วันนี้ผมกลับบ้านดึกหน่อย หลังเลิกงาน พี่เก๋อ้างว่า เพื่อตอบแทนที่วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวัน เลยเปิดเบียร์เลี้ยงผมกระป๋องนึง
ผมนั่งคุยกับพี่เก๋อยู่นาน พี่เก๋ล้วงถามความในใจผมจนหมด
ผมเองมาอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่รู้จะระบายกับใคร จะบอกเพื่อนๆ ก็ไม่อยากทำให้พวกผมต้องมาเศร้า ต้องมาทุกข์กับผม
เวลาผมมีความสุข ผมอยากแบ่งปันความสุขนั้นให้กับเพื่อน
แต่ถ้าผมทุกข์ ผมขอแบกรับไว้คนเดียวดีกว่า ไม่อยากให้เพื่อนมาทุกข์ด้วย
สำหรับผม พี่เก๋เหมือนพี่สาวคนนึง ผมไว้ใจพี่เค้ามาก เหมือนที่พี่เก๋เค้าไว้ใจผม
ผมระบายสิ่งที่คั่งค้างในใจไปจนหมด พี่เก๋ฟังผมเงียบๆ สุดท้าย แกลูบหัวผมทีนึง แล้วบอกกับผมว่า
“ความรักไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวดหรอกโต้ง มีแต่ใจคนเรานั่นละที่ทำให้เราเจ็บเอง
ความรักเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งสวยงาม โต้งต้องรักษามันไว้ให้ดีๆนะ”
ผมขอบคุณพี่เก๋ที่มานั่งฟังผมระบายความในใจ จากนั้นก็ลากลับบ้าน
“กลับบ้านดีๆละโต้ง”
“ขอบคุณครับพี่เก๋” ผมยิ้มตอบกลับไป
หลังจากได้ระบายความในใจ ผมก็สบายใจขึ้นเยอะมาก
ผมเชื่อว่าต่อให้ตอนนี้ผมเห็นเบสจูบกับหนิง ผมก็คงสามารถควบคุมใจตัวเองได้แล้ว
ผมถึงบ้านตอนเกือบเที่ยงคืน นี่ผมนั่งคุยกับพี่เก๋จนดึกขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
เบสกลับมาถึงบ้านแล้ว เพราะผมเห็นรถจอดอยู่
ผมเข้าบ้านไป ไม่เห็นเบสตรงโซฟาที่เดิม สงสัยวันนี้เบสนอนหลับไปแล้วแน่ๆ
ผมเดินเข้าไปในห้อง ก็พบว่า เบสนอนหลับแล้วจริงๆ ในมือเบสยังถือหนังสือเรียนไว้อยู่ แต่หน้าหนังสือปิดไปแล้ว
นี่สงสัยจะนอนอ่านหนังสือจนเผลอหลับไปแน่ๆ
ผมแอบขำเบาๆกับตัวเอง
น่ารักจริงเชียวนะท่านอน ผมเดินเข้าไปยืนค้างๆเตียง ก้มมองคนน่ารักตรงหน้า
ปากแดงๆของเบส จะเคยจูบใครหรือเปล่าน๊ะ
แต่ผมคิดว่าคงไม่เคยมากกว่า
ผมอยากก้มลงไปขโมยจูบเบสมากๆ แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะเลิกทำ ก็ต้องทำให้ได้ตามที่พูด
หลังจากหักห้ามใจแล้ว ผมก็หันไปหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
.......................................................
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมมองนาฬิกา เที่ยงคืนครึ่งแล้วหรือเนี่ย....
พรุ่งนี้เที่ยงผมมีนัดเข้าไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา แล้วตอนเย็นก็จะไปทำงานร้านพี่เก๋ตามที่สัญญาไว้
ผมยังพอมีเวลา นอนดึกได้อีกหน่อย เพราะพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องรีบตื่น
จริงๆ ผมยังไม่อยากนอน ยังอยากเปิดคอเล่นอีกซักพัก แต่เห็นคนน่ารักหลับไปแล้ว ก็ไม่กล้ากวน
กลัวเค้าจะตื่นขึ้นมา ผมเลยเลือกที่จะนอน
“เอาวะ ไหนๆ ก็วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันละ พักดีกว่า” ผมพูดเบาๆกับตัวเอง
ผมหยิบไดร์เป่าผมไปเป่าที่ข้างนอกห้องนอน เพราะกลัวเบสจะตกใจตื่น
หลังจากผมแห้งแล้ว ผมก็เข้าห้องไปปิดไฟ หยิบหนังสือออกจากมือเบส แล้วก็ล้มตัวลงนอนข้างๆเบส
ขณะที่ผมกำลังปิดเปลือกตาลง เบสก็พูดขึ้นมาว่า
“กลับมาแล้วหรือโต้ง”
“อ้าว ขอโทษ เราทำให้นายตื่นเลยหรอ”
“อึม ไม่เป็นไร เราตั้งใจจะรอนายกลับมาอยู่แล้ว แต่ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน แย่จัง เรานอนก่อนเจ้าของเตียงอีก”
“บ้า..ไม่เป็นไรหรอก ง่วงก็นอนซิ จะมารอเราทำไม” ------เอ้...หรือว่าเบสห่วงเรานะ เลยนอนรอ
“วันนี้งานยุ่งหรือ โต้ง”
“ก็ยุ่ง..มากนะ” -----ไม่อยากบอกว่านั่งคุยกับพี่เก๋ตะหากเลยกลับดึก
“เราก็คิดงั้นละ เพราะตั้งแต่ตอนเราไปร้านนายละ คนก็เต็มร้านเลย แต่ไม่นึกว่าจะกลับดึกขนาดนี้”
“ก็วันหลังนอนไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอ”
“ไม่หรอก เราจะรอ ยังไงเราก็มีมารยาทพอนะ”
อ้อ...สรุปที่รอ เพราะมารยาทใช่ไหม ไม่ได้รอเพราะห่วง
ผม....ผมแอบคิดประชดในใจ
เห้อ......รู้ว่าไม่มีหวัง ยังแอบคิดเข้าข้างตัวเองอีก โง่จริงๆ เลยเรา
“งั้นก็นอน...ได้แล้วซินะ เรากลับมาแล้ว”
“เรายังมีเรื่องจะคุยกับโต้งละ แล้วโต้ง...ง่วงนอนยัง”
“ยังๆ คุยได้ มีอะไรปะ” ผมถามด้วยความสนใจ
ผมรู้อยู่แล้วละ ว่าเบสต้องมาเล่าให้ผมฟังแน่ๆ เรื่องแผนการของพวกเรา ตกลงเบสชวนหนิงไปเที่ยวหรือเปล่า?
“เราตกลง ทำตามที่นายสอนเราแล้วนะโต้ง....เอ่อ..ที่ชวนหนิงไปเที่ยวนะ”
“แล้วไง เค้าว่าไงบ้าง”
“เรายังไม่ทันได้ชวนเลย....เค้าชวนเราก่อนซะอีก.. นี่โต้ง นายว่าหนิงเค้าจะชอบเราไหม”
โหย...เจ็บจี๊ดในใจอีกแล้ว ทำไมมันยังไม่หายซะทีนะ ไอ้อาการแบบนี้
“แน่นอนอยู่แล้วเบส โหย ดูยังไงเค้าก็ชอบนาย แสดงออกชัดเจนขนาดนี้” ผมแอบแขวะหนิง แต่คิดว่าเบสคงไม่รู้
“เอ่อ..จริงหรอโต้ง” เบสตอนนี้จะทำสีหน้ายังไง ผมไม่อาจทราบได้จริงๆ
เพราะตอนนี้ในห้องมืดมาก มีแค่แสงจันทร์จากหน้าต่างห้องนิดๆหน่อยๆ
“อึม....ก็น่าจะ มากกว่า 50% ละ”
“งั้นหรอ เราควรทำตัวยังไงดีนะโต้ง เสาร์อาทิตย์นี้ หนิงเค้าชวนเราไปเที่ยวทะเล.... เราควรทำไงดีโต้ง”
“ทะเลเลยหรอ? นายจะไปไหนกันนะ “
“ไปหัวหินนะ เห็นหนิงเค้าบอกว่า เพื่อนๆเค้าจะไปเที่ยวทะเลกัน แล้วไปพักที่คอนโดเพื่อนของหนิงเค้า”
ผมแอบโล่งอกนิดๆที่รู้ว่า เบสไม่ได้ไปกับหนิงกันสองต่อสอง
“นายก็ทำตัวปกติละแบบที่เราบอก”
“แต่.......” ผมไม่รู้ว่าเบสลังเลอะไร เค้ากำลังคิดอะไรอยู่
“นายอยากพูดอะไรกันแน่..”
“โต้งว่า มันจะเร็วไปไหม ถ้าเราจะขอหนิงเป็น ...............เอ่อ.........เป็นแฟนนะ”
อึ๊กกกกกกกก เหมือนมีคนเอาค้อนปอนมาทุบอกผม เจ็บมาก มันเจ็บจี๊ดๆ เข้าไปในใจเลย
นี่ขนาดเค้ายังไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆนะ แค่เบสพูดว่าอยากจะขอหนิงเป็นแฟนนะ ผมยังเจ็บขนาดนี้เลย
นี่ถ้าเบสกับหนิงเป็นแฟนกันจริงๆ ผมคง....ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว
ผมจะทำอะไรได้ละ ผมมันเป็นแค่เพื่อน เป็นแค่รุ่นน้อง ยังไงผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ขอบตาผมร้อนผ่าวๆ นี่ผมจะทำตัวอ่อนแออีกไม่ได้นะ ผมบอกตัวเองแล้วว่า จากนี้ไป ผมต้องเข้มแข็ง
ใครว่าลูกผู้ชายไม่ร้องให้ ที่ไม่ร้องเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่อยากร้องตะหาก
ลูกผู้ชายก็คนนะ ต้องมีอารมณ์สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจเป็นเหมือนกัน
“เราว่า ดูไปซักพักก่อนไหม เพื่อเราจะคิดกันไปเอง ดูทีท่าหนิงช่วงที่ไปเที่ยวก่อนแล้วกัน ค่อยว่ากันอีกทีนะ”
ผมเตือนเบสจากใจจริง ผมกลัวว่าพวกเราจะคิดมากกันไปเอง แล้วถ้าเบสขอหนิงเป็นแฟนคราวนี้แล้วโดนปฏิเสธ
เบสคงเสียใจมาก อาจจะเสียคนไปเลยก็ได้
ผมกลัวเบสจะเสียใจ ถ้าให้ทำอะไรได้ที่เบสจะมีความสุข ผมจะทำแน่ๆ
“เอางั้นก็ได้ เอาจริงๆ เราก็ยังไม่กล้าพูดหรอกโต้ง.....เราอายอะ”
“นายไม่เคยขอใครเป็นแฟนใช่ปะ”
“อึม....ไม่กล้า บวกกับไม่แน่ใจด้วย ไม่รู้ว่าเค้าจะมาชอบคนอย่างเราหรอ เรารู้ตัวว่าเรานะเฉิม เชย
เราเลยไม่คิดจะขอใครเป็นแฟนเลย เพราะรู้ว่าพูดไปก็มีแต่จะอกหัก หน้าแตกอีกตะหาก”
“นายก็เป็นแบบนี้ละนะ ถ้าไม่เริ่ม ก็ไม่มีการพัฒนา ตอนนี้นายเปลี่ยนไปแล้ว
นายต้องบอกตัวเองอย่างนี้นะ นายต้องเชื่อซิ ว่านายทำได้
เชื่อเราซิ นายในตอนนี้ ถ้าให้จีบสาวจริงๆนะ รับรอง สบายๆเลยละ มีแต่สาวจะมาชอบนายก่อนเสียด้วยซ้ำ”
ผมพูดให้กำลังใจเบส
“....แล้วถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ เราต้องทำไงบ้างละ เราทำตัวไม่ถูกนะโต้ง”
“ก็ปกติแบบคนเป็นแฟนกันนะ ...จะพูดไงดีหว่า นายถึงจะเข้าใจ...เอาเป็นว่า ง่ายๆก็มี
โทรหากัน ไปเที่ยวไปดูหนังกัน กินข้าวด้วยกัน ตัวติดกัน อะไรแบบนั้น“
“แบบนั้นมันก็ไม่เห็นจะต่างจากเพื่อนเลยโต้ง ถ้าอย่างนั้น เรากับโต้งก็เป็นแฟนกันไปแล้วซิ ฮ่าๆๆ”
โอ้ยยยยย เจ็บอีกแล้ว เบสนายช่างเลือดเย็นจริงๆ
แต่จะโทษเบสฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เบสไม่รู้หรอก เรื่องในใจผม ทุกอย่างมันเป็นที่ใจผมทำตัวเองทั้งนั้น
“งั้น ก็มีจูบกัน มีเซ็กส์กันไง ถึงจะเรียกว่าแฟน” ผมตอบแบบกวนๆเบสไป
“เห้ย...โต้ง มีเซ็กส์เลยหรอ”
“ทำเป็นไม่เคยไปได้ วัยรุ่นสมัยนี้ มีเซ็กส์กันไวจะตาย บางคนมีตั้งแต่ม.ต้นแล้วด้วยมั้ง”
“...ไม่ใช่ยังงั้น...คือไง เราว่า ควรจะต้องแต่งงานก่อนจะดีกว่านะ เรื่องเซ็กส์นะ ...เราเอ่อ...
ยอมรับก่อนหน้านี้ที่เราเคยนะ เพราะแค่อยากรู้อยากเห็น....แต่เราว่า
ถ้าไม่ได้ทำกับคนที่รักนะ มันไม่มีความสุขหรอก มันอาจจะแค่สุขทางกาย
แต่ทางใจนะ เทียบกันไม่ได้หรอกกับ การมีอะไรกับคนที่ตัวเองรัก” เบสเทศน์ผมซะยาวเลย
“ก็ถ้าไม่ได้รักกันจะเป็นแฟนกันได้ไง” ผมเถียง
“มันก็จริง....แต่เราว่า เป็นแฟนกัน ก็ อยากมากแค่จูบก็พอแล้วมั้ง”
“แล้วแต่นาย นายก็มีวิธีความเชื่อแบบนายนะ ...ว่าแต่ นายเคยจูบหรือยัง”
“....ยังหรอก.... ไม่เคยเลย ขนาดตอนมีอะไรครั้งแรก เรายังไม่ยอมจูบเลย เราคิดว่า จูบมัน..ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”
“โอ๊ะ ...แล้วยังงี้จะจูบเป็นหรือเนี่ย ระวังนะ จูบไม่เก่ง สาวไม่แลนะ ฮ่าๆ”
ผมแกล้งแซวเบสเล่น
“......ก็ช่วยไม่ได้ เราไม่เคยนิ.......แล้วสำหรับเรา จูบนะ มันต้องทำกับคนพิเศษเท่านั้น........”
ดูเบสนิ่งๆไป เบสกำลังคิดอะไรอยู่ ผมตามไม่ทัน
“งั้น เดียวเราสอนให้อีกเอาไหม” ผมแกล้งเสนอเบสไปดู
“................................” เบสเงียบ
ตอนนี้ใจผมเต้นตึกตักๆมากๆเลย หมายความว่าไง ความเงียบแบบนี้ เบสอยากให้ผมจูบหรือ.....
นั่นมันความปราถนาของผมเลยนะ
“โต้งสอนเราหน่อยซิ” จู่ๆ เบสก็โพลงขึ้นมา...!!!
…………………………………………………………
ลงแล้วนะครับ ยังไม่ดึกเท่าไร แต่คนโพสกำลังมึนบวกอึน ใกล้หลับเต็มที ค้างกันใช้ได้เลยไหมละครับ
อ่านครึ่งตอนต่อไป พรุ่งนี้ครับ
(ขอบคุณสำหรับความหมายนะครับ)