(อวสาน) เปลี่ยนลุคให้เป็นรัก...โดย Dream Come True ตอนพิเศษ​ 4 (100%) 22/1
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (อวสาน) เปลี่ยนลุคให้เป็นรัก...โดย Dream Come True ตอนพิเศษ​ 4 (100%) 22/1  (อ่าน 352876 ครั้ง)

ออฟไลน์ TamuNe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :m25:
ขอแบบน้ำตาไม่ท่วมนะค้าตอนกลับไทยอะ :monkeysad:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
***** ตอนที่ 45 *****
หลังจากนั้นผมกับเบสก็แอบย่องไปห้องน้ำข้างล่างกัน บ้านแบบญี่ปุ่นไม่ค่อยนิยมมีห้องน้ำในห้องนอนกัน ส่วนมากจะใช้ห้องอาบน้ำห้องเดียวกันหมด
เราสองคนแอบอาบน้ำกันเงียบๆ ตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว คุณลุงคุณป้าคงหลับกันหมด

พอเสร็จแล้ว เราสองคนก็มานอนกอดกัน พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ผมพยายามซักว่าเบสไปรู้จักกับพี่เบิร์ดได้ไง ทำไมพี่เบิร์ดซื้อเจลมาให้
จากการคุยครั้งนี้ช่วยเฉลยข้อข้องใจผมไปได้เยอะเลยละ

เบสเล่าให้ฟังว่า หลังจากวันนั้นที่ผมบังเอิญเจอเบสที่ห้าง ตอนไปซื้อเสื้อแจ็กเก็ต เตรียมมาญี่ปุ่น
เบสพอรู้ว่าผมก็จะมาญี่ปุ่น ก็ดีใจเป็นอันมาก เค้าอยากเจอผมที่นี่มากๆ แต่เค้าก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
ขณะที่กำลังจะหมดหนทาง พี่เบิร์ดก็โทรมาหา นัดเจอเบสกินข้าว
พี่เบิร์ดก็เหมือนกัน พอรู้ว่าเบสก็จะไปญี่ปุ่น ก็สืบหาเอาเบอร์โทรเบสมาจากเครื่องมือถือผม
ผมจำได้ว่ามีช่วงนึง พี่เบิร์ดบอกว่าลืมเอามือถือมา ขอยืมเครื่องผมโทรหาเพื่อนหน่อย สงสัยจะเป็นตอนนั้น

พี่เบิร์ดพอได้เจอกับเบส ก็ซักเบสใหญ่เลย พี่เบิร์ดพยายามบอกว่าผมนั้นรักเบสแค่ไหน จริงๆเบสคิดยังไงกันแน่กับผม อยากให้เบสทำให้เคลียร์
พี่เบิร์ดถามว่า จริงๆ แล้วเบสคิดยังไงกับผมกันแน่
เบสเองก็ไม่มีเพื่อนที่เป็นเกย์มาก่อน พอมาเจอพี่เบิร์ดที่ใจดี บวกกับคารมเป็นเยี่ยม ก็ทนไม่ไหว ระบายความในใจกับพี่เบิร์ดไปหมด
พี่เบิร์ดก็ปลอบ และสอนอะไรให้กับเบสมากมาย เค้าสอนให้เบสซื่อสัตย์กับความรู้สึก
เบสก็บอกไปว่าทำไม่ได้ เค้าไม่อยากทำให้พ่อเสียใจ เพราะเหตุผลนั้นพี่เบิร์ดเลยยอมแพ้ที่จะกล่อมเบสต่อ

แต่พี่เบิร์ดยังช่วยวางแผนเรื่องการมาญี่ปุ่นในครั้งนี้ด้วย เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนจองตั๋วเอง ดังนั้นจึงจัดให้เบสมานั่งด้วยกันกับพวกเราได้
พี่เบิร์ดคอยโทรรายงานเบสเป็นระยะๆว่าผมไปถึงไหนแล้ว ทำอะไรบ้าง

พี่เบิร์ดบอกกับเบสตรงๆ ว่า เค้าชอบผม แต่ผมมีเบสอยู่แล้ว ไม่สามารถมารักพี่เบิร์ดได้ พี่เบิร์ดเลยเปลี่ยนจากความรักแบบชู้สาว มาเป็นความรักแบบพี่น้องแทน
เบสซึ้งในน้ำใจพี่เบิร์ดมาก ฝากตัวเป็นน้องชายอีกคนของพี่เบิร์ด
เบสยังเล่าให้ฟังอีกว่า สนิทกับพี่เบิร์ดขนาดไหน

พี่เบิร์ดสอนเบสในเรื่องการใช้ชีวิตมากมาย แน่นอนว่า รวมไปถึงเรื่องของเกย์
พี่เบิร์ดบอกว่า ไม่ได้ต้องการให้เบสเป็นเกย์ แต่ควรจะเข้าใจชีวิตเกย์ไว้บ้างเพื่อโต้ง และพี่เบิร์ดนี่เองที่สอนเบสในเรื่องเซ็กส์ของเกย์ มีการให้ยืมหนังโป๊ด้วยนะ ผมฟังถึงตรงนี้ก็แอบขำ ดูท่าสองคนนี้วางแผนกันมาดีจริงๆ

มิน่าละ เบสถึงสามารถตอบสนองผมได้ ไม่เหมือนมือใหม่เลย ผมแอบคิด หึหึหึ
ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีเรื่องชีวิตส่วนตัวอื่นๆ อีกที่พี่เบิร์ดคอยช่วยเบส

พี่เบิร์ดสอนไม่ให้เบสใช้หนิงเป็นเครื่องมือปกปิดตัวเอง
เค้าว่าถ้าเรารู้ว่าเราไม่ได้ชอบผู้หญิงจริงๆก็ไม่ควรไปเป็นแฟนเค้า
มันเป็นการทำลายชีวิตลูกผู้หญิงคนนึงเลย
เบสจะทำเพื่อพ่อ ไม่แต่งงานก็ได้ แต่ไม่ควรทำร้ายคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง

นั่นทำให้เบสคิดได้ และขอเลิกกับหนิง ก่อนเดินทางมาญี่ปุ่นแค่วันเดียว
เบสเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกหนิงไม่ยอม ร้องห่มร้องให้ ว่าเค้าไม่ดีอะไร ทำไมเบสมาขอเลิก เบสเองก็อธิบายไม่ได้
สุดท้าย เลยใช้วิธีเลิกติดต่อไป ตอนแรกหนิงพยายามโทรหาเบสอย่างมาก แต่เบสก็ไม่รับสาย จนมาถึงวันเดินทางมาญี่ปุ่น
“แล้วยังงี้ กลับไปนายไม่ยุ่งตายเลยหรอ เราไม่เชื่อว่าหนิงจะยอมแพ้แค่นี้หรอก หนิงเป็นคนที่สามารถทำอะไรได้ร้ายกาจกว่านี้แน่ๆ” ผมเตือนเบสด้วยความหวังดี
“ช่างเหอะโต้ง เราไม่กลัวแล้วละ อะไรจะเกิดก็ช่าง เราจะลองสู้ดู เราจะไม่ยอมคนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว” เบสพูดอย่างมุ่งมั่น
ผมรู้สึกดีใจที่เบสเปลี่ยนไป เค้าเข้มแข็งขึ้นมา น่าจะเพราะได้รับการสอนและกำลังใจจากพี่เบิร์ดแน่ๆ
โอ้.......ผมจะตอบแทนพี่เค้ายังไงดี เค้าดีกับพวกผมเหลือเกิน
หลังจากนอนคลอเคลียกันอยู่ซักพัก พวกผมก็เพลียหลับกันไป....................
............................................................

กำลังจะขึ้นวันใหม่แล้ว เลยตัดมาแค่นี้ก่อนนะครับ

gnetophyta

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะ ...... งั้นพรุ่งนี้เอาทั้งวันเลยนะครับ ไม่ต้องตัดก็ได้ อิอิอิ ยาวๆ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ๊ะ ยายหนิง ตัวร้ายในอนาคตแน่ๆ  o22

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
ภัยร้ายกำลังมาเยือนอีกแล้ว
 :sad4:

cmos

  • บุคคลทั่วไป
ใช่นังหนิงไม่ยอมง่ายๆแ่น่

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
............................................................
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณลุงกับป้าของเบส อาสาขับรถพาพวกเราไปซื้อของกัน
ในตอนแรกผมก็พยายามปฏิเสธไป แต่ก็ไม่เป็นผล
สรุปพวกเราเลยไปเที่ยวพร้อมกัน 4 คน
ตอนแรก คุณลุงพาผมไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ในเมืองคาวาซากิ
เราไปที่ร้านโยโดบาชิคาเมร่ากัน เนื่องจากกล้อง SLR ราคาค่อนข้างสูง ผมเลยต้องระวังอย่างมากในการตัดสินใจ
เห็นผมลังเลแบบนี้ คุณป้าเลยพาผมไปอีกห้างที่ไม่ห่างกันมาก ชื่อลาโซน่า ที่นั่นมีร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเจ้าใหญ่อีกเจ้าชื่อบิ๊กคาเมร่า
ผมลองเปรียบเทียบราคาดูแล้ว ทั้งสองร้าน ราคาแทบไม่ต่างกัน และราคายังถูกกว่าเมืองไทยด้วย

สุดท้ายผมตัดสินใจซื้อกล้องนิคอนรุ่นนึงที่นั่นเลย
จากนั้นเราก็ไปทานอาหารกลางวันกัน ผมพยายามจะขอเลี้ยงข้าวคุณลุงคุณป้าเป็นการตอบแทน แต่คุณลุงก็ไม่ยอม แถมยังเลี้ยงผมกลับอีกด้วย
ผมส่งสายตาขอให้เบสช่วย แต่เบสกลับไม่ช่วยผม ยังหันมาบอกอีกว่า
“โต้งยอมแพ้เถอะ เราพยายามมาหลายปีแล้ว เรายังไม่เคยเลี้ยงข้าวลุงกับป้าได้เลย ไว้วันหน้าโต้งค่อยซื้อขนมอะไรไปให้ท่านทั้งสองก็ได้”
ผมเลยต้องยอมแพ้ แต่แอบตั้งใจไว้ว่า ถ้ามีโอกาส ผมจะซื้ออะไรมาฝากพวกท่านให้ได้
ตอนบ่าย คุณลุงขับรถพาผมไปเมือง คามาคุระ เมืองเก่าแก่ เมืองนี้มีสัญลักษณ์มีชื่อคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่กลางแจ้ง ที่เค้าเรียกกันว่า ไดบุทสึ

วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินสวยเลยละ ผมเลยได้โอกาสลองกล้อง ก่อนจะเอาไปให้น้องชายตอนกลับไทย
พอเสร็จจากวัดไดบุสึ ก่อนกลับเราเวียนไปศาลเจ้า สึรุกะโอกะ ฮะจิมังงู กันด้วย ที่นี่เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ และใหญ่มากแห่งนึงของเมืองคามาคุระ

ทางเข้าด้านหน้าศาลเจ้าเป็นทิวแถวต้นซากุระ คุณป้าเล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นหน้าดอกซากุระบาน จะสวยมาก แต่คนที่มาเที่ยวชมก็เยอะตามไปด้วย

เบสซื้อเครื่องรางญี่ปุ่นให้ผม 1อัน เป็นลายนกกระเรียนบนผ้าสีม่วง เบสบอกว่า อันนี้เป็นเครื่องรางสำหรับความสุข
ผมรู้สึกอยากตอบแทนเบสบ้าง ดังนั้นพอเบสขอแยกตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมก็รีบแอบไปซื้อเครื่องรางมาให้เบส
ที่ซุ้มขายของ ผมเห็นเครื่องรางคู่กันสีชมพูอันนึง เล็กๆ ไม่ใหญ่มาก เห็นว่าน่ารักดีเลยซื้อมา ผมอ่านไม่ออกหรอกว่าเป็นเครื่องรางเพื่ออะไร
แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องราง มันต้องดีแน่ๆ แถมเป็นคู่แบบนี้ คุ้มจะตาย อีกอันเอาไปฝากใครก็ได้ด้วย

พอผมกลับที่ไปที่จุดนัดพบ เบสบ่นใหญ่เลยว่าผมหายไปไหนมาเค้าตามหาผมกันใหญ่ ผมรีบขอโทษทุกคนใหญ่ที่ทำให้ตกใจ
พอเสร็จจากคามาคุระ ก็จะ5โมงเย็นแล้ว พวกเราจึงเดินทางกลับคาวาซากิกัน

เนื่องจากวันนี้ออกไปข้างนอกทั้งวัน คุณป้าไม่ได้เตรียมอาหารไว้ให้ เราเลยไปกินเนื้อย่างกัน
ผมเป็นคนกินง่ายๆ อยู่แล้ว จะเนื้อวัวผมก็กินได้สบาย ไม่เหมือนคนไทยส่วนมากที่ไม่กินเนื้อวัวกัน
เบสก็เหมือนกับผม เนื่องจากเบสมาที่ญี่ปุ่นบ่อย แล้ว เนื้อวัวอร่อยๆ ที่นี่ก็มีเยอะ เบสเลยกินเนื้อวัวได้
ระหว่างทานข้าว ผมกับเบสคีบอาหารให้กันและกันบ่อยมาก จนคุณป้ายังสนใจมองมาทางพวกผม
พอผมรู้ตัวว่า คุณป้ากำลังแอบมอง ก็รีบทำตัวราวกับไม่มีอะไร แล้วก็ไม่ได้คีบอาหารให้เบสแล้ว
เบสเองก็คงรู้ตัวเพราะเบสก็เลิกคีบอาหารให้ผม
ถึงพวกเราจะตกลงเป็นแฟนกันแล้วในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เราก็ยังไม่อยากให้ผู้ใหญ่รับรู้
เพราะไม่รู้ว่า ถ้าพวกผู้ใหญ่รู้ จะเจออะไรกันบ้าง ช่วงเวลาแห่งความสุขอันแสนสั้นนี้ จะเป็นความลับของพวกเราแค่สองคนเท่านั้น

แน่นอนว่า มื้อนี้คุณลุงก็เลี้ยงพวกผมอีกแล้ว
กว่าพวกเราจะกลับมาถึงบ้าน ก็เกือบราวๆ 3ทุ่ม
ตัวพวกเราเต็มไปด้วยกลิ่นเนื้อย่าง เหม็นไปหมดทั้งเสื้อผ้าและผม
ทำให้ผมต้องใช้เวลาในห้องน้ำ นานกว่าปกติเลยในวันนี้
ระหว่างที่ผมอาบน้ำ เบสเล่าให้ฟังทีหลังว่า เค้าปรึกษากับคุณป้าเรื่องไปเที่ยวต่างจังหวัดกับผม
...........................................................

บนห้องนอนของเบส
“อ้า.................อิ่มอร่อยจังเลยวันนี้” ผมในชุดนอนที่เบสหามาให้ กำลังนั่งจิบน้ำชาบนเตียงเอ่ยขึ้น
“ใช่ไหม ร้านนี้นะ พวกเราชอบไปกินกันมาก เนื้อก็อร่อย น้ำจิ้มก็อร่อย”
“เราชอบไอ้นั้นนะที่เป็นลิ้นหมักเกลือนะ อร่อยมากๆเลยละ”
“อ้อ จานนั้นเราก็ชอบ เห้อ....อิ่มจังๆ” เบสว่าแล้วก็มานั่งข้างๆ ผมบนเตียง
เบสที่เพิ่งออกจากห้องอาบน้ำมาตัวหอมมาก จนผมอดใจไม่ไหว ดึงเบสเข้ามากอด ผมบรรจงจุมพิตที่หน้าผากเบส แล้วก็แก้ม เบสยอมผมแต่โดยดีแถมยังมีหอมแก้มผมคืนด้วย

เบสเวลาแบบนี้น่ารักมากเลยละ
“อ๊ะ เกือบลืม” ผมนึกขึ้นได้ ยังไม่ได้ให้เครื่องรางเบสเลยนิ
“อะไรหรือโต้ง”
“เดี๋ยวหาก่อนนะ” ว่าแล้วผมก็ลุกไปรื้อกระเป๋าสะพายตัวเอง
ผมหยิบเครื่องรางที่แอบไปซื้อมาให้เบส
“อะนี่ เราให้ แต่ให้อันเดียวนะอีกอันเราจะเก็บเอาไว้” ผมพูดกับเบส
เบสเราเอาเครื่องรางไปจากผมเงียบๆ จู่ๆ ผมรู้สึกเหมือนเบสกำลังทำท่าจะร้องให้ มีน้ำตาคลอที่ดวงตาเบส

“เห้ย แค่เราซื้อของให้ ถึงกับจะร้องให้เลยหรอ แค่ของถูกๆ น่า เราเห็นเป็นแพ๊คคู่เลยซื้อมา กะเอาไว้ไปฝากพี่เบิร์ด”
เบสเงยหน้ามามองผมแล้วพูดว่า
“โต้งรู้ปะ เครื่องรางอันนี้เรียกว่าอะไร”
“ไม่รู้หรอก เราอ่านไม่ออกนิ”
“มันเรียกว่า เอ็นมุซุบิ เป็นเครื่องรางด้านความรัก ขอให้สมหวังได้คู่กัน คนรักกันเค้าจะเก็บไว้คนละชิ้น มันเป็นเครื่องรางคู่นะโต้ง”


ในรูปเป็นของที่อื่นนะครับ ไม่ใช่ของสถานที่โต้งซื้อให้
เครื่องรางความรักที่เรียกว่า เอ็นมุซุบิ


ผมอึ้งๆ มองไปยังเครื่องรางอีกอันที่เหลืออยู่ ผมไม่รู้เรื่องเลยนะ ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเครื่องรางความรักมาเลย

แค่เห็นมันขายแพ๊คคู่ น่าจะคุ้มดีเฉยๆ ไม่ยักกะรู้ว่า มันมีความหมายแฝงแบบนี้
“งั้น......เราไม่ให้พี่เบิร์ดแล้ว เราจะเก็บไว้เอง ..........นายก็เก็บเอาไว้นะ.......ถือว่าเป็นตัวแทนเรา.......” ผมพูดกับเบส
พอนึกว่า อีก6วัน พวกเรากลับไปไทย สถานภาพแฟนของพวกเราก็จะจบลง ผมก็อดใจหายไม่ได้
เครื่องรางอันนี้ จะช่วยคอยเป็นเครื่องเตือนใจให้ผมระลึกถึงเบสตลอดไป
“ขอบคุณนะโต้ง” เบสว่าดังนั้นแล้ว ก็โผเข้ามากอดผม
เบสในอ้อมแขนผมกำลังตัวสั่น เบสพยายามกลั้นเสียงร้องให้อยู่ ใช่แล้วเบสร้องให้ละ ผมรู้สึกได้จากน้ำตาของเบสที่รดลงบนบ่าของผม
ผมกอดเบสไว้นิ่งๆ ไม่พูดอะไร เวลาแบบนี้ผมจะพูดอะไรได้ละ
ซักพักเบสก็สงบลง
“นี่ เรามาใช้เวลาให้คุ้มค่ากันเหอะ อย่าร้องให้เลย เวลาอยู่กับเรา สัญญาได้ไหมว่าจะยิ้ม ยิ้มให้เรา ยิ้มของเบสสวยมากเลยรู้ปะ” ผมว่าพลางใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของเบส

เบสพยักหน้า
“ได้โต้ง หลังจากนี้เราจะไม่ร้องให้อีก เราจะยิ้มให้โต้งทุกวัน ทั้งวันทั้งคืนเลย”
“ดีมากครับ โต้งเองก็จะยิ้มให้เบสทุกวันเหมือนกัน” ผมยิ้มส่งไปให้เบส และเบสก็ยิ้มตอบกลับมา
“เข้านอนกันเหอะ วันนี้เราอยากกอดนายทั้งคืนเลย”
เบสเดินไปเก็บเครื่องรางที่ผมให้ จากนั้นก็เดินเข้ามานอนข้างๆ ผม
ผมดึงเบสเข้ามากอด วันนี้ผมไม่ได้อยากมีอะไรกับเบส แต่ผมอยากนอนกอดเค้าไว้ ให้นานที่สุด ให้แน่นที่สุด เท่าที่คนอย่างผมจะทำได้

“ราตรีสวัสดิ์เบส”
“ราตรีสวัสดิ์โต้ง”

ราตรีสวัสดิ์ครับทุกคน................................................
...
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

cmos

  • บุคคลทั่วไป
ราตรีสวัสดิ์ครับโต้ง,เบส

ไรเตอร์ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ราตรีสวัสดิ์ด้วย กำลังง่วงพอดี

ฝันหวานนะทั้งโต้งและเบส คนแต่ง คนโพสท์  :กอด1:

gnetophyta

  • บุคคลทั่วไป
ง่า .... เปล่ียนจาก 7 วัน เป็น 70 ปีได้ป๊ะ ^_^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
***** ตอนที่ 46 *****
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นขึ้นมา คุณลุงก็ไม่อยู่แล้ว เห็นคุณป้าบอกว่า ลุงออกไปตีกอล์ฟกับเพื่อน
“คุณลุงฝากขอโทษโต้งมาด้วยนะ เค้านัดกับเพื่อนไว้นานแล้ว และสนามที่จะไปก็จองยากเหลือเกิน วันนี้เลยไม่ได้พาโต้งไปไหนเลย”
คุณป้ากล่าวกับผม ตอนนี้เบสเข้าห้องน้ำอยู่ จึงเหลือแค่ผมกับป้าสองคน
“ไม่เป็นไรครับผม เดี๋ยวผมกับเบสไปกันเองได้ครับคุณป้า” ผมยิ้มตอบกลับไปให้
เช้านี้คุณป้าทำอาหารง่ายๆ เป็นซุปข้าวโพด ขนมปังปิ้งกับเนย สลัดจานใหญ่ แล้วก็มีไข่หวานทอดด้วย
“นี่โต้ง กินเยอะๆ นะ ..........แล้วก็นี่ เมนูนี้เบสเค้าขอป้าเมื่อวาน เค้าชอบกินไข่หวานทอดละ ถ้าโต้งชอบ ป้าจะไปทำมาให้อีก เอาไหมจ๊ะ”
“เอ๊ะ ยังงั้นหรือครับ ..........งั้น คุณป้าสอนผมได้ไหมครับ ผมอยากทำเป็นบ้าง” ผมอยากเรียนรู้ไว้บ้าง เพราะเห็นว่าเบสชอบ
“โต้งอยากลองทำหรือลูก ได้ตามป้ามาซิ เดี๋ยวสอนให้ ไม่ยากหรอก แต่โต้งต้องมีกระทะแบบสี่เหลี่ยมก่อนนะ เดี๋ยวป้ายกกระทะสำรองอีกใบให้โต้งแล้วกัน
ป้าไม่ได้ใช้ ซื้อมานานแล้ว เอาไปเลยนะลูก” คุณป้ากล่าวอย่างใจดี
“ขอบพระคุณครับคุณป้า” ผมยกมือไหว้ขอบคุณ
คุณป้ายิ้มอย่างใจดี แล้วก็เริ่มสอนผมทำไข่หวานทอด
เป็นเมนูที่ทำได้ไม่ยาก แต่ต้องมีเทคนิค
ครั้งแรกที่ผมลองทำ มันออกมาไม่สวยเท่าไรหรอก แต่ก็เป็นรูปร่างนะ
เบสเดินเข้ามาร่วมวงตอนที่ผมทำเสร็จแล้ว
“โห...........โต้งเก่งจังเลย ทำไข่หวานทอดเป็นด้วย”
“ไว้จะทำให้กินวันหลังนะ อยากกินปะๆ” ผมแกล้งถามเบส
“เอ๊ะ จะกินได้ไหมน๊ะ ฝีมือโต้งทำนะ”
“อ้าววววว ดูถูกกันนิ เด๋ียวคอยดูเลย วันหลังจะทำให้กิน หึหึหึ” ผมกับเบสแซวกันอย่างสนุกสนาน
“นี่ไงลูก ไว้เบสกับโต้งกลับไทยไป เบสก็ให้โต้งเค้าทำให้กินซิ ชอบไม่ใช่หรือเรา
ป้ายกกระทะให้โต้งเค้าไปด้วยนะ”
คุณป้าพูดอย่างอารมณ์ดี

แต่มันกระทบกระเทือนจิตใจเราสองเป็นอย่างมาก
เพราะรู้ดีว่า พอกลับไปไทย เราอาจจะไม่ได้มาสนิทกันแบบนี้แล้ว
ผมพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้าในใจ ชวนเบสคุยเรื่องอื่น เพราะไม่อยากให้เค้าเศร้าเลย ผมชอบเบสเวลายิ้มมากกว่า
คุณป้าเหมือนจะสังเกตได้ถึงความในใจของเบส
เพราะเบสแม้จะพยายามฝืนยิ้มแล้วแต่ก็ยังสามารถเห็นนัยตาเศร้าๆ ได้ถ้าสังเกตดีๆ
แต่คุณป้าก็ไม่ได้พูดอะไร เข้ามาร่วมวงคุยกับผมเรื่องอื่น จนเบสก็เริ่มอารมณ์กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
“วันนี้จะไปไหนกันละเบส” คุณป้าหันไปถาม
“อึม.........ผมว่า จะไปเมจิจินกูนะครับ แล้วก็พาโต้งไปเดินทาเคชิตะโดริ ที่ฮาราจูกุนะครับหลังจากนั้นค่อยคิดอีกทีละกัน อาจจะเป็นแถวๆ นั้นละครับ”
“แล้วจองโรงแรมหรือยัง ที่จะไปกันพรุ่งนี้ละ โทรไปเลยนะ เดี๋ยวไม่มีที่พักหรอก”
“อ่อ เกือบลืมเลย งั้นเด๋ียวกินมื้อเช้าเสร็จ ผมโทรเลยละกันครับ เอาที่ๆ ป้าแนะนำแล้วกันครับ ราคาไม่แพงดีด้วย”

หลังมื้อเช้า ขณะที่ผมกำลังล้างจาน เบสก็โทรไปจองที่พักวันพรุ่งนี้ให้
เบสเล่าให้ฟังว่า ที่พักที่จะไป เป็นที่พักเล็กๆ แต่บรรยากาศดีในเมืองนิกโก้ เบสไม่เคยไปพักหรอก
แต่ลูกสาวคนเล็กของคุณป้าอามิจังเคยไปพักกับเพื่อนๆมาก่อน
หลังจากจัดการธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้ว ผมกับเบสก็ออกจากบ้านไปข้างนอกกัน
เรานั่งรถไฟไปลงสถานีชินากาวะ เพื่อเปลี่ยนเป็นรถไฟยามาโนะเทะไปยังฮาราจูกุกัน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ถ้าโชคดี เบสบอกว่าจะได้เจอพวกแต่งคอสเพลย์ด้วยละ
ผมกับเบสมาถึงฮาราจูกุกันราวๆ11โมงกว่าๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่หัวคน
สถานีฮาราจูกุออกจะดัง แต่ตัวสถานีค่อนข้างเล็กเลยละ ถ้าเทียบกับที่ว่ามันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
เบสพาผมเดินฝ่าฝูงคนไปทางด้านขวาของสถานี ตรงบริเวณที่เป็นสะพานข้ามทางรถไฟ
มีเด็กวัยรุ่น3-4คน ที่แต่งตัวแปลกๆ หรือที่เค้าเรียกกันว่า คอสเพลย์ยืนอยู่
มีชาวต่างชาติยืนล้อมถ่ายรูปประปราย
มีผู้ชายหน้าตาดีคนนึงยืนถือป้าย “FREE HUG” ผมเห็นมีฝรั่งคนนึงเดินเข้าไปกอดด้วยละ

“ไง อยากไปกอดหรือไง มองใหญ่เลยนะ หน้าตาดีใช้ได้นิ ” เบสถามแบบน้ำเสียงกัดๆ
“ไม่ใช่ยังงั้นครับเบส เราแค่ไม่เคยเห็นแบบนี้ตะหากละ” ผมรีบแก้ตัวใหญ่
ก็แหม่ เด็กญี่ปุ่นขาวๆ ใสๆ ผมก็อยากลองไปกอดนะ แต่ถ้าขืนทำ เบสโกรธผมตายเลย
“นายพูดเองนะว่าไม่กอด งั้นเราไปกอดเองก็ได้” เบสยิ้มแบบมีเลศนัย

เบสทำท่าจะเดินไปทางนั้น ผมต้องรีบดึงแขนเบสไว้
“เห้ย ไม่ได้ เราไม่ยอมนะ” ผมรีบโวย อะไรกัน เบสทำท่าไม่ยอมให้ผมไปกอด แล้วทำไมเบสกอดได้ละ
“ล้อเล่นนะ ไม่กอดหรอก” เบสพูดแล้วก็หันมาแลบลิ้นให้ผม
“ร้ายนักนะ ฮึม...คอยดูเถอะ คืนนี้จะเอาคืน”
“เอาคืนอะไร ไม่ให้หรอก แบร่ๆ “ ว่าแล้วเบสก็หัวเราะคิกคัก วิ่งข้ามสะพานไป
ผมเดินตามหลังเบสไป
ไม่ไกลจากสถานี เป็นบริเวณของศาลเจ้าเมจิจินกู

ดูจากแผนที่แล้ว เมจิจินกูค่อนข้างใหญ่มากๆ และเป็นพื้นที่สีเขียวด้วย ภายในมีต้นไม้โบราณหลายร้อยปี อยู่เป็นร้อยๆ พันๆ ต้น ร่มรื่นมากเลย

แค่เดินเข้าไป ผมก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นๆ และกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์
ทำให้พวกเราสำรวมตัวโดยอัตโนมัติ ผมกับเบสเดินเคียงคู่เข้าไปข้างในกันอย่างเงียบๆ
เราเดินผ่านโทริอิ หรือเสาประตูไม้ต้นใหญ่เข้าไปในบริเวณ

แต่กว่าจะถึงตัวศาลเจ้า ก็นานเหมือนกัน เพราะจากประตูไปถึงตัววัด ค่อนข้างลึก
ก่อนเข้าวัด หรือศาลเจ้าที่ญี่ปุ่น ตามธรรมเนียม เราจะไปล้างมือกับบ้วนปากก่อน
ส่วนมากทุกวัดหรือศาลเจ้าในญี่ปุ่น จะมีบ่อน้ำไว้หน้าทางเข้า

เบสสอนผมถึงวิธีที่ถูกต้องในการล้างมือ เราตักน้ำมา 1กระบวย
ล้างมือซ้าย ล้างมือขวา จากนั้นเอามือซ้ายมารองน้ำใช้บ้วนปาก สุดท้ายตั้งกระบวยตรงตั้งฉากกับพื้น เพื่อให้น้ำที่เหลือไหลลงมาล้างกระบวย
“ทำไมขนาดแค่ล้างมือยังต้องเลือกมากเลยละ คนญี่ปุ่นนี่ชอบพิธีการจังเลยนะ”
“จริงๆแล้ว เด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นสมัยนี้ที่ไม่รู้ก็เยอะนะ เราว่าคนญี่ปุ่นเป็นชาติที่ชอบวางกฏเกณฑ์
แต่คงเพราะยังงี้ละมั้ง เค้าเลยก้าวหน้าไวมาก เพราะคนมีระเบียบ
แต่ในทางกลับกัน ข้อเสียก็คือ คนเครียดกันง่าย ปัญหาสังคมเลยเยอะตามมา
ดีแต่ว่า ปัญหาอาชญากรรมน้อยมากติดอันดับโลกเลยละ” เบสเอ่ยบ้าง
“แล้วเบสชอบแบบไหนละ แบบคนไทยที่ง่ายๆ อะไรก็ได้ หรือคนญี่ปุ่นที่ระเบียบเยอะ”
“เราหรอ เราชอบทั้งแบบไทยและญี่ปุ่นนะ ถ้ามีทางสายกลางของทั้งสองแบบก็คงดีละมั้ง” เบสตอบแล้วหันมายิ้ม

เบสพาผมเข้าไปไหว้พระข้างใน จากนั้นเราสองคนก็ไปเขียนป้ายคำอธิษฐานที่เรียกว่า “เอะมะ”
เป็นป้ายห้าเหลี่ยม ไว้ใช้เขียนคำขอพรเทพเจ้า พอเขียนเสร็จก็จะแขวนไว้ในที่ศาลเจ้าจัดเตรียมไว้ให้

ผมกับเบสเขียนกันคนละแผ่น ผมลังเลอยู่นานว่าจะเขียนอะไรดี
ขอให้รวย? ตอนนี้ผมก็ไม่ลำบากอะไร
ขอให้หล่อ? ผมมั่นใจพอดูนะว่าตัวเองก็ดูดีพอควร มีคนมาชอบผมเยอะเหมือนกันนะ
งั้นขอให้เรียนจบได้เกรดดีๆ? ผลการเรียนผมก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอมั้งและอีกอย่าง
เรื่องนี้มันเป็นปัญหาเรื่องความพยายามมากกว่าเทพเจ้าจะมาช่วยนะ
หรือจะขอให้มีแฟนน่ารักดี? แต่เอ๊ะ ตอนนี้แฟนผม เบสก็น่ารักจะแย่อยู่แล้ว ผมพอใจแล้วละ
งั้น...เอาเรื่องครอบครัวดีกว่า เขียนให้พ่อกับแม่ดีกว่าเนอะ

ผมคิดอยู่นานก่อนจะจรดปากกาเมจิกในมือ
ผมเขียนขอให้ครอบครัวผม อันมีพ่อ แม่ น้องชาย ขอให้ทุกคนสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ผมเขียนจบแล้ว แต่แผ่นไม้ก็ยังมีพื้นที่เหลือ ผมยืนนิ่งอยู่ครู่นึง ก่อนจะเขียนเพิ่มลงไปว่า


“ขอให้เบสแฟนผม มีความสุขมากๆ สมหวังในทุกสิ่งที่เค้าปรารถนา”
ผมไม่ได้ขออะไรให้ตัวเองเลย เพราะผมพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีแล้ว
สำหรับผม ความสุขของเบสคือความสุขของผมนั่นเอง

“โต้งเขียนเสร็จยัง เขียนนานจังเลยนะ จะขอให้ได้ครองโลกหรือไง” เบสที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากผมมากนักถาม
พอพูดจบ เบสก็ชะโงกหน้ามาจะอ่านคำขอพรของผม แต่ผมรีบปิดเอาไว้ด้วยความอาย
“ไม่เอา อย่าดูซิ นิสัยเสียนะเบส ความลับของเราน่ะ” ผมรีบพูดดักคอเบส
“โหยยยย ไรอะ มีความลับกับเราด้วยงั้นหรือ ดูเราซะก่อน ไม่เห็นจะมีความลับกับนายเลย”
เบสว่าแล้วก็ยื่นแผ่นไม้ของตัวเองมาให้ผมดู

เบสเขียนไว้ว่า “ขอให้คุณพ่อมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง และขอให้โต้งแฟนที่น่ารักของผม มีความสุขมากๆ อยากให้เค้ายิ้มได้ทุกวันครับ”

ผมแอบอึ้งที่เบสเขียนถึงผม เหมือนที่ผมเขียนให้เค้า
“เห็นไหม เรายังไม่มีความลับกับนายเลย...” เบสพูดแบบอายๆ ผมมองหน้าเขินๆ ของเบสแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม
“อ๊ะ งั้นเอาไปดู” ผมยื่นแผ่นไม้ของผมให้เบสบ้าง เบสรีบรับไปอ่านอย่างไว
และพอเบสอ่านถึงข้อความที่เขียนถึงเค้า เค้าก็ยิ้มแก้มแทบปริเลย จากนั้นเค้าก็ส่งแผ่นไม้คืนมาที่ผม
“ใจตรงกันเลยนะเบส” ผมพูดกับเบสที่ยังยืนอมยิ้มอยู่
“.....อึม” เบสยังคงยิ้มไม่เลิก

จากนั้นเราสองคนก็ไปผูกแผ่นไม้ติดกัน ในจุดที่ทางศาลเจ้าเตรียมไว้ให้
เบสพาผมเดินออกมาจากวัด เราเดินกันไปเรื่อยๆ ตามทางธรรมชาติที่ร่มรื่น
ต้นไม้สูงเสียดฟ้า ทำให้บรรยากาศโดยรอบครึ้ม และเย็นสบาย

ระหว่างทาง เราคุยกันเรื่อยเปื่อย เรื่องราวทั่วๆ ไปตามประสาคนเป็นแฟนกัน
จนเดินออกจากศาลเจ้า เราก็ตรงไปยังถนนมีชื่อของฮาราจูกุ นั่นก็คือ ทาเคชิตะโดริ
ถนนทาเคชิตะโดริ เป็นย่านขายเสื้อผ้า ของใช้วัยรุ่นที่มีชื่อเสียงของฮาราจูกุ
 
ของในที่นี่ส่วนมากราคาไม่แพงนัก เพราะวัยรุ่นที่มาเดิน ส่วนมากเป็นเด็กๆ จริงๆ

เบสพาผมไปต่อคิวซื้อเครปกินด้วย เครปญี่ปุ่นจะไม่เหมือนเครปไทยตรงที่ นุ่ม ไม่กรอบ
ผมสั่งเครปสตอเบอร์รี่ช๊อกโกแลต ราดซอสคัสตราด
สำหรับเบส เบสสั่งเครปกล้วยหอมช๊อกโกแล๊ตและครีมสด
เรานั่งกินกันตรงบันไดขึ้นสวนสาธารณะเล็กๆ ในซอยข้างๆ ร้านขายเครป
“อร่อยไหมโต้ง มาฮาราจูกุ ก็ต้องมากินเครปนะละ ได้บรรยากาศดี”
“อึม....หวาน อร่อยมาก ไหนๆ ของเบสเราขอชิมบ้างดิ แลกกันๆ” ผมยื่นเครปตัวเองให้เบส
แต่เบสไม่รับไว้ เค้าก้มหน้ามากินอีกแล้ว พอทีผม เบสก็ยื่นมาให้ ผมก็ก้มลงไปกัดบ้าง
“เครปเลอะมุมปากนะโต้ง เดียวเราเช็ดให้” เบสว่าแล้วก็เอากระดาษทิชชู่ในมือเช็ดปากให้ผม
“ขอบใจนะ” ผมขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆไปให้เบสทีนึง เบสก็ยิ้มตอบกลับมา

ในตอนนี้เองที่ผมสังเกต มีเด็กผู้หญิงสองคนมองมาที่พวกผมด้วย
ดูจากหน้าตาการแต่งตัวแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นชาวต่างชาติเหมือนพวกผม
ไม่น่าใช่เด็กญี่ปุ่นหรอก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
หลังทานเครป ผมกับเบสก็เดินเล่นกันต่อ เนื่องจากคนเยอะมาก เวลาเดินแทบจะต้องเบียดไหลตามๆ กันไป ผมกลัวจะพลัดหลงกับเบส เลยกุมมือเบสไว้แน่น
ตอนแรกเบสก็มองหน้าผมเหมือนกัน เหมือนจะถามว่าจับมือทำไม
ผมเลยพูดไปว่า “กลัวพลัดหลงกันนะ จับมือได้ไหม คนเยอะแบบนี้ไม่มีใครสนใจหรอก” เบสไม่ตอบอะไร แต่ยิ้มๆ แล้วก็กุมมือผมแน่นเลย

ในที่สุดเราสองคนเดินกุมมือกันออกมาจากโซนที่คนเยอะๆ ได้สำเร็จ แต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“พอได้แล้วมั้งโต้ง คนก็ไม่เยอะแล้ว” เบสเตือนผม
“ก็ได้” ผมยิ้มให้เบส
พอผมปล่อยมือ ก็ได้ยินเสียงภาษาไทยลอยเข้าหูมาว่า

“ว๊ายๆ เดินจับมือกันด้วย เกย์แน่ๆ เลย เสียดายจังหน้าตาดีทั้งคู่เลย ไม่น่าเป็นเกย์เลย”
ผมเหลือบไปมองด้านหลังแว่บนึง ก็เห็นว่า คนที่พูดก็คือสองสาวที่เมื่อซักครู่แอบดูพวกผมป้อนเครปกันนั่นเอง

เบสเองก็ดูท่าจะได้ยิน เพราะเบสก็หันหน้าไปมองเหมือนกัน

สองสาวที่เหมือนจะรู้ตัวว่าผมกับเบสฟังภาษาไทยรู้เรื่อง
รีบหันหน้าหนีหลบสายตาผมสองคนกันทันที จากนั้นก็รีบเดินหนีไปอีกทาง
“แหม่ๆ คนไทยนิเอง เฮ้อ...คนไทยนี่ชอบนินทาจริงเลยนะ ไม่ได้คิดเลยว่าพวกเราจะเป็นคนไทยเหมือนกัน”
“ช่างเหอะโต้ง อย่าไปสนเลย เด๋ียวเราก็ไม่เจอคนพวกนั้นละ ปล่อยให้เค้าคิดกันไปเหอะ” เบสตอบกลับมาอย่างอย่างอารมณ์ดี
“อึม” ผมหันไปยิ้ม

พอออกจากซอยทาเคชิตะโดริ เบสก็เดินนำไปทางโอโมเทะซันโดฮีล ซึ่งเป็นห้างที่สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่นออกแบบ

การออกแบบของที่นี่โดดเด่นเรื่องการเชื่อมทุกชั้นไว้ด้วยทางเดินวน
เราสามารถเดินขึ้นลงไปทุกชั้นด้วยทางเดินที่เหมือนเนินลาดชัน
สำหรับร้านค้าในนี้ และรอบๆ ตัวห้าง จะเป็นร้านแบรนเนมซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเองไม่มีปัญญาซื้อหรอก เลยได้แต่ชมวิวเฉยๆ

พอออกมาจากห้าง ผมก็หิวมากแล้วละ เราสองคนเดินกันเพลินจนลืมกินข้าวกลางวัน ตอนนี้ก็บ่าย 2กว่าๆ แล้ว
เมื่อกี้ผมอาจจะกินเครปไป แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้ผมหิวจังเลย
“หิวแล้วละเบส ไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม”
“โต้งอยากกินอะไรละ?”
“อะไรก็ได้ง่ายๆ”
“งั้นเดินกลับไปแถวสถานีหน่อยนะ มีร้านอาหารราคาไม่แพงอยู่เยอะ”

เราสองคนเดินกลับไปแถวหน้าสถานีรถไฟฮาราจูกุกันอีกรอบ เบสพาผมเข้าไปร้านเสต็กแถวๆนั้น
ข้างในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย เมนูส่วนมากเป็นเสต็ก ของทอด ของย่าง
เบสแนะนำให้ผมกินหมูที่เรียกว่า ทงโทโร่ ผมว่ามันเหมือนคอหมูย่างของไทยเรานะ เป็นเนื้อหมูติดมัน ก็อร่อยดีนะ
ส่วนเบสสั่งแฮมเบอร์เกอร์ราดซอส สไตล์ญี่ปุ่น
เรารอไม่นานเท่าไรพนักงานเสิร์ฟ ก็เอาเครื่องเคียงในเซ็ตมาเสิร์ฟก่อน

ระหว่างนั่งรอ ผมสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ก็พบสองสาวคนไทยเมื่อซักครู่อีกแล้ว
แต่สองคนนั้นคงยังไม่ทันสังเกตพวกผม ผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับสองคนนั้น เลยทำเป็นไม่สนใจไป

พออาหารมาเสิร์ฟ ผมกับเบสก็คุยกันไปกินกันไป ไม่ได้สนใจใคร มีการแลกกันกินบ้าง
เป็นเรื่องธรรมดาของพวกเราไปแล้ว ที่จะแบ่งของกินของตัวเองให้อีกฝ่ายได้ชิม
“การมีแฟนมันดียังงี้นิเอง” จู่ๆ เบสก็พูดขึ้นมา
“ยังไงหรือ?” ผมถามกลับ
“ก็จะได้กินของอร่อยๆ ได้หลายอย่างไง มาสองคนก็สั่งสองอย่างไม่เหมือนกัน แต่มาแลกกันกิน คุ้มค่าจะตาย ถ้ามาคนเดียวนะ ก็ได้แค่สั่งอย่างเดียวเท่านั้นเอง”
เบสพูด ทำท่าลอยหน้าลอยตาน่ารักซะเหลือเกิน
“ฮ่าๆๆๆ นายนี่ช่างเข้าใจคิดนะ คิดได้ไงเนี่ย”
“เออนี่ โต้ง เห็นสองสาวตรงโต๊ะข้างขวาปะ”
“อึม เห็นแล้วละ แต่ขี้เกียจสนใจ ทำไมหรอ”
“เปล่าๆ เราเห็นพวกเค้ามองมาทางพวกเราอีกแล้ว เราเลยเกิดไอเดียสนุกๆ ขึ้นมาละ”
“หึม ไอเดียอะไร?”
“เอาน่าๆ โต้งทำตามที่เราบอกละกัน” เบสยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ผมปกติก็ยอมตามใจเบสอยู่แล้ว เลยไม่ได้ว่าอะไร เบสอยากเล่นอะไรผมก็จะทำตามใจเค้า

ว่าแล้วเบสก็เริ่มป้อนอาหารให้ผมใหญ่ และบอกให้ผมป้อนเค้าบ้าง
ไม่พอแค่นั้น เบสยังพยายามทำท่าออดอ้อนผมเสียเต็มประดา ถึงจะน่ารักก็เหอะ แต่ผมว่ามันน่าขำมากกว่า
เบสคงกะจะแกล้งให้สองสาวนั้นกรี้ดกันเฉยๆ ละมั้ง
มีการป้อนน้ำให้ผมด้วย พอผมปากผมเลอะ ก็มาเช็ดปากให้
ผมเลยเอาบ้าง พอเบสเค้ากินเลอะ ผมก็บรรจงเอาทิชชู่เช็ดที่ปากเบสเบาๆ เบสเขินอายเล็กน้อย แต่ยอมให้ผมทำโดยดี
เราสองคนสนุกกับการสวีทแบบแกล้งๆ กันจนเพลินเลยละ
ผมสังเกตว่า ยิ่งพวกเราทำแบบนี้ สองสาวนั้นยิ่งทำท่า
ตื่นเต้น มองมาทางพวกผมอย่างเปิดเผยเลยละ
------------------------------------------------------------------------------------------
จิ ตอนแรกว่าจะลงจนหมดวัน แต่สะบัดงวงสะบัดงา ตกลงอยู่หน้าสอง ;_;

สองสาวที่ว่านี้ ไม่ใช่สาวๆ ในบอร์ดนี้ไปร่วมแจมเป็นนักแสดงประกอบไกลถึงญี่ปุ่นหรอกใช่ไหม

ออฟไลน์ talentcs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ฮาจริง ๆ ทำให้ 2 สาวนั่น ริษยา
นัยตา ร้อนผ่าว 
:pighaun: :laugh:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ่านแล้วก็อยากไปเที่ยวมั่งเนาะ  :z2:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
“เอาละ อิ่มละ แล้วก็เล่นสนุกพอละ ไปกันเหอะโต้ง” เบสเช็ดปากตัวเองแล้วก็เอ่ยขึ้นมา
ผมลุกหยิบใบเสร็จไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

หลังจากคิดเงินเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เดินออกจากร้าน เบสก็จับแขนผมมาควงเดินออกจากร้านอย่างเปิดเผย
พอมาถึงหน้าร้าน เบสก็ปล่อยมือผมออก

“สนุกใหญ่เลยนะ ทำไมเบสนึกอยากทำให้สองสาวนั้นตื่นเต้นละ?”
“ไม่มีอะไร แค่..........แค่ผู้ชายรักกัน ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วย
เราหมั่นใส้นะ เลยอยากเปิดเผยให้เค้ารู้เลยว่าพวกเราเป็นอะไรกัน หรือว่าโต้งอาย?”
“หึหึหึ เราไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ปกติเบสไม่ได้เป็นแบบนี้นิ เลยแค่สงสัยเฉยๆ”
“หึ เมื่อก่อนเราแคร์คนมากไปละ เด๋ียวนี้เราได้คิดละ ช่างเถอะ .....ตอนนี้คนที่เราแคร์จริงๆ ก็มีแค่พ่อกับโต้งละ.....”

เบสว่าแล้วก็มองมาทางผมอย่างกลัวๆ
เบสคงกลัวผมจะไม่พอใจเรื่องที่เค้าแคร์เรื่องพ่อ จนไม่สามารถมาคบกับผมได้ คงกลัวผมจะโกรธ
ผมยิ้มให้เบสอย่างเข้าใจ แล้วพูดว่า
“เราเข้าใจนะเบส พ่อนายดีขนาดนี้ นายก็ไม่ควรทำให้เค้าผิดหวังจริงๆ”
“ขอบใจนะโต้งที่เข้าใจเรา......ถึงเราจะเป็นแฟนกันที่ไทยไม่ได้ แต่เราก็เป็นเพื่อนรักกันได้นะ.......”
“เรื่องนี้ไว้ว่ากันทีหลังเหอะ ตอนนี้เบสเป็นแฟนเรา เราก็พอใจละ “ ผมพูดไป
“ขอบใจจริงๆโต้ง”

จากนั้นเราสองคนก็เดินทางกันต่อ ไปยังชิบูย่า ย่านนี้เป็นย่านวัยรุ่นอีกแนวนึง ออกแนวเด็กโตมากกว่า ผมว่าเด็กที่นี่โตไวนะ การแต่งตัวก็สุดๆ เต็มที่ไปเลยละ แต่ก็เพราะยังงี้ละมั้ง เลยเป็นสเน่ห์อย่างนึงของญี่ปุ่น
เราอยู่ที่นี่กันจนถึงเย็น มื้อเย็นเบสพาผมไปทานราเม็งแถวนั้นละ อากาศเย็นๆ พอได้กินราเม็งอุ่นๆเข้าไป ก็รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน
กว่าพวกเราจะกลับถึงบ้านคุณป้า ก็ปาไปเกือบจะ3ทุ่มแล้ว
ตอนพวกเรากลับไปถึงบ้าน คุณป้ายังนั่งดูทีวีรอพวกเราอยู่ คุณป้าซื้อเค้กมาให้ผมกินอีกแล้ว
ถึงแม้ซักครู่ผมจะกินราเม็งชามใหญ่จนอิ่มแปล้แล้วก็ตาม แต่พอมาเจอของโปรดอย่างเค้ก
มันก็ทำให้ผมหิวขึ้นมาได้อีกรอบ วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อนคงกลับดึก จึงเหลือแค่พวกเราสามคนนั่งกินไปคุยกันไป
จน4ทุ่ม ถึงได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนกัน
ก่อนนอน ผมกับเบสจัดกระเป๋ากัน เตรียมตัวไปเที่ยว ต่างจังหวัด
คุณป้าให้ผมสองคน ยืมกระเป๋าเป้เดินทางใบขนาดย่อมคนละใบ

เบสบอกว่า อยากออกจากบ้านแต่เช้า คืนนี้ให้รีบนอนหน่อย ห้ามผมทำอะไรรุ่มร่ามกับเค้าเด็ดขาด
“โหยยย ได้ไงอะ มาห้ามกันได้ด้วยหรอเรื่องอย่างว่านะ”
“ไม่ได้ เด๋ียวนอนดึกกันอีก ไว้..................พรุ่งนี้เราค่อยยอมตามใจโต้งละกัน........” เบสพูดจบประโยคแบบอายๆ
“ได้ งั้นขอ 2นะ” ผมพูดพลางชู 2นิ้ว
“บ้าอะโต้ง...........” เบสเขินใหญ่เลยละ
“ไม่คุยด้วยละ เด๋ียวเราจะรีบนอนละ นายจัดกระเป๋าไปคนเดียวเลย ฝากจัดให้เราด้วยละกัน
เราเอาเสื้อผ้ามากองเตรียมไว้ละ แบร่ๆ อยากทะลึ่งนัก ทำไปเลย”
เบสแลบลิ้นใส่ผม แล้วโดดไปนอนบนเตียงอย่างสบายใจ

“โหยยย ก็ได้....ทำให้เมียแค่นี้ได้อยู่แล้วละ” ผมย้อนเบสคืนไปบ้าง
“เห้ย ใครเมีย เด๋ียวเหอะๆ “ เบสโวยวาย
ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วก็จัดของไปต่อ ส่วนเบสก็นอนมองผมจัดกระเป๋าอยู่คนเดียว
พอจัดถึงกระเป๋าเบส ผมเห็นกางเกงในเบส วางพับไว้อยู่ ก็เลยนึกพิเรนอยากแกล้งเบส ผมแกล้งหยิบมากางดู
เบสก็มองผมอย่างสงสัยว่าผมจะทำอะไรกับกางเกงในเค้า

จากนั้นผมเอากางเกงในเบสมาสูดดม “อ้า.......หอมจัง กางเกงในเบส” พูดจบผมก็หันไปมองเจ้าตัว
เบสรีบลุกจากเตียงลงมาหาผม เบสเขินอายหน้าแดงด่าผมใหญ่เลย “ ไอ้โรคจิต บ้าปะโต้ง มาดมกางเกงในคนอื่น” ว่าแล้วเบสก็แย่งกางเกงในไปจากมือผม
“คนอื่นที่ไหน ของแฟนเราชัดๆ ทำไมจะดมไม่ได้หรอ ของแฟนตัวเอง” ผมยิ้มยียวนตอบ
“บ้าๆ ไม่ต้องแล้ว เราจัดกระเป๋าเองได้ แค่วานแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้” ผมรู้ว่าเบสแกล้งโมโหผมละ แต่ตามบทแล้ว เวลานี้ผมต้องง้อใช่ไหมละ
“โอ๋ๆ มามะคนดี ผมจัดกระเป๋าให้นะ ไม่แกล้งแล้วๆ ไปนอนซะๆ “ ผมเดินประคองเบสพาไปนอน เบสยามตามผมไปอย่างดี
“โอเคนะ เดี๋ยวจัดการให้ นอนรอตรงนี้นะครับ”
“ดีมาก ต้องอย่างนี้ซิ หึ” เบสยิ้มที่มุมปาก
ผมยิ้มตอบแล้วกลับไปเก็บกระเป๋าอย่างดี ไม่แกล้งเบสเค้าแล้ว
หลังจัดกระเป๋าเสร็จ เบสก็ชวนนอนเลย เพราะพรุ่งนี้จะได้ออกแต่เช้า
ผมกระโดดไปนอนข้างๆ เบส แล้วก็ดึงเบสเข้ามากอดแน่นๆ
“ราตรีสวัสดิ์นะครับที่รัก” ผมจูบเบาๆที่หน้าผากเบส

“ราตรีสวัสดิ์ครับโต้ง” เบสนอนหลับตายิ้มในอ้อมอกผม
แล้วเราสองคนก็นอนหลับไปในสภาพนี้เอง.......................................................
........................................................
แอบสงสัย ไม่มีคนอ่าน หรือมีคนอ่านแต่ไม่โพสกันแน่นะ เศร้าใจ

พูดถึงที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นแล้ว อย่างตึกที่แปลกๆ นั้น ก็เคยเดินหลงๆ ไปเจอมา แต่เข้าไปเพื่อหาห้องน้ำ ไม่นึกว่า
เป็นตึกดังอะไร ขนมเค้กร้านข้างล่างที่ขายก็แพงเลยไม่ได้กิน จำได้เลาๆ ว่าวันนั้นหิมะดันตกปอยๆ ด้วยอากาศ
เย็นอย่างไม่น่าเชื่อ วัดที่ว่าก็ไม่ได้เข้าไป ระหว่างที่อยู่แถวโตเกียวกลับไม่ได้เที่ยวให้คุ้ม คิดได้ตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว

ออฟไลน์ TamuNe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :-[ น่ารัก แต่ไม่อยากคิดตอนที่กลับไทย กลัวน้ำตาท่วม  :sad11:

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
บรรยากาศตอนนี้ หวานๆขมๆ :เฮ้อ:  แต่ที่แน่ๆ  ชื่นชมโต้งกับเบสตรงที่ตัดสินใจทำตามหัวใจ
เพราะชีวิตคนเรามันสั้น  เลือกอยู่กับปัจจุบันแล้วทำให้ดี  ให้มีความสุขที่สุดก็พอ :impress3:
อนาคตจะเป็นยังไงอย่าเพิ่งไปคาดหวังมันเลย...
เพราะบางทีมันอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป อาจดีกว่าหรือร้ายกว่า  ถึงเวลานั้นก็รู้เอง
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้นะคะ :pig4:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
"...แอบสงสัย ไม่มีคนอ่าน หรือมีคนอ่านแต่ไม่โพสกันแน่นะ เศร้าใจ... "

อ่านจ้ะอ่าน แต่พึ่งจะอ่านวันนี้ ก็เลยพึ่งได้เม้นท์น่ะจ้ะ(คิดว่ามีหลายท่านคงกำลังอ่าน และกำลังเม้นท์เช่นกัน)
ก็ได้แต่ดีใจไปกับเบส-โต้ง แล้วก็เอาใจช่วยให้ทั้งสองตักตวงเอาความสุขไว้ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เพื่อว่าตอนกลับไปเมืองไทยแล้ว ถ้าจำเป็นต้องเลิกคบกันแบบแฟน หรือไม่ได้คบกันต่อไป
ยังไงๆ ทั้งสองคนก็ได้มีช่วงความทรงจำดีๆและมีความสุขร่วมกัน ไว้ให้ระลึกถึง   และ
ไว้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจให้ดำรงได้ โดยไม่เศร้านัก



gnetophyta

  • บุคคลทั่วไป
อ่านสิอ่าน .... อิอิอิ ว่าแต่ว่า โพสต์ยาวอีกหน่อยได้ม๊าาาาาาาาา มันค้างงงงงงงงงง

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ถึงยังไงเค้าก็ยังแอบหวังทุกวันนะ ว่านิยายเรื่องนี้จะจบแบบไม่เศร้า ขอให้นิยายมันแฮปปี้เถอะ ชีวิตจริงขมขื่นจะแย่อยู่ละ  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: เปลี่ยนลุคให้Ŭ
«ตอบ #860 เมื่อ04-12-2010 08:55:05 »

อ่านครับ อ่าน แอบตามอ่านทุกวันเลย แต่ขอโทษด้วย ที่ไม่ค่อยได้เม้นอะครับ.... :z2:

ปล. ที่มังกรน้อยบอกว่าของในนั้นแพง ก็จริงนะครับ ซื้ออะไรไม่ลงเลย ที่ตึกโอโมเทะซังโด เพราะมันเป็นย่านแบรนเนมอะครับ ผมก็ได้แต่เดินดูตึกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2010 08:56:42 โดย DREAM COME TRUE »

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
ง่า
ไม่ต้องกลับไทยแล้วได้ป่าว
 o18

ออฟไลน์ Ryuse

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
เรื่องน่ารักขนาดนี้ไม่อานได้ไง!?
บางคนอาจจะแอบเจ้านายอ่านอยู่เลยเม้นต์ได้ไม่สะดวกไง อิอิ
ชอบตรงภาษาไม่วิบัติแล้วก็คำตกหล่นน้อยมากๆๆ ชอบครับ สู้ๆ!

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
***** ตอนที่ 47 *****
เช้าวันรุ่งขึ้นเราสองคนตื่นเช้ากว่าปกติ แต่ถึงจะเช้าขนาดไหน คุณป้าก็ยังตื่นก่อนพวกเราอีก
“ป้าทำปิ่นโตไว้ให้นะ เอาไปกินกันระหว่างเดินทาง จะได้ไม่ต้องไปซื้อข้าวกล่องกันให้เปลือง”
“ขอบคุณครับคุณป้า” ผมกล่าวขอบคุณพร้อมรับกล่องปิ่นโตมา
“งั้นไปละนะครับคุณป้า” เบสที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นบ้าง
“จ๊ะ เดินทางกันดีๆนะ มีอะไรก็โทรบอกป้า”
“สวัสดีครับป้า แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้เย็นๆ ครับ ไปละ” เบสว่าแล้วก็ชวนผมออกเดินทาง
การเดินทางไปนิกโก้ของพวกเรา จะไปด้วยรถไฟสายโทบุ เพื่อไปลงสถานีโทบุนิกโก้
แต่การจะไปขึ้นรถไฟสายโทบุได้นั้น จำเป็นต้องไปขึ้นที่สถานีต้นสายของรถสายโทบุ ที่อยู่อาซะคุสะ
เบสเช็คตารางเวลาในอินเตอร์เน็ตแล้ว รถจะออก 7โมงครึ่งและไปถึงที่นิกโก้ตอน 9โมงกว่าๆ
พวกเราไปถึงสถานีอาซะคุสะของรถสายโทบุ ตอนราวๆ 7โมง

อาซะคุสะนี้ ผมเคยมาแล้วตอนมาเที่ยวชมวัดอาซะคุสะ กับคนที่มหาลัย
แต่สถานีโทบุที่เราจะเดินทางไปกันนั้นห่างออกมาจากวัดอีกนิดนึง
เบสพาผมไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ค่าเดินทางราวๆ 2,600 เยน ถือว่าค่อนข้างแพงเลยทีเดียว แถมเวลาเดินทางก็เกือบ 2ชม.
“ไกลมากเลยหรือเบส นั่งรถตั้งนานแนะ” ผมหันไปถาม
“ก็ไกลพอดูนะ แต่ไม่เท่าไรหรอก นั่งรถไฟดูวิวเพลินๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้วละ” เบสตอบผม

ก่อนออกเดินทางไปกี่นาที รถไฟก็มาเทียบชานชะลา ก่อนขึ้นรถ เบสแวะซื้อน้ำชา2ขวด ไว้กินระหว่างเดินทาง
เวลา 7โมงครึ่งตรง รถไฟก็ออกตัว ผมค่อนข้างตื่นเต้นกับการเดินทางเที่ยวครั้งนี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่เราสองคนจะเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน
รถไฟค่อยๆ พาพวกเราไปตามเส้นทาง ผมนั่งชมวิวสองข้างทาง พลางคุยกับเบสไปเรื่อยๆ
ซักพัก เบสคงหิวแล้วจึงชวนกินอาหารเบนโตะ(ปิ่นโต)ที่คุณป้าทำมาให้
จริงๆ ผมก็หิวแล้วนะ แต่มัวแต่นั่งคุยเลยไม่ได้คิดเรื่องกินเลยจนกระทั่งเบสทักนะละ

พอเปิดกล่องปิ่นโตมาก็พบว่า มันน่าทานมาก คุณป้าจัดไว้อย่างสวยงามเลยละ
ปิ่นโตที่พวกเราได้มาเป็นแบบ 2ชั้น ชั้นล่างสุดเป็นข้าวขาว ชั้นบนเป็นกับข้าว
มีทั้งปลาแซลม่อนย่างซีอิ้ว มีหมูทอดชิ้นนึง มีหมูผัดซอส แล้วก็สลัดมันฝรั่งบด ผักดอง แต่ละอย่างมีนิดๆ หน่อยๆ ดูน่ารักมากกว่าน่ากิน

อาหารมื้อเช้าเป็นไปอย่างอร่อยและเพลิดเพลิน ผมดูวิวสองข้างทางไปพร้อมๆกับกินข้าวและคุยกับเบส
รถไฟวิ่งไปได้ซักพักก็ออกมานอกเมือง เริ่มเข้าสู่ช่วงที่เป็นทุ่งนา อากาศวันนี้ดีมาก ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม
ไม่นึกเลยว่า การมาญี่ปุ่นครั้งนี้ของผม จะได้เจอเรื่องราวมากมาย แต่เต็มไปด้วยความสุขขนาดนี้ เมื่อเดือนก่อน ผมยังเศร้า และซึมอยู่เลยแท้ๆ
ผมคิดเรื่อยเปื่อยไประหว่างนั่งรถไฟเดินทางไปนิกโก้ ตอนนี้เบสหยิบไอพอทมานั่งฟังเพลง เบสเค้าเอาหัวมาพิงไหล่ผม แล้วก็หลับตาลง
ผมได้กลิ่นหอมๆ จากตัวเบสลอยมาแตะจมูก

ถ้าเมื่อเดือนก่อน เราไม่ได้มีปัญหากัน ผมจะมีช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ไหมนะ ผมลองมานั่งนึกถึงปัญหาเรื่องเหตุและผล
ถ้าไม่มีเหตุการณ์ในวันนั้น ก็คงไม่มีเรื่องราวในวันนี้
ถ้าผมไม่ได้เจอเบส ผมจะเป็นยังไงนะ แล้วถ้าผมไม่ช่วยเบสเปลี่ยนตัวเอง อนาคตของพวกเราจะเป็นยังไง?
โอ้ว ผมคิดมากไปละ เรื่องพวกนี้คิดไปก็ไม่ได้คำตอบหรอก เลิกคิดแล้วตักตวงความสุขที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่า
ดังนั้นแล้วผมก็หลับตามเบสไปติดๆ...............................
.................................

“โต้งๆ ตื่นได้แล้ว ใกล้ถึงแล้วละ”
นี่ผมเผลอหลับไปหรือเนี่ย ตอนนี้รถไฟกำลังชะลอ เพื่อเทียบชานชะลา
พอรถหยุดนิ่ง ผมกับเบสก็คว้าเป้ที่วางอยู่บนชั้นวางของเหนือหัวลงจากรถไฟไปกัน
เราสองคนเดินไปขึ้นรถบัส ที่อยู่หน้าสถานีโทบุนิคโก้เพื่อไปยังโรงแรมที่จะพัก

พอลงรถเราก็ยังต้องเดินเข้าไปในซอยอีก ลึกพอสมควรกว่าจะถึงโรงแรม
โรงแรมที่เบสจองไว้ เป็นโรงแรมเล็กๆ บรรยากาศเหมือนเป็นกิจการครอบครัว เราได้ห้องนอนแบบสไตล์ญี่ปุ่น

คือมีฟูกนอนปูกับพื้น ไม่มีเตียง ไม่มีห้องอาบน้ำในตัว ต้องออกมาอาบข้างนอกกัน
หลังเช็กอิน และเอาของเข้าไปเก็บ เราก็เดินออกมาจากซอย เพื่อไปขึ้นรถเมล์อีกครั้ง
จุดหมายการเดินทางคือสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของที่นี่ “ศาลเจ้าโทโชงู “

----------------------------------------------------------------------------------------
งะ คุณดรีมมาแจมแบบเนียนๆ เลยนะครับ วันนี้ลงให้แค่นี้นะครับ พรุ่งนี้มีสอบ ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย
มัวแต่นั่งเล่นเรื่อยเปื่อย แล้วก็ถ้าใครเจอสะกดผิดไงก็บอกด้วยนะครับ ผมเองก็พยายามดูแล้วแต่บางทีก็อาจหลุดได้อีกเหมือนกัน

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 :z13:


อ่านแล้วอยากไปเที่ยวด้วยจัง


ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
ศาลเจ้าโทโชงู เป็นศาลเจ้าของตระกูลโชกุนในสมัยโบราณ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ที่นั่นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ที่ทั้งมาเป็นกรุ๊ปทัวร์และมากันเอง แน่นอนรวมไปถึงกรุ๊ปทัวร์คนไทยด้วย

ที่ผมรู้เพราะได้ยินเสียงพูดคุยเป็นภาษาไทยระหว่างเดินอยู่นั่นเอง
และเหมือนเมื่อวันก่อน วันนี้เราก็เดินชมกันเพลินเลย กว่าจะได้กินข้าวเที่ยงกันก็เลยบ่าย 2ไปแล้ว
หลังชมศาลเจ้าโทโชงู เบสก็พาผมกลับไปใกล้ๆ โรงแรมเพื่อชมสะพานเทพเจ้า

จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อ ด้วยสะพานสีแดงสด ตัดกับแบ๊คกราวด้านหลังที่เป็นธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี ใครที่เคยเห็นภาพคงต้องบอกว่า สวยเหลือเกิน


แต่เบื้องหลังของภาพ ถ้าไม่เคยมาจะไม่รู้เลยว่า มันอยู่ริมถนนนี่เอง ผมว่าเสียบรรยากาศไปหน่อยนะ ถ้าให้ดูแค่รูปอย่างเดียวก็คงสวยดี
พอถ่ายรูปกันพอใจแล้ว พวกเราก็นั่งรถกลับไปแถวหน้าสถานีโทบุนิคโก้กันอีก
เพื่อเดินชมร้านขายของที่ระลึกและซื้อของฝากกัน สำหรับมื้อเย็น พวกเราสั่งจองอาหารค่ำกับทางโรงแรมไว้แล้ว
เลยไม่ต้องดิ้นรนหาของกินแถวนั้นทาน

ที่นิคโก้ร้านรวงจะปิดไวมาก แค่5-6โมงเย็น ก็มีร้านค้าปิดไปเกินครึ่งแล้ว
เพื่อไม่ให้มีปัญหาตกรถ ผมกับเบสรีบจับรถกลับไปยังโรงแรมก่อนจะมืดไปกว่านี้
วันนี้ผมยังไม่ได้ของฝากไปให้ใคร แต่ผมกับเบสหุ้นกันคนละครึ่ง ซื้อเต้าหู้แห้งไปฝากคุณป้าของเบสกัน
ยุบะโทฟุ เป็นของฝากขึ้นชื่อของเมืองนิคโก้ ผมเองก็เพิ่งได้ลองกินเมื่อมื้อกลางวันดูแล้ว อร่อยดีมากเลยละ
ที่ผมลองกินเป็นยุบะโทฟุ แบบซาชิมิ คือเป็นเหมือนแผ่นเต้าหู จุ่มโชยุกินกับวาซาบิ รสชาติมันก็แผ่นเต้าหู้จิ้มซอสถั่วเหลืองดีๆ นั่นเองละครับ

ที่โรงแรม พวกผมตั้งใจจะอาบน้ำกันก่อนทานข้าว แต่ห้องอาบน้ำตอนนี้ก็เต็ม
เพราะว่าห้องอาบน้ำรวมที่นี่ เป็นระบบจองคิวเป็นห้องๆ ไป ห้องละ 30นาที เปิดตลอดทั้งคืน พวกผมกว่าจะจองคิวไว้ได้ ก็เป็นตอน 3ทุ่ม เลยต้องรอไปก่อน

เราออกมานั่งเล่นรอเวลาทานข้าวกัน ได้นั่งคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย
เรื่องมันเริ่มมาจาก มีคู่สามีภรรยาชาวฝรั่งเศส 2คน วานให้ผมถ่ายรูปคู่ให้ ผมเลยได้ที ขอให้เค้าถ่ายรูปคู่ผมกับเบสไว้ด้วย
จากนั้นเลยได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ผมบอกพวกเค้าไปว่า มากับแฟน

ตอนที่พูด เบสเขินอายมากเลยละ แต่เค้าก็ไม่ปฏิเสธอะไร
ซึ่งคู่สามีภรรยาชาวฝรั่งเศสนี้ก็เข้าใจนะ เค้าไม่มีทีท่าหรือแสดงอาการว่ารังเกียจพวกเราเลย

พวกเราสี่คนเลยนั่งคุยกันจนถึงเวลาอาหาร
อาหารที่โรงแรมเตรียมไว้ให้ อร่อยใช้ได้เลย ผมได้กินยุบะโทฟุอีกรอบ คงเพราะเป็นอาหารขึ้นชื่อ ดังนั้นไม่ว่าจะไปร้านอาหารที่ไหน เค้าก็คงเตรียมไว้ให้
ในเซ็ตอาหารยังมีปลาแม่น้ำทอดราดซอสส้มด้วย เมนูนี้ผมติดใจมาก อร่อยมากเลยละ
หลังมื้ออาหาร เราสองคนก็ยังนั่งคุยกันต่อ จนถึงเวลาอาบน้ำที่จองเอาไว้

นี่เป็นอีกครั้งที่ผมจะได้อาบน้ำพร้อมเบส ถึงแม้จะเคยอาบด้วยกันมาสองครั้งแล้ว แต่เราก็ยังคงเขินอายนิดๆที่จะอาบน้ำพร้อมกัน
ครั้งแรก เราอาบในที่สาธารณะ มีคนรายล้อมมากมาย ไม่สามารถแสดงออกหรือพูดอะไรมากได้
ครั้งที่2 เราอาบน้ำกันหลังมีเซ็กส์ครั้งแรกกัน ครั้งนั้นก็รีบๆ และระวังกลัวคุณป้าจะตื่นมาเจอ

แต่ครั้งนี้ซิที่เราจะได้อาบน้ำกันอย่างช้าๆ พร้อมกัน
ทางโรงแรมเตรียมชุดยูกาตะไว้ให้ใส่ เป็นเหมือนชุดไว้ไส่นอน ผมกับเบสถือติดมือมายังห้องน้ำด้วย เอาไว้ใส่ตอนกลับไปห้อง

“นี่ๆ เราช่วยถอดเสื้อให้เอาไหม” ผมถามเบสที่กำลังทำท่าจะถอดเสื้อยืดออก
เบสอายหน้าแดงนิดๆ ทันทีที่ได้ยิน
แต่เค้าก็ยอมหยุดมือ ถึงเบสไม่พูด แต่ผมก็รู้ว่าหมายถึงเบส เค้ายอมให้ผมกระทำ
ผมเดินไปทางด้านหลังเบส ก้มลงไปสูดดมความหอมที่ต้นคอขาวๆ ของเค้า และกระซิบที่ข้างหูเบสว่า
“ผมจะถอดแจ๊กเก็ตให้ก่อนนะ” เบสถึงกับตัวสั่นเลยทันที่ผมเป่าลมเบาๆใส่หูเค้า

ผมค่อยๆ ถอดแจ็กเก็ตของเบสออก จากนั้นผมก็สั่งให้เบสชูแขนขึ้นฟ้า
ผมล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อเบส แทนที่ผมจะดึงเสื้อยืดออก ผมกลับเอามือล้วงเข้าไปลูบไล้ตามตัว มือของผมลูบผ่านหัวนมของเบสที่กำลังแข็งเป็นไตอยู่
“อ๊ะ...อ้า... โต้ง ไหนว่าจะถอดเสื้อ มาทำอะไรทะลึ่งตรงนี้กัน” เบสครางอย่างเซ็กซี่ แล้วก็หันมาโวยผม
แต่ผมก็ไม่สน ผมเอาร่างแนบกับแผ่นหลังเบส กอดเค้าไว้จากด้านหลัง มือก็ลูบไปตามร่างกายในร่มผ้าเบส
เบสพยายามปัดป้องเอามือผมออก แต่ปัดได้ไม่นาน เบสก็ดูหมดแรง

ผมปลุกอารมณ์เบสให้ถึงขีดสุด จากนั้นก็หยุดมือ
----------------------------------------------------------------------
แล้วผมก็หยุดตอนนี้แค่นี้ ด้วยอารมณ์อยากแกล้งคน ให้ใครๆ หลายๆ คนค้างกันเล่นๆ

ยุบะโทฟุนี้ ตามต้นฉบับที่คุณดรีมเขียนก็เรียกว่าเป็นแผ่นเต้าหู้ ถ้าบอกว่าคือฟองเต้าหู้สด คงเข้าใจกันง่ายขึ้น (หรือเปล่า)
ไปละ สอบเสร็จก็ต้องกลับไปปั่นงานต่อ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว...มาปลุกให้คนเค้าตื่นแล้วรีบชิ่งไปสอบซะนี่
ถ้าไม่ใช่ไปสอบ เป็นโดนดึงกลับมาให้ต่อแล้วนะ 555

ออฟไลน์ talentcs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โต้ง นี่ก็ขี้แกล้งเนอะ
 :m16: :m16:

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
โต้งน่ารัก เคมีเข้ากะเบส ส่วนเบสให้ไปมีแฟนเป็นหญิงคงกลับตัวไม่ได้แล้วล่ะ มาไกลละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด