***** ตอนที่ 53 *****
จู่ๆ ผมก็เหงื่อแตก พูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ไม่ต้องห่วงนะโต้ง พ่อไม่ได้จะมาว่าอะไรเราหรอก พ่อไม่เชื่อหรอกนะพวกจดหมายแบบนี้ พ่อเจอมาเยอะ พวกคนขี้ขลาดพยายามทำให้คนอื่นเสียหาย
แต่เห็นมีชื่อโต้งด้วย พ่อเลยกังวลว่า เราสองคนไปทำให้ใครโกรธแค้นมาหรือเปล่า พ่อกลัวจะมีเรื่องมากกว่า เลยอยากเตือนเอาไว้
ทั้งสองคนเลยให้ระวังตัว ถ้ามีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกมานะโต้ง” คุณพ่อกล่าวได้ดีสมกับเป็นผู้ใหญ่คนนึง
“ขอบคุณครับคุณพ่อ ....ผมไม่รู้เหมือนกันว่าใครพยายามทำลายพวกผม”
ผมตอบได้ไม่เต็มปากนัก เพราะลึกๆ ในใจผม คิดออกแล้วละว่าจะเป็นใคร แต่ของแบบนี้ไม่มีหลักฐาน ไปกล่าวหาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
เบสที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากผม รับจดหมายไปดูบ้าง หลังจากอ่านเนื้อความในจดหมายแล้ว เบสก็หน้าแดงเข้ม แต่แดงด้วยอารมณ์โกรธมากกว่าเขินอาย
“แบบนี้มันขี้ขลาดชัดๆ ลอบกัด.....แย่ที่สุด” เบสสบถ
ดูท่าเบสจะไม่เคยด่าคน เลยไม่รู้จะด่าออกมาเป็นคำแบบไหน หึหึ ผมฟังคำด่าของเบสแล้วอดไม่ได้จะแอบขำในใจ
“อึม ไงก็ระวังตัวแล้วกันโต้ง เดี๋ยวพวกพ่อไปละ”
ผมยกมือไหว้คุณพ่ออีกรอบ ก่อนจะหันไปโบกมือลาเบส เบสยิ้มจางๆ ให้ผม ก่อนเราสองคนจะเดินหันหลัง ไปตามทางใครทางมัน...............
ผมแอบหันหลังไปมอง ในจังหวะนี้ เบสที่เดินไปอีกทางก็หันมามองผมพอดี
ผมพยักหน้าให้เบสเบาๆ ทีนึง เบสพยักหน้ากลับมาให้ผม
สุดท้าย เราสองคนก็ต้องลาจากกัน เร็วเหลือเกิน แค่แตะผืนแผ่นดินไทยไม่ถึงชั่วโมงดีเอง
จบลงแล้ว ประสบการณ์ดีๆ ที่เหมือนฝัน ในต่างแดน................
...
และเรื่องราวก็จบลง.....
ล้อเล่นหรอกครับ ยังมีต่อ เชิญติดตามได้เลย
--------------------------------------------------------------------
หลังจากผมกลับมาไทย ผมก็ได้ตัดขาดการติดต่อกับเบสไปจนสิ้น แต่ผมก็ยังคงทำใจลบเบอร์มือถือเบสไม่ลง
ทันทีที่มาถึงเมืองไทย ผมก็รีบติดต่อกลับไปที่ครอบครัว เพื่อแจ้งให้ทุกคนสบายใจ
น้องชายผมรบเร้าจะรีบเอากล้องเหลือเกิน แต่ผมบอกไปว่า ให้รอก่อน ปีใหม่นี้ผมจะกลับไปบ้าน จะเอากล้องไปให้
จากนั้นก็ติดต่อไปยังท่านอาจารย์ที่ปรึกษา และพี่เบิร์ด เพื่อรายงานตัวว่าเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว
ผมได้รู้ว่า คุณพ่อของท่านอาจารย์พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังนอนอยู่ที่ รพ.
พี่เบิร์ดมาหาผมในเช้าวันรุ่งขึ้น
ผมเล่าให้พี่เบิร์ดฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างช่วงที่อยู่ที่โน่น
พี่เบิร์ดกอดผมเบาๆ แล้วก็พร่ำแต่คำว่า “ดีแล้ว โต้งทำดีที่สุดแล้วละ”
ผมไม่ร้องให้เลยนะ แต่ในใจมันโหวงๆ บอกไม่ถูก
ยิ่งตอนที่ผมโอนภาพถ่ายจากกล้อง มาลงเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคของผม
ภาพแต่ละภาพ เป็นพยานรักของเราสองคนได้อย่างชัดเจน ว่าระหว่างที่อยู่ที่ญี่ปุ่น เรารักกันมากแค่ไหน
...........................
ผ่านไป5 วัน ก็ถึงวันเปิดเทอม
ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ อีกครั้ง เรียนหนังสือ ช่วยงานอาจารย์ ตกเย็นก็ไปทำงานพิเศษ
ผมนำของฝากมาให้เพื่อนรักทั้งสองในวันเปิดเทอมวันแรก
ผมเล่าให้เก่งกับต่อฟังเรื่องที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น
เก่งโมโหมาก เมื่อได้ยินเรื่องจดหมายที่ส่งหาพ่อเบส เก่งลั่นปากว่า จะต้องสืบให้ได้ว่า ใครเป็นคนส่งจดหมายนี้
ถึงตอนนี้ ดูเหมือนเก่งกับต่อ จะฟันธงไปแล้วว่า เป็นหนิงแน่ๆ
เก่งพูดว่า หนิงคงแค้นใจที่โดนเบสบอกเลิก เลยทำอะไรบ้าๆ แบบนี้มา
แต่ผมก็เตือนไปว่า ไม่มีหลักฐาน อย่าไปพูดกล่าวหาใครลอยๆ ถ้าหนิงไม่ได้ทำ จะเป็นการให้ร้ายคนอื่นซะเปล่าๆ
ส่วนต่อ ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในตอนเย็นวันนั้น ต่อก็มาหาผมถึงบ้าน ต่อคงกลัวผมจะเหงา เลยหาซื้อของกินมานั่งกินเล่นที่บ้านผม
แล้วคืนนั้น ต่อก็มาค้างอยู่เป็นเพื่อนผม ทั้งๆ ที่ผมบอกไปแล้วว่า ผมไม่เป็นอะไร ผมอยู่ได้
แต่ต่อก็ไม่ยอม ยืนยันจะอยู่เป็นเพื่อนผมให้ได้
ผมจึงได้แต่ยิ้มรับความมีน้ำใจของเพื่อนวันเวลาหมุนผ่าน
จากเดือนพฤศจิกายน เข้าสู่เดือนธันวาคม ผ่านไป 1เดือนแล้ว ที่ผมกับเบส ไม่ได้ติดต่อหากันเลย
เราบังเอิญเดินเจอกันบ้างในมหาลัย แต่พวกเราก็ได้แค่พยักหน้าทักทายกัน
เบสดูผอมลงกว่าเดิมเยอะเลย น่าจะผอมกว่าตอนแรกที่ผมได้รู้จักเสียอีก
พอเห็นเช่นนั้นแล้ว ผมอดเจ็บแปล่บในใจไม่ได้
ไม่ใช่แค่เบสเองที่เปลี่ยน ผมเองก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นพูดน้อยขึ้น ยิ้มน้อยลง จนพี่เบิร์ดยังทัก
เพื่อนรักทั้งสองคนของผม ก็เป็นห่วงผมมาก พอเห็นเช่นนั้น ผมจึงพยายามทำตัวให้ร่าเริงเหมือนเดิม
ผมแสร้งยิ้ม ทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้ยิ้มไปด้วย
ผมพยายามทำตัวให้เหมือนปกติ ไม่อยากให้ใครต้องมาทุกข์กังวลเรื่องของผม
คนที่รู้ใจผมดี อย่างพี่เบิร์ดและต่อ ก็จับได้ว่า ผมกำลังพยายามแกล้งมีความสุข แต่ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ก็จะให้ทำยังไงได้ละ?
วันเวลาผ่านไปในลักษณะนี้ จนเข้าช่วงสอบกลางภาค ภาควิชาผมมีสอบในช่วงวันที่ 10-17 ธันวาคม
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ผมต้องสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดไป เพื่อเตรียมตัวรับมือการสอบ
ผมไม่อยากทำให้คนรอบข้างต้องกังวลมากไปกว่านี้แล้ว ถ้าผลการเรียนผมตก ทั้งเพื่อนๆ ทั้งครอบครัว คงเป็นห่วงผม รวมไปถึงเบสด้วย
ถ้าผมไม่แข็งแรงไวๆ เบสเองก็คงจะเป็นห่วงผม
เพื่อคนที่รักผมทั้งหลาย ผมต้องเข้มแข็งไวๆ
และแล้ว ผมก็ผ่านการสอบสุดหินครั้งนี้ไปได้ ถึงจะไม่มั่นใจนัก แต่ผมคิดว่า ทำได้ดีแล้วละ
..............................................
อย่างนี้เรียกมาม่าไหมน่า...หรือแค่ออเดิร์ฟ จะบ่นก็บ่นคนข้างบนแล้วกันน่ะ
พูดไว้ว่าจะมีเรื่องใหม่ตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนก่อน แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ
ท่าทางจะมัวแต่คิดแผนการเที่ยวซะมากกว่า