Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1005018 ครั้ง)

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ดีใจที่แฝดฟื้นมาแล้ว
โล่งเนอะต่อไปคงได้ทำงานกันเต็มที่แล้วล่ะสิ
คู่ท่านชีคนี่ตาต่อตา ฟันต่อฟันที่สุดเลยอ่ะ
ต่างคนต่างหวั่นไหวแล้วน่ะสิ
ต่อไปจะทำยังไงถ้าเกิดรักกันขึ้นมาจริงๆ
กฏมาเฟียที่ห้ามรักร่วมเพศ ท่านชีคก้เหมือนกัน  อาเมน

ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อ่านครบ 13 ตอนเเล้วมาเม้นรวดเดียว

คาวี่น่ารักมากอ่ะ >< อัลชาห์เริ่ม...กับคาวี่เเล้วอ่ะดิ่
กรี๊ดดดดดมากกกกกกกก

อ่านคู่นี้เเล้วโฮกจริงๆ หวีด(?)กันได้เรียกเลือดจริงๆ =.,= หุหุ
รอตอนหน้า !

ปล. ตอนนี้ยาวถูกใจมากค่ะ ! ฮิฮิ

ออฟไลน์ ToffeE_PrincE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-4
มาแบบยาวมากก สะใจเลยอ่ะ

เย้ ในที่สุดเซย์ก็ฟื้นแล้ว ทำให้แฝดพี่ใจชื้นขึ้นเยอะ :เฮ้อ:

แต่คู่คาวี่นี่ยังไงๆอยู่น่ะ ท่านชีค :impress2:

 :กอด1:

fahsai

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว   :monkeysad:

คู่คาลวัลโลแอบ หวาน ผสมโหดๆ     :-[

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ในที่สุดก็ฟื้นซะที ฟื้นปุ๊บก็หวีดหวานกันปั๊บ

คาวี่กะท่านชีคก็ไม่น้อยหน้า ถึงจะเป็นไปตามบทบาท แต่ก็แอบอินกันบ้างอะไรบ้างใช่มั้ยล่ะทั้งคู่



ปล. สุดท้าย ฉากกอดคุณพ่อคาเฟรกะพี่ชาย..อย่า-คิด (กันไว้ก่อน555+)     รู้สึกจะไม่ทันแล้วล่ะคนแต่งเพราะจิ้นตั้งแต่ตอนอ่านแล้ว

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
ยาวมากเลย แต่ก็สนุกดีครับขอบคุณครับ

ออฟไลน์ maple4120

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ยาวดีค่ะ เราชอบบ
อเล็กเซย์ฟื้นแล้ว เย้ !
คู่อัลชาห์คาวี่นี่แอบดุเดือดนะ  :o8:
อัลชาห์บทจะโหดก็โห๊ดโหด บทจะหวานก็หวานซะ

รอตอนต่อไปนะคะ

zombiepe

  • บุคคลทั่วไป
ฝาแฝดเหมือนจะราบรื่น?
แต่แอบอ่านข้ามทุกครั้งที่คาวัลจังพูดว่าทำตามแผน 55
เราไม่รับรู้ว่ามีกล้องสอดแนมเลยทำเป็นหวานกันนะ
นี่เขาหวานกันจริงๆจังๆเข้าระบบประสาทต่างหาก

แม้จะมีการห้ามกันแล้วว่าอย่าจิ้นคู่พ่อ
มิอาจทันค่ะ โฮะๆๆ
เราเป็นโอจิค่อนนะ 55

ออฟไลน์ nutgen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เกาะติดทุกวัน รอลุ้นฉากทะเลทราย 555+

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
ยาวดีค่ะ เราชอบบบ สนุกมาก :z1:

รอตอนต่อไปค่ะ :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หายไปนานกลับมาอ่านแล้วแบบว่าา า....

เค้าไปกันไกลแล้วนี่หว่าาา า ฮ่า ๆๆๆ :-[
คาวี่กับท่านอัลชาอ์สวีทหวานได้น่ารักมากกก ก เอร๊ยยย ย ชอบบบ บ ฮ่า ๆๆๆ
เล่นละครกันไปบ่อยๆเดี๋ยวมันตึงรักกันเองแหล่ะ ฮ่า ๆๆ
คาวี่ฮาตลอดอ่ะ ฮ่า ๆๆๆ นานๆไปดูคุณเธอจะเริ่มสาว
ไม่อยากบอกว่าเราลืมว่าคาวี่มันอายุ19!! ฮ่า ๆๆๆ

อเล็กซ์เซย์น่าสงสาร T_______T
แต่ก็ฟื้นแล้วว ว ดีนะที่ไม่เป็นไรมาก (เรอะ?!!!)

รอยลฉากหวานกวางทะเลทรายก่ะ
มาต่อไวๆๆๆๆๆน้าา าา


ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
รอ..ร๊อ..รอ

butajang

  • บุคคลทั่วไป
เเวะเข้ามาดู เเล้วก็เข้ามารอเผื่อได้ตอนใหม่ เพราะคงไม่ได้เข้าเน็ต จนกว่าจะถึงวัน อังคาร หงิง หงิง คิดถึง คาวี่

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
เราคิดว่าถ้าจะหวัง "ฉากหวีท" จากคู่คาวีกับท่านชีคน่ะ คงอีกนาน เพราะตั้งแต่ต้นยันปัจจุบันเราได้เห็นแค่ "ฉากหวีด" เท่านั้นเอง T^T



ว่าแต่ เล่นละครกันบ่อยๆ เมื่อไหร่จะหวั่นไหวกันจริงจังสักทีล่ะ



ออฟไลน์ nutgen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
^
ตอนล่้าสุดเค้ามีเก็บไปคิดกันแล้วคะ

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
หายไปหลายวันแล้วนะ  :call: :call:

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
ตามมาดูอีกรอบ :o12:

ทับทิมกรอบ

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านมาจนทันแล้ว  :laugh:

 เป็นแฟนคลับคาวี่แล้วน่ะครับเนี่ย

สนุกมากๆเลยครับ  o13

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
 :call: :call: :call:มาปูเสื่อรอคาวี่กะอัลชาห์ค่ะ 

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Line : 14  พายุทะเลทราย
               

   ...เพราะกล้องวงจรปิดพวกนั้นแท้ๆ       
 
บ่ายสี่โมงเย็น..หลังจากทำพิธีละหมาดประจำวันเสร็จขบวนของชีคแห่งเซเนียยาก็ได้เวลาจัดเตรียมและออกเดินทาง คนในวังเดินกันวุ่นเอาข้าวของที่จัดเตรียมมาใส่รถเพื่อจะทำการเดินทางต่อไป ขณะที่หนุ่มต่างชาติผมสีอัลมอนด์นัยน์ตาสีน้ำทะเลก็นั่งทำหน้ามุ่ยๆอยู่ข้างกายท่านชีคอัลชาอ์ ยาฮิลยะฮ์ มูซา มูอัสซิน ซึ่งยืนคุยกับนายทหารที่มีหน้าที่รักษาการแทน ไม่นับดวงตาที่มักจะมองมาทางตนราวกับเป็นตัวประหลาดบ่อยครั้ง หรือท่าทางแปลกๆของพวกทหารทั้งหลายที่คร้านจะใส่ใจแล้ว สิ่งที่ทำให้คาวัลโลหน้ามุ่ย..อารมณ์เซ็งๆ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก...

    ใครเคยถูกปฏิบัติด้วยราวกับตุ๊กตาบ้างล่ะ ขอถามเถอะ พออัลชาอ์ลากเขาออกมาจากห้อง ทานข้าวได้ไม่ทันเท่าไหร่ก็ถูกแม่พวกสาวๆนางกำนัลลากไปอาบน้ำ ถ้าคนมาคุมจะเปแนสาวสวยๆอึ๋มๆน่ะพอได้ ไม่ใช่ยัยแก่เหนียงยานหน้าเหี้ยมที่มายืนเฝ้าให้สาวๆมารุมขัดตัวเขาให้สะอาด จะบ้าตายสิ เกิดมายังไม่เคยมีใครขัดตัวให้เลย ยัยพวกนั้นก็บอกสาเหตุแค่ว่า "ชีคบอกว่าคุณจะตามไปดูแล" ไม่เอาแม่สาวๆไปด้วย พอไม่เอาไปด้วย ก็จะไม่ม่คนคอยปรนนิบัติชีค และเมื่อไม่มีคนทำ เขานั่นแหละต้องทำ !!! โดนจับขัดทั้งตัวชนิดว่าผิวขาวๆของเขาแดงเถือกไปหมดทั้งตัวไม่พอ แม่สาวๆพวกนั้นยังมาชมว่าผิวขาวอย่างนั้น เนียนอย่างนี้ แล้วจับใส่ชุดคลุมเข้าไปซะเต็มตัว ถลกหนังกันเสร็จก็ลากเขาพามานั่งเงียบ รอให้อัลชาอ์ยกไป-ลากมา เดี๋ยวๆก็กอด เดี๋ยวก็หอมเหมือนกำลังอุ้มตุ๊กตาอยุ่จริงๆ แล้วจะไม่ให้ผู้ชายทั้งแท่งหวั่นไหว..ไม่สิ จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงกัน

    พอถาม อัลชาอ์ก็แค่บอกให้แสดงให้สมบทบาท เพราะยังไม่เอากล้องวงจรปิดออก ให้ตายสิ ..

   ฉะนั้นตอนนี้ คาวัลโล วาลกัส เลยได้แต่นั่งนิ่ง เป็นตุ๊กตาตัวสวยให้อัลชาอ์อุ้มไปลากมาอวดพวกทหารกับพวกในวังให้ตาโตเท่าไข่ไดโนเสาร์ โดนผู้ชายมองยังพอว่า แต่โดนสาวๆจิกตาใส่แบบไม่พอใจ แบบนี้มันทำร้ายจิตใจชะมัด !!

        " ทำไมไม่เอากล้องออกไปซะที " คาวัลโลกระซิบเสียงเครียด เมื่อถูกพามานั่งรถเตรียมออกเดินทางได้ในที่สุด..

       " เอาไว้ก่อน รอให้รู้ตัวว่าใครเป็นคนเอามาติด.." อัลชาอ์ตอบสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้าให้คนขับเข้ามา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ฮาซาน องค์รักษ์หนุ่มคนเดิมนั่นเอง..

      " ......." คาวัลโลเลิกคิ้ว มองหน้าฮาซานที่โค้งให้อัลชาอ์เงียบๆแล้วขึ้นมาขับ ข้างๆคือองค์รักษ์อีกนายหนึ่งที่เดินเข้ามาสมทบ คาวัลโลหรี่ตา เมื่อมองเห็นกระบอกปืนที่เหน็บอยู่สีข้างของร่างองค์รักษ์นายนั้นชัดเจน..

      "...ไหนว่าไปเยี่ยมท่านลุง จะขนอาวุธสงครามไปด้วยทำไมล่ะครับ? " ถามพลางเลิกคิ้วด้วยสีหน้าระรื่น ชวนให้คนมองอยากจะดีดปากแก้แค้นสักที
     " ก็ครั้งที่แล้วไป แล้วเจอคนบ้าที่ไหนไม่รู้มาไล่ยิง เลยต้องป้องกันตัวไว้ก่อน " พอแขวะเข้าหน่อยทำมาประชด คาวัลโลแยกเขี้ยวใส่ชีคหนุ่ม เอนหลังพิงเบาะแล้วหันไปมองสภาพบ้านเมืองตามรายทางบ้างอย่างสนอกสนใจ..

     หืม? มีรถใช้กันด้วย บ้านก็เป็นตึกสองสามชั้นอยู่กันนี่นา มันก็ไม่ได้โบร่ำโบราณอะไรนี่ฟ่ะ ถนนตัดผ่านก็หลายสาย มีทางด่วนด้วย มีพวกตึก อพาร์ทเม้นท์อยู่อีก ดุๆไปมันก็สภาพพอๆกับแถวไคโรเลยนี่นา  ถึงจะไม่หรุเริ่ดเท่าUAE แต่ก็น่าอยู่พอๆกับเมืองหลวงของอียิปต์ ไม่เห็นจะไร้ความศิวิไลซ์ตรงไหน ใครกันคิดว่ามันไม่เจริญเนี่ย.. อ้อ จะว่าไปก็เขาเองสินะ..

   คาวัลโลหรี่ตาลงเมื่อรถขับตัดผ่านบริเวณใจกลางเมือง พวกร้านค้าต่างๆก็เปิดเป็นปกติ แต่ที่ต้องจ้องมอง คือหญิงมุสลิมที่คลุมตัวด้วยผ้าสีดำทั้งหมด บางรายคลุมกระทั่งตาด้วยซ้ำ น่าสงสัยจริงว่าแม่คุณเดินไปมาโดยบม่ชนชาวบ้านได้ยังไง..

    "..ผู้หญิงที่นี่น่าสงสาร.." คาวัลโลพึมพัมพลางถอนใจเบาๆ

    " ทำไม? "อัลชาอ์ถามกลับช้าๆมองตาสายตาของหนุ่มอิตาเลียนข้างกาย

    "ก็..." คาวัลโลหรี่ตาลงแล้วถอนใจ "พวกผุ้ชาย ทำเหมือนเธอเป็นแค่เครื่องประดับ เป็นตุ๊กตาที่จะจับไปวางตรงไหนก้ได้ ไม่ให้อิสระภาพเธอเลย น่าสงสารออก.."

     " เอาอะไรมาวัด...ว่าพวกเธอไม่มีความสุข ? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว ถามากลับ

     "...ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาวัดเลย แค่ดุก็รู้นี่ มันยุคไหนกันแล้ว ทั้งสิทธิมนุษย์ชน ความเท่าเทียมกันทางเพศ..ไม่มีเลย.." คาวัลโลว่าพลางถอนใจเบาๆแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนข้างกาย

    " หึ...ก็คนยุโรปนี่นะ.." อัลชาอ์เอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ "เอาอะไรมาวัด? เอาความพอใจของตัวเอง สังคมของตัวเอง ไอ้พวกสิทธิมนุษย์ชน หรือสิทธิบุรุษและสตรี ของพรรคนั้นน่ะ มนุษย์เป็นฝ่ายรังสรรค์ขึ้นมาเองทั้งนั้น..แนวคิดของพวกคุณ..ในโลกตะวันตก..เป็นคนคิดขึ้นมาและให้สิ่งนั้นกับคนของตัวเอง และยังเอามาเผยแพร่..หรือยัดเยียดให้คนอื่น..สังคมอื่น.."

    " แต่ที่นี่ไม่ใช่ยุโรป..ไม่ใช่อิตาลี ไม่ใช่ประเทศของคุณ...ที่นี่คือเอเชียกลาง..หรือตะวันออกไกลแบบที่พวกคุณเรียก เรามีวัฒนธรรมของเรา สังคมของเรา..มีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็น...ผู้หญิงพวกนี้... "เอ่ยพลางชี้ไปยังนอกฟหน้าต่าง " ที่คุณบอกว่าน่าสงสาร..คาวัลโล..ไม่ลองคิดดุบ้างหรือว่าพวกเธอมีความสุขดี พอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง..เราใช่ว่าจะไม่เจริญ ไม่รับเอาวิวัฒนาการใหม่ๆมา แต่พวกที่เอาแต่อ่านบทความวิจัยหรือข้อมูลไร้สาระของพวกนักสิทธิมนุษย์ชนชาวตะวันตก พากันคิดไปเองว่าพวกเธอทุกข์....เพียงแค่เพราะแนวคิดความเท่าเทียมกันและอิสระ..ไม่คำนึงเลยว่านี่คือวัฒนธรรม ประเพณี ที่ไม่ต้องการให้กระแสวัตถุนิยมเข้ามาทำลาย.."

    " อืม...จะบอกว่าพวกเราคิดผิด..."คาวัลโลขมวดคิ้ว ออกปากถาม

    " ก็เปล่า เพียงแค่อยากบอกว่ามันคืออีกวัฒนธรรม....กฏเกณฑ์อย่างเดียวมันใช้กับคนทั้งโลกไม่ได้.." อัลชาอ์ตอบพลางหรี่ตาลงช้าๆ เมื่อเห็นว่าคนข้างกายเริ่มอ้าปากหาว.."อิสลามเราไม่ต้องการจะกดขี่เพศหญิง แต่ต้องการให้พวกเธอทำหน้าที่แม่และผู้หญิงที่ดี.."

     "...." คาวัลโลพยักหน้ารับ ด้านนอกเปลี่ยนจากทิวทัศน์ของเมือง มาเป็นภาพของทะเลทรายที่ไกลลิบๆเบื้องหน้า  นี่เป็นถนนทางด่วนตัดใจกลางเมืองออกสู่นอกเมือง ที่สามารถขับได้โดยไม่จำกัดความเร็ว รถราบนทางด่วนมีไม่มากนัก การเดินทางจึงคล่องตัวพอสมควร ตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังทาบแสงลงบนเนินทรายบ่งบอกว่าเวลาค่ำกำลังมาเยือนแสงของมันส่องประกายสะท้อนกับเม็ดทรายระยับ  สีทองสาดทะลุผ่านฟิล์มกรองแสงสีทึบเข้ามาได้ไม่น้อย แต่มันทอสัมผัสอุ่นวาบ ไม่ได้ร้อนแรงจนต้องขยับหนีแต่อย่างใด

     อัลชาอ์จ้องมองภาพการเดินทางเบื้องหน้าอย่างใจเย็น นึกแปลกใจที่คนข้างกายเงียบเสียง ชีคหนุ่มหันไปมองคนข้างกายช้าๆ รู้สึกถึงแสงแดดอุ่นที่ลอดเข้ามาในตัวรถ และพาดผ่านใบหน้าของคนข้างกาย สะท้อนเส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ให้เปล่งประกายราวกับเม็ดทรายต้องแสงอาทิตย์ เสี้ยวหน้าแบบตะวันตกเหม่อมองไปด้านนอกรถ ปลายคางวางลงบนแขนเจ้าตัวอยู่ในชุดโธปสีขาววางแขนก่ายลงบนขอบประตู  ปลายจมูกโด่งสันถูกเงาของแสงอาทิตย์สาดส่อง ริมฝีปากสีจางเผยอออกน้อยๆ แพขนตายาวแปลกตาหรุบลงตากแสงจ้า หากสะท้อนดวงตาสีน้ำทะเลที่กำลังจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจได้อย่างลงตัว

    ชีคหนุ่มยิ้มมุมปาก แปลกใจที่ในอกตนเองฟูฟ่องด้วยความภาคภูมิใจราวกับได้คนข้างกายมาเป็นของตน และภูมิใจ แม้ว่าจะเป็นเพียงการครอบครองจอมปลอมด้วยเวลาเพียงชั่วครู่ก็ตาม..นัยน์ตาสีนิลทอดมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน มากกว่าทุกครา..แม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม

   ฮาซานขมวดคิ้ว เมื่อมองเห็นทุกอย่างผ่านกระจกมองหลังชัดเจน แววตาของชีคที่หาได้ยากยังทอดมองร่างของหนุ่มชาวต่างชาติอยู่เช่นนั้น พลันนึกไปถึงคำพุดของคาวัลโล ..จากไป..เจ้าตัวพุดว่าจะจากชีคไป..มองดูภาพนี้แล้วน่าสงสัยเสียจริงว่ามันจะทำได้จริงๆนะหรือ..

    " มีอะไรรึ...ฮาซาน.." น้ำเสียงของคนข้างกายถามเบาๆ ทำให้องค์รักษ์หนุ่มหลุดจากภวังค์ ฮาซานคลายหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัวออก พร้อมๆกับแร่งความเร็วรถลงจากทางด่วน และขับอ้อมออกทางเลียบเมือง เพื่อจะได้ตะลุยเข้าทางหลวงที่ตัดผ่านทะเลทรายได้อย่างรวดเร็ว..

     " .....จาฟา...เรียนชีคด้วย ว่าเราจะหยุดขบวนก่อนจะออกทางหลวง..เมื่อกี้วิทยุรายงานข่าวว่ามีพายุทะเลทราย.."

..........................................

    เม็ดทรายที่เคยสวยๆตอนถูกแสงอาทิตย์สาดกระทบตอนนี้ปลิวว่อน เสียงประทบกระจกกริ๊กๆฟังเหมือนเสียงฝน เสียงแต่ว่าฝนตกใส่แล้วอย่างมากเราก็แค่เปียก แต่ถ้าเผลอเจอทรายมุดเข้าตาเมื่อไหร่ก็ได้เป็นเรื่อง.. คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ มองกระจกที่สั่นกึกๆอย่างน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกไปเมื่อเม้ดทรายนับล้านปลิวเข้ามาปะทะเป็นระลอก รถร่วมขบวนคันใหญ่ๆต่างพากันจอดนิ่งอยู่กลางถนนหลวง เปิดไฟท้ายกระพริบให้สัญญาณหยุดขณะที่รอคอยอย่างใจเย็นให้พายุทะเลทรายพัดผ่านไป..

     จากนาฬิกาดิจิตอลที่หน้าคอนโซลรถบอกเวลาทุ่มกว่าๆแล้ว แต่ขบวนเดินทางที่ออกจากเมืองหลวงมาตั้งแต่บ่ายสี่โมงกลับยังไปไม่ถึงไหน เดินทางแล้วหยุดกันเป็นระยะเพราะมีพายุทรายก่อตัวพัดผ่าน สีแดงของเม็ดทรายปะปนกับฝุ่นผงของดินม้วนตัวเป็นพายุหมุนทิ้งงวงลงต่ำดูคล้ายกับพายุเฮอริเคนที่เคยดูจากสารคดี แต่ก็ยังชวนเบาใจได้ว่ามันไม่มีความหนักหนาเท่า เพราะหากเป็นเออริเคนแล้วล่ะก็ มันคงสามารถพัดรถทั้งคันให้ปลิวไปได้อย่างง่ายดาย..

    คาวัลโลมองภาพภายนอกที่ยังคงมองเห็นได้จากแสงอาทิตย์ที่ยังทิ้งปลายแสงสุดท้ายเหลืออยู่ ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่แย่เท่าไหร่เพราะถ้ามันเกิดขึ้นตอนที่ไม่มีแสงอาทิตย์แล้วล่ะก็ คงจะแย่กว่านี้แน่นอน

        คนที่ไม่เคยเห็นอย่างเขาดูมันอย่างตื่นเต้นปนร้อนใจอยู่ในที กลัวว่ามันอาจจะพัดเอารถปลิวไปไหนต่อไหนมันอาจจะรุนแรงเหมือนกับเฮอริเคนแคทรินาที่ถล่มนิวส์ออร์ลีนเสียป่นปี้ แถมยังกลัวว่ามันอาจจะพัดอยุ่แบบนี้จนกระจกรถทานแรงไม่ไหว ปริแตกแล้วพัดทรายเข้ามาเต็มรถ..โอ๊ย..แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว แต่ผู้คนรอบกายนี่สิมันดูใจเย็นผิดคาด ทั้งอัลชาอ์ที่ตอนนี้นั่งมองแผนที่ในมือพลางจิบกาแฟไป ฮาซานกำลังฟังวิทยุซึ่งรายงานอะไรบางอย่างมาเป็นระยะๆ ส่วนองค์รักษ์ที่นั่งข้างๆก็กำลังเอาผ้ามาขัดกริชพกประจำตัวอย่างใจเย็น..ใจเย็นมากกก แต่ละคนใจเย็นกันจนมาเฟียอย่างเขาดูแล้วหงุดหงิดสายตา...

     " จะหันซ้ายหันขวาไปทำไม..คาวัลโล...รออีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงนั่นแหละ พายุถึงจะสงบ...อย่ากังวลไปเลย..." อัลชาอ์ออกปากบอกเมื่อหนุ่มต่างชาติข้างกายทำหน้าแตกตื่นเกินไปเสียจนน่าหัวร่อ

     " อีกสองชั่วโมง.." คาวัลโลทำตาโต พลางมองไปรอบๆรถอย่างระแวดระวัง.. " แน่ใจนะว่ารถจะไม่ถุกพัดไปน่ะ ดูสิ ทรายมันปลิวน่ากลัวออกขนาดนี้..มันจะแรงขึ้นอีกไหม แล้วมันจะ.."

     " พอๆ..." อัลชาอ์ยกมือห้ามเมื่อคนข้างกายทำท่าจะฟุ้งซ้านเกินเหตุ " มันก็แค่พายุทะเลทราย คาวัลโล..เรื่องปกติของที่นี่ มันพัดผ่านมาแล้วมันก็ไป ไม่ได้รุนแรงอะไรหรอก....เดี๋ยวถ้าเดินทางไปกลางทะเลทราย ยิ่งต้องเจออีกหลายครั้ง.."

     " หา? " คาวัลโลร้องออกมาอย่างตกใจ "มีอีกเหรอ จะมีอีกงั้นเหรอ? ทำไมมันเยอะจังล่ะ มันมีฤดูรึไง มันเป็นเทศกาลพายุอะไรรึเปล่า"

     " ...ไม่ใช่ "อัลชาอ์พยายามอธิบายอย่างใจเย็น ขณะฟังเสียงลูกน้องของเขาหัวเราะเบาๆ  " มันก็เรื่องปกติล่ะน่า..โอเคไหม...ทะเลทรายมีอากาศแปรปรวน พอลมร้อนเจอกับลมเย็นๆ มันก็จะเกิดปรากกการ์ณแบบนี้ขึ้น..ไม่มีอะไรหรอก ถ้าออกไปกลางทะเลทรายก็อยู่ในเต้นท์ ไม่ก็อยู่ในรถ แค่นั้นเอง มันทำอะไรเราไม่ได้...โอเคไหม? "

      " งั้นเหรอ" คาวัลโลกระพริบตาปริบๆ " ดูแล้วมันน่ากลัวจริง...ที่อิตาลีไม่เห็นมีแบบนี้เลย.."

      "..หึ ก็คนละพื้นที่นี่..เอ๊า....กาเเฟ...ป้องกันอาการฟุ้งซ่าน " อัลชาอ์เอ่ยพลางยื่นกาแฟให้คนข้างกาย

          คาวัลโลรับมาจิบ แต่ก็ยังเหลือบมองข้างนอกอย่างสนอกสนใจปนหวาดๆอยู่ดี เขาหันไปมองอัลชาอ์ที่ยังตั้งใจอยู่กับแผนที่ไม่เลิก แล้วชะโงกไปมองบ้าง อย่างสนอกสนใจ..

     " แผนที่อะไร? ที่ไหน? "  นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องเป๋ง ชะโงกถามอย่างสนอกสนใจ..

     " อยากรู้ไปซะทุกเรื่องเลยนะ..แผนที่แบบละเอียดของเซเนียยาไง...ที่ๆเราอยู่ คือตรงนี้ ทางหลวงหมายเลข 028 จากทัสคานี มุ่งสู่ โอเอซิสฟายุม..." อัลชาอ์ลากปลายนิ้วชี้จุดบนแผนที่แสดงรายละเอียดผืนใหญ่ ขณะที่คาวัลโลขยับเข้ามาใกล้ ชะโงกมองอย่างอยากรุ้อยากเห็น

    " เอ๋..แล้วจารเซอยู่ที่ไหน? ทำไมต้องไปพักที่โอเอซิสก่อนล่ะ " คาวัลโลออกปากถามพลางก้มมองแผนที่งงๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเรียนรู้การอ่านแผนที่ แต่ว่าแผนที่นี้มันมีแต่ภาษาอาหรับตัวยาวๆไม่มีภาษาอังกฤษกำกับอีก ดูแล้วมึนชอบกล

    " ไปแวะเติมน้ำ กับพักผ่อนก่อนสิ..แล้วจารเซ ห่างไปอีกหกสิบกว่ากิโลเมตร..มีสถานะเป็นแคว้นนึงของเซเนียยา มีความสำคัญเป็นอันดับสอง รองจากทัสคานีเมืองหลวง ผู้ครองแคว้นคือท่านชีคอาเหม็ด อัล ทาร์คาน มูซา มูอัสซิน  ขบวนของเราจะเดินทางจากเมืองหลวง ไปพักที่โอเอซิสฟายุม และเดินทางตัดผ่านทะเลทราย เพราะมันเร็วกว่าจะเดินทางเข้าไปในเมือง จุดหมายคือการไปถึงจารเซในคือพรุ่งนี้ และจะออกตรวจพื้นที่วันมะรืน.."

     อัลชาอ์อธิบายสั้นๆ พลางมองหนุ่มอิตาเลียนที่ชะโงกมามองแผนที่อย่างสนอกสนใจ คาวัลโลขยับตัวมาใกล้ ก้มมองแผนที่ด้วยท่าทีอยากรู้เกินคาด

      " แล้วที่ๆเราเจอกันคือที่ไหน? "คาวัลโลออกปากถาม มองหน้าอัลชาอ์ที่จ้องมองตนเองอยู่..

     " นั่นน่ะเหรอ..? ...อยู่ตรงนี้....." เอ่ยพลางชี้ไปยังแนวทะเลทรายในแผนที่ " มันอยู่ติดกับชายแดนของ UAE กับ โอมาน เราเรียกมันว่าพื้นที่สามเหลี่ยมชายแดน...ขบวนของผมมากจากตรงนี้....."

      " หืม? ไหนๆ...เห็นไม่ชัดน่ะ " คาวัลโลเอื้อมมือคว้าแขนหนาของคนตรงหน้าไว้ พลางเสือกกายเข้าประชิดร่างหนา ใบหน้าชะโงกเข้ามามองแผนที่อย่างสนอกสนใจ ชวนให้น่าเอ็นดูปนขบขัน..

      " ขยับตัวก่อนซิ " อัลชาอ์เอื้อมมือลูบเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มมือแล้วจับโยกศรีษะเจ้าตัวเบาๆ รู้สึกดีไม่น้อยกับท่าทีสนอกสนใจของชายหนุ่มข้างกาย ชีคหนุ่มรู้สึกสนุกสนานราวกับว่ากำลังสอนเด็กเล็กๆให้เรียนรู้เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของประเทศตน จึงมีท่าทีผ่อนคลายอย่างมาก อัลชาอ์ดันตัวคาวัลโลให้กลับไปนั่งตัวตรงอีกครั้ง เขากางแผนที่ยาววางทับหน้าตักของคนสองคนที่มาต่อกันอย่างตั้งอกตั้งใจ

      " มันเห็นไม่ชัดน่ะ.." คาวัลโลบ่น เพราะแสงจ้าของหลอดไฟในรถทำให้กระดาษของแผนที่ซึ่งส่วนใหญ่มีสีขาวและบอกรายละเอียดอย่างที่พับเก็บได้ จึงเป็นกระดาษเนื้ออ่อน มีแสงทะลุถึง เหมาะสำหรับกางไว้บนโต๊ะหรือถือดูในลักษณะตั้งฉากมากกว่าวางบนพื้นไม่ราบท่ามกลางแสงไฟเช่นนี้

      "นั่นสินะ.. "อัลชาอ์รับคำ กวาดตามองรอบๆห้องโดยสาร ก่อนจะตัดสินใจขยับตัวเอนแนบเบาะนั่งให้มากที่สุด ทำให้เหลือพื้นที่บริเวณด้านหน้าตักอีกไม่น้อย ชีคหนุ่มพับแผนที่ช้าๆวางไปด้านซ้ายมือของตนอย่างลวกๆ ก่อนจะกวักมือเรียกคนที่นั่งด้านขวามือและกำลังจ้องมองมาอย่างใจจดใจจ่อ

      " มานั่งตรงนี้..." อัลชาอ์เอ่ยพลางตบลงบนเบาะนั่งด้านหน้าเบาๆ เพราะห้องโดยสารของรถมีที่นั่งค่อนข้างกว้างขวาง ดังนั้นเมื่อลองขยับตัวดีๆจึงสามารถนั่งซ้อนกันได้

      " เห? เอางั้นเหรอ? " คาวัลโลเลิกคิ้ว ละมือที่กำแก้วกาแฟไว้พลางมองหน้าอัลชาอ์ราวกับจะหาจุดประสงค์อื่นที่หลบซ่อนในท่าทีนั้น..และเหนือกว่านั้น คือความเหมาะสมด้วยสถานะ..ของเขาและอีกฝ่าย

      ".........." อัลชาอ์ชะงักกับท่าทีของมาเฟียหนุ่ม สบมองแววตาสีน้ำทะเลที่กำลังสื่อคำถาม..ที่ทำให้เขาก็มีท่าทีนิ่งไปไม่แพ้กัน.. 
   
    " เร็วสิ.." ทว่าเพียงครู่เดียวอัลชาอ์ก็ออกปากเร่งเช่นเดิม เมื่อไม่เห็นท่าทีว่าคนชวนจะคิดมากอะไร  คาวัลโลจึงวางแก้วกาแฟลงบนที่วางด้านหลัง แล้วขยับตัวลุกขึ้น พลางเสือกตัวเข้าไปนั่งซ้อนด้านหน้าที่นั่งของอัลชาอ์อย่างรวดเร็ว

             น่าเจ็บใจนิดๆที่ความสูงและที่นั่งมันช่างพอเหมาะพอเจาะกับตัวเขาอย่างมาก ด้านหลังเป็นร่างสูงใหญ่ของอัลชาอ์ที่มีท่าทีผ่อนคลาย ขาทั้งสองข้างเหยียดยาวคู่กันกันท่อนขาของเขาที่วางซ้อนอยู่ ขนาดความสูงของร่างกายที่ไม่สูงใหญ่จนบังสายตา เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ของอีกฝ่ายวางอยู่เทียบแนวบ่า ทำให้สามารถแทรกใบหน้าลงได้ข้างๆทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าคาวัลโลนั่งซ้อนตักอัลชาอ์อย่างสมบูรณ์แบบเสียแล้ว ที่น่าเจ็บใจกว่าคือสามารถนั่งได้แบบเหมาะเจาะพอดีเสียด้วย..

        คาวัลโลบ่นในใจงึมงัมแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ยิ่งอีกฝ่ายขยับมือ กางแผนที่มาวางตรงหน้าซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั้งคนอยากรู้และคนอธิบายแล้ว ความสนใจเรื่องท่านั่งอันไม่ปกติก็หมดไปอย่างสิ้นเชิง นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองตามปลายนิ้วยาวซึ่งชี้บอกจุดต่างๆบนแผนที่ตามอย่างที่เขาสนใจอย่างเพลิดเพลิน การเรียนรู้เรื่องราวของประเทศอื่น ภูมิอากาศ สภาพพื้นที่ การกินอยู่หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันเป็นเสมือนการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้ตนเอง  และกับประเทศที่เขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่อย่างน้อยก็สามเดือนจะไม่รู้ไปเสียบ้างก็กระไรอยู่..

       เสียงพูดคุยเบาๆของเจ้านายและคนรักดังมาถึงบริเวณที่นั่งคนขับ ต่อให้ไม่หันไปดูกระจกมองหลังก็สะท้อนภาพ ชีคหนุ่มกำลังตั้งอกตั้งใจพุดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของประเทศตนผ่านทางแผนที่ด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลายแปลกตา และร่างของหนุ่มคนรักชาวอิตาเลียนที่นั่งซ้อนตักของอัลชาอ์กำลังก้มหน้าก้มตามองและฟังเรื่องราวต่างๆอย่างสนอกสนใจ...บางครั้งก็หันมาถามและยิ้มให้กันอย่างเผลอไผลบ้าง มันช่างเป็นภาพที่ชวนปลาบปลื้มและหนักใจไปในคราวเดียวกัน

  ดีใจที่มีคนสนอกสนใจในวัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนเรื่องราวของประเทศตน

  ดีใจที่ ชีค อัลชาอ์มีท่าทีผ่อนคลายและมีความสุขแบบที่เห็นได้ยาก

     ฮาซานเอื้อมมือหรี่เสียงวิทยุให้เบาลงช้าๆ ขณะที่หันมองสบตากับเพื่อนองค์รักษ์ข้างกาย นัยน์ตาของอีกคนก็มองมาทางเขาและสบกันอย่างเงียบๆด้วยความนัยน์ที่รู้กันดี ผ่านเสียงพุดคุยและเสียงเจื้อยแจ้วของคนสองคนด้านหลัง..

  .....ฮาซานเหลือบมองใบหน้าเริงร่าของหนุ่มต่างชาติในอ้อมแขนของชีค นึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายเคยมอบให้กับตนแล้วลอบถอนใจ..อยากรู้นัก ที่บอกว่าจะจากไปในที่สุดแล้ว เจ้าตัวจะทำได้จริงๆหรือ...

...จะละทิ้ง..ความสุขขนาดนี้ไปได้ลงคอจริงๆหรืออย่างไร?

.....................................................


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
    สองชั่วโมงให้หลัง ขบวนรถจึงสามารถเดินทางต่อไปได้ คาวัลโลนอนเอนตัวลงบนเบาะอย่างเบื่อหน่าย นั่งไปเกือบสองชั่วโมงใครก็ต้องเบื่อเป็นธรรมดา ศึกษาแผนที่โน่นนี่จากอัลชาอ์มาจนปรุแล้วคราวนี้เขาเลยกลับมานอนกลิ้งบนเบาะรถ จิบกาแฟไป ทานขนมปังรองท้องไปพลางๆ เสียแต่จะวางศีรษะไปเลยก็ไม่ได้ เพราะรถเริ่มขับเข้าพื้นที่แถบทะเลทราย จึงเริ่มขโยกเขยกตามสภาพพื้นที่

    หลังจากกาแฟเกือบจะกระฉอกใส่เป็นรอบที่สามคาวัลโลจึงล้มเลิกความคิดจะนอนกิน ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเบาะรถอีกครั้งเมื่อใช้สายตามองออกไปนอกรถ ก็พบว่าทะเลทรายยามกลางคืนดูสวยงามลึกลับ น่าค้นหา มีสเน่ห์พอๆกับตอนกลางวันเลยทีเดียว เขากวาดสายตามองทิวทัศน์ภายนอกที่มีภาพเนินทรายสีดำสลับสูงๆต่ำๆดูน่าเวียนหัวชอบกล ก่อนจะมองไปยังคอนโซลรถ ที่ยังคงมีเสียงวิทยุดังเล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่อง มองเห็นแสงไฟหน้ารถสาดปะทะกับฝุ่นทรายที่ยังคงปลิวคละคลุ้งภายนอก ฮาซานเปลี่ยนกับองค์รักษ์ที่นั่งข้างกายให้เจ้านั่นขับแทนแล้ว ส่วนเจ้าตัวกำลังก้มมองแผนที่สลับกับเข็มทิศในมืออย่างไม่วางตา

     " เดินทางในทะเลทรายนี้ลำบากน่าดู..." คาวัลโลเปรยพลางมองอัลชาอ์ที่นั่งอยู่ข้างกาย "นั่นเครื่องมือดูทิศทาง ที่จะเดินทางไปงั้นเหรอ?"

      "ใช่..เพราะไม่ได้เดินทางไปตามเมือง เลยต้องอาศัยความระมัดระวังกว่าปกติมากน่ะ..."อัลชาอ์ตอบก่อนจะหรี่ตาเมื่อมองเห็นคนข้างกายหาวหวอด "ถ้าง่วง...จะนอนอีกมั้ยล่ะ...? "

         คาวัลโลฟังแล้วนิ่วหน้าเมื่อถูกล้อเลียน หลังจากนั่งเป็นลูกศิษย์ให้อัลชาอ์สอนเรื่องเมือง รึพื้นที่ประเทศต่างๆนาๆแล้ว รอตั้งนานสองนานพายุก็ยังพัดอยู่ดี..ไม่อยากจะยอมรับเลยว่านั่งพิงอกอัลชาอ์แล้วอุ่นเป็นบ้าไปๆมาๆเลยเอนตัวนอนซะเต็มเหนี่ยวเผลอหลับไปวูบหนึ่งหน้าตาเฉย..พอถูกปลุกเพราะรถจะเดินทางต่อเลยถูกล้อไม่เลิกว่าขี้เซานักหนา

   ไม่อยากจะพูดให้ได้ใจว่าเพราะได้พิงตัวหนาๆของท่านชีคเลยหลับง่าย เพราะมันน่าเจ็บใจเสียจริงๆ

       อีกชั่วโมงกว่า รถก็มาถึงบริเวณโอเอซิสที่วางแผนไว้ว่าจะพัก คาวัลโลมองนาฬิกาที่บอกเวลาสามทุ่มกว่า ก่อนจะมองออกไปยังโอเอซิสด้านนอกที่มีต้นไม้ยืนเงาตะคุ่มอยู่ประปราย เขามองเห็นพวกทหารเดินออกไปสำรวจพื้นที่สักพักก่อนจะพากันลงจากรถและเตรียมตั้งเต้นท์พัก ฮาซานและองค์รักษ์อีกรายขอตัวลงจากรถไปเงียบๆทิ้งให้เขาและอัลชาอ์นั่งอยู่ในรถ

     คาวัลโลมองบรรยากาศด้านนอกด้วยความตื่นเต้น อยากจะลงไปจะแย่แล้ว แต่ท่านชีคข้างๆนี่สิยังเอาแต่อ่านหนังสือเงียบๆอยู่แบบเดิม เขาหันไปมองอัลชาอ์ที่ยังเงียบก่อนจะออกปาก

        " จะออกไปล่ะนะ "

       " อย่าเพิ่ง..รอทหารจัดการเต้นท์เสร็จก่อน.." อัลชาอ์ปรามสั้นๆ

       " ทำไมล่ะ? ออกไปรอไง ไม่ได้เหรอ" ออกปากถามพลางมองออกไปนอกรถด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

       "  ไม่ได้ แถวนี้เป็นแหล่งน้ำ อาจจจะมีพวกงูหรือสัตว์กลางคืนออกมาเพ่นพ่าน ไปเดินสุ่มสี่สุ่มห้าโดนกัดเข้าจะแย่..ไม่ได้เอาหมอมาด้วยนะ.." ถึงความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายจะชวนขันปนเอ็นดู ทว่าก็ต้องออกปากห้ามไว้ก่อน อัลชาอ์มองเห็นท่าทางขัดใจราวกับเด็กเล็กแล้วก็ส่ายหัวช้าๆ อย่างขบขัน

        " ขากลับ...ถ้าว่างอาจจะพาไปดูดาว.."

        " เอ๋?  จริงนะ " ถึงการดูดาวมันจะเป็นกิจกรรมที่ออกจะหวานแหววไปหน่อย แต่การได้ดูดาวท่ามกลางทะเลทรายแบบนี้ต้องมีอะไรน่าสนใจแน่ๆ

       " ถ้าหากว่าง...บางทีมีงานด่วน อาจจะต้องกลับเลย..."อัลชาอ์ทำเสียงเคร่งปรามออกมาสั้นๆเมื่อเห็นท่าทีเริงร่าเกินพิกัดของเจ้าตัวป่วน

       " หึหึ..ว่างสิ..." ท่าทีหมายมาดกับคำพูดนั่นทำเอาคนฟังชะงัก " ต้องว่างสิครับ.."

      "........." ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า อัลชาอ์ถึงได้มีลางสังหรณ์ว่าเจ้าตัวอาจจะพยายามทำอะไรบางอย่างกับคาราวานเดินทางของเขาเพื่อให้ตัวเองได้ออกมาดูดาวตามที่ต้องการจนได้...

      " คาวัลโล" น้ำเสียงเนิบช้า เปรยออกมาเบาๆ

      "หืม? " มาเฟียหนุ่มหันมามองตาใส

     " อย่าสนุกให้มากนักนะ.."

             เหมือนกับพูดไปก็เท่านั้น เพราะคาวัลโลยังคงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา และหันไปมองด้านนอกด้วยท่าทีรื่นเริงต่อไป...

...บางที อาจจะคิดผิดแต่แรกแล้ว ที่เอาเจ้าตัวมาด้วย... อัลชาอ์ลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา..

..............................................

   เสียงเม็ดทรายปลิวเปะปะกระทบกับเต้นท์ทำให้คาวัลโลถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย การมานอนกลางทะเลทรายนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยทำก็จริง แต่ถึงอย่างนั้น การมาแล้วถูกพายุทะเลทรายพัดกระหน่ำใส่สองสามรอบนี่ก็ชักจะทำให้เขาสงสัยแล้ว ว่าทะเลทรายหรือไอ้ประเทศนี้เนี่ย มันยินดีต้องรับเขาอยู่รึเปล่า  ออกมาก็เจอพายุทะเลทรายในรถไปทีล่ะ แถมพอมาพักกลับเจอพัดถล่มมาอีกระลอก น่าเบื่อจริงๆ

    กลอกตาขึ้นมองเหนือศรีษะที่เห็นเพียงสีน้ำตาลเข้มแสนคุ้นตาของเต้นท์หนังสัตว์ที่กันฝนกันลมและกัน"พายุ"ได้อย่างดียิ่ง เงาในเต้นวูบไหวไปมาเนื่องจากตะเกียงใหญ่ที่จุดอยู่เอนไหวไปมาเพราะแรงปะทะของผืนเต้นท์กับเม็ดทรายเบื้องนอก ที่นี่เป็นเพียงโอเอซิสเล็กๆ ไม่มีคนอาศัย มีเพียงพืชพรรณต้นไม้ขึ้นอยู่ประปราย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีไฟฟ้าใช้ อัลชาอ์บอกว่าปกติพวกเขาจะ"ปั่นไฟ"ใช่ด้วยเครื่องรถยนต์ แต่มันก็ไม่เป็นเรองจำเป็นอะไรนักหนาในตอนนี้ อีกทั้งสภาพอากาศก็ไม่เอื้อต่อการทำแบบนั้นอีก ดังนั้นคืนนี้ท่านชีคที่ปกติทานข่าวเสร็จแล้วจะยุ่งอยู่กับการทำงานง่วน จึงว่างงานชั่วคราว..

     คาวัลโลนอนกลิ้งอยู่กับม้ายาวแบบพับได้ที่พกพามาด้วยอย่างสบายอารมณ์ มองเห็นอัลชาอ์กำลังก้มหน้าก้มตาปูที่นอนก็เลิกคิ้ว ออกปากถาม

      " จะนอน...แบบนั้นเหรอ? "ถามเมื่อเห็นว่ากำลังปุผ้าลงบนพื้นที่มีพรมผืนใหญ่ปูรองไว้หลายชั้น มันก็ดูนุ่มๆน่านอนอยู่หรอก แต่ที่น่าสงสัย คือทำไมอัลชาอ์ถึงได้มาก้มหน้าก้มตาปูที่นอนอยู่คนเดียว พวกองค์รักษ์หรือพวกทหารทั้งหลาย ทำไมไม่มาทำแทนล่ะ

       " ทำไมล่ะ? "อัลชาอ์ถามกลับเรียบๆ มองหน้าคนพูด

       " ก็ไม่อะไร แค่แปลกใจ เพราะเคยเห็นแต่คนอื่นทำ เลยไม่คิดว่าคุณจะทำเป็น "คาวัลโลตอบกลับ

       " เป็นสิ ถ้าเอาแต่พึ่งคนอื่น ไม่ลองทำดู จะรู้ได้ยังไงว่างานนั้นมันลำบากแค่ไหน "คำตอบนั้นทำให้คนฟังพยักหน้ารับหงึกๆ และคาวัลโลมองชีคหนุ่มด้วยแววตาเริ่มจะนับถือ..

       " นั่นสินะ...ปกติผมก็แค่สั่งพวกลูกน้องไปทำงาน..แบบว่า จัดการนั่นโน่นนี่ ไปฆ่าไอ้คนนั้นที สั่งสอนไอ้พวกนี้หน่อย..ไม่ค่อยลองทำเองเหมือนกัน พอได้ทำ ถึงรู้ว่ามันสนุกกว่าที่คิด..." รอยยิ้มบางๆทาบบนมุมปากของคนพูด อัลชาอ์ส่ายหัวช้าๆ ด้วยไม่ได้ต้องการจะฟังประสบการ์ณแบบนี้จากคนพูดสักเท่าไหร่..

      " เรื่องแบบนั้นผมไม่ค่อยสนับสนุนหรอก " อัลชาอ์ตอบสั้นๆด้วยสีหน้าเอือมระอา

      " ฮ่าๆ รู้หรอก..ก็คุณเป็นผู้นำประเทศนี่ ถึงจะทำเรื่องดีบ้าง..ไม่ดีนิดๆบ้าง..แต่ก็ไม่ได้เป็นมาเฟีย ไม่ได้ทำงานนอกกฏหมายแบบผม.."คาวัลโลหัวเราะหึหึกล่าวเสียงใส "ฟังคุณเล่าเรื่องประเทศของตัวเองมาเยอะแล้ว อยากรู้บ้างไหม? ว่า"มาเฟีย"ที่พวกคุณรู้จักกัน กับของจริงๆน่ะ มันเป็นยังไง.."

      "ของจริงก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่....ไม่ใช่รึไง ?" อัลชาอ์เลิกคิ้ว มองหน้าคนพูด..

      " แล้วไม่อยากรู้เรื่องอื่นๆบ้างเหรอ? อย่างน้อยก็...เรื่องพวกมาเฟียในอิตาลี ที่คุณคิดจะค้าขายด้วยน่ะ "คาวัลโลยิ้ม ยักคิ้วยั่ว..

      " มีอะไรแลกเปลี่ยนอีกล่ะ ? " อัลชาอ์ถามทันทีอย่างรู้ทัน ทำให้มาเฟียหนุ่มที่กำลังเสนอตัวแฉเรื่องราวความเป็นไปของตนเองถึงกับหัวเราะก๊าก คาวัลโลกลิ้งตัวลงมาจากม้ายาวที่นอนอยู่นั่งยองๆเบื้องหน้าชีคหนุ่มที่กำลังปูที่นอนเสร็จเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มกว้าง..

       " ให้ผมนอนด้วยคนสิ.."

       อัลชาอ์มองหน้าเจ้าตัวที่ยังคงยิ้มให้แบบอ้อนๆแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

        " คนไม่ทำงาน  มีสิทธิจะขอความสบายด้วยเหรอ? "

        " แหม...ก็ไม่บอกผมนี่นา...ทึ้งของพวกนี้ออกอีกรอบสิ เดี๋ยวผมช่วยเต็มที่เลยเอ๊า.." ว่าพลางเอื้อมมือจะถลกที่นอนซึ่งจัดเรียบร้อยด้วยจริงๆ อัลชาอ์ส่ายหัว ตีมือคนทำแรงๆให้ละมืออก

        " ..ทำอะไรให้ยุ่งยากอีกทำไม..และอีกอย่างเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่จิตสำนึก เมื่อไม่ลงมือทำก็ไม่มีสิทธิเก็บผลของมันนะ..."

        " ผมเลยกะตอบแทนด้วยการเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังไง..นี่ความลับนะ เรื่องใหญ่นะ ฟังจากตัวจริงน่ะไม่ดีเลยเหรอ !! " ฟังเจ้าตัวพูดแล้วเหมือนพวกโฆษณาชวนเชื่อเข้าไปทุกที ชีคหนุ่มยิ้มมุมปากเงี่ยหูฟังมาเฟียของจริงตรงหน้ากำลังอ้าปากสาธยายความลับอันยิ่งใหญ่ที่จะเล่าให้เขาฟังเพื่อ"ที่นอนคืนเดียว"อย่างขบขัน

         " ออกปากบอกความลับง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน? "เลิกคิ้วถามเจ้าคนที่กำลังพล่ามสรรพคุณของความลับอันยิ่งใหญ่ที่ว่าไปเรื่อย ทำให้เจ้าตัวชะงัก คาวัลโลหันมามองหน้าคนถาม พยักหน้าหงึกๆ

         " ...มันเป็นความลับ แต่ไม่ได้โดนห้ามบอกต่อ ไอ้คำว่า"ความลับ"น่ะ มันต้องมีคนรู้มากกว่าหนึ่งคนอยู่แล้ว.." คาวัลโลยักไหล่" เป็นแค่ข้อมูลทื่ห้ามบอกใครมั่วซั่วเท่านั้นเอง...คุณก็ไม่ใช่พวกทั่วไปนี่ถึงจะบอกไม่ได้..แล้วผมก็คงไม่พล่ามอะไรที่ทำให้ครอบครัวผมล่มจมหรอก.."

         " แล้วนั่นยังเรียกว่ามีความสำคัญอยู่อีกเหรอ? " อัลชาอ์เลิกคิ้วถาม

        " ก็แล้วแต่จะคิด..เพราะเรื่องบางเรื่องที่ไม่สำคัญกับคนอีกพวหหนึ่ง อาจจะสำคัญมากๆสำหรับคนอีกกลุ่มก็ได้.."คาวัลโลทิ้งตัวนั่งลงบนผืนพรม ขณะที่เงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงเม็ดทรายซัดลงกับเต้นท์ดังลั่นขึ้นพร้อมกับผืนหนังที่สั่นกึกๆเหมือนจะปลิวไปไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง ทำเอาเขาต้องหรี่ตาอย่างเครียดๆ

       " นี่..อัลชาอ์  ให้ผมได้นอนทีเถอะ ก่อนจะประสาทกับพายุข้างนอกมากกว่านี้ น่ากลัวเป็นบ้าสิน่า..." คาวัลโลบ่นงึม หันไปมองหน้าชีคหนุ่มที่ทิ้งตัวลงกับที่นอนแล้ว  มองพื้นที่ซึ่งเหลืออยู่พอสมควรแล้วรีบแทรกตัวลงนอนข้างๆทันที

       " เฮ้..ใครอนุญาตน่ะ หือ? " เสียงถามของบคนข้างกายทำให้คนฟังหน้ามุ่ย คาวัลโลแบะปาก หันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าคมสันที่อยู่ห่างจากใบหน้าตนไม่มากนัก

       " อย่ามางกน่า  นอนด้วยกันมาเป็นอาทิตย์แล้วอย่ามาทำหวงเนื้อหวงตัว..เดี๋ยวก็ไม่เล่าให้ฟังหรอก.." ว่าพลางขยับศรีษะกระแทกกับไหล่หนาเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อ

           เบิกตามองผืนหนังสีเข้มที่อยู่ด้านบนในกระโจมพักขนาดกลาง มันกำลังสะบัดเป็นริ้วระลอกด้วยสายลมและเม็ดทรายที่สาดปะทะ เสียงของทรายกระทบผืนหนังฟังไปก็เหมือนสายฝน แต่ถ้าเปรียบเป็นฝน มันคงเป็นฝนที่เจ็บสุดๆเป็นแน่..

 กระโจมนี้มีเพียงพรมขนาดใหญ่วางลวกๆด้วยฝีมือพวกทหาร เพราะอย่างที่แม่สาวๆบอกว่าชีคไปไหนไม่ชอบพกพวกเธอไปด้วย เรื่องที่นอนอะไรเลยต้องพกพามาเองจัดการเอง จะหาความงดงามเป็นระเบียบในการพักแค่คืนเดียวคงหาได้ยากเต็มที แต่กระนั้นอัลชาอ์ก็ยังอุตส่าห์ลากเอาเจ้าม้านอนตัวโปรดมาให้เขานอนกลิ้งจนได้ ในเต้นท์ก็มีพวกเขาแค่สองคน พวกทหารไม่ออกมายุ่มย่ามแน่เพราะพายุทะเลทรายที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่นี่ นั่นเป็นสาเหตุที่อัลชาอ์ต้องปูที่นอนเองสิน่ะ..

         " ไหนบอกจะเล่า..." เสียงเข้มๆดังขึ้นทำให้คนคิดเพลินๆชะงัก คาวัลโลเงยหน้ามองหน้าคนพูดด้วยหน้าตาเหรอหรา

        " อ้าว? จะฟังด้วยเหรอ เห็นบ่นๆเลยนึกว่าไม่อยากรู้ " เพราะคิดว่าอัลชาอ์อาจจะมีเรื่องปวดสมองมากพอแล้ว คงไม่อยากได้เรื่องของพวกขบวนการใต้ดินประดับสมองให้ยุ่งยากอีกหรอก

        " ก็....แค่คิดว่ารู้ไว้บ้างก็คงดี " คำแก้ตัวถูกตอบออกมาช้ากว่าปกติ ทำให้คาวัลโลนึกงงอีกรอบ แต่เขาก็ทำไม่สนใจมันไปเสีย

        " อยากรู้อะไรล่ะ "

         " อะไรก็ตามที่อยากเล่า " อัลชาอ์ตอบสั้นๆ

        " หืมมมมม..เอาที่มันเป็นประโยชน์กับคุณสิ อยากรู้เรื่องพวกแกงค์ที่คุณอยากไปติดต่อซื้อขายหลังจากผมลาไปยมโลกมั้ยล่ะ " คาวัลโลว่าพลางหัวเราะเบาๆ " เอาจริงๆนา...จะว่าหลงตัวเองมั้ยล่ะแต่เห็นแบบนี้แกงค์ของผมก็อยู่ในเกณฑ์ทำตัวดี ไม่ค่อยมีปัญหาให้รัฐบาลปวดหัวล่ะนะ.."

       " แน่ใจเหรอ? " อัลชาอ์ถามกลับสั้นๆ เพราะเห็นว่าถ้ามีบอสแบบนี้อาจจะอยู่ในเกณฑ์"สร้างปัญหา"มากกว่าทำตัวดีด้วยซ้ำ..

       " ก็คุณเคยเจอแต่ผมนี่..จะไปว่าอะไรได้ ลองเจอพวกตาเฒ่างี่เง่าทำตัวทุเรศก่อนเถอะค่อยพูด.." คาวัลโลแบะปากทำเสียงขึ้นจมูกอย่างล้อเลียน " ไอ้พวกนั้นน่ะนะ เหอะ!!  ต่อหน้ากล้องล่ะทำเป็นใจบุญ  ลับหลังล่ะสารพัดเรื่อง เคยได้ยยินชื่อ "เซเคนี" มั้ยล่ะ พวกนั้นน่ะ...ศัตรูอันดับหนึ่งของผมเลยนะ.."

        " เซเคนี....คิดว่าเคยได้ยิน...ผ่านๆล่ะมั้ง.." อัลชาอ์รับคำสั้นๆ ขณะที่คิ้วขมวดมุ่น ไม่บอกเจ้าคนที่กำลังพูดว่าเซเคนี คือเเกงค์ที่เขาคิดว่าอาจจะไปติดต่อซื้อขายด้วยหากเสียความสัมพันธ์กับตระกูลวาลกัสไป

       "....พวกเซเคนีมันแมงดา หากินกับผู้หญิง " คาวัลโลเหยียดยิ้มออกมาอย่างเยาะหยัน " พวกนี้คุมเส้นทางค้ายา ค้าอาวุธแถบเอเชียตะวันออก.....ที่น่ารังเกียจที่สุดคือเอาผู้หญิงของประเทศแถบนั้นมาหากิน..โกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ไอ้แก่เซลโซนี่มีแต่คนรังเกียจ..แค่ทำอะไรไม่ได้เท่านั้นล่ะ มันถึงยังรอด....แต่คอยดูเถอะ สักวันมันต้องถูกกระทืบให้จมดิน.."

      " นั่นพูดด้วยอคติของตัวเองล้วนๆรึเปล่า? "อัลชาอ์ถามสั้นๆ

     "  จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แต่เรื่องเกลียดมันล่ะใช่แน่...พวกแมงดา หากินกับเพศแม่ตัวเอง ไม่เคยให้เกียรติผู้หญิง.." คาวัลโลร้องฮึออกมาเบาๆ " คุณอาจจะคิดว่าทำไมผมรังเกียจเรื่องนี้ ทั้งที่พวกเรามันก็ทำเรื่องชั่วมาตั้งมาก แต่ยังไงๆ ที่ไม่คิดจะทำคือซ่อง..ลูกผู้ชายชาวอิตาเลียนต้องให้เกียรติผู้หญิง..ไม่ทำร้ายทุบตี ต้องดูแลเธอ อย่าหมิ่นเกียรติของเธอ ต้องปฏิบัตต่อเธออย่างดี....ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ไอ้พวกเซเคนีมันทำ.."

      "...ส่วนพวกต่อมาคือพวกกราดอนกับเรกาโซ่.....พวกนี้คุมเรื่องสหภาพในประเทศ...พวกคนขับรถ สหภาพแรงงาน  และสนามแข่งม้า บ่อนส่วนใหญ่ และโรงเหล้า ก็ของพวกนี้ กราดอนไม่จับเรื่องยาเสพติดเลย...ส่วนเรกาโซ่ก็พวกเฮโรอีนหรือผงขาว...สองแกงค์นี้มีความเกี่ยวพันกันอยู่...ถ้าอยู่แกงค์เดียวไม่น่ากลัว แต่ถ้ารวมกันได้..ก็อาจจะ....." นัยน์ตาคนพูดหรี่ลงช้าๆ ก่อนจะระบายยิ้มอันไม่น่าไว้ใจตรงมุมปาก " ซึ่งเป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้..."

     " หือ? " อัลชาอ์ถามกลับเบาๆ หลังจากเงียบฟังไปพัก

     "   พวกกราดอนซวยไปหน่อย รุ่นนี้มีทายาทคนเดียวและยังเป็นผู้หญิง....เลยจะให้แต่งกับคนของเรกาโซ่..คิดจะรวมแกงค์ล่ะมั้ง.." คาวัลโลตอบ " แต่ว่า...มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ..."

     "...ทำไม? " อัลชาอ์เลิกคิ้ว ถามกลับอย่างเริ่มจะสนใจ

     " ความลับ " คาวัลโลสวนขวับแล้วหัวเราะร่วน หยุดประเด็นสนทนาไว้เพียงแค่นั้น ทำเอาคนฟังชะงักค้าง พร้อมๆกับฝ่ามือที่ขยี้ลงไปบนกลุ่มผมของเจ้าตัวแรงๆทันควัน

     "......ถ้าคิดจะมาเล่าแค่นี้ล่ะก็.."

    " เปล่าซะหน่อย..ฟังเรื่องของพวกผมไม่ดีกว่ารึไง เพราะยังไงตอนนี้เราก็ยังเป็นพันธมิตรกันอยู่นี่.." คาวัลโลว่า ส่วนคิ้วคนฟังขมวดเข้าหากันช้าๆ ตอนนี้...ยังเป็น แสดงว่าอนาคตอาจจะไม่สินะ..

    "...ตระกูลผมมาจากซิซิลี.. เป็นคนรุ่นแรกๆที่มาตั้งรกรากอยู่ที่โรมา เพราะเราถูกดอนที่นั่นขับไล่ "

    " โรมา? ดอน? " อัลชาอ์ออกปากถามกับศัพท์ที่ไม่คุ้นหู

     " โรมไง...กรุงโรมในภาษาอิตาเลียน เรียกว่า โรมา อย่างเนเปิ้ลส์ก็นาโปลี เวนิส ก็เวนิเซีย..ฟลอเร้นซ์ก็  ฟีเรนเซ่ ส่วนมิลานก็ มิลาโน่ .." คาวัลโลแล็คเชอร์ภาษาอิตาเลียนสั้นๆให้เจ้าตัวฟัง "ส่วนดอน..คือคำเรียกของคนที่มีอำนาจ "

     "  บรรพบุรุษของผมออกจากซิซิลีตอนก่อนสงครามโลกครั้งแรก เราอยู่เงียบๆแบบนั้น จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองเกิด...พอมุสโลลินีเรืองอำนาจเราก็มีกำลังตามไปด้วย..แต่เราต่างกับมุสโสลินีตรงที่เราทุ่มเทให้กับเศรษฐกิจ ทำธุรกิจกับสงคราม แต่ไม่ได้ลงไปเล่นกับมันเต็มตัว " คาวัลโลบอก พลางขยับตัวเปลี่ยนท่านิดหน่อยอย่างไม่สบายตัว สุดท้ายจึงเห็นช่องทางในการเอาศรีษะตัวเองพาดลงบนท่อนแขนของชีคหนุ่มซึ่งเขาก็ทำมันทันควัน " ... จนถึงตอนนี้..ตระกูลผมแบ่งเป็นสองสาย...หนึ่งคือพวกที่ยินดีอยู่กับสังคมมืดแบบเต็มตัว และสอง..สำหรับคนที่ไม่ต้องการแปดเปื้อน...ลุงผมรับช่วงดูแลแกงค์ต่อ ส่วนพ่อผมดูแลธุรกิจของเรา ทั้งบริษัทลงทุนข้ามชาติ บริษัทสินเชื่อ เงินกู้ต่างๆ รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ... และลุงผม ทำงานของแกงค์ เรื่องการค้าอาวุธ...ค้าของเถื่อน ...บ่อนพนันถูกกฏหมาย และ ยาเสพติด..."

     " เรื่องยา...ผลประโยชน์สูง..รายได้มาก ต่อให้เราไม่ทำ คนอื่นก็ทำอยู่ดี  เพราะฉะนั้นแทนที่จะมองมันเฉยๆ สู้กระโจนลงไปจับตาดูและควบคุมมันด้วยดีกว่า..นั่นเป็นความคิดของลุงผมน่ะ จะว่าถูกมันก็ใช่ เพราะอย่างน้อย เราก็ไม่เคยขายให้เด็ก ผู้หญิง และไม่อนุญาติให้ก่ออาญชากรรมใดในพื้นที่ของเราทั้งสิ้น.."

      "..และเรื่องตำแหน่ง ลุงผมไม่มีลูก แต่งงานมาหลายปีแล้วก็เถอะ...มาเฟียเรามีกฏที่ต้องอ่อนโยนและให้เกียรติแก่ภรรยา...แม้ว่าเธอจะมีลูกไม่ได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องหย่าร้าง ลุงผมเลยคิดว่าจะเอาทายาทจากฝั่งพ่อผมนี่ล่ะ ตอนแรกหมายตัวพี่ชายผมไว้นะ คนโตน่ะ....คุณเคยเห็นนี่ ไอ้บ้าที่นั่งดินเนอร์กันไง..."

      พูดถึงเรื่องนี้แล้วชักจะหงุดหงิดนิดหน่อย ยิ่งฟังเสียงหัวเราะของอัลชาอ์แล้วคาวัลโลจึงหน้ามุ่ย เอาหัวกระแทกคางของฝ่ายนั้นไปเสียทีหนึ่ง..

        "..แต่เขาไม่ทำ.. เขาไม่ยอมเป็นมาเฟีย ...ไม่มีทางเลยไม่ว่าจะทำยังไง.." คาวัลโลหรี่ตาลงน้อยๆ " จะว่าไปแล้วนี่เป็นเรื่องนึงที่ผมไม่เข้าใจนะ...เพราะเขาคิดว่าคนที่รักสำคัญกว่าทุกอย่าง..เลยไม่ยอมเป็นบอส..."

       " ทำไมหรือ?...คนที่รักคนนั้น..ไม่ยอมรับรึไง?" อัลชาอ์ออกปากถาม

      " เปล่า...จะว่าไปแล้ว พวกเราต่างหากที่ไม่ยอมรับ.." คาวัลโลบอก เขาพลิกตัวหันหลังให้ชีคหนุ่มแล้วบ่นงึมงัม "นี่เป็นความลับสำคัญเลยนะ เรื่องใหญ่ด้วย ผมไม่อยากจะบอกใครเลยจริงๆ..แต่เพราะเห็นว่าคุณคงรู้บ้างหรอก..ไม่สิ เดี๋ยวก็คงรู้อยู่ดี.."

       " อะไรเหรอ?"  อัลชาอ์ตะแคงตัวตามบ้าง ก้มหน้าลงถามเจ้าตัวในระยะประชิด

      " พี่ผมชอบผู้ชาย.. "คาวัลโลงึมงัมบอกสั้นๆ " แถมคนๆนั้น...ยังเป็นพี่ชายผมด้วย..."

      " หือ? "เหมือนว่าคำตอบนั้นจะทำให้งวยงงอยู่ไม่น้อย อัลชาอ์จึงเลิกคิ้ว ถามกลับ..พร้อมกับก้มมองใบหน้าด้านข้างของคนพูด จากแสงไฟที่สาดลงมองเห็นลำคอขาวและใบหูที่มีเส้นผมสีเข้มปรกชัดเจน รวมทั้งผิวแก้มใสซึ่งกระทบกับแสงไฟทิ้งเงาลงตามรูปหน้า..

        " ...ก็........" เหมือนคาวัลโลจะลังเลไม่น้อย จึงหันมามองหน้าคนที่เขาจะบอกอย่างไม่แน่ใจ ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กๆเมื่อพบว่าใบหน้านั้นโน้มเข้ามาใกล้กว่าที่คิด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันน้อยๆลากปลายฟันขบลงด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก " ห้ามหัวเราะเยาะนะ "

      " อืม.."

      " ห้ามทำท่ารังเกียจ สะอิดสะเอียนด้วย"

      " มันเป็นเรื่องที่น่าอายขนาดนั้นเลยรึไง?" อัลชาอ์ขมวดคิ้วเมื่อท่าทีของเจ้าตัวดูจะกระวนกระวายผิดปกติ

      " ไม่รู้สิ...สำหรับผมน่ะ ยังไงก็ได้...แต่คนอื่นนี่สิ.." คาวัลโลบอกงึมงัม " ก็....พี่ผม...รักกับฝาแฝดตัวเอง.."

      "..............." เหมือนว่าอัลชาอ์ฟังแล้จะชะงัก..นิ่งไปกับคำตอบนั้น แต่นั่นก้ทำให้เขาได้รู้ว่าในภาพที่ได้มาครั้งก่อน ท่าทีของชายหนุ่มสองคนที่ไปดินเนอร์กันในคืนนั้นหมายความว่าอย่างไร

       "...เงียบไปเลยล่ะสิ.." คาวัลโลมองท่าทางนั้นก่อนจะถอนใจเบาๆ เอาใบหน้าแนบลงกับท่อนแขนของชีคหนุ่มโดยไม่รู้ตัว " ...นั่นมันร้ายแรงกว่าคำว่า"ชอบผูชาย"อีกนะ.. แค่ชอบผู้ชาย พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่อาจจะอวยพรให้แล้ว ยังรักกับฝาแฝดตัวเอง..สายเลือดเดียวกันอีก....แม่ผมรู้เรื่องแล้วแทบใจสลาย...เหมือนกับว่าบาป...ที่เราเคยทำ เคยก่อกับคนอื่นมา มันไม่เคยได้รับการอภัยจากพระเจ้า...สุดท้ายมันก็วนเวียน กลับมาหาครอบครัวของเราในรูปแบบนี้..."

       "....ในสายตาคุณ นั่นมันผิดบาปมากนักหรือ ? " อัลชาอ์ออกปากถาม

      " แล้วคุณล่ะ " ใบหน้าที่ซุกอยู่กับท่อนแขนหนาหันมามอง

      "...พระอัลเลาะห์...ไม่อนุญาติให้สาวกของพระองค์ มีความรักที่ไร้ประโยชน์ รัก..ที่ไม่สามารถสืบเผ่าพันธ์ได้..." อัลชาอ์เอ่ยพลางมองหน้าคนถาม หากใบหน้ากลับฉายความว้าวุ่นออกมาไม่น้อย... "...นั่นเป็นหลักที่ยึดถือกันเช่นเดียวกับศาสนาของคุณ....แต่ผมคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิตัดสินความรักของคนอื่น ว่าถูกหรือผิดอย่างไร"

       "......มันไม่ใช่ความรัก แต่มันคือความผิดปกติ.."

          

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
  
    อัลชาอ์ชะงัก...ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย มองเห็นเสี้ยวหน้าที่เคร่งขรึมนั้นชัดเจน อะไรบางอย่างเสียดแทงเข้ามาในใจกับท่าทีนิ่งขึงของคนตรงหน้ากับ....คำพูดราวกับไร้หัวใจเช่นนั้น..

       " นั่นเป็นคำพูดของคนที่ไร้หัวใจรึเปล่า? ..คนที่ไร้ความรักจะพูดแบบนั้นหรือ?"

       " ....ก็คงงั้น..." คาวัลโลยกรอยยิ้มมุมปากราวกับเยาะหยัน " ผมพูดแบบนี้ต่อหน้าพวกเขาสองครั้ง ครั้งแรกถูกชก ส่วนครั้งที่สอง ถูกตบด้วยกระบอกปืน"

        "......"

        " ...ผมมันพวกไร้หัวใจ..ใครๆเขาก็ว่างั้น...แถมยังเป็นแค่ตัวสำรองที่ไม่มีใครเห็นหัว...ถ้าพี่ชายผมไม่เป็นแบบนี้ ไม่มีวันหรอก ที่ผมจะได้เป็นบอส...แต่เขาเป็นมาเฟียไม่ได้...ไม่มีวันเป็นได้ เพราะมันผิดกฏ..มันเป็นบาปที่ใหญ่หลวง...แต่อะไรที่น่าขำกว่านั้นรู้ไหม?......"

        " คนที่ทำให้เรื่องของสองคนนั้นเปิดเผยออกมา ก็คือผมเอง..."

       "............."

       " ผมเป็นเด็กขี้อิจฉานะอัลชาอ์..ของที่ผมอยากได้ ไม่ว่าอะไร จะเคยเป็นของใคร ผมก็จะเอามันมาเป็นของตัวเองตามที่ต้องการนั่นแหละ..ไม่ได้น่ารัก ไม่ได้เป็นคนดีแบบคนอื่นเขาหรอก...เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง....คนอื่นถึงได้ระแวงผมกันไปหมด..แม้กระทั่ง...พ่อแม่ตัวเอง.."

      "...คนที่เป็นเด็กขี้อิจฉา จะออกมาพูดปาวๆแบบนี้งั้นเหรอ? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว มองดูใบหน้าที่แข็งกร้าวของเจ้าตัว ก้มมองริมฝีปากสีจางที่ถูกกัดย้ำจนมันขึ้นสีก่ำ  "คุณก็แค่รู้สึกผิด จนพาลคิดว่าคนอื่นเขารังเกียจไปเสียหมดมากกว่า..เด็กแบบนี้น่ะ ไม่มีทางจะคิดร้ายกับคนสำคัญของตัวเองได้หรอก..."

     ".......อย่ามาพูดยังกับรู้จักผมดีนะ.." คาวัลโลส่งเสียงอู้อี้ออกมาจากริมฝีปากและใบหน้าที่กดลงบนท่อนแขนหนาจนแน่น อัลชาอ์มองเจ้าตัวแล้วถอนหายใจเบาๆฝ่ามือข้างที่ท่อนแขนนั้นถูกทับไปแล้ว สอดประสานกับฝ่ามือที่วางทับไว้ช้าๆ

     " ก็แค่อยากมีคนบอกว่า"ไม่เป็นไร" ไม่ใช่รึไง ?"

     " เงียบไปเลย ไม่เล่าให้ฟังแล้ว..." คาวัลโลพยายามสะบัดมืออกจากปลายนิ้วที่สอดประสานอยู่ แต่ก็ไม่หลุดเสียที

     "...หึ....งั้นถามอีกอย่างเดียวก็พอ..." อัลชาอ์กระซิบเบาๆกับใบหูของเจ้าตัว

      " อะไร?" คาวัลโลเงยหน้ามาถาม คิดว่าพอบอกว่าเขาทำเรื่องอะไรไปบ้างแล้ว จะทำท่ารังเกียจหรือระเเวงรับไม่ได้เสียอีก แต่กลับยังอยากจะคุยด้วยอีกงั้นเหรอ?  แต่ทว่าเมื่อนัยน์ตาที่ฉายแววงุงงสบกับนัยน์ตาสีเข้มที่ทอดมองตรงมาจองอีกฝ่าย ก็ชะงักเขารีบมุดหน้าลงไปทันควัน เพราะรู้ว่าเมื่อครู่นัยน์ตาของตัวเองมันแดงก่ำแค่ไหน..

      "...อยากเป็นบอสมาเฟียเพราะอะไร?..."

       "...เพราะนั้นคือที่ของผม " น้ำเสียงเอ่ยออกมาช้าๆไร้อาการลังเลหรือไม่แน่ใจ " ตั้งแต่เกิด ผมรู้เพียงแค่อย่างเดียว ว่าผม ต้องได้เป็นบอส.."

      " งั้นหรือ? ไม่ว่ายังไง ก็จะเป็นสินะ.."

     "ใช่.."

        อัลชาอ์ก้มมองเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มที่อยู่ใกล้เพียงสายลมคั่น ได้กลิ่นของสายลมและน้ำทะเลอบอวลจากร่างของคนตรงหน้า ชีคหนุ่มเงียบเสียงลงไปนัยน์ตาฉายแววครุ่นคิดขณะที่ทอดมองแผ่นหลังบางและร่างกายที่ซุกอยู่กับอ้อมแขนของตน เสี้ยวหนึ่งของความคิดกำลังกระซิบอย่างชั่วร้ายถึงสารพัดวิธีการที่จะทำลายความต้องการของคนตรงหน้าให้หมดสิ้นไป..เพียงเพื่อจะได้อยู่ตรงนี้...ไม่ไปไหน..

   ...ไม่เป็นได้ไหมนะ..มาเฟีย..

 ...ไม่ไป...ได้ไหม?..

       อัลชาอ์ชะงัก กระพริบตาช้าๆ ขณะที่ร่างกายของตนเองกำลังโน้มตัวเหนือแผ่นหลังที่กำลังอ่อนแอและต้องการความอบอุ่นอย่างประสงค์ร้าย ชีคหนุ่มตัวเย็นวูบเมื่อสำนึกรู้บอกว่าตนเองกำลังคิดจะทำอะไร..

ฝ่ามือเย็นชืด ผิดกับอีกข้างที่ปลายนิ้วเรียวสอดประสานไว้ไม่ปล่อย ขณะที่น้ำเสียงของตัวเขาเองก้องสะท้อนในสมอง.."...พระอัลเลาะห์...ไม่อนุญาติให้สาวกของพระองค์ มีความรักที่ไร้ประโยชน์ รัก..ที่ไม่สามารถสืบเผ่าพันธ์ได้ "

..ทำไม่ได้..

เช่นเดียวกับที่เปลี่ยนใจ ให้คนบางคนเลิกคิดจะเป็นบอสมาเฟีย...

...

        ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน..

อเล็กซานดร้า มาซีโลนี วาลกัส เกิดมาบนครอบครัวที่ร่ำรวยและเพียบพร้อม พ่อแม่ก็ถือว่าใจดีและรักใคร่กันมาก  ครอบครัวก็ปกติสุข แม้จะมี"เบื้องหลัง"มากไปหน่อย นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา

  การเกิดมาเป็นลูกสาวคนเดียวยิ่งทำให้ถูกรักใคร่และเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดจนโตได้รับความสนอกสนใจจากผู้คนโดยรอบมาตลอด กระทั่งเข้าวงการบันเทิง แสดงละครแต่ละครั้งยังได้รับความสนใจล้นหลาม ดังนั้น ในชีวิตนี้ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เธอจะคิดว่าต้องมาถูกละทิ้ง ไม่ให้ความสำคัญกับการมีอยู่ของตนเองขนาดนี้

 แต่นั่นมันก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น..

 ....หลังจากทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่าพี่ชายคนรองได้รับบาทเจ็บเธอก็รีบถ่ายละครและมาเยี่ยมทันที แม้ว่าจะต้องรอคอยถึงสามวันกว่าพี่ชายจะฟื้น(แต่สำหรับเธอถือว่าต้องรอคอยแค่วันเดียว แต่นั่นน่ะมากเกินพอแล้ว)แต่ในที่สุดพี่ชายของเธอก็ฟื้น และกำลังนั่งยิ้มอยู่บนเตียง แม้จะมีสภาพบาดเจ็บอยู่ก็ตาม...

...บิดาและมารดามาเยี่ยมตอนเช้าตรู่ของวันนี้และกลับไปเมื่อครู่..น้องชายก็มาเยี่ยมและออกไปจัดการเรื่องย้ายโรงพยาบาล ทำให้ตอนนี้เหลือเธอและพี่ชายคนโตคอยเฝ้าไข้..

แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เธอก็ทำให้เจ้าพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคน รับรู้ว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วยไม่ได้สักที..

     อเล็กซานดรามองภาพพี่ชายฝาแฝดของหล่อนกำลังนั่งป้อนข้าวกันอยู่ ร่างของอเล็กเซย์พี่ชายคนรองนั่งเอนๆบนเตียง มีโต๊ะเตารีดแบบพับเก็บได้อยุ่ตรงหน้าและมีถาดอาหารเช้าวางอยู่ อาจจะเพราะคนป่วยไหล่หลุดไปข้างหนึ่ง ยังใช้ แขนขวาไม่ได้นั่นทำให้อเล็กซิส พี่ชายคนโตต้องลากเก้าอี้ไปนั่งข้างเตียงผู้ป่วยและค่อยๆตักอาหารให้แฝดน้องของตนเองอย่างเอาใจใส่...เอาอกเอาใจ..และ....ไม่เห็นหัวเธอเลยสักนิด...

...และที่สำคัญที่สุด...มีการป้อนข้าวที่ไหน ป้อนกันด้วยปากแบบนี้ไม่ทราบ..

     อเล็กซานดร้าปิดนิตยสารในมือฟึ่บหลังจากนั่งมองการกินข้าวเช้าที่ดูท่าทางจะยืดยาวไม่จบสิ้นง่ายๆ ตวัดสายตามองพี่ชายฝาแฝดของตนที่เพิ่งจะละริมฝีปากออกจากกันได้อย่างหน่ายระอา รุ้แก่ใจอยู่หรอกว่าสองคนนี้"รัก"กันปานจะกลืนแค่ไหน..แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้คนภายนอกรับรู้ด้วยก็ได้..

     " ซานดร้า ไปไหน? "คนป่วยออกปากถามงงๆเมื่อพบว่าน้องสาวกำลังจะเดินออกไป ใบหน้าสวยงามอันประกอบไปด้วยดวงตาสีฟ้าเข้ม และเส้นผมสีทองยาวสลวยหันมาตวัดมองเพียงครู่ ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจ..

     " ไปซื้อกาแฟกินข้างล่างค่ะ...รอพวกพี่"ป้อน"ข้าวเช้ากันเสร็จก่อนแล้วจะขึ้นมา..โอเคนะ...อ้อ..พี่อเล็กซิส เอากาแฟสักแก้วไหม?.."

      " เอสเพรสโซ่.."อเล็กซิสตอบพลางยกยิ้มให้น้องสาวที่เดินออกไปจากห้องเขายิ้มขันกับท่าทีแสนงอนของเจ้าตัว ขณะที่คนป่วยบนเตียงส่ายหัวระอา

      "...เพราะนายแหละ ทำอะไรโจ่งแจ้ง เดี๋ยวได้โดนหมั่นไส้เอา.." อเล็กเซย์บ่นระอากับการแสดงออกของฝาแฝดผู้พี่..

      " ไม่รู้ล่ะ..ก็ฉันคิดถึงนายนี่..." อเล็กซิสส่ายหัวเชิงไม่สน ทำให้คนฟังหัวเราะหึ รู้ว่าลองเจ้าตัวทำท่าทางแบบนี้แล้ว ห้ามไปก็เท่านั้น  เขามองท่าทีรั้นๆที่หาดูได้ยากของคนรักอย่างขบขัน..ด้วยดวงตาที่มองเห็นเพียงข้างเดียวแลดูแปลกตา..

     " ..หมอเขาว่ายังไงนะเรื่องตา.."อเล็กเซย์ออกปากถาม ทำให้คนที่กำลังตักอาหารอยู่ชะงัก อเล็กซิสมองใบหน้าคนถาม แม้เจ้าตัวจะมีท่าทีรื่นเริงขึ้นและอาการดีขึ้นมากแล้ว สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจและย้ายออกจากห้อง ICU ได้ แต่ทว่าบาดแผลก็ยังคงอยู่เช่นเดิม รวมทั้งที่ดวงตาซึ่งยังคงถูกปิดไว้..

     " อ้อ...บ่ายนี้จะลองเปิดดูน่ะ ถ้าไม่มีอะไรก็ดี แต่ถ้าสะเก็ดระเบิดมันเข้าไป..ก็คงต้องผ่า.." อเล็กซิสบอกช้าๆเขาจ้องมองดวงตาสีฟ้าใสที่มองตอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเปลือกตาบางเบาๆ..

    " อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ..ฉันไม่เป็นไรหรอก " อเล็กเซย์ยิ้มบางๆเอนตัวพิงแผ่นอกหนาอย่างปลอบประโลม

    "....ถ้าฉันไม่ไป..เรื่องมันคง..."

    "....ชู่ว...อย่าน่า...." อเล็กเซย์จุ๊ปากเบรกคำพูดของฝาแฝดไว้เพียงเท่านั้น เขาเงยหน้าไปมองเสี้ยวหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้นอย่างอาดูร "อย่าคิดมาก..นะ...ฉันไม่เป็นไร...อเล็ก...ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว หาทางเอาคืนพวกมันดีกว่า...."

    "..เอาคืนส่วนนี้แทนเจ้าคาลมันด้วย.."

           อเล็กซิสพยักหน้ารับช้าๆ หลังจากฟื้นไม่นานอเล็กเซย์ก็รู้ข่าวของน้องชาย จะว่าไปแล้วเจ้าตัวก็คงทำใจไว้ก่อนหน้าเพราะคนที่รู้ข่าวคนแรกก็คือตนเอง..แม้จะยังไม่รู้ผลชันสูตร แต่ทว่ารูปภาพและหลักฐานก็บอกอะไรได้มากพอแล้ว.. แม้จะมีท่าทีเศร้าสร้อยลงบ้างเมื่อทราบข่าว ทว่าพวกเขาก็รู้ดี ว่าสิ่งที่ควรทำต่อไปนี้คือการเตรียมพร้อมกับเรื่องที่จะเกิดต่อไป ไม่ใช่จะมาโศกเศร้า หวนไห้อาลัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น..

     อเล็กซิสเอื้อมมือไปลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ ทอดมองเสี้ยวหน้าของคนป่วยด้วยดวงตาครุ่นคิด แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเรื่องการตายที่แท้จริงของคาวัลโลให้ทราบ และไม่ได้บอก...เรื่องที่พูดคุยกับผุ้เป็นลุงไว้เช่นกัน..

 นัยน์ตาสีฟ้าสดก้มมองถ้วยอาหารของคนป่วย ช้อนในมือเขาคนมันช้าๆ เพื่อลดความร้อน ขณะที่ครุ่นคิดถึงเรื่องของ"ผู้นำ"ที่ผู้เป็นลุงยกขึ้นมาพูด...ก็เป็นอย่างที่คาด ว่าเมื่อคาวัลโลมัน..ตาย หรือมีผลพิสูจน์ว่าเจ้าตัวได้"ตาย"ลงในฐานะศพที่มีเพียงโครงกระดูกเช่นนั้นแล้ว การขาดผู้นำรุ่นต่อไป ทำให้เกิดภาวะวุ่นวายขึ้นได้ไม่ยาก  เฟรเดริโก้ ผุ้เป็นลุงมาตกลงกับเขาเงียบๆเรื่องแผนการ์ณในสามเดือนให้หลังนี้ ทั้งการชันสูตรศพตามขั้นตอน การจัดงานศพหลังจากรู้ผล..และ"สงคราม"จัดการเจ้าพวกที่กล้ามาปองร้ายคนระดับบอสของตระกูลวาลกัส..

     แผนคร่าวๆที่วางเอาไว้ คือหลังจากทำเรื่องย้ายตัวอเล็กเซย์ไปยังโรงพยาบาลที่ครอบครัวของพวกเขาถือหุ้นอยู่ ในอิตาลีเรียบร้อยแล้ว จะทิ้งคนไว้สืบหาต้นตอผู้ลงมือสังหารคาวัลโลจากทางนี้กลุ่มหนึ่ง และจะเริ่มสงครามที่อิตาลี..เตรียมกำลังพล สืบหาต้นตอที่คาดว่าจะต้องมีเอี่ยวกับผลประโยชน์ด้านนี้ไม่น้อย  ที่แน่ๆคือระหว่างรอผลชันสูตรศพอย่างเป็นทางการ ตระกูลวาลกัสจะเตรียมการล่วงหน้า ในการเริ่มสงคราม..มาเฟียตระกูลวาลกัสทั้งหมด จะเปิดฉากบรรเลงบทเพลงมรณะให้กับพวกที่บังอาจมาปองร้ายคนของพวกเขา...เป็นการล้างแค้นให้กับผู้ล่วงลับ..โดยมีเขา อเล็กซิส จิโอวานนี่ วาลกัส..เป็นผู้นำ..

   ..เป็นไปตามคาดว่าสุดท้ายแล้ว ลุงของเขาก็ยังต้องการให้ตำแหน่ง"บอส" แก่ตนเองอยู่..

ต่างกันที่ตอนนี้เขายอมรับมันกลายๆ ไม่ใช่เพราะต้องการ แต่เพราะหากอยู่ในตำแหน่งนี้จะสามารถทำอะไรได้"สะดวก"ขึ้น ทั้งการตรวจสอบต่างๆ การสั่งการ ทำงาน ที่จะสามารถทำได้ดีกว่าอยู่ในฐานะอื่น

และอีกอย่าง...การเป็นบอสของเขา ไม่ใช่ตำแหน่งฐาวร เพราะเขาก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเจ้าคนนั้นมันยังอยู่ ที่เขาต้องทำ คือการสืบหาตัวต้นตอและปูทางให้เจ้าของตำแหน่งที่แท้จริงกลับมาได้โดยสวัสดิภาพ..

ดังนั้น การจะ ยอมรับปากเป็นบอสแค่ไม่กี่เดือน ..เพื่อภาระที่เขารับผิดชอบ และเพื่อปกป้องคนของตัวเองให้ได้ ทางเลือกนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว..

    "อเล็ก... " เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นทำให้หลุดออกจากภวังค์ อเล็กซิสหันไปสบตาคนถาม พบว่าเจ้าตัวกำลังขมวดคิ้วมองหน้าเขาอยู่ด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น..

    "  ฉันรู้ว่าตอนนี้มีเรื่องให้คิดเยอะ..จนต้องขมวดคิ้วตลอดเวลา แต่ว่า...ถ้ามีอะไรก็บอกกันบ้างนะ..อย่าเก็บไว้คนเดียวสิ.." ออกปากบอกคนที่มักทำหน้าเครียดอยุ่เสมอด้วยแววตาอ่อนโยน อเล็กเซย์ยกมือไล้รอยย่นตรงหว่างคิ้วของฝาแฝดและกดวนเบาๆให้มันคลายตัวออก " ถึงฉันจะยังบาดเจ็บ..ช่วยตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเป็นภาระนะ.."

      "พูดอะไรกัน..นายไม่เคยเป็นภาระสำหรับชั้นนะ เซย์.." อเล็กซิสกุมมือขาวจัดที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ

       " อ้า...ก็เห็นกำลังเครียดอยู่นี่...อืม....การคอยปกป้องชั้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่อย่าห่วงไปเลย ตัวนายเองน่าเป็นห่วงกว่าเยอะ ถึงจะไม่อยากยุ่งกับเรื่องของคุณลุงแต่ฉันก็พอรู้ ว่าต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้น.." ฝ่ามือที่ถุกกุมไว้บีบรับมันเบาๆ พลางสบมองแววตาของคู่แฝดอย่างเข้าอกเข้าใจ "...เรื่องมันก็ใช่จะไม่เคยเกิดขึ้นนะ อเล็ก...ฉันรู้ว่านายรู้สึกแย่ และกำลังเอาจริงเอาจังอยุ่กับการเป็นห่วงและคอยดูแลฉัน..แต่ต้องดูแลตัวนายเองด้วย..ตกลงไหม?...ฉันรู้สึกได้นะว่าตั้งแต่ฟื้นมาเนี่ย นายมีเรื่องปวดหัวให้คิดอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดหย่อนเลย หน้าบึ้งได้ตลอด แถมยังแอบถอนหายใจบ่อยๆด้วย..ดุแลตัวเองบ้างสิ ถ้านายเป็นอะไรไปอีกคนน่ะ มันจะยิ่งแย่นะ.."

      "เฮ้อ...ปิดนายไม่เคยได้เลยนะ เซย์..." อเล็กซิสหัวเราะออกมาเบาๆกับคำพุดของแฝดน้อง แม้ในสายตาของคนนอก อาจจะมองว่าอเล็กเซย์เป็นคนไม่ได้เรื่อง คอยเป็นตัวถ่วงทำให้เขาเป็นห่วงและยังเป็นตัว"เกะกะ"ชั้นดีที่ทำให้เขาไม่ยอมรับตำแหน่งบอส แต่กับตัวเขาแล้วอเล็กเซย์เป็นคนสำคัญ เป็นคนที่คอยห่วงใยและให้กำลังใจอยู่ตลอด เป็น"ครึ่งหนึ่ง"ของชีวิตที่แสนสำคัญและไม่มีวันที่เขาจะยอมให้เจ้าตัวเป็นอะไรไปได้..

      " นั่นแหละ..บอกมาซิ ว่าเรากำลังจะทำอะไร ฮึ..." อเล็กเซย์ยกมือบีบแก้มฝาแฝดเบาๆแล้วทำปากจู่ส่งไปให้ ท่าทางของเขาเรียกเสียงหัวเราะเบาๆที่หาได้ยากจากแฝดคนพี่ ก่อนที่อเล็กซิสจะตักอาหารเช้าเข้าปากและเป็นฝ่ายชิง"ป้อน"เขาเสียก่อนราวกับจะตัดคำถาม..

      " อืม..." ปลายลิ้นที่ตวัดอยู่ในโพรงปากเกี่ยวพันไม่ยอมถอดถอนออกง่ายๆแม้ว่าอาหารเช้าจะถูกกลืนลงท้องไปแล้ว อเล็เซย์ครางเบาๆแขนซ้ายที่ยังใช้การไได้อยู่กำเสื้อเชิ๊ตของอีกฝ่ายไว้แน่น..

      "..อิ่มแล้ว..." รีบออกปากประท้วงเพราะเห็นท่าว่าอาหารมื้อเช้าจะไม่จบลงง่ายๆ การป้อนกันแบบนี้อาจจะเป็นปกติของพวกเขา แม้มันจะไม่ปกติในชีวิตของคนอื่น นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาสนใจก็จริง แต่กับสภาพสถานการ์ณและร่างกายแบบนี้แล้วนี่..จะป้อนไปจนร่างกายมันเกิดซุกซนขึ้นมาก็ไม่ดีเพราะสภาพของเขาตอนนี้ก็ไม่อำนวยพอจะทำกิจกรรมแบบนั้นเสียด้วย

       " หือ?....ยังไม่อิ่มเลย.." คำพูดของคนไม่ได้ป่วยประท้วงออกมาพร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดจนแน่น อเล็กเซย์หรุบตามองเส้นผมสีเดียวกันของแฝดผู้พี่ซึ่งกำลังซบใบหน้าลงบนไหล่ของเขา เจ้าตัวโอบกอดเขาไว้ด้วยท่าทีทุนุถนอม ซบไหล่และกอดรัดโยกตัวเขาช้าๆ เหมือนกับกำลังปลุกปลอบและเติมพลังให้กับตัวเองอย่างไรอย่างนั้น..

       "........." อเล็กเซย์ยกมือข้างซ้ายลูบเส้นผมของอีกฝ่ายช้าๆ เขาซบหน้าลงกับไหล่หนาแล้วหลับตาลง อาจจะเพราะเป็นฝาแฝดกัน อาจจะเพราะว่าผูกพันหรือรู้จักกันดีมามากกว่าครึ่งชีวิต เขาจึงสามรถรับรู้ได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกของแฝดผู้พี่กำลังเครียดขึ้งและหวั่นไหว...

        "...il Ti amo...   " คำบอกรักที่ได้ยินจนชินหู หากเมื่อไหร่ก็ยังรู้สึกยินดีทุกครั้งดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากที่แตะลงบนผิวแก้มเบาๆ อเล็กเซย์หลับตาลงช้าๆเมื่อถูกประทับรอยจูบลงบนเปลือกตา สันจมูก..และริมฝีปาก..อีกฝ่ายแตะลงไปเบาๆ กดนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่ได้สอดปลายลิ้นเข้ามาพัวพัน หากแต่ก็ทำให้รู้สึกอุ่นซ่านวาบไปถึงหัวใจ

        " Ti amo..Alex..." กระซิบตอบเบาๆ พลางลืมตามาสบมองดวงตาสีฟ้าสดที่แสนคุ้น อเล็กเซย์เป็นฝ่ายกดแนบริมฝีปากของตนเข้ากับอีกฝ่ายแรงขึ้น ..จูบเบาๆ..กดย้ำซ้ำราวกับจะเรียกความมั่นใจและสัมผัสที่ห่างหายไปเพียงไม่กี่วัน หากเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก..

        " cara mie..." หากมีคนคอยปลอบประโลมและดูแลในช่วงเวลาที่ว้าวุ่นหรือหนักใจ คนเรามักจะมีท่าทีอ่อนลงโดยอัตโนมัติ และจะยอมเผยทุกสิ่งทุกอย่างแก่คนๆนั้น อเล็กซิสเองก็เช่นกันเขากอดร่างของแฝดคนน้องแน่นขึ้น หลับตาลงและจูบริมฝีปากอีกฝ่ายซ้ำๆ กระซิบคำรักไปมาราวกับคนละเมอ..

       "..แย่ที่สุดเลย..ตอนที่นายหลับอยู่ ฉันมัวแต่คิดว่าถ้านายไม่ตื่นขึ้นมาฉันจะทำยังไง..เซย์..."อเล็กซิสหลับตาลงซุกใบหน้าลงกับไหล่ผอมและสูดดมกลิ่นกายของอีกฝ่าย " ฉันคิดถึงนายจะแย่..เอาแต่คิด ว่าถ้าฉันไม่ไปตามที่พ่อสั่งเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ฉันโกรธกระทั่งพ่อ คิดไปว่าพ่อเป็นคนทำเรื่องแบบนี้....ให้ตายสิ ฉันนี่รักนายเกินไปแล้ว รักนายจนจะบ้าแล้วจริงๆ..."

       อเล็กเซย์กอดร่างอีกฝ่ายไว้แน่น ไม่บ่อยนักที่อเล็กซิส..ฝาแฝดคนพี่ ผู้ชายเก็บอารมณ์จอมเคร่งเครียดคนนี้จะยอมพูดอะไรแบบนี้ออกมา แม้เวลาที่เจ้าตัวอยู่กับเขาจะมีท่าทีผ่อนคลายกว่าปกติ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงลักษณะเดิมของตนเองไว้ไม่เปลี่ยน ดังนั้น นี่ถือว่านานๆครั้ง..นานพอดูทีเดียวกว่าเจ้าตัวจะยอมออกปากพูดอะไรหรือระบายอะไรแบบจริงๆจังให้เขารู้...รอยยิ้มบางๆทาบบนริมฝีปากที่สั่นระริก..ไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี เมื่อความคิดที่อีกฝ่ายพูดออกมามันเป็นความกัลวลเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น..รัก...รักมากเกินไปแล้ว อเล็ก..ฉันก็เหมือนกัน..ฉันก็รัก...รักจนแทบบ้าเหมือนกัน...

      โต๊ะเตารีดที่ใช้วางอาหารถูกพับเก็บไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน อเล็กซิสขยับตัวมานั่งเอนๆบนเตียงพยาบาล  โดยให้คนป่วยเป็นฝ่ายพิงตัวเขาไว้ พูดคุยและกอดจูบอีกฝ่ายเป็นพักๆอย่างควบคุมตัวไม่ได้ ซึ่งอเล็กเซย์ก็ไม่ได้ออกปากห้ามปรามอะไร ยอมเป็นตุ๊กตาตัวโปรดให้คนรักกกกอดแต่โดยดี...

  นัยน์ตาคนฟังหรี่ลงช้าๆเมื่อได้ฟังเรื่องของการเตรียมตัวเปิดสงครามมาเฟียของครอบครัว ครั้งนี้มันได้รับแรงสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายลุงที่เป็นมาเฟียและฝ่ายพ่อของเขาที่ทำธุรกิจ กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่คิดจะค้าน ไม่ใช่เพราะโกรธแค้นรื่องของตัวเองที่โดนทำร้าย แต่เพราะแก้แค้นให้กับน้องชาย...แก้แค้นให้กับ คาวัลโล วาลกัส ที่ต้องตกเป็นเหยื่อ..

    อเล็กเซย์หรุบตาแล้วถอนหายใจเมื่อนึกถึงน้องชายคนสุดท้อง ถึงคาวัลโลมันจะชอบก่อกวนหรือชอบแกล้งพวกเขายังไง น้องก็คือน้อง เขาก็รักและผูกพันกับเจ้าตัวไม่ใช่น้อย..

....คาวัลโลยังเป็นคนสำคัญที่ทำให้ปัญหาเรื่อง"ตำแหน่งบอส"จบลง  ทำให้เขาและอเล็กซิสสามารถรักกันต่อไปได้..

อีกทั้งการสูญเสียคนในครอบครัว เป็นใครก็ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา..

     " อเล็ก..." เสียงเรียกของฝาแฝดดังขึ้นหลังจากที่ก้มลงจูบเจ้าตัวเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจนับได้...อเล็กซิสครางรับเบาๆขณะที่จูบปลายนิ้วอีกฝ่ายเล่น..

     "..ใครจะเป็น....คนจัดการเรื่องครั้งนี้..." เขาหมายถึง..คนที่อาสาจะจัดการเรื่องกหารโจมตีและสงครามทั้งหมด...ซึ่งหมายถึง คนที่จะเป็นบอสคนต่อไป..

     " ฉันเอง" แรงกดเบาๆชวนจั๊กจี้จากหลังมือที่ถูกจูบ แทรกเข้ามาในหัวใจที่เย็นวาบได้อย่างยากเย็น อเล็กเซย์กระพริบตาอย่างเชื่องช้า..ในอกหนาววูบ...

...อเล็กซิส...

 ตกลงรับปากจะเป็น"บอส"งั้นหรือ?  

...

ฮ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอกรี้ดอย่างไม่มีเหตุผลซักทีนึง555+(นั่นคือเสียงกรี้ดแบบอัพเลเวล กรี้ดยกกำลังสองจากกรี้ดดดด เป็นฮ้ากกกกก แทน)

       ไม่ไหวเหอะ อะไรเนี่ย นี่มันอะไรเนี่ย พวกนายเป็นอะไรไปหา อัลชาอ์? คาวี่? เคยจำรึเปล่าว่าเมื่อวานยังเอาฝ่าตรีนฟาดกันอยู่เลย แล้ววันนี้มันมีอะไร WTF!!  มาสวีต ดูแผนท่งแผนที่ อิจฉาอ่ะ ถ้าตอนเรียนดูแผนที่ชั้นมีคนสอนแบบนี้ รับรองได้4+++ มากินแล้วย่ะ !! (หมั่นไส้วุ้ย)

     แต่ชอบอารมณ์แบบนี้นะ 55+ คือแบบไม่หวานมากหรอก ได้แค่พุดคุยอะไรกันแบบสนิทสนม ด้วยความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย มันก็ถือว่าโอเคแล้วนะ ดีกว่ามาวิวาทฟาดปาก หรือปั้นหน้าแสดงละครสวีตกันเยอะ รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติดี ดูแบบว่า เออ ก็คุยกันรู้เรื่องนี้ ถ้าเลิกปากไม่ดีใส่กันก้คุยกันรู้เรื่องนี่ อืมๆ(555+) นี่ถือป็นการพัฒนาแบบว่าก้าวเล้กๆ แต่แสนยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทั้งสองเชื้อชาติ ( :laugh: :laugh:)
ประเด็นคือตอนนี้คาวี่มันน่ารักอ่ะ เหมือนเด็ก(ก็ยังเด็กอยู่นะนี่)แบบว่าอยากรู้อยากเห็น ตื่นเต้นกับของที่ไม่เคยเจอน่ารักน่าฟัดชะมัดยาดดดดด(น้ำลายหก)
    ส่วนในเต้นท์..คือเอิ่ม...ตอนแรกอิชั้นกะจะให้คาวี่เล่าเรื่องมาเฟียในอิตาลีเป็นการปูพื้นความเข้าใจนิดหน่อยแล้วสวีตกันแค่นั้นเอ๊งงง ทำม้ายยย ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้... ทำเอาท่านชีครู้ตัวเลยล่ะ 555+

   และทำให้คาวี่กลายเป็นพญามารน้อยๆเช่นกัน ประโยค" มันไม่ใช่ความรัก มันคือความผิดปกติ "นี่เจอในกระทู้ค้ำคอร์(แฟนการ์ตูนคงรู้ว่ามันคือแนวไหน ) ที่พันทิป มีคนเม้นแบบนี้ปั๊บ...อ่านแล้วแบบว่า...เจ็บกระแทกจนจุกอั่กกกกกกก คือไม่ได้สนับสนุนค้ำคอร์น่ะ แต่ถึงงเป็นนิยายที่ตัวเองแต่งมันก็ยัง...โอย...จุกเลยเหอะ ไม่แปลกใจหรอก ว่าคาวี่พุดแบบนี้แล้วจะโดนทำร้ายร่างกาย เหอๆ

    และเรื่องบุคลิกแบบนั้นของเจ้าตัว ไอ้เรื่องการไม่เชื่อเรื่องความรักนี่ถือเป็นเมนหลักๆของคาวี่เลยนะค่ะ  แบบว่าฉันสนแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ คนอื่นจะเจ็บจะตายจะอะไรช่างมัน ไม่คิดจะสนใจใคร ไม่มีหรอกนายเอกแสนใจดี ทำตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องน่ะ ไปหาเอาเรื่องอื่น(555+)  แบบนี้ล่ะคาวี่ เมื่อท่านชีคพลัดตกหลุมรักของคาวี่แล้วไซร้ รับรองว่างานนี้อัลชาอ์ได้กระอักเลือกออกมาแน่ๆนะเออ อีกไม่นานคงมีคนเชียร์ให้พระเอกไปรักคนอื่นแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรจีะคาวี่ คุณแม่ขารักหนูเสมอออออ :กอด1:

  ส่วนอเล็กซี่ทั้งสอง..สวีตกันแบบแปลกๆ ฮ่า....เรื่องบุคลิคของอเล็กซิสนี่...  พี่แก....รักรุนแรงเหมือนจะหลุดโลกเลย เวลาจริงจังก็จริงจังมาก สังเกตว่าเวลาน๊อตหลุด จะกลายเป็นเด็กไปเลย  ชอบกอดชอบหอมบอกรักพร่ำเพ้อไปมาเหมือนหยุดไม่ได้  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าขาดใครไปสักคน สองหน่อนี่อาจจะเป๋จนถึงขั้นอยากตายตามก็ได้(เคยถึงขั้นนั้นมาแล้วนี่..อุ๊บ..สปอยล์)

ปล. ช่วงนี้งดอัพพี่โตน้องเนมชั่วคราว วุ่นวายกับการส่งของทำหนังสืออยู่ ส่วนเรื่องนี้ที่เอามาลงได้เพราะมันมีสต๊อกจ๊ะ
ปล. สอง เพราะโดนเรปบนทวงถุกเวลาเลยเอามาลง รู้ได้ไงนิว่าแอบแว่บมาดูทู้น่ะ :laugh:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2010 03:32:34 โดย Serin »

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
 ไม่ต้องไปได้ไหม.... ?

ก็ให้น้องผู้ชายอีกคนนึงเป็นไปสิ บอสมาเฟียน่ะ ส่วนคาวี่ก็ ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ
แต่ความต้องการของคาวี่ก็คือการได้ขึ้นเป็นบอสนี่นะ... เปลี่ยนใจไม่ได้เลยเหรอ?
แต่มันจะมีเหตุผลอะไรล่ะที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ


ส่วนแฝดทั้งสองไม่ขอเมนต์ หวานเกินนนนนน อิจฉา^^

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
อัลชาเริ่มมีใจให้คาวี่แล้วสินะ

kwa

  • บุคคลทั่วไป
บทจะหวานไอ่คู่นี้มันก็หวานได้ถูกใจแม่ยกซะจริง
หวานแบบธรรมชาติแบบนี้อ่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยย ><
ที่แท้คาลก็มีปมนี่เองสิเนาะ ถึงได้ว่าร้ายตัวเองแบบนั้น
เพราะไม่เคยมีใครเห็นหัวเลยต้องทำใช่ไหม คาลเหมือนคิดว่าตัวเองไม่มีใครรักเลย
อัลชาร์อย่าฝืนใจตัวเองไปเลย แต่กฏหมายอิสลามก็หนักนาอยู่
เฮ้อ... มองไม่ออกว่าสองคนนี้จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง
แต่ก็ยังจะเชียร์ๆๆๆ ต่อไป

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
แอร๊ยยยยยยยยยย

อ่านตอนนี้แล้วอยากจะกรีดร้อง มันจะน่ารักไปไหนเนี่ยหนูคาวี่ ท่านชีคแลดูหวั่นไหวแล้วเห็นมะ

โคตะระชอบฉากในรถเลยตอนอ่านแผนที่อะ ขอกรี๊ด 38 ทีติดเหอะ ถ้าเป็นเค้านะคงจะแอบหอมแก้มหนูคาวี่แน่ๆ แลดูน่ารักน่าหยิก :man1:อิจฉาท่านชีคว่ะค่ะ


ส่วนฝาแฝดก็ปล่อยเค้าหวานกันต่อไป

thisispom

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักทั้ง 2 คู่เลย

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
 :sad4:

หวานก็หวาน เศร้าก็เศร้า  :m15:

รอตอนต่อไปค่ะ

 :o12:

ออฟไลน์ maple4120

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
โอ๊วว เริ่มหลงกันแล้วสินะ
ฉากในรถสวีทมากกก ชอบๆ
แต่ไม่สิ.. เหมือนท่านชีคจะหลงคาวี่อยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
แล้วเมื่อไหร่จะได้ลงเอยกันล่ะเนี่ย? สงสัยจริงเชียว
ส่วนคู่ฝาแฝด ....
โอ๊วววว แอบสงสารน้องซานดร้าขึ้นมาเลยทีเดียว
กลายเป็นหมาหัวเน่าในทันทีทันใด 55555
แบบ หวานกันสุดขีดไม่เห็นใจคนรอบข้างเลยนะ

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ในที่สุด เราก็ค้นพบ "ฉากหวีท" สักที "หวีท" จริงๆแบบไม่เสแสร้ง แต่ว่า..เหมือนท่านชีคจะหวีทคนเดียวแต่คาวี่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์หวีทด้วยแฮะ


แล้วก็นะ อ่านตอนนี้ก็รู้สึกว่าท่านชีคน่ะต้องหลงหนูน้อยมาเฟียก่อนแหงๆ และคิดว่ามันคงจะใจร้ายกับท่านชีคน่าดูชมเลยล่ะ

แต่ช่างมันเถอะ เดี๋ยวอ่านไปอ่านมาก็รู้เองล่ะ



ปล. คิดถึงพี่โตน้องเนม
ปลล. ไอ้สองฝาแฝดน่ะ มีฉากไหนมั่งไหมที่มันจะไม่หวีทกันน่ะ หา!?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด