ต้องขอออกตัวก่อนน่ะึครับว่านี่เป็นเรื่องแรกที่เขียนจริงๆ เลยอาจจะไม่สนุกอย่างที่ใครๆชอบกันนะครับ แต่ผมเห็นว่าสำหรับเรื่องนี้ถ้าใครได้อ่าน ก็อาจจะนึกถึงวันเก่าๆที่ดีๆตอนสมัยเรียนนะครับ ก็อยากให้ลองอ่านดูก่อน เผื่ออาจจะมีใครชอบแนวๆนี้นะครับ
หากต้องการอ่านตอนใดตอนหนึ่งคลิกจากสารบัญลิ้งค์ด้านบนใต้กฎระเบียบได้เลยนะครับ *****************
ตอนที่1 *************
ผมชื่อ "อิน" ครับ เป็นแค่เด็กกำพร้าคนนึงเพราะพ่อแม่ผมเสียชีวิตในอุบัติเหตุตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ น้าชายของผมจึงนำผมมาเลี้ยง แต่ตัวของน้าเองก็ไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากนักรวมทั้งท่านก็มีลูกหลายคนอยู่แล้ว
พอผมอายุได้ 10 ขวบผมก็ขอให้น้าชายพามาฝากให้อยู่ที่วัดกับหลวงตาท่าน ผมจึงได้กลายเป็นเด็กวัดตั้งแต่นั้นมา ตอนนั้นผมเองได้แต่คิดซ้ำๆว่าการที่เราไม่มีพ่อแม่แล้วมันก็เหมือนว่าเราก็คงไม่มีใครอีกแล้ว
เพราะงั้นถ้าเราจะอยู่หรือตายไปมันก็คงไม่ได้ต่างอะไรกัน เพราะคงไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตใครทั้งนั้น ทำให้ผมกลายเป็นเหมือนเด็กที่เฉยเมย อยู่ไปวันๆเหมือนไม่มีความรู้สึก ไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยหัวเราะ และไม่สังคมกับเด็กอื่น จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน
วันหนึ่งหลวงตาท่านจึงได้เตือนสติผมว่า คนเราเมื่อเกิดมาแล้วชาติหนึ่งนั้น ก็จำเป็นต้องมีชีวิตที่เดินมุ่งหน้าต่อไปข้างหน้า อย่ามัวแต่เสียเวลาย่ำอยู่กับที่หรือเดินถอยหลังด้วยการจมอยู่กับอดีตอีกเลย
ผมได้ฟังตามนี้แล้วก็คิดได้เลยครับว่ามันจริงทุกอย่าง เราต้องอยู่เพื่อตัวเราเองไม่ใช่เพื่อคนอื่น เพราะชีวิตมันเป็นของเราเอง กว่าที่ใครสักคนจะได้เกิดมาเป็นคนนั้นพระท่านว่าต้องสะสมบุญบารมีมามากพอควรทีเดียวถึงได้เกิดมาเป็นคนได้ ถ้าได้เกิดมาแล้วจะมาเสียโอกาสที่ดีนี้ไปเพียงแค่ว่าเรามัวจมกับอดีตที่เลวร้ายอยู่อย่างนี้ก็คงจะน่าเสียดาย
ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็พยายามใช้ชีวิตให้ดีสมกับที่หลวงตาท่านได้เตือนสติไว้ ผมพูดคุยสังคมกับเพื่อนมากขึ้น ทำจิตใจให้ร่าเริง ทำให้ผมเลยมีเพื่อนๆมากขึ้น ซึ่งช่วงนั้นผมก็ขึ้นม.6แล้ว กำลังจะต่อมหา'ลัย
ชีวิตตอนนั้นมันก็เรื่อยๆนะครับ มีความสุขกับชีวิตตามประสาเด็กวัยรุ่นคนนึงเท่านั้น แต่แล้วก็เป็นมันที่เข้ามาทำลายความสุขของผมไปจนสิ้น แล้วก็มันอีกเช่นกันที่จะเป็นคนเปลี่ยนชีวิตของผมตลอดไป
"ไอ้เน"มันเป็นเสมือนมาเฟียของห้องครับ เพราะมันชอบทำตัววางก้ามมีอิทธิพลเหนือคนอื่นเค้าไปหมด ไม่ว่าจะเป็น รีดไถ ขู่กรรโชกในทุกรูปแบบเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่มันต้องการ
ใครๆก็ต่างก็พากันเกรงกลัวเพราะมักจะโดนมันใช้"กำลัง"เข้ากระทำอยู่เสมอๆครับ ยังไม่มีใครสู้มันและสมุนของมันได้รวมทั้งผมด้วย ซึ่งผมก็ได้พยายามที่จะอดทนอย่างที่สุดแล้ว ต้องยอมทนความเลวของมันมาโดยตลอด แต่พอถึงวันนึงผมก็สุดที่จะทนจนได้
" เฮ้ย เอาตังมา 10 บาทดิ๊" มันเอ่ยกับผมด้วยท่าทีวางก้ามตามสไตล์ของมัน ผมเริ่มฉุนจึงโวยไป
" อะไรวะ มึงจะมารีดเลือดกะปูทำไมกันอ่ะ กูไม่ใช่ลูกนายกนะเว้ยจะได้มีเงินมาประเคนให้เมิงตลอดน่ะ"
" ปั่ก" มันต่อยผมล้มไปนั่งกับพื้นเลยครับ มึนไปเลย
" สงสัยมึงนี่มันจะไม่รู้จักจำนะ ว่าโทษของคนที่ขัดใจกูเนี่ยมันคืออะไร" มันยิ้มเยาะผม
" เออ ก็จำไว้แล้วกัน แล้วสักวัน มึงจะรู้สึก" ผมก็รู้ครับว่ายังไงก็คงสู้มันไม่ได้ แต่มันสุดๆแล้วจริงๆเลยพูดออกไป พอดีกับจังหวะที่อาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี มันเลยชี้หน้าผมอย่างแค้นๆอันหมายความว่าให้ระวังตัวให้ดีๆ นับตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ได้แต่เจ็บใจเฝ้าวนเวียนคิดหาทางที่จะแก้แค้นมันให้ได้
แต่แล้วในวันหนึ่ง ขณะที่ผมเดินกลับจากรร.ถึงบริเวณแถวหลังตลาดซึ่งแถวนี้อยู่ใกล้ๆกับบ้านของไอ้เน อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงที่คุ้นๆดังมาจากตรอกเล็กๆซึ่งลับตาคนหลังตลาดนั้น
" นะ...พี่ ถ้าพอผมได้เงินโอนมาแล้วผมจะรีบให้พี่ทันทีเลยครับ รออีก 2 วันนะครับพี่"
" อะไรวะ มึงนี่ผลัดกูมา3รอบแล้วนะ" อีกน้ำเสียงห้าว เหี้ยมเกรียมกล่าวอย่างไม่พอใจ
ผมเลยลองโผล่ไปดูก็ได้เห็นเลยครับ ว่าเป็นมันจริงๆ ไอ้เนมันยืนจนมุมอยู่ที่กำแพงตรอกอยู่ตรงนั้นเอง มีผู้ชาย3-4คนซึ่งดูก็รู้ทันทีเลยว่า พวกทวงหนี้แน่ๆยืนล้อมกรอบมันอยู่ ผมเลยแอบดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้นเงียบๆจนกระทั่ง
" เฮ้ย มันไม่มีตังให้จะเอาไงดีว่ะ" หนึ่งในพวกขาโหดนั้นมันก็ตอบว่า
" ไม่มีเหรอ ไม่มีมันก็ต้องโดนยังงี้น่ะสิ" พูดจบปั๊บมันก็ประเคนหมัดเข้าสู่ท้องน้อยของไอ้เนดังอั้กใหญ่ จนมันจุกเลยทรุดลงไปนั่งกองที่พื้นตรอก
" โอย อย่าทำผมเลยครับพี่ ผมไม่เบี้ยวพี่จริงๆครับ อีก 2 วันผมก็ได้เงินมาแล้วพี่ค่อยมารับเงินอีกทีก็ได้ รับรองว่าผมใช้ให้แน่นอนครับ"
" ก็มันอีกตั้ง 2 วันนิ แต่วันนี้มึงต้องจ่ายดอกเบี้ยมาก่อน" แล้วมันก็เตะไอ้เนที่นั่งกองอยู่กับพื้นจนคว่ำไปเลย ตามด้วยการรุมเตะและกระทืบจากพวกไอ้ขาโหดทุกคนตรงนั้น จนร่างของมันที่นอนอยู่บิดไปมาด้วยความเจ็บปวด ผมเฝ้ามองอย่างสะใจว่าในที่สุดมึงก็มีวันนี้นะไอ้เน
ในขณะที่ผมรู้สึกกระหยิ่มในใจดังนั้น พลันก็เกิดความคิดว่าเดี๋ยวถ้ามันโดนตื้บเสร็จแล้วผมจะถ่ายรูปสภาพอันแสนทุเรศของมันไปประจานให้คนอื่นๆที่รร.ดูดีกว่า โจทก์มึงเยอะขนาดนั้นกูละอยากรู้เลยว่ามึงจะทำไงวะ
แต่แล้วความคิดชั่วร้ายอันนี้ของผมก็ต้องหยุดลงทันทีเมื่อผมสังเกตเห็นว่ามีเลือดของมันไหลหยดลงมาที่พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มใจไม่ดีแล้วครับ
ผมจึงเริ่มคิดทบทวน ว่าจะเอาไงดี ถ้าปล่อยไว้ผมว่ามันได้ตายแน่ๆ ไอ้พวกบ้านี่มันโหดจริงๆ เราจะทำไงดีจะช่วยมันดีมั๊ย แล้วถ้าช่วยจะช่วยยังไงดี ถึงจะไม่พลอยซวยไปด้วย โอย... ยอมรับเลยครับ ว่านาทีนั้นมันสับสนไปหมดเลยจริงๆครับ แต่ทันใดนั้นเองไอ้เนมันก็ตะโกนด่าไอ้พวกนั้นออกมา
" โอ๊ย พวกมึงจะฆ่ากูให้ได้เหรอไง กูบอกแล้วว่าเดี๋ยว2วันกูจะเอามาให้ ทำไมพูดไม่รู้เรื่องวะ ไอ้พวกเชี่ย " มันคงสุดทนแล้วจริงๆ ขนาดเจ็บๆมันก็ยังระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างหมดสิ้นความกลัว ซึ่งนั่นก็เลยยิ่งทำให้สถานการณ์ของมันยิ่งเลวร้ายถึงขั้นวิกฤติ
" อ้าวๆ จะเละคาทีนกูอยู่แล้วนะมึง ยังจะปากดีได้อีกงั้นเดี๋ยวกูจัดให้มึงเอง " พูดพลางมันก็ชักมีดออกมา
" ไหน ปากมึงดีนักใช่มั๊ย งั้นกูก็จะทำให้มึงพูดอะไรไม่ได้อีก จะได้ไม่มาปากดีกะพวกกู " ว่าแล้วมันก็จับคางของไอ้เนช้อนขึ้นมาแล้วบีบปากของมัน จนมันต้องอ้าปากออก ซึ่งลำพังตัวมันเองตอนนี้ผมเห็นเลยว่ามันบอบช้ำมากๆ เลือดไหลจากหัว จมูก ปากของมันออกมา ดังนั้นไอ้พวกโหดนี่จึงจัดการกับมันได้ง่ายขึ้นอีก
และในขณะที่ไอ้โหดนั่นมันกำลังจะแทงมีดลงไปที่ลิ้นของไอ้เนนั้น ผมเลยตัดสินใจครั้งที่ยากที่สุดในชีวิตว่า เอาวะกู ตายเป็นตายกันล่ะ แล้วผมก็วิ่งเข้าไปหาไอ้พวกโหดพวกนั้นแล้วร้องห้ามพวกมัน
" เฮ้ยๆ พี่เดี๋ยวๆ คุยกันดีๆก่อนนะครับ " พวกมันเลยตกใจหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว โดยเฉพาะไอ่เน สายตาของมันตกใจและงงมากที่เห็นว่าเป็นผม แต่มันคงไม่มีแรงพูดอะไรแล้วตอนนั้น
" แล้วมึงเป็นใครวะ อยากโดนด้วยอีกคนเหรอไง" ไอ้พวกโหดมันตะคอกใส่ผมอย่างโคตรเหี้ยม จนใจผมตกไปอยู่ตาตุ่มจริงๆอะตอนนั้น
"เอ่อ... คือผมเป็นเพื่อนมันเองครับ ผมขอร้องละครับอย่าทำให้มันถึงขั้นพิกลพิการไปเลยนะครับ ผมไหว้ล่ะครับพี่" ผมพนมมือไหว้พวกมันทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร
ตอนนั้นผมก็คิดแค่ว่ายังไงก็ต้องช่วยมันให้ได้ ไม่งั้นมันคงตายรึไม่ก็หมดอนาคตไปเลยแน่ๆ ซึ่งผมคงรู้สึกผิดนะถ้าไม่ได้ช่วยมันทั้งๆที่เห็นโดนยำอยู่ตรงหน้าอย่างนี้
"ก็มันไม่จ่ายหนี้นี่หว่า แล้วยังจะมาทำปากดีกะพวกกูอีก พวกกูเลยสั่งสอนมันไง"
"ครับๆ แต่ผมขอละครับพี่ นะครับ... อย่าทำมันอีกเลย แค่นี้มันก็ปางตายแล้วพี่ แล้วตกลงที่มันติดพวกพี่น่ะเท่าไหร่เหรอครับ" ผมเลยตัดสินใจต่อรองกับพวกมันไป ทั้งที่ก็กลัวนะว่าถ้าจำนวนเงินมันจะมากมายมหาศาลกูจะหาเอาที่ไหนมาใช้ให้มันแทนวะ ซวยละสิกูทีนี้จะทำไงดีว้า
" 20,000 ไง ทำไม มึงจะใช้ให้มันเหรอไง" พวกมันบอกจำนวนเงินมา ผมเลยโล่งใจ เออ... ยังดีเงินในบัญชีพอมีอยู่ประมาณ 30,000 กว่าบาท เลยตัดใจยังไงซะก็ขอให้มันรอดไปจากตรงนี้กันก่อนวะ แล้วค่อยว่ากันอีกที
" โอเคครับพี่ ผมจะใช้แทนมันเอง เดี๋ยวพี่คนนึงตามผมไปกดที่ตู้ก็ได้ครับ จะได้ชัวร์ๆรับรองผมไม่เบี้ยวแน่ครับ" ผมยื่นข้อเสนอให้พวกมันหวังจะให้มันพอใจ และเราจะได้พ้นเงื้อมมือพวกมันไปได้ซะที
" เออ ดี ไอ้นี่มันพูดง่ายๆดีเว้ย พวกเรา ถ้าว่าง่ายๆยังงี้แต่แรกเพื่อนมึงก็ไม่อ่วมยังงี้หรอก งั้นเดี๋ยวกูไปกะมึงเอง แต่อย่ามาทำตุกติกกะกูนะมึง ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วนะ" มันขู่ผมอีกครั้ง แต่ยังไงผมก็ยังโล่งใจไปเยอะเพราะมั่นใจขึ้นแล้วว่าพอมันได้เงินไปเรียบร้อยทุกอย่างก็คงจบซะที รอดไปทีนะเรา
จากนั้นผมก็เดินไปกดตังให้มันไปโดยมีพวกมันคนหนึ่งไยืนคุมด้วย แต่พอมันได้เงินไปแล้วมันก็รีบปล่อยผมทันทีตามที่มันบอกไว้ และเมื่อผมเดินกลับมาหาไอ้เนก็พบว่ามันนอนสลบอยู่ตรงที่เดิมนั่นเอง
********************
ผมเลยรีบวิ่งไปดูมันทันที มันนอนนิ่งอยู่ที่พื้น มีเลือดหยดอยู่บนพื้นหลายหยด ดูเหมือนว่ามันจะหัวแตกครับ ผมเลยประคองมันขึ้นแล้วเขย่าตัวมันเบาๆ
" เฮ้ยๆ ไอ้เนมึงเป็นไงมั่งวะ" มันก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
" ไอ้อิน.... มึง.. มาช่วยกู... ทำไม ..." เสียงมันขาดเป็นห้วงๆ
" เออๆ มึงไม่ต้องพูดตอนนี้ไปหาหมอกะกูก่อนเลยไป มึงพอเดินไหวมั๊ย" ผมเลยพยายามพยุงตัวมันขึ้น มันร้องโอยว่ารู้สึกเจ็บและจุกๆ ผมเลยค่อยๆหิ้วปีกมันไปหาหมอที่คลีนิคใกล้ๆตลาดนั่นเอง โชคดีที่อยู่ใกล้ๆเลยหอบสังขารของมันไปได้ง่ายหน่อยครับ
" นี่ไปโดนอะไรกันมาครับนี่" หมอที่คลีนิคถามผมทันทีที่เป็นสภาพของไอ้เน ผมเลยแก้ตัวไปว่ามีเรื่องกับเพื่อนที่รร.เลยรีบพามันมานี่ หมอก็เลยรีบดูอาการมันทันทีว่าเป็นไงบ้าง ผมก็เลยนั่งดูหมอตรวจอาการของมันอยู่ใกล้ๆเตียงตรวจนั้น
สภาพของมันตอนนี้ดูแย่มาก หัวมันแตกเล็กน้อยยังดีที่ไม่ต้องเย็บ ตามตัวเป็นรอยจ้ำเขียวๆม่วงๆไปหมด แล้วก็มีรอยถลอกปอกเปิกอยู่ตามแขนมัน
ใจผมก็กังวลครับ กลัวว่ามันอาจจะช้ำในมากหรืออาการหนักเลยรู้สึกผิดในใจจริงๆ ผมน่าจะเข้าไปช่วยมันตั้งแต่แรก ตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่โดนเล่นงาน ไม่น่าปล่อยให้มันโดนหนักขนาดนี้เลย เพราะเรามัวแต่งี่เง่าไปคิดแก้แค้นมันแท้ๆ นี่ถ้าเกิดมันเป็นอะไรไปจริงๆผมจะทำยังไง คงได้รู้สึกผิดไปตลอดแน่ๆ
" คนไข้มีแผลแตกที่หัวครับ แล้วก็มีอาการช้ำในพอสมควรแต่ไม่เป็นไรแล้ว ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงแต่2-3วันนี้จะต้องให้คนไข้นอนเฉยๆก่อนนะครับ แล้ววันนี้ก็สามารถกลับบ้านได้เลยครับ แต่ต้องดูแลใกล้ชิดหน่อยนะครับ เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้นะ" หมอบอกอาการของมันให้ผมฟัง
ผมเลยโล่งใจว่ามันไม่เป็นไรแล้ว เลยหันไปมองหน้ามันที่นอนอยู่บนเตียงตรวจ สีหน้าของมันก็ดีขึ้นแล้วไม่เหมือนตอนแรกที่ผมห่วงมันมากนะ
" โอเค... เดี๋ยวกูจะพามึงกลับไปบ้านเอง แต่ว่าถ้าพ่อแม่มึงเห็นเข้าจะว่าไงวะ กูกลัวจะเรื่องยาวอ่ะดิ" ผมบอกมันอย่างวิตก ขืนพ่อแม่มันเห็นสภาพมันอย่างนี้รับรองเรื่องยาวชัวร์
" เออ... มึงไม่ต้องห่วงหรอก พ่อแม่กูไม่อยู่บ้านหรอก กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอก" มันบอก ผมเลยพยุงมันลงมาจากเตียงออกมาที่ด้านนอกหน้าเคาท์เตอร์เตรียมรับยา
" อ้าว แล้วที่บ้านมึงมีใครอยู่มั่งเนี่ย" ผมถามมันขณะที่รับยาแล้วจ่ายเงิน
" ไม่มีหรอก กูอยู่คนเดียวนี่แหละ"
" เหรอ... เออๆ อ้าวเฮ่ย แล้วยังงี้ใครจะอยู่ดูมึงอ่ะ" ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ ถ้าไม่มีใครอยู่กะมันแล้วมันจะทำไง หมอให้นอนนิ่งๆตั้ง 2-3 วัน มันได้ฟังแล้วก็อึ้งไปนิดนึงเหมือนคิดว่าจะทำไงดี
" เออ งั้นกูแหละจะไปดูมึงเอง ไม่งั้นมันก็ไม่มีใครแล้วอ่ะ"
" อืม มึงจะเอางั้นเหรอวะ"
" เออ....อ ก็ต้องงั้นอ่ะ ช่วยมึงแล้วก็ต้องช่วยให้จบดิวะ" มันก็ทำสีหน้าลังเลอีก จนผมเริ่มรำคาญละ
" โอ๊ย....ย มึงต้องไม่ต้องคิดอะไรหรอกตอนนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีละกันน่ะ" ผมรีบตัดบทไปเมื่อเห็นว่ามันยังลังเลอยู่อีก จากนั้นก็เลยพยุงมันเดินออกมาจากคลีนิคกลับไปที่บ้านมันโดยมีมันคอยบอกทาง
" เอ้อ นี่แหละถึงแล้วหลังนี้แหละ" มันบอกเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในซอยใกล้ๆกับตลาดนั่นเอง ซึ่งบ้านของมันก็เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ทีเดียว มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุม บริเวณบ้านก็ค่อนข้างกว้าง
พอเราเดินเข้าไปในบริเวณบ้านก็ได้เห็นว่า บรรยากาศดีจริงๆเพราะมีสระน้ำที่ปลูกบัวไว้อยู่ด้านข้างตัวบ้าน และระเบียงบ้านก็อยู่ริมสระพอดี
" โห บ้านมึงนี่น่าอยู่ว่ะ สบายดีมากๆอ่ะ" ผมกล่าวชมบ้านมันแล้วเปิดประตูพยุงมันเข้าไปในตัวบ้าน
" เออ น่าอยู่ แต่ว่ากูไม่ค่อยอยากอยู่นักหรอกว่ะ" มันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนเอือมระอาเต็มที ผมฟังแล้วต้องหันไปมองหน้ามันอย่างงงๆ
" อะไรของมึงวะ บ้านดีน่าอยู่ขนาดนี้แล้วไม่อยากจะอยู่เนี่ยนะ ประหลาดจังมึงนี่" มันถอนหายใจแล้วชี้ให้ผมพาเดินเข้าไปในห้องมัน เมื่อเข้าไปผมก็ให้มันนั่งบนเตียง ห้องมันก็ดูน่าอยู่ดีครับ จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยดีผิดจากที่ผมคิดไว้ตอนแรก นึกว่าห้องมันคงจะรกๆเละเทะเหมือนนิสัยมันมั๊ง
" เดี๋ยวกูไปเอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้มึงก่อนดีกว่า แล้วคืนนี้กูคงต้องค้างอยู่กะมึงที่นี่นะ เดี๋ยวยืมกางเกงมึงมาใส่นอนหน่อยแล้วกัน" ผมบอกมันเพราะว่าไม่อยากทิ้งมันไว้คนเดียวคืนนี้ เผื่อว่าตอนดึกมันอาจต้องการอะไร หรือลุกไปเข้าห้องน้ำจะได้คอยช่วยมันได้
" อิน กูขอบใจมึงมากเลยนะเว้ยที่ช่วยกู ไม่งั้นป่านนี้กูคงถูกพวกมันฆ่าตายไปแล้วอ่ะ" มันพูดแล้วเงยหน้ามามองหน้าผมในขณะที่ผมกำลังเช็ดตัวให้มัน
" เออ ไม่เป็นไรหรอกว่ะ เป็นใครๆก็ต้องช่วยมึงอ่ะ มึงไม่ต้องขอบใจกูหรอก" ผมบอกมัน
" หึ ใครๆก็ต้องช่วยกูงั้นเหรอ แล้วมึงรู้มั๊ยไอ้ใครๆที่มึงว่าอ่ะ มันทิ้งกูเอาตัวรอดกันไปหมด ปล่อยให้กูเป็นอย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ" มันพูดเสียงดังขึ้นพลางกัดฟันแน่นอย่างแค้นใจ
" อ้าว มันยังไงกันวะ" ผมถามด้วยความสงสัย
"ก็ตอนแรกกูเดินมากะพวกไอ้โต้ง ไอ้ชิน อยู่ๆพวกไอ้โหดนั่นก็โผล่มาตรงซอยนั้น คงมาดักรอกูอยู่อ่ะ กูก็ตกใจ หันไปหาพวกมัน แต่พวกแม่งอ่ะ พอเห็นท่าไม่ดีก็หนีกูไปหมด แม่ง" มันพูดอย่างตัดพ้อ ตาก็เริ่มแดงๆ ผมนั่งอยู่ข้างๆตัวมันอยู่เลยโอบไหล่มันไว้แล้วตบเบาๆหวังจะปลอบใจมัน
" เอ่อ..... เออๆ มึงก็อย่าไปคิดมากเลยว่ะนะ พวกเชี่ยนี่มันก็สันดานยังงี้อ่ะ มันคบกะมึงก็เพราะมันหลอกแดกมึงอยู่แล้ว มึงก็ช่างแม่งไปเหอะไม่ต้องไปสนแม่งหรอก นะ" ผมยังคงลูบไหล่มัน มันเลยเลื่อนมาจับมือผมแล้วหันมามองที่ผมด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าเลย
" ก็มีมึงอ่ะ ที่ไม่ทิ้งกูไป แล้วยังจะเสี่ยงมาช่วยกูอีก ถ้าพวกมันเล่นมึงด้วยจะทำไงวะ" มันพูดเสียงสั่นเพราะน้ำตาของมันเริ่มไหลออกมา
ผมถึงกับอึ้งเลยเพราะไม่นึกว่ามันจะร้องไห้ออกมาอย่างนี้ นี่มันคงเจ็บแค้นใจมากจริงๆแหละ แต่ว่านี่กำลังจะกลายเป็นว่ามันคงเข้าใจว่าผมตั้งใจอย่างมากที่จะไปช่วยมัน โธ่เอ๊ย....ไอ่เน มึงไม่ได้รู้เลย.... ว่ากูก็กำลังจะไปซ้ำเติมมึงตะหาก ไม่ได้ตั้งใจไปช่วยมึงหรอกนะ กูไม่ใช่ฮีโร่ของมึงเลย.............
" เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆมึงฟังกูก่อนนะ ฟังกู จริงๆกูอ่ะไม่ได้คิดจะไปช่วยมึงหรอก" ผมเริ่มเฉลยบอกมัน
เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นการหน้าด้าน ที่จะรับความดีความชอบอันนี้ด้วยการปล่อยให้มันคิดว่าผมตั้งใจจะช่วยมันจริงๆ มันเหมือนเอาแต่ดีเข้าตัวยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่สบายใจจริงๆ
" กูเองตอนแรกน่ะ เห็นมึงโดนรุมอยู่กูก็ยังดูเฉยๆ เพราะกูสมน้ำหน้ามึง มัวแต่คิดว่าในที่สุดมึงก็มีวันนี้จนได้ สมควรแล้วล่ะ" ผมสารภาพกับมัน
" แต่พอพวกมันเริ่มรุมมึง กูเห็นเลือดมึงไหลกูก็ใจหายเลย กลัวมึงจะตายเอาน่ะ แล้วยิ่งพอมันชักมีดออกมากูก็เลยไม่ไหวละ ยังไงก็ต้องช่วยมึงก่อนอ่ะ เป็นไงเป็นกัน"
" อ้าว... แล้วมึงไม่กลัวเหรอวะ เข้าไปขัดจังหวะมันอย่างงั้น ถ้าเกิดมันเล่นมึงด้วยมึงจะทำไง" มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนเป็นห่วงผม ซึ่งทีแรกผมก็นึกว่ามันรู้อย่างนี้แล้วมันอาจจะโกรธผมแทนก็ได้ แต่ก็ดูจะไม่เป็นอย่างนั้น
" เฮ้อ.. ทำไมกูจะไม่กลัวล่ะ แต่ตอนนั้นกูก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วอ่ะ เป็นห่วงมึงมากๆ ยังไงก็ต้องช่วยมึงก่อน ไม่ได้นึกอะไรทั้งสิ้นอ่ะ ยิ่งตอนวิ่งออกไปพูดกะพวกมัน แค่กูมองหน้าพวกมันกูก็กลัวโคตรๆแล้ว แต่ไม่รู้จะทำไงจะปล่อยให้มันฆ่ามึงกูก็ทำไม่ได้อ่ะ" ผมสารภาพกับมันจนตอนนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
"กูต้องขอโทษมึงนะเว้ย ที่ปล่อยให้มันเล่นมึงจนเละอย่างนี้อ่ะ กูมัวแต่คิดว่าจะสมน้ำหน้ามึง จะซ้ำเติมมึงจนมึงต้องเจ็บปางตายยังงี้ กูมันเชี่ยจริงๆ" ผมพูดไปก็เริ่มเสียงสั่น มันเหมือนจะร้องไห้อะครับ เพราะว่าเราเองมันก็ผิดจริงๆนั่นแหละ
"เฮ้ยๆ ไอ้อินมึงไม่ต้องมาขอโทษอะไรกูหรอก เพราะว่าจริงๆแล้วมึงก็ไม่ได้ผิดหรอกว่ะ ขนาดไอ้พวกนั้นมันยังหนีกูไปดื้อๆเล๊ย เพื่อนที่คบกัน อยู่ด้วยกันมาตลอดเวลาแล้วเป็นไงอ่ะ ปล่อยให้กูตายเฉยเลย ไม่คิดแม้จะกลับมาช่วยกูสักนิดด้วยซ้ำนะ" มันหันมาบอกผมแล้วก็จับมือผมเอาไว้
" แต่มึงเองกลับมาช่วยกูทั้งๆที่เราเป็นศัตรูกันอยู่ มึงอุตส่าห์เห็นแก่ชีวิตเชี่ยๆของกู ไม่ปล่อยให้พวกมันฆ่ากูตาย แค่นี้กูก็ซึ้งแล้ว กูต้องขอบใจมึงจริงๆว่ะ ทั้งๆที่มึงจะทิ้งกูหนีไปเหมือนพวกมันก็ได้ หรือจะปล่อยกูตายเพื่อความสะใจของมึงก็ยังได้"
" แต่มึงไม่ทำไง ใช่มั๊ยล่ะ ซึ่งแค่นี้กูก็ขอบอกตรงๆเลยนะว่ากูซึ้งน้ำใจมึงมากๆแล้ว" มันพูดแล้วก็บีบมือผมแน่น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งบอกให้ผมรู้ว่ามันคิดและรู้สึกอย่างที่มันพูดนี้จริงๆ
" เออๆ.. กูขอบใจว่ะ ที่มึงคิดงั้นนะ ตอนแรกกูกลัวว่ามึงจะโกรธกูว่ะ ถ้ารู้ว่ากูคิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้รู้ว่ามึงไม่โกรธกู กูก็ดีใจว่ะที่มึงเข้าใจกูนะ" ผมยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ มันก็ยิ้มตอบผม
" ต่อจากนี้ไปนะเว้ย กูแค่อยากขอมึงอย่างเดียวว่าเรากลับมาคบกัน เป็นเพื่อนที่ดีๆต่อกันไปอย่างนี้ มึงจะให้กูได้มั๊ยวะ เน"
" เออ... กูต้องให้มึงได้อยู่แล้ว บอกแล้วไงว่า กูอ่ะ ซึ้งน้ำใจมึงจริงๆ มึงเป็นคนดีมากนะเว้ย มึงรู้ตัวมั๊ย ใครมีมึงเป็นเพื่อนแม่งก็โคตรโชคดีแล้วล่ะ เพื่อนมันก็ต้องไม่ทิ้งเพื่อนอย่างนี้อ่ะ ถ้ากูเองรู้อย่างนี้แล้วยังไม่คบเพื่อนอย่างมึง กูก็บ้าแล้วล่ะ"
" เมื่อก่อนกูมันชั่วที่ทำกับมึงต่างๆนาๆ แต่สุดท้ายแล้วกูกลับเหลือแค่มึง แค่มึงจริงๆที่ไม่ทิ้งกูไป เพราะงั้นทุกๆอย่างที่กูเคยทำกับมึงไว้กูก็ต้องขอโทษมึงด้วยนะ กูขอให้มึงอภัยให้กูด้วย แล้วกูก็ต้องขอบใจมึงจริงๆที่ทำให้กูได้รู้จักว่า "เพื่อนแท้" มันเป็นยังไงนะ ขอบใจมึงจริงๆว่ะ" พูดจบมันก็กอดผม ผมก็กอดมันตอบ
ในใจผมตอนนั้นมันรู้สึกเป็นสุขใจจริงๆครับ ตั้งแต่ผมเสียพ่อแม่ไปก็ยังไม่เคยรู้สึกว่าสุขใจเท่าตอนนี้เลย
มันเหมือนผมได้เจอสิ่งที่ค้นหามานาน เจอสิ่งที่ผมขาดหายไป จนเลิกหวังกับมันไปแล้วว่าจะได้เจอ
แต่แล้วมันก็มาอยู่ตรงหน้านี่เอง เอื้อมมือไปก็ได้เจอเลย ต่อไปชีวิตนี้ผมก็จะไม่ต้องทนเหงาไม่มีใครอีกแล้ว เพราะมันคงจะอยู่เคียงข้างผมไปตลอด
เวลาผมดีใจมันก็คงดีใจไปด้วยกับผม และถ้าผมเสียใจมันก็คงร้องไห้ไปด้วยกันกับผมนะ
ผมจะไม่ต้องเดินไปอย่างเดียวดายคนเดียวอีกต่อไปแล้ว และในวันข้างหน้าผมก็ได้มองเห็นอนาคตที่ดีๆ รอเราอยู่ตรงนั้นแล้วล่ะ
และแน่นอนผมก็จะมีมันอยู่ด้วยในวันนั้นนะ ผมหวังอย่างนั้นจริงๆ
**************