และแล้วก็มาถึงบทส่งท้ายของเรื่องราวนี้แล้วครับ หลังจากที่ได้ติดตามกันมานานพอควร
ขอบคุณนะครับที่แวะมาอ่านและติดตามกันเรื่อยมา อย่างที่บอกครับผมยังเขียนได้ไม่ดีเลย
แต่ก็จะพยายามพัฒนาไปเรื่อยๆนะครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมตั้งใจแล้วว่าจะเขียนต่อไป
ยังไงก็ฝากไว้่ด้วยนะครับผม อีกไม่นานจะมีงานใหม่มาให้อ่านกันอีก
แล้วก็ฝากเรื่อง"ฤดูรักสองเรา" ไว้ด้วยนะครับ อีกไม่นานนี้ก็จะลงภาคต่อที่เป็นภาคสุดท้ายให้ได้อ่านกัน
ขอบคุณมากครับตอนอวสาน *************
วันเวลายังคงเดินของมันไปเรื่อยๆ สองปีผ่านไปจนถึงวันนี้ก็เป็นวันจบการศึกษาของพวกเราแล้วครับ งานวันรับปริญญาของเราก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลย
ขณะนี้ผมมายืนอยู่กับไอ้เนที่บริเวณหน้าที่เก็บอัฐิของพ่อกับแม่ผมตามความต้องการของไอ่เน มันว่ามันอยากมาลาพ่อกับแม่ผมด้วยเพราะหลังจากที่เรารับปริญญากันแล้ว มันก็จะบินไปเรียนรู้งานและช่วยพ่อแม่ของมันคุมร้านที่โน่นเลย
" พ่อครับแม่ครับ ผมขอมาลาพ่อกับแม่ด้วยนะครับ ต่อไปผมต้องไปที่โน่นเพื่ออนาคตของผม ขอบพระคุณพ่อกับแม่มากนะครับที่ช่วยคุ้มครองดูแลพวกเราให้พ้นอุปสรรคทุกๆอย่างมาได้ด้วยดี ต่อไปผมกับไอ่อินจะไม่ทิ้งกัน จะรักและดีต่อกันตลอดไป ก็ขอให้ดวงวิญญาณของพ่อกับแม่ได้รับรู้และอวยพรให้พวกเราด้วยนะครับ" มันตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ก้มลงกราบพร้อมกับผม แล้วเราก็ยิ้มให้กันมองไปที่รูปของพ่อกับแม่ผมที่อยู่ตรงนั้น
ตอนนั้นผมก็ได้แต่หวังไว้ว่าดวงวิญญาณของพ่อกับแม่ผมคงได้รับรู้แล้ว และท่านก็คงจะเข้าใจเราสองคนได้ ว่าเรารักกันด้วยใจจริงๆแม้ว่ามันจะไม่เหมาะสมถูกต้องนัก ก็ได้แต่หวังว่าท่านจะยอมให้อภัยผมกับมันนะ
" อิน กูมีเรื่องอยากขอร้องมึงอีกเรื่องว่ะ ต่อไปนี้พอกูไม่อยู่นี่แล้วกูขอฝากบ้านกูไว้กับมึงด้วยนะ ขอให้มึงย้ายออกจากวัดแล้วมาอยู่ที่บ้านกูเลย พ่อแม่กูก็ต้องการแบบนั้นด้วยแหละ มึงอย่าปฏิเสธกูเลยนะ กูขอร้องล่ะ"
" เพราะมึงก็รู้ดีนะทั้งกูและพ่อแม่กูไม่เคยเห็นมึงเป็นคนอื่น เพราะงั้นกูก็จะขอมึงว่าอย่าเห็นเราเป็นคนอื่นเลย ได้มั๊ยวะ" มันขอร้องผมอีกครั้ง แน่นอนว่าผมเข้าใจมันดีซึ่งเพราะเหตุนี้ผมถึงไม่ปฏิเสธมัน
" อืม ได้ดิ กูจะดูแลบ้านให้มึงเอง ขอบใจมึงกับพ่อแม่มึงที่ไว้ใจกูนะ กูจะไม่ทำให้มึงผิดหวังหรอก กูสัญญาว่ะ" ผมบอกแล้วก็โอบไหล่มันไว้ มันก็ยิ้มอย่างดีใจเลยครับ
-
-
ในวันที่เรารับปริญญานั้นพ่อแม่ไอ่เนก็บินกลับมาร่วมตามเคย เรียกได้ว่าเค้ายอมขาดทุนปิดร้านหลายวันเลยเพื่องานนี้ ก็แน่ล่ะนะ ลูกชายคนเดียวประสบความสำเร็จขนาดนี้จะไม่ให้มาร่วมยินดีก็คงไม่ได้อยู่แล้วล่ะครับ
พวกเราทั้งหมดได้ถ่ายรูปร่วมกันไว้เยอะมาก รูปที่ผมประทับใจก็จะเป็นรูปที่ผมถ่ายกับพ่อแม่ของมันนะ แม่มันกอดผมกับไอ่เนไว้ด้วยกันแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ผมได้มองภาพนั้นทีไรก็ยิ้มออกมาได้ทุกที เพราะมันเหมือนกับว่าชีวิตที่เคยขาดหายของผมได้เติมเต็มกลับมาแล้ว
จนรู้สึกว่ามากกว่าที่เคยหวังไว้ซะด้วยซ้ำ...............
หลังจากวันพิธีรับปริญญาจบลงพวกเราสี่คนก็พากันมาฉลองกับเพื่อนๆกันอย่างสนุกสนานครับ เดี๋ยวนี้ไอ่คิมกับไอ่บอลมันก็ยิ่งดูรักกันมากขึ้นเยอะเลย พอดูๆอย่างนี้ผมว่ามันก็เหมาะกันดี คงเพราะว่านิสัยมันจะเติมเต็มให้กันได้ดีอยู่ ก็เหมือนผมกับไอ่เนนะที่คงจะมีแต่ผมที่เข้าใจมันดีแม้มันจะเอาแต่ใจ
จากนั้นไม่นานไอ่คิมมันก็ไปเรียนต่อเพื่อเตรียมตัวสอบเป็นสจ๊วตตามที่มันหวังไว้ ส่วนไอ่บอลมันก็ลองไปสมัครงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งและได้ทำงานในตำแหน่งฟร้อนท์เป็นแผนกต้อนรับนะครับ
ส่วนไอ่เนก็ยังคงเตรียมตัวสำหรับการบินไปอเมริกาเพื่อไปช่วยพ่อกับแม่มันที่ร้าน โกอินเตอร์แล้วสินะมึง
ต่อไปนี้จะไม่มีไอ่เนเด็กเกเรคนเดิมที่เอาแต่วางก้ามรังแกคนอ่อนแอกว่า และยังติดการพนันงอมแงมจนเป็นหนี้พนันท่วมหัวไร้อนาคตคนนั้นอีกแล้ว.......
เพราะวันนี้ที่ผมได้เห็นตรงนี้ ผมกลับมองเห็นแค่ไอ่เนบัณฑิตใหม่อนาคตไกลทายาทเจ้าของกิจการร้านอาหารไทยในอเมริกา ที่กำลังจะบินกลับไปดูแลกิจการและสานต่องานจากพ่อแม่ของมันแล้วนะ
ซึ่งตัวมันก็ยังคงพูดเสมอ ว่ามันมีวันนี้ได้ก็เพราะผม แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ที่มันมีวันนี้ได้ก็เพราะความอดทนและตั้งใจจริงของตัวมันเองนะ เพราะผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าช่วยคนๆนึงที่กำลังจะถูกรุมจนตายในวันนั้นก็เท่านั้นเองครับ
เพียงแต่ถ้าในวันนั้นผมกลัวหรือไม่ได้ตัดสินใจช่วยมัน เราก็คงจะไม่ได้มีวันนี้ด้วยกันนะ ซึ่งมันก็คงจะน่าเสียดายจริงๆถ้าจะเป็นอย่างนั้น
" คิดอะไรอยู่วะ ไอ่อิน" มันถามผมในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเพลินๆอยู่ที่ริมระเบียงบ้านของมัน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วนะ ที่มันจะอยู่ที่นี่ วันรุ่งขึ้นมันก็จะต้องบินไปที่โน่นแล้ว
" ก็คิดถึงเรื่องเก่าๆว่ะ คิดถึงวันแรกที่กูได้มาที่นี่ วันแรกที่ได้คุยกับมึงอย่างจริงๆจังๆน่ะ ก็แปลกดีว่ะจริงๆแล้วมึงกะกูก็ไม่น่าจะมาคบกันได้เลยนะ เกลียดกันเป็นศัตรูกันซะขนาดนั้นอ่ะ" ผมหันมาบอกมันแล้วก็ยืนพิงกับราวระเบียง
" เออ ก็นั่นดิวะ แต่ก็อย่างที่กูบอกมึงไง เราสองคนน่ะ คงเป็นเนื้อคู่กันมาไงล่ะ ฮ่าๆๆ" มันหัวเราะชอบใจ
" สัดนี่ มุขนี้อีกแล้ว แต่ก็ช่างเหอะ ยังไงซะกูก็ดีใจแหละ ไม่งั้นป่านนี้กูก็ยังไม่รู้เลยว่าชีวิตกูมันจะเป็นยังไง สงสัยก็คงเป็นแค่คนสิ้นหวังมีชีวิตไปวันๆเหมือนเดิมอย่างตอนที่กูเป็นเด็กๆมั๊ง" ผมพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมานิดนึงเมื่อนึกถึงฝันร้ายตอนเด็กๆของผม
" เออ... เอาน่ะ มันผ่านไปแล้วนะเว้ย ผ่านไปด้วยดีก็เพราะความดีของมึงนั่นไง และมึงก็ไม่ได้ดีขึ้นแค่ตัวมึงเองนะแต่ยังช่วยชีวิตกูให้ดีขึ้นจนมีวันนี้ด้วยน่ะ กูอยากจะขอบคุณโชคชะตา ขอบคุณสวรรค์ หรืออะไรก็ตามแต่ที่บันดาลให้เราได้มาพบกันจริงๆเลยว่ะ" มันบอกแล้วก็เดินมากอดผมไว้
-
-
ท้องฟ้ายามค่ำข้างนอกนั้นแต็มไปด้วยดาวที่สุกใสสว่าง เหมือนกับความหวังของเราสองคนตอนนี้ ผมกับมันก็เลยนั่งเคียงข้างกันอยู่ตรงระเบียงนั้นแล้วก็มองดวงดาวกันอย่างมีความสุข เหมือนกับภาพตอนจบของนวนิยายหรือหนังโรแมนติกอะไรสักเรื่องนึง
เพียงแต่ผมก็ไม่กล้าคิดหรอกว่ามันจะจบอย่างแฮบปี้เอนดิ้งได้ขนาดนั้นน่ะนะ อนาคตเรายังต้องเดินต่อไปอีกยาวนานนัก ก็ไม่รู้นะว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง
แต่มันก็ได้สัญญากับผมแล้วว่าจะรักและดีต่อกันตลอดไป ซึ่งแค่นั้นผมก็พอใจแล้วนะ และหลังจากนี้แม้เราจะต้องจากกันไปไกลจนไม่ได้เจอกันอีกนานมากๆ แต่ผมก็จะจดจำมันไว้แบบนี้และจะขอรักมันคนเดียวตลอดไป
คืนนั้นเราได้อยู่ด้วยกันเป็นคืนสุดท้ายแล้ว ผมรู้สึกใจหายจริงๆนะครับ แต่รสรักจากมันในคืนนั้นจะติดตรึงในใจผมตลอดไปตราบจนถึงวันที่เราจะได้กลับมาพบกันอีก และผมจะขอรอวันนั้นอยู่ที่นี่อย่างนี้แหละครับ
-
-
ตอนนี้ผมกับมันและไอ่คิมกับไอ่บอลก็ได้มาอยู่ที่สนามบินแล้ว พวกเราต่างอาลัยอาวรณ์กันมากเพราะอยู่ด้วยกันมาตลอดสี่ปีโดยไม่เคยต้องจากกันไปไหนนานๆเลย แต่คราวนี้ไอ่เนมันจะต้องจากเราไปเป็นปีๆอย่างนี้ก็เลยทำให้ใจหายกันไปหมดนะครับ
" โทรมาละกันนะเว้ย เออ แต่เล่นเอ็มหากันก็ได้นี่หว่า ได้เห็นหน้าด้วย" ไอ่บอลเสนอ
" เออๆ ก็ดีเหมือนกันว่ะ เฮ้อ แต่ก็นะ ใจหายว่ะ มันนานเป็นปีเลย ก็ขอให้โชคดีแล้วกันนะเว้ย" ไอ่คิมบอกมันแล้วก็ตบไหล่มันเบาๆ
" อืม กูจะโทรมาแหละ แล้วก็เล่นเอ็มมาคุยด้วยนะ ยังไงเราก็ไม่ได้หายจากกันไปซะเลยหรอกน่า แล้วกูจะกลับมาว่ะ พวกมึงรอกูนะ" มันบอกไอ่คิมกับไอ่บอลแล้วก็หันมาหาผม
" มึงรอกูนะเว้ย อิน กูฝากบ้านกูกับมึงด้วยนะ แล้วก็ดูแลตัวมึงเองด้วยนะเว้ย" มันบอกผมแล้วก็ก้มหน้าเอาหน้าผากมันมาแตะกับหน้าผากผมไว้ พร้อมๆกับปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาช้าๆ
จนผมเองก็เลยกอดมันไว้แล้วแน่นร้องไห้ออกมาเบาๆแล้วก็ต้องรีบหยุดไว้แค่นั้นแล้วสบตากับมันนิ่งๆอยู่
" มึงก็เหมือนกันนะเว้ย ดูแลตัวมึงเองด้วยนะ เพราะใจกูจะอยู่กับมึงด้วยเหมือนกัน แล้วกูก็จะรอมึงอยู่นี่แหละ อยู่ที่บ้านของเราไงวะ สักวันพอมึงกลับมามึงก็จะเห็นเองว่าที่บ้านนี้มันจะเหมือนเดิมทุกอย่างและจะเป็นที่ของเราสองคนตลอดไปนะเว้ย กูจะขอดูแลมันให้ดีที่สุดจนถึงวันที่มึงกลับมานะ กูจะรอ..." ผมกอดกับมันแน่นเหมือนเป็นการให้สัญญากับมัน ซึ่งมันก็คงได้รับรู้ทุกๆความรู้สึกนั้นของผมแล้ว
หลังจากที่มันได้จากไปแล้ว ผมยอมรับนะครับ ว่าเอาเข้าจริงๆแล้วผมใจหายมากถึงขั้นว่าเกือบจะนอนไม่หลับในบางคืน แต่ดีว่ารูปถ่ายเก่าๆตั้งแต่ตอนไปทำงานพิเศษด้วยกันกับวันรับปริญญานั้นก็พอจะช่วยเป็นตัวแทนของมันให้ผมได้
โดยเฉพาะเสื้อที่มันเซ็นให้ผมนั้น ทุกครั้งที่ผมได้มองมันหรือเอามือสัมผัสตรงที่มันบอกว่าเขียนลงบนใจของผม ก็ยิ่งช่วยให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมยังมีมันอยู่กับผมข้างๆเลยนะ แม้มันจะเป็นแค่เพียงอะไรที่ผมคิดไปเองก็เถอะ แต่มันก็สร้างความสุขให้ผมได้ไม่น้อยเลย
จนผมเลยตัดสินใจเอาเสื้อของตัวมันเองที่ผมเซ็นไว้มาแขวนเอาไว้ด้วยกันที่ฝาผนังข้างตู้เสื้อผ้านั่นเอง โดยที่ผมหันด้านหน้าของตัวเสื้อของเราทั้งคู่เข้าหากันจะได้เหมือนกับว่าผมกับมันได้กอดกันอยู่ตลอดนะ
และผมก็จะออกมานั่งเล่นกีต้าร์ที่มันตั้งใจซื้อให้ผมเป็นของขวัญที่ตรงริมระเบียงอยู่เสมอในทุกๆครั้งที่คิดถึงมันด้วยเพลงของเราเพลงนั้น เพลง เพียงเธอ นั่นแหละครับ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้ผมไม่ต้องทนเหงาเพราะไม่มีมันอยู่เคียงข้างได้เป็นอย่างดีนะ
-
-
ทุกวันนี้ผมก็ได้งานเป็นผู้ช่วยไกด์ในบริษัททัวร์แห่งหนึ่งครับ เป็นแค่งานพาร์ทไทม์ที่สามารถเลือกเวลาไปทำงานได้อย่างที่ต้องการเพราะผมยังคงมีงานอื่นๆที่เป็นจ๊อบอีกนะครับ โดยมากจะเป็นงานจากพี่ที่โมเดลลิ่งที่ก็ยังคงส่งงานดีๆมาให้ผมทำเสมอ
อาจจะเพราะพี่เค้าว่าผมน่ารัก ไม่เรื่องมาก ไม่เบี้ยวงาน ไม่มาสายและลูกค้ามักจะชอบผมเลยเจาะจงเลือกผมไปทำงานด้วยบ่อยๆ ทำให้ผมมีงานถ่ายโฆษณาทางทีวีบ้าง นิตยสารบ้าง จนมีคนเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาผมบ้างแล้ว แต่ผมเองก็ยังคงไม่ได้ลืมความฝันของตัวเองไปหรอกนะ
หลังๆมาผมก็เลยลองคุยกับพี่ที่โมเดลลิ่งว่าผมอยากจะมีผลงานเพลงของตัวเอง เราควรจะไปเสนอตัวกับค่ายเพลงเค้ายังไงดี ให้พี่ช่วยแนะนำผมหน่อย เท่านั้นแหละครับ พี่เค้าก็เลยรีบเอาผมไปเสนอกับค่ายเพลงทันทีเลยนะ โดยที่ผมก็ไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป
" เอ้า นี่นะค่ายเพลงที่นี่เค้าตอบรับมาแล้วล่ะว่าสนใจเรานะ อินก็ลองเข้าไปคุยกับเค้าได้เลยนะจ๊ะ เตรียมตัวพร้อมเมื่อไหร่ก็โทรไปคอนเฟิร์มนัดกับพี่เค้าได้เลยจ้ะ" พี่ออยที่โมเดลลิ่งบอกผมแล้วก็ยื่นนามบัตรของพี่ที่เป็นฝ่ายดูแลศิลปินของค่ายเพลงแห่งนึงให้ผม ซึ่งพอผมได้เห็นอย่างนั้นแล้วก็ตื่นเต้นมากๆเลยนะครับ
" โห จริงๆเหรอครับเนี่ย นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ปะครับ ขอบคุณพี่มากๆเลยนะที่ช่วยผมมาตลอดเลยอ่ะ" ผมไหว้พี่ออยเป็นการใหญ่เพราะดีใจอย่างสุดๆเลยครับตอนนั้น
" จ้าๆ ก็แหม เด็กดีๆอย่างเราอ่ะ ใครๆเค้าก็ต้องสนับสนุนสิจ๊ะ ดีแล้วล่ะนะ เราสมควรได้รับโอกาสดีๆแบบนี้แล้ว เพราะเราเป็นคนดีไง ต่อไปนี้มันก็อยู่ที่ตัวเราเองแล้วนะ พยายามให้เต็มที่ละกัน พี่เอาใจช่วยจ้ะ" พี่ออยบอกแล้วอวยพรให้ผม ตอนนี้ผมเลยยิ่งดีใจจนแทบเก็บไว้ไม่ไหวแล้วครับ
เพราะนี่เท่ากับว่าประตูที่จะเชื่อมไปสู่ความฝันของผมก็เริ่มเปิดออกแล้ว เหลือก็แค่ให้ผมเดินเข้าไปเท่านั้นเอง
-
-
หลังจากที่ผมติดต่อกับทางค่ายเพลงแล้วผมก็เลยเริ่มเตรียมตัวกับทางค่ายด้วยการไปเข้าคอร์สเรียนร้องเพลงก่อน ซึ่งผมก็ตั้งใจอย่างมากๆเลยครับ ซึ่งพี่ๆเค้าก็พอใจอย่างมากกับความสามารถและความตั้งใจของผม
และพอไอ่คิมกับไอ่บอลรู้เข้าเท่านั้นแหละพวกมันก็ดีใจกันใหญ่เลยครับ มันว่าจะได้มีเพื่อนเป็นนักร้องแล้ว เป็นเพื่อนนักร้องก็ดังไปด้วยแน่ๆ ผมเลยขำไปกะความคิดพวกมัน
จากนั้นผมก็ทำงานไปด้วยแล้วก็ไปเรียนร้องเพลงกับทางค่ายเค้า แต่บางวันที่ว่างผมก็ยังไปเล่นกีต้าร์ร้องเพลงโชว์ชาวต่างชาติที่ตรอกข้าวสารอีกนะ อยากฝึกฝีมือกับความมั่นใจของตัวเองด้วยน่ะครับ
-
-
ตั้งแต่วันที่มันจากผมไปจนถึงวันนี้ก็ปีนึงได้แล้วสินะ ผมยังคงคิดถึงมันทุกวันแต่มันก็ได้โทรมาหาผมอยู่เรื่อยๆซึ่งก็ทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆนะที่มันไม่ลืมผมและยังรักผมเหมือนเดิม
" เฮ้ย เดี๋ยวอีกไม่กี่วันกูจะกลับไปหามึงแล้วนะ ดีใจมั๊ยจ๊ะ เมียจ๋า ฮ่าๆๆ" คำพูดมันทำเอาผมดีใจอย่างมากๆจนลืมตัว ไม่งั้นถ้าเป็นทุกๆทีที่มันพูดอย่างนี้ผมจะเขกกบาลมันนะ
" ห๊า... จริงๆเหรอวะ แล้วจะมาเมื่อไหร่ล่ะ กูจะได้ไปรับ"
" เออๆ อีกสองวันนะ รอไหวมั๊ยจ๊ะที่รัก ว่าแต่ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่ไหนเหรอ" มันถามผม ตอนนั้นผมกำลังออกมาที่ตรอกข้าวสารเพื่อเล่นกีต้าร์พอดี ก็เลยบอกมันไปตามนั้น แล้วเราก็เลยคุยกันต่ออีกหน่อยเรื่องมันจะกลับมาเมื่อไหร่ยังไงแน่ จากนั้นมันก็วางหูไป
ผมเลยมาเตรียมตัวร้องเพลงโชว์อยู่อย่างตื่นเต้นและดีใจมากๆครับ ในที่สุดผมก็จะได้เจอมันแล้วนะ มันจะเปลี่ยนไปแค่ไหน และมันจะเป็นไงบ้างผมอยากจะเห็นมันจริงๆครับ
แล้วผมก็เล่นและร้องโชว์ไปสักพักนึงพอผมร้องจบผมก็โค้งให้ผู้ชมเหมือนเคย แต่อยู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ตรงหน้า ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองทันที
" เพลงต่อไปผมขอเพลง "เพียงเธอ" นะครับ ร้องให้ผมฟังได้มั๊ย ผมชอบเพลงนี้มากๆ ไม่ได้ฟังมานานแล้ว และถ้าจะให้ดีผมขอร้องคู่ไปด้วยได้มั๊ยครับ"
เมื่อผมมองไปนั้น ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้คนที่ผมอยากจะเจอมันที่สุดตอนนี้มันได้มายืนอยู่ต่อหน้าผมนี่เองแล้ว
พร้อมๆกับในมือที่ถือกีต้าร์ตัวเก่าของมัน กับรอยยิ้มเดิมๆของมันนั้น
แล้วผมก็โผเข้ากอดมันอย่างลืมตัวเลยครับ น้ำตาผมค่อยๆไหลอาบแก้มลงมาซึ่งมันก็มาจากความดีใจอย่างที่สุดของผมเองนั่นแหละครับ
ผมกับมันยังคงไม่ได้พูดอะไรกันเลย เราได้แต่กอดกันอยู่อย่างนั้นโดยที่คนรอบข้างเค้าก็คงก็ได้แต่แปลกใจว่าทำไมเราจึงมายืนกอดกันอยู่อย่างนี้ จนผมเริ่มได้สติก็เลยมองหน้ามันและยิ้มให้
มันก็ยังคงเหมือนเดิมทุกๆอย่าง แม้แต่สร้อยที่ผมเคยให้มันก็ยังคงอยู่ที่คอของมันเสมอจนถึงตอนนี้
จากนั้นมันก็หันไปทางคนดูแล้วก็เอากีต้าร์ของมันขึ้นมาเล่นช่วงดนตรีท่อนขึ้นของเพลงพลางยิ้มให้ผม เราเลยร้องประสานกันไปเหมือนอย่างที่เคยร้องกันไว้ในวันนั้น จนผู้คนที่ดูอยู่ก็เริ่มตบมือให้เรา
http://www.4shared.com/embed/45759355/203eedf9 เพียงแต่วันนี้มันต่างกับวันนั้นเยอะเลยเพราะตอนนี้เราสองคนรักกันจากใจจริงๆแล้ว เราเลยไม่ต่างกับมิวและโต้งในเรื่องรักแห่งสยามเลยนะ
และผมก็จะยอมให้มันเป็นมาริโอ้ไปอย่างที่มันอยากจะเป็น ส่วนผมก็จะเป็นพิชญ์เองนะเหมือนที่เคยตกลงกับมันนั่นแหละว่าจะยอมให้มันเป็นมาริโอ้สุดเท่ก็ได้
ตอนนี้ทั้งผมและมันก็ร้องประสานกันด้วยความรู้สึกที่ดื่มด่ำลึกซึ้งไปกับเพลงนั้นอย่างแท้จริง ยิ่งร้องไปก็ยิ่งอินไปกับเพลงนี้นะ
ทุกๆคำร้อง ทุกๆตัวโน๊ตมันช่างแทนความรู้สึกของเราได้ทั้งหมดจริงๆว่าเรารักกันมากแค่ไหน
และก็จะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่จะฟังเพลงนี้เข้าใจได้ แค่เราเท่านั้นจริงๆครับ..............
-
-
พอเราร้องเพลงโชว์เสร็จแล้วก็เลยเดินเข้าไปซื้อน้ำกับเบียร์ในเซเว่นมานั่งด้วยกันที่ขอบฟุตบาธหน้าร้าน เพราะมันบอกว่าอยากฉลองจัง ก็ตามเคยน่ะนะ มีอะไรก็ฉลองทั้งปีอ่ะมึง ไม่เคยเปลี่ยน แต่ถึงยังไงผมก็ดีใจนะ
" ฮ่าๆๆ ชนเว้ย กูขอฉลองให้ศิลปินคนใหม่นะ รับรองถ้าอัลบั้มมึงออกมาแล้วล่ะก็ มึงดังชัวร์" มันชนแก้วกับผมแล้วก็ดื่มไปอึกใหญ่
" เออ ให้มันออกมาได้ก่อนเหอะ กูยังเรียนร้องเพลงอยู่เลย แล้วนี่ตกลงมึงกลับมาตอนไหนวะ ตกลงว่าไอ้ที่โทรมาน่ะ มึงหลอกกูเหรอ" ผมคาดคั้นกับมัน
" เออ....อ ก็อยากเซอร์ไพร์สมึงไง เห็นป่ะล่ะ มึงออกจะปลื้มขนาดนี้ คิดถึงกูมากอ่ะดิ ฮ่าๆๆ"
" สาด.. มึงนี่มันจะเป็นเจ้าแห่งการเซอร์ไพร์สใช่มั๊ยเนี่ย แล้วไอ่คิมไอ่บอลมันรู้ยังน่ะ"
" ก็ยังหรอก กูมาถึงนี่ปั๊บก็กลับไปที่บ้านเลยนะ แต่เห็นมึงไม่อยู่เลยโทรหา พอมึงบอกว่าอยู่นี่กูก็เลยหยิบกีต้าร์แล้วตามมาเลยไง" มันเฉลยให้ผมฟังว่ามันมาหาผมที่นี่ได้ไง
" เออๆ กูเซอร์ไพร์สมาก ก็ดีใจแหละนะที่มึงกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ดิอยากไปรับมึงเองที่สนามบินน่ะ"
" อ้าว... เหรอ เออๆ งั้นคราวหน้าละกันนะ กูจะให้มึงไปรับที่สนามบินเองเลย ว่าแต่เดี๋ยวกลับกันเหอะว่ะ ดึกแล้วนี่ ชักเหนื่อยๆว่ะกู สงสัยนั่งเครื่องนาน เอ้อ... ใช่ กลับไปดูของฝากมึงด้วยนะ กูซื้อมาเพียบ ฮ่าๆๆ" มันบอกแล้วก็ชวนผมกลับไปบ้าน
-
-
ขณะนี้มันได้กลับมายังบ้านที่มันจากไปนานอีกครั้งแล้ว ซึ่งผมได้ดูแลรักษามันเป็นอย่างดี ข้าวของทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงอยู่ที่เดิมของมันเหมือนในวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกันนั่นแหละครับ
" กูขอบใจมึงว่ะที่ดูแลบ้านเราอย่างดีขนาดนี้นะ ทุกๆอย่างมันเหมือนเดิมเป๊ะเลยยังกะว่ากูยังไม่ได้ไปไหนเลยงั้นแหละ" มันเอ่ยกับผมขณะที่เดินไปนั่งที่ริมระเบียง
" ก็กูรับปากมึงไว้นี่ ก็ต้องทำตามนั้นสิวะ" ผมบอกกับมันแล้วก็หยิบน้ำที่รินจากตู้เย็นมาให้มัน
" เฮ้อ.... สบายใจจังว่ะ ได้กลับมาบ้านที่กูรักที่สุดแล้ว เมื่อก่อนตอนนั้นกูเคยเกลียดบ้านนี้นะ ที่ตอนนั้นมึงยังไม่เข้าใจแล้วถามกูว่าบ้านดีอย่างนี้ทำไมกูไม่ชอบ ก็เพราะความทรงจำเลวร้ายพวกนั้นไง"
" แต่ตอนนี้มันกลายเป็นว่ามันมีแต่ความทรงจำดีๆของมึงกับกูนะ กูถึงรักที่นี่จังเลยว่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากจะกลับมาอยู่นี่ตลอดไปเลยนะ"
" อ้าว แล้วทางโน้นละวะ ใครจะช่วยดูล่ะ มึงจะไม่ช่วยพ่อแม่มึงต่อเหรอ" ผมถามอย่างสงสัย
" ก็เปล่าหรอก แต่ไม่แน่นะต่อไปกูอาจจะขอเค้ากลับมาเปิดร้านที่นี่ให้เป็นอีกสาขานึงไง กูอยากกลับมาอยู่กับมึงน่ะ ดีมั๊ยล่ะ" ผมฟังแล้วก็ยิ้มไปกับทางเลือกของมัน
" จริงเหรอวะ แล้วเค้าเห็นด้วยแล้วเหรอ เออๆ ดีเลย กูอาจจะไปช่วยมึงที่ร้านก็ได้นะ"
" ก็แหงดิ ผัวเมียกันก็ต้องช่วยกันดูแลกิจการสิวะ ฮ่าๆๆ จะไปจ้างคนอื่นทำไม" มันแซวผมแล้วก็หัวเราะเสียงดัง
" ไอ่สาดด..ด อีกละมึง คำก็ผัวเมีย สองคำก็ผัวเมีย เน้นจังนะมึง ยังงี้กูต้องไปจดทะเบียนกะมึงเลยมั๊ยเนี่ย" ผมประชดมันไปแต่มันก็ยิ่งหัวเราะได้ใจใหญ่
" เออ ดีๆ พรุ่งนี้ไปอำเภอกันเลยนะ ฮ่าๆๆ ว่าแต่ตกลงกันก่อนนะ กูขอเป็นผัวละกัน แล้วเราค่อยมาจัดงานแต่งอีกที ฮ่าๆๆ ให้ไอ่คิมไอ่บอลมันมาเป็เพื่อนบ่าวสาวด้วย ดีมั๊ย" มันทำมาแกล้งรับมุขผมจนผมต้องขำไปกับมันอีก จากนั้นผมก็ให้มันไปอาบน้ำแล้วก็เตรียมตัวนอนกันเพราะก็เห็นว่ามันน่าจะเหนื่อยที่เดินทางมาไกล
" ดีจังว่ะที่มึงเอาเสื้อของมึงกับกูมาแขวนไว้ด้วยกันอย่างนี้นะ มองดูแล้วมันก็นึกถึงวันนั้นว่ะ ตอนที่กูเซ็นให้มึงเนี่ยกูก็ไม่นึกหรอกว่าระหว่างเรามันจะเกินเพื่อนไปอย่างนี้ ถ้ากูรู้ใจตัวเองตั้งแต่วันนั้นก็คงดี กูจะได้เซ็นว่า จากไอ่เน คนที่รักมึงสุดหัวใจนะ และกูก็จะไม่สนเลยว่าใครจะว่ายังไงน่ะ เพราะกูไม่อยากเป็นแค่เพื่อนมึงแล้วไง"
" เฮ่ย แต่กูว่าถ้ามันเป็นงั้นจริงๆก็เท่ากับว่าคำว่ามิตรภาพของเรามันก็ต้องหมดสิ้นไปด้วยสิวะ" ผมบอกมันอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าตอนนี้เรารักกันแบบนี้ แต่พอนึกได้ว่ามันจะเท่ากับว่าไอ้ที่เราเคยเขียนไปว่า กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป มันก็จะเท่ากับว่าต้องเปลี่ยนไปน่ะสิ
" เอาน่า มึงไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวดูกูนะ" มันว่าแล้วก็เดินไปหยิบปากกาเมจิคบนโต๊ะเขียนหนังสือมาเขียนใต้ส่วนที่เป็นคำว่า "มิตรภาพตลอดไป" นั้นว่า "+รักแท้ตลอดไป"
แล้วมันก็หันมายักคิ้วให้ผม พอเห็นแล้วผมก็ยิ้มออกมาเลยที่เห็นว่ามันก็ช่างคิดดีนะ เลยเอาปากกามาเขียนที่เสื้อของมันบ้าง แล้วเราก็ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ต่อไปความรักของเราก็จะเป็นผลลัพธ์ของสมการนี้ของผมและมันต่อไป เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีผมและมันมาบวกรวมเข้าด้วยกันแล้ว ผลลัพธ์ของมันก็จะออกมาเป็นทั้งความรักแท้และมิตรภาพตลอดไปนะ
และผมก็หวังว่าจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงสมการอันนี้ไปได้ ใช่แล้วล่ะครับ ไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานสักแค่ไหน แต่ผลลัพธ์ของมันก็จะคงเดิมอย่างนี้ตลอดไปนะ
" กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป+รักแท้ตลอดไป "
**************
จบบริบูรณ์