อัลชาอ์ชะงัก...ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย มองเห็นเสี้ยวหน้าที่เคร่งขรึมนั้นชัดเจน อะไรบางอย่างเสียดแทงเข้ามาในใจกับท่าทีนิ่งขึงของคนตรงหน้ากับ....คำพูดราวกับไร้หัวใจเช่นนั้น..
" นั่นเป็นคำพูดของคนที่ไร้หัวใจรึเปล่า? ..คนที่ไร้ความรักจะพูดแบบนั้นหรือ?"
" ....ก็คงงั้น..." คาวัลโลยกรอยยิ้มมุมปากราวกับเยาะหยัน " ผมพูดแบบนี้ต่อหน้าพวกเขาสองครั้ง ครั้งแรกถูกชก ส่วนครั้งที่สอง ถูกตบด้วยกระบอกปืน"
"......"
" ...ผมมันพวกไร้หัวใจ..ใครๆเขาก็ว่างั้น...แถมยังเป็นแค่ตัวสำรองที่ไม่มีใครเห็นหัว...ถ้าพี่ชายผมไม่เป็นแบบนี้ ไม่มีวันหรอก ที่ผมจะได้เป็นบอส...แต่เขาเป็นมาเฟียไม่ได้...ไม่มีวันเป็นได้ เพราะมันผิดกฏ..มันเป็นบาปที่ใหญ่หลวง...แต่อะไรที่น่าขำกว่านั้นรู้ไหม?......"
" คนที่ทำให้เรื่องของสองคนนั้นเปิดเผยออกมา ก็คือผมเอง..."
"............."
" ผมเป็นเด็กขี้อิจฉานะอัลชาอ์..ของที่ผมอยากได้ ไม่ว่าอะไร จะเคยเป็นของใคร ผมก็จะเอามันมาเป็นของตัวเองตามที่ต้องการนั่นแหละ..ไม่ได้น่ารัก ไม่ได้เป็นคนดีแบบคนอื่นเขาหรอก...เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง....คนอื่นถึงได้ระแวงผมกันไปหมด..แม้กระทั่ง...พ่อแม่ตัวเอง.."
"...คนที่เป็นเด็กขี้อิจฉา จะออกมาพูดปาวๆแบบนี้งั้นเหรอ? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว มองดูใบหน้าที่แข็งกร้าวของเจ้าตัว ก้มมองริมฝีปากสีจางที่ถูกกัดย้ำจนมันขึ้นสีก่ำ "คุณก็แค่รู้สึกผิด จนพาลคิดว่าคนอื่นเขารังเกียจไปเสียหมดมากกว่า..เด็กแบบนี้น่ะ ไม่มีทางจะคิดร้ายกับคนสำคัญของตัวเองได้หรอก..."
".......อย่ามาพูดยังกับรู้จักผมดีนะ.." คาวัลโลส่งเสียงอู้อี้ออกมาจากริมฝีปากและใบหน้าที่กดลงบนท่อนแขนหนาจนแน่น อัลชาอ์มองเจ้าตัวแล้วถอนหายใจเบาๆฝ่ามือข้างที่ท่อนแขนนั้นถูกทับไปแล้ว สอดประสานกับฝ่ามือที่วางทับไว้ช้าๆ
" ก็แค่อยากมีคนบอกว่า"ไม่เป็นไร" ไม่ใช่รึไง ?"
" เงียบไปเลย ไม่เล่าให้ฟังแล้ว..." คาวัลโลพยายามสะบัดมืออกจากปลายนิ้วที่สอดประสานอยู่ แต่ก็ไม่หลุดเสียที
"...หึ....งั้นถามอีกอย่างเดียวก็พอ..." อัลชาอ์กระซิบเบาๆกับใบหูของเจ้าตัว
" อะไร?" คาวัลโลเงยหน้ามาถาม คิดว่าพอบอกว่าเขาทำเรื่องอะไรไปบ้างแล้ว จะทำท่ารังเกียจหรือระเเวงรับไม่ได้เสียอีก แต่กลับยังอยากจะคุยด้วยอีกงั้นเหรอ? แต่ทว่าเมื่อนัยน์ตาที่ฉายแววงุงงสบกับนัยน์ตาสีเข้มที่ทอดมองตรงมาจองอีกฝ่าย ก็ชะงักเขารีบมุดหน้าลงไปทันควัน เพราะรู้ว่าเมื่อครู่นัยน์ตาของตัวเองมันแดงก่ำแค่ไหน..
"...อยากเป็นบอสมาเฟียเพราะอะไร?..."
"...เพราะนั้นคือที่ของผม " น้ำเสียงเอ่ยออกมาช้าๆไร้อาการลังเลหรือไม่แน่ใจ " ตั้งแต่เกิด ผมรู้เพียงแค่อย่างเดียว ว่าผม ต้องได้เป็นบอส.."
" งั้นหรือ? ไม่ว่ายังไง ก็จะเป็นสินะ.."
"ใช่.."
อัลชาอ์ก้มมองเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มที่อยู่ใกล้เพียงสายลมคั่น ได้กลิ่นของสายลมและน้ำทะเลอบอวลจากร่างของคนตรงหน้า ชีคหนุ่มเงียบเสียงลงไปนัยน์ตาฉายแววครุ่นคิดขณะที่ทอดมองแผ่นหลังบางและร่างกายที่ซุกอยู่กับอ้อมแขนของตน เสี้ยวหนึ่งของความคิดกำลังกระซิบอย่างชั่วร้ายถึงสารพัดวิธีการที่จะทำลายความต้องการของคนตรงหน้าให้หมดสิ้นไป..เพียงเพื่อจะได้อยู่ตรงนี้...ไม่ไปไหน..
...ไม่เป็นได้ไหมนะ..มาเฟีย..
...ไม่ไป...ได้ไหม?..
อัลชาอ์ชะงัก กระพริบตาช้าๆ ขณะที่ร่างกายของตนเองกำลังโน้มตัวเหนือแผ่นหลังที่กำลังอ่อนแอและต้องการความอบอุ่นอย่างประสงค์ร้าย ชีคหนุ่มตัวเย็นวูบเมื่อสำนึกรู้บอกว่าตนเองกำลังคิดจะทำอะไร..
ฝ่ามือเย็นชืด ผิดกับอีกข้างที่ปลายนิ้วเรียวสอดประสานไว้ไม่ปล่อย ขณะที่น้ำเสียงของตัวเขาเองก้องสะท้อนในสมอง..
"...พระอัลเลาะห์...ไม่อนุญาติให้สาวกของพระองค์ มีความรักที่ไร้ประโยชน์ รัก..ที่ไม่สามารถสืบเผ่าพันธ์ได้ " ..ทำไม่ได้..
เช่นเดียวกับที่เปลี่ยนใจ ให้คนบางคนเลิกคิดจะเป็นบอสมาเฟีย...
...
ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน..
อเล็กซานดร้า มาซีโลนี วาลกัส เกิดมาบนครอบครัวที่ร่ำรวยและเพียบพร้อม พ่อแม่ก็ถือว่าใจดีและรักใคร่กันมาก ครอบครัวก็ปกติสุข แม้จะมี"เบื้องหลัง"มากไปหน่อย นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
การเกิดมาเป็นลูกสาวคนเดียวยิ่งทำให้ถูกรักใคร่และเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดจนโตได้รับความสนอกสนใจจากผู้คนโดยรอบมาตลอด กระทั่งเข้าวงการบันเทิง แสดงละครแต่ละครั้งยังได้รับความสนใจล้นหลาม ดังนั้น ในชีวิตนี้ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เธอจะคิดว่าต้องมาถูกละทิ้ง ไม่ให้ความสำคัญกับการมีอยู่ของตนเองขนาดนี้
แต่นั่นมันก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น..
....หลังจากทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่าพี่ชายคนรองได้รับบาทเจ็บเธอก็รีบถ่ายละครและมาเยี่ยมทันที แม้ว่าจะต้องรอคอยถึงสามวันกว่าพี่ชายจะฟื้น(แต่สำหรับเธอถือว่าต้องรอคอยแค่วันเดียว แต่นั่นน่ะมากเกินพอแล้ว)แต่ในที่สุดพี่ชายของเธอก็ฟื้น และกำลังนั่งยิ้มอยู่บนเตียง แม้จะมีสภาพบาดเจ็บอยู่ก็ตาม...
...บิดาและมารดามาเยี่ยมตอนเช้าตรู่ของวันนี้และกลับไปเมื่อครู่..น้องชายก็มาเยี่ยมและออกไปจัดการเรื่องย้ายโรงพยาบาล ทำให้ตอนนี้เหลือเธอและพี่ชายคนโตคอยเฝ้าไข้..
แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เธอก็ทำให้เจ้าพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคน รับรู้ว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วยไม่ได้สักที..
อเล็กซานดรามองภาพพี่ชายฝาแฝดของหล่อนกำลังนั่งป้อนข้าวกันอยู่ ร่างของอเล็กเซย์พี่ชายคนรองนั่งเอนๆบนเตียง มีโต๊ะเตารีดแบบพับเก็บได้อยุ่ตรงหน้าและมีถาดอาหารเช้าวางอยู่ อาจจะเพราะคนป่วยไหล่หลุดไปข้างหนึ่ง ยังใช้ แขนขวาไม่ได้นั่นทำให้อเล็กซิส พี่ชายคนโตต้องลากเก้าอี้ไปนั่งข้างเตียงผู้ป่วยและค่อยๆตักอาหารให้แฝดน้องของตนเองอย่างเอาใจใส่...เอาอกเอาใจ..และ....ไม่เห็นหัวเธอเลยสักนิด...
...และที่สำคัญที่สุด...มีการป้อนข้าวที่ไหน ป้อนกันด้วยปากแบบนี้ไม่ทราบ..
อเล็กซานดร้าปิดนิตยสารในมือฟึ่บหลังจากนั่งมองการกินข้าวเช้าที่ดูท่าทางจะยืดยาวไม่จบสิ้นง่ายๆ ตวัดสายตามองพี่ชายฝาแฝดของตนที่เพิ่งจะละริมฝีปากออกจากกันได้อย่างหน่ายระอา รุ้แก่ใจอยู่หรอกว่าสองคนนี้"รัก"กันปานจะกลืนแค่ไหน..แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้คนภายนอกรับรู้ด้วยก็ได้..
" ซานดร้า ไปไหน? "คนป่วยออกปากถามงงๆเมื่อพบว่าน้องสาวกำลังจะเดินออกไป ใบหน้าสวยงามอันประกอบไปด้วยดวงตาสีฟ้าเข้ม และเส้นผมสีทองยาวสลวยหันมาตวัดมองเพียงครู่ ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจ..
" ไปซื้อกาแฟกินข้างล่างค่ะ...รอพวกพี่"ป้อน"ข้าวเช้ากันเสร็จก่อนแล้วจะขึ้นมา..โอเคนะ...อ้อ..พี่อเล็กซิส เอากาแฟสักแก้วไหม?.."
" เอสเพรสโซ่.."อเล็กซิสตอบพลางยกยิ้มให้น้องสาวที่เดินออกไปจากห้องเขายิ้มขันกับท่าทีแสนงอนของเจ้าตัว ขณะที่คนป่วยบนเตียงส่ายหัวระอา
"...เพราะนายแหละ ทำอะไรโจ่งแจ้ง เดี๋ยวได้โดนหมั่นไส้เอา.." อเล็กเซย์บ่นระอากับการแสดงออกของฝาแฝดผู้พี่..
" ไม่รู้ล่ะ..ก็ฉันคิดถึงนายนี่..." อเล็กซิสส่ายหัวเชิงไม่สน ทำให้คนฟังหัวเราะหึ รู้ว่าลองเจ้าตัวทำท่าทางแบบนี้แล้ว ห้ามไปก็เท่านั้น เขามองท่าทีรั้นๆที่หาดูได้ยากของคนรักอย่างขบขัน..ด้วยดวงตาที่มองเห็นเพียงข้างเดียวแลดูแปลกตา..
" ..หมอเขาว่ายังไงนะเรื่องตา.."อเล็กเซย์ออกปากถาม ทำให้คนที่กำลังตักอาหารอยู่ชะงัก อเล็กซิสมองใบหน้าคนถาม แม้เจ้าตัวจะมีท่าทีรื่นเริงขึ้นและอาการดีขึ้นมากแล้ว สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจและย้ายออกจากห้อง ICU ได้ แต่ทว่าบาดแผลก็ยังคงอยู่เช่นเดิม รวมทั้งที่ดวงตาซึ่งยังคงถูกปิดไว้..
" อ้อ...บ่ายนี้จะลองเปิดดูน่ะ ถ้าไม่มีอะไรก็ดี แต่ถ้าสะเก็ดระเบิดมันเข้าไป..ก็คงต้องผ่า.." อเล็กซิสบอกช้าๆเขาจ้องมองดวงตาสีฟ้าใสที่มองตอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเปลือกตาบางเบาๆ..
" อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ..ฉันไม่เป็นไรหรอก " อเล็กเซย์ยิ้มบางๆเอนตัวพิงแผ่นอกหนาอย่างปลอบประโลม
"....ถ้าฉันไม่ไป..เรื่องมันคง..."
"....ชู่ว...อย่าน่า...." อเล็กเซย์จุ๊ปากเบรกคำพูดของฝาแฝดไว้เพียงเท่านั้น เขาเงยหน้าไปมองเสี้ยวหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้นอย่างอาดูร "อย่าคิดมาก..นะ...ฉันไม่เป็นไร...อเล็ก...ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว หาทางเอาคืนพวกมันดีกว่า...."
"..เอาคืนส่วนนี้แทนเจ้าคาลมันด้วย.."
อเล็กซิสพยักหน้ารับช้าๆ หลังจากฟื้นไม่นานอเล็กเซย์ก็รู้ข่าวของน้องชาย จะว่าไปแล้วเจ้าตัวก็คงทำใจไว้ก่อนหน้าเพราะคนที่รู้ข่าวคนแรกก็คือตนเอง..แม้จะยังไม่รู้ผลชันสูตร แต่ทว่ารูปภาพและหลักฐานก็บอกอะไรได้มากพอแล้ว.. แม้จะมีท่าทีเศร้าสร้อยลงบ้างเมื่อทราบข่าว ทว่าพวกเขาก็รู้ดี ว่าสิ่งที่ควรทำต่อไปนี้คือการเตรียมพร้อมกับเรื่องที่จะเกิดต่อไป ไม่ใช่จะมาโศกเศร้า หวนไห้อาลัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น..
อเล็กซิสเอื้อมมือไปลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ ทอดมองเสี้ยวหน้าของคนป่วยด้วยดวงตาครุ่นคิด แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเรื่องการตายที่แท้จริงของคาวัลโลให้ทราบ และไม่ได้บอก...เรื่องที่พูดคุยกับผุ้เป็นลุงไว้เช่นกัน..
นัยน์ตาสีฟ้าสดก้มมองถ้วยอาหารของคนป่วย ช้อนในมือเขาคนมันช้าๆ เพื่อลดความร้อน ขณะที่ครุ่นคิดถึงเรื่องของ"ผู้นำ"ที่ผู้เป็นลุงยกขึ้นมาพูด...ก็เป็นอย่างที่คาด ว่าเมื่อคาวัลโลมัน..ตาย หรือมีผลพิสูจน์ว่าเจ้าตัวได้"ตาย"ลงในฐานะศพที่มีเพียงโครงกระดูกเช่นนั้นแล้ว การขาดผู้นำรุ่นต่อไป ทำให้เกิดภาวะวุ่นวายขึ้นได้ไม่ยาก เฟรเดริโก้ ผุ้เป็นลุงมาตกลงกับเขาเงียบๆเรื่องแผนการ์ณในสามเดือนให้หลังนี้ ทั้งการชันสูตรศพตามขั้นตอน การจัดงานศพหลังจากรู้ผล..และ"สงคราม"จัดการเจ้าพวกที่กล้ามาปองร้ายคนระดับบอสของตระกูลวาลกัส..
แผนคร่าวๆที่วางเอาไว้ คือหลังจากทำเรื่องย้ายตัวอเล็กเซย์ไปยังโรงพยาบาลที่ครอบครัวของพวกเขาถือหุ้นอยู่ ในอิตาลีเรียบร้อยแล้ว จะทิ้งคนไว้สืบหาต้นตอผู้ลงมือสังหารคาวัลโลจากทางนี้กลุ่มหนึ่ง และจะเริ่มสงครามที่อิตาลี..เตรียมกำลังพล สืบหาต้นตอที่คาดว่าจะต้องมีเอี่ยวกับผลประโยชน์ด้านนี้ไม่น้อย ที่แน่ๆคือระหว่างรอผลชันสูตรศพอย่างเป็นทางการ ตระกูลวาลกัสจะเตรียมการล่วงหน้า ในการเริ่มสงคราม..มาเฟียตระกูลวาลกัสทั้งหมด จะเปิดฉากบรรเลงบทเพลงมรณะให้กับพวกที่บังอาจมาปองร้ายคนของพวกเขา...เป็นการล้างแค้นให้กับผู้ล่วงลับ..โดยมีเขา อเล็กซิส จิโอวานนี่ วาลกัส..เป็นผู้นำ..
..เป็นไปตามคาดว่าสุดท้ายแล้ว ลุงของเขาก็ยังต้องการให้ตำแหน่ง"บอส" แก่ตนเองอยู่..
ต่างกันที่ตอนนี้เขายอมรับมันกลายๆ ไม่ใช่เพราะต้องการ แต่เพราะหากอยู่ในตำแหน่งนี้จะสามารถทำอะไรได้"สะดวก"ขึ้น ทั้งการตรวจสอบต่างๆ การสั่งการ ทำงาน ที่จะสามารถทำได้ดีกว่าอยู่ในฐานะอื่น
และอีกอย่าง...การเป็นบอสของเขา ไม่ใช่ตำแหน่งฐาวร เพราะเขาก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเจ้าคนนั้นมันยังอยู่ ที่เขาต้องทำ คือการสืบหาตัวต้นตอและปูทางให้เจ้าของตำแหน่งที่แท้จริงกลับมาได้โดยสวัสดิภาพ..
ดังนั้น การจะ ยอมรับปากเป็นบอสแค่ไม่กี่เดือน ..เพื่อภาระที่เขารับผิดชอบ และเพื่อปกป้องคนของตัวเองให้ได้ ทางเลือกนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว..
"อเล็ก... " เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นทำให้หลุดออกจากภวังค์ อเล็กซิสหันไปสบตาคนถาม พบว่าเจ้าตัวกำลังขมวดคิ้วมองหน้าเขาอยู่ด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น..
" ฉันรู้ว่าตอนนี้มีเรื่องให้คิดเยอะ..จนต้องขมวดคิ้วตลอดเวลา แต่ว่า...ถ้ามีอะไรก็บอกกันบ้างนะ..อย่าเก็บไว้คนเดียวสิ.." ออกปากบอกคนที่มักทำหน้าเครียดอยุ่เสมอด้วยแววตาอ่อนโยน อเล็กเซย์ยกมือไล้รอยย่นตรงหว่างคิ้วของฝาแฝดและกดวนเบาๆให้มันคลายตัวออก " ถึงฉันจะยังบาดเจ็บ..ช่วยตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเป็นภาระนะ.."
"พูดอะไรกัน..นายไม่เคยเป็นภาระสำหรับชั้นนะ เซย์.." อเล็กซิสกุมมือขาวจัดที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ
" อ้า...ก็เห็นกำลังเครียดอยู่นี่...อืม....การคอยปกป้องชั้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่อย่าห่วงไปเลย ตัวนายเองน่าเป็นห่วงกว่าเยอะ ถึงจะไม่อยากยุ่งกับเรื่องของคุณลุงแต่ฉันก็พอรู้ ว่าต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้น.." ฝ่ามือที่ถุกกุมไว้บีบรับมันเบาๆ พลางสบมองแววตาของคู่แฝดอย่างเข้าอกเข้าใจ "...เรื่องมันก็ใช่จะไม่เคยเกิดขึ้นนะ อเล็ก...ฉันรู้ว่านายรู้สึกแย่ และกำลังเอาจริงเอาจังอยุ่กับการเป็นห่วงและคอยดูแลฉัน..แต่ต้องดูแลตัวนายเองด้วย..ตกลงไหม?...ฉันรู้สึกได้นะว่าตั้งแต่ฟื้นมาเนี่ย นายมีเรื่องปวดหัวให้คิดอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดหย่อนเลย หน้าบึ้งได้ตลอด แถมยังแอบถอนหายใจบ่อยๆด้วย..ดุแลตัวเองบ้างสิ ถ้านายเป็นอะไรไปอีกคนน่ะ มันจะยิ่งแย่นะ.."
"เฮ้อ...ปิดนายไม่เคยได้เลยนะ เซย์..." อเล็กซิสหัวเราะออกมาเบาๆกับคำพุดของแฝดน้อง แม้ในสายตาของคนนอก อาจจะมองว่าอเล็กเซย์เป็นคนไม่ได้เรื่อง คอยเป็นตัวถ่วงทำให้เขาเป็นห่วงและยังเป็นตัว"เกะกะ"ชั้นดีที่ทำให้เขาไม่ยอมรับตำแหน่งบอส แต่กับตัวเขาแล้วอเล็กเซย์เป็นคนสำคัญ เป็นคนที่คอยห่วงใยและให้กำลังใจอยู่ตลอด เป็น"ครึ่งหนึ่ง"ของชีวิตที่แสนสำคัญและไม่มีวันที่เขาจะยอมให้เจ้าตัวเป็นอะไรไปได้..
" นั่นแหละ..บอกมาซิ ว่าเรากำลังจะทำอะไร ฮึ..." อเล็กเซย์ยกมือบีบแก้มฝาแฝดเบาๆแล้วทำปากจู่ส่งไปให้ ท่าทางของเขาเรียกเสียงหัวเราะเบาๆที่หาได้ยากจากแฝดคนพี่ ก่อนที่อเล็กซิสจะตักอาหารเช้าเข้าปากและเป็นฝ่ายชิง"ป้อน"เขาเสียก่อนราวกับจะตัดคำถาม..
" อืม..." ปลายลิ้นที่ตวัดอยู่ในโพรงปากเกี่ยวพันไม่ยอมถอดถอนออกง่ายๆแม้ว่าอาหารเช้าจะถูกกลืนลงท้องไปแล้ว อเล็เซย์ครางเบาๆแขนซ้ายที่ยังใช้การไได้อยู่กำเสื้อเชิ๊ตของอีกฝ่ายไว้แน่น..
"..อิ่มแล้ว..." รีบออกปากประท้วงเพราะเห็นท่าว่าอาหารมื้อเช้าจะไม่จบลงง่ายๆ การป้อนกันแบบนี้อาจจะเป็นปกติของพวกเขา แม้มันจะไม่ปกติในชีวิตของคนอื่น นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาสนใจก็จริง แต่กับสภาพสถานการ์ณและร่างกายแบบนี้แล้วนี่..จะป้อนไปจนร่างกายมันเกิดซุกซนขึ้นมาก็ไม่ดีเพราะสภาพของเขาตอนนี้ก็ไม่อำนวยพอจะทำกิจกรรมแบบนั้นเสียด้วย
" หือ?....ยังไม่อิ่มเลย.." คำพูดของคนไม่ได้ป่วยประท้วงออกมาพร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดจนแน่น อเล็กเซย์หรุบตามองเส้นผมสีเดียวกันของแฝดผู้พี่ซึ่งกำลังซบใบหน้าลงบนไหล่ของเขา เจ้าตัวโอบกอดเขาไว้ด้วยท่าทีทุนุถนอม ซบไหล่และกอดรัดโยกตัวเขาช้าๆ เหมือนกับกำลังปลุกปลอบและเติมพลังให้กับตัวเองอย่างไรอย่างนั้น..
"........." อเล็กเซย์ยกมือข้างซ้ายลูบเส้นผมของอีกฝ่ายช้าๆ เขาซบหน้าลงกับไหล่หนาแล้วหลับตาลง อาจจะเพราะเป็นฝาแฝดกัน อาจจะเพราะว่าผูกพันหรือรู้จักกันดีมามากกว่าครึ่งชีวิต เขาจึงสามรถรับรู้ได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกของแฝดผู้พี่กำลังเครียดขึ้งและหวั่นไหว...
"...il Ti amo... " คำบอกรักที่ได้ยินจนชินหู หากเมื่อไหร่ก็ยังรู้สึกยินดีทุกครั้งดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากที่แตะลงบนผิวแก้มเบาๆ อเล็กเซย์หลับตาลงช้าๆเมื่อถูกประทับรอยจูบลงบนเปลือกตา สันจมูก..และริมฝีปาก..อีกฝ่ายแตะลงไปเบาๆ กดนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่ได้สอดปลายลิ้นเข้ามาพัวพัน หากแต่ก็ทำให้รู้สึกอุ่นซ่านวาบไปถึงหัวใจ
" Ti amo..Alex..." กระซิบตอบเบาๆ พลางลืมตามาสบมองดวงตาสีฟ้าสดที่แสนคุ้น อเล็กเซย์เป็นฝ่ายกดแนบริมฝีปากของตนเข้ากับอีกฝ่ายแรงขึ้น ..จูบเบาๆ..กดย้ำซ้ำราวกับจะเรียกความมั่นใจและสัมผัสที่ห่างหายไปเพียงไม่กี่วัน หากเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก..
" cara mie..." หากมีคนคอยปลอบประโลมและดูแลในช่วงเวลาที่ว้าวุ่นหรือหนักใจ คนเรามักจะมีท่าทีอ่อนลงโดยอัตโนมัติ และจะยอมเผยทุกสิ่งทุกอย่างแก่คนๆนั้น อเล็กซิสเองก็เช่นกันเขากอดร่างของแฝดคนน้องแน่นขึ้น หลับตาลงและจูบริมฝีปากอีกฝ่ายซ้ำๆ กระซิบคำรักไปมาราวกับคนละเมอ..
"..แย่ที่สุดเลย..ตอนที่นายหลับอยู่ ฉันมัวแต่คิดว่าถ้านายไม่ตื่นขึ้นมาฉันจะทำยังไง..เซย์..."อเล็กซิสหลับตาลงซุกใบหน้าลงกับไหล่ผอมและสูดดมกลิ่นกายของอีกฝ่าย " ฉันคิดถึงนายจะแย่..เอาแต่คิด ว่าถ้าฉันไม่ไปตามที่พ่อสั่งเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ฉันโกรธกระทั่งพ่อ คิดไปว่าพ่อเป็นคนทำเรื่องแบบนี้....ให้ตายสิ ฉันนี่รักนายเกินไปแล้ว รักนายจนจะบ้าแล้วจริงๆ..."
อเล็กเซย์กอดร่างอีกฝ่ายไว้แน่น ไม่บ่อยนักที่อเล็กซิส..ฝาแฝดคนพี่ ผู้ชายเก็บอารมณ์จอมเคร่งเครียดคนนี้จะยอมพูดอะไรแบบนี้ออกมา แม้เวลาที่เจ้าตัวอยู่กับเขาจะมีท่าทีผ่อนคลายกว่าปกติ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงลักษณะเดิมของตนเองไว้ไม่เปลี่ยน ดังนั้น นี่ถือว่านานๆครั้ง..นานพอดูทีเดียวกว่าเจ้าตัวจะยอมออกปากพูดอะไรหรือระบายอะไรแบบจริงๆจังให้เขารู้...รอยยิ้มบางๆทาบบนริมฝีปากที่สั่นระริก..ไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี เมื่อความคิดที่อีกฝ่ายพูดออกมามันเป็นความกัลวลเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น..รัก...รักมากเกินไปแล้ว อเล็ก..ฉันก็เหมือนกัน..ฉันก็รัก...รักจนแทบบ้าเหมือนกัน...
โต๊ะเตารีดที่ใช้วางอาหารถูกพับเก็บไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน อเล็กซิสขยับตัวมานั่งเอนๆบนเตียงพยาบาล โดยให้คนป่วยเป็นฝ่ายพิงตัวเขาไว้ พูดคุยและกอดจูบอีกฝ่ายเป็นพักๆอย่างควบคุมตัวไม่ได้ ซึ่งอเล็กเซย์ก็ไม่ได้ออกปากห้ามปรามอะไร ยอมเป็นตุ๊กตาตัวโปรดให้คนรักกกกอดแต่โดยดี...
นัยน์ตาคนฟังหรี่ลงช้าๆเมื่อได้ฟังเรื่องของการเตรียมตัวเปิดสงครามมาเฟียของครอบครัว ครั้งนี้มันได้รับแรงสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายลุงที่เป็นมาเฟียและฝ่ายพ่อของเขาที่ทำธุรกิจ กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่คิดจะค้าน ไม่ใช่เพราะโกรธแค้นรื่องของตัวเองที่โดนทำร้าย แต่เพราะแก้แค้นให้กับน้องชาย...แก้แค้นให้กับ คาวัลโล วาลกัส ที่ต้องตกเป็นเหยื่อ..
อเล็กเซย์หรุบตาแล้วถอนหายใจเมื่อนึกถึงน้องชายคนสุดท้อง ถึงคาวัลโลมันจะชอบก่อกวนหรือชอบแกล้งพวกเขายังไง น้องก็คือน้อง เขาก็รักและผูกพันกับเจ้าตัวไม่ใช่น้อย..
....คาวัลโลยังเป็นคนสำคัญที่ทำให้ปัญหาเรื่อง"ตำแหน่งบอส"จบลง ทำให้เขาและอเล็กซิสสามารถรักกันต่อไปได้..
อีกทั้งการสูญเสียคนในครอบครัว เป็นใครก็ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา..
" อเล็ก..." เสียงเรียกของฝาแฝดดังขึ้นหลังจากที่ก้มลงจูบเจ้าตัวเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจนับได้...อเล็กซิสครางรับเบาๆขณะที่จูบปลายนิ้วอีกฝ่ายเล่น..
"..ใครจะเป็น....คนจัดการเรื่องครั้งนี้..." เขาหมายถึง..คนที่อาสาจะจัดการเรื่องกหารโจมตีและสงครามทั้งหมด...ซึ่งหมายถึง คนที่จะเป็นบอสคนต่อไป..
" ฉันเอง" แรงกดเบาๆชวนจั๊กจี้จากหลังมือที่ถูกจูบ แทรกเข้ามาในหัวใจที่เย็นวาบได้อย่างยากเย็น อเล็กเซย์กระพริบตาอย่างเชื่องช้า..ในอกหนาววูบ...
...อเล็กซิส...
ตกลงรับปากจะเป็น"บอส"งั้นหรือ?
...
ฮ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอกรี้ดอย่างไม่มีเหตุผลซักทีนึง555+(นั่นคือเสียงกรี้ดแบบอัพเลเวล กรี้ดยกกำลังสองจากกรี้ดดดด เป็นฮ้ากกกกก แทน)
ไม่ไหวเหอะ อะไรเนี่ย นี่มันอะไรเนี่ย พวกนายเป็นอะไรไปหา อัลชาอ์? คาวี่? เคยจำรึเปล่าว่าเมื่อวานยังเอาฝ่าตรีนฟาดกันอยู่เลย แล้ววันนี้มันมีอะไร WTF!! มาสวีต ดูแผนท่งแผนที่ อิจฉาอ่ะ ถ้าตอนเรียนดูแผนที่ชั้นมีคนสอนแบบนี้ รับรองได้4+++ มากินแล้วย่ะ !! (หมั่นไส้วุ้ย)
แต่ชอบอารมณ์แบบนี้นะ 55+ คือแบบไม่หวานมากหรอก ได้แค่พุดคุยอะไรกันแบบสนิทสนม ด้วยความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย มันก็ถือว่าโอเคแล้วนะ ดีกว่ามาวิวาทฟาดปาก หรือปั้นหน้าแสดงละครสวีตกันเยอะ รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติดี ดูแบบว่า เออ ก็คุยกันรู้เรื่องนี้ ถ้าเลิกปากไม่ดีใส่กันก้คุยกันรู้เรื่องนี่ อืมๆ(555+) นี่ถือป็นการพัฒนาแบบว่าก้าวเล้กๆ แต่แสนยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทั้งสองเชื้อชาติ ( )
ประเด็นคือตอนนี้คาวี่มันน่ารักอ่ะ เหมือนเด็ก(ก็ยังเด็กอยู่นะนี่)แบบว่าอยากรู้อยากเห็น ตื่นเต้นกับของที่ไม่เคยเจอน่ารักน่าฟัดชะมัดยาดดดดด(น้ำลายหก)
ส่วนในเต้นท์..คือเอิ่ม...ตอนแรกอิชั้นกะจะให้คาวี่เล่าเรื่องมาเฟียในอิตาลีเป็นการปูพื้นความเข้าใจนิดหน่อยแล้วสวีตกันแค่นั้นเอ๊งงง ทำม้ายยย ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้... ทำเอาท่านชีครู้ตัวเลยล่ะ 555+
และทำให้คาวี่กลายเป็นพญามารน้อยๆเช่นกัน ประโยค" มันไม่ใช่ความรัก มันคือความผิดปกติ "นี่เจอในกระทู้ค้ำคอร์(แฟนการ์ตูนคงรู้ว่ามันคือแนวไหน ) ที่พันทิป มีคนเม้นแบบนี้ปั๊บ...อ่านแล้วแบบว่า...เจ็บกระแทกจนจุกอั่กกกกกกก คือไม่ได้สนับสนุนค้ำคอร์น่ะ แต่ถึงงเป็นนิยายที่ตัวเองแต่งมันก็ยัง...โอย...จุกเลยเหอะ ไม่แปลกใจหรอก ว่าคาวี่พุดแบบนี้แล้วจะโดนทำร้ายร่างกาย เหอๆ
และเรื่องบุคลิกแบบนั้นของเจ้าตัว ไอ้เรื่องการไม่เชื่อเรื่องความรักนี่ถือเป็นเมนหลักๆของคาวี่เลยนะค่ะ แบบว่าฉันสนแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ คนอื่นจะเจ็บจะตายจะอะไรช่างมัน ไม่คิดจะสนใจใคร ไม่มีหรอกนายเอกแสนใจดี ทำตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องน่ะ ไปหาเอาเรื่องอื่น(555+) แบบนี้ล่ะคาวี่ เมื่อท่านชีคพลัดตกหลุมรักของคาวี่แล้วไซร้ รับรองว่างานนี้อัลชาอ์ได้กระอักเลือกออกมาแน่ๆนะเออ อีกไม่นานคงมีคนเชียร์ให้พระเอกไปรักคนอื่นแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรจีะคาวี่ คุณแม่ขารักหนูเสมอออออ
ส่วนอเล็กซี่ทั้งสอง..สวีตกันแบบแปลกๆ ฮ่า....เรื่องบุคลิคของอเล็กซิสนี่... พี่แก....รักรุนแรงเหมือนจะหลุดโลกเลย เวลาจริงจังก็จริงจังมาก สังเกตว่าเวลาน๊อตหลุด จะกลายเป็นเด็กไปเลย ชอบกอดชอบหอมบอกรักพร่ำเพ้อไปมาเหมือนหยุดไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าขาดใครไปสักคน สองหน่อนี่อาจจะเป๋จนถึงขั้นอยากตายตามก็ได้(เคยถึงขั้นนั้นมาแล้วนี่..อุ๊บ..สปอยล์)
ปล. ช่วงนี้งดอัพพี่โตน้องเนมชั่วคราว วุ่นวายกับการส่งของทำหนังสืออยู่ ส่วนเรื่องนี้ที่เอามาลงได้เพราะมันมีสต๊อกจ๊ะ
ปล. สอง เพราะโดนเรปบนทวงถุกเวลาเลยเอามาลง รู้ได้ไงนิว่าแอบแว่บมาดูทู้น่ะ