หลังจากอิ่มอร่อยจนพอใจแล้ว ผมกับเบสก็ไปต่อกันที่ “พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นิฮอนคากะคุ มิไรคัง“ กัน
ที่นี่ผมได้เห็นความเจริญก้าวหน้าของญี่ปุ่นมากมาย ผมได้เห็นหุ่นยนต์อาซิโมะ ตัวจริงด้วย!!
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ พวกเราเดินกันนานเป็นพิเศษ มีทั้งดูเฉยๆ และได้เล่นทดลองทางวิทยาศาสตร์กันด้วย
ผมซื้อของที่ระลึกจากที่นี่ให้ต่อกับเก่งด้วย ผมซื้อคุ้กกี้นักบินอวกาศให้เก่ง และสมุดภาพวิทยาศาสตร์ให้ต่อ
กว่าผมจะยอมจากสถานที่นี้มา ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว 6โมงเย็น พระอาทิตย์กำลังจะตก
เบสรีบพาผมไปจุดชมวิวของโอไดบะ เบสบอกว่า จุดนี้เป็นจุดชมวิวกลางคืนที่สวยมาก
จากโอไดบะ เราจะมองย้อนกลับไปที่โตเกียว เห็นหอคอยโตเกียว และเรนโบว์บริจ ซึ่งก็คือสะพานที่ข้ามมาจากฝั่งแผ่นดินใหญ่มาที่เกาะโอไดบะนี้
ที่จุดชมวิว มีคนค่อนข้างเยอะ ทั้งชายหญิงมาเป็นคู่ๆ และมาเป็นหมู่คณะ
บรรยากาศริมน้ำ ที่มองกลับไปยังโตเกียวยามค่ำคืน มันช่วงสวยจริงๆ ผมเหม่อมองวิวข้างหน้าอย่างซาบซึ้ง
“โต้งเคยไปโตเกียวทาวเวอร์ยัง” เบสหันมาถามผม
“อึม ...ไปมาแล้ว เจ้าหน้าที่ที่มหาลัยเค้าเคยพาไปมาแล้ว เมื่อตอนวันที่มาแรกๆ เลย”
“งั้นหรือ...เป็นไง สวยไหม”
“อึม....สวยมาก .....จากมุมนี้ยิ่งดูสวยกว่าดูใกล้ๆ อีก”
“วันหลังเราพานายไปโยโกฮาม่าอีกดีกว่า ที่นั่นยิ่งสวยกว่านี้อีก ในความคิดเรานะ”
“งั้นหรือ.....นายดูคล่องจังนะ มาบ่อยหรอ แล้วมากับใครละ”
“เรามาเยี่ยมป้าเราบ่อยๆตั้งแต่เด็กละ เลยทำให้เราสนใจภาษาญี่ปุ่น ....มันก็จำเป็นด้วยละ ถ้าจะมาเที่ยวที่นี่”
“แรกๆ เรามากับพ่อ หลังๆพอเราโตขึ้น พ่อก็ส่งเรามาคนเดียว มาอยู่กับป้า ....ตอนแรกที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ป้ากับลูกสาวป้า 2คน เป็นคนช่วยพาเราเที่ยว แต่หลังๆ 2-3ปีมานี้ เราเที่ยวเองได้แล้วละ ไม่ต้องพึงพาใคร”
“เก่งจังนะเบส.........นายพูดญี่ปุ่นได้ เราไม่รู้มาก่อนเลยนะ”
“ก็.....ปกติอยู่ไทย จะไปพูดกับใครได้ละ”
“เออ ........นั่นซินะ”
“ถ้าโต้งอยากเรียน เราก็สอนให้ได้นะ”
“ฮ่าๆๆ ขอบใจนะเบส แต่ไม่ไหวหรอก เราจะเรียนไปทำไม ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ซะหน่อย”
“ก็ไม่แน่นะ .....เพื่อมีประโยชน์ในการทำงานไงละ”
“นี่นายอะ หน้าตาก็เหมือนญี่ปุ่นอยู่แล้ว ยิ่งพูดญี่ปุ่นได้ ยิ่งเนียนเลยเนอะ เคยมีคนเข้าใจผิดปะ”
“ก็มีบ้าง แบบว่าถามทางอะไรแบบนั้นนะ คนญี่ปุ่นเองนั่นละที่เข้ามาทัก
พอตอบกลับเค้าไปว่าเป็นคนต่างชาติครับ เค้าก็ทำหน้าตลกๆ ฮาดีเหมือนกัน”
“.........แล้วเคยโดนจีบปะละ” ผมลองแกล้งถามดู เพราะจริงๆผมก็ติดใจเรื่องนี้
“โอ้ย ไม่เคยหรอก ใครจะมาสนเราโต้ง หน้าตาแบบเรา ที่นี่มีเยอะจะตายไป”
ไม่จริงหรอก ผมแอบเถียงในใจ เบสเค้าดูดีกว่าญี่ปุ่นที่ผมเห็นตั้งเยอะ เด็กในมหาลัยไม่มีใครดูดีสู้เบสได้เลย
เบสเค้าเหมือนมีออร่า ยิ่งเบสที่ผมเจอตอนหลังๆ ยิ่งเปลี่ยนไปจากตอนที่ผมพยายามเปลี่ยนเค้าช่วงแรกเยอะเลย
ช่วงแรก ผมเปลี่ยนได้แค่ภายนอกนิดหน่อย แต่หลังๆ เบสเหมือนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ยิ่งทำให้เค้าดูมีมาด
ผมมองหน้าใสๆของเบสอยู่นาน จนเบสหันกลับมามองผม เราสองคนสบตากัน.....สุดท้าย ผมก็แพ้ ผมเป็นฝ่ายหลบสายตาเบสก่อน......
“ไปอาบน้ำเหอะ เราเหนียวตัวมากแล้วละ” จู่ๆ ผมก็เปลี่ยนเรื่อง เพราะอยากหนีจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนนี้
“เอาซิ ตามเรามา” เบสนำผมไปขึ้นรถไฟอีก
เราไปถึงโอเอโดะออนเซ็น กันก็ประมาณทุ่มครึ่ง ซึ่งทำให้เราได้ส่วนลด เนื่องจากเข้าหลัง 6โมง
ผมให้เบสจัดการให้ทุกเรื่องเลย เพราะผมไม่รู้ว่าควรจะวางตัวยังไง
ก่อนอื่นเราไปเก็บรองเท้าที่ตู้รองเท้าก่อน
จากนั้นจึงไปทำการจ่ายเงิน เอากุญแจตู้รองเท้า มาแลกกับกุญแจตู้เก็บเสื้อผ้า จากนั้นเราก็ไปเลือกชุดยูกาตะ
เบสอธิบายว่า ชุดยูกาตะ ก็คือกิโมโนของญี่ปุ่นแบบง่ายๆ
หลังจากนั้นเราก็เข้าห้องล๊อกเกอร์ไปเปลี่ยนเป็นสวมชุดยูกาตะกัน
ระหว่างเปลี่ยนเสื้อ ผมแอบมองเบสเป็นระยะๆ ผมอดคิดถึงร่างกายอันสวยงามของเบสไม่ได้
เบสยังคงขาวนวลเนียนน่าสัมผัส ผมแอบมองตอนเบสกำลังถอดกางเกงยีนส์ เบสเหมือนรู้ตัว เค้าทำหน้าอายๆแล้วก็หน้าแดงเข้ม
ผมเองก็ไม่รู้ทำไม พลอยหน้าแดงไปด้วย ผมแกล้งทำเป็นไม่มองเบส
แต่ยังไงผมก็ห้ามใจไม่อยู่จริงๆ ผมแอบมองเบสถอดแล้วก็ใส่ยูกาตะ
หลายครั้งที่ผมกับเบสสบตากัน คาดว่าเพราะเบสก็แอบมองผมด้วยเหมือนกัน!!
แค่เห็นแค่นี้ น้องหนูผมก็กลับมาแข็งแรงแล้ว ผมต้องรีบหันหลังไปจัดการเก็บน้องชายให้เรียบร้อย ไม่ให้มันตุงจนน่าเกลียด
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เราสองคนก็เดินเข้าไปในบริเวณตึก ข้างในจำลองบรรยากาศงานวัดสมัยเอโดะ หลังคาทำเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน
มีเจ้าหน้าที่แต่งตัวย้อนยุคประจำตามจุด มีการแสดงโชว์ มีซุ้มเกมส์ ขายของที่ระลึกมากมาย
“เอาไงดีเบส ไปทางไหนก่อน”
“ไปแช่เท้ากันก่อนไหม.....” เบสชวนผม แน่นอนว่าผมย่อมตามใจเค้าอยู่แล้วละ
เบสพาผมเดินไปบ่อแช่เท้าที่อยู่บริเวณด้านนอก เวลาค่ำ อากาศข้างนอกเย็นกว่าปกติ
เราสองคนเดินไปเลือกมุมเงียบสงบ มืดๆ นั่งกันอยู่สองคน
มีคนนั่งแช่เท้าอยู่ข้างนอกบ้างประปราย จริงๆวันนี้คนค่อนข้างน้อยด้วยซ้ำ เบสว่างั้น ที่เค้าเคยมา ตอนนั้นคนเยอะกว่านี้
“หนาวไหม” เบสถามผม
“ก็นิดๆ ลมเย็นๆ เบสละ”
“ไม่หนาว.....อยู่กับโต้งเราก็ไม่หนาวแล้วละ” เบสพูดเอง แต่ดันมาทำหน้าเขินอายทำไมกันนะ
“..............” ผมได้แต่เงียบ เบสจะมาไม้ไหนกับผม.....เค้าจะมาทำให้หัวใจผมที่สงบแล้ว กลับมาวุ่นวายอีกหรือ
“โต้ง...........”
“หึม.........”
“เราขอโทษนะ เรื่องก่อนหน้านี้...........”
“.........เรื่องอะไร เราลืมไปแล้ว..”
“............ก็เรื่องนั้นไง” เบสพูดพลางเอาเท้าที่แช่ในน้ำ เตะไปมา
“เรื่องอะไรละ เราจำไม่ได้แล้ว เรื่องในอดีต”
“.......นายโกรธเรา ขนาดนั้นเลยหรือ นายถึงกับจะลืมเรื่องทั้งหมดเลยหรือ.............” เบสพูดเสียงเครือ
“เปล่า เราไม่ได้โกรธแล้ว................ไม่ซิ จะโกรธเรื่องอะไร เรายังไม่รู้เลย”
“ก็เรื่องที่เรา............เราขอให้นายเลิกยุ่งกับเราไง.........เรื่องที่เราอายคนรอบข้างเรื่องข่าวลื่อ
เรื่องที่เรา.........งี่เง่าใส่นาย......... นายจะอภัยให้เราได้ไหม”
“.........................นายไม่ผิดอะไรเลย นายจะมาขอโทษเรา
ทำไม.......มันถูกแล้วละ คนที่ผิดจริงๆคือเรา
เราผิดเองที่ปิดนายแต่แรก ไม่งั้นเรื่องก็คงไม่ยุ่งขนาดนี้หรอก.......นายทำถูกแล้วละ ถ้านายยังอยู่กับเรา นายก็มีแต่เสียหาย
...........พ่อนายเองก็เป็นคนดังไม่ใช่หรอ.......”
ตอนแรกเบสทำท่าเหมือนจะแย้งผม เค้าทำท่าจะพูดอะไรซักอย่าง
...แต่พอผมพูดเรื่องพ่อขึ้นมา.....เบสก็ทำหน้าเศร้า แล้วก็เลิกคิดจะพูด
“นายเองก็ลืมมันไปเหอะ.......เรื่องเมื่อก่อน” ผมหันไปมองหน้าด้านข้างเบส ที่กำลังก้มอยู่ในเงามืด
“.....เราจะลืมได้หรือโต้ง นายเองละ นายลืมได้หรือ?” เบสถามผมกลับ........
“.............เราไม่รู้ซิ.........ไปอาบน้ำกันเหอะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่รู้จะตอบเบสว่ายังไงดี
“...............อึม ตามมาซิ” เบสยอมหยุดบทสนทนาเหล่านั้น แล้วพาผมไปแต่โดยดี
ในห้องล๊อกเกอร์อีกที่นึง
................................................
ผมยืนนิ่งอยู่หน้าล๊อกเกอร์ ผมลืมนึกไปว่า ออนเซ็นคือบ่อแช่น้ำร้อนรวม หมายความว่า ผมต้องอาบน้ำพร้อมกับเบสงั้นหรือ!!!!
...
ง่า...ตกไปอยู่หน้าสองเฉยเลยอะ งานยุ่งๆ อยู่แท้ๆ ก็ต้องรีบมาลงให้เลยนะเนี้ย กลัวโดนลืมอะ
คุณดรีมฝากบอกว่า รูปเหล่านี้ไม่ใช่ฝีมือคุณดรีมเองนะครับ ใช้ประกอบเพื่อจินตนาการ