[เรื่องสั้น] ขอเพียงเอ่ยว่ารัก ตอนพิเศษ คำหวานคืนปีใหม่ (ไทย) P.3 [14.04.13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ขอเพียงเอ่ยว่ารัก ตอนพิเศษ คำหวานคืนปีใหม่ (ไทย) P.3 [14.04.13]  (อ่าน 29270 ครั้ง)

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ขอเพียงเอ่ยว่ารัก


เอ่ยคำว่ารักไม่ยากเท่าไหร่ เพียงเธอไม่มีหัวใจ ปากคอยพูดไป
ไม่ต้องใส่ใจถ้อยคำ ว่าทำลายใจใครที่มัวงมงายว่าจริง
เอ่ยคำว่ารักไม่ยากเท่าไหร่ ใครๆก็พูดกันได้
หากใครเชื่อใจ ก็ปล่อยให้ทนช้ำใจ..ไปเอง


ผมเคยได้ยินเนื้อเพลงที่บอกว่าการเอ่ยคำว่ารักไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าคนพูดจะหมายความตามที่พูดหรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่อง ตอนที่เคยได้ยินเพลงนี้แรกๆ ผมก็เคยนึกว่ามันเป็นไปได้หรือที่คนเราจะบอกว่ารักใครสักคนได้ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง แต่ไม่นานมานี้ ผมก็เริ่มคิดได้ว่า บางที...การบอกคำว่ารักอาจไม่ได้หมายความว่าคนพูดอยากหลอกลวงคนฟังเพื่อเก็บคนคนนั้นไว้กับตัว แต่เพื่อรักษาความรู้สึกของเขาคนนั้น จนกว่าจึงวันที่เขาคิดได้เองว่าคำพูดนั้นว่างเปล่าไร้ความหมาย และสุดท้ายก็ยอมออกไปจากชีวิตของคนพูดเสียที อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความกรุณาที่โหดร้ายก็เป็นได้

เหมือนที่ผมรู้สึกกับคำพูดนั้นของคุณในตอนนี้

ผมไม่รู้ว่าเคยถามคำถามนี้กับคุณไปกี่ครั้งแล้ว อาจจะมากพอๆกับจำนวนครั้งที่เรามีอะไรกัน ท่ามกลางเสียงหอบหายใจและไอร้อนผ่าวจากสองร่างที่เพิ่งได้สอดประสานกันเป็นหนึ่ง เมื่ออารมณ์ของเราสองบรรลุถึงจุดสิ้นสุดและร่างกายของเราทั้งคู่ผละจากกัน ผมจะยังคงนอนลืมตาแล้วกุมมือข้างหนึ่งของคุณเอาไว้ มือที่บางครั้งจิกเล็บลงมาบนไหล่ผมเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดยามที่ถูกผมโหมกระแทกร่างกายเข้าใส่ มือที่บางครั้งก็ลูบผมและใบหน้าให้อย่างอ่อนโยนยามที่ผมค่อยๆชื่นชมกับร่างกายของคุณเหมือนกำลังแตะต้องของมีค่าที่ผมไม่คู่ควร ทุกครั้งที่ผมถามคำถามนี้ คุณจะเงียบไปอึดใจหนึ่งทุกครั้งเหมือนต้องค้นหาใจตัวเองว่าควรจะตอบผมอย่างไร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วจนบางครั้งผมไม่แน่ใจว่าได้ยินคำตอบจริงๆ

“รักสิ”

ทุกครั้งที่พูดคำนั้นออกมา คุณรู้สึกแบบเดียวกับที่พูดจริงหรือเปล่า?

และทำไม...ถึงมีแต่ผม...ที่เป็นฝ่ายเฝ้าถามอยู่เรื่อยมา?


++------++


ฝนตกอีกแล้ว วันนี้ผมมัวแต่คุยเรื่องรายงานกับเพื่อนๆจนดึกก่อนจะโบกเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน จริงอยู่ว่าตั้งแต่เข้ามหา’ลัยมา ผมก็สนใจเรียนบ้างเกเรบ้างไปตามประสา แต่เพราะตั้งแต่พบคุณและถูกคุณสอนว่าให้เอาใจใส่อนาคตตัวเองให้มากกว่านี้ ผมก็เลยเริ่มปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ขยันเข้าห้องเรียนมากขึ้นและเกเรน้อยลง เผื่อว่ามันจะทำให้ผมคู่ควรกับคุณมากขึ้นอีกนิด ถึงกับมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่คบกันมานานเพียงเพราะมันดูถูกคุณที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป โดยที่ไม่เคยปริปากเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะผมไม่อยากให้คุณรู้สึกผิดและคบกับผมเพราะความสงสารเท่านั้น

ผมมองผ่านกระจกหน้ารถแท็กซี่ที่พร่ามัวเพราะฝนที่ตกกระหน่ำไม่หยุด ทั้งที่สี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่บนถนนกลับเต็มไปด้วยรถยนต์ที่พร้อมใจมาติดฝนในเส้นทางเดียวกัน ผมนั่งมองไฟท้ายรถสีแดงจากเหล่ารถยนต์ที่เรียงกันเป็นแพอยู่ข้างหน้า แล้วก็ตัดสินใจว่านั่งต่อไปก็เปล่าประโยชน์

“ลุง...เดี๋ยวผมลงตรงนี้แล้วกัน”

ผมเอ่ยขึ้นพลางควักกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบหาค่าแท็กซี่ ลุงคนขับที่กำลังนั่งเคาะนิ้วบนพวงมาลัยเลยเหลือบมองผมผ่านกระจกมองหลังแล้วขมวดคิ้ว

“จะเอางั้นก็ตามใจ ว่าแต่น้องมีร่มมาเหรอ? ดูท่ามันจะไม่หยุดตกง่ายๆนา”

ผมส่ายหน้าแล้วก็ยื่นเงินเท่าตัวเลขบนมิเตอร์ให้คนขับ “ไม่มีครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก”

เมื่อก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ เสียงพายุฝนและฟ้าร้องที่ได้ยินมาตั้งแต่ครู่ก่อนก็ดูจะดังขึ้นอีกหลายเท่า ผมรีบเดินเลาะหน้ารถคันที่จอดอยู่ข้างๆแล้วก็วิ่งเหยาะๆไปจนถึงป้ายรถเมล์ใกล้กับสะพานลอยข้างถนน ตรงป้ายนั้นมีคนที่กำลังยืนเบียดเสียดกันอยู่ใต้หลังคาเพื่อหลบฝนที่สาดเฉียงลงมาระหว่างรอรถจนแน่นไปหมด และตอนนี้ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเข้าไปขออาศัยพื้นที่ที่เหลือเพื่อหลบเลี่ยงจากความเปียกด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ตอนนี้เสื้อของผมจะเริ่มเปียกโชกเพราะเพิ่งวิ่งฝ่าฝนมาก็ตาม

ผมยืนเอามือสองข้างกอดแขนตัวเองด้วยความหนาว เพราะว่าผมมาทีหลัง พื้นที่ส่วนที่ไม่โดนฝนใต้หลังคาป้ายรถเมล์จึงแทบไม่เหลือแล้ว ผมยืนอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปด้านหลังเมื่อรู้สึกว่าโดนสะกิด และเห็นหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งกำลังยิ้มให้และพยักหน้าเหมือนจะบอกให้กระเถิบไปด้านหลังอีกนิดได้ ผมจึงพยักหน้าขอบคุณและถอยไปยืนตรงที่ข้างๆเธอ

ระหว่างที่พวกเรายืนหลบฝนและดูการจราจรตรงหน้าที่แทบจะเป็นอัมพาต พายุฝนก็ยังคงเทลงมาอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุด หลังจากเบื่อกับภาพที่แทบไม่มีอะไรเคลื่อนไหวตรงหน้า ผมก็เหลือบตาไปมองผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ข้างๆแทน ความที่ผมเป็นคนตัวค่อนข้างสูง ส่วนเธอก็น่าจะไม่ได้สูงไปกว่าผู้หญิงมาตรฐานทั่วไป สายตาของผมที่เหลือบไปจึงตกลงบนเนินอกของเธอพอดี ความจริงแล้วเสื้อเชิ้ตมีระบายตรงคอปกของเธอนั้นถือว่าเรียบร้อยและมิดชิดทีเดียว แต่คงเพราะเธอไม่มีร่มและเดินตากฝนมาก่อนเหมือนกัน เสื้อเชิ้ตผ้าบางที่ชุ่มน้ำจึงแนบกับเนินเนื้ออิ่มและขับให้เห็นโครงและขอบเสื้อชั้นในลูกไม้ได้ถนัดตา

ผมไม่รู้ว่าสายตาของผมตกอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน แต่ดูเหมือนเธอจะพอรู้ตัวว่ากำลังโดนจ้องมอง ผิวแก้มเนียนทั้งสองข้างจึงแต้มสีกลีบกุหลาบขึ้น ส่วนมือที่ถือแฟ้มพลาสติกในมือก็ยกขึ้นมากอดไว้ราวกับต้องการจะปิดบังเรือนร่างของตัวเอง นัยน์ตากลมโตของเธอเหลือบขึ้นมองผมนิดหนึ่งก่อนจะก้มหนีด้วยท่วงท่าเหมือนอาย และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จึงกระแอมออกมาแล้วละสายตาขึ้นมองถนนตรงหน้าเช่นเดิม

ผมรู้ดีว่าตัวเองเสียมารยาทที่เผลอจ้องมองร่างกายของหญิงสาวแปลกหน้าแบบนั้น แต่หากใครได้รู้ว่าผมมองภาพเมื่อครู่โดยไม่รู้สึกว่าถูกกระตุ้นเร้าทางเพศเลยอาจจะแปลกใจมากกว่า ใช่ว่าผมจะไม่เคยผ่านการได้ลิ้มลองความยั่วยวนของร่างกายผู้หญิงมาก่อน บางทีอาจจะมากกว่าที่ผมอยากจะนับด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนหลังจากที่ผมได้เริ่มทำความคุ้นเคยกับร่างกายของคุณเป็นต้นมา หลังจากนั้นผมกลับไม่รู้สึกอะไรเวลาได้มองร่างกายของผู้หญิงอีกเลย แต่กับร่างเปลือยของผู้ชายคนอื่นก็ไม่ทำให้ผมหายใจติดขัด หรือรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวได้เหมือนเวลาที่มองคุณเลยสักนิด

ผมเหลือบตาลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าถูกคนข้างตัวเบียด และทำให้รู้ว่ามีคนที่เพิ่งลงมาจากสะพานลอยเข้ามาอาศัยหลบฝนเพิ่มขึ้น เธอเลยต้องขยับเข้ามาชิดผมมากขึ้นเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้มาใหม่ เจ้าของใบหน้าเนียนรูปไข่เหลือบตาขึ้นแล้วก็ยิ้มอย่างเขินอายให้ผมอีกครั้ง เพราะการขยับตัวเมื่อครู่ทำให้เนินอกของเธอชนเข้ากับศอกของผมอย่างจัง ผมจึงยกมุมปากนิดหนึ่งแล้วเก็บศอกเข้ามาให้ชิดตัวมากขึ้น ทั้งเพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าผมฉวยโอกาส ทั้งเพื่อไม่ให้ความหวังในกรณีที่เธอกำลังคิดอะไรเกินเลยด้วย

เข็มนาฬิกาบนข้อมือชี้บอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง และผมก็ไม่รู้ว่าถ้าหากผมโทรไปหาตอนนี้คุณจะโกรธไหม เพราะว่าคุณเคยบอกผมเองว่าช่วงนี้งานยุ่งมากจนบางครั้งต้องทำงานที่ออฟฟิศข้ามคืน และตอนแรกที่ตัดสินใจลงมาจากแท็กซี่ก็เพียงเพราะผมเบื่อกับการต้องนั่งอยู่ในที่แคบๆที่ไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ในตอนนี้ ผมกลับรู้สึกว่า...ขอเพียงได้เห็นบ้านของคุณ...ถึงแม้คุณจะไม่อยู่...ก็ยังดี

สายฟ้าแลบเป็นเส้นใหญ่ติดๆกันราวกับท้องฟ้ากำลังปริแตก ก่อนจะตามด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นจนหลายคนส่งเสียงกรีดร้องอย่างตกใจ และในวินาทีนั้นผมก็ตัดสินใจเดินออกจากป้ายรถเมล์ที่แออัดไปทางสะพานลอยทันที

ฝนที่ตกกระหน่ำทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวของผมเปียกชุ่ม และตอนนี้ความเปียกนั้นก็ซึมไปทั้งกางเกงและถุงเท้าที่อยู่ใต้รองเท้าหนังสีดำ หลังจากผมเดินข้ามสะพานลอยมาถึงอีกฝั่งแล้ว ผมก็หันกลับไปมองป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง และเห็นว่าหญิงสาวที่ผมยืนอยู่ข้างๆเมื่อครู่กำลังมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่แสดงความห่วงใย แต่ผมก็เพียงหันหลังกลับแล้วเดินเข้าในซอยที่เป็นทางลัดไปบ้านของคุณโดยไม่หันหลังกลับไปอีก

ผมยอมรับว่าวูบหนึ่ง...ชั่ววูบเดียวเท่านั้น...ที่ผมเผลอคิดไปว่า ถ้าหากผมชวนเธอขึ้นแท็กซี่ไปหาที่หลบฝนด้วยกัน ค่ำคืนนี้จะจบลงอย่างไร แต่ก็รู้ดีว่านั่นคงเป็นการกระทำที่ต่ำช้าที่สุด เพราะเท่ากับว่าผมกำลังดูถูกเธอคนนั้น เช่นเดียวกันกับที่กำลังดูถูกความรู้สึกของตัวเองที่มีให้กับคุณ ไม่ว่าคุณจะเห็นค่าของมันหรือไม่ก็ตาม

เสียงแตรจากวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างดังมาเข้าหูขณะที่ผมกำลังเดินเข้าซอย ผมจึงหันไปแล้วโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ เพราะเมื่อเปียกขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะเดินหรือนั่งรถไปก็มีค่าเท่ากัน และที่สำคัญที่สุด...ผมก็อยากใช้ช่วงเวลานี้คิดทบทวนเรื่องราวระหว่างเราไปด้วย

ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันครั้งแรกเพราะอาทนความเรื่อยเฉื่อยของผมไม่ไหวจนให้ไปฝึกงานในแผนกของคุณ ผมก็รู้ดีว่าตัวเองมีแต่เพิ่มภาระให้คุณเพราะความเกเรและไม่ใส่ใจ แต่คุณกลับไม่เคยดุด่าหรือเอาเรื่องไปฟ้องอาของผมเพื่อให้ผมโดนย้ายไปฝึกงานที่แผนกอื่นเลยสักครั้ง ผมเคยคิดว่านั่นเป็นเพราะความเป็นคนใจดีจนเกือบจะเหมือนซื่อ...ที่ทำให้คุณยอมออกหน้าปกป้องแม้กระทั่งเวลาที่ผมตั้งใจทำงานผิด และผมก็เกือบจะใจอ่อนจนเชื่อแล้วว่าเพราะคุณหวังดีและอยากให้ผมกลับเนื้อกลับตัวจากที่เคยเอาแต่เที่ยวเล่นไม่สนใจเรียนอย่างจริงจัง จนกระทั่งวันหนึ่งผมไปแอบได้ยินบทสนทนาของคุณกับอา ที่ทำให้ผมรู้ว่าอาเล่าเรื่องที่ผมโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ดูดำดูดีจนกลายเป็นเด็กรวยที่มีปัญหา และทำให้ผมฉุนขาดว่าคุณไม่ได้เห็นใจผมเพราะตัวผมเอง แต่แค่สงสารเพราะเรื่องราวชีวิตบัดซบที่คุณได้ยิน กับเพราะอาฝากฝังคุณมาให้ช่วยดูแลผมก็เท่านั้น

ผมยอมรับว่าผมเสียใจที่ชวนทะเลาะและใช้กำลังขืนใจคุณในห้องทำงานของคุณเอง แต่เพราะผมไม่คุ้นเคยกับการใช้ความอ่อนโยนเพื่อแสดงความรู้สึกในใจ ผมจึงไม่เคยขอโทษหรือแสดงความสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำกับคุณเลยสักครั้ง และทั้งๆที่คิดว่าหลังจากเรื่องราวเลวๆที่ทำลงไป คุณคงจะตัดหางปล่อยวัดผมอีกคนแทนการชดใช้ความผิด วันถัดมาคุณกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและขอให้ผมช่วยงานเหมือนเดิม และแม้แต่ชวนผมออกไปเลี้ยงข้าวกลางวันด้วย และพอผมมาใคร่ครวญดูอีกที ผมก็คิดว่าบางที...นั่นอาจจะเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผมเริ่มรักคุณขึ้นมาจริงๆ

ความสัมพันธ์ของเราพัฒนามากขึ้นจากจุดนั้นเป็นต้นมา ผมเริ่มตั้งใจช่วยงานคุณตามที่ได้รับมอบหมายมากขึ้น ยอมให้คุณสั่งสอนให้เลิกนิสัยชอบเที่ยวสำมะเลเทเมาและใส่ใจการเรียนมากขึ้น ผมยังจำสีหน้าของคุณตอนที่ผมถามว่าถ้าผมทำตามแล้วคุณจะยอมคบกับผมไหม ตอนนั้นคุณทำตาโตแล้วก็ทำหน้าตื่นๆเหมือนตกใจ แต่จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วตอบรับอุบอิบด้วยการให้ผมสัญญาว่าจะกลับตัวจริงๆตามที่คุณขอ ผมเลยขอมีอะไรกับคุณอีกครั้ง และถึงแม้จะดูออกว่าคุณไม่ค่อยเต็มใจ แต่ผมก็พยายามที่สุดที่จะไม่ให้ความทรงจำเลวร้ายของครั้งแรกมาทำให้คุณไม่มีความสุข ผมอ่อนโยนกับคุณอย่างที่ผมไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนในชีวิต และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณยอมโอนอ่อนเวลาที่ผมขอมีอะไรกับคุณในครั้งหลังๆก็เป็นได้

จากตอนนั้นก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว ความสัมพันธ์ของเรายังคงเหมือนเดิม ผมไม่มีใครนอกจากคุณ และคุณก็ไม่มีใครนอกจากผม และดูเหมือนอาของผมที่เป็นคนฝากฝังผมกับคุณก็จะรู้เรื่องที่ดำเนินไประหว่างเราแต่ไม่ได้ทักท้วง ทุกอย่างน่าจะจบลงด้วยดี เมื่อในตอนนี้ผลการเรียนในปีที่สี่ของผมก็กระเตื้องขึ้น และอนาคตที่จะเข้าไปทำงานในบริษัทเดียวกับคุณก็ไม่น่าจะมีอุปสรรคใดมาขัดขวาง

ถ้าไม่ใช่เพียงเพราะ...ผมยังทำใจเชื่อกับคำว่า ‘รัก’ ของคุณไม่ลง


++------++


ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งกิโลเมตรที่ผมเดินมาจากปากซอยโดยที่พายุฝนไม่ลดความรุนแรง สมองผมที่เอาแต่คิดเรื่องของเราสองคนวนไปมาก็ดูเหมือนจะเริ่มตื้อเพราะน้ำฝน บางทีผมควรจะทำเป็นไม่มองจุดนี้เสีย บางทีผมควรจะปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คลุมเครือแต่ก็ไม่มีอะไรให้หนักใจ และบางทีผมคงไม่นึกสะกิดใจกับคำว่ารักของคุณที่ผมอ้อนขอฟังอยู่บ่อยครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆวันนี้เพื่อนผมก็ถามขึ้นมาว่า ผมกับคุณ...เราคือ ‘คนที่ใช่’ ของกันและกัน...แน่แล้วหรือ?

ผมรู้ว่าผมเป็นคนเอาแต่ใจ แล้วก็รู้ด้วยว่าทรัพย์สินเงินทองที่มีไม่ช่วยอะไรได้เลยหากคุณไม่เคยนึกรักผมจริงๆ ก็ผมจะทำอะไรได้ถ้าหากทุกสิ่งที่คุณทำเป็นไปเพื่อเอาใจไอ้เด็กที่มันขาดความอบอุ่นมาทั้งชีวิตคนหนึ่งเท่านั้น และผมจะมีอำนาจไปบังคับหรือกะเกณฑ์อะไรได้ ถ้าหากความรู้สึกที่อยู่ในใจของคุณ...มันตรงข้ามกับสิ่งที่คุณพร่ำตอบผมมาตลอด

ผมควรจะพอใจที่คุณยอมอยู่กับผม ยอมพูดว่ารักให้ผมฟังตามที่ขอ...หรือว่าควรจะปล่อยคุณไป ให้คุณมีโอกาสกับใครคนอื่นที่คุณอาจจะอยากเปิดหัวใจรับมากกว่ากันแน่?

ผมไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลาเดินมานานแค่ไหน แต่เมื่อรู้ตัวอีกครั้ง เท้าที่อุ้มน้ำจนชุ่มในรองเท้าก็พาผมมาถึงรั้วบ้านที่คุ้นเคย ด้านข้างซ้ายขวาของบ้านสองชั้นถูกขนาบด้วยต้นไม้ต้นใหญ่ที่คุณเคยบอกว่าพ่อกับแม่ของคุณช่วยกันปลูกไว้ตั้งแต่ก่อนคุณเกิด แต่หลังจากท่านทั้งสองจากไป คุณก็กลายเป็นผู้อาศัยในบ้านหลังนี้เพียงลำพังตลอดมา และผมก็ไม่กล้าคิดว่าถ้าหากท่านทั้งสองยังอยู่ คุณจะยังพาผมมาเยี่ยมบ้านและกล้าเปิดตัวให้ท่านทั้งสองรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร บางทีสาเหตุหนึ่งที่คุณเห็นใจและยอมคบกับผม...อาจเป็นเพราะเราทั้งคู่ต่างก็โดดเดี่ยวโดยไม่มีครอบครัวที่คอยโอบอุ้มก็เป็นได้

รถที่จอดอยู่หน้าบ้านและแสงไฟภายในทำให้ผมรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว แต่เพราะเสียงฝนที่ยังเทลงจากฟ้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมเลยไม่รู้ว่าคุณกำลังดูโทรทัศน์หรือทำอะไรอยู่ ความเหน็บหนาวจากน้ำฝนทำให้ผมนึกอยากเข้าไปหาไออุ่นภายในบ้าน แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ไม่กล้าจะกดกริ่งหรือส่งเสียงเรียก เพราะกลัวว่าถ้าหากได้เจอหน้ากัน ผมอาจจะถามคำถามที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราต้องเปลี่ยนไปออกมา

ผมยืนมองห้องนั่งเล่นของคุณอยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งไฟดับลง และอึดใจถัดมาก็เห็นแสงไฟบนห้องนอนที่ชั้นสองสว่างขึ้น ตอนนี้ฝนเริ่มซาลงกว่าเมื่อครู่นี้แล้ว แต่ความขี้ขลาดก็ทำให้ผมยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าที่จะกดกริ่งเรียก และไม่กล้าที่จะเดินหนีและกลับบ้านไปเสียที ได้แต่คิดว่าขอแค่คืนนี้ได้ส่งคุณเข้านอนจากตรงนี้ก็พอใจแล้ว

ผมหรี่ตาสู้ฝนขณะแหงนหน้าขึ้นมองห้องนอนของคุณ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างผมที่ตั้งใจว่าจะกลับไปเงียบๆหลังจากที่ไฟในห้องดับลง เพราะว่าจู่ๆคุณก็เดินมาเลิกม่านหน้าต่างออก และสายตาของเราสองคนก็ประสานกันเข้าพอดี

ผมไม่กล้าคิดว่าตอนที่เห็นผมนั้นคุณโกรธหรือเปล่า แต่คุณก็รีบหันหลังกลับเข้าไปข้างในแทบจะทันที จากนั้นไฟในห้องนั่งเล่นก็สว่างขึ้น พอผมรู้แล้วว่าคุณกำลังจะเดินออกมาหา ผมเลยรีบหมุนตัวแล้วก็เดินออกมาเพราะว่าไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับคุณในเวลานี้เลยสักนิด

“เดี๋ยวก่อนสิ! จะรีบไปไหนของนายน่ะ แล้วมายืนตากฝนตั้งแต่เมื่อไหร่!?”

คุณตะโกนถามพลางใช้อุ้งมืออุ่นๆคว้าจับมือข้างหนึ่งของผมไว้ พลันผมก็รู้สึกเหมือนหยดน้ำที่เทลงมาจากเบื้องบนหายไป พอหันกลับไปหาจึงได้รู้ว่าคุณกำลังกางร่มออกบังฝนให้

“ไม่ต้องกางให้ผมหรอก เดี๋ยวคุณจะเปียก”

ผมรีบผลักร่มกลับไป เพราะเนื้อตัวผมตอนนี้ จะเปียกเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ก็ไม่ต่างกันแล้ว แต่กับคุณที่อยู่ในชุดนอนแล้วไม่ควรจะต้องมาลำบากกับผมเลยสักนิด สายตาของคุณเพ่งมองหน้าผมอย่างค้นหา จากนั้นก็บีบมือผมแน่นขึ้นแล้วฉุดให้เดินตามเข้าไปในบ้าน

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย พรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียนไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก”

ผมได้แต่ปล่อยให้คุณจูงเข้าบ้านโดยถือร่มกันฝนให้เหมือนตัวเองเป็นเด็กเล็กๆโดยไม่ขัดขืน ทั้งที่คุณก็สูงแค่ปลายจมูกผมเท่านั้นเอง แถมเพราะโครงหน้าของคุณที่เกลี้ยงเกลาเหมือนเด็กหนุ่มๆด้วย ไม่แปลกหรอกที่ใครมาเห็นเวลาเราเดินด้วยกันแล้วจะเดาไม่ออกว่าคุณอายุมากกว่าผมตั้งแปดปี

“ทำไมถึงไม่ขับรถมา?”

หลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว คุณก็เข้าไปหยิบผ้าขนหนูมาโปะลงบนหัวผมแล้วขยี้ให้ คำถามของคุณทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเราไม่ได้คุยกันมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ

“พอดีแอร์มันเสีย เลยเอาไปเข้าอู่ซ่อมอยู่”

ผมตอบเนือยๆพร้อมกับยกมือขึ้นคว้ามือของคุณที่กำลังเช็ดผมให้ ทั้งที่เมื่อครู่ก่อนผมยังไม่พร้อมจะเจอ แต่เพียงแค่ได้เห็นคุณใกล้ๆเท่านั้น ผมก็รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียการควบคุมตัวเองเข้าไปทุกที

ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา...

“ไปอาบน้ำไป ตัวนายเย็นไปหมดแล้ว”

ผมชะงักเมื่อคุณเบนหน้าหนี ร่างกายท่อนบนที่ถอยห่างเล็กน้อยทำให้รู้ตัวว่าเผลอก้มลงไปหาคุณโดยไม่ทันได้หักห้ามใจ และภาษากายที่คุณแสดงออกก็ราวกับจะบอกผมเป็นนัยๆว่า ‘ไม่ใช่คืนนี้’

ทั้งที่ผมจะเอาแต่ใจแล้วฝืนคุณเหมือนทุกครั้งก็ได้ และก็รู้ดีว่าสุดท้ายคุณก็คงจะยอมตามใจแม้จะไม่ได้อยาก แต่ผมไม่อยากให้คุณมองว่าผมเป็นเด็กเอาแต่ใจที่พอไม่ได้อะไรก็จะโวยวายและใช้กำลัง ผมจึงยอมพยักหน้าแต่โดยดี

“ถ้างั้น...อาบน้ำให้ผมได้ไหม?”

คุณตวัดสายตาขึ้นมองผมทันทีที่ได้ยิน แต่ดูเหมือนแววตาของผมคงแสดงอะไรบางอย่างออกไป ผมจึงเห็นคุณเลิกคิ้วเหมือนประหลาดใจนิดหนึ่ง จากนั้นก็เม้มปากก่อนจะพยักหน้า

“ก็ได้...ถ้างั้นใช้ห้องน้ำชั้นบนก็แล้วกัน ถอดกางเกงออกแล้วพันผ้าขนหนูซะ บันไดจะได้ไม่เปียก”

ผมทำตามที่คุณบอกโดยถอดเข็มขัดแล้วก็รูดกางเกงแสล็คและกางเกงในที่ชุ่มน้ำจนเปียกแนบเนื้อลง จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูที่วางอยู่บนไหล่มาพันรอบเอวแล้วถอดเสื้อเชิ้ตออกส่งให้คุณที่ยืนรออยู่ ผมไม่แน่ใจว่าคุณคิดอะไรในวินาทีนั้นอยู่หรือเปล่า แต่คุณก็ไม่เหลือบตามาทางผมเลยจนกระทั่งเอาผ้าขนหนูมาทบรอบเอวเสร็จแล้ว

“ขึ้นไปเปิดน้ำในอ่างรอก่อน เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้าใส่เครื่องซักแล้วจะตามขึ้นไป”

ผมพยักหน้าแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เนื่องจากบ้านของคุณไม่ได้หลังใหญ่ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มา ผมจึงรู้อยู่แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน หลังจากเปิดสวิตช์ไฟในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนของคุณแล้ว ผมก็เปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง จากนั้นก็ดึงผ้าขนหนูออกแขวนไว้บนราวข้างประตูแล้วค่อยๆก้าวลงนั่งในอ่างที่ขนาดพอดีสำหรับนั่งแช่คนเดียว

อุณหภูมิจากน้ำร้อนที่ไหลอยู่รอบตัวทำให้ผิวกายที่เย็นชืดเมื่อครู่รู้สึกดีขึ้น ผมเหยียดตัวยาวแล้วก็แหงนหน้าพิงกับขอบอ่างระหว่างที่รอให้คุณขึ้นมาหา สักพักก็ได้ยินเสียงบานพับประตูห้องน้ำที่เปิดอ้าออก

“สบายตัวขึ้นมั้ย?”

คุณถามผมขณะที่ม้วนขากางเกงขึ้นไปด้วย ผมเลยพยักหน้าให้แล้วก็นั่งตัวตรงขึ้น

“อืม...สระผมให้ผมหน่อยสิ”

ผมขอร้องพลางก็จับขอบอ่างเพื่อขยับตัวไปข้างหน้า จากนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้คุณไปนั่งบนขอบอ่างด้านหลัง คุณมองตาผมแวบหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า แต่ผมก็ทันเห็นมุมปากที่ยกขึ้นตอนที่คุณหยิบขวดแชมพูแล้วก้าวเข้ามาใกล้ คงไม่ต่างอะไรกับพี่เลี้ยงที่ระอาใจกับเด็กน้อยที่งอแงไม่ยอมอาบน้ำเองกระมัง

“ถ้างั้นเขยิบไปข้างหน้านิดนึงก่อน โอเค เอ้า เอนลงมาสิ”

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2013 21:54:56 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
หลังจากที่คุณก้าวเข้ามายืนด้านหลังผมและนั่งลงบนขอบอ่างแล้ว ผมจึงค่อยๆขยับตัวถอยไปด้านหลังแล้วส่งฝักบัวให้เพื่อให้คุณสระผมได้ถนัดขึ้น แรงบีบนวดจากปลายนิ้วที่กำลังพอดีทำให้ความรู้สึกตึงเครียดเมื่อครู่ค่อยๆละลายออกไปจากร่างกายทีละน้อย

“ทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะว่าจะมา แล้วทำไมต้องเดินตากฝนมาด้วย เกิดเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง”

คุณเอ่ยถามระหว่างที่เปิดฝักบัวมาล้างฟองแชมพูออกให้ พอหมดฟองแล้วก็เทแชมพูลงมาขยี้บนผมให้อีกครั้ง และคราวนี้นอกจากนวดบนหัวกับต้นคอให้แล้ว ปลายนิ้วของคุณก็เลื่อนลงนวดบนไหล่ให้ด้วย

“ขอโทษ ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมา…รบกวน”

ความเงียบโรยตัวเข้าครอบคลุมหลังจากผมเอ่ยประโยคนั้นออกไป ผมไม่รู้ว่าตอนนี้คุณกำลังทำสีหน้าแบบไหนเพราะไม่กล้าหันไปมอง แต่ที่แน่ๆ ผมได้แต่อยากกัดลิ้นตัวเองที่เผลอหลุดประโยคนั้นออกไปก่อนจะทันได้คิด

มือของคุณที่บีบอยู่บนไหล่ชะงักไปนิดหนึ่ง ผมไม่รู้ว่านั่นเป็นเพราะสิ่งที่ผมพูดออกไปหรือเปล่า แต่อึดใจเดียวเท่านั้นคุณก็ละมือออกและเปิดฝักบัวมาล้างฟองแชมพูให้อีกครั้ง

“คิดมากไปได้น่ะ เดี๋ยวนั่งแช่น้ำอุ่นอีกสักพักแล้วก็เป่าผมให้แห้งค่อยเข้าไปนอนก็แล้วกัน ฉันวางเสื้อผ้าไว้หน้าอ่างล้างหน้าให้แล้ว”

ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าน้ำเสียงที่คุ้นเคยนั้นแผ่วกว่าปกติตอนที่บอกว่าผม ‘คิดมาก’ แต่ขณะที่มองตามร่างคุณที่กำลังลุกขึ้นจากอ่างและกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ ผมก็รู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงจนต้องรีบลุกขึ้นจากอ่าง

“คริษฐ์”

เสียงคุณที่เอ่ยเรียกชื่อผมหลังจากที่จู่ๆก็โดนสวมกอดจากด้านหลังฟังดูตื่นตระหนก และความตกใจนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณไม่ดิ้นหนี แต่ความต้องการของผมในตอนนี้ไม่ใช่การได้ครอบครองร่างกายของคุณ แต่เป็นความรู้สึกที่โหยหาความมั่นใจว่าคุณยังอยู่ในระยะที่ผมเอื้อมมือถึงได้จริงๆต่างหาก

“ขอโทษ...ขอผมอยู่แบบนี้สักพัก”

ผมรู้สึกได้ว่าหยาดน้ำอุ่นที่เกาะอยู่บนร่างกายกำลังไหลลงไปนองบนพื้น และอุณหภูมิบนผิวที่เริ่มเย็นขึ้นหลังลุกขึ้นมาจากอ่าง ผมสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วขึ้นของตัวเองที่กำลังโอบกอดคุณไว้ในอ้อมแขน และอยากถ่ายทอดให้คุณได้รับรู้ถึงแรงเต้นนั้นผ่านอ้อมแขนที่กำลังกอดคุณอยู่

เพราะตั้งแต่เกิดมา...มีแต่คุณที่ทำให้ความรู้สึกของผมสั่นคลอนได้ขนาดนี้

ผมได้ยินเสียงคุณสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ และรู้ดีว่าตอนนี้เสื้อผ้าของคุณก็กำลังโดนร่างกายที่เปียกโชกของผมทำให้ชื้นตามไปด้วย แต่แม้จะรู้ดีว่ากำลังทำให้ไม่สบายตัว ผมก็ยังอยากจะขอเอาแต่ใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะคุยเรื่องของเราทั้งสองคนให้ชัดเจน และก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาสได้แนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจของคุณได้แบบนี้อีก

ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วก้มหน้าลงแนบบนบ่าของคุณ และเราก็คงจะยืนนิ่งอยู่ในความเงียบเช่นนั้นกันอีกนาน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณยกมือขึ้นมาแล้วค่อยๆปลดแขนทั้งสองข้างของผมออกจากตัวเอง และการเคลื่อนไหวนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกในใจขึ้นมาทันที

“เกื้อ...ผม”

“ไปอาบน้ำให้เสร็จแล้วเช็ดตัวเช็ดผมให้แห้งซะ แล้วเราค่อยคุยกัน”

คุณเอ่ยออกมาโดยไม่ได้หันมามองผมแม้แต่แวบเดียว จากนั้นก็เบี่ยงตัวออกแล้วเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง และผมก็ได้แต่ยืนมองความว่างเปล่าตรงที่ที่คุณเพิ่งจะเดินจากไปเหมือนไอ้บ้าคนหนึ่ง นี่ผมกำลังจะทำลายสิ่งที่เราเคยมีร่วมกันไปเพียงเพื่อสนองความเอาแต่ใจอยากครอบครองคุณทั้งตัวและหัวใจ...อย่างนั้นหรือ?

ผมทำตามที่คุณบอกด้วยอาการเหมือนคนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพียงแต่อาบน้ำฟอกสบู่ เช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าเหมือนร่างกายทำไปเองโดยอัตโนมัติ ในใจคิดทบทวนกลับไปกลับมาด้วยความสับสนว่าผมกำลังทำอะไร ผมมาที่นี่ทำไม และผม...กำลังคาดหวังอะไร

ผมใส่เสื้อกับกางเกงนอนที่คุณเอามาวางให้ตรงอ่างล้างหน้า พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าไฟที่ชั้นล่างดับไปแล้ว ดังนั้นหมายความว่าคุณคงจะรอผมอยู่ในห้องนอน และผมก็ได้แต่ยืนมองลูกบิดประตูอย่างคิดไม่ตกว่าควรจะเข้าไปดีหรือไม่

หรือว่า...ผมกล้าพอที่จะเปิดประตูบานนี้ด้วยมือตัวเองหรือเปล่า...

ขณะที่ผมยังตัดสินใจไม่ได้เพราะความขี้ขลาด บานประตูตรงหน้าก็เปิดออกอย่างกะทันหันจนผมสะดุ้ง และใบหน้าที่ดูเหมือนไม่สบอารมณ์เล็กน้อยของคุณก็ยื่นออกมา

“เป็นอะไรไป อาบน้ำเสร็จตั้งนานแล้วไม่ใช่รึไง งั้นก็รีบๆเข้ามาซักทีสิ”

คุณเอ่ยขึ้นแล้วก็ฉุดแขนผมให้เข้าไปในห้อง จากนั้นก็ปิดประตูตามหลังแล้วจูงผมไปที่เตียง ซึ่งต่างกับทุกครั้งที่ผมต่างหากที่จะเป็นคนทำแบบนั้น แต่ดูเหมือนวันนี้ผมคงดูแล้วไร้พลังชีวิตจนแม้แต่คุณยังจับสังเกตได้

ผมนั่งลงบนเตียงตามมือที่กดลงบนไหล่ จากนั้นก็ยืนมองคุณเดินไปปิดไฟโดยทิ้งไว้แต่โคมไฟสีส้มบนหัวเตียง เสียงเปาะแปะที่ดังช้าๆจากด้านนอกทำให้รู้ว่าฝนคงซาเม็ดระหว่างที่ผมอาบน้ำไปแล้ว แต่ทั้งๆที่คุณเดินกลับมาที่เตียงและเลิกผ้าห่มขึ้นแล้ว ผมก็ยังได้แต่นั่งมองคุณซุกตัวลงใต้ผ้าห่มเหมือนคนบ้าใบ้ จนสุดท้ายเป็นคุณเองที่ต้องยื่นแขนออกมาดึงผมให้ล้มลงนอนข้างกันแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้

เราสองคนนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันขณะฟังเสียงฝนที่โปรยเม็ดอยู่ภายนอก มือของคุณยังคงจับมือของผมอยู่แล้วนวดคลึงให้เบาๆ และสำหรับผม ความอบอุ่นนั้นมันมากกว่าที่ผมเคยคิดว่าจะมีสิทธิ์ขอจากใครได้เสียอีก แต่เมื่อนึกได้ว่าความอ่อนโยนทั้งหลายที่คุณมอบให้มีที่มาจากความสงสารเห็นใจแค่นั้น ผมก็รู้สึกว่าในอกหดเกร็งจนแทบหายใจไม่ออกขึ้นมา

“มีอะไรหรือเปล่า? วันนี้นายเงียบจนผิดปกติแล้วนะ”

คุณบีบมือผมแน่นขึ้นทีหนึ่งแล้วเอ่ยทัก ผมที่เอาแต่เลี่ยงการสบตาคุณมาตลอดจึงเหลือบตาขึ้น แต่แค่แวบเดียวก็เบนสายตาลงมองมือของเราที่เกาะกุมกันอยู่เหมือนเดิม

ความรู้สึกในใจผมตอนนี้มันสับสนปนเปจนวุ่นวายไปหมด ทั้งไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่คือสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่แน่ใจว่าการถามคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจออกไปจะได้อะไรขึ้นมา หรือว่ามันจะทำให้มีอะไรเปลี่ยนไปจากตอนนี้ไหม เพราะผมมั่นใจว่าถ้าหากผมถามว่า ‘รักผมไหม’ ออกไป คำตอบที่ได้ก็คงไม่ต่างจากทุกๆครั้งที่เคยถามอยู่ดี

“คริษฐ์?”

ผมเหลือบตาขึ้นอีกครั้งเมื่อคุณบีบมือผมแน่นขึ้นแล้วเรียกด้วยน้ำเสียงมีคำถาม นัยน์ตาของคุณสะท้อนความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม แต่ผมกลับสัมผัสได้แต่ความว่างเปล่าในก้นบึ้งของหัวใจ

“เกื้อ...รักผมมั้ย?”

ผมเอ่ยถามคุณเสียงแผ่วขณะที่ดึงมือคุณมาแนบแก้ม และคราวนี้ก็สบตากับคุณตรงๆโดยไม่หลบหนีอีกต่อไป ถ้าหากผมจะต้องได้ยินคุณโกหกคำเดิมซ้ำเป็นครั้งที่ร้อย ผมก็อยากจะขอฟังคำนั้นโดยได้เห็นว่าคุณกำลังทำสีหน้าแบบไหนตอนที่พูดมากกว่า

คุณขมวดคิ้วแล้วก็เงียบไป นัยน์ตาทั้งสองข้างที่ฉ่ำแสงจนราวกับมีประกายข้างในมองตาผมอย่างค้นหา และผมก็แทบจะกลั้นใจฟังว่าคุณจะตอบอย่างไร ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าผมจะได้ยินคำว่าอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่ไม่ได้คาดคิดก็คือ การที่คุณสะบัดมือผมอย่างแรงแล้วก็ผลุนผลันลุกขึ้นจากเตียง ผมเลยรีบเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วตามไปปิดประตูทันก่อนที่คุณจะเดินออกไป

“ที่อุตส่าห์ตากฝนมาถาม...เพราะว่าอยากรู้แค่นี้ใช่มั้ย?”

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวทำให้ผมตกใจ แต่ที่ทำให้รู้สึกแน่นหน้าอกจนเหมือนหัวใจโดนบีบ ก็คือหยาดน้ำที่กำลังเอ่อคลออยู่ในตาของคุณจนเป็นประกายวาว และริมฝีปากที่เม้มแน่นจนบิดเบ้ ภาพที่เห็นทำให้ผมตระหนักทันทีว่าคนที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ก็คือผมเอง

“เกื้อ ขอโทษ ผมขอโทษ”

ผมพยายามจะดึงคุณเข้ามากอด แต่คุณก็เอาแต่เบี่ยงตัวหนีแล้วก็ทั้งทุบทั้งเตะผมเป็นพัลวัน น้ำตาที่ดูเหมือนคุณพยายามจะกลั้นไว้ไหลลงอาบเต็มหน้า และผมก็ได้แต่ยอมให้คุณทำร้ายร่างกายอยู่แบบนั้น แต่ไม่ยอมปล่อยมือทั้งสองข้างจนกระทั่งคุณหอบด้วยความเหนื่อยและหยุดไปเอง

“ฉันรักนาย ฉันรักนาย ฉันรักนาย...พอใจหรือยัง?”

คุณเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว แต่เพราะผมรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลชุ่มบ่าตัวเองจึงเพิ่มแรงกอดคุณแน่นขึ้น

“พอแล้วเกื้อ...พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว”

ร่างในอ้อมแขนหอบหายใจถี่แรง แผ่นอกที่แนบชิดทำให้สัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจที่รัวเร็วจนน่ากลัวว่าคุณจะหายใจไม่ทัน และจู่ๆขาทั้งคู่ของคุณที่เหมือนจะยืนไม่อยู่ก็ทำให้ผมต้องทรุดตัวลงนั่งกับพื้นตามไปด้วย

“ทำไม...ฉันต้องพูดอีกกี่ครั้ง...นายถึงจะเชื่อว่าฉันหมายความตามนั้นจริงๆ?”

คุณพูดด้วยน้ำเสียงหอบปนสะอื้น และนั่นก็ทำให้ใจผมกระตุกอย่างรุนแรง นี่ผมทำผิดไปแล้วใช่ไหมที่ถามคำถามนั้นออกไป?

“บอกฉันสิคริษฐ์...ที่ผ่านมาฉันทำตัวไม่มีความน่าเชื่อใจเลยรึไง?”

คุณยกมือขึ้นทุบอกผมอีกครั้ง แต่ทั้งๆที่หมัดนั้นอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ผมกลับรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าที่โดนกระหน่ำทุบอย่างแรงเมื่อครู่เสียอีก

“ขอโทษ เกื้อ ขอโทษ ผมจะไม่ถามแล้ว ผมผิดเอง ผมขอโทษ”

ผมออกแรงกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นและลูบแผ่นหลังที่สั่นเพราะแรงสะอื้นไปมา ไม่คิดเลยว่าคำถามที่สะท้อนความไม่มั่นใจของตัวเองจะส่งผลกับคนถูกถามถึงเพียงนี้ จวบจนรู้สึกว่าแรงสั่นของคนในอ้อมแขนเริ่มน้อยลงแล้ว ผมจึงค่อยแนบริมฝีปากลงบนขมับที่ชื้นเหงื่อเบาๆ และก็รู้สึกได้ว่าเสื้อตัวเองถูกกำเอาไว้แน่น

“...เมื่อไหร่?”

ผมรู้สึกเหมือนคุณกำลังถามอะไรสักอย่าง แต่เพราะได้ยินแค่ท้ายประโยคเลยต้องขอให้พูดซ้ำ “อะไรนะ?”

“ที่นายสงสัยความรู้สึกของฉัน...มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่?”

คุณเอ่ยถามแล้วก็ค่อยๆดันตัวเองออกเพื่อสบตากับผม และคราวนี้ผมเองที่เป็นฝ่ายหลบตาเพราะทนมองสายตาตัดพ้อของคุณไม่ได้ คำตอบนั้นมีอยู่แล้ว แต่ผมก็รู้ว่าหากพูดออกไปอาจทำให้คุณโกรธมากขึ้นไปอีก ผมเลยได้แต่อึกอัก และคราวนี้ก็เป็นคุณเองที่ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วจ้องผมเขม็ง

“คริษฐ์”

เสียงเรียกของคุณทำให้ผมเหลือบตาขึ้นช้าๆเหมือนเด็กที่สำนึกในความผิด และไม่ได้ออกแรงยื้อเมื่อคุณเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนผมแล้วดึงมือทั้งสองข้างไปจับไว้

“ถ้าหากนายถามคำถามนี้กับฉันตอนที่เราเพิ่งเริ่มคบกัน ฉันอาจจะไม่โกรธขนาดนี้ แต่เพราะทั้งๆที่เราคบกันมานานขนาดนี้แล้ว แต่นายยังไม่มั่นใจกับความรู้สึกของฉันอีก...ฉันผิดหวังนะ เพราะนั่นเท่ากับทุกสิ่งที่ฉันทำให้นาย...นายไม่เคยซาบซึ้งกับมันจากใจเลย”

“ไม่ใช่นะเกื้อ! ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ ผมเพียงแต่...”

ผมพูดได้แค่นั้นแล้วก็พูดอะไรต่อไม่ออก เพราะไม่ว่าจะคิดหาคำแก้ตัวอย่างไร ท้ายที่สุดผมก็ไม่อาจโต้แย้งได้ว่าสิ่งที่คุณพูดมาคือความจริง

“ผมขอโทษ...”

สุดท้ายผมก็ได้แต่ทวนคำเดิมเหมือนคนโง่ที่คิดคำพูดอื่นไม่ออก แต่ผมก็ไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาใช้เพื่อให้คุณรู้ว่าผมเสียใจกับสิ่งที่ถามออกไป รวมทั้งที่เคยสงสัยในความรู้สึกของคุณได้อีกแล้ว และได้แต่ก้มมองมือใหญ่ของผมที่ถูกประคองในอุ้งมือของคุณเหมือนเด็กตัวโตที่ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไรเท่านั้น

“ฟังนะ...ฉันยอมรับว่าตอนที่เริ่มคบกันใหม่ๆ...ฉันไม่ได้มองนายมากไปกว่าน้องชายคนหนึ่งจริงๆ”

ผมรู้สึกว่าลำคอแห้งผากเมื่อได้ยินคำสารภาพนั้น...เพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่คุณเปิดปากบอกความคิดและความรู้สึกของตัวเองให้ผมรู้

“แต่ความรู้สึกนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว...ตลอดมาฉันได้เห็นว่านายพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยอมทำตามที่ฉันสอนทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำ แล้วก็พยายามที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ฉันยอมรับว่าทุกอย่างนั่นทำให้ฉันมองนายต่างไป และตอนนี้...ฉันก็ไม่ได้มองนายว่าเป็นแค่น้องชายอีกต่อไปแล้ว”

น้ำเสียงที่ได้ยินอ่อนโยนลงพร้อมๆกับแรงบีบของมือที่แน่นขึ้น ความรู้สึกชืดชาที่เกาะกุมหัวใจตลอดช่วงเวลาหลายเดือนราวกับถูกคำพูดนั้นกลืนให้ละลายให้หายไป และความรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกำลังเบ่งบานในอกก็แทรกเข้ามาแทนที่

“ถ้าอย่างนั้น...ตอนนี้เกื้อ...รักผมใช่มั้ย?”

ผมบีบมือที่เกาะกุมมือของตัวเองกลับ คำถามคราวนี้ไม่ได้มาจากความต้องการตอกย้ำความรู้สึกที่ว่างเปล่าอีกต่อไป แต่เพื่อเตือนตัวเองให้เชื่อและมั่นใจ...ว่าต่อจากนี้ผมจะไม่ระแวงสงสัยความรู้สึกของคุณอีกแล้ว

คุณบิดมือทั้งสองข้างออกจากมือผม จากนั้นก็ยกขึ้นมาประคองหน้าของผมไว้แล้วไล้ปลายนิ้วไปมา ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นจากใบหน้าของคุณที่ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากของคุณจะแนบลงมาบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา

ผิวปากนุ่มที่แนบลงมาราวกับหยาดน้ำค้างที่แตะต้องและพร้อมจะเลือนหาย แต่สัมผัสนั้นกลับค่อยๆแนบแน่นขึ้น และผมก็รู้สึกได้ว่าคุณกำลังใส่ความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้กับผมในจูบนี้เพื่อทำให้ผมมั่นใจกับสิ่งที่ได้รับจริงๆ

เสียงริมฝีปากของเราที่แนบสัมผัสและผละออกซ้ำๆเกิดเป็นเสียงแผ่วเบาในห้องที่มีเพียงแสงจากโคมไฟ ผมค่อยๆใช้แขนทั้งสองข้างรวบร่างของคุณให้เข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น และรู้สึกได้ถึงความยินยอมพร้อมใจจากร่างที่โอนอ่อนเข้าหาโดยไม่ขัดขืน และนั่นก็ทำให้เศษเสี้ยวของความระแวงสงสัยที่เหลือมลายหายไปจนหมดสิ้น

เนิ่นนานกว่าจูบที่อ่อนหวานและตอกย้ำความรู้สึกของเราทั้งคู่จะจบลง และเมื่อผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผมก็ไม่คิดว่าจะหลงรักใครได้มากกว่าผู้ชายที่กำลังส่งยิ้มทั้งน้ำตามาให้อีกแล้วในชีวิตนี้

“เลิกสงสัยแล้วใช่มั้ย?”

คุณเปล่งเสียงถามออกมาอย่างแผ่วหวิว และผมก็ได้แต่ยิ้มตอบก่อนจะโน้มคอคุณเข้าหาให้หน้าผากของเราสัมผัสกัน ส่วนแขนทั้งสองก็ยิ่งโอบเอวคุณไว้แน่นแทนคำสัญญาว่าต่อจากนี้ผมจะไม่มีวันตั้งคำถามกับความรู้สึกของคนที่รักอีก

“แน่นอน”


++--- End ---++


อนึ่ง เรื่องนี้เริ่มจากการที่ป้าร่างไว้เพื่อเป็นตอนพิเศษให้พล็อตนิยายที่ยังไม่ได้เริ่มเขียนค่ะ (และจากเรทของการอัพเดทอีกสองเรื่องที่ยังเขียนไม่จบ ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เริ่มเขียนเรื่องนั้นเมื่อไหร่ หุหุ =w=") ทีนี้ช่วงนี้พอจะมีเวลา + อยากลองเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองด้วยการเขียนเรื่องสั้นที่พระ-นายใหม่ๆดูบ้าง เลยดึงไอ้เรื่องที่เคยร่างไว้มาตบแต่งใหม่ให้จบในตอน ตอนแรกก็กะว่าจะให้จบแบบน่ารักกุ๊กกิ๊ก ไปๆมาๆ ไหง angsty ซะขนาดนี้ก็ไม่รู้ แต่กลับเป็นเรื่องสั้นที่เขียนจบได้เร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ ใครอ่านแล้วคิดยังไงก็เม้นต์บอกกันมั่งเน้อ  :3123:


*Edit* เครดิตเนื้อเพลงตอนเริ่มเรื่อง มาจากเพลง "คำมักง่าย" ของพี่อู๋ ธรรพ์ณธรค่ะ ใครอยากฟังหรือดูเนื้อเพลงเต็มๆก็นี่เลย <<ฟังเพลง>>


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2010 12:42:54 โดย bellbomb »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
งืม........ความไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจมันทรมานคนที่รักกันแต่ไม่เปิดใจคุยกันแบบเดียวกับคริษฐ์และเกื้อ
เป็นรูปแบบที่แทบจะตายตัวเลยค่ะป้า

แต่ถ้าดูจากแบ็คกราวนด์ของทั้งคู่ที่เป็นคนเหงา
ยิ่งกับคริษฐ์ที่รู้สึกว่าตัวเองขาดมาตลอด มันเลยไม่แปลกที่จะรู้สึกขาดความมั่นใจได้ขนาดนี้

แต่การกระทำ สำหรับบางคนแล้ว มันก็ไม่พอจริงๆนะคะ
กอดป้าแน่นๆ (พร้อมหงิงๆออดอ้อนว่าคิดถึงภัทรกับคุณเชษฐ์เนียนๆ อิอิ)

นี่ของฝากค่ะ....ลองดูนะคะ
เมื่ออารมณ์ของเราสองบรรลุถึงจุดสิ้นสุดและร่างกายของเราทั้งคู่ผละจากัน (จากกัน)
ถึงแม้ตอนนี้เสื้อตัวบนของผม (เสื้อตัวบน? ถ้าใส่เสื้อหลายตัวน่าจะเป็นเสื้อตัวนอก ถ้าใส่แค่เชิ้ตกับกางเกงก็ไม่น่าเป็นเสื้อตัวบนนะคะ?)
น้ำตาที่ดูเหมือนคุณพยายามจะกลั้นไว้ไหลหลงอาบเต็มหน้า (ไหลลง)
ผมกลับรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าที่โดนกระหน่ำทุบอย่างแรงเมื่อครู่เสียอีก (โดนกระหน่ำทุบแรงอย่างเมื่อครู่ หรือ โดนกระหน่ำทุบอย่างแรงเหมือนเมื่อครู่)

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
แอร๊ยยยยยยยยยยย
เริ่มต้นมาด้วยอารมณ์โศก เล่นเอาเกือบไม่อ่านต่อเลยนะ
 :angry2:

ลป.ขอคุณเชษฐ์กับภัทรด่วนๆ อิอิ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ขอบอกว่า ใช้ภาษาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้แจ่มชัดดีมาก
ขณะที่อ่าน เราไม่คิดว่าเราเป็นเรา แต่ดูประหนึ่งว่าเราเป็นคริษฐ์ไปเลยทีเดียว
ทำได้ไงอ่ะ ทำให้ความรู้สึกเหมือนถูกกดดันทีละนิดๆแล้วหนักขึ้นๆ จนเกือบจะระเบิด
แต่ในวินาทีเฉียดฉิวนั่นก็มีคนมากู้ระเบิดได้ทันท่วงที ที่สุดก็ เฮ้อ ! โล่ง เบาสบาย
แถมท้ายด้วยความหวานแบบกำลังดี ไม่มีน้ำตาลในเลือดจนสูงเกินอ่ะ

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ใช้ภาษาได้ดีมากเลยย

ออฟไลน์ Seiki

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2726/-64
ลุ้นแทบแย่กลัวเศร้า แต่จบหวาน  :-[

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้ดีมากๆ ค่ะ
 o13

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไป ลุ้นไป
ภาษาสวยเช่นเคย
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2010 23:28:58 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เยี่ยมเหมือนเดิมเลยค่า ^ ^ อ่อนหวาน เนิบนาบ ลงท้ายได้สวย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






loveorlike

  • บุคคลทั่วไป
มาแสดงตัวจองที่ไว้ก่อน.....พรุ่งนี้สอบ เดี่ยวสอบเสร็จน้องมาดิทนะค่ะ
อยากอ่านมากๆๆๆ คิดดดดถึงงงงงงงง

กอดดดดดดดด

***********************
มาแล้ววววว...โหยยยยยเล่นเอานิ่งไปเลยอ่ะตอนแรกอ่ะ
คิดว่าจะไม่แอปปี้กันซะแล้ว นึกภาพตามเลยอ่ะค่ะ
แต่ก็เข้าความรู้สึกนะ บางที่ตอนที่ฟังมันก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเขารักเราจริงเปล่า
ฮ่าๆๆ กลัวจะเป็นคำเคยชินเหมือนกัน
ยังดีนะเนี้ยที่ตอนจบหวานมาหน่อยไม่งั้นงอนจริงด้วย
อย่างงี้และนะรักเด็กก็ต้องสร้างความมั่นใจให้เด็กมันหน่อย
กลัวผู้ใหญ่ทิ้งอ่ะเน๊าะ ขอบคุณนะค่ะ อยากอ่านอีก เอิ๊กๆๆ :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2010 22:38:27 โดย LOVEJUICE »

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
หวัดดีค่ะคนแต่ง
อ่านตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าอิน้องคริษฐ์เค้าจะไม่มั่นใจอะไรเสียหนักหนา
สงสัยคงเป็นเพราะตัวเองไปเริ่มต้นกะเกื้อด้วยการขืนใจรึป่าว
แล้วด้วยความเป็นคนดีที่สุดในสามโลกของเกื้อ จึงทำให้เกื้อไม่ถือโทษ
และยอมคบกะน้องเค้าเรื่อยมา
จุดนี้เลยทำให้คริษฐ์แสดงความไม่มั่นใจออกมาเรื่อยๆ
..ดีแล้วที่เปิดอกคุยกัน อะไรๆจะได้เคลียร์เสียที..
ไม่สงสัยแล้วเนอะเด็กน้อย ~~

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ชอบๆๆๆๆๆมาก :L1:

ออฟไลน์ ลูกลิงแสดงตัว

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
 :L2: ชอบมากกก
อ่านจบแล้วรู้สึกอบอุ่น จากนี้จะไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว  :L2:

taem2love

  • บุคคลทั่วไป
กว่าจะเชื่อใจกันก็เกือบจะเสียความรักไปแล้ว

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
งืม........ความไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจมันทรมานคนที่รักกันแต่ไม่เปิดใจคุยกันแบบเดียวกับคริษฐ์และเกื้อ
เป็นรูปแบบที่แทบจะตายตัวเลยค่ะป้า

แต่ถ้าดูจากแบ็คกราวนด์ของทั้งคู่ที่เป็นคนเหงา
ยิ่งกับคริษฐ์ที่รู้สึกว่าตัวเองขาดมาตลอด มันเลยไม่แปลกที่จะรู้สึกขาดความมั่นใจได้ขนาดนี้

แต่การกระทำ สำหรับบางคนแล้ว มันก็ไม่พอจริงๆนะคะ
กอดป้าแน่นๆ (พร้อมหงิงๆออดอ้อนว่าคิดถึงภัทรกับคุณเชษฐ์เนียนๆ อิอิ)

นี่ของฝากค่ะ....ลองดูนะคะ
เมื่ออารมณ์ของเราสองบรรลุถึงจุดสิ้นสุดและร่างกายของเราทั้งคู่ผละจากัน (จากกัน)
ถึงแม้ตอนนี้เสื้อตัวบนของผม (เสื้อตัวบน? ถ้าใส่เสื้อหลายตัวน่าจะเป็นเสื้อตัวนอก ถ้าใส่แค่เชิ้ตกับกางเกงก็ไม่น่าเป็นเสื้อตัวบนนะคะ?)
น้ำตาที่ดูเหมือนคุณพยายามจะกลั้นไว้ไหลหลงอาบเต็มหน้า (ไหลลง)
ผมกลับรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าที่โดนกระหน่ำทุบอย่างแรงเมื่อครู่เสียอีก (โดนกระหน่ำทุบแรงอย่างเมื่อครู่ หรือ โดนกระหน่ำทุบอย่างแรงเหมือนเมื่อครู่)



ขอบคุณน้องนุ่นมากๆที่ช่วยปรูฟตัวสะกดให้ค่ะ นี่ขนาดว่าอ่านทวนตั้งสองสามรอบก่อนโพสต์แล้วยังมีหลุดแฮะ แต่สำหรับประโยคสุดท้ายตั้งใจให้เป็นสำนวนนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเลยแก้แค่ที่ตกตัวสะกดไปนะจ๊า และขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์จากนักอ่านที่น่ารักทุกคนด้วยค่า

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1: ไรเตอร์นะคะ

ฝีมือเยี่ยมไม่มีตกเลยเน้อ

อ่านแล้วอบอุ่นมากมายจริงๆ

ความสัมพันธ์จะแจ่มชัด เมื่อได้เปิดใจผ่านการพูดคุย ใช่มั้ยคะ

ขอบคุณมากจ้า

C2U

  • บุคคลทั่วไป
ดีจังที่ใจตรงกัน  แค่คริษฐ์คิดมาก เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่านั้นเองสินะ

ขอบคุณคนแต่งนะ  เขียนได้น่าอ่านดีค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อ่านตอนแรกนึกว่าจะไม่แฮปปี้ซะแล้ว  :m15: ที่แท้พระเอกแค่คิดมากไป  :z3:

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
พี่เกื้อต้องพูดว่า  รักนะ เด็กดื้อ  อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






bluebird

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วอบอุ่นจังเลยค่ะ
เริ่มต้นด้วยความกังวลสงสัย แล้วก็จบแบบซึ้งมากเลย >///<
ยังไงก็อย่าลืมมาต่อเรื่องยาวไวๆนะคะ รออ่านเสมอค่า : ))

ออฟไลน์ Goodfellas

  • mgKapleGD
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1832
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Find Beautiful Womans from your town for night
เขียนดีมากจริงๆครับ  ฝากตัวเป็นศิษย์สักคนได้ไหมครับนี่  o13

p_pink

  • บุคคลทั่วไป
อานุภาพของความรักนี่ เปลี่ยนแปลงได้หลายอย่างจริงๆ จากเด็กดื้อกลายเป็นเด็กดีขึ้นมาเลยนะเนี่ย
มันก็ไม่แปลกนะที่คริษฐ์จะคิดมาก เพราะดันไปได้ยินที่เกื้อคุยกับอาใช่ไหมล่ะ เลยคิดว่าอาจเป็นแค่สงสาร ไม่ใช่ความรัก

แต่สุดท้ายก็แค่เปิดใจคุยกัน ... ไอ้ที่คิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ มันก็กลับเป็นไปได้ และจบอย่างสวยงาม  :กอด1:

 :L2: ขอบคุณไรท์เตอร์ค่ะ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
 o13
แสดงอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครผ่านตัวอักษรได้ชัดมากๆเลยค่ะ

เคร่งเครียด อึมครึม หนาวเย็นไปกับสายฝนที่กระหน่ำในใจของคริษฐ์อย่างมากมาย
แต่สุดท้าย ฟ้าหลังฝนก็งามตาจริงๆ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณน้องรินมากๆค่ะ  :3123:


KM

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
รักแบบยังไม่แน่ใจ เศร้าจังงิ :m15:

ขอบคุณนะคะ :L2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ฝีมือยังเก่งเหมือนเดิม  :m4:

ยังรอคุณเชษฐ์กับภัทรอยู่นะคะ

ออฟไลน์ jaaeyboy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
สมกับเป็นเรื่องสั้นจริงๆๆ

มานรวบรัดตัดความ  จนอยากอ่านเรื่องยาว

อยากอ่านเรื่องยาวของเรื่องนี้แทนแล้วอ่ะ

แต่สงสัยคิวคงอีกยาว  เรื่องยาวเรื่องอื่น ยังค้างคาอยู่เลย  กระซิก กระซิก

Azygos

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Goodfellas

  • mgKapleGD
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1832
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Find Beautiful Womans from your town for night
เพิ่งแวะมาอ่านจนจบได้อ่ะครับ   เฮ้อ.... สุโค่ยมากครับผม   ผมชอบความลื่นไหลที่ไม่ค่อยขัดกันเองของการบรรยายนะครับ   อ่านแล้วมันเกิดอารมณ์ร่วมได้ดีจริงๆ  อย่านี้มืออาชีพเลยครับ   ถ้าว่างๆผมก็ขอคำแนะนำบ้างนะครับ   เพราะผมก็ลงเรื่องสั้นไว้เหมือนกัน  แต่ยังเขียนได้ไม่ดีเลย   ไม่ค่อยลื่นไหล   สงสัยต้องศึกษาจากคุณ bellbomb นะครับ ขอบคุณมากครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด