

           "....ก็ดี.....แล้วอเล็กเซย์..." ชายหนุ่มเกริ่นถึงคนป่วยที่พักอยู่ที่บ้าน คนที่น่าห่วงพอกัน กับพื้นอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆเรื่อยๆจนแทบเดาใจไม่ถูกนั้น

           " เมื่อครู่ออกไปกับคุณชายคาร์เนโร่ครับ..." คำตอบนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น อเล็กซิสรับคำเบาๆในลำคอ ขณะที่เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นมาอีกครั้ง และร่างของเลขาสาววัยกลางคนของตนก็เดินเข้ามาในห้อง เธออกปากขออนุญาติเบาๆ ก่อนจะวางแก้วกาแฟเอสเพรสโซ่สีเข้มลงบนโต๊ะ...

             บทสนทนาของเขาและลูกน้องเองขาดหายไปจนกระทั่งหญิงสาวปิดประตูลงอีกครั้ง อเล็กซิสขมวดคิ้วน้อยๆมองหน้าคนสนิทที่ยืนนิ่ง คล้ายมีอะไรจะบอก

            " มีอะไรอีกรึเปล่า? " เขาออกปากถามพลางยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง

            " เมื่อครู่...คุณซิลเวียเธอเข้าไปที่คฤหาสถ์.. " อเล็กซิสเลิกคิ้วขึ้นอย่างงวยงงไม่น้อย ก่อนจะพ่นคำสถบอุบเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าน้องชายทคี่ตายไปแล้ว มันโยนอีกหนึ่งภาระใหญ่ๆมาให้เขาเต็มๆ ....ทั้งยังเป็นภาระที่น่าปวดหัวดีเสียด้วย...

            "....แล้ว...เธอว่ายังไงบ้าง.."

             " ...คุณซิลเวียมาถามเรื่องคุณชายคาวัลโล...ผมจึงเชิญไปหาคุณอลิสครับ.." ฟังแล้วอเล็กซิสก็พยักหน้ารับ นั่นสินะ เรื่องแบบนี้ ให้ผู้หญิงคุยกันน่าจะดีกว่า...อีกทั้งเมื่อนึกถึงแม่สาวคนนั้นแล้ว..เขาก็ไม่แน่ใจตัวเองเสียด้วยว่าจะอดทนรับมือกับหล่อนยังไงให้ไหวโดยที่ความไม่แตกไปเสียก่อน

            คิดแล้วอเล็กซิสแทบจะยกมือกุมขมับ...ดีแล้ว..ดีแค่ไหนที่แม่เขาเป็นฝ่ายรับหล่อนไปคุยด้วยเสียเอง...

            "....และ....ข่าวจากคุณซิลเวีย..." คำพูดนั้นทำให้อเล็กซิสขมวดคิ้วแล้วครางในลำคอ...ลางสังหรณ์ร้ายที่สุดตอนนี้ที่เขาคิดได้ คือทุกแกงค์จะร่วมมือกันถล่มวาลกัส..แต่ทว่า ...มันก็ยังไม่ร้ายเท่ากับการดอนจะร่วมมือด้วย เพราะนั่นหมายถึงพวกเขาเป็นฝ่ายเลี้ยงจิ้งจอกไว้ในกลุ่มเสียเองด้วยซ้ำ

            " ข่าวอะไร ?"

            " เธฮบอกว่า...ทางเรกาโซ่เริ่มเคลื่อนไหว และกำลังสำคัญของแกงค์ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในอิตาลีแล้วครับ " คำพูดนั้นทำให้อเล็กซิสเบิกตากว้าง เขาสถบเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ารับคำให้ลูกน้องออกจากห้อง ชายหนุ่มคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของตนออกมากดเบอร์ของคนที่เขาต้องการคุยด้วยอย่างเร่งร้อน

       อเล็กซิสผ่อนลมหายใจลงและจิบกาแฟลดอาการปวดหัวที่เเล่นจี๊ดเข้าสมอง เขานิ่งฟังเสียงรอสายด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ...

            "..Ciao .(สวัสดีค่ะ)...." เสียงตอบกลับจากปลายสายเป็นเสียงเรียบๆคุ้นหู อเล็กซิสผ่อนลมหายใจลงช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่กรอบรูปที่ใส่รูปของตนเองและครอบครัวไว้

             " ciao ...ซิลเวีย นี่ผมเองนะ อเล็กซิส..."

             "..อ้อ....ค่ะ พี่อเล็กซิส...ได้รับข้อความที่ฉันฝากไปแล้วสินะ " ปลายสายออกปากถามตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม...อันเป็นอีกลักษณะนิสัยหนึ่งที่ทำให้คาวัลโลนึกถูกใจเธอคนนี้...

             " ครับ...ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ? ที่บ้านของผมรึเปล่า? "

             " ฉันกลับมาแล้วค่ะ..ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้บอกก่อน "

            " ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน " อเล็กซิสเอ่ย พลางยิ้มมุมปากกับคำพูดของตน...ครอบครัว...ก็ถ้าเธอสามารถจะอดทนรอได้จนถึงตอนที่คาวัลโลมันกลับมามีชีวิตอีกครั้งล่ะนะ

             "ขอบคุณค่ะ...ยังไงกราดอนก็ไม่คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกคุณตอนนี้หรอก " อีกแล้ว...กับคำพูดที่ราวกับรู้ใจคนฟัง อเล็กซิสเผลอยยิ้มมุมปากออกมาอย่างเปลอไผล เมื่อคิดได้ว่ามันช่าง"เหมือน"ใครบางคนเสียเหลือเกิน

              " ยังไงผมก็ขอบคุณข่าวที่ให้มา.." เขาเกริ่นเข้าเรื่อง..

              " คงไม่ถามนะว่าฉันไปรู้มาจากไหน..."

               " โอ...ไม่ ผมรู้ว่าเธอสนิทกับฝ่ายนั้น หรืออย่างน้อยก็เคยสนิท..." หลังจากเรื่องวิวาทใหญ่โตที่เคยเกิดขึ้น และทำให้พวกกราดอนและเรกาโซ่เข้าหน้ากันไม่ติดอีกนาน..

               "ฮ่ะๆ...ก็ได้ ฉันยอมแพ้เลย...ฉันได้ข่าวมาจากโรซาลน่า..เธอเผลอพูดออกมาน่ะ แต่ฉันคิดว่ามันคงมีประโยชน์กับคุณบ้าง .." อเล็กซิสรับคำเบาๆกับคำตอบนั้น

               "...เธอบอกว่าแฟนกับพี่ชายตัวเองออกไปเที่ยวกันแถบที่พวกคุณเคยไปมา เธอยังบ่นเลย ว่ากลัวพวกเขาจะเจออุบัติเหตุแบบที่ลงข่าว..."

                " โอ้.... ขอบคุณมากนะ ซิลเวีย... "

                "..ค่ะ....ไม่เป็นไร...งั้นแค่นี้ก่อนนะค่ะ "

                "........"

        เสียงกดวางสายดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้ทันกล่าวลาอีกครั้ง ทำให้อเล็กซิสโคลงหัว กับมารยาทที่ออกจะติดลบไปสักหน่อยแต่คิดอีกแง่เขาก็ว่าดีเหมือนกัน ดีกว่าพวกที่โทรมาพุดคุยออดอ้อนฉอเลาะไม่ยอมวางเป็นชั่วโมงๆโดยไม่รู้ว่าปลายสายจะว่างรึไม่เสียอีก  แต่ก็นั่นล่ะ ทำแบบนี้ยิ่งทำให้เขานึกภาพซิลเวียเป็นนายหญิงของแกงค์ไม่ออก ผู้หญิงของมาเฟียที่ต้องเรียบร้อยอ่อนหวานและอยู่ในโอวาทสามี ...เกรงก็แต่ว่าถ้าเป็นสองคนนี้ สามีและภรรยาจะแย่งกันเป็นบอสเสียล่ะไม่ว่า...

 ยังไงนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต...และเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องราวที่ยังไม่มาถึงเสียด้วย เพราะข่าวที่ได้มานั้นมันสำคัญยิ่งกว่า

...แหล่งข่าวที่ว่าคือ โรซาลน่า ดีไลว่า ลูกพี่ลูกน้องของ ปิลิเป้ เรกาโซ่ และเป็นแฟนสาวของ ราฟาเอโร่ บอนด์เต้...

  อเล็กซิสขมวดคิ้วน้อยๆ พยายามเรียบเรียงความสัมพันธ์ที่อิรุงตุงนังของคนเหล่านี้ให้ได้...

...คนพวกนี้ล้วนอยู่คนละแกงค์..แต่ที่มาเกี่ยวกันแบบนี้ นอกจากจะเพราะการเป็นปฏิปักษ์กันทางสายอาชีพแล้ว ยังเป็นเพราะ ไอ้น้องชายของเขา คาวัลโล วาลกัส มันโผล่ไปยุ่งกับชาวบ้านเสียด้วย...

.....เริ่มมาจากการที่ซิลเวีย กราดอน กับราฟาเอลโร่ บอนด์เต้...หมั้นหมายกันมานานด้วยสัญญาของบอสทั้งสองแกงค์..

...และหลังจากสงครามมาเฟียครั้งล่าสุดเมื่อสามปีก่อน ไม่รู้ว่าน้องชายของเขามันไปคิดอะไร ทำอะไรอีท่าไหน ถึงทำให้กราดอนและเรกาโซ่มีเรื่องกัน...จนทำให้สองคนนั้นถอนหมั้นและเป็นปรปักษ์กันแบบถาวร...

 จากนั้นซิลเวียก็มาหมั้นกับคาวัลโล ...โอเค เขายอมรับว่ามันฉลาด ที่ทั้งเหยียบหน้าพวกเรกาโซ่และช่วยสานสัมพันธ์กับกราดอน สร้างอาณาจักรของพวกเขาให้ยิ่งใหญ่ขึ้น แม้จะเป็นแค่การรวมกันแบบหลวมๆก็เถอะ..

...ส่วนทางเรกาโซ่ตามที่เขาได้ข่าวมา ราฟาเอลโร่ก็หันไปคบกับญาติสาวห่างๆของตน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาวของฟิลิเป้ บอสรุ่นต่อไปของเรกาโว่ ก็คือโรซาลน่า ดีไลว่า...

..ความสงสัยของอเล็กซิสจุกแน่นในสมอง หนึ่ง คือซิลเวียกับโรซาลน่า...สองสาวนั้น "สนิท" กันได้ยังไง ทั้งที่เป็นแฟนเก่าและแฟนใหม่ของผู้ชายคนเดียวกัน

 สอง...คือเรกาโซ่รู้ได้ยังไง ว่าคาวัลโลออกไปทำงานแถวนั้น

งานที่น้องชายเขารับไปทำเป็นงานของแกงค์และเป็นความลับที่มีคนไม่กี่คนรู้...แล้วเพราะอะไร แกงค์อื่นถึงรู้ได้

และสาม..ที่สำคัญที่สุด คือเจ้าพวกนั้น ตอนนี้มันกำลังถูกน้องเขาจัดการ หรือ ไปจัดการน้องชายเขาอยู่...

...อเล็กซิสถอนหายใจเบาๆอย่างเครียดเคร่ง  ก่อนจะเปิดเอกสารในมือต่อ เพื่อที่เขาจะได้ตรวจมันให้เจอเสียทีว่าหนอนตัวนั้นอยู่ที่ไหน...

 คนทรยศที่ขายข่าวพวกเขาให้กับทั้เรกาโซ่ และศัตรูพวกอื่น ยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไหร่ ยิ่งเสียหายมาเท่านั้น...

......................................................


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

      ความเงียบลอยตัวอยู่ท่ามกลางห้องนอนของชีคแห่งเซเนียยา ขณะที่ชายหนุ่มสองคนยืนจ้องตากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ยอมใคร หนึ่งคือท่านชีคอัลชาอ์ผู้เป็นเจ้าห้อง และอีกหนึ่ง ก็คือร่างของมาเฟียชาวอิตาเลียนตัวแสบ ที่นั่งหน้ามู่ทู่อยู่บนเตียงอย่างไม่พอใจ

          นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมหลบ คาวัลโล วาลกัส มีสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด เขากระแทกตัวลงนั่งบนเตียงหนามีสีหน้าหงุดหงิดเหลือจะกล่าวมาเฟียหนุ่มตวัดมือซ้ายที่ถูกพันแผลไว้ขึ้นๆลงๆ สลับกับการสะบัดเท้าไปมา ช่างเป็นการออกฤทธิ์ออกเดชที่น่าปวดหัวนัก

         " ทำไมผมจะไปไม่ได้ กะอีกแค่มือแบบนี้มันอะไรกันนักกันหนา นี่มันเรื่องของผมนะมัน..." คาวัลโลอ้าปากโวยวายไม่ยอมหยุด หลังจากทราบว่าอัลชาอ์จะไม่ยอมให้เขาไปด้วย ทั้งที่ช่วยกันวางแผนคิดอะไรแทบตายแท้ๆ

          " ไม่ไปก็คือไม่ไป อย่าให้ผมเห็นคุณนะคาวัลโล วาลกัส ไม่งั้นเราจะได้เห็นดีกันแน่ ! " ชีคหนุ่มคำรามเสียงห้วนอย่างไม่ยอมใจอ่อน

            และจากนั้นริมฝีปากของคนป่วยก็พ่นสารพัดคำก่นด่าสถบบ่นแสนจะไม่เข้ากับหน้าตาและไม่เข้าหู ชวนให้เส้นประสาทที่ขึงตึงใกล้จะขาดอยู่รอมร่อ อัลชาอ์พ่นลมหายใจออกจากจมูกอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจใช้ยุทธวิธีสุดท้ายจับคอเสื้อเจ้าตัวโวยวายแล้วกระชากให้นอนลงบนเตียงก่อนจะใช้ผ้าห่มผืนหน้าคลุมฝ่ายนั้นไว้อย่างรวดเร็ว และเดินออกมาจากโคมไฟตรงฟัวเตียงที่มาเฟียรายนั้นกำลังกระชากออกมาอาละวาด
    มันเป็นภาพที่รามิลกับราเซย์มองแล้วไม่รู้จะขำหรือสังเวชใจดีเมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงของตกแตกกระทบพื้น และร่างของท่านชีคแห่งเซเนียยาเดินออกมาด้วยสีหน้ามืดทะมึน

       " เขวี้ยงเข้าไปนะของ ถ้าผมกลับมาแล้วรู้ว่าไปเหยียบเอาอะไรเข้าอีกแผลล่ะก็ คราวนี้ไม่ต้องลุกไปไหนกันแล้ว ! " ฝ่ามือหนาตบประตูโครมพลางร้องตวาดสวนกับเสียงโครมครามในห้อง ผลคือเสียงก่นด่าดังลอยมาตอบรับ พร้อมกับเสียงโครมครามดังกว่าเดิมเสียงอีก

        "...ตอนนี้ก็ไม่ได้ลุกไปไหนไม่ใช่รึไง! โว้ยยยยยย...." เสียงตะโกนตอบรับพร้อมกับสารพัดคำสถบหยาบคายที่แแว่วมาทำให้ราเซย์ชักสีหน้ารังเกียจ ส่วนอัลชาอ์ก็คำรามในลำคออย่างไม่พอใจ ชีคหนุ่มส่งกุญแจไว้ที่องค์รักษ์คนสนิท เอ่ยเสียงห้วน

        " เฝ้ามันไว้ล่ะ อย่าให้ออกมาได้เชียว "

        " อารมณ์ร้ายซะจริง... "รามิลออกปากบ่นพลางทำหน้าเบ้ เมื่อแว่วเสียงโครมครามดังมาจากห้องไม่หยุด

         " ไม่เคยได้ยินหรือไง หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่คงที่ ชอบทำอะไรตามใจ นั่นล่ะ คนอิตาเลียน..." ราเซย์บอกน้องชายพลางชักสีหน้าหงุดหงิด รามิลฟังแล้วโคลงหัวพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ ...ก็ไอ้นิสัยร้ายๆที่พี่เขาเอ่ยมา มันมีในตัวของเจ้าบ้าที่เพิ่งโดนขังไปเมื่อครู่ทุกอย่างเลยนี่...ส่วนไอ้ข้อดีอย่างเป็นมิตร หรือมีอารมณ์ศิลปิน คาดว่าคงหาไม่เจอ..

         แอ๊ด...

      " เอาล่ะ มากันครบรึยัง..." บานประตูห้องถูกเปิดออก ขณะที่ร่างของชีคอัลชาอ์เดินนำเข้าไปด้วยสีหน้านิ่งขรึมหากแต่เมื่อลองคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว คงบอกได้อย่างเดียวว่าอัลชาอ์กำลังอารมณ์บูดถึงที่สุด..

           ร่างของชีคหนุ่มนั่งลงบนหัวโต๊ะ รามิลและราเซย์นั่งลงบนที่ว่างข้างๆ ในห้องประชุมขนาดกลางมีร่างของนายทหารหลายนายนั่งเงียบอยู่ ซึ่งเป็นนายพลผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาการพื้นที่แถบชายแดน"ส่วนน้อย"ที่ไม่ถูกท่านชีคทิ้งระเบิดใส่เมื่อสองวันก่อน และถูกเรียกมาเพื่อทำงานลับให้กับผู้นำของตน สีหน้าของทุกคนมีแววครุ่นคิดไม่น้อย บางรายจ้องมองใบหน้าของผู้นำตนด้วยสีหน้ากังขา..ปนกับความสงสัย

          บานประตูปิดลงอีกครั้งเมื่อผู้ร่วมประชุมมาถึงกันครบพร้อม ภายในห้องประชุมที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีโปรเจกเตอร์และหน้าจอวิดิโอคอนเฟอรเรนซ์เพื่อรายงานสถานการณ์สด กระดาษสีขาวขนาดกลางที่มีรอยหมึกถูกขีดเขียนและแก้โยงจนลายพร้อยวางอยู่บนหัวโต๊ะ และด้านหน้าของทุกคนจะมีรายงานและรายละเอียดต่างๆของปฏิบัติการ"เก็บ"ผู้บุกรุก ซึ่งจะทำการประชุมเป็นครั้งสุดท้ายและออกไปเริ่มงานกันในวันนี้..

        อัลชาอ์กวาดตามองรายงานบนโต๊ะของตนอย่างคร่าวๆชีคหนุ่มพยักหน้ารับให้คนของตนฉายภาพแผนที่แถบชายแดน นัยน์ตาสีเข้มกวาดตามองมันอย่างละเอียด ขณะที่ฟังนายทหารผู้ประจำการอธิบายเกี่ยวกับพื้นที่นั้นอย่างตั้งใจ

         "...แล้วทหารทางนั้นล่ะ ติดต่อได้รึยัง? " ชีคหนุ่มเปรยเสียงเรียบ หลังจากการพุดคุยในหัวข้อข้างต้นจบไปแล้ว..

         " ผมติดต่อไปแล้ว..ทหารฝั่งนั้นจะประจำอยู่ตรงชายแดน หากผู้บุกรุกจะข้ามไป พวกเขาจะทำการต่อต้านอย่างเต็มที่ครับ ! " พยักหน้ารับฟังคำรายงานด้วยสีหน้าสงบ อัลชาอ์หรี่ตามองแผนที่ในมือก่อนจะออกปากถาม

         " ล่าสุด...พวกนั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน  ในสองวันนี้ มีการเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติมรึเปล่า"

         "...จากที่ตรวจสอบดู ผู้บุกรุกเคลื่อนกำลังไปประชิดแถบชายแดน แต่หลังจากถูกรุกไล่มาเมื่อวาน ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเขตแดนของเรา ..ทหารของเราได้รับคำสั่งให้เฝ้าจับตามองห่างๆ...ตอนนี้มีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย พวกนั้นยังไม่กล้าจะทำอะไรบู่มบ่ามครับ.." เสียงรายงานเรียบเรื่อยจากปากราเซย์ทำให้ผู้ฟังพยักหน้ารับช้า หัวคิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ยามได้สบมองแววตาของผู้ร่วมประชุมที่จ้องมองมาทางตน ชีคหนุ่มผ่อนลมหายใจลงช้าๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ

         " ดี....ถ้างั้นวันนี้ตอนบ่ายสอง บอกทหารของเราที่ประจำอยู่ตรงนั้นเริ่มโจมตีได้เลย...จำไว้ จับเป็นไว้ก่อน ถ้าขัดขืนจึงจับตาย นำตัวหัวหน้ามันมาให้ได้ ! " น้ำเสียงหนักแน่นนั้นทำให้ผู้ฟังพยักหน้ารับ ร่างของนายพลผู้รับผิดชอบลุกขึ้นยืดตัวตรงทำความเคารพ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุมเมื่ออัลชาอ์พยักหน้ารับ

        ภายในห้องเหลือเพียงร่างของชีคหนุ่มและสองพี่น้องตระกูลเซย์ฮามัค พร้อมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกสองรายที่นั่งนิ่ง จ้องมองสีหน้าของผู้นำประเทศตนอย่างเคร่งขรึม

          " ท่านนายพล กาซิม...มีอะไรจะรายงานผมอีกไหม? " น้ำเสียงเรียบนิ่ง หากส่อแววอันตราย...ทำให้ผู้ถูกเรียกชะงัก...ริมฝีปากเม้มแน่น...

         "....เรื่องที่ชีคให้ผมไปตรวจสอบ..."

         "....ได้ความว่า...." นัยน์ตาสีนิลคมปลาบจ้องมองผ่านฝ่ามือสองข้างที่กำแน่น

         " ครับ...." น้ำเสียงตอบรับดังแผ่วเบาทำให้คิ้วเข้มกดลึกลงยิ่งขึ้น "ทหารที่ประจำอยู่บริเวณใกล้เขื่อน..ยอมรับแล้วว่าเป็นคนของท่านอาลิยะห์..."

            ผู้ฟังหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ขณะที่ราเซย์หันไปสบตาน้องชายที่อ้าปากหวอ สีหน้าตกตะลึงและคาดไม่ถึงอย่างแจ่มชัด...

อาลิยะห์....

ท่านหญิงอาลิยะห์ มูอัสซิน หญิงที่เคยดำรงตำแหน่งรานีองค์ก่อนของประเทศ ..ผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของอัลชาอ์ และเป็นมารดาขององค์ชายฟาลซาอ์..

และตอนนี้....เหตุใดจึงกลับมามาดร้าย ปองร้ายต่อราชวงศ์ที่ตนอุ้มชู...

          "...แล้วฟาลซาอ์..." ชีคฟหนุ่มยังมีสีหน้าสงบนิ่ง ออกปากถามถึงชายอีกคนสั้นๆ

          "..ยังไม่มีรายงานว่าเจ้าชายฟาลซาอ์ทราบเรื่องครับ..."

          "..งั้นหรือ.."

           " ฝ่าบาท...จะทรงให้หม่อมฉันจัดการ....."

           " ยัง..."ฝ่ามือหนาโบกหยุดคำพุดของนายพลคนสนิท อัลชาอ์กวาดตามองแผนที่ประเทศบนจอโปรเจกเตอร์ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

           "...ปล่อยไป...ให้พวกมันเข้าใจว่าเป็นท่านอาเหม็ดที่ถูกสงสัย.. ตรวจสอบการติดต่อระหว่างฟาลซาอ์กับทางบ้านให้ดี...จำไว้ว่าถ้าฟาลซาอ์รู้เห็นเป็นใจกับแผนการณ์นี้เมื่อไหร่ ให้รีบมารายงาน.." ฝ่ามือหนาหยิบกระดาษสีขาวที่มีข้อความบางอย่างพิมพ์ไว้ออกมาพินิจ ขณะที่นายพลกาซิมพยักหน้ารับคำสั่งเบาๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง...ท้ายที่สุด จึงเหลือแต่ร่างของอาเหม็ดและสองพี่น้องตระกูลเซย์ฮามัคที่นั่งมองชีคของตนนิ่ง..

       ร่างสูงถอนหายใจแผ่วเบา ใบหน้าเครียดเคร่ง ขณะที่อาเหม็ดลุกขึ้นตบบ่าหลานชายเบาๆด้วยสีหน้าลำบากใจไม่น้อย..

           " เวลาเปลี่ยน...คนก็เปหลี่ยน อย่างที่เจ้าคิดไว้ อัลชาอ์....." น้ำเสียงเรียบเรื่อยดังข้างกายพร้อมกับเสียงลมหายใจของผู้เป็นลุง " นึกไม่ถึงจริงๆ...ว่าคนกันเองจะทำร้ายกันได้มากขนาดนี้..."

          "...ท่านลุงควรจะโกรธ...เพราะพวกเขาป้ายความผิดมาให้ท่าน..." อัลชาอ์จ้องสบใบหน้าผู้เป็นลุง ดวงหน้าอวบอูมนั้นมีแววอ่อนล้า หากผู้ฟังก็ยิ้มรับ พลางส่ายหัวช้าๆ

          "...เพราะข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล...อีกทั้ง..เหตุผลที่จะทำร้ายหลานชายของตนนั้น....ไม่มี..." ร่างท้วมในชุดโธปสีขาวก้าวออกไปนอกห้องด้วยฝีเท้าที่มั่นคง อาเหม็ดหันมามองหน้าสองพี่น้องรามิลและราเซย์ก่อนจะสบมองแววตาสีดำสนิทของหลานชายตนด้วยรอยยิ้มบาง

          "...ทุกคนที่อยู่ในเซเนียยา มีหน้าที่ปกปักษ์รักษาบ้านเกิดของตน ผู้ที่ช่วยเหลือคนต่างถิ่นให้มาก่อความวุ่นวาย..ควรจัดการอย่างไรเจ้าก็รู้ดี..."

          "..........."

             "...แล้ว.........ท่านจะทำอย่างไรต่อไป....ฝ่าบาท...." ราเซย์ออกปากถามผู้นำตนแผ่วเบา หลังจากอัลชาอ์นั่งนิ่งเงียบไปกับถ้อยคำของผู้เป็นลุง...

ที่ชวนระลึก...ถึงคนบางคนเสียเหลือเกิน...

            "....จัดการเรื่องพวกที่เข้ามาก่อน...ส่วนเรื่องอัลลิยะห์และพวก..ปล่อยให้พวกมันวางใจไปก่อน..." อัลชาอ์ตอบ ชีคหนุ่มก้มลงดูเอกสารในมืออีกครั้ง

            ".......แล้ว....ไอ้บ้าที่อยู่บนนั้นล่ะ " รามิลเลิกคิ้ว ถามถึงไอ้บ้าที่ป่านนี้คงนั่งทำเสียงโครมครามโวยวายไม่หยุดแน่ๆ

             "...ไม่ต้องสนใจ ไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องไปตามใจให้เสียเรื่อง..." ชีคหนุ่มตัดบทสั้นๆ แต่ทำให้หัวคิ้วของสองพี่น้องขมวดมุ่น..

           "....แต่ถ้าพูดถึงคนที่จะช่วยมันก็....." ราเซย์เกริ่นเบาๆ เพราะหากจะนับเรื่องกำลังรบในฐานะที่มีชื่อเป็น"มาเฟีย"ย่อมยืนยันได้ว่าไม่ใช่พวกไร้น้ำยา อีกทั้งความคุ้นเคยรู้เท่าทันกับกลุ่มที่เขาตามล่านั้น...คาวัลโล วาลกัสก็ถือเป็นตัวเลือทกี่ดีไม่น้อย

           "คนป่วย..เอาไปด้วยก็เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ "ราเซย์เลิกคิ้วขึ้นสูงอีกรอบ...กับคำพูดนั้น ท่านชีคบอกว่าคาวัลโลป่วย....นั้นหมายถึงมือที่พันแผลหนาเตอะไว้...และ"คนป่วย"ที่กำลังอาละวาดเขวี้ยงปาข้าวของด้วยความไม่เต็มใจอยู่ข้างบนน่ะหรือ?

           " ก็ไม่ได้...."

           " ผมบอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป เอาไปก็ทำป่วน เสียเรื่อง น่าปวดหัว ทิ้งไว้ที่นี่แหละดีแล้ว "คำตัดบทเด็ดขาดของอัลชาอ์ทำให้คนฟังจำต้องพยักหน้ารับคำตามนั้น สองพี่น้องเซฮามัคเหลือบมองหน้าสบตากันเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเดินตามหลังชีคของตนออกไป แว่วเสียงโครมครามดังลั่นด้านชั้นบน แต่อัลชาอ์ก็เดินผ่านไปอย่างไม่สนใจชีคหนุ่มกระโจนขึ้นรถแลนซ์โรเวอร์คันโต โดยมีรถจี๊บของทหารแล่นตามไปอย่างรวดเร็ว

   ทิ้งให้คาวัลโล วาลกัส ยืนฮึดอัดอารมณ์เสียตามประสาคนถูกทิ้งไว้บนห้องพัก..

............................

         คาวัลโล วาลกัส นั่งฮึดฮัดอยู่บนเตียงนอนอย่างอารมณ์เสีย มาเฟียหนุ่มกวาดสายตามองเศษโคมไฟคริสตัลที่แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยสีหน้าไม่แยแส นัยน์ตาขุ่นขวางยังปรากฏอยู่ไม่หายไปนับตั้งแต่ถูกขังให้อยู่ในห้อง ไอ้นิสัยไม่พอใจก็ขว้างปาทำลายข้าวของเหมือนเด็กน่ะ ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากทำหรอกนะ แต่เรื่องที่มันเกิดขึ้นน่ะ จะไม่ให้โวยวายได้ยังไง

     ใครมันกล้ามากันเขาออกจากเรื่องของตัวเองกันฮ่ะ !

มาเฟียหนุ่มคำรามฮึ่มฮั่มในลำคออย่างหงุดหงิด  ไอ้พวกที่มาลอบทำร้ายนั่นก็มายุ่งกับเขา คนที่พวกมันตั้งใจจะมาฆ่าให้ตายนั่นมันก็เขา คาวัลโล วาลกัสคนนี้โว้ยยยยย ไม่ใช่ท่านชีคอัลชาอ์หรือนายพลท่านไหนที่กำลังถูกใช้ให้ไปรุมสับไอ้โง่สองตัวนั่น เข้าใจม้ายยยยย
  แล้วมันยังมีหน้า....

      คาวัลโลแยกเขี้ยวงุด นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองมือซ้ายที่ยังคงมีผ้าพันแผลพันไว้อย่างแน่นหนา อัลชาอ์อ้างว่าที่ไม่ให้เขาไปด้วยก็เพราะป่วย....ป่วย...หมายถึงมือข้างซ้ายข้างเดียวนี่น่ะหรือ?ถึงมือซ้ายจะยังเจ็บ แต่มือข้างที่เหลือกับขาสองข้างก็ยังไม่เป็นอะไร แค่นี้น่ะมันก็เพียงพอที่จะออกไปลั่นกระสุนทะลุสมองใครสักคนสองคนได้แล้ว ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา..

      นึกถึงคนห่วงนักแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก ไอ้ห่วงน่ะไม่ว่าหรอก แต่นี่มันชักจะเกินไปแล้ว ไอ้เขาน่ะยังไงก็ปะพะยี่ห้อมาเฟียไม่ใช่พวกกระจอกงอกง่อยที่จะได้ทะเล่อทะล่าไปให้โดนสอย ถึงเขาจะเจ็บอยู่แต่มันก็ไม่ใช่อาการบาดเจ็บมากมายอะไรไม่จำเป็นต้องมาทำเหมือนเขาเป็นคนที่ป้องกันตัวเองไม่ได้..

     ราฟาเอลโร่และฟิลิเป้...ขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟีย แต่ให้จนตรอกแค่ไหนพวกมันก็ยังไม่หมดเขี้ยวเล็บง่ายๆ ราฟาเอลโร่ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ ส่วนฟิลิเป้ ถึงมันจะโง่ แต่มันก็เป็นคนโง่ที่มีความสามารถ ถ้าลองได้เลือดเข้าตาขึ้นมาจะทำให้พินาศวอดวายกันได้ไม่ใช่น้อยๆ...
      คนพวกนี้ยังไม่รู้จักมาเฟียดีพอ...

     คาวัลโลโคลงหัวพลางถอนหายใจ...ถึงจะมีกำลังรบที่เหนือกว่า ถึงจะเชี่ยวชาญพื้นที่และขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่อยากให้ย่ามใจเสียจนมีโอกาสถูกตลบหลังให้เสียหมากันใหญ่ ไม่ประมาทจนถูกลูบคมเหมือนประเทศXXXแถวนี้..

อีกทั้งการวิวาทหาเรื่องกับมาเฟียด้วยกันนั้น คนที่คุ้นเคยกับมันมากที่สุดก็เป็นเขาไม่ใช่หรือ?

..แล้วพวกนั้นก็ยังจะไปกันเอง ไม่ยอมให้เขาตามไปละเลงเลือดด้วยสักนิด...

       ปึงๆๆ..

           ฝ่ามือตบประตูห้องที่ถูกล๊อกไว้แรงๆ ขณะเงี่ยหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวภายนอก คาวัลโลใช้ปลายเท้าเขี่ยเศษคริสตัลราคาแพงระยับไปให้ไกลเท้าอย่างไม่คิดจะสนใจว่าตนเองทำของตกแต่งราคาแพงจับใจของเจ้าบ้านและเป็นเศษแก้วไปแล้ว

      " เฮ้...ใครอยู่ข้างนอกน่ะ " ออกปากถามเมื่อยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดตอบรับ

      "..ครับ....จะเอาอะไรไปพังอีก "น้ำเสียงอิดหนาระอาใจแสนคุ้นหู ไม่พ้นว่าคนเฝ้าคงเป็นฮาซานองค์รักษ์จอมอึดที่สามารถฟื้นตัวมาทำงานได้หลังจากพักฟื้นแค่สองวัน...ทนทานราวกับแมลงสาบจริงๆ..

      "..เปิดหน่อยสิ...." คาวัลโลต่อรองยิกๆ

       " ไม่ครับ ชีคสั่งไว้ว่าห้ามคุณออกไปไหน " น้ำเสียงตอบกลับมายังเฉยชาแบบที่คุ้นแสนคุ้น คาวัลโลโคลงหัว อ้าปากต่อรองด้วยความคุ้นเคย

        " อะไรกัน รถก็ไม่มี ผมจะไปไหนได้..." โกหกไปอย่างนั้นแหละ เพราะสำหรับเขาแล้ว

        " ต่อให้ไม่มี คุณก็ไปได้อย่ามาหลอกล่อผมซะให้ยาก..." ชิ ..ไอ้หมอนี่มันรู้ทันดีจริงๆ นิสัยแบบเดียวกับเจ้านายเป๊ะ..ยังกับโขกกันมาอย่างนั้น...

        "...ผมจะให้เข้ามาเก็บเศษแก้ว มันบาดเท้าผมแล้วเนี่ย.." เมื่อต่อรองไม่ได้ผลก็ต้องใช้ แทคติคกันบ้าง คาวัลโลกวาดตามองหาเศษคริสตัลขนาดเหมาะมือพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกอะไรสนุกๆออก...

         "....คุณ....."

          " ไหนอัลชาอ์บอกว่าให้ดูแลผม...ตอนนี้ผมเป็นคนป่วยที่มือเจ็บและยังเท้ามีเลือดออกอีกแผล...จะเอาไง ? " ว่าไปอย่างนั้น กับคนเจ็บที่เริ่มดึงผ้าพันแผลในมือตนออกช้าๆ คาวัลโลจ้องมองไปที่บานประตูอย่างรอคอย ขณะที่ผ้าก๊อซสีขาวทิ้งตัวลงบนพื้นพรมอย่างต่อเนื่อง เขาตวัดสายตามองฝ่ามือตนเองเล็กน้อย ขยับปลายนิ้วที่ตึงแน่นช้าๆ และยิ้มออกมาได้เมื่อมันไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่แล้ว

          "...รอสักครู่ " สิ้นเสียงจากทางประตู คาวัลโลก็แทบจะร้องเฮ มาเฟียหนุ่มหัวเราะหึพลางดึงผ้าก๊อซรัดฝ่ามือแน่นขึ้น หลังจากคลายผ้าไม่ให้รัดแน่นและเทอะทะจนไม่สะดวกที่จะขยับมือ แต่ก็ไม่ได้คลายออกหมดให้ระคายแผล ทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบนี้ คนที่ต้องการอยู่กับกลิ่นเลือดและควันปืนไม่รู้และศึกษาไว้เสียบ้างก็โง่เต็มที

      เศษแก้วคริสตัลขนาดพอดีมือถูกจับกระชับแน่นที่มือข้างซ้าย คาวัลโลยิ้มบางๆแฝงไว้ในสีหน้าเมื่อประตูเปิดออกและร่างของสาวใช้ที่มีหน้าที่เก็บกวาดก็เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามา เขามองเห็นฮาซานยืนมองตนเองและแม่สาวคนนั้นอยู่หน้าประตู มาเฟียหนุ่มสืบเท้าไปใกล้ จ้องสบแววตาระแวงปนสงสัยที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนนั้นด้วยรอยยิ้ม

      เขารอจนแม่สาวคนนั้นขยับตัวไปพ้นรัศมีการจู่โจมแล้วนั่นล่ะ คาวัลโลจึงถลาพรวดเข้าหาเหยื่อที่แม้จะยืนระวังตัวเต็มที่...แต่ก็...

     เสียงหวีดของแม่สาวใช้คนนั้นดังขึ้นเมื่อคาวัลโลกระโจนพรวดเข้าไปล็อคคอองค์รักษ์หนุ่มผู้องอาจ รอยยิ้มบางๆยังคงทาบบนผิวหน้าของเขายามที่จรดเศษแก้วแหลมคมเข้าไปใกล้ลำคอของฮาซาน ฝ่ามือขวาบีบล๊อคแขนหนาทั้งสองข้างไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับ ทั้งยังเขี่ยปืนที่ถูกชักมาใช้อย่างไม่ทันการไปห่างมืออย่างเชี่ยวชาญ...

         " ให้ตายสิ...." ฮาซานคำรามเสียงต่ำในลำคอ คาวัลโลหัวเราะรับเบาๆ สายตามองเห็นทหารยามสามสี่คนวิ่งเข้ามาหา ต่างทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อคนป่วยและแขกคนสำคัญของผู้นำตนกำลังใช้เศษแก้วคริสตัลจี้ลำคอองค์รักษ์คนสนิทของเจ้าผู้ปกครองประเทศไว้ด้วยสีหน้าระรื่น...

          " ...ก็ผมขอดีๆแล้วไม่เปิดเองนี่...." คาวัลโลตวัดสายตามองทหารยามที่ยืนคุมเชิงอยู่อย่างลั่นเลิก ส่งเสียงเอะอะร้องเรียกอะไรกันสักอย่างอย่างร้อนรน

          " ถึงจะเชือดผมลงตรงนี้ ก็ไม่มีใครยอมให้คุณไปหรอก..." ฮาซานกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์...

           " อะไรกัน...ผมไม่ได้คิดจะทำรุนแรงขนาดนั้นสักหน่อย......เชื่อสิ " ด้วยรอยยิ้มแสนจริงใจและใบหน้าที่ยิ้มหวานนั่นแหละ...ที่ทำให้ฮาซานคิดว่าหมอนี่มันต้องเชือดเขาแน่ๆ

          ".......คุณรู้รึเปล่า ว่ากำลังทำให้หลายคนเขาลำบากใจ " ฮาซานเปรยเสียงเรียบ ก่อนที่ร่างท้วมของชีคอาเหม็ดจะเดินกึ่งวิ่งมาหา สีหน้าเครียดเคร่งของชีคเฒ่าทำให้คาวัลโลเผลอสถบ ...ลืมไปเสียสนิทว่าถ้าจะก่อเรื่องก็ยังมีตาแก่นี่เป็นไม้กันหมาอยุ่ทั้งคน

      ....นึกว่าแห่กันไปแถวนั้นกันหมด ไม่นึกว่าจะเหลือไว้รับมือเขาเสียด้วย

          " นี่มันอะไรกัน? " น้ำเสียงถามภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น แต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจนัก ทำให้คาวัลโลปวดหัวจี๊ด เขาใช้ปลายเท้าเหยี่ยบฝ่าเท้าใต้รองเท้าหนังของฮาซานพอให้รู้สึก ก่อนจะบอกอีกฝ่ายห้วนๆ

           " บอกเขา...ว่าผมอยากไปหาตัวผู้บุกรุกด้วย " ฮาซานอ้าปากพูดเป็นภาษาอารบิคตามที่ได้รับคำสั่ง สิ้นประโยคคำพูดผู้ได้รับสารจึงมีสีหน้างวยงงกึ่งแปลกใจ..

           " ท่านชีคสงสัยว่าคุณจะไปทำไม? .......ผมก็ด้วย "

           "อ่ะ.....บอกไปว่าผมกลัวว่าจะมีการเล่นตุกติก...." คำพูดของคาวัลโลทำให้คิ้วของคนฟังเลิกขึ้นอย่างงวยงง ฮาซานออกปากพูดไปตามที่ได้ฟัง คาวัลโลมองเห็นสีหน้าของชีคอาเหม็ดลังเลปนครุ่นคิดอยุ่ไม่น้อย ก่อนรายนั้นจะส่ายหัว ซึ่งก็บอกได้ดีแล้วว่าคงไม่คิดจะสนใจคำขอของเขาให้เสียเวลา

          "...ชีคถามว่าคุณกลัวอะไร ที่นั่นเป็นเขตแดนของเซเนียยา สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าฝ่าบาทจะมีอันตราย "

          " ไม่ได้กลัวว่าจะมีใครเป็นใครตาย แต่ผมกลัวพวกนั้นจะหนีไปได้ ..." คาวัลโลหน้าเบี้ยวไม่มีอารมณ์จะมายืนคุยกันแบบนี้เสียเท่าไหร่ มาเฟียหนุ่มกำลังคำนวนนับเวลาที่ผ่านไปยิกๆอย่างคนใจร้อน " พลาดนิดเดียวก็มีโอกาสวอดวายได้นะฮาซาน ถ้าเกิดพวกนั้นหนีไปได้....รับรอง แกกับเจ้านายแกเตรียมตัวเละได้เลย "

           "....คุณแค่อยากไปแก้แค้น " คำพูดนั้นมันแทงใจจี๊ด คาวัลโลออกแรงกระทืบเท้าองค์รักษ์ร่างสูงใหญ่ที่แทบบังตัวเขามิดอย่างอารมณ์เสีย สีหน้าหงุดหงิด

            " มีหน้าที่พูดก็พูดไป อย่ามาสะเออะออกความเห็น ! " ฮาซานหันกลับไปด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อเกินทน ก่อนจะออกปากพูดกับชีคอาเหม็ดด้วยสีหน้าราบเรียบ คาวัลโลถอนหายใจฟึดฟัดไม่อยากจะยอมรับเลยว่าคำพูดของฮาซานมันจี๊ดเข้าสมอง

     ไอ้เรื่องแก้แค้นหรือเชือดพวกมันน่ะ รอให้ได้ตัวมาก่อนก็ได้ไม่มีปัญหา จะถลกหนังควักลูกตาตัดแขนตัดขาก็ไม่ยากหรอก แต่ที่เขาอยากไปน่ะ เพื่อไปล้างอายให้กับตัวเองที่ถูกฟิลิเป้มันทำร้าย..และเพื่อ พิสูจน์ให้พวกมันเห็นว่าเขายังเป็นคนเดิมยังเป็นคาวัลโล วาลกัสที่แข็งเเกร่งและไม่ได้มุดหัวอยุ่ใต้เงาของคนอื่นให้คอยปกป้อง

ไม่ได้กลายเป็นโสเภณีอยู่บนเตียงคนอื่นอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างที่ราฟาเอลโร่มันปรามาสไว้...

...แค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่เขาจะให้มันหยามไม่ได้ และเพียงแค่การมีตัวตนของเขาในฐานะจอมปลอมนี้เท่านั้น ที่จะให้พวกมันเพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด..

            "...คุณจะเอาอะไรมายืนยัน..." คำถามของฮาซานทำให้ความหงุดหงิดแล่นริ้วๆ คาวัลโลกัดฟันกรอด ถลึงตาจ้องหน้าชีคเฒ่าก่อนจะคำรามออกมาอย่างเหลืออด

           " เวลาที่คุณกับผมมายืนคุยกันอยู่นี่ ตอนนี้ทางนั้นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อย่าทำอะไรให้เสียเวลานักได้ไหม ? " คำถามกระชากห้วนอย่างที่ไม่มีใครกล้าเรียกให้ใบหน้าอวบอูมชะงักค้าง  " เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะให้ผมไปดีๆ หนือจะให้ผมเชือดเจ้าหมอนี่ให้ตายอยู่ตรงนี้...ถ้าผมไป ทางนั้นได้กำลังเสริม ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าไม่ให้ผมไป ก็คอยดูแล้วกัน ว่าฤทธิ์เดชของพวกผู้บุกรุกพวกนั้น จะก่อเรื่องวินาศอะไรให้ที่นี่ได้แค่ไหน "

           "..หยาบคาย..." น้ำเสียงกล่าวหาจากฮาซานทำให้เส้นประสาทกระตุกยิก คาวัลโลออกแรงบีบแขนขององค์รักษ์หนุ่มแรงๆเป็นการลงโทษฐานปากดีและทำหน้ากวนประสาท ขณะที่อาเหม็ดถอนหายใจแผ่วเบา สีหน้าเคร่ง...

            "....คุณไปคนเดียว ไม่มีอะไรเปลี่ยน...คุณเป็นคนป่วย " ไม่มีประโยชน์จะใช้ล่ามกวนประสาทอย่างฮาซาน ต่อให้มันเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ คาวัลโลก็ยังพยายามถ่างหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ต่อให้มันจะ...ระคายหูขนาดไหนก็เถอะ..

           " คุรก็เห็นว่าผมทำอะไรได้..." เลิกคิ้วแล้วสบตากลับ คาวัลโลออกแรงกระชับฝ่ามือที่กุมแขนทั้งสองข้างของฮาซานแน่นเข้าอีกนิด...

            "....อัลชาอ์......"

            " ผมจะบอกเองว่ามันเป็นการตัดสินใจของผม ผมก่อเรื่อง คนอื่นไม่เกี่ยว.." คาวัลโลบอกสั้นๆ ขณะที่อาเหม็ดหรี่ตาลงช้าๆ มองชายหนุ่มชาวต่างชาติตรงหน้าอย่างหลากใจในข้อเสนอที่พูดออกมา ยอมรับว่าในสายตาตน ฮาซานเป็นองค์รักษ์ที่เก่งกาจ และที่พลาดท่าให้ชายคนนี้แสดงว่าเขาคงมีความสามารถอยู่มากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตที่จะ...

           " ...ช่วยตอบผมมาตามตรง....คุณต้องการไปที่นั่น ด้วยจุดประสงค์อะไร? "อาเหม็ดตัดสินใจถาม เพราะจากสาเหตุสารพัดสารพันที่ชายคนนี้บอกออกมา มันยังอ่อนไป...สำหรับการที่จะดิ้นรนไปสมรภูมิรบด้วยตัวเองอยุ่ดี...

และเขาก็พอจะรู้ ว่านั่น...ไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงเสียเท่าไหร่...

           "...โอเค.....ผมอยากไปถล่มพวกมันด้วยตัวเอง ไม่งั้นคงอยู่ไม่เป็นสุข...คุณก็น่าจะรู้นี่ ว่าการ"แก้แค้น"น่ะ มันรอเวลาไม่ได้..."

           ".........." อาเหม็ดถอนหายใจรับเบาๆพลางส่ายหัวแล้วโบกมือให้ทหารที่ยืนคุมเชิงอยู่ถอยห่างออกไป ชีคเฒ่าพูดอะไรบางอย่างกับฮาซานเป็นภาษาอารบิค องค์รักษ์หนุ่มจึงพยักหน้ารับด้วยท่าทีไม่เต็มใจ

      แค่นั้นคาวัลโลก็รู้แล้ว่าการเจรจาของเขาสำเร็จผล มาเฟียหนุ่มยิ้มร่าปล่อยตัวประกันออกจากคมแก้วอย่างรวดเร็ว เขาโค้งตัวให้อาเหม็ดเป็นเชิงขอบคุณ หางตามองเห็นฮาซานมันหงุดหงิดฮึดฮัดแล้วเดินโครมๆลงไปชั้นล่างของคฤหาสถ์ พลางออกปากตะโกนให้เขารีบๆลงมาขึ้นรถอย่าได้เสียเวลาไปมากกว่านี้.

        " คุณจะทำให้คนรอบข้างลำบากใจอีกมาก ถ้ายังไม่เลิกนิสัยแบบนี้...."

    คำพูดของชีคเฒ่าดังขึ้นเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องไปในห้องเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า..ทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ เขาหันไปมองเจ้าของคำพูดอย่างกังขา หากแต่คนพูดก็หายไปจากบริเวณนั้นเสียแล้ว...

            ..........................................


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
         เสียงปืนดังขึ้นติดๆกันหลายนัดบนเชิงผาที่ใช้เป็นที่ซ่อนตัว รถจี๊ปเปิดประทุนสองสามคันและรถเเลนซ์โรเวอร์อีกสองคันจอดนิ่งเพราะใช้การไม่ได้ เสบียงร่อยหรอ  กระสุนเครื่องกลหนักที่พกพามาเต็มกำลังบัดนี้วางเกร่ออยู่ทั่วตัว หากเหลืออยู่เพียงน้อยนิด...

      แสงแดดแผดเผาจนร้อนระอุแทบไม่มีที่พักพิง ราฟาเอลโร่พิงเพิงพินที่หลบมาอย่างเหนื่อยอ่อน เอื้อมมือเช็ดหยาดเหงื่อที่ทิ้งตัวลงบนผิวแก้มหากปต่แผ่นหลังที่พิงหินอยู่ร้อนผ่าวจนต้องขยับตัวออกมา ขณะที่มองฝ่าสายลมและฝุ่นทรายคละคลุ้งเบื้องหน้า เห็นเปลวแดดไหวระยิบและเงาตะคุ่มของรถที่จอดทิ้งไว้ไม่ไกล..

       ใบหน้าชื้นเหงื่อและเปื้อนฝุ่นผงคราบไคล ร่างของลูกน้องคนสนิทหลายรายบาดเจ็บร้องโอดโอยบ้างก็ไข้ขึ้นอยู่ใกล้ๆ ยาระงับปวดที่พกพามามียังคงมีอยู่หลายแผง ทว่าน้ำสะอาดสำหรับล้างแผลหรือแม้แต่จะทานยังไม่มี...

สองวัน !!

      สองวันมาแล้วที่ถูกรุกไล่จนแทบเอาตัวไม่รอด ไม่สามารถข้ามไปอีกฝั่งของประเทศที่ชีคของประเทศนั้นอ้าแขนรับ เพราะทหารที่ชายแดนประจำแน่นหนา ตรึงกำลังไม่ให้พวกเขาข้ามไปได้...สองวันที่พรรคพวกต่างล้มตายบาดเจ็บไปทีละน้อย  ลูกน้องที่มาจากอิตาลีนั้นยังสมัครใจจะอยู่ร่วมเป็นร่วมตาย แต่เหล่าคนของที่นี่กลับหนีหาย พวกมันไม่ยอมอยู่ร่วมเมื่อรู้ว่าพวกเขาเป็นปรปักษ์ต่อชีคของตน !

        " กรอด....ไหนพวกนั้นบอกว่าจะช่วยไง หายหัวไปไหนกันหมด ! " เสียงคำรามของไอ้ตัวโง่และไร้ประโยชน์ข้างกายยิ่งทำให้ความหงุดหงิดพุ่งพรวด ราฟาเอลโร่หยิบเอากระสุนปืนมาใส่ให้เต็มแม๊กอย่างอารมณ์เสีย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดแค่ไหน ที่แผนการณ์มันผิดพลาดมาได้ขนาดนี้  ทั้งที่อุตส่าห์ยอมลำบากเสี่ยงมาที่นี่เพื่อจะกำจัด"มัน"ไปให้พ้นๆทางเสียที นอกจากจะทำไม่ได้แล้ว ตอนนี้ยังถูกไล่ล่า หมายเอาชีวิตอีกด้วย

       ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ

           เสียงลั่นกระสุนดังลั่นเข้ามาในระยะใกล้ พร้อมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ทำให้ดวงตาเบิกกว้าง ราฟาเอลโร่เงยหน้าพรวดขึ้นจากเพิงหิน ขณะที่ลูกน้องในแกงค์ซึ่งผลัดเวรขึ้นไปสังเกตการวิ่งถลาลงมาหาด้วยหน้าตาตื่นตระหนก

       " คุณราฟาเอลโร่ครับ พวกมันมากันแล้ว ! "

       "...ให้ตายสิรับนี่ไป ! " โยนระเบิดมือและปืนเอ็มสิบหกส่งให้อย่างไม่รีรอ ขณะที่เหล่าลูกน้องก็กระโจนพรวดเข้ามาหยิบปืนไปอย่างไม่รอช้า ราฟาเอลโร่หยิบไรเฟิลคู่ใจออกมากำแน่น พาดลูกกระสุนอยู่บนไหล่ เขาได้ยินเสียงฟิลิเป้คำรามฮึ่มฮั่มในลำคอ จึงบีบไหล่มันไว้ ขยับริมฝีปากส่งซิกไปให้แยกกำลังโจมตีอย่างไม่รอช้า

       ฟิลิเป้นำพรรคพวกที่มากกว่ากระโจนเข้าคลุกฝุ่นกลางทะเลทรายเป็นทัพหน้า ส่วนเขาและพรรคพวกจะลอบซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่...ราฟาเอลโร่กัดฟันกรอดเมื่อแว่วเสียงปืนดังลั่นและเสียงล้อรถบดถนนชัดหู ชายหนุ่มกระชับไรเฟิลไว้แนบไหล่ ขณะที่นอนราบลงกับพื้น เพ่งสายตามองฝ่าทรายที่คละคลุ้งเบื้องหน้า...

    ....รู้ดีว่าทางรอดนั้นช่างมีน้อยเหลือแสน...

         พวกเขารู้ดีว่าคงรอดไปจากที่นี่ยากนัก...หนึ่งเพราะกำลังที่เหลือไม่มากจากการปะทะเมื่อสามวันก่อน อีกทั้งเขารู้ ว่ากองทัพของที่นี่กำลังคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว ตัดน้ำ อาหาร ตัดเสบียงให้ร่อยหรอ เฝ้ารอให้พวกเขาอ่อนแอแล้วค่อยลงมือจัดการ...

      ราฟาเอลโร่รู้ดีว่าในฐานะที่พวกเขามาเยือนประเทศนี้โดยไม่บอกกล่าว ไม่มีแม้แต่คำขออนุญาติหรือพาสปอร์ตแปะหน้านั้นถือเป็นเรื่องที่โง่เง่าและหยามเกียรติหยามกฏหมายอย่างร้ายแรง...ตอนแรกวางใจว่าคนของทางนี้จะช่วยดูแล แต่ทว่าเมื่อเกิดเรื่องก็รู้ชัด ว่าทางนั้นก็คงลำบากไม่ต่างกัน..

     อีกทั้งการเข้ามาก่อเรื่องของพวกเขา ไม่เป็นที่นิยมของผู้นำที่นี่แน่ๆ...

...และที่สำคัญที่สุด พวกเขาต่างประจักษ์แล้ว ว่าข่าวการเสียชีวิตของคาวัลโล วาลกัสนั้นโกหกทั้งเพ..

    มันยังอยู่ ยังคงมีตัวตนและกำลังดำเนินแผนการณ์บางอย่างอยู่เงียบๆ เพราะราฟาเอลโร่รู้ว่ามันไม่มีทางสิ้นคิดถึงขนาดจะไปเป็นเมียเก็บของใครจริงๆ...

...ดังนั้นเมื่อพวกเขารู้ถึงการมีตัวตนของมันแล้ว การจะหยุดไม่ให้ข่าวแพร่ออกไป มีทางเดียวเท่านั้นคือกำจัด...พวกเขาให้สิ้นซาก...

มันกำลังขีดเส้นตายให้เขาเดินตาม...

    ....ราฟาเอลโร่เสยผมสีบลอนด์ของตัวเองแรงๆราวกับพยายามทำจิตใจให้นิ่งไม่สั่นไหว ในสมองกำลังคิดพิจารณาแผนการณ์ที่วางไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน...ถึงพวกมันจะขีดเส้นไว้ แม้ว่าเจ้านั่นมันกำลังวางแผนเชือดพวกเขาแบบหนูจนตรอกอย่างที่มันถนัดนัก....แต่หากวางแผนดีๆก็ใช่จะไม่ชนะ

...เขาให้ฟิลิเป้และคนของมันเข้าไปลุย เพราะความจัดเจน ชำนาญการรบนั้นจะทำให้การบุกเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และข่มขวัญพวกมันไปได้ในตัว

ส่วนเขาและลุกน้องคอยดักซุ่มยิง...โจมตีพวกที่ไม่ทันตั้งตัว...และหากสบโอกาส...การเลือกเฟ้นหาตัวประกันสักคน ไม่ใช่เรื่องยาก....

เพียงเท่านั้น...ก็จะ...

   ตูม !

    เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นควันและเม็ดทรายที่ปลิวคลุ้งพร้อมกับแว่วเสียงรถยนต์คำรามเข้ามาใกล้ ราฟาเอลโร่แนบตัวลงกับพื้น พยายามเพ่งตามองผ่านทัศนียภาพที่พร่ามัวเพื่อเล็งเป้าสังหาร...

          ฝุ่นที่อวลตลบค่อยจางลงไป เผยให้เห็นร่างสูงของบุรุษชาวอาหรับในชุดโธปสีขาวบ้างดำบ้าง พวกเขาสวมผ้าคลุมลายตารางหมากรุกพันรอบใบหน้าจนโผล่พ้นมาแต่ดวงตา มีอาวุธครบมือและใส่เครื่องกันกระสุนพร้อมรบ ทั้งหมดนั้นนั่งอยู่ในรถจิ๊บลายพรางสีเขียวที่ติดปืนกลหนักสีเข้มทะมึน อีกจำนวนหนึ่งกระโจนลงมาล้อมจับพร้อมกับลั่นกระสุนอย่างต่อเนื่อง  ราฟาเอลโร่ขมวดคิ้วเมื่อพวกมันยังไม่มีท่าทีว่าจะยิงถล่มสาดกระสุนใส่ฟิลิเป้และพวกที่กำลังสู้ยิบตาอยู่อย่างที่ควรทำ...

       ร่างของฟิลิเป้กระโจนคุลกฝุ่นพร้อมสาดกระสุนปืนกลในมืออย่างต่อเนื่อง มันหมอบอยู่ที่เนินทรายห่างไปจากตัวเขาไม่กี่เมตร  ราฟาเอลโร่มองเห็นร่างของทหารฝ่ายนั้นหลายนายที่ทรุดตัวลงกับผืนทรายเพราะกระสุนที่เจาะเข้ากลางหน้าผากและบริเวณอื่นของร่างกาย..

        หรือมันไม่คิดจะจับตาย..
.
    ราฟาเอลโร่ครุ่นคิด ขณะที่สอดปลายนิ้วเข้ากับไกปืนช้าๆ เมื่อเจาะจงตำแหน่งของเป้าหมายได้ชัด เขาเม้มปากแน่นเมื่อพวกมันเริ่มทำการสาดกระสุนกลับ บ่งบอกว่าคงได้รับคำสั่งเด็ดขาดมาจากผู้นำของตนแล้ว..

   มองเห็นร่างของพรรคพวกที่ล้มลงทีละรายอย่างแค้นใจนัก ราฟาเอลโร่กัดฟันกรอด ขณะที่เริ่มเหนี่ยวไกเล็งไปยังเหล่าทหารที่ระดมยิงเข้ามาพร้อมกับเคลื่อนกายกระชับวงล้อมเข้าใกล้ ใจจริงเขาอยากยิงเจ้าพวกที่นั่งเฝ้าปืนใหญ่เป็นป้านิ่งอยู่มากกว่า ทว่า การยิงไปที่ตรงนั้นไม่ต่างกับการแสดงตน แม้วิถีของไรเฟิลจะไปถึง แต่ทว่ารถพวกนั้นยังถอยห่างให้ทหารราบเป็นเหล่าคุ้มกันไม่ได้เข้าร่วมในสมรภูมิ แน่นอนว่าพวกที่เป็นแนวหน้าอย่างฟิลิเป้มันต้องสนใจบุกพวกทหารที่ดาหน้าเข้ามา มากกว่าจะมายิงพวกกองสนับสนุนด้านหลัง ดังนั้น หากเขายิงไปก็ไม่ต่างกับการเผยตัว และนั่นจะทำให้ผลของการต่อสู้เปลี่ยนไปทันที

    ตูม !

       ระเบิดมือที่เขวี้ยงลงไปทำให้ฝุ่นทรายที่คละคลุ้งอยู่แล้วยิ่งโหมหนัก ราฟาเอลโร่สะดุ้ง ถอยตัวหลบเข้ามาด้านในเมื่อลูกกระสุนตกลงใกล้ตัว ชายหนุ่มหลับตาลงกระเถิบตัวเข้าไปในเพิงหินให้มากขึ้นอีก ...แต่กระบอกปืนยังส่องประกายวาววับ

           ขณะที่ราฟาเอลโร่กำลังซุ่มอยู่ด้านหลัง ฟิลิเป้กำลังหยีตาฝ่าทะเลทรายที่คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นผงและเม็ดทราย ชายหนุ่มกระหน่ำยิงไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ลืมหูลืมตา อะดรีนาลีนในกายหลังออกมาอย่างเต็มที่ยามที่กระโจนตัวกลิ้งกลบห่ากระสุนจากปืนกลที่สาดซัด... เขาได้ยินเสียงคำรามของลูกน้องข้างกายตนราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ มองเห็นเลือดสีเข้มที่สาดกระจายเข้าสู่ใบหน้า ยิ่งทำให้ต้องกัดฟันกรอด

        " บ้าชิบ กระสุนหมดแล้ว !! " เขาร้องลั่นเมื่อพบว่ากระสุนที่พาดไล่มาด้วยถึงคราวหมดไปอย่างรวดเร็ว ฟิลิเป้คำรามเสียงต่ำ หันกายไปหาลูกน้องข้างๆเผื่อจะได้ออกปากถามเอาลูกกระสุน หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าร่างของลูกน้องข้างกายนอนจมกองเลือดอยู่...

        นัยน์ตาสีเขียวสดกวาดมองทั่วบริเวณอย่างไม่แน่ใจ พลันก็หนาววูบเมื่อพบว่าร่างของลูกน้องคนสนิทหลายนายกำลังแน่นิ่ง อีกไม่น้อยโอดโอยด้วยอาการบาดเจ็บ หายใจรวยริน...

...ไม่มีทางชนะ...

    ลางสงหรณ์บ่งชัดแบบนั้น ทำให้ต้องกัดฟันกรอด หากฟิลิเป้ไม่นึกหวั่นผวาเขากระชากสลักระเบิดในมือ แล้วเขวี้ยงไปยังเหล่าทหารที่สืบเท้าเข้ามาใกล้อย่างไม่หวาดหวั่น..

....ปืนสั้นสีดำสนิทที่พกติดตัวอยู่เสมอถูกดึงออกมาจากรองเท้าบู๊ตราคาแพงลิ่ว ฟิลิเป้แสยะยิ้มเย็น ขณะที่ลุกพรวดขึ้นท่ามกลางฝุ่นทรายที่คละคลุ้งและปลายกระบอกปืนที่หันเข้าหา มาเฟียนุ่มยกปืนในมือขึ้นเล็งอย่างรวดเร็ว...พลันเผยรอยยิ้มุมปากเมื่อร่างเงาที่เดินเข้ามาใกล้หายไปทีละคน...ทีละคน..

หนึ่งคน...สองคน...และ...

     ปัง !!

   ชาวูบที่หัวเข่าซ้ายจนต้องทรุกตัวหอบระริก ความเจ็บปวดยังไม่เกิดขึ้นในยามนี้ มีเพียงความร้อนวูบและประสาทสัมผัสที่ชาด้าน ฟิลิเป้กัดฟันกรอดแล้วค่อยพยุงตัวขึ้นลุกจากพื้นอย่างโซซัดโซเซ เขายันร่างไว้ด้วยเข่าข้างที่ไม่บาดเจ็บ ก่อนจะยกปืนขึ้นแล็งอีกครั้ง...

   " อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก...."

           ฟิลิเป้มองเห็นร่างเงาสีดำย่างก้าวมาเบื้องหน้าตนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลายดาบของฝ่ายนั้นที่ชูสูงส่องประกายล้อแสงแดดระยับ ท่ามกลางฝุ่นผงและเม็ดทรายที่คละคลุ้ง มาเฟียหนุ่มมองเห็นเพียงใบหน้าที่ถูกผ้าลายตารางหมากรุกพันไว้จนเหลือเพียงดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววโหดเหี้ยวและเกรี้ยวกราดเสียงจนทำให้ตัวแข็งทื่อ และสิ่งต่อมาที่รู้ คือกระบอกปืนในมือถูกแตะทิ้งอย่างรวดเร็วเสียงจนเขาตั้งตัวไม่ทัน และความเจ็บปวดจากกลางฝ่ามือข้างที่ถือปืนไว้แล่นปร่า

        เลือดสีเข้มสาดกระจายลงบนท่อนแขนและผิวหน้าตน ความเจ็บปวดทำให้สติปลาสไปสิ้น ฟิลิเป้ถูกปลายเท้าในชุดสีเข้มนั้นยันแผ่นอกไว้แล้วเหยียบแน่น ร่างสูงใหญ่อย่างชาวยุโรปของตนผงะหงายเมื่อถูกปลายดาบใหญ่จ่อเข้าที่ลำคอจนเนื้อตัวสั่นระริก..
.
       มาเฟียหนุ่มสบมองนัยน์ตาที่จ้องเขม็งมาคู่นั้น พลันความหนาวยะเยือกก็เข้าเกาะกุมหัวใจ  มองเห็นความเย็นชาที่ฉาบฉายไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเหี้ยมโหดจับจ้องมายังตนชัดเจน..

    ปลายเท้าที่เหยียบอยุ่บนแผ่นอกหนัก...และกดทับแผ่นอกจนจุกแน่น หากราวกับผู้ทำพอใจจะให้มันเป็นเช่นนั้น ปลายเท้าจึงได้เหยียบลงน้ำหนัก ขยี้ฝีเท้าลงไปอย่างไม่ปราณี ราวกับเคียดแค้นมาเนิ่นนานนัก...

         " อ่ะ...คั่ก....."พยายามจะอ้าปากพูดแต่ทว่าไม่มีกระทั่งเสียง หอบเอาเศษฝุ่นเข้าไปในลำคอจนต้องถ่มมันออกมาทั้งที่น้ำลายเหนียวหนืด ฟิลิเป้มองเห็นเลือดสีเข้มที่ไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณกลางฝ่ามือยาวไปถึงท่อนแขน เผยให้เห็นสีเนื้อที่ออกชมพูสดเปื้อนด้วยหยดเลือดสีแดง...สีแดงที่เขาชื่นชอบมันนักหนา...

         นัยน์ตาสีเขียวหรี่ปรือลงและร้องครางในลำคอแผ่วเบายามที่เจ้าของฝ่าเท้าบนร่างเขาออกแรงบดขยี้ให้แรงขึ้น ฟิลิเป้เงยหน้าขึ้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ยิ้มออกมาบางๆเมื่อมองเห็นแสงจากปลายกระบอกปืนไรเฟิลเข้าตา..

        ร่างของชายในชุดดำที่โผล่เข้าไปจัดการฟิลิเป้นั้นยืนเด่นอยู่ท่ามกลางเศษเนื้อซากชีวิตของผู้แพ้ ท่ามกลางทะเลทรายที่ฝุ่นของมันยังคงคละคลุ้ง ขณะที่ผู้คนโดยรอบยืนนิ่งลดปืนลงเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกนั้นถูกกำจัดจนไม่อาจจะหยิบปืนมาทำอะไรได้อีก ชวนให้แค้นเคืองนัก..

      มองเห็นคนๆนั้นออกปากสั่งการอะไรกับคนรอบกายทั้งที่ฝ่าเท้ายังเหยียบร่างของเจ้าฟิลิเป้ไม่ยอมห่าง..บ่งชัด...ว่ามันคือผู้สั่งการในการเข้าจับกุมครั้งนี้..

        ปลายกระบอกปืนไรเฟิลเล็งเข้าที่ร่างของชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ราฟาเอลโร่ยิ้มมุมปากแน่นอนว่าเขาไม่ได้ความทจำสั้นขนาดคิดไม่ออกไม่ได้ว่านั่นน่าจะเป็นใคร..

...ท่านชีคแห่งเซเนียยา..ผู้ที่ตอนนี้กำลังหลงไหล"มัน"เสียจนเข้าขั้นคลั่งไคล้...

     หัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างหมายมาด ขณะที่ปลายนิ้วสอดเข้าที่ไกปืนอย่างช้าๆ ชายหนุ่มเลียมุมปากด้วยความชอบใจ...นัยน์ตาวาววับ เขาแทบจะนึกถึงวินาทีที่ร่างนั้นทรุดลงราวกับเป็นหุ่นเก่าๆตัวหนึ่งไม่ไหว..


  กริ๊ก....











      " เก็บเสียงหัวเราะแกไปก่อนดีมั้ย เพราะมันสะเทือนไปถึงนรกเลยว่ะ "

....

       ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้เกร็งตัวแน่น ปลายนิ้วที่จะแตะไกปืนเข็งชืดเสียจนไม่อาจขยับ เมื่อรู้สึกถึงโลหะสีดำมะเมื่อมที่จ่ออยู่ตรงขมับและรอยยิ้มอีกทั้งน้ำเสียง...อันน่าชังของ"มัน"

  เจ้าของฉายาเทพบุตรแห่งเรกาโซ่เงยหน้าไปสบมองรอยยิ้มเยื้อนของผู้มาใหม่ด้วยหัวใจที่ร้อนระอุ เขามองเห็นมันชัดเจน...ตัวมันที่ทั้งเหมือนกับเขา และแตกต่างกับเขา..

     มันที่เกิดและเติบโตมาในที่ๆไม่ต่างจากเขา..

  มันที่อยู่ในฐานะไม่ต่างกัน..

      หากแต่เพราะอะไรมันถึงได้โดดเด่นเจิดจรัสราวกับดวงตะวันในฤดูร้อนแบบนั้น..

   คาวัลโล วาลกัส..

       นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลกำลังเป็นประกายยั่วล้อด้วยความสาใจ เส้นผมสีน้ำตาลทองที่โผล่พ้นจากผ้าคลุมลายตารางหมากรุกสีแดงที่สวมไว้ลวกๆสะท้อนกับแสงแดดจ้าจนไม่ต่างกับสีของทองคำ ใบหน้าและรอยยิ้มหยันของมันช่างแสนคุ้นตานัก...รอยยิ้มที่เหนือกว่า รอยยิ้มที่บ่งชัดถึงความพ่ายแพ้ของตน....เช่นทุกครั้ง...

             "..หึ....ถ้าชั้นกระตุกไก...ทางนั้นก็ตายเหมือนกัน " หัวใจพลุ้งพล่านด้วยความอิจฉาริษยา...และความเคียดแค้นแน่นอก เขาพูดราวกับไม่รู้ว่าตนเองพลาดไปแล้ว..สำหรับการวซุ่มยิง หากพลาดจากเป้าหมาย หรือถูกพบตัวแล้ว การจะปฏิบัติงานให้สำเร็จนั้น..ไม่มีทางเลย...

         บัดนี้....มีทางเลือกเดียว คือตาย

             " พูดให้ขำ..ทำอย่างกับแกไม่รู้ว่าตัวเองน่ะพลาด.." วาจาเรียบเรื่อยราวกับขบขันนักหนา หากแต่มือที่เหี่ยวไกยังคงจ่อแน่นไม่ยอมละลง..บ่งชัด ว่ามันไม่มีโอกาสให้เขาหนี..

            "....หายดีแล้วเหรอแกถึงได้ออกมาเพ่นพ่าน.." อาจจะเฟังเหมือนคำถามนั้นช่างแสนห่วงใย แต่เปล่าเลย มันเจือแฝงนัยเยาะหยันไม่ต่าง.."นึกว่าแกยังจะร้องโอดโอยอยู่"บนเตียง"ไม่ออกไปไหนเสียอีก "

           "รับรองว่าจากนี้แกนั่นล่ะจะเป็นฝ่ายร้องขอความเมตตาจากฉันเองล่ะ ! "คาวัลโลหน้าบึ้ง กระชากเสียงห้วนและถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ...เมื่อรู้ว่าชายตรงหน้ากำลังกล่าวเย้ยหยันเขาเรื่องอะไร...

                 ราฟาเอลโร่ขยับตัวลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างจำยอมเมื่อพบว่าทหารอีกหลายนายต่างก็เล็งปืนมาที่ตน และที่สำคัญที่สุด คือคนที่อยู่ตรงนี้ก้เล็งมาที่เขาเช่นกัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นประสานบนท้ายทอยช้าๆขณะที่กวาดตามองหาพรรคพวกที่น่าจะซุ่มตัวอยู่แถวนี้อย่างใคร่ครวญ

            "มองหาใครเหรอ? ใช่พวกนี้รึเปล่า?..."  น้ำเสียงเยาะหยันนั้นดังอยู่ข้างหู พร้อมกับแรงกระชากคอเสื้อเขาแรงๆให้มองภาพร่างจมกองเลือดของลูกน้องที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหลัง พวกนี้ต่างก็ถูกจัดการไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้

            " แกนี่มันโง่จริงๆ...ทั้งหัวเราะเสียงดังทั้งไม่สนเสียงปืนแบบนั้น จะตายแล้วก็ไม่แปลก " คาวัลโล วาลกัสหัวเราะเบาๆ พร้อมกับกระชากคอเสื้อของเขาให้เดินลงเนินทรายไปหาพวกที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์จ้า ฟิลิเป้รู้สึกชาวาบไปทั้งกาย เมื่อตระหนักรู้ในทีสุดว่าเขาพลาดอะไรไป..

      เขาพลาด...พลาดที่ไม่นึกถึงการมีตัวตนของคาวัลโล วาลกัส...

    พลาดที่ไม่นึกว่ามันก็รู้ทันเขา เช่นเดียวกับที่เขารู้ทันมัน..

       พลาด...ตรงที่ไม่บรรจุมัน..ซึ่งมองเห็นถึงแผนการณ์ของตนทุกอย่างไว้ในแผนของตัวเองด้วย..    

               ร่างของสองแกนนำผู้บุกรุกถุกผลักลงไปกองรวมกัน สภาพสะบักสะบอมและโทรมบักโกรกชนิดไม่เหลือดีของสองศัตรูที่เข้าเกลียดมันเข้าไส้ทำให้คาวัลโลเหยียดยิ้มอย่างยินดี ยิ่งเมื่อเห็นรอยแผลยาวจนถึงต้นแขนของฟิลิเป้แล้ว เขาก็อดจะหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆอย่างยินดีไม่ได้...

           นัยน์ตาสีน้ำทะเลหัวขวับมามองชีคหนุ่มที่อยู่ในชัดโธปสีดำสนิทและกำลังเก็บดาบเข้าไปในฝัก ด้วยสีหน้าเรียบสนิทไม่เหลือบแลมาทางตนสักนิด ทำให้มาเฟียหนุ่มครางงึมงัมในลำคอบอกตัวเองว่าต้องตามง้อก่อนที่รายนี้จะงอนไปใหญ่ คาวัลโลตวัดสายตามองสองผู้บุกรุกที่ถูกจับมัดยัดใส่ในรถจิ๊บพร้อมลูกน้องที่มีอาการบาดเจ็บไม่มากของตนอย่างพึงใจ แล้วเดินตามหลังชีคหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปใกล้รถแลนซ์โรเวอร์คันโตที่จอดติดเครื่องทิ้งไว้ ..

          ฝ่ามือขาวจัดออกแรงดังลำแขนหนาใต้ชุดโธปป้องกันแสงแดดอย่างดีด้วยรอยยิ้ม คาวัลโลยิ้มร่าออกปากพูดชมอีกฝ่ายไม่หยุดปากด้วยสีหน้าระรื่น..

             " สุดยอดเลยอัลชาอ์..เมื่อกี้ที่คุณยกดาบใส่ไอ้ฟิลิเป้น่ะมะ........"





   เพี๊ยะ!!!!

            เสียงฝ่ามือกระทบผิวแก้มไม่ได้ดังไปมากกว่าเสียงลมหวีดหวิดหวิวกลางทะเลทรายเสียงด้วยซ้ำ ทว่ามันกลับก้องในหูของคนที่ได้ยินอย่างไม่น่าเชื่อ รามิล เซย์ฮามัคที่นั่งอยู่ด้านหน้าคนขับเบิกตากว้าง...จ้องมองร่างของผู้นำประเทศของตนและมาเฟียคู่กรณีอย่างลืมตัว..เขามองเห็นสีหน้านิ่งค้างไปอย่างตกตะลึงของคาวัลโล วาลกัสชัดเจน...ชัดพอๆกับรอยแดงบนผิวแก้มที่เห่อร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว..

          " ......... "

                   ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดใดสีหน้าไม่ส่อเค้าอารมณ์และใบหน้าที่เฉยชาของชีคอัลชาอ์ มูอัสซินแห่งเซเนียยายังตราติดอยู่ในห้วงคำนึงไม่คลาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างนิ่งขึงไปทั้งร่างด้วยอารมณ์หลากหลาย ความเจ็บปร่าแสบร้อนแล่นไปทั่วซีกหน้าด้านซ้าย ไม่มีคำพูดด่าว่าหรือตัดรอน...แต่กลับทำให้ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงันอย่างจนด้วยคำพูด...มองเห็นร่างสูงใหญ่เดินขึ้นไปบนรถและปิดประตูโครม...สั่งให้มันออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เศษฝุ่นผงและเม็ดทรายปลิว่อนเกาะบนผิวหน้าชื้นเหงื่อของคาวัลโล วาลกัส อย่างไม่มีใครสนใจจะเช็ดมัน...

                 ................................................................

อะเเฮ่ม...
ตอนนี้ลงมือจริงๆนะ (ฮ่าๆ)ลงมือในหลายๆแง่ ว่าแล้วก็อยากได้อีกซักข้าง (คาวี่เอามีดจิ้มพุง o18)
ตอนนี้ใครถุกใครผิดจะเชียร์ใครแล้วแต่ใจคิด แ่ละคนก็มีเหตุผลพอกัน กับอัลชาอ์คงไม่ต้องบอกมั้งว่า"ห่วง"แค่ไหนแล้วพอคาวี่ทำแบบนั้น...เขาอุตส่าห์ไม่ให้มาเพราะกลัวโดนเป่าขมอง แต่เจ้าตัวก็ดัน.. :เฮ้อ:.ส่วนคาวี่ ก็อย่างที่บอก รายนั้นต้องการมาล้างอาย...ศักดิ์ศรีที่ถูกกล่าวหาไว้มันทำให้ยอมไม่ได้ล่ะนะ..หรือคุณจะยอมได้ถ้ามีใครหาว่าคุณเป็นโสเภณีที่เกาะคนอื่นเป็นที่กำบัง? ยิ่งกับคาวี่ที่เป็นมาเฟียถือเกียรติยิ่งชีพแล้วมันก็..:m16:..
 แล้วทำมาซึนบอกว่าห่วงกลัวโดนเหมือนประเทศ XXX แหม..(ประเทศไหนไม่รู้นะ..หึหึ  :laugh:)ไปๆมาๆทำไมรู้สึกว่าคาวี่มันนางร้ายจัง 555+
คนที่ให้การสนับสนุนพวกราฟากะฟิลิเป้คือ อัลลิยะห์..แม่เลี้ยงของอัลชาอ์ แต่จะทั้งหมดมั้ย อันนี้ต้องตามกันต่อไป
และซิลเวีย...หล่อนโผล่มาแต่เสียง แต่ทำหลายคนสะดุ้งใช่ไหม? 555+ ความหลังแบบชิงรักหักสวาทท่าจะงงไปในสายตาของพี่อเล็กซิส เอาง่ายๆเป็นน้องเอ็งไปแย่งแฟนชาวบ้านที่ระหองระแหงกันมานาน แค่นั้นก็จบ
ปล. ทำไมไม่รู้นึกขึ้นมาวูบนึงว่าให้ราฟาเอลโร่หลงรักอัลชาอ์แล้วมาแย่งกับคาวี่มันคง.....(ก๊ากกกกก :laugh:)แต่จะว่าไป รู้สึกว่าเขียนๆแล้วความคิดที่ราฟามีต่อคาวี่นี่ออกแนวทั้งรักทั้งเกลียดยังไงชอบกล คือเกลียดนะ แต่ก็อดหลงไม่ได้ อะไรแบบนั้น..
ปล.2 ไม่ได้มาต่อเลย เน็ตเน่า กาก ไม่ได้เล่นมาเป็นอาทิตย์แล้ว T T นี่เล่นเน็ตคาเฟ่เอานะเนี่ย.. :m15:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2011 11:01:40 โดย Serin »

ออฟไลน์ Saffron

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ท่านชีคมาแล้วววววว


ขอไปอ่านก่อนน๊าา~

hahn

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้กำลังใจนู๋คาวี่...ดื้อจนโดนท่านชีคตบซะแล้ว

แล้วแบบนี้ใครจะต้องเป็นฝ่ายง้อกันล่ะนี่

thisispom

  • บุคคลทั่วไป
จ๊ากกกก....คาวี่โดนตบ

butajang

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดด ตอนใหม่มาเเล้ว เเม่หญิง ซิลเวีย เเรงจริงๆ อืม ชีคงไม่เป็นปัญหามากนักตามความคิดเเต่อ่านเเล้วมาสะดุ้งที่สุดก็ เสียง"เพี๊ยะ"สุดท้ายนี่เเหละ  o22 เเม่เจ้า ใจตกลงไปที่ตาตุ่ม อยากอ่านต่อเเล้วอะ มันค้างสู้ๆๆนะคะ คุณปุ้ย มาต่อเร็วๆเน้อ เน็ตเน่าไม่ใช่อุปสรรค คุณปุ้ยอย่าเน่าพอ 55+++

+1 ค่ะ ให้ความพยายามของคุณปุ้ย

akike

  • บุคคลทั่วไป
อีหนูคาวัลโลโดนตบ
สามีเค้าเป็นห่วงเลยฉุน
กลับไปนี่จะมีฉาก...หรือเปล่าน๊า
สงสัยจาโดนขังลืม

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
คาวี่จังกลับมาแล้ว  :mc4: :mc4:
คาวี่อารมณ์รุนแรงจัง ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน เคะราชินีที่แสนเอาแต่ใจ
โดนตุ๋นครั้งใหญ่ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ลุงอาเหม็ดเหรอเนี่ย กลับเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายแทนซะงั้น ชีคอาเหม็ดใจอ่อนอ้ะ เดี๋ยวก็โดนหางเลขไปพร้อมฮาซานที่แน่นอนว่าต้องโดนรางวัลที่ 1 โทษฐานปล่อยคาวี่ไปแน่ ๆ เลย  o18
แม่นางซิลเวียแน่มาก ชักจะชอบผู้หญิงคนนี้ซะแล้วซิ ให้เธอเป็นอาเจ๊ของกราดอนไปเลย ไม่ต้องไปแต่งงานกับผู้ชายให้เสียเวลาและปวดหัวไปปล่าว ๆ  o13
รู้สึกถึงการ ' ลงมือ '  จริงๆ ก็อีตอนหนูคาวีโดนตบนี่แหละ คงจะทั้งโกรธทั้งห่วงเลยนะท่านชีคเนี่ย แต่ถ้าคาวี่มาไม่ทัน นี่ท่านม่องเท่งดับไปแล้วนา คาวี่มันก็มีผลงานเหมือนกัน เอาใจช่วยหนูคาวี่สุดริด  :กอด1:
เอ่อ ท่านชีคแต่ทิ้งไว้แบบนี้มันจะดีเหรอ ตบเค้าแล้วปิดประตู (รถ) ใส่หน้าเลยเนี่ย หายไปจะทำไงเล่า   :z3:
จะง้อยังไงดีละคาวี่ ยิ่งงอนหนัก ก็ต้องยิ่งง้อหนัก ๆ ฮึ  :haun4: :haun4: คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย  :beat:  ตบตัวเองเรียกสติ หนูคาวี่ไม่ใช่โสเภณีหรอกจ๊ะ  :z1:  คนสองคนเต็มใจมันก็  :-[

รอตอนต่อไป หนูคาวี่ แก้แค้น & ง้อคนงอน
เอาใจช่วยท่านพี่อเล็กซิสด้วย หาคนทรยศให้เจอเร็ว ๆ เจ้าค่ะ ทางโน้นเค้าเจอแล้ว  :fire: :fire:

เอิ่ม  :o8: เม้นยาวไปป่าววะ กลับไปอ่านเองยังตาลาย

รอตอนต่อไปนะค่ะ  :bye2: :bye2:

wapview

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ คาวี่ โดนตับ กรี้ดกราดดดดดด  :m31:

แต่เป็นท่าน ชีด เราไม่ว่า อิอิ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มาต่อแล้วเย้ๆๆๆๆๆๆ  :mc4:

ตอนแรกๆๆ ก็มันส์ อยู่หรอ

พออ่านตอนท้าย นี่ ทำ อึ้ง เลย

โฮ่ะๆๆๆๆๆๆ   :a5:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 o18 o18 o18คาลวี่โดนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน o13

kwa

  • บุคคลทั่วไป
คาลวี่เอ้ย  คนเค้าห่วงเลยไม่ให้มา ก็ยังดื้อเนาะ
โดนโกรธไปแล้วไง งานเข้าเพราะทำตัวเองนะเนี่ย เฮ้ออ

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
ท่านชีคหล่ออีกแล้วววว สะใจฟิลิเป้ กร๊ากกกกกกก

ออฟไลน์ liptudzii_chi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ท่างชีคคงโกรธมากแหละ งั้นไม่ทำหรอกเน้อ รักมากก้อโกระมากเป็นธรรมดา

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
ไม่รู้จะเชียร์ใคร
แรงทั้งผัวทั้งเมีย
แต่เราแอบงอนแทนคาวี่
รู้ว่าห่วงแต่ทำไมไม่นึกว่าคาวี่ก็เป็นลูกผู้ชายอกสามศอกเหมือนกัน
เคยผ่านอะไรมาเยอะแล้ว
มันจะเป็นอะไรไปแค่ชวนไปสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกัน
แบบนี้มันทั้งไม่ไว้ใจ ทั้งดูถูกตัวตนของคาวี่นะ
เป็นวิธีการปกป้องที่พลาดไปหน่อยนะท่านชีค
แล้วทีนี้จะคืนดีกันยังไงล่ะเนี่ย
มีหวังงอนยาว หาทางเคลียร์ก่อนจะกลายเป็นความบาดหมางดีกว่านะชีค

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


  ฮะๆๆ ท่านชีคเริ่มจะตอบโต้บ้างแล้วสินะ นึกว่าจะยอมให้คาวัลโลรังแกอยู่อย่างเดียว
  เริ่มเอาจริงบ้างแล้ว!!!




lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
ป๊าด ฉาดใหญ่ งานเข้าแล้วหล่ะหนูคาวี่เอ๋ย
เข้าข้างไม่ถูกเลยง่ะ
แต่งานนี้หนูก้ผิดจริงนะ ท่านชีคไม่ให้มาก้ยังจะมาอีก
ท่าทางยาวหล่ะงานนี้

ออฟไลน์ lasnorches

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี้ดดดดดด ตอนต่อไป!!! โอ๊ยท่านชีคแกตบคาวี่ซะหน้าหันเลย
งื้อออ ยังสงสัยเลยถ้าคาวีี่ไม่มาด้วยเนี่ย ท่านชีคแกจะไม่โดนเป่าดับเอาเรอะ *หัวเราะ
ตายแน่ๆ กลับวังแล้วคาวี่งานเข้าแน่ๆ

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
ตอนนี้ดุเดือดจริง
ทิ้งคาวี่ไว้ด้วยอ่ะ อย่างไงล่ะเนี่ย
คาวี่ก้อดื้อได้อีกนะ เค้าอุส่าเปนห่วง
งานเข้าเลยคราวนี้ โกรธไม่ธรรมดาซะด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด