พิมพ์หน้านี้ - [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Goodfellas ที่ 08-09-2010 22:38:49

หัวข้อ: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 08-09-2010 22:38:49
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
เพื่อให้ง่ายในการค้นหาตอนที่ต้องการ  สามารถกดเข้าไปโดยตรงที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

สารบัญ
ตอนที่1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1099106#msg1099106)/ตอนที่2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1104293#msg1104293)/ตอนที่3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1108377#msg1108377)/ตอนที่4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1115553#msg1115553)/คอนที่5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1125992#msg1125992)/ตอนที่6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1142618#msg1142618)/ตอนที่7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1153881#msg1153881)/ตอนที่8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1163132#msg1163132)/ตอนที่9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1167677#msg1167677)/ตอนที่10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1170935#msg1170935)/ตอนที่11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1174770#msg1174770)/ตอนที่12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1181542#msg1181542)/ตอนที่13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1184674#msg1184674)/ตอนที่14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1184702#msg1184702)/ตอนที่15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1206657#msg1206657)/ตอนที่16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1215621#msg1215621)/ตอนที่17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1221542#msg1221542)/ตอนที่18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1226668#msg1226668)/ตอนที่19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1236580#msg1236580)/ตอนที่20อวสาน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18275.msg1240000#msg1240000)



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 08-09-2010 22:45:32
 :mc4: มาเจิมนิยายใหม่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 08-09-2010 22:49:09
ต้องขอออกตัวก่อนน่ะึครับว่านี่เป็นเรื่องแรกที่เขียนจริงๆ  เลยอาจจะไม่สนุกอย่างที่ใครๆชอบกันนะครับ   แต่ผมเห็นว่าสำหรับเรื่องนี้ถ้าใครได้อ่าน  ก็อาจจะนึกถึงวันเก่าๆที่ดีๆตอนสมัยเรียนนะครับ  ก็อยากให้ลองอ่านดูก่อน เผื่ออาจจะมีใครชอบแนวๆนี้นะครับ

หากต้องการอ่านตอนใดตอนหนึ่งคลิกจากสารบัญลิ้งค์ด้านบนใต้กฎระเบียบได้เลยนะครับ

                                                *****************
ตอนที่1                                       (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                        *************
   
          ผมชื่อ "อิน" ครับ   เป็นแค่เด็กกำพร้าคนนึงเพราะพ่อแม่ผมเสียชีวิตในอุบัติเหตุตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้  น้าชายของผมจึงนำผมมาเลี้ยง  แต่ตัวของน้าเองก็ไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากนักรวมทั้งท่านก็มีลูกหลายคนอยู่แล้ว    

         พอผมอายุได้ 10 ขวบผมก็ขอให้น้าชายพามาฝากให้อยู่ที่วัดกับหลวงตาท่าน   ผมจึงได้กลายเป็นเด็กวัดตั้งแต่นั้นมา   ตอนนั้นผมเองได้แต่คิดซ้ำๆว่าการที่เราไม่มีพ่อแม่แล้วมันก็เหมือนว่าเราก็คงไม่มีใครอีกแล้ว  

         เพราะงั้นถ้าเราจะอยู่หรือตายไปมันก็คงไม่ได้ต่างอะไรกัน เพราะคงไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตใครทั้งนั้น  ทำให้ผมกลายเป็นเหมือนเด็กที่เฉยเมย อยู่ไปวันๆเหมือนไม่มีความรู้สึก  ไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยหัวเราะ และไม่สังคมกับเด็กอื่น จึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน      

         วันหนึ่งหลวงตาท่านจึงได้เตือนสติผมว่า  คนเราเมื่อเกิดมาแล้วชาติหนึ่งนั้น ก็จำเป็นต้องมีชีวิตที่เดินมุ่งหน้าต่อไปข้างหน้า อย่ามัวแต่เสียเวลาย่ำอยู่กับที่หรือเดินถอยหลังด้วยการจมอยู่กับอดีตอีกเลย  
    
         ผมได้ฟังตามนี้แล้วก็คิดได้เลยครับว่ามันจริงทุกอย่าง เราต้องอยู่เพื่อตัวเราเองไม่ใช่เพื่อคนอื่น  เพราะชีวิตมันเป็นของเราเอง  กว่าที่ใครสักคนจะได้เกิดมาเป็นคนนั้นพระท่านว่าต้องสะสมบุญบารมีมามากพอควรทีเดียวถึงได้เกิดมาเป็นคนได้  ถ้าได้เกิดมาแล้วจะมาเสียโอกาสที่ดีนี้ไปเพียงแค่ว่าเรามัวจมกับอดีตที่เลวร้ายอยู่อย่างนี้ก็คงจะน่าเสียดาย  

         ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็พยายามใช้ชีวิตให้ดีสมกับที่หลวงตาท่านได้เตือนสติไว้    ผมพูดคุยสังคมกับเพื่อนมากขึ้น  ทำจิตใจให้ร่าเริง  ทำให้ผมเลยมีเพื่อนๆมากขึ้น   ซึ่งช่วงนั้นผมก็ขึ้นม.6แล้ว กำลังจะต่อมหา'ลัย  

         ชีวิตตอนนั้นมันก็เรื่อยๆนะครับ  มีความสุขกับชีวิตตามประสาเด็กวัยรุ่นคนนึงเท่านั้น  แต่แล้วก็เป็นมันที่เข้ามาทำลายความสุขของผมไปจนสิ้น  แล้วก็มันอีกเช่นกันที่จะเป็นคนเปลี่ยนชีวิตของผมตลอดไป
   
         "ไอ้เน"มันเป็นเสมือนมาเฟียของห้องครับ  เพราะมันชอบทำตัววางก้ามมีอิทธิพลเหนือคนอื่นเค้าไปหมด  ไม่ว่าจะเป็น รีดไถ ขู่กรรโชกในทุกรูปแบบเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่มันต้องการ  

         ใครๆก็ต่างก็พากันเกรงกลัวเพราะมักจะโดนมันใช้"กำลัง"เข้ากระทำอยู่เสมอๆครับ  ยังไม่มีใครสู้มันและสมุนของมันได้รวมทั้งผมด้วย  ซึ่งผมก็ได้พยายามที่จะอดทนอย่างที่สุดแล้ว ต้องยอมทนความเลวของมันมาโดยตลอด  แต่พอถึงวันนึงผมก็สุดที่จะทนจนได้

           " เฮ้ย เอาตังมา 10 บาทดิ๊" มันเอ่ยกับผมด้วยท่าทีวางก้ามตามสไตล์ของมัน  ผมเริ่มฉุนจึงโวยไป
   
            " อะไรวะ มึงจะมารีดเลือดกะปูทำไมกันอ่ะ  กูไม่ใช่ลูกนายกนะเว้ยจะได้มีเงินมาประเคนให้เมิงตลอดน่ะ"

           " ปั่ก" มันต่อยผมล้มไปนั่งกับพื้นเลยครับ มึนไปเลย

           " สงสัยมึงนี่มันจะไม่รู้จักจำนะ ว่าโทษของคนที่ขัดใจกูเนี่ยมันคืออะไร" มันยิ้มเยาะผม
   
            " เออ ก็จำไว้แล้วกัน  แล้วสักวัน มึงจะรู้สึก" ผมก็รู้ครับว่ายังไงก็คงสู้มันไม่ได้  แต่มันสุดๆแล้วจริงๆเลยพูดออกไป  พอดีกับจังหวะที่อาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี  มันเลยชี้หน้าผมอย่างแค้นๆอันหมายความว่าให้ระวังตัวให้ดีๆ     นับตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ได้แต่เจ็บใจเฝ้าวนเวียนคิดหาทางที่จะแก้แค้นมันให้ได้

            แต่แล้วในวันหนึ่ง  ขณะที่ผมเดินกลับจากรร.ถึงบริเวณแถวหลังตลาดซึ่งแถวนี้อยู่ใกล้ๆกับบ้านของไอ้เน  อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงที่คุ้นๆดังมาจากตรอกเล็กๆซึ่งลับตาคนหลังตลาดนั้น
   
             " นะ...พี่  ถ้าพอผมได้เงินโอนมาแล้วผมจะรีบให้พี่ทันทีเลยครับ  รออีก 2 วันนะครับพี่"

            " อะไรวะ  มึงนี่ผลัดกูมา3รอบแล้วนะ" อีกน้ำเสียงห้าว เหี้ยมเกรียมกล่าวอย่างไม่พอใจ

           ผมเลยลองโผล่ไปดูก็ได้เห็นเลยครับ ว่าเป็นมันจริงๆ    ไอ้เนมันยืนจนมุมอยู่ที่กำแพงตรอกอยู่ตรงนั้นเอง   มีผู้ชาย3-4คนซึ่งดูก็รู้ทันทีเลยว่า พวกทวงหนี้แน่ๆยืนล้อมกรอบมันอยู่    ผมเลยแอบดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้นเงียบๆจนกระทั่ง

            " เฮ้ย มันไม่มีตังให้จะเอาไงดีว่ะ" หนึ่งในพวกขาโหดนั้นมันก็ตอบว่า
   
             " ไม่มีเหรอ  ไม่มีมันก็ต้องโดนยังงี้น่ะสิ" พูดจบปั๊บมันก็ประเคนหมัดเข้าสู่ท้องน้อยของไอ้เนดังอั้กใหญ่   จนมันจุกเลยทรุดลงไปนั่งกองที่พื้นตรอก

            " โอย  อย่าทำผมเลยครับพี่  ผมไม่เบี้ยวพี่จริงๆครับ  อีก 2 วันผมก็ได้เงินมาแล้วพี่ค่อยมารับเงินอีกทีก็ได้ รับรองว่าผมใช้ให้แน่นอนครับ"

            " ก็มันอีกตั้ง 2 วันนิ   แต่วันนี้มึงต้องจ่ายดอกเบี้ยมาก่อน"   แล้วมันก็เตะไอ้เนที่นั่งกองอยู่กับพื้นจนคว่ำไปเลย  ตามด้วยการรุมเตะและกระทืบจากพวกไอ้ขาโหดทุกคนตรงนั้น    จนร่างของมันที่นอนอยู่บิดไปมาด้วยความเจ็บปวด   ผมเฝ้ามองอย่างสะใจว่าในที่สุดมึงก็มีวันนี้นะไอ้เน    

         ในขณะที่ผมรู้สึกกระหยิ่มในใจดังนั้น พลันก็เกิดความคิดว่าเดี๋ยวถ้ามันโดนตื้บเสร็จแล้วผมจะถ่ายรูปสภาพอันแสนทุเรศของมันไปประจานให้คนอื่นๆที่รร.ดูดีกว่า   โจทก์มึงเยอะขนาดนั้นกูละอยากรู้เลยว่ามึงจะทำไงวะ    
   
             แต่แล้วความคิดชั่วร้ายอันนี้ของผมก็ต้องหยุดลงทันทีเมื่อผมสังเกตเห็นว่ามีเลือดของมันไหลหยดลงมาที่พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ      ทำให้ผมเริ่มใจไม่ดีแล้วครับ      

         ผมจึงเริ่มคิดทบทวน ว่าจะเอาไงดี    ถ้าปล่อยไว้ผมว่ามันได้ตายแน่ๆ  ไอ้พวกบ้านี่มันโหดจริงๆ   เราจะทำไงดีจะช่วยมันดีมั๊ย แล้วถ้าช่วยจะช่วยยังไงดี   ถึงจะไม่พลอยซวยไปด้วย     โอย... ยอมรับเลยครับ ว่านาทีนั้นมันสับสนไปหมดเลยจริงๆครับ  แต่ทันใดนั้นเองไอ้เนมันก็ตะโกนด่าไอ้พวกนั้นออกมา
   
             " โอ๊ย  พวกมึงจะฆ่ากูให้ได้เหรอไง  กูบอกแล้วว่าเดี๋ยว2วันกูจะเอามาให้ ทำไมพูดไม่รู้เรื่องวะ ไอ้พวกเชี่ย "    มันคงสุดทนแล้วจริงๆ     ขนาดเจ็บๆมันก็ยังระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างหมดสิ้นความกลัว   ซึ่งนั่นก็เลยยิ่งทำให้สถานการณ์ของมันยิ่งเลวร้ายถึงขั้นวิกฤติ

            " อ้าวๆ จะเละคาทีนกูอยู่แล้วนะมึง     ยังจะปากดีได้อีกงั้นเดี๋ยวกูจัดให้มึงเอง "      พูดพลางมันก็ชักมีดออกมา

                        " ไหน  ปากมึงดีนักใช่มั๊ย     งั้นกูก็จะทำให้มึงพูดอะไรไม่ได้อีก     จะได้ไม่มาปากดีกะพวกกู "   ว่าแล้วมันก็จับคางของไอ้เนช้อนขึ้นมาแล้วบีบปากของมัน  จนมันต้องอ้าปากออก     ซึ่งลำพังตัวมันเองตอนนี้ผมเห็นเลยว่ามันบอบช้ำมากๆ   เลือดไหลจากหัว จมูก ปากของมันออกมา    ดังนั้นไอ้พวกโหดนี่จึงจัดการกับมันได้ง่ายขึ้นอีก      

         และในขณะที่ไอ้โหดนั่นมันกำลังจะแทงมีดลงไปที่ลิ้นของไอ้เนนั้น    ผมเลยตัดสินใจครั้งที่ยากที่สุดในชีวิตว่า   เอาวะกู ตายเป็นตายกันล่ะ    แล้วผมก็วิ่งเข้าไปหาไอ้พวกโหดพวกนั้นแล้วร้องห้ามพวกมัน

            " เฮ้ยๆ  พี่เดี๋ยวๆ  คุยกันดีๆก่อนนะครับ "    พวกมันเลยตกใจหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว  โดยเฉพาะไอ่เน  สายตาของมันตกใจและงงมากที่เห็นว่าเป็นผม   แต่มันคงไม่มีแรงพูดอะไรแล้วตอนนั้น
   
             " แล้วมึงเป็นใครวะ อยากโดนด้วยอีกคนเหรอไง"   ไอ้พวกโหดมันตะคอกใส่ผมอย่างโคตรเหี้ยม    จนใจผมตกไปอยู่ตาตุ่มจริงๆอะตอนนั้น
   
             "เอ่อ...  คือผมเป็นเพื่อนมันเองครับ  ผมขอร้องละครับอย่าทำให้มันถึงขั้นพิกลพิการไปเลยนะครับ   ผมไหว้ล่ะครับพี่"        ผมพนมมือไหว้พวกมันทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร          

         ตอนนั้นผมก็คิดแค่ว่ายังไงก็ต้องช่วยมันให้ได้   ไม่งั้นมันคงตายรึไม่ก็หมดอนาคตไปเลยแน่ๆ   ซึ่งผมคงรู้สึกผิดนะถ้าไม่ได้ช่วยมันทั้งๆที่เห็นโดนยำอยู่ตรงหน้าอย่างนี้

            "ก็มันไม่จ่ายหนี้นี่หว่า   แล้วยังจะมาทำปากดีกะพวกกูอีก  พวกกูเลยสั่งสอนมันไง"
   
             "ครับๆ   แต่ผมขอละครับพี่   นะครับ...  อย่าทำมันอีกเลย    แค่นี้มันก็ปางตายแล้วพี่   แล้วตกลงที่มันติดพวกพี่น่ะเท่าไหร่เหรอครับ"    ผมเลยตัดสินใจต่อรองกับพวกมันไป     ทั้งที่ก็กลัวนะว่าถ้าจำนวนเงินมันจะมากมายมหาศาลกูจะหาเอาที่ไหนมาใช้ให้มันแทนวะ   ซวยละสิกูทีนี้จะทำไงดีว้า
   
             " 20,000 ไง   ทำไม มึงจะใช้ให้มันเหรอไง"      พวกมันบอกจำนวนเงินมา  ผมเลยโล่งใจ   เออ... ยังดีเงินในบัญชีพอมีอยู่ประมาณ 30,000 กว่าบาท   เลยตัดใจยังไงซะก็ขอให้มันรอดไปจากตรงนี้กันก่อนวะ   แล้วค่อยว่ากันอีกที
   
             " โอเคครับพี่  ผมจะใช้แทนมันเอง  เดี๋ยวพี่คนนึงตามผมไปกดที่ตู้ก็ได้ครับ  จะได้ชัวร์ๆรับรองผมไม่เบี้ยวแน่ครับ"   ผมยื่นข้อเสนอให้พวกมันหวังจะให้มันพอใจ   และเราจะได้พ้นเงื้อมมือพวกมันไปได้ซะที

            " เออ ดี   ไอ้นี่มันพูดง่ายๆดีเว้ย พวกเรา   ถ้าว่าง่ายๆยังงี้แต่แรกเพื่อนมึงก็ไม่อ่วมยังงี้หรอก   งั้นเดี๋ยวกูไปกะมึงเอง     แต่อย่ามาทำตุกติกกะกูนะมึง  ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วนะ"    มันขู่ผมอีกครั้ง  แต่ยังไงผมก็ยังโล่งใจไปเยอะเพราะมั่นใจขึ้นแล้วว่าพอมันได้เงินไปเรียบร้อยทุกอย่างก็คงจบซะที  รอดไปทีนะเรา        

         จากนั้นผมก็เดินไปกดตังให้มันไปโดยมีพวกมันคนหนึ่งไยืนคุมด้วย    แต่พอมันได้เงินไปแล้วมันก็รีบปล่อยผมทันทีตามที่มันบอกไว้        และเมื่อผมเดินกลับมาหาไอ้เนก็พบว่ามันนอนสลบอยู่ตรงที่เดิมนั่นเอง

                           ********************

                                    ผมเลยรีบวิ่งไปดูมันทันที  มันนอนนิ่งอยู่ที่พื้น มีเลือดหยดอยู่บนพื้นหลายหยด  ดูเหมือนว่ามันจะหัวแตกครับ ผมเลยประคองมันขึ้นแล้วเขย่าตัวมันเบาๆ
       
              " เฮ้ยๆ   ไอ้เนมึงเป็นไงมั่งวะ"   มันก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
       
              " ไอ้อิน.... มึง..  มาช่วยกู...  ทำไม ..." เสียงมันขาดเป็นห้วงๆ

             " เออๆ  มึงไม่ต้องพูดตอนนี้ไปหาหมอกะกูก่อนเลยไป  มึงพอเดินไหวมั๊ย"   ผมเลยพยายามพยุงตัวมันขึ้น  มันร้องโอยว่ารู้สึกเจ็บและจุกๆ   ผมเลยค่อยๆหิ้วปีกมันไปหาหมอที่คลีนิคใกล้ๆตลาดนั่นเอง    โชคดีที่อยู่ใกล้ๆเลยหอบสังขารของมันไปได้ง่ายหน่อยครับ
   
              " นี่ไปโดนอะไรกันมาครับนี่"   หมอที่คลีนิคถามผมทันทีที่เป็นสภาพของไอ้เน   ผมเลยแก้ตัวไปว่ามีเรื่องกับเพื่อนที่รร.เลยรีบพามันมานี่   หมอก็เลยรีบดูอาการมันทันทีว่าเป็นไงบ้าง   ผมก็เลยนั่งดูหมอตรวจอาการของมันอยู่ใกล้ๆเตียงตรวจนั้น  
   
              สภาพของมันตอนนี้ดูแย่มาก   หัวมันแตกเล็กน้อยยังดีที่ไม่ต้องเย็บ ตามตัวเป็นรอยจ้ำเขียวๆม่วงๆไปหมด  แล้วก็มีรอยถลอกปอกเปิกอยู่ตามแขนมัน  

         ใจผมก็กังวลครับ   กลัวว่ามันอาจจะช้ำในมากหรืออาการหนักเลยรู้สึกผิดในใจจริงๆ     ผมน่าจะเข้าไปช่วยมันตั้งแต่แรก   ตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่โดนเล่นงาน  ไม่น่าปล่อยให้มันโดนหนักขนาดนี้เลย   เพราะเรามัวแต่งี่เง่าไปคิดแก้แค้นมันแท้ๆ  นี่ถ้าเกิดมันเป็นอะไรไปจริงๆผมจะทำยังไง  คงได้รู้สึกผิดไปตลอดแน่ๆ  
   
              " คนไข้มีแผลแตกที่หัวครับ แล้วก็มีอาการช้ำในพอสมควรแต่ไม่เป็นไรแล้ว    ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงแต่2-3วันนี้จะต้องให้คนไข้นอนเฉยๆก่อนนะครับ    แล้ววันนี้ก็สามารถกลับบ้านได้เลยครับ   แต่ต้องดูแลใกล้ชิดหน่อยนะครับ  เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้นะ" หมอบอกอาการของมันให้ผมฟัง  

         ผมเลยโล่งใจว่ามันไม่เป็นไรแล้ว  เลยหันไปมองหน้ามันที่นอนอยู่บนเตียงตรวจ  สีหน้าของมันก็ดีขึ้นแล้วไม่เหมือนตอนแรกที่ผมห่วงมันมากนะ
   
              " โอเค...   เดี๋ยวกูจะพามึงกลับไปบ้านเอง   แต่ว่าถ้าพ่อแม่มึงเห็นเข้าจะว่าไงวะ  กูกลัวจะเรื่องยาวอ่ะดิ"    ผมบอกมันอย่างวิตก   ขืนพ่อแม่มันเห็นสภาพมันอย่างนี้รับรองเรื่องยาวชัวร์   
   
              " เออ...  มึงไม่ต้องห่วงหรอก  พ่อแม่กูไม่อยู่บ้านหรอก  กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอก"  มันบอก  ผมเลยพยุงมันลงมาจากเตียงออกมาที่ด้านนอกหน้าเคาท์เตอร์เตรียมรับยา  
   
              " อ้าว  แล้วที่บ้านมึงมีใครอยู่มั่งเนี่ย"   ผมถามมันขณะที่รับยาแล้วจ่ายเงิน

             " ไม่มีหรอก  กูอยู่คนเดียวนี่แหละ"

             " เหรอ...   เออๆ  อ้าวเฮ่ย  แล้วยังงี้ใครจะอยู่ดูมึงอ่ะ"  ผมฉุกคิดขึ้นมาได้  ถ้าไม่มีใครอยู่กะมันแล้วมันจะทำไง  หมอให้นอนนิ่งๆตั้ง 2-3 วัน  มันได้ฟังแล้วก็อึ้งไปนิดนึงเหมือนคิดว่าจะทำไงดี  

             " เออ  งั้นกูแหละจะไปดูมึงเอง   ไม่งั้นมันก็ไม่มีใครแล้วอ่ะ"
   
              " อืม  มึงจะเอางั้นเหรอวะ"

             " เออ....อ  ก็ต้องงั้นอ่ะ  ช่วยมึงแล้วก็ต้องช่วยให้จบดิวะ"  มันก็ทำสีหน้าลังเลอีก   จนผมเริ่มรำคาญละ

             " โอ๊ย....ย   มึงต้องไม่ต้องคิดอะไรหรอกตอนนี้  เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีละกันน่ะ"    ผมรีบตัดบทไปเมื่อเห็นว่ามันยังลังเลอยู่อีก   จากนั้นก็เลยพยุงมันเดินออกมาจากคลีนิคกลับไปที่บ้านมันโดยมีมันคอยบอกทาง
   
              " เอ้อ  นี่แหละถึงแล้วหลังนี้แหละ"    มันบอกเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในซอยใกล้ๆกับตลาดนั่นเอง  ซึ่งบ้านของมันก็เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ทีเดียว  มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุม บริเวณบ้านก็ค่อนข้างกว้าง  

         พอเราเดินเข้าไปในบริเวณบ้านก็ได้เห็นว่า บรรยากาศดีจริงๆเพราะมีสระน้ำที่ปลูกบัวไว้อยู่ด้านข้างตัวบ้าน   และระเบียงบ้านก็อยู่ริมสระพอดี
   
              " โห  บ้านมึงนี่น่าอยู่ว่ะ  สบายดีมากๆอ่ะ"   ผมกล่าวชมบ้านมันแล้วเปิดประตูพยุงมันเข้าไปในตัวบ้าน  

             " เออ  น่าอยู่ แต่ว่ากูไม่ค่อยอยากอยู่นักหรอกว่ะ"   มันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนเอือมระอาเต็มที ผมฟังแล้วต้องหันไปมองหน้ามันอย่างงงๆ

             " อะไรของมึงวะ  บ้านดีน่าอยู่ขนาดนี้แล้วไม่อยากจะอยู่เนี่ยนะ  ประหลาดจังมึงนี่"   มันถอนหายใจแล้วชี้ให้ผมพาเดินเข้าไปในห้องมัน   เมื่อเข้าไปผมก็ให้มันนั่งบนเตียง   ห้องมันก็ดูน่าอยู่ดีครับ   จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยดีผิดจากที่ผมคิดไว้ตอนแรก   นึกว่าห้องมันคงจะรกๆเละเทะเหมือนนิสัยมันมั๊ง
   
              " เดี๋ยวกูไปเอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้มึงก่อนดีกว่า    แล้วคืนนี้กูคงต้องค้างอยู่กะมึงที่นี่นะ   เดี๋ยวยืมกางเกงมึงมาใส่นอนหน่อยแล้วกัน"    ผมบอกมันเพราะว่าไม่อยากทิ้งมันไว้คนเดียวคืนนี้    เผื่อว่าตอนดึกมันอาจต้องการอะไร   หรือลุกไปเข้าห้องน้ำจะได้คอยช่วยมันได้    
    
              " อิน   กูขอบใจมึงมากเลยนะเว้ยที่ช่วยกู  ไม่งั้นป่านนี้กูคงถูกพวกมันฆ่าตายไปแล้วอ่ะ"   มันพูดแล้วเงยหน้ามามองหน้าผมในขณะที่ผมกำลังเช็ดตัวให้มัน
   
              " เออ  ไม่เป็นไรหรอกว่ะ  เป็นใครๆก็ต้องช่วยมึงอ่ะ  มึงไม่ต้องขอบใจกูหรอก"    ผมบอกมัน  
   
              " หึ  ใครๆก็ต้องช่วยกูงั้นเหรอ  แล้วมึงรู้มั๊ยไอ้ใครๆที่มึงว่าอ่ะ  มันทิ้งกูเอาตัวรอดกันไปหมด  ปล่อยให้กูเป็นอย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ"    มันพูดเสียงดังขึ้นพลางกัดฟันแน่นอย่างแค้นใจ
   
              " อ้าว  มันยังไงกันวะ"   ผมถามด้วยความสงสัย
   
              "ก็ตอนแรกกูเดินมากะพวกไอ้โต้ง ไอ้ชิน  อยู่ๆพวกไอ้โหดนั่นก็โผล่มาตรงซอยนั้น  คงมาดักรอกูอยู่อ่ะ  กูก็ตกใจ  หันไปหาพวกมัน  แต่พวกแม่งอ่ะ  พอเห็นท่าไม่ดีก็หนีกูไปหมด แม่ง"    มันพูดอย่างตัดพ้อ ตาก็เริ่มแดงๆ    ผมนั่งอยู่ข้างๆตัวมันอยู่เลยโอบไหล่มันไว้แล้วตบเบาๆหวังจะปลอบใจมัน

             " เอ่อ.....  เออๆ  มึงก็อย่าไปคิดมากเลยว่ะนะ  พวกเชี่ยนี่มันก็สันดานยังงี้อ่ะ  มันคบกะมึงก็เพราะมันหลอกแดกมึงอยู่แล้ว   มึงก็ช่างแม่งไปเหอะไม่ต้องไปสนแม่งหรอก นะ"  ผมยังคงลูบไหล่มัน  มันเลยเลื่อนมาจับมือผมแล้วหันมามองที่ผมด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าเลย
   
              " ก็มีมึงอ่ะ  ที่ไม่ทิ้งกูไป  แล้วยังจะเสี่ยงมาช่วยกูอีก  ถ้าพวกมันเล่นมึงด้วยจะทำไงวะ"  มันพูดเสียงสั่นเพราะน้ำตาของมันเริ่มไหลออกมา  

         ผมถึงกับอึ้งเลยเพราะไม่นึกว่ามันจะร้องไห้ออกมาอย่างนี้      นี่มันคงเจ็บแค้นใจมากจริงๆแหละ     แต่ว่านี่กำลังจะกลายเป็นว่ามันคงเข้าใจว่าผมตั้งใจอย่างมากที่จะไปช่วยมัน     โธ่เอ๊ย....ไอ่เน  มึงไม่ได้รู้เลย.... ว่ากูก็กำลังจะไปซ้ำเติมมึงตะหาก  ไม่ได้ตั้งใจไปช่วยมึงหรอกนะ     กูไม่ใช่ฮีโร่ของมึงเลย.............

             " เฮ้ยๆ  เดี๋ยวๆมึงฟังกูก่อนนะ  ฟังกู   จริงๆกูอ่ะไม่ได้คิดจะไปช่วยมึงหรอก"  ผมเริ่มเฉลยบอกมัน

         เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นการหน้าด้าน   ที่จะรับความดีความชอบอันนี้ด้วยการปล่อยให้มันคิดว่าผมตั้งใจจะช่วยมันจริงๆ  มันเหมือนเอาแต่ดีเข้าตัวยังไงก็ไม่รู้  ผมไม่สบายใจจริงๆ
   
              " กูเองตอนแรกน่ะ  เห็นมึงโดนรุมอยู่กูก็ยังดูเฉยๆ เพราะกูสมน้ำหน้ามึง  มัวแต่คิดว่าในที่สุดมึงก็มีวันนี้จนได้  สมควรแล้วล่ะ"  ผมสารภาพกับมัน

             " แต่พอพวกมันเริ่มรุมมึง  กูเห็นเลือดมึงไหลกูก็ใจหายเลย  กลัวมึงจะตายเอาน่ะ  แล้วยิ่งพอมันชักมีดออกมากูก็เลยไม่ไหวละ  ยังไงก็ต้องช่วยมึงก่อนอ่ะ  เป็นไงเป็นกัน"
   
              " อ้าว... แล้วมึงไม่กลัวเหรอวะ  เข้าไปขัดจังหวะมันอย่างงั้น  ถ้าเกิดมันเล่นมึงด้วยมึงจะทำไง"  มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนเป็นห่วงผม  ซึ่งทีแรกผมก็นึกว่ามันรู้อย่างนี้แล้วมันอาจจะโกรธผมแทนก็ได้  แต่ก็ดูจะไม่เป็นอย่างนั้น
   
              " เฮ้อ..  ทำไมกูจะไม่กลัวล่ะ   แต่ตอนนั้นกูก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วอ่ะ  เป็นห่วงมึงมากๆ  ยังไงก็ต้องช่วยมึงก่อน  ไม่ได้นึกอะไรทั้งสิ้นอ่ะ  ยิ่งตอนวิ่งออกไปพูดกะพวกมัน  แค่กูมองหน้าพวกมันกูก็กลัวโคตรๆแล้ว    แต่ไม่รู้จะทำไงจะปล่อยให้มันฆ่ามึงกูก็ทำไม่ได้อ่ะ"  ผมสารภาพกับมันจนตอนนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

             "กูต้องขอโทษมึงนะเว้ย   ที่ปล่อยให้มันเล่นมึงจนเละอย่างนี้อ่ะ   กูมัวแต่คิดว่าจะสมน้ำหน้ามึง  จะซ้ำเติมมึงจนมึงต้องเจ็บปางตายยังงี้  กูมันเชี่ยจริงๆ"  ผมพูดไปก็เริ่มเสียงสั่น  มันเหมือนจะร้องไห้อะครับ  เพราะว่าเราเองมันก็ผิดจริงๆนั่นแหละ  
   
              "เฮ้ยๆ  ไอ้อินมึงไม่ต้องมาขอโทษอะไรกูหรอก  เพราะว่าจริงๆแล้วมึงก็ไม่ได้ผิดหรอกว่ะ ขนาดไอ้พวกนั้นมันยังหนีกูไปดื้อๆเล๊ย  เพื่อนที่คบกัน อยู่ด้วยกันมาตลอดเวลาแล้วเป็นไงอ่ะ  ปล่อยให้กูตายเฉยเลย  ไม่คิดแม้จะกลับมาช่วยกูสักนิดด้วยซ้ำนะ"  มันหันมาบอกผมแล้วก็จับมือผมเอาไว้

            " แต่มึงเองกลับมาช่วยกูทั้งๆที่เราเป็นศัตรูกันอยู่  มึงอุตส่าห์เห็นแก่ชีวิตเชี่ยๆของกู  ไม่ปล่อยให้พวกมันฆ่ากูตาย   แค่นี้กูก็ซึ้งแล้ว   กูต้องขอบใจมึงจริงๆว่ะ    ทั้งๆที่มึงจะทิ้งกูหนีไปเหมือนพวกมันก็ได้    หรือจะปล่อยกูตายเพื่อความสะใจของมึงก็ยังได้"

             " แต่มึงไม่ทำไง   ใช่มั๊ยล่ะ ซึ่งแค่นี้กูก็ขอบอกตรงๆเลยนะว่ากูซึ้งน้ำใจมึงมากๆแล้ว"  มันพูดแล้วก็บีบมือผมแน่น  ซึ่งนั่นเป็นสิ่งบอกให้ผมรู้ว่ามันคิดและรู้สึกอย่างที่มันพูดนี้จริงๆ

             " เออๆ.. กูขอบใจว่ะ  ที่มึงคิดงั้นนะ  ตอนแรกกูกลัวว่ามึงจะโกรธกูว่ะ  ถ้ารู้ว่ากูคิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้รู้ว่ามึงไม่โกรธกู กูก็ดีใจว่ะที่มึงเข้าใจกูนะ"  ผมยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ  มันก็ยิ้มตอบผม
  
             " ต่อจากนี้ไปนะเว้ย  กูแค่อยากขอมึงอย่างเดียวว่าเรากลับมาคบกัน  เป็นเพื่อนที่ดีๆต่อกันไปอย่างนี้  มึงจะให้กูได้มั๊ยวะ เน"

             " เออ... กูต้องให้มึงได้อยู่แล้ว  บอกแล้วไงว่า กูอ่ะ ซึ้งน้ำใจมึงจริงๆ  มึงเป็นคนดีมากนะเว้ย  มึงรู้ตัวมั๊ย   ใครมีมึงเป็นเพื่อนแม่งก็โคตรโชคดีแล้วล่ะ   เพื่อนมันก็ต้องไม่ทิ้งเพื่อนอย่างนี้อ่ะ  ถ้ากูเองรู้อย่างนี้แล้วยังไม่คบเพื่อนอย่างมึง กูก็บ้าแล้วล่ะ"

         " เมื่อก่อนกูมันชั่วที่ทำกับมึงต่างๆนาๆ  แต่สุดท้ายแล้วกูกลับเหลือแค่มึง  แค่มึงจริงๆที่ไม่ทิ้งกูไป  เพราะงั้นทุกๆอย่างที่กูเคยทำกับมึงไว้กูก็ต้องขอโทษมึงด้วยนะ  กูขอให้มึงอภัยให้กูด้วย   แล้วกูก็ต้องขอบใจมึงจริงๆที่ทำให้กูได้รู้จักว่า "เพื่อนแท้" มันเป็นยังไงนะ  ขอบใจมึงจริงๆว่ะ"  พูดจบมันก็กอดผม  ผมก็กอดมันตอบ  

         ในใจผมตอนนั้นมันรู้สึกเป็นสุขใจจริงๆครับ  ตั้งแต่ผมเสียพ่อแม่ไปก็ยังไม่เคยรู้สึกว่าสุขใจเท่าตอนนี้เลย  

         มันเหมือนผมได้เจอสิ่งที่ค้นหามานาน  เจอสิ่งที่ผมขาดหายไป  จนเลิกหวังกับมันไปแล้วว่าจะได้เจอ  

         แต่แล้วมันก็มาอยู่ตรงหน้านี่เอง  เอื้อมมือไปก็ได้เจอเลย  ต่อไปชีวิตนี้ผมก็จะไม่ต้องทนเหงาไม่มีใครอีกแล้ว   เพราะมันคงจะอยู่เคียงข้างผมไปตลอด  

         เวลาผมดีใจมันก็คงดีใจไปด้วยกับผม   และถ้าผมเสียใจมันก็คงร้องไห้ไปด้วยกันกับผมนะ

         ผมจะไม่ต้องเดินไปอย่างเดียวดายคนเดียวอีกต่อไปแล้ว     และในวันข้างหน้าผมก็ได้มองเห็นอนาคตที่ดีๆ รอเราอยู่ตรงนั้นแล้วล่ะ  

         และแน่นอนผมก็จะมีมันอยู่ด้วยในวันนั้นนะ  ผมหวังอย่างนั้นจริงๆ
                              
                                                    **************
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 09-09-2010 00:04:09
เป็นกำลังใจให้ อิน กับ เน ครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 09-09-2010 00:13:19
น้องเอ็มจะโดนหาว่าเป็นหน้าม้าให้พี่มั๊ยนี่  :serius2:   
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 09-09-2010 08:37:28
มิตรภาพ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 09-09-2010 18:12:58
ขอเจิมหน้าแรกล่ะกัน
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 10-09-2010 20:53:27
มีต่อไหมครับ????

....


กำลังสนุกเลยทีเดียวอิอิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 10-09-2010 22:15:38
เป็น กำ ลัง ใจ ให้ นะ ครับ

สู้ ต่อ ไป
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 10-09-2010 22:25:20
กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่นะครับ   :fire:
รออีกนิดนึง  ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาลองอ่านครับผม :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Verxus ที่ 11-09-2010 00:07:55
ใครเพื่อนแท้มันจะวัดได้สถานการณ์แบบนี้แหละ
มารอค่า ต่อไวๆเน้อ :L2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: lonely planet ที่ 11-09-2010 00:53:40
ผมมาแปะโป้งเป็นเเฟนคลับไว้เเล้วคับน๊อต...อิอิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: paipai_kku ที่ 11-09-2010 17:26:39
แวะมาอ่าน
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-09-2010 18:10:54
รออ่านต่อ   :z13:   :z13:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 11-09-2010 19:41:02
รออ่านตอนต่อไป


น่าติดตามมากครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 11-09-2010 20:23:12
ดองแล้วเพ่
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: mama ที่ 11-09-2010 20:33:38
เขียนดีจัง แต่ตัวหนังสือติดกันเป็นพืดๆอ่านยากนิดนึง
รออยู่นะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: TaiLz of Skyz~ ที่ 11-09-2010 21:54:58
เข้ามาปูเสื่อรอตอนต่อไปจ้า~
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 12-09-2010 19:54:06
โทษทีที่ให้ต้องรอ    สำหรับทุกท่านที่รอคอยครับ  ตอนที่ 2  มาแล้ว

ตอนที่2                                                           (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                           ****************

         ผมกับมันกอดกันอยู่นานทีเดียว    เป็นความรู้สึกดีและอบอุ่นใจจริงๆที่ได้กอดกับมันอย่างนี้   และคิดว่าตัวมันเองก็คงรู้สึกเหมือนผมอยู่นะครับ

         คล้ายๆกับว่าที่ผ่านมาตัวมันเองก็คงไม่มีใครเหมือนกัน     ซึ่งเมื่อก่อนนั้นผมเคยคิดว่าตัวมันเองก็เป็นคนที่เพียบพร้อมมีพ่อแม่อยู่ด้วยครบ     ฐานะทางบ้านก็ดีมากดูได้จากบ้านหลังใหญ่ของมันนี่อ่ะ   แต่ทำไมตัวมันเองถึงยังดูเหมือนเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นไปได้อย่างนี้นะ  มันเพราะอะไรกันแน่

         พอเช็ดตัวมันเสร็จผมเลยหยิบเสื้อผ้าใหม่จากตู้มาให้มันเปลี่ยน    แล้วคิดว่าเดี๋ยวคืนนี้นอนเป็นเพื่อนมันอยู่นี่ก่อน     ดีที่ว่าไม่ต้องบอกหลวงตาท่านก่อนเพราะห้องที่ผมอยู่จะอยู่แยกจากตัวกุฏิอยู่ด้านล่างอยู่แล้วจะเข้าออกตอนไหนก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี      อีกอย่างตอนนี้มันก็เริ่มดึกแล้วก็เกรงใจหลวงตาท่านน่ะครับ

         " เออ  มึงหิวอะไรมั๊ยวะเดี๋ยวกูไปซื้อของกินเซเว่นดีกว่า   มึงจะเอาอะไรล่ะ"   ผมถามมันเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยตั้งแต่หัวค่ำ    

         " กูคงไม่หิวแล้วล่ะว่ะ  แดกส้นทีนไปเยอะเลยอิ่มว่ะ"  มันพูดยิ้มๆแกมประชดแล้วเอนตัวลงนอนบนเตียงมัน

         " เฮ้อ...  มึงนี่   ก็กินอะไรไปหน่อยเหอะน่ะ  เดี๋ยวจะตายห่าซะก่อน  รอกูแป๊บนึงเดี๋ยวกูมา"   ผมบอกแล้วก็หยิบเสื้อมาใส่เตรียมจะออกไป

         "แล้วนอนเฉยๆนะเว้ย       กูไปแป๊บเดียว"  ผมหันมาย้ำอีก    

         "เออๆ     มึงไปเหอะกูจะนอนนิ่งไม่ไหวติงรอมึงอยู่นี่แหละ      ไม่ต้องห่วงหรอก"  มันยิ้มบอกผม    

         พอออกมาผมก็เดินจากบ้านมันไปแถวตลาด    มีร้านขายอาหารรอบดึกหลายร้านอยู่ใกล้กับเซเว่น     ผมเลยซื้อข้าวต้มหมูให้มันและข้าวผัดไว้กินเอง   พอซื้อได้แล้วก็รีบบึ่งกลับมาบ้านมันทันทีครับ  

         "มาแล้วๆ   กูซื้อข้าวต้มมาให้มึงว่ะ  จะได้กินง่ายๆ"   ผมยื่นชามข้าวต้มให้มัน   มันก็รับไปพลางมองข้าวต้มในชาม

         "มึงเอ๊ย  รู้ไปถึงไหนก็อายเค้าไปถึงนั่น  ไอ้เนผู้ยิ่งใหญ่ต้องมานอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่นี่"   มันบ่นแล้วก็ส่ายหัวอย่างเซ็งๆ

         " ยังหรอกมึง  มันยังไม่ถึงขั้นนั้น   เพราะว่ามึงยังกินเองได้อยู่นิ   กูก็ไม่ได้มานั่งหยอดให้มึงกินซะหน่อย"   ผมว่า    มันก็ยิ้มแล้วตักข้าวต้มกินอย่างอร่อย    

         ท่าทางมันก็คงหิวอยู่    ยังดีนะที่มันยังไม่ถึงขั้นที่ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มกันไปจริงๆน่ะ   แต่ถ้ามันต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆผมก็จะเป็นคนช่วยหยอดน้ำข้าวต้มให้มันเอง   เพราะไม่งั้นมันก็คงไม่มีใครแล้วจริงๆน่ะ

         ในขณะที่ผมเฝ้ามองมันกำลังกินด้วยท่าทางที่อร่อยมากอย่างนั้น   ผมกลับยิ่งรู้สึกเป็นสุขในใจอย่างบอกไม่ถูกนะครับ   มันเหมือนกับว่าที่ผมทำอะไรๆให้มันมีความสุขได้แบบนี้มันก็ทำให้ผมเป็นสุขไปด้วยแหละ   ซึ่งตั้งแต่ผมเกิดมาผมยังไม่เคยรู้สึกดีได้อย่างนี้เลยนะ

         และนั่นก็ทำให้ผมได้รู้เลยว่า    ความสุขที่เกิดจากการให้ตามที่หลวงตาท่านได้สอนผมมาตลอดนั้นมันก็คือแบบนี้นี่เอง

         หลังจากที่เรากินกันเสร็จแล้ว   ผมเลยเอาชามไปล้างที่ในครัวพลางมองดูภายในบ้านของมันแล้วก็เห็นว่าบ้านมันน่าอยู่มากจริงๆครับ   กว้างขวางโล่งสบายตามสไตล์บ้านโบราณ    ข้าวของก็จัดวางอย่างมีระเบียบ  ดูสะอาดสะอ้าน  
 
         ผมล่ะไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กเวรๆอย่างไอ้เนมันจะเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อยได้ขนาดนี้     และเมื่อมองสำรวจในบริเวณห้องนั่งเล่นก็พบว่ามีเปียโนรุ่นเก่าอยู่หลังหนึ่ง     เอ..  ใครเล่นเปียโนอันนี้นะสงสัยคงเป็นแม่มันละมั๊ง    

         จากนั้นผมก็เดินกลับไปที่ห้องมันเพื่อไปอาบน้ำ   แล้วก็เอากางเกงบ๊อกเซอร์ที่ยืมมันมาใส่แค่ตัวเดียวก่อน  ไม่ได้ใส่เสื้อก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็นอนแล้ว  

         " เดี๋ยวกูนอนตรงนี้แล้วกันนะ" ผมบอกมัน แล้วเอาฟูกกับหมอนอีกใบจากในตู้ของมันจะมาปูนอนข้างเตียงมัน  ถึงเตียงมันจะเป็นเตียงเดี่ยวค่อนข้างใหญ่  แต่ผมก็ไม่อยากไปนอนเบียดมันนะ   กลัวจะไปกระเทือนแผลมันน่ะครับ   

         " เฮ้ยๆ  มึงไม่ต้องเลย  มานอนข้างกูนี่อ่ะ มึงจะไปนอนข้างล่างทำไมเป็นคนใช้กูเหรอไง"   มันบอกแล้วขยับตัวเว้นที่จะให้ผมลงไปนอนกับมัน  ผมเลยคิดนิดนึงแล้วบอกมันว่า

         " ก็กูเห็นว่ามึงนอนคนเดียวจะได้สบายๆ กูไปนอนเดี๋ยวเกิดดิ้นไปกระแทกตามตัวมึงอ่ะ ยิ่งช้ำในอยู่"    ผมบอกมันไปเพราะว่าห่วงมันอย่างนั้นจริงๆ

         " อะ โห.... ไอ่อิน  มึงก็เกินไปกูไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นแล้วล่ะ  เตียงมันก็กว้างพอแหละน่า   มึงอ่ะอุตส่าห์มาช่วยดูกู  กูจะปล่อยให้มึงมาลำบากได้ไงเล่า  เออ  มาเหอะ มึงมานอนนี่แหละ"  มันดึงดันจะให้ผมไปนอนบนเตียงข้างมันให้ได้  
   
         " เออๆ ก็ได้" ผมยอมตามใจมันแล้วเดินไปปิดไฟ   ขึ้นไปนอนข้างๆมันบนเตียง โดยมีไฟหัวเตียงเปิดอยู่สลัวๆ

         ตอนนี้ผมนอนอยู่ข้างๆมัน  ใกล้กันจนไหล่เกือบชิดกัน  เลยทำให้รู้สึกแปลกไปกว่าทุกครั้งอาจเพราะผมเองไม่เคยนอนอยู่กับใครใกล้ๆอย่างนี้ก็ได้   เพราะที่ผ่านๆมาก็นอนคนเดียวมาตลอดนะ   แต่ขณะที่ผมนอนคิดอยู่นั้น  จู่ๆไอ้เนมันก็หันมามองผมแล้วพูดขึ้นมา

         " เฮ้ย...  กูนอนอยู่ข้างๆกะมึงอย่างนี้แล้วรู้สึกดีว่ะ  แปลกดี"   มันว่า   ผมเลยหันไปมองมัน

         " อะไรของมึงว่ะ  พูดแปลกๆ" ผมแปลกใจในคำพูดมันว่าหมายความว่าไงแน่  มึงมามุขไหนนี่ ไอ่เน

         " อืม  ก็ไม่อะไรหรอก   กูว่ากูนอนอยู่กะมึง  มีมึงเป็นเพื่อนอยู่อย่างนี้แล้วกูรู้สึกดีน่ะ  สบายใจดี   สงสัยเพราะกูไม่เคยมีใครมานอนเป็นเพื่อนอย่างนี้ละมั๊ง"

         " เหรอ  เออ  กูก็เหมือนกันแหละว่ะ  กูนอนอยู่กะมึงอย่างนี้กูก็รู้สึกดีว่ะ  ว่าแต่......"       ผมหยุดแล้วหันไปมองหน้ามันอีก

         " นี่มึงคงไม่ได้คิดอะไรกะกูใช่มั๊ย..."  พูดจบมันก็พลิกตัวมาทางผมทำตากรุ้มกริ่ม  หวานเยิ้มแล้วยื่นมือมาจับที่ไหล่ผม

         " เออ  มึงต้องรู้ไว้นะเว้ย ว่า   เพื่อน........ กูรักมึงว่ะ"     มันพูดแล้วระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น   ผมละขำท่าทางของมันจริงๆ

         " ไอ่สาดดด.....  ไม่ใช่หนังนะเว้ย เชี่ยนี่" ผมว่ามันแล้วเอาขาถีบที่ช่วงขาของมันเบาๆด้วยความหมั่นไส้  แต่....

         " โอ๊ยๆ...   สาดดด.. เบาๆว้อย  กูเจ็บหนักอยู่นะมึง  โอยๆ..   "  ผมตกใจมาก  ลืมตัวไปเลยครับว่ามันยังเจ็บหนักน่ะ

         " เฮ้ยๆ... ไอ้เน กูขอโทษๆ ลืมไปอ่ะว่ามึงเจ็บอยู่  เอ๊ย...  มึงเป็นไงมั่ง"   ผมรีบลุกขึ้นจะมาดูมัน   แต่มันดันหัวเราะผม

         " ก๊ากๆ ไอ้อินเอ๊ย  อ่ะ  กูล้อเล่งงงง....   "  มันทำล้อเลียนผมได้อย่างกวนทีนจริงๆ    ผมเลยด่ามัน

         " สาดนี่  แม่ง...  กูตกใจหมด   นึกว่ามึงช้ำในเพราะกูอีก  มึงนี่    แม่ง... "   ผมบ่นเพราะเมื่อกี๊นี่ใจหายจริงๆครับ  ก็กลัวมันเป็นอะไรไปจริงๆอ่ะนะ  แต่มัน..... ไอ่เวรร... ยังคงนั่งขำผมอยู่นี่

         "เออๆ...  กูขอโทษทีเว้ย  ไม่นึกว่ามึงจะตกใจไปขนาดนี้  อืมๆ นอนต่อเหอะว่ะ"  มันว่าแล้วก็นอนลงแล้วแกล้งทำทีเป็นเอามือปัดๆที่นอนเหมือนเตรียมให้ผมนอนอย่างเอาใจ  ผมจึงนอนลงแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรมันจริงๆจังๆหรอกครับ    ขำมันซะมากกว่าที่มันก็ยังคงกวนทีนได้อย่างนี้

   
         " แม่ง   มึงนี่นะ   ไม่ทันไรจะเล่นเพื่อนซะแล้ว   สาดด..   กูคิดถูกมั๊ยนี่ ที่มานอนกะมึงเนี่ย"   ผมยังคงแกล้งๆด่ามันไป

         " เออๆ  เชี่ยนี่   กูก็ล้อเล่น  กูไม่เอาผู้ชายอย่างมึงมาเป็นเมียหรอกน่ะ "   มันว่าแล้วหันมายิ้มกะผม

         " เพราะมึงไม่ใช่สเป็คกู  ฮ่าๆๆๆ"    มันยังคงกวนทีนได้อีก

         " เฮ้อ   มึงนี่  เออๆ  ขอบใจละกันอ่ะที่ละเว้นกูนะ"    ผมขำเพราะก็รู้ว่ามันล้อเล่น   อย่างมันรึจะเป็นเกย์   ผมล่ะมองไม่เป็นความเป็นไปได้เลย  ขืนถ้ามันเป็นเกย์จริงๆนะ  ผมว่าวงการเกย์คงได้ถึงคราวล่มสลายกันเลยทีเดียว

         " อืม   แต่มึงรู้มั๊ยวะอิน  ถ้าคนอย่างกูจะรักผู้ชายนะ   กูก็คงเลือกรักมึงว่ะ..."    มันพูดขึ้นมาพร้อมกันหันมาสบตาผม  

         " เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็คงมีแต่มึงนะที่จะรักและไม่ทิ้งกูจริงๆน่ะ"   มันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่แฝงความรู้สึกเหงาๆเศร้าๆบางอย่างที่ผมรู้สึกได้        

         ผมเลยคิดว่านี่ชีวิตมันคงจะไม่มีใครเลยจริงๆล่ะมั๊ง   ที่ผ่านมาเพื่อนและสมุนของมันก็มีแต่พวกเพื่อนกินอ่ะ  พูดง่ายๆว่าหลอกแดกไปวันๆจริงๆ   ตอนนั้นผมไม่เคยมองเห็นมันในมุมนี้เลย    ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตมันก็คงต้องเหงา   และหาคนจริงใจไม่ได้เลยสักคนแม้จะมีเงินมากมาย      

         แต่ก็นั่นแหละ  มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้ทุกอย่าง เพราะอย่างที่เห็นๆแล้วนี่  ก็คือ ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้แน่ๆแล้วล่ะครับ

         " เออ  ขอบใจนะมึง  แล้วกูควรจะดีใจดีมั๊ยวะนี่  เวรร.. เดี๋ยวก็ได้ฟ้าผ่ากันสนุกสนานละมึง"

         " ฮ่าๆ  บ้านกูมีสายล่อฟ้า  ไม่กลัวโว้ย"    มันหัวเราะชอบใจ

         " เออ.....    แต่ยังไงกูก็รู้สึกดีมากจริงๆนะเว้ย   ที่กูอยู่กะมึงอย่างนี้  เอาไว้มึงมานอนกะกูที่นี่บ่อยๆได้มั๊ยวะ   หรือไม่งั้นก็ให้กูไปนอนกะมึงที่วัดก็ได้    เอ้า...   กูอยู่บ้านคนเดียวกูก็เบื่อว่ะ   ไม่มีเพื่อนเลย" ไอ้เนมันเอ่ยขอร้องผม ซึ่งผมก็ยินดีแหละที่จะทำตามที่มันต้องการ      

         ตอนนี้ก็เลยได้เข้าใจแล้วว่า   ทำไมมันจึงบอกว่าถึงบ้านจะน่าอยู่แต่มันก็ไม่ค่อยอยากอยู่เท่าไหร่   ที่แท้แล้วก็เพราะว่ามันคงเหงาที่ต้องอยู่บ้านแค่คนเดียวนี่เอง

         " แล้วมึงเคยชวนพวกไอ้โต้งมานอนบ้านมึงมั๊ย"   ผมถามถึงว่ามันเคยเอาไอ้พวกบรรดาสมุนคนสนิทของมันที่รร.มานอนที่บ้านนี้มั๊ย

         " อืม ก็เคยว่ะ  กูเคยชวนมาทีนึงตอนเย็นๆมานั่งเล่นเกมส์กันแป๊บนึง  แต่แม่งอ่ะกูไม่ไว้ใจมันเลยเล่นมองของในบ้านกูกันตาเป็นมันเลย   กลัวของหายเลยว่ะ   ก็เลยเข็ด   แล้วกูก็ไม่เคยให้แม่งมาบ้านอีกเลย   ไม่ไหวว่ะ"

         " เออ   กูก็ว่าอยู่  พวกแม่งไว้ใจได้ที่ไหน  แล้วตกลงพ่อแม่มึงอ่ะเค้าไปไหน   ต่างจังหวัดเหรอ"  ผมเลยถามถึงพ่อแม่มัน  จะว่าไปแล้วถึ่งเราสองคนจะเรียนห้องเดียวกันมานานแต่ก็รู้เรื่องราวของกันและกันน้อยมาก  ก็คงเพราะมัวเป็นศัตรูกันอยู่นี่แหละ

         " พ่อแม่กูอ่ะเหรอ  โน่น.... เค้าอยู่เมืองนอกโน่นโว้ย  ไฮโซมั๊ยล่ะ  พ่อแม่กู"    มันบอกด้วยน้ำเสียงประชดประชันเต็มที่

         " อ้าว... เหรอ...แล้วเค้าไปทำไรกันที่โน่นอะ"  

           " ก็ธุรกิจเค้าอ่ะ  ส่วนกูก็อยู่โยงเฝ้าบ้านไปคนเดียว"  มันพูดแล้วยักไหล่ทีนึงเหมือนว่ากูไม่แคร์

         " แล้วทำไมเค้าไม่ให้มึงไปด้วยวะ   ถ้ามึงไปอยู่โน่น   มึงก็ได้เรียนอยู่โน่นเลยดีออกนะเว้ย   เป็นนักเรียนนอกเท่จะตายนะมึง"     ผมบอกมันเพราะก็คิดว่าน่าจะดี  จะมีสักกี่คนที่จะมีโอกาสได้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนาล่ะ    เป็นใครๆก็คงต้องอยากไปกันทั้งนั้น   โดยเฉพาะผม

         " เฮ้อ   มึงอ่ะนะ   มองโลกในแง่ดี   กูอ่ะพูดดีกะพ่อกูไม่ได้เกิน 2-3 คำหรอกเป็นได้ทะเลาะกันทุกที   ส่วนแม่กูเค้าก็เอือมระอากูเต็มทีแล้ว   ที่เค้าไม่เอากูไปก็เพราะกูเองที่ไม่ไปกะเค้าเอง   ก็เลยต้องแขวนอยู่คนเดียวอยู่นี่ไง  อ้อ  แล้วอีกอย่างนะ....  "  
   
         " อะไรวะ" ผมสงสัยเพราะมันเว้นช่วงไป

         " มึงก็คงรู้ว่ากูอะแตกฉานในภาษาอังกฤษขนาดไหน  ขืนถ้าไปเค้าก็คงถีบกูกลับมาทันที  เพราะจะไปเรียนห่าอะไรกะเค้ารู้เรื่อง  ฮ่าๆๆ"     มันยังหัวเราะออกมาได้อยู่  ยังดีที่มันยังไม่ซีเรียสไปกับเรื่องที่มันเล่ามา

         " เออ ดีเนอะก็เลยไม่ไป   ก็เลยต้องมาแกร่วอยู่นี่คนเดียว"

         "มันก็ไม่ซะทีเดียวหรอก   กูก็มีน้ากูมาคอยคุมประพฤติอยู่ทุกเดือนอยู่แล้วอ่ะ"

         "หือ  ..  น้ามึงมานี่ทุกเดือนเหรอ   อ้าวแล้วเค้าอยู่ถึงไหนอ่ะ  ทำไมไม่มาอยู่บ้านนี้กะมึงไปเลยอ่ะ"  ผมถามมันอย่างสงสัย  เพราะก็คิดว่าพ่อแม่มันก็ไม่น่าจะปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวอย่างนี้

         " ก็เมื่อก่อนตอนที่พ่อแม่กูไปอยู่โน่นแรกๆ  น้ากูก็อยู่นี่กะกูแหละ    แต่พอเค้าแต่งงานไปก็เลยไปย้ายไปอยู่กะแฟนที่เพชรบุรีโน่น    เค้าก็มีธุรกิจเค้าเหมือนกันน่ะนะ   ก็ต้องดูแล"    

   " พอเดือนนึงเค้าก็จะขึ้นมาดูกูซะหนนึง    พ่อแม่กูฝากไว้ให้มาดูความประพฤติไง     ว่าจะไปทำชั่วอะไรมั่งมั๊ย   จะนำความเสื่อมเสียอะไรมาให้ตระกูลอีกมั๊ย"  มันพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเครียดมากขึ้นจนผมรู้สึก

         " เออ... มึงนี่ก็พูดซะ   อย่างกะว่าตัวเองนี่ไม่เคยทำอะไรดีๆให้พ่อแม่มึงเลย    มีแด่สร้างปัญหาอย่างงั้นแหละ    มันจะอะไรกันขนาดนั้นว่ะ"  

         " ก็พ่อกูอ่ะ  เค้าคิดอยู่แค่นี้แหละ   กูอ่ะมันตัวซวยเกิดมาทำไมก็ไม่รู้"   มันพูดมาถึงตรงนี้อารมณ์มันคงพีคเต็มที่แล้ว   ผมเลยรีบตัดบทก่อนที่มันอาจจะน้ำตาตกอีก

         "เฮ้อ   มึงนี่ก็   พอๆ  เลย  ไปกันใหญ่แล้วมึง    ชีวิตรันทดเกินแล้ว   พอเหอะว่ะ  นะ... มึงไม่ต้องคิดมากแล้วนะ   หยุดคุยเรื่องนี้กันก่อนเหอะว่ะ    มึงจะเศร้าเกินแล้ว"    ผมเลยจับมือมันไว้เพราะอยากปลอบมัน  

         " งั้นไว้มึงจะให้กูมานอนนี่ หรือมึงจะไปนอนกะกูที่วัดก็แล้วแต่มึงละกัน   ตามสบายมึงเลย   แต่ตอนนี้นะ   นอนกันเหอะว่ะ   ดึกละ  พักก่อนเหอะมึงน่ะยิ่งเดี้ยงๆอยู่"    ผมบอกให้มันนอนซะ   ก็ยังดีว่าพรุ่งนี้วันเสาร์พอดี  ไม่ต้องไปรร.กัน

         " เฮ้ย   จริงเหรอวะ   มึงจะมานอนนี่กะกูบ่อยๆจริงๆนะเว้ย  ฮ่าๆ  วู้ว.....   มึงน่ารักมากเลยเว้ยไอ้เพื่อนรักก...  "  มันว่าแล้วหันมากอดผมใหญ่   แล้วยังเอาขามาก่ายผมอีก ไอ่เวรนี่  กวนทีนจริงๆ

         " สาดด.. พอได้แล้ว   จะดีใจอะไรนักหนา   กูรู้แล้วว่ารักกู   แต่เอาขามึงลงไปเลย  ไอ่เวร  นอนไปได้แล้ว "  ผมสั่งมัน

         " เออๆ ..." มันหลับตานอน  

         " อิน...  "  มันยังเรียกผม

         " หือ.. "  

         "กูขอบใจมึงมากนะเว้ย   สำหรับทุกๆอย่างวันนี้อ่ะ   กู้ดไนท์เว้ย"   มันบอก ผมหัวเราะกะคำพูดนี้ของมัน  แต่ก็รู้สึกดีมากกับคำขอบใจของมันเช่นกัน

         " อารมณ์ไหนของมึงอีกเนี่ย  มากู้ดไนท์  สาดดด.. นอนๆ"    ผมยิ้มแล้วบอกให้มันนอน

         คืนนั้นขณะที่ผมนอนไม่หลับ   แต่มันคงหลับไปแล้วล่ะ     ผมนอนมองหน้ามันแล้วคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้     ถ้าหากว่าเราไม่เดินมาเจอมันตรงนั้นป่านนี้มันจะเป็นยังไง     อาจจะโดนฆ่าตายไปแล้ว      หรือถ้าผมไม่ช่วยมันแล้วหนีไปเหมือนคนอื่น   ผมก็คงไม่ได้มานอนอยู่กับมันตรงนี้  

         และคงไม่ได้มารับรู้ว่าแท้ๆแล้วมันก็แค่ตัวคนเดียว  ไม่มีใครเลยเหมือนกับผมนั่นแหละ    

         ที่ผ่านๆมาตัวมันอาจจะเลวร้ายมากในสายตาผม   ผมอาจจะแค้นมันมากแทบอยากฆ่ามัน   แต่พอได้มาอยู่กับมันตรงนี้     ได้มาคุยอยู่กับมันอย่างนี้แล้ว   ผมก็ได้เข้าใจมันเลยครับ    

   ว่าไอ้การที่มันทำตัวเกเรเป็นเด็กมีปัญหานั่น   ก็คงแค่เพราะว่ามันประชดพ่อแม่มันเท่านั้น          

         แต่เรื่องที่ว่าทำไมมันถึงต้องทะเลาะกับพ่อมันบ่อย     ทำไมถึงเหมือนกับว่าพ่อมันเกลียดมัน   ผมก็ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงหรอกครับ     แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ผมดีใจนะ    ดีใจที่ในที่สุดผมกับมันก็ได้เข้าใจกันซะที    

   แต่สิ่งนึงที่ก็ยังทำให้ผมต้องคิดอีก  ก็คือคำพูดนั้นของมัน  

         " ถ้าคนอย่างกูจะรักผู้ชายนะ    กูก็คงเลือกรักมึงว่ะ...... เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็คงมีแต่มึงนะที่จะรักและไม่ทิ้งกูจริงๆน่ะ"  

         ผมเองฟังแล้วรู้สึกดีครับที่มันคิดอย่างนี้    เพราะมันหมายความว่า มันก็จะรักและไม่ทิ้งผมเหมือนกัน   และผมก็จะมีมันอยู่ในชีวิตผม  ได้คบหาผูกพันกันตลอดไป  

         แต่ก็นั่นแหละครับ  มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ   ในเมื่อมันก็ผู้ชาย  ผมก็ผู้ชายจะไปรักกันอย่างนั้นได้ยังไง  

                                                      
                                                                              ****************
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-09-2010 20:09:46
 :o8: :o8:

จากเพื่อนแล้วก็เลื่อนขั้นเป็นแฟน    :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-09-2010 20:43:06
คนเหงามาเจอกับคนเหงา ต่างคนต่างมาเติมเต็มให้กัน ก็น่าจะดีเนอะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Verxus ที่ 12-09-2010 23:00:47
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นตาม  :give2:  :-[
แบบว่าไม่ไหวแล้วอ่ะ รู้สึกดีมากกกกกกกก
การมีน้ำใจช่วยเหลือ และก็เข้าใจมันดีจริงหนอ ดีใจกับทั้งคู่ด้วยนะ ที่ได้เพื่อนแท้น่ะ :กอด1:
ชอบชื่อเรื่องมากๆด้วยค่ะ
ไว้มาต่ออีกเน้อ ชอบบบบบ  :L1: :pig4: :call:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: ANUNTAYA ที่ 12-09-2010 23:10:25
ยอมเป็นคนเหงา  ที่เข้าใจเธอ


น็อต แต่งได้ดีนะครับ

สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 12-09-2010 23:12:50
มาจิ้มๆๆๆเรื่องใหม่

น่าสนุกดีอินกะเน

มาต่อไวไวเน้อรออ่าน
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 12-09-2010 23:27:30
โนคอมเม้นท์นะคับตอนนี้

ผมรอตอนต่อไปเลยละกันคับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 13-09-2010 16:09:27
อิน อ่ะ

ซึ้ง คำ พูด มาก ๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-09-2010 21:17:02
คือว่าตอนนี้เครื่องมีปัญหานิดหน่อย   แต่เดี๋ยวจะรีบมาต่อให้ครับ   อดใจรออีกนิดนะครับ   :bye2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gundola1 ที่ 14-09-2010 02:08:58
ในความเป็นจริง ลึกๆแล้ว เนก็เป็นคนดีอยู่เหมือนกันนะครับ

เพียงแต่สังคมรอบข้างบีบให้เค้าต้องเป็นอย่างทุกวันนี้

ยังดีที่ว่า อินเป็นส่วนเข้ามาเติมเต็มให้กับเนนะเนี่ย

ปล.ต่อไปจะพัฒนาเป็นแฟนกันรึป่าวครับ จะรอติดตามน้า ^^
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TaiLz of Skyz~ ที่ 14-09-2010 07:45:30
พูดให้คิดจริงๆ เนเอ๋ย

แต่ก็กำลังน่ารักดี ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 14-09-2010 10:26:28
จะมีกี่ตอนน้อ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 3 แล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 15-09-2010 20:00:33
ตอนที่3
            (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)  

                                                                        ***************

             คืนนั้นผมหลับไปอย่างเป็นสุข   ไม่ได้นอนหลับดีอย่างนี้มานานแล้ว    พอตื่นขึ้นมาก็เห็นมันยังหลับสนิทเลยปล่อยให้มันนอนพักไปก่อน    แล้วผมก็หยิบกระดาษมาเขียนโน๊ตบอกมันว่าจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่วัดก่อนแล้วจะรีบกลับมาดูมันอีกทีตอนสายๆ    

            ผมรีบกลับมาห้องผมที่วัดอย่างเร่งรีบ   อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เก็บเสื้อผ้า2-3ชุดและของใช้อื่นเท่าที่จำเป็นแล้วรีบขึ้นไปหาหลวงตาท่านทันที  

         " หลวงตาครับ  เดี๋ยววันนี้ผมขออนุญาตไปเฝ้าไข้เพื่อนผมหน่อยนะครับ    บ้านมันอยู่แถวตลาดน่ะครับ    แล้วมันก็ไม่มีใครอยู่บ้านด้วยเลย  พ่อแม่มันก็ไปธุระไม่ได้อยู่ที่บ้านพอดีครับ "

         " เอ้อ    ก็ดีแล้วล่ะ  เอ็งก็ไปช่วยๆดูเพื่อนมันก็แล้วกัน    อยู่ที่นี่มันก็มีไอ้เด็กๆคนอื่นอยู่เยอะแล้ว    ไม่ต้องห่วงทางนี้  ไปเหอะ "   หลวงตาท่านก็ใจดี     อนุญาตผมอย่างง่ายดายเหมือนเคยเพราะท่านรู้ดีว่าผมไม่เคยเหลวไหล      ก็ดีครับที่ท่านไม่ได้ถามว่าไอ้เนป่วยเป็นอะไร   ไม่อยากโกหกท่านเลยน่ะ

         " ครับผม   ก็เดี๋ยวผมคงค้างกับมันคืนนี้ครับ    แล้วอาจจะต้องค้างคืนพรุ่งนี้อีกคืนแต่ยังไม่แน่หรอกครับ     ถ้ามันดีขึ้นแล้วผมจะกลับมาก่อนนะครับ"      ผมบอกท่านเผื่อไป    เพราะก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าอาการมันจะทรุดไปอีกมั๊ย  อาจต้องอยู่ดูมันอีกคืน

         ผมรีบออกมาจากวัดบึ่งไปบ้านมันทันทีโดยไม่ลืมว่าต้องแวะซื้อข้าวไปเผื่อมันและตัวเองด้วย   พอมาถึงก็พบว่ามันไปนั่งเอกเขนกอยู่ที่โต๊ะริมระเบียงนั่นเอง

         " เออ...  มาแล้วเหรอวะ  มึงไปเร็วจังว่ะ "   มันทักผมทันทีที่หันมาเห็นผม

         " อ้าว  เฮ้ย   หมอยิ่งบอกให้มึงนอนเฉยๆอยู่นะ  แล้วมึงออกมานั่งอยู่นี่อ่ะ "

         " เออ...อ   ก็กูนอนเบื่อแล้วอยู่แต่ในห้องเบื่อตายห่า   ขอมานั่งรับลมหน่อยวะ "  มันหันมาอธิบาย

         " เอ้อ  ก็จริงของมึง   งั้นบ้านมึงมีเตียงผ้าใบรึอะไรที่ใช้นอนตรงนี้ได้มั๊ยอ่ะ  เดี๋ยวกูไปเอามาให้มึงนอนดีกว่า "  ผมว่าพลางเดินเข้าไปดูในบ้านก็พอดีเห็นมีเตียงผ้าใบอยู่เลยเอามากางให้มันนอนริมระเบียงนั้น

         " มาๆ  รีบมากินข้าวก่อนมึง   จะได้กินยา "  ผมบอกให้มันกินข้าวที่ซื้อมาพร้อมกับนั่งลงกินกับมัน

         " เอ้อ..ใช่  กูว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวาน    ตกลงมึงไปติดเงินไอ้พวกนั้นมันได้ไงวะ   อย่าบอกกูนะว่าเสียบอลอ่ะ "     ผมเริ่มเปิดฉากถามมันทันทีที่นึกได้   เพราะเมื่อวานก็ไม่มีจังหวะที่จะถามมัน

         " เออๆ   กูแม่งซวยเองแหละโลภมากไปหน่อย   เห็นว่ามันมาชัวร์ๆอยู่เลยทุ่มไป   สูญหมด  แม่งง... "      มันบ่นอย่างเซ็งๆ

         " เฮ้อ...   กูว่าแล้ว   มึงมัวคิดงี้อ่ะ  ถ้าเล่นแล้วมันรวยคนอื่นแม่งก็คงรวยกันไปหมดแล้วอ่ะ   มึงเล่นได้วันนี้  วันหน้ามึงก็ต้องเสียอีกอยู่ดี     มันจะมีประโยชน์อะไรวะ   เสี่ยงก็เสี่ยง "     ผมเตือนสติมันเหมือนอย่างที่หลวงตาท่านเคยสอนผมไว้   การพนันมันไม่เคยทำชีวิตใครให้ดีได้   เพราะมันคือ  วังวนนรกที่ลวงให้คนหลงแค่นั้น

         " เออว่ะ  กูมันก็โง่เองแหละ  รู้ว่าไม่ดีก็ยังจะเสือกทำนะ   มัวแต่คิดง่ายๆว่ามันคงไม่เป็นไร  เฮ้อ.... "   มันพูดพลางถอนหายใจอย่างรู้สึกสำนึก  ผมเลยจับไหล่มันแล้วบอกมันว่า

         " งั้น...  ต่อไปมึงก็อย่าไปเกี่ยวข้องกะมันอีกเลยนะ   ไอ้เส้นทางชั่วเนี่ย   กูขอมึงได้มั๊ยล่ะ  ในฐานะเพื่อนมึง  เพื่อนที่รักมึงแม้จะเพิ่งได้คบกันจริงๆแค่วันนึงก็เหอะ   แต่ก็ไม่รู้ดิวะ     กูขอให้มึงเชื่อกูนะว่ากูอ่ะหวังดีกับมึงจริงๆ    แค่คิดว่าคราวนี้มึงยังโดนขนาดนี้   ถ้ามีคราวหน้าล่ะ  กูไม่อยากจะคิดเลยว่ะ "    ผมบอกมันด้วยความเป็นห่วง      

         ลึกๆแล้วผมก็รู้ครับ   ว่าเราเพิ่งมาคบกันจะมาพูดอย่างนี้ในฐานะเพื่อนสนิทกันมันก็ยังไงๆอยู่   แต่เพราะผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ    แค่ไม่อยากให้มันเดินทางผิดอีก    ไม่อยากให้มันต้องโดนใครเล่นงานอีก    และที่สำคัญผมไม่อยากเสียเพื่อนที่เพิ่งได้เจออย่างมันไปเลย    

         " เออว่ะ   กูก็เข็ดแล้วล่ะ   แค่นี้กูก็ได้สำนึกแล้ว   กูให้สัญญากับมึงได้เลยนะว่า  ต่อไปกูจะไม่ขอกลับไปอยู่กับไอ้สิ่งเลวๆอย่างนั้นอีกแล้ว  ขอให้มึงเชื่อกูนะ "    มันพูดแล้วยื่นมือมาข้างหน้าอันหมายถึงให้ผมจับมือกับมันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย

         " เออ  กูดีใจนะ  นี่จะเป็นสัญญาลูกผู้ชายนะเว้ย   กูแค่ขอให้มึงรักษาสัญญาของมึงให้ได้ตลอดไปนะ  เพราะว่าถ้ามึงทำไม่ได้เพื่อนอย่างกูก็จะต้องเสียใจมากนะเว้ย   เพราะมันอาจจะหมายถึงมึงต้องตายเพราะไอ้พวกโต๊ะบอลมันก็ได้   มึงเข้าใจกูมั๊ย "   ผมบอกมันแล้วจับไหล่ของมัน    
      
         " อืม  กูก็ดีใจว่ะอิน  ที่ยังไงๆมึงก็ยังหวังดีกะกู   ถึงเราจะเพิ่งมาคบกันได้วันสองวันนี่เองนะเว้ย    แต่ตอนนี้กูรู้สึกว่ายังกะว่าเหมือนกูกะมึงคบกันมานานมากๆแล้วเลยว่ะ "    มันบอกผม   ซึ่งก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวระหว่างผมกับมันที่ผ่านๆมา

         " ก็จริงว่ะ  เมื่อก่อนเจอกันก็แทบจะฆ่ากันอยู่แล้ว   ไม่มีได้พูดดีๆกันอ่ะ   แต่ตอนนี้มึงกะกูกลับกลายเป็นว่าได้มานั่งคุยกันอยู่อย่างนี้     มันก็แปลกดีนะชีวิตคนเรา "    

         " เฮ้ย... หรือว่า..... "  มันจ้องหน้าผมแล้วทิ้งช่วงคำพูดให้ผมงงเล่น

         " อะไรวะ "  ผมมองหน้ารอคำตอบจากมัน

         " หรือมึงกะกูจะเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ววะ   ฮ่าๆๆๆ"   มันบอกแล้วระเบิดหัวเราะออกมา  

         " โห....  ไอ่สาดด... มึงคิดได้ไงเนี่ย  เอาส่วนไหนของมึงคิดวะ"   ผมด่ามันทันที  ตามด้วยความรู้สึกขนลุก

         " เอ้า   ก็ไม่งั้นกูกะมึงจะรู้สึกผูกพันกันขนาดนี้ได้ไงอ่ะ  จริงป่าว "  มันยังคงหัวเราะผม

         " เออ  แล้วไอ้ที่กัดๆกัน  จะฆ่ากันเมื่อก่อนอ่ะ  ถ้าเป็นเนื้อคู่แล้วทำไมเป็นงั้นอ่ะ "   ผมบอกมันพลางยิ้ม   เพราะจะดูซิว่ามันจะตอบแก้ผมว่าไง   

         " อืม....ม  อ๋อ.... กูว่ามันอาจจะเหมือนในหนังไง " มันทำท่าเป็นปิ๊งความคิด  
      
         " พระเอกกับนางเอกต้องไม่ลงรอยกัน    มีเรื่องมีราวกันมาก่อน   แต่สุดท้ายก็มารักกันตอนหลังไง "    มันสรุปได้อย่างน่าถีบเลยครับ    อุตส่าห์คิดได้จริงๆมึง  ไอ่เน  แก้ตัวไปจนได้

         " เฮ้อ...  เออๆ   กูยอมแพ้มึงละ   ยังได้อีกอ่ะมึง   แล้วไงอ่ะ   ใครเป็นพระเอก  ใครจะเป็นนางเอกอ่ะ    มึงรึกู.. "  ผมอ่อนใจไปกะมัน เลยแกล้งบอกมันไป  มันก็ทำท่าคิด

         " อืม.......   งั้นก็ผลัดกันละกัน   มึงทีนึง กูทีนึง  แฟร์ดี  ฮ่าๆๆๆ "   มันหัวเราะชอบใจใหญ่  ผมเลยด่ามัน

         " สาดด..  เชี่ยไรของมึง   ไอ้มึงที  กูทีเนี่ย    แม่งง    ไอ้ "ที" ของมึงเนี่ย  มันคืออะไรวะห๊ะ "      ผมพูดไปก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ  ขำมากกว่า  แต่มันก็ยังคงกวนทีนต่อ    

      
         " ก็....   มึงก็คิดเอาเองละกันนะ   ฮ่าๆๆๆ "    อ่ะนะ  ทะลึ่งจริงๆมึง  ไอ่เน

         " พอๆ  หยุดความคิดเปรตๆของมึงได้ละ   กูจะอ้วกแล้ว    ขอกูไปอ้วกก่อนแล้วกันนะ "    ผมสุดจะขำกะมุขมันจนไม่ไหวแล้วเลยเลี่ยงลุกขึ้นจากโต๊ะหยิบถ้วยชามไปล้างในครัว     ระหว่างที่เดินออกมาผมก็มองสภาพในบ้านที่จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างสบายใจ

         " เออ    กูก็ไม่นึกนะว่าเห็นมึงอย่างนี้แล้ว   จริงๆมึงเป็นคนสะอาดสะอ้าน  เป็นระเบียบเรียบร้อยจังว่ะ   บ้านมึงเลยน่าอยู่อย่างงี้ "     ผมชมมัน  แต่มันก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจกับคำชม

         " ทำมายห๊ะ   อย่างกูเนี่ย  มันเป็นยังไงวะ   เห็นกูซกมกมากเหรอไง "   มันแกล้งทำท่างอนเหมือนว่าเราไปว่ามัน   ดูถูกมันยังงี้ได้ไง

         " ป่าว.....ว    กูก็แค่เห็นบ้านมึงสะอาดเรียบร้อยมาก   ไม่คิดว่ามึงจะดูแลบ้านได้ดี   เรียบร้อยอย่างนี้ครับ คุณเน "   ผมประชดมัน

         " เออ    จริงๆมึงก็คิดถูกแล้วอ่ะ   ไม่ใช่ฝีมือกูหรอก    หึๆๆ   กูมีป้าที่บ้านเค้าอยู่แถวนี้มาช่วยทำให้อาทิตย์ละครั้ง   แม่กูจ้างไว้     เค้ารู้ว่ากูอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน    เลยไม่ค่อยไว้ใจถ้าจ้างคนใช้มาประจำบ้าน "  มันเฉลย  

         " ฮี่โธ่เอ๊ย...ย  กูก็นึกว่าจะแน่    ที่แท้ก็มีคนทำให้   ไอ่เวรร....  "    

         " อ๊ะ   แน่นอน  ลูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างกูมีเหรอ   ที่จะต้องมานั่งทำงานบ้านเอง   ต้องมีบริวารมารับใช้สิวะ  ฮ่าๆๆ "   มันบอกพลางทำเป็นเชิดหน้า ชูคอ สูงศักดิ์จังมึง  น่าถีบจริงๆ

         " โอ้โห  ดูสูงศักดิ์จังเลยครับ  คุณหนูเน   สาดดด...  กูว่ามึงชูคอเหมือนกิ้งก่ามากกว่าอีก  ฮ่าๆๆๆ "  ผมด่ามันแล้วหัวเราะ

         " สัดนี่   มาด่ากู   กิ้งก่าเชี่ยไรจะหล่อยังงี้ "   มันยังหน้าด้าน

         " อื้อหือ   สาดดด...   ไม่ค่อยหลงตัวนะ   หล่อมากเลยอ่ะมึง "   ผมว่ามันอย่างหมั่นไส้    ก็จริงอยู่ครับ  จะว่าไปแล้วมันก็ถือว่าเป็นคนหล่ออยู่    หน้าตาดูตี๋ๆคิ้วดูเข้มเพราะมันมีเชื้อจีน     แต่ผิวมันกลับจะเข้มๆ   ไม่ขาวอย่างคนจีน    

         ยิ่งรูปร่างมันแล้วนี่   จะล่ำๆ ถึกๆหน่อย  เนี่ยเหรอวะลูกคุณหนู  ฮ่าๆ  นั่นคงจะเพราะว่ามันชอบเตะบอลเป็นชีวิต    และยังบ้าพลังไปกับกีฬาแทบทุกอย่าง   และที่จริงผมว่าอายุมันคงต้องมากกว่าผมอย่างน้อยๆสักปีสองปีได้    เพราะมันซ้ำชั้นม.6มาปีนึง  ซึ่งสาเหตุก็คงเพราะมันเกเรนี่แหละครับ    

         เรายังคงนั่งคุยกันต่อไปเรื่อยๆอย่างสนุกอยู่ที่ริมระเบียงนั้น    มันนอนอยู่บนเตียงผ้าใบอย่างสบาย    วันนั้นอากาศดีแม้แดดข้างนอกบ้านจะร้อนมาก    แต่บริเวณตัวบ้านก็ยังร่มรื่นอย่างมากเพราะมีต้นไม้ใหญ่ที่ดูแล้วคงอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีหลายต้นแผ่ร่มเงาจนครึ้มไปหมดจนรู้สึกว่าอากาศเย็นสบายอย่างมาก    จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

         " เอ้อ  จะเที่ยงแล้ว  เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวดีกว่า  มึงหิวยังอ่ะ "    ผมถามมันเพราะเห็นนาฬิกาว่าใกล้เที่ยงแล้ว

         " เออๆ  ก็หิวๆนิดนึง  อิน เดี๋ยวมึงเอาตังค์กูบนโต๊ะนั้นไปด้วยนะ   เอาไปซื้ออะไรๆมาก่อน   มึงไม่ต้องออกให้กูแล้ว  เดี๋ยวมึงไม่มีตังค์พอดี "   มันบอกให้ผมไปหยิบตังค์บนโต๊ะรับแขกที่มันวางไว้
  
         " อ๋อ..    เออ   ไม่เป็นไรหรอก    กูยังพอมี "  ผมบอกมันเพราะก็กลัวว่ามันจะยังไม่มีเงินติดตัวอยู่   ไม่แน่ใจว่าพวกนั้นมันมาทวงเงินมันไปหมดมั๊ย

         " เออ...   มึงหยิบไปเหอะ  กูก็เกรงใจมึง    เดี๋ยววันจันทร์นี้กูจะไปกดตังค์มาเพราะแม่กูเพิ่งโอนมาให้     กูโทรไปบอกเค้ามาว่าขอกูก่อน จะได้เอามาคืนให้มึงก่อนนะ   เงินมันเยอะอยู่กูกลัวมึงเดือดร้อนว่ะ    นะ...  ไม่ต้องห่วงกูแล้วล่ะ เดี๋ยววันจันทร์นี้มึงเอาคืนไปก่อนได้เลย    รีบเอากลับไปเข้าบัญชีมึงเหอะ "   มันบอกผม

         " เออๆ  ก็ได้ๆ  งั้นเดี๋ยวกูมานะ "  ผมว่าแล้วก็เดินไปหยิบแบงค์พันที่วางบนโต๊ะออกไปจากบ้านมันมุ่งหน้าไปยังตลาดอีกครั้ง   ตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวไปทีเดียวให้กินได้ 2 มื้อเลย   จะได้ไม่ต้องออกมาอีกทีตอนเย็น   พอได้แล้วก็รีบกลับไปกินกับมันสองคนโดยไม่ลืมให้มันกินยาด้วย

         " อืม   หมอเค้าบอกว่าให้มึงนอนเฉยๆ 2-3 วันก็คงหายแล้ว   แต่เท่าที่กูเห็นนี่ก็เหมือนมึงไม่เป็นไรแล้วเลยเนอะ  ทำไมมึงอาการดีขึ้นเร็วจังวะ "    ผมถามมันอย่างสงสัยในขณะที่มองดูสภาพร่างกายมันที่ตอนนี้แค่มีร่องรอยเป็นเขียวๆจ้ำๆอยู่ตามตัว  และแผลแตกที่หัวของมันแค่นั้น

         " เออ....  จริงๆแล้วกูก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ    ไม่เจ็บเท่าไร่ตั้งแต่หลังไปหาหมอแล้ว    ไม่งั้นจะมาล้อเล่นอยู่กะมึงอย่างเมื่อคืนนี้ได้ไง    แต่พอมึงถีบกูๆก็เจ็บๆไปนิดนึงแต่ไม่ได้เป็นไรอ่ะ "   มันยิ้มบอกผม

         " อ๊าว   มึงนี่   แล้วทำไมไม่เสือกบอกวะ   ให้กูเป็นห่วงนอนเฝ้าอยู่ได้ทั้งคืน    มิน่าแม่งยังจะมุขเยอะ  กวนทีนได้อีก   เพราะไม่เป็นไรแล้วนี่เอง   มึงนี่..  "   ผมโวยมันทันที เพราะรู้สึกว่ามึงจะมาหลอกกูให้ห่วงทำไมเนี่ย   สนุกนักเหรอมึง

         " เออๆ   กูขอโทษทีเว้ย   ตอนแรกจะบอกมึงแล้วล่ะ   แต่กูกลัวมึงเห็นกูไม่เป็นไรแล้วมึงจะกลับไปวัดเลยไง  กูก็ต้องนอนคนเดียวเปล่าเปลี่ยวอ่ะ "  มันทำเสียงอ่อยๆซะเหมือนน่าสงสาร   ผมเลยขำมันแทนจากที่ตอนแรกนึกไม่พอใจมัน  

         " อ้าว  ก็จะให้กูนอนเป็นเพื่อนเฉยๆมึงก็บอกดิวะ   แค่นี้ทำไมกูจะทำไม่ได้  มึงนี่ก็... บ้าว่ะ "    

         " อ่ะ  เหรอวะ   เออๆ   ก็แบบว่า กูกลัวไงว่ามึงจะกลับไป   อืม  รู้ยังงี้ก่อนกูก็จะได้ไม่ต้องทำมารยาอยู่ตั้งนานอ่ะ  ฮะๆๆ "  มันสารภาพแล้วหัวเราะ
      
         " สาดด นี่   ทำมารยากะกูดีนักนะมึง   เดี๋ยวคืนนี้กูจะปล่อยให้นอนคนเดียวแม่งซะเลยนี่ "  ผมแกล้งขู่มัน   เพราะนึกขำ   แม่งทำไมมันขี้อ้อนจังวะ

         " อ่ะ  เฮ้ยๆๆ  มึงจะทำงั้นไม่ได้นะเว้ยย...   ไอ่อิน  มึงจะทิ้งกูไปได้ลงคอเชียวเหรอวะ   เพื่อน.... "    มันรีบมาจับมือผมพลางแกล้งทำตาปริบๆอย่างน่าสงสาร     ผมล่ะขำจนอยากจะเขกกบาลมันสักทีแต่นึกได้ว่าหัวมันแตกอยู่เลยไม่ได้ทำ

         " เออๆๆ    ไอ่สาดด..  น่าสงสารมากมึง...  ขี้อ้อนดีนักนะ  อ่ะๆ กูใจอ่อนละ  ไม่ทิ้งมึงไปหรอก    เลิกอ้อนกูได้ละ "    ผมพูดไปก็ขำไปกับท่าทางที่มันทำ  

         " เออ   กูขอบใจนะเว้ย   กูก็รู้อยู่แล้วอ่ะว่ายังไงๆมึงก็ไม่มีทางทิ้งกูหรอก "    มันพูดแล้วก็ยิ้มแฉ่งเต็มที่อย่างพอใจ   ผมก็ยิ้มให้มัน

         " เออ   มึงรู้อย่างงั้นก็ดีแล้ว   ยังไงกูก็คงทิ้งมึงไม่ลงหรอกนะ "    ผมบอกมันอย่างสบายใจและดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มอันสุขใจของมัน     และยิ่งรู้สึกดีที่มันเป็นสุขได้อย่างนี้เพราะผมเอง    

         ตั้งแต่ผมได้เห็นมันมาก็ไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มของมันอย่างวันนี้เลย จากที่เคยทะเลาะกัน   ที่เคยคิดโกรธแค้นมัน  แต่พอวันนี้แล้วกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นมันได้หายไปจนหมดสิ้นจริงๆ   เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลย    

         คงเป็นเพราะว่ามีบางสิ่งได้เข้ามาแทนที่ความบาดหมางอันนั้นแล้ว ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ " มิตรภาพ " นั่นเองครับ

                                              ******************************          
                  
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-09-2010 21:27:10
เพื่อนกัน ฉันรักเธอ



 :กอด1:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 15-09-2010 23:30:18
เพื่อน กัน ๆ

มา ต่อ แล้ว

อิ อิ

ขอ ด้วย 'ที' นึง สิ ค้าบ

^^
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 15-09-2010 23:39:41
จากเสือใหญ่กลายเป้นแมวน้อย เมี๊ยวๆ ไปซะแล้วเจ้าเน

เจ้าอินนี่ก็นางเอกมากๆเลย 55555+
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 16-09-2010 15:56:19
ขอมาอ่านด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 16-09-2010 23:14:07
ขอบคุณมากๆสำหรับทุกความเห็นนะคร้าบ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 17-09-2010 22:53:14
มาตามอ่านต่อคร้าบบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: iChoCoHoLiC ที่ 18-09-2010 02:50:13
 :z2:ยังมีต่อใช่ไหมครับ ไงก็มาลงต่อน่ะครับ กำลังน่าสนใจ อิอิ.... :z2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: mama ที่ 18-09-2010 17:58:37
มิตรภาพ พึ่งจะเริ่มต้น...
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 19-09-2010 21:56:29


จากโกรธ เกลียด กลายมาเป็น มิตรภาพที่แสนนนดี

มารออ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 4 หน้า 2 ครับ 15/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 20-09-2010 20:08:51
มาแล้วครับผม  เชิญติดตามได้ครับ

ตอนที่ 4

                              ******************
         
         เย็นวันนั้นผมก็ยังคงนั่งอยู่เป็นเพื่อนมันหลังจากที่ได้คุยเล่นกันมาทั้งวัน   ได้มานั่งเล่นที่บ้านมันอย่างนี้ผมก็รู้สึกดีมากๆเพราะบ้านมันบรรยากาศเย็นสบาย  ร่มรื่นน่าอยู่ดีซะเหลือเกินจนผมเองรู้สึกว่าอยากจะมาอยู่ที่บ้านนี้กับมันไปเลยจริงๆครับ

         " อืม   บ้านมึงนี่อยู่สบายจริงๆนะ  กูชอบจริงๆ  ร่มรื่น เย็นสบาย บ้านในฝันกูเลยนะนี่  ต่อไปกูก็คงต้องมานี่บ่อยๆแล้วว่ะ"  ผมบอกกับมัน  

         " แน่นอน  ต่อไปถึงมึงไม่มากูก็จะไปตามตัวมึงที่วัดให้มาอยู่ดีอ่ะ      เพราะกูก็อยากให้มึงมาบ่อยๆอยู่แล้ว      หรือถ้าจะให้ดีมึงก็เก็บข้าวของจากวัดมาอยู่กะกูที่นี่ไปเลยก็ยังได้     บ้านกูเองซะอย่าง    มึงจะได้ไม่ต้องรบกวนที่อยู่หลวงตาท่านแล้วด้วยไง    จริงป่ะล่ะ"   มันสรุปเอง เออเองเสร็จเลยครับ  

         " อ่ะนะ  มึงนี่พูดง่าย   กูจะไปทำงั้นได้ไงเล่า   มาอยู่นี่จะอยู่ในฐานะอะไร    ญาติมึงก็ไม่ใช่     พ่อแม่มึงเค้าจะคิดยังไง   อยู่ๆมึงก็เอาใครก็ไม่รู้มาอยู่บ้านด้วย"  

         " เออ...อ   กูก็ว่าแล้วมึงต้องพูดยังงี้   มึงไม่ต้องมาห่วงหรอกน่ะเรื่องนั้น    พ่อแม่กูเค้าก็ไม่ค่อยได้กลับมาอยู่แล้ว     แต่ถ้าเค้ามานะกูก็จะบอกเค้าว่า    มึงเป็นลูกสะใภ้เค้า   แค่นี้ก็โอเคแล้ว  ฮ่าๆๆ"     มันหัวเราะชอบใจใหญ่   ผมเลยหันไปมองมันตาเขียวทันที

         " สัดด.. นี่   มึง   มุขนี้อีกแล้ว  พ่อแม่มึงเค้าคงดีใจกันใหญ่นะ   มีลูกสะใภ้คือกูเนี่ย    ช่างคิดจังนะมึงไอ้มุขเชี่ยๆเนี่ย"   ผมด่ามัน  แม่ง    คิดมุขได้จัญไรดีนัก

         " เอาน่าๆ    กูล้อเล่น...น  ถ้าพ่อแม่กูเค้ารู้ว่ามึงมาอยู่ด้วยเค้าจะดีใจ    เพราะถ้ามีมึงอยู่กูก็จะได้เป็นเด็กดีไม่ออกนอกลู่นอกทางเหมือนที่เคยเป็นไง"  

         " กูเนี่ยนะ   จะทำให้มึงไม่ออกนอกลู่นอกทาง    อะไรทำให้มึงคิดงั้นวะ"   ผมรู้สึกสงสัยที่มันคิดอยู่

         " อ้าว   ก็มึงอ่ะหวังดีกะกู   มึงก็จะต้องคอยเตือนถ้ากูกลับไปทำตัวเชี่ยๆอีก  ใช่มั๊ยล่ะ"    

         " เออ... มันก็ใช่อ่ะ   กูก็อยากให้มึงเป็นคนดีๆกะเค้าอ่ะ  มันก็เป็นธรรมดา  เพื่อนกันมันก็ต้องคิดงั้นอ่ะ"    ผมบอกมัน

         " ก็นั่นแหละ   แล้วมึงจะต้องมาทำให้เรื่องมันยากไปทำไมวะ   กูว่าชีวิตมึงเนี่ยนะ เงื่อนไขเยอะจริงๆ  นั่นก็ไม่ได้  นี่ก็ไม่ได้  กูว่ามึงก็ปล่อยๆวางๆไปมั่งดีกว่านะ  จะแบกไว้ทำไมนักวะ"  มันว่าผม    

         ดูๆแล้วเหมือนมันไม่ค่อยพอใจที่ผมมีเงื่อนไขกะมันมากมาย   พอผมลองคิดตามก็จริงของมันครับ     ผมเองอาจจะทำชีวิตให้ยากเกินไปอย่างที่มันว่าจริงๆก็ได้    มัวมานั่งคิดเล็กคิดน้อยอยู่จนตีกรอบให้ชีวิตมากเกินไปหน่อยมั๊ง

         " เออ....อ    กูก็รู้แล้วล่ะ    แต่เรื่องนี้อ่ะ   มึงต้องเข้าใจ    จริงๆกูก็อยากมาอยู่กะมึงที่นี่แหละเว้ย   อยู่โน่นกูก็เบื่อ    ไม่มีใครเหมือนกัน     แต่กูก็ไม่อยากทิ้งหลวงตาท่านเพราะไอ้เด็กคนอื่นๆที่มันอยู่น่ะ    มันก็ไม่ได้เรื่องสักคนว่ะ   ถ้ากูมาอยู่กะมึงก็คงไม่มีใครรับใช้ท่าน    กูก็คงรู้สึกเหมือนกูละทิ้งหน้าที่น่ะ    ถ้าเป็นอย่างนั้นกูคงไม่สบายใจจริงๆนะ  มึงเข้าใจกูมั๊ย"    ผมว่าแล้วมองตามัน  มันเลยยิ้มออกมาแล้วเอามือมาจับที่ไหล่ผม

         " เออๆ    กูเข้าใจมึงแล้วอ่ะ     มึงนี่นะแม่งสุดยอดว่ะ    กูล่ะนับถือมึงจริงๆที่มึงกตัญญูต่อหลวงตาท่าน   มึงเป็นคนดีจริงๆว่ะไอ่อิน     กูดีใจที่มองมึงไม่ผิด     มันจะมีคนสักกี่คนวะอายุเท่านี้ก็คิดได้อย่างมึงเนี่ย   กูล่ะอายเลยไม่เคยคิดอะไรที่มันสร้างสรรค์กะเค้า    แถมมีแต่สร้างปัญหาน่ะ"     มันบอกผม   สีหน้ามันดูภูมิใจในผมซะจริงๆ    

         " เฮ้อ...  มึงก็.. ชมกูซะลอย   ขอบใจนะเว้ยที่เข้าใจกูน่ะ    เอ้อ  คุยเพลินจะค่ำแล้วว่ะ   งั้นเดี๋ยววันนี้กูว่ามึงจะอาบน้ำเลยก็ได้มั๊ง      คงไม่เป็นไรแล้วอ่ะ      มึงจะได้สะอาดสบายตัวหน่อย    อาบเสร็จจะได้มากินข้าว"    ผมยิ้มบอกกับมัน    คิดว่ามันไม่มีไข้คงอาบน้ำได้ไม่เป็นไร     แค่ไม่ให้น้ำโดนแผลมันก็คงพอ

         " เออ..  ดีๆ    เมื่อเช้ากูอาบเองมันก็ไม่ถนัดว่ะ   เอี้ยวตัวถูสบู่ทีนึงโคตรปวดตัวเลย"  

         " อ่ะเหรอ   เออๆ   งั้นเดี๋ยวกูช่วยมึงถูหลังก็ได้นะ"   ผมเสนอตัวจะช่วยมันแล้วก็เตรียมผ้าขนหนูไว้เพราะว่าคงจะอาบไปพร้อมๆมันเลย     ผมเข้าไปเปิดน้ำลงอ่างอาบน้ำให้มัน    ไอ้เนมันก็เดินมาแล้วถอดกางเกงออกจนล่อนจ้อนแล้วเดินโทงๆลงอ่างไป

         " เอ๊า...  สัดนี่    ทำไมมันด้านนักวะ  ไม่แคร์สื่อเลยนะมึง"   ผมด่าๆมันไปเพราะนึกขำมากกว่า  ว่ามันนี่ด้านได้ใจจริงๆ

         " อ้าว   แล้วมึงจะให้กูอายใครอ่ะ   อายมึงเหรอ   มึงมีไม่เหมือนกูเหรอไง  กูถึงต้องอายมึง  ฮ่าๆๆ"    มันย้อนผมแล้วหัวเราะกวนๆ  

         " เออ...อ   สาดด..  ไอ่คนเปิดเผย     ไอ่คนไม่แคร์สื่อ"   ผมแกล้งด่ามันแล้วยิ้ม    มึงนี่กวนทีนจริงๆ     จากนั้นผมก็เดินไปนุ่งผ้าขาวม้าที่เอามาจากวัด     ถอดกางเกงชั้นในออกไว้แล้วเดินไปหามันที่อ่าง     มันก็ลุกขึ้นมานั่งที่ขอบอ่างหันหลังให้ผมแล้วทำเป็นกวักมือเรียก

         " เอ้า    หนูจ๋า    มามะ   มาถูหลังให้ป๋าหน่อยสิจ๊ะ   มาเร๊ว  คนสวย"   มันลอยหน้ากวนทีนผมอยู่   ผมเลยด่ามันไปอีก

         " สาด นี่    กูไม่ใช่หมอนวด อาบอบนวดนะ  แหม ทำซะเหมือนเคยไปเชียวนะมึง"   มันก็หันมาหัวเราะผม

         " อ้าว  เหรอ...  เออๆ  กูเผลอไป   ฮ่าๆๆ"     ผมล่ะหมั่นไส้มันจริงๆ     แต่ก็ขำมันสุดๆกะท่าทางสุดกวนของมัน   แล้วก็เอาสบู่มาเริ่มถูตามไหล่และหลังของมัน      ตัวมันก็ก้มลงถูที่ขา    

         " ถูเบาๆมึงคงไม่เจ็บนะ"      ผมถามมัน     มันก็ส่ายหัวว่าไม่เจ็บ    ผมเลยถูหลังมันต่อ   มาคิดๆดูผมก็รู้สึกแปลกหน่อยๆว่าทำไมเราไม่ค่อยรู้สึกรังเกียจมันเลย      

         ทั้งๆที่นี่มันผู้ชายด้วยกันนะ    มาลูบคลำเนื้อตัวมันอย่างนี้    มันน่าจะขนลุกซะมากกว่ามั๊ย    แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกอย่างนั้น     ก็แปลกดีเหมือนกัน    หรือเราจะชินกับมันซะแล้วเลยไม่รู้สึกอ่ะ      

         แต่แล้วพอผมลอดมือผ่านใต้แขนมันไปถูตรงท้องมันเท่านั้นแหละ

         " โอ้ว....วว   ซื้ด    เดี๋ยวถู... ให้ป๋าด้วยนะจ๊ะ    ป๋ากำลังเสียวได้ที่เลยอ่าาาา....า"     มันทำหน้าเสียวซ่านแล้วหันมาบอกผมอย่างกวนทีนมากกก     (ใน ... คืออะไรก็คงพอรู้กันนะ  ขอไม่อธิบายครับ   เพราะมันจะให้ผมถูของมันจริงๆ   ขอย้ำ.. มันลามกจกเปรตมากขนาดนั้นจริงๆครับ  คอนเฟิร์ม )

         " ไอ้สัดด นี่    มึง  จะทะลึ่งใหญ่แล้วนะ  สันดานจริงๆ   กูอุตส่าห์ช่วยถูให้ยังจะกวนทีน"  

         " เอ๊า...า   ทำไมพูดกะป๋ายังงี้ละจ๊ะ  ไม่น่ารักเลย   บริการป๋าไม่ดีเดี๋ยวป๋าไม่ทิปนะจ๊ะ"  มันยังคงกวนทีนผมได้อีก   จนผมสุดจะขำกับมัน  

         " สัดนี่..  มึงหื่นนักใช่มั๊ย    เดี๋ยวกูจะแก้บ้าให้"   ผมว่าแล้วก็หันไปหยิบที่ฉีดล้างก้นข้างชักโครกมาฉีดใส่มัน      แต่ก็ระวังไม่ให้โดนที่หัวมันไปด้วย  

         " นี่ๆๆ  เป็นไงหายหื่นมั่งมั๊ยล่ะมึง    ฮ่าๆๆๆ"  ผมหัวเราะอย่างสะใจ    ที่ฉีดน้ำมันก็ค่อนข้างแรง   มันก็เลยโวยวายแล้วเอามือปัดป้องน้ำที่ผมฉีด

         " เฮ้ยๆ..  สาด....   ไอ่เชี่ยอิน..   มึงเล่นสกปรกอ่ะ    ไอ่สาดดด....ดด   อย่าาา....า"      มันร้องลั่น     ผมยังคงหัวเราะมันแต่แล้ว....

         " พรึ่บ"   เสียงผ้าขาวม้าที่ผมนุ่งถูกมันกระชากออกไป  ผมตกใจตาเหลือกเลย  ใช่ครับ  ผมล่อนจ้อนและเย็นวาบทันทีอ่ะ

         " เฮ๊ยยยย......ยยย    ไอ่สาดดด...   เชี่ยเน.......   มึงเล่นอะไรของมึงวะ"   ผมร้องเสียงหลง    รีบเอามือปิดจุดสำคัญทันที

         " ก๊ากๆๆ นี่อ่ะ    จะหยุดมั๊ยอ่ะมึง"    มันได้ทีครับ  เลยหัวเราะผมใหญ่แล้วขว้างผ้าขาวม้าผมออกไปที่หน้าห้องน้ำ  แล้วลอยหน้าลอยตาว่ามันเป็นผู้ชนะผม

         " มึงจะอายกูทำไมว้า  ก็กูบอกแล้วว่ากูก็มีเหมือนๆมึงอ่ะ"     มันบอกผม

         " สัดนี่  ต้องหน้าด้านเหมือนมึงใช่มั๊ยอ่ะ"    ผมด่ามันเพราะอายมันจนหน้าชาเลยครับ    

         " ก็กูเป็นคนเปิดเผย      ไม่แคร์สื่อเว้ยย..   ฮ่าๆๆๆ"     มันเอาคำพูดผมมาย้อนได้อย่างกวนทีนมากๆ     แล้วยืนเปลือยอยู่โทงๆอย่างไม่แคร์สื่อจริงๆครับ     ผมตอนนั้นอายก็อาย   ขำก็ขำ   เอือมระอาไปกับมุขทะลึ่งของมัน  

         " เออๆ   กูยอมแพ้มึงแล้ว   สาดด ...  ด้านได้อีกเรื่อยๆอ่ะมึง"      ผมยังไม่วายด่ามันแล้วเอื้อมไปเปิดฝักบัวแล้วก้าวเข้าไปอาบทั้งที่ล่อนจ้อนโทงๆอย่านั้น      เฮ้อ..... ไหนๆก็ไหนๆแล้ว      เลยต้องเป็นคนไม่แคร์สื่อเหมือนมันไปด้วยเลยครับ        มันก็ยิ่งหัวเราะผมแล้วเดินกลับมาแช่น้ำในอ่างต่อ

         " เห็นมั๊ย   ไม่เห็นมึงจะต้องอายกูเลย    ผู้ชายด้วยกันอ่ะ"  

         " เออ...  สาด... ด    งั้น กูจะอาบมั่ง   มึงไม่ต้องมาพูดละ"   ผมว่าแล้วก็ก้าวขาลงในอ่างลงไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับมัน   มันก็ยิ้ม  

         " เอ้อ    อย่างงั้นดิวะ       โอย ..  แม่งคันๆหัวว่ะ    เฮ้ย   สงสัยเพราะไม่ได้โดนน้ำเลยเนี่ย   แหงเลย   เน่าแล้วมั๊งหัวกู "   มันบ่นแล้วก็เกาหัวแกรกๆ  

         " ก็หัวมึงแตกเป็นแผลหมอเค้าก็ต้องห้ามโดนน้ำอ่ะ     งั้นมานี่"  ผมหันไปหยิบผ้าขนหนูเล็กๆที่ชั้นข้างอ่างอาบน้ำ

         " เดี๋ยวกูเอาผ้านี่ชุบน้ำแล้วเช็ดที่หัวกะผมมึงให้สะอาดๆหน่อย   น้ำจะได้ไม่เข้าไปโดนแผล   เผื่อมึงจะดีขึ้น"

         " เออ     ดีๆ "  มันว่าแล้วก็หันหลังแล้วเอนหลังมาพิงที่ผม   ผมก็เลยค่อยๆเช็ดที่หัวมันอย่างระวัง

         " เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงไปหาหมอกะกูให้เค้าดูแผลให้อีกทีนะ  เค้าคงล้างแผลให้มึงอ่ะ"    

         " อือ ...  อ    เฮ้ย...  กูกำลังสบายเลยว่ะ"    มันตอบผมแล้วหลับตาพริ้มอย่างสบายขณะที่ผมเช็ดหัวและผมของมัน  

         " ตอนนี้กูนึกถึงตอนที่กูเด็กๆว่ะ   กูอาบน้ำกะพ่อกู   แช่น้ำเล่นกันในอ่างสนุกมากๆ     แล้วพ่อกูก็สระผมให้กูอย่างนี้แหละ   ตอนนั้นนะกูโคตรมีความสุขเลยว่ะ    แต่ก็ ...     ได้แค่นั้น.....   "    มันเล่าให้ผมฟังแต่อยู่ๆก็หยุดเงียบไปแค่นั้น    

         " หือ...   แล้ว...  ยังไงอ่ะ"  ผมถามมันเพราะแปลกใจที่มันเงียบไป

         " อืม ......  ก็ไม่ยังไงอ่ะว่ะ  ขึ้นกันเหอะ"  มันลุกขึ้นจากอ่างแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องน้ำไปเลยครับ   ผมยิ่งแปลกใจเลยรีบตามมันออกไปทันที

         มันยืนเช็ดตัวอยู่เงียบๆหน้ากระจก   สีหน้ามันดูเศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัดจนผมเริ่มห่วงมันขึ้นมาอีก   เหมือนว่าที่พูดกับมันเมื่อกี๊เป็นการไปจุดชนวนปมปัญหาเก่าๆในใจของมันขึ้นมาอีกครั้ง

         " เฮ้ย..  ไอ้เน  มึงเป็นไรป่าววะ"   ผมแตะที่ไหล่มันเบาๆ  มันก็เอื้อมมาจับมือผม

         " เออ..  กูไม่เป็นไรอ่ะ   ขอบใจว่ะ"   มันยิ้มที่มุมปากหันมาตอบผมด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าไป

         " กูก็ไม่รู้นะว่ามึงมีปัญหาอะไรมั่ง    แต่ถ้ามึงอยากบอกกู   อยากเล่าให้กูฟัง     กูก็จะรับฟังมึงทุกอย่างนะ    มึงจะได้ระบายออกไปมั่ง     เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น   แต่ถ้ามึงยังไม่อยากบอกกูตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ   กูเข้าใจมึงว่ะ"     ผมพยายามพูดปลอบใจมัน      

         แล้วก็เห็นผลเลยครับ   มันหันมาสบตาผมนิ่งๆนิดนึง   ผมก็มองตามัน  แล้วมันก็โผมากอดผมแน่นเลย    ผมคิดว่าจริงๆมันก็คงอยากพูดอยากบอกกับผม    อยากระบายให้ผมฟังในทุกๆอย่างที่มันรู้สึก     แต่ว่าตอนนั้นมันคงพูดอะไรไม่ออกแล้วมากกว่า    

         " เออ  ขอบใจนะเว้ย   กูก็แค่......... ไม่ไหวจริงๆอ่ะ  ไม่รู้เป็นเชี่ยไรนึกถึงเรื่องเก่าปั๊บ  กูก็ยังงี้ทุกที    มันอยากร้องไห้ว่ะ"  มันพูดด้วยเสียงสะอื้นจนไหล่ของมันสั่นแต่แล้วก็หยุดนิ่งไปอีก

         " อืมๆ    อยากร้องก็เอาเหอะ   มึงจะได้สบายใจขึ้นมั่ง    แล้วมึงยังไม่ต้องพูดกะกูเรื่องนี้ตอนนี้ก็ได้    นะ..."   ผมยิ้มให้มัน  มันเลยร้องไห้เบาๆอยู่แป๊บนึง  จนผมเห็นว่ามันคงสบายใจขึ้นแล้ว  

         " เอาล่ะๆ   ไม่ต้องคิดมากแล้วนะมึง   ไปๆ  กินข้าวเว้ย  กูหิวแล้วอ่ะ"  ผมตัดบทเปลี่ยนเรื่องมันไปเลย   เพราะก็ไม่อยากให้มันหมองหม่นไปกว่านี้แล้ว      

         รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันนะครับที่เราพูดอะไรๆไปก็ไปสะกิดแผลเก่าในใจมันได้ทุกที      ยิ่งเห็นชัดเลยว่าที่เห็นข้างนอกมันเป็นคนแข็งๆอย่างนี้   แต่จริงๆข้างในมันอ่อนไหวมากจริงๆครับ

                              -

                              -     

         " อืม    มึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะ     ต่อไปก็อยู่กันไปยังงี้อ่ะ    เออ   ถ้าวันจันทร์ต้องไปรร.กัน  มึงคงไปไหวนะ"  ผมพยายามชวนมันคุยไปเรื่อยๆขณะที่กินข้าวกันอยู่     เพราะเห็นมันดูเงียบๆไปเลย   

         " ไหวดิวะ  กูไม่เป็นไรแล้วล่ะ"

         " เออๆ  ดีแล้ว   นี่น่ะกูว่านะป่านนี้พวกไอ้โต้งกะไอ้ชินมันคงนึกว่ามึงโดนไอ้พวกนั้นอุ้มฆ่าไปแล้วแน่ๆเลยว่ะ   มึงว่ามั๊ย"

         " เออ ก็นั่นแหละเดี๋ยวให้กูไปรร.ก่อน  พวกแม่งได้เจอกูแน่"  มันพูดด้วยสายตาที่เคียดแค้นจัด  และกำหมัดแน่น

         " เฮ้ยๆ  นี่มึงฟังกูก่อนเลย  ที่กูพูดมาเนี่ยไม่ได้จะให้มึงไปกระทืบไปเอาคืนพวกมันหรอกนะ    แต่กูจะขอให้มึงไม่ต้องไปอะไรกะพวกแม่งแล้วตะหาก     อย่าให้มันเป็นเรื่องกันไปอีกเลย    กูบอกมึงไปแล้วใช่ป่าว   ว่าอยากให้มึงเป็นคนดี   แล้วมึงก็บอกว่าถ้ามึงมีกูอยู่มึงก็จะได้เป็นคนดี ไม่ออกนอกลู่นอกทางน่ะ"    ผมย้ำสิ่งที่มันเคยบอกผม        

         " ก็นี่ไงมึงได้โอกาสกลับตัวแล้วว่ะ    มาทำตัวธรรมดาๆ   ไม่ต้องเกเร    ไม่ต้องทำอะไรที่มันหาเรื่องใส่ตัวแล้ว     แค่นี้เอง    ไอ้ที่มึงทำตัวอย่างที่ผ่านๆมานี่มึงก็คงรู้นะ   ว่านั่นมันแย่แค่ไหน      มึงคิดว่ามันดีแล้วเหรอวะ    กูอาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ที่มึงทำๆไปเนี่ยทำไปทำไม   แค่ประชดชีวิตหรือไง   แต่นั่นแหละ   แล้วสุดท้ายชีวิตมึงมีอะไรดีขึ้นมามั่งมั๊ยล่ะ"    ผมร่ายซะยาวเลย      มันก็นั่งนิ่งฟัง

         " เฮ้ออ...      ไอ้ที่ผ่านมานี่จริงๆกูเองก็แค่อยากมีเพื่อนว่ะ     ไอ้ที่เข้ามาคบๆกันก็คบไป     กูก็นึกนะว่ามีเพื่อนมากๆ  มันจะดีกับกู   กูคงจะไม่ต้องเหงา      แต่พอวันนี้กูได้รู้แล้วว่ามันไม่มีความหมายเลย   มีแม่งไปทำไมวะเพื่อนเยอะๆ    แล้วสุดท้ายก็เหลือแค่กูคนเดียว   หวังพึ่งใครก็ไม่ได้เลย"   มันพูดออกมาอย่างปลงๆกับสิ่งที่ผ่านมา  แล้วก็หันมามองหน้าผม

         " สู้กูมีเพื่อนอย่างมึงแค่คนเดียวก็ไม่ได้   แล้วถึงถ้าจะให้กูมีเพื่อนอีกสักร้อยสักพันนะกูก็ไม่เอาเลยว่ะ   เพราะแค่มีมึงเป็นเพื่อนกูอยู่แค่คนเดียวเนี่ยกูก็พอแล้วว่ะ   กูรู้สึกอย่างงั้นจริงๆ   งั้นต่อไปนะ  กูก็จะเปลี่ยนตัวเองให้ได้  ชีวิตกูมันจะได้ดีขึ้นกะเค้ามั่ง  แล้วมึงก็จะได้สบายใจด้วย"  มันบอกผม   ผมได้ฟังแล้วก็ยิ้มอย่างอุ่นใจ

         " เออ...  ดีแล้วที่มึงเข้าใจนะ   ที่กูอยากให้มึงเปลี่ยนตัวมึงเองซะให้ดีมันก็เพื่อตัวมึงเองแหละ    อ้อ   ที่จริงก็เพื่อพ่อแม่มึงด้วยแหละ     กูว่าเค้าก็ต้องดีใจมากๆที่มึงก็เอาดีกะเค้าได้     ไม่ต้องเป็นเด็กมีปัญหาอีก      แล้วกูก็จะอยู่กะมึงอย่างนี้อ่ะจะช่วยดูมึงเอง    ไม่ไปไหนหรอก   อย่าเสือกเบื่อกูก่อนแล้วกัน  ฮะๆๆ"     ผมบอกแล้วหัวเราะอย่างสบายใจ        

         ดีใจมากครับที่กำลังจะเปลี่ยนใจมันได้    ทีนี้มันจะได้กลายเป็นคนดีๆเหมือนคนอื่นๆเค้าซะที        

         ในที่สุดผมก็จะได้มีเพื่อนดีๆกะเค้าแล้ว   ซึ่งในเมื่อมันดีขึ้นได้อย่างนั้นพ่อแม่ของมันก็คงดีใจมากแน่ๆ      

         แล้วนั่นอาจหมายความว่าสิ่งที่ทำให้มันค้างคาใจกับพ่อของมันก็จะได้ถูกทำลายลงไปซะที      

         ผมเชื่ออย่างนั้นนะ......

                                                      ******************
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: iChoCoHoLiC ที่ 21-09-2010 18:03:38
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และมีค่าที่สุด...รออ่านตอนต่อไปครับผม... o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 21-09-2010 20:51:57
ใน ชี วิต จริง

เพื่อน แท้ นั้น หา ยาก จริง ๆ ครับ

ขอบ คุณ ที่ มา ต่อ ให้ ค้าบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: TaiLz of Skyz~ ที่ 21-09-2010 23:01:22
เฮียเนพูดจาล่อแหลมตลอดเวลา 555+
อินเหมือนนางฟ้ามาโปรดมากเลย

รวมแล้วน่าร๊ากก
นึกแล้วอยากมีเพื่อนแบบนี้บ้างจัง~

ติดตามอ่านต่อครับ~
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 22-09-2010 08:39:04
ลื่นไหลดีครับ

แต่จะลื่นกว่านี้ ถ้าอินทำสบูตก แล้วเนก็  :oo1: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ล้อเล่นครับล้อเล่น




เหมือนเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: motosemo ที่ 22-09-2010 20:22:12
พัฒนาขึ้นมากเลยอ่า แต่เมื่อไหร่จะมากกว่าเพื่อนนะ รออ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: Verxus ที่ 22-09-2010 20:34:25
รอตอนต่อไปจ้า อ่านแล้วแอบอมยิ้ม แบบเต็มตื้นในอกอ่าา
เพื่อนกันไม่มีวันตาย ดีจริงๆๆ
แต่เนนี่ก็กะล่อนใช่เล่นนะ 555+
ขอบคุณค่า มาต่อไวๆ เน้อ  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 23-09-2010 19:42:20
ครับ ขอบคุณกับหลายคำชมมาเลยนะครับ   ตอนนี้ก็แต่งไปก็สับสนไป  มีฉากจบมากมายหลายแบบเกิน   อย่างเพิ่งเบื่อกันนะครับแล้วจะรีบมาต่อให้จบครับ 
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: iChoCoHoLiC ที่ 26-09-2010 12:53:52
ประกาศๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คนหายครับคนหาย
คนแต่งนิยายเรื่องนี้หาย
ใครเจอแจ้งกลับด่วนมีรางวัลอย่างงาม อิอิ... :m24:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 26-09-2010 19:56:56
โทษคับ  แก้บางตอนอยู่  อิอิ  แต่งไปแล้วเรื่องมันไม่ลงตัวซะงั้น  ไม่สมจริงไปหน่อย  แก้เสร็จแล้วเดี๋ยวรีบลงเลยคับ   :pig4:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: GuanTeen ที่ 26-09-2010 20:36:05
เพื่อนแท้อย่างคุณอินนี่หายากนะ

ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนกิน เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 5 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 20/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 27-09-2010 20:05:30
ตอนใหม่ล่าสุด  ตอนที่ 5 มาละครับ     ต้องขอโทษทุกท่านนะครับที่ทำให้รอเพราะว่าต้องแก้กันอีกเยอะเลย   แล้วตอนต่อไปก็อดใจอีกนิดนะครับผม   จะพยายามทำให้สนุกกว่าเิดิมนะครับ   เอาล่ะมาติดตามต่อกันได้เลยครับผม

ตอนที่5
      
            วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ผมเลยพามันไปหาหมอให้ล้างแผลมัน    หมอตรวจอาการมันแล้วก็บอกว่าหายดีขึ้นมากแล้ว แผลที่หัวก็ไม่เป็นไรแล้ว  ผมเลยพามันกลับไปบ้าน  

            แล้วผมก็บอกมันว่าให้มันพักก่อน   แล้วเดี๋ยววันนี้ต้องขอตัวกลับไปช่วยหลวงตาท่านที่วัดก่อนเพราะว่าพอดีที่วัดมีงานศพที่เป็นงานใหญ่มาก  มีผู้ใหญ่หลายท่านและนักการเมืองดังๆมาร่วมงานเยอะเลยต้องช่วยที่วัดเตรียมงาน

            " เอ้อ ...  เดี๋ยวมึงกินข้าวไปก่อนนะ   ตอนเย็นก็มีกับข้าวแล้ว  เดี๋ยวสักเย็นๆกูอาจจะแวะมาอีกที   มึงโอเคนะ   อย่าเพิ่งทำไรโลดโผนล่ะยังไม่หายดีนิ"    ผมบอกมันก่อนที่จะออกมาจากบ้าน    และเนื่องจากเตรียมซื้ออาหารทั้งกลางวันและเย็นไว้ให้มันแล้วก็เลยหายห่วงไป

            " เออๆ....    กูรู้แล้วคร้าบ   กูจะอยู่แต่ในบ้านครับ  ไม่ออกไปวิ่งเล่นซนที่ไหนหรอกคร้าบ  คุณแม่  ไปเหอะครับ  ไม่ต้องห่วงกูหรอก"   มันลากเสียงทำประชดล้อเลียนผม   แล้วหัวเราะ

            " สัดนี่  ประชดกู   เออ..  ก็นอนพักไปเหอะมึง  กูไปล่ะ"   ผมบอกมันแล้วก็รีบกลับไปที่วัดซึ่งมีงานรอผมอยู่มากมายเลย วันนั้นทั้งวันผมช่วยงานที่วัดจนเหนื่อยเลยครับ  ทั้งยกโต๊ะเก้าอี้   ทั้งเก็บข้าวของ   และอีกสารพัด

            หลังจากที่เกือบจะหมดแรงอยู่แล้ว  พอมองดูเวลาอีกทีก็ปาเข้าไปจะ 6 โมงแล้ว  อดห่วงไอ้เนมันไม่ได้ผมเลยโทรไปหามัน

            " เฮ้ย  ทำไรอยู่วะ   มึงกินข้าวเย็นไปยัง"  

            " เออ   กำลังจะกิน   มากินกะกูดิ  เดี๋ยวกูรอ"    มันบอกผม

            " เฮ้ยๆ   มึงรีบกินไปก่อนเลยว่ะ   สงสัยกูคงไม่ได้ไปหามึงแล้ว   ยังไม่เสร็จเลยงานกู    เดี๋ยวถ้ามึงกินเสร็จก็คืนนี้นอนไปเลยนะ  เออ.... กูไปไหนไม่ไหวแล้วว่ะ    เหนื่อยโคตรเลย   โทษทีเว้ย"

            " เออๆ  ไม่เป็นไรว่ะ   กูอยู่ได้ไม่ต้องห่วง   แต่ตอนนี้กูห่วงมึงมากกว่าเว้ย  ฮ่าๆๆ"  
         
            " เฮ้อ  มึงนี่  พูดงี้จะให้กูคิดว่ามึงห่วงกูรึมึงสมน้ำหน้ากูแน่วะ   สาดด..ด"  

            " เอ๊ะ  มึงนี่มาหาว่ากูสมน้ำหน้า  กูออกจะห่วงมึงซะขนาดนี้กูน้อยใจนะเว้ยย..ย"      มันพูดแล้วก็หัวเราะอย่างกวนทีนตามเคย

            " เออ ..  กูขอบใจที่ห่วง  เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ"  ผมเลยรีบวางสายก่อน   เพราะหลวงพี่ท่านจะให้ไปช่วยยกของ   วันนั้นกว่าจะเสร็จงานหมดก็เล่นเอาผมหมดแรง  เลยมานั่งพักแป๊บนึงแล้วผมก็รีบอาบน้ำ  กินข้าวแล้วกลับไปนอนที่ห้อง

            แล้วเช้าวันจันทร์ก็มาถึง    ผมโทรไปบอกมันว่าจะเดินไปหามันที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปรร.พร้อมกัน   พอไปถึงก็เห็นมันออกมาที่หน้าบ้านแล้ว
         
            " อืม  ไปกันเหอะ  ว่าแต่มึงไหวนะ  ถ้าไม่งั้นก็นอนพักไปอีกวันก็ยังได้"   ผมบอกมัน

            " เออ  กูไหวอยู่  ไม่เป็นไรแล้ว  ไปเหอะๆ  เดี๋ยวสาย"    มันว่า  แล้วเราก็เดินไปรร.กัน      ขณะที่เดินไปถึงห้องเรียนก็เห็นพวกไอ้โต้งกะไอ้ชินนั่งกันอยู่ในห้องพอดีเลยครับ  ทันทีที่มันมองมาเห็นไอ้เน   พวกมันก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีเลยครับ

            ไอ้เนยืนจ้องไปที่พวกมันเขม็งแล้วหันมามองที่ผมเพราะผมเอื้อมไปจับไหล่มันเบาๆ   ส่ายหน้าให้มันเป็นความหมายว่า   มึงเฉยๆเหอะ  ทำตามที่คุยกันไว้แล้วกัน      

            ก็ได้ผลอยู่ครับ   มันคงเข้าใจผมดีแล้วก็ยิ้มมุมปากให้ผมแล้วเดินเลยไปนั่งที่โต๊ะเรียน     ผมรู้สึกโล่งใจเลยที่ยั้งมันไว้ได้แต่พวกไอ้โต้งก็ยังคงมองมาที่เราสองคนอย่างงงๆ    ผมเลยตามมานั่งข้างๆมันที่โต๊ะ
         
            " เฮ้ย... ดีว่ะ  มึงทำเฉยๆไปยังงี้ดีแล้ว่ะ  ไอ่เน  แล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกะมันอีกเลย  ช่างแม่งเลย  เรื่องมันจะได้จบๆไป  นะ"   ผมบอกกับมัน

            " เออ   กูก็ขอบใจนะ   ถ้าเมื่อกี๊มึงไม่รั้งกูไว้กูคงวิ่งไปต่อยพวกแม่งแล้วอ่ะ"  

            " เออๆ  ... มึงเฉยๆอ่ะดีแล้ว     ไม่งั้นเป็นเรื่องไปเดี๋ยวไม่จบดิ     อาจารย์มาเห็นมึงได้ไปนั่งเล่นห้องปกครองแน่ๆ"    

            " อืม  ก็จริงว่ะ   ไม่งั้นป่านนี้กูคงไปนั่งห้องปกครองจริงๆ   เกือบแล้วกู"   มันบอกยิ้มๆ     แล้วจากนั้นวันนั้นทั้งวันมันก็นั่งอยู่กะผมตลอด   เรียนด้วยกัน  ไปกินข้าวกัน    จนกลุ่มเพื่อนที่ผมค่อนข้างสนิทมันพากันงงไปหมด    

            " เฮ้ย  ทำไมเชี่ยเนมันมาอยู่กะมึงได้ทั้งวันเลยวะ   พวกกูงงไปหมดแล้วเนี่ย"   พวกมันแอบมารุมถามผมตอนที่ไอ้เนมันออกไปห้องน้ำ     ผมเลยตอบมันไปยิ้มๆ

            " เออ  พวกมึงไม่ต้องงงหรอก   มันกลับตัวแล้วอ่ะก็เท่านั้น   เอ่อ.... พวกเราให้โอกาสมันหน่อยได้มั๊ยวะ   กูช่วยให้มันสำนึกได้แล้วจริงๆ   นะเว้ย     ถือว่ากูขอนะ   ได้มั๊ยวะ"   ผมได้จังหวะเลยลองขอร้องพวกมันดู      แต่อยู่ดีๆไอ้เนมันก็โผล่มาโดยที่ผมกับพวกเพื่อนผมมันไม่ทันเห็น    พวกมันเลยตกใจถอยกรูดออกไปยืนข้างๆ

            " เออ  ก็อย่างที่ไอ้อินมันบอกอ่ะ"   มันเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทันที    สงสัยว่ามันคงได้ยินที่พูดกันไปเมื่อกี๊แล้ว  

            " กูอยากขอโทษพวกมึงด้วยนะเว้ย    ที่เคยทำกะพวกมึงไว้   ต่อไปกูจะไม่ทำตัวเชี่ยๆอีกแล้ว   กูขอสัญญานะ   พวกมึงพอจะให้อภัยกู  ให้โอกาสกูสักครั้งจะได้มั๊ยวะ "  ไอ้เนพูดแล้วก็สบตาพวกเพื่อนผมทุกคน   จนพวกมันถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย

            " เออ... ก็ไม่รู้ดิวะ     อยู่ๆมึงก็ดีมาเลยอย่างงี้   กูปรับตัวไม่ทันอ่ะ  ยังมึนอยู่เลย   แต่ก็ดีว่ะเห็นมึงมาพูดอย่างนี้มันก็โอเคละ   โอกาสอ่ะกูให้ได้   แต่ว่าขอให้มึงทำได้อย่างที่สัญญาแล้วกันนะ"  ไอ้อ้นเอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรกครับ   ไอ้เบนเลยเสริมขึ้นมา

            " เออๆ  กูก็เหมือนกะไอ้อ้นอ่ะ    พวกกูคงพอยอมรับมึงได้นะ    แต่ก็ขอให้มึงทำให้ได้ตามนั้นนะเว้ย   ก็แค่นั้นแหละ"   พอไอ้เบนพูดจบ   พวกที่เหลือมันก็พากันเออออตาม    ผมรู้สึกโล่งใจเลยครับ    ในที่สุดมันก็ได้รับโอกาสที่จะกลับตัวแล้ว     หันไปมองที่ไอ้เนผมเห็นมันก็ยิ้มอย่างสบายใจเหมือนกัน

            " อืม  กูขอบใจพวกมึงนะ   ที่ยังยอมให้โอกาสกู   แล้วกูจะไม่ทำให้พวกมึงผิดหวังเลย  ขอบใจนะเว้ย"  มันบอกแล้วเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของไอ้เบนกับไอ้กันที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด  พวกมันทุกคนก็ยิ้มให้แล้วพากันเดินแยกย้ายไปนั่งที่โต๊ะเรียน

            " ดีใจด้วยเว้ย    มึงมีโอกาสแล้วนะ"  ผมโอบไหล่มันอย่างสบายใจจริงๆ   มันหันมายิ้มกับผม

            " ต่อไปชีวิตมึงก็จะดีขึ้นได้แล้วจริงๆซะที    มึงทำดีแล้วอ่ะ"    

             " เออ  กูดีใจจริงๆว่ะ   ไม่เคยสบายใจอย่างนี้เลยนะเว้ย    แค่นี้กูก็พอใจแล้วล่ะ   แล้วก็นะ  ผลงานมึงตามเคย   ขอบใจนะเว้ยที่ช่วยกูเคลียร์กะพวกมันได้"  มันบอกแล้วส่งมือมาให้ผมจับ  ผมเลยจับมือกับมัน

            " อืม  ก็ตามที่กูบอกนะ   ว่าจะช่วยมึง   หมดห่วงไปอีกเรื่องนะ     ขอให้มึงรักษาสัญญาที่ให้พวกมันวันนี้ไว้ให้ดีละกัน"

            " มึงไม่ต้องห่วงนะ   ไม่ว่ายังไงกูจะไม่มีวันเสียคำพูดหรือผิดคำสัญญาว่ะ  เพราะมันสำคัญกะกูจริงๆนะ    ขอให้มึงเชื่อกูได้เลย"  มันให้คำมั่นกับผม  ผมมองตามันเห็นสายตามุ่งมั่นของมันอย่างนี้แล้วก็รู้ได้เลยว่ามันคงไม่มีทางผิดคำพูดของมันแน่นอน

            เวลาผ่านไปหลายวันผมกับมันก็ยังคงไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่   จนผมเองก็เริ่มเคยชินที่มีมันอยู่อย่างนี้    

            สิ่งนึงที่เปลี่ยนไปเลยก็คือตอนนี้มันเริ่มได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนๆมากขึ้น    ทั้งที่พวกนี้มันก็เคยบาดหมางกับไอ้เนมาก่อนแต่พอวันนี้ทุกคนต่างก็เข้าใจมันมากขึ้นและยินดีจะให้อภัยมันแล้ว      

            ผมดีใจที่ช่วยเคลียร์เรื่องเพื่อนๆให้มันได้แล้ว     จากนี้เรื่องต่อไปก็น่าจะเป็นเรื่องการเรียนของมันล่ะครับ    ผมก็เลยลองมาคิดดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง   จนวันนึงขณะที่ผมอยู่กับมันที่รร.  ผมเลยกะว่าจะลองชวนมันไปกวดวิชาดู

            " เอ้อ  ไอ่เน  ไปติววิชาอังกฤษกะกูมั๊ย  ที่นี่อ่ะ"   ผมถามมันแล้วชี้ให้มันดูใบปลิวโฆษณาของรร.กวดวิชาแห่งหนึ่ง

            " หือ.....อ   จะชวนกูไปติว    นึกอะไรของมึงวะ"  มันหือซะยาวเลย  แล้วก็ถามผมอย่างสงสัย

            " ก็กูอยากให้เกรดมึงเทอมนี้ออกมาสวยๆหน่อยไง   เพราะเราเหลืออีกแค่เทอมนี้กะเทอมหน้านะเว้ย  มึงจะไม่เอนท์เรอะไง"

            " เฮ้อ...  มึงว่ากูควรหวังเอนท์เหรอวะ   แค่นี้ก็พอรู้ผลแล้วอ่ะนะ   อย่างกูคงไม่ต้องไปนั่งสอบให้เมื่อยหรอกว่ะ"

            " เอ๊า มึงนี่  อะไรวะทำไมคิดงั้น   ก็ลองๆก่อนดิวะ  เผื่อโชคดีคะแนนถึงอ่ะ  เลือกอันดับรองๆหน่อยก็ได้"  ผมพยายามโน้มน้าวมัน

            " โห  แล้วกูมีเวลาอีก 2 เทอมเนี่ยนะมึง   กูว่าพระเจ้ายังช่วยกูไม่ได้เลย   ไอ่อินเอ๊ย"  มันบ่น

            " เฮ้อ.... แม่งงง ...  เซ็งเลย    นี่ถ้ากูกะมึงมาคบกันได้ก่อนหน้านี้หน่อยก็คงดีอ่ะนะ   เสียดายฉิบหายเลย   กูน่าจะพอเปลี่ยนมึงได้เร็วกว่านี้อะ"   ผมนั่งลงอย่างท้อๆหมดใจเลยครับ    ทุกอย่างสำหรับมันสายไปแล้วจริงๆเหรอนี่

            " เออ    มึงไม่ต้องมาซีเรียสห่วงกูไปหรอกน่ะ   กูว่ากูยังพอมีทางเลือกว่ะ   เอนท์ไม่ได้ก็ใช่ว่าจะหมดอนาคตนิ"  มันบอกแล้วมานั่งลงข้างผมแล้วโอบไหล่ผม

            " หือ..  เหรอ   มึงมีทางเลือกอื่นเหรอวะ    อะไรอ่ะ"   ผมรีบถามมัน

            " หึๆ  ทางเลือกของกูอ่ะเหรอ   ก็ "เปลวเทียนให้แสง    รามคำแหงให้ทาง" ไง   ฮ่าๆๆ"   มันบอกแล้วหัวเราะ

            " สาดดด..  กูก็นึกว่าอะไร    ขืนมึงไปเรียนรามฯน่ะนะ   มึงได้เรียนจนแก่ครบ 8 ปีแน่    กูว่ามึงหาทางอื่นดีกว่ามั๊ย"   ผมห้ามมันทันทีเพราะขนาดว่าคนตั้งใจเรียนเค้ายังไม่ค่อยจะจบกันเลย   แล้วมันเป็นใคร

            " กูว่านะ  ก็คงไม่พ้นเรียนเอกชนดีกว่า  ไม่ต้องสอบเหมือนกันอ่ะ   ว่าแต่ว่ามึงอยากเรียนอะไรอ่ะ"  ผมสรุป  อยากรู้เหมือนกันว่ามันอยากจะเรียนคณะอะไร  เอกอะไร  จะกลายเป็นอาจารย์แนะแนวให้มันซะแล้วล่ะ ผมนี่

            " อืม  เรียนอะไรดีวะ   เออ  ไม่รู้ดิว่ะ"  

            " อ้าว  ก็ถ้างั้นมึงคิดว่าถ้าออกไปทำงานมึงอยากทำงานอะไรล่ะ"  มันทำท่าคิดอีก  

            " งานนะเหรอ   อืมๆ  ก็นั่นดิ  กูจะทำงานอะไรดีวะ"  มันตอบแล้วก็ยิ้มแหยๆ   ผมเลยโวยมัน

            " เฮ้อ....  มึงน๊าา....  มึงจะจบม.6แล้ว...   มึงจะเรียนต่ออะไร    มึงจะทำงานอะไรมึงยังไม่รู้เนี่ยนะ    นี่มึงเคยคิดวางแผนอนาคตอะไรกะเค้ามั่งมั๊ยวะเนี่ย  ไอ่เน"   เจอคำนี้มันไปผมรู้สึกระอากับมันเลยครับ  

            "  เออ     กูล้อเล่น   ฮ่าๆๆ ตอนนี้กูแค่อยากเรียนอะไรก็ได้ที่มันไม่ยากไป   เพราะกูยังไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษอ่ะ   แต่จะว่าไปกูเคยคิดนะเว้ย  อยากเรียนอังกฤษให้มันเก่งๆเลยว่ะ   ต่อไปกูอาจจะได้ไปทำงานช่วยพ่อแม่กูที่ร้านอาหารที่เมืองนอกโน่นน่ะ"    มันสรุปความคิดของมันให้ผมฟัง  ซึ่งผมว่าเป็นอะไรที่ดีและเหมาะมากๆสำหรับมันนะ

            " เฮ้ย..   เออ   ก็ดีอ่ะ   อย่างนี้ดีแล้ว  มึงก็จะได้มีงานรองรับเลย  ไม่ต้องไปหา   งั้นอย่างนี้มึงน่าจะเรียนพวกบริหารฯอะไรอย่างนี้นะ   จะได้เอาไปใช้กับธุรกิจของบ้านมึงได้เลยไง"   ผมลองเสนอความคิดให้มัน

            " ก็ลองดูกันไปแล้วกันนะ   ถ้ากูมีปัญญาเรียนก็โอเคอ่ะ   แต่ยังไงนะกูก็ตั้งใจแล้วว่ากูจะพยายามฟื้นฟูภาษาอังกฤษกูให้ดีให้ได้เลย"   มันบอกผมด้วยสายตาที่ดูมุ่งมั่นเต็มที่

            " เออ.. ดี    งั้นมึงก็เริ่มด้วยการไปติวกะกูที่นี่เลยละกันนะ   เห็นพวกนั้นที่มันไปติวมันบอกว่าที่นี่เค้าดีอ่ะ"   ผมบอกมันแล้วก็หยิบใบปลิวนั้นให้มันดูอีกครั้ง

            " อืมๆ  ก็ได้ว่ะ  ลองดูก็ได้   แต่มึงต้องไปกะกูนะ   โอเคมั๊ย"

            " เออ    ก็ยังงั้นอยู่แล้ว กูก็อยากติวอังกฤษเพิ่มอยู่อ่ะ"  ผมรับปากมัน

            " ดีๆ  อ้าว  แล้ว  มันแพงมั๊ยวะที่นี่อ่ะ"  มันว่าแล้วหันมามองหน้าผม

            " กูถามมึงจริงๆ    ตัวมึงมีตังค์ไปลงมั๊ยวะ  ไอ่อิน"  มันถามผมด้วยสีหน้าห่วงๆ

            " เออ  มึงไม่ต้องห่วงหรอก  กูยังมีเงินเก็บ  ช่วงนี้กูก็คงเอามาลงทุนติวเนี่ยแหละ"   ผมตอบมันไป  แต่ก็เห็นว่ามันฟังแล้วทำหน้าเหมือนจะสงสัยอะไรอยู่

            " อืม  จะว่าไปกูก็อยากรู้นะว่าจริงๆแล้วที่มึงอยู่ที่วัดเนี่ย     มึงได้เงินจากใครวะ   หรือว่ามึงยังมีญาติคนอื่นอีกนอกจากหลวงตาท่านอ่ะ"    มันเอ่ยถามผม

            " ก็มีดิ  กูเหลือแค่น้าชายกูคนเดียวอ่ะ   เพราะจริงๆแล้วหลวงตาท่านไม่ได้เป็นอะไรกะกูหรอก   กูขอให้น้ากูพามาอยู่ที่วัดนี้เองแหละ   ตอนนั้นกูก็สักสิบขวบได้อะ"   ผมเล่าถึงเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ที่วัดนี่ให้มันฟัง

            " อ้าว    แล้วทำไมมึงไม่อยู่กะน้ามึงล่ะ  แล้วมึงขอเค้าให้เอามาอยู่วัดเองเนี่ยนะ   ทำไมยังงั้นวะ"  มันถามผมทันที   แน่นอนครับ  ว่ามันคงต้องสงสัย  ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะมาอยู่ที่วัดเอง

            " ก็จริงอยู่กูจะอยู่กับน้ากูก็ได้   แต่กูรู้สึกไม่ดีอ่ะ   มันเหมือนกูเป็นคนอื่นสำหรับครอบครัวเค้าน่ะ    น้าสะใภ้กูเค้าก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกูนักหนาอยู่แล้ว   ถ้ากูยังอยู่ๆไปสักวันก็คงเกิดปัญหาแน่ๆว่ะ     เลยตัดสินใจออกมาเองดีกว่า"

            " แล้วมึงก็เลยมาอยู่ที่นี่    เฮ้อ...   มึงก็คงลำบากน่าดูเลยนะ   ที่ต้องอยู่อย่างไม่มีใครเลยยังงี้อ่ะ    แต่มึงนี่ก็เข้มแข็งดีจริงๆว่ะ   ไอ่อิน    เป็นกูนะ   กูคงทำใจไม่ได้อย่างมึงหรอก   แค่กูคิดว่าตัวกูจะไม่มีใครเลยแม้แต่พ่อแม่เหมือนอย่างมึง   กูก็คงทนไม่ไหวแล้วอ่ะ"   มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยผมมากจนรู้สึกได้
         
            " มึงคิดว่ากูเข้มแข็งอย่างนั้นเหรอวะ   มึงคิดผิดแล้ว  ไอ่เน     จริงๆกูก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย    เพียงแต่ไอ้วันเวลาเหล่านั้นน่ะ     กูเหมือนไม่มีหัวใจ   ไม่มีความรู้สึกไปแล้วมากกว่า    กูคิดถึงพ่อแม่กูตลอดเวลา  เฝ้าคิดซ้ำๆไปมาอยู่อย่างนั้นเองแล้วก็ร้องไห้อยู่คนเดียว    นานวันเข้ามันก็เหมือนชาชินไปน่ะ"  ผมเริ่มบอกความรู้สึกข้างในจริงๆของผมให้มันฟัง  

            " แต่พอวันนึงกูก็เลิกร้องไห้ไปเองเหมือนมันไม่มีน้ำตาแล้ว  มันเป็นของมันเองอ่ะ   แต่กูก็ยังคงคิดถึงพ่อแม่กูอยู่ดี   วันเวลาของกูมันเหมือนกับหยุดไปอยู่แค่นั้น     ไม่ได้นึกถึงวันข้างหน้าอีกว่าจะเป็นยังไง"   ผมเล่าไปเรื่อยๆ  มันก็นั่งฟังผมอย่างตั้งใจแล้วเอามือมันมาจับไหล่ผมเหมือนให้กำลังใจ

            " แต่ว่านะ  ที่กูทำไปกูก็เหมือนไม่รู้ตัวหรอกนะ   กูก็แค่เด็ก   อายุแค่นั้นจะไปคิดอะไรได้   แต่ที่คิดและรู้สึกอย่างนั้นไปมันก็แค่อาการนึงของคนสิ้นหวังจริงๆละมั๊ง     จนหลวงตาท่านเลยเตือนสติกูนะ     กูเลยคิดได้นั่นแหละ"  

            " แล้วท่านก็สอนกูทุกๆอย่าง     ตั้งแต่นั้นมานะ กูก็พยายามที่จะใช้ชีวิตให้มันมีค่า    คิดว่าสักวันเราต้องเอาดีให้ได้ด้วยตัวเราเองนี่แหละ    จริงอยู่กูอาจจะโชคร้ายมากนะ    ต้องเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่   ต้องมาเป็นเด็กวัด       แต่มึงรู้มั๊ยทุกวันนี้กูไม่เคยคิดเสียใจอีกเลยว่ะที่ชีวิตกูต้องเป็นแบบนี้"   ผมหันไปหามันแล้วก็สบตามัน  มันก็ยิ้มกับผมอย่างให้กำลังใจ    

            "เพราะกูกลับรู้สึกว่ากูโชคดีแล้วที่กูได้มาอยู่กับหลวงตาท่าน  ได้มีท่านคอยสั่งสอนอย่างนี้อ่ะ     ไม่งั้นวันนี้กูอาจจะมีชีวิตที่เป็นแค่เด็กแว๊นเลวๆเอาดีอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง   หมดอนาคตไปเลย"  ผมถอนใจยาวเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้
       
            " แต่อย่างนึงที่กูยังคงเสียใจอยู่นะก็คือว่า    กูไม่ได้มีพ่อแม่อยู่กับกูอีกแล้วน่ะ   กูเลยไม่สามารถตอบแทนอะไรท่านได้เลยจริงๆ   ก็นี่แหละที่กูเสียดายมากนะ...  "     เฮ้อ..   พอผมพูดจบก็ทนคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ไหวจริงๆเลยครับ     เลยต้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆ    ไอ้เนมันก็กอดแล้วลูบไหล่ผมเป็นการปลอบใจ    ผมเลยกอดมันแล้วซบหน้าที่ไหล่ของมัน

            " เฮ้อ ...  กูฟังแล้วกูก็สงสารมึงว่ะ  อิน   แต่กูว่ามึงก็คงไม่ได้ต้องการให้กูมาสงสารอะไรมึงหรอก  ใช่มั๊ยล่ะ    ในเมื่อตัวมึงเข้มแข็ง   เด็ดเดี่ยวมากพอแล้ว       ตอนนี้มึงคงแค่ต้องการคนที่เข้าใจมึงแค่นั้น      ดีแล้วว่ะ   กูนี่อ่ะ  จะเป็นคนที่เข้าใจมึงเองนะ   แล้วกูก็จะอยู่กะมึงข้างๆมึงเนี่ย     เหมือนกับที่มึงไม่เคยทิ้งกูไง"    ผมได้ฟังมันพูดแล้วก็ได้แต่ยิ้มให้มันแทนการขอบคุณ   แล้วมันก็ตบไหล่ผมเบาๆ  
         
             " วันนี้มึงได้ทำให้กูได้รู้และเข้าใจดีขึ้นอีกแล้วว่ะ   ว่ากว่าที่จะเป็นคนที่ดีๆได้แบบมึงเนี่ย   มันมีค่ามากจริงๆว่ะ   เห็นอย่างนี้แล้วกูก็ยิ่งอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นยิ่งไปกว่าเดิมอีกว่ะ   กูจะต้องทำให้ได้    อย่างน้อยก็สักเสี้ยวของมึงน่ะ"    มันกล่าวกับผม

              " อืม  มึงก็เกินไปอ่ะ   กูก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรขนาดนั้นหรอก   ทุกอย่างที่ดีๆที่กูมาบอกกับมึงมันก็เป็นสิ่งที่หลวงตาท่านสอนกูทั้งนั้น    ตอนนี้มึงคิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว      ต่อไปก็พยายามกันต่อไปอ่ะนะ   ถึงตอนนี้อาจจะดูว่าอะไรๆมันสายไปแล้ว   เรื่องผลการเรียนมึงน่ะ   แต่ก็เอาเหอะ   มาลองกันดูสักตั้งละกันวะ  โอเคมั๊ยอ่ะ"

            " เออ  โอเคเลยว่ะ    ต่อไปกูจะพยายามทำให้ได้เว้ย"     มันบอกแล้วก็ยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆ     ตอนนี้มันก็คงเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้นอีกเยอะ      

            จะว่าไปแล้วผมก็รู้ครับว่าการที่มันจะเปลี่ยนตัวมันเองอย่างที่ได้พูดกันไปนี้ถ้าจะทำกันจริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย    

            แต่ก็คิดครับว่าถ้ามันตั้งใจทำจริงๆแล้วละก็   คงไม่เกินความสามารถมันไปได้หรอกครับ    

            และแน่นอนตัวผมเองก็จะคอยอยู่ช่วยมันไปอย่างนี้แหละครับ

                            ***************************

     
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: iChoCoHoLiC ที่ 28-09-2010 01:43:28
เรื่องนี้จะมีประมาณว่า "เมื่อเพื่อนรัก กลายเป็นว่ารักเพื่อน" รึป่าวครับ อิอิ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 28-09-2010 19:54:50
มา ต่อ แล้ว

ตอน นี้ ยาว ดี

ขอบ คุณ ค้าบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: GuanTeen ที่ 28-09-2010 22:22:41
ตอนนี้ยาวสะใจจริงๆ

อ่านไปก็เศร้าไป ชีวิตคุณอินรันทดจริงๆ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 29-09-2010 08:54:43
ตอนแรกกำลังจะถามเลยว่า ทำไมอินมันมีตังเรียน ทั้งๆที่อยู่วัด ผมรู้นะว่าพี่รู้ว่าผมจะถาม พี่เลยดักทางผมไว้ก่อนในประโยคล่างๆ 55555

อยากฝากน้องเนครับ ว่าเวลาเตรียมเอนท์ 2 เทอมนี่ถมเถไปครับ ขยันๆก็ได้แล้ว จริงๆไม่ถึงขั้นต้องติวก็ได้ครับ
ผมเห็นเด็กเก่งจริงๆ หลายคนก็ไม่ได้ไปเรียนพิเศษก็ยังสอบหมอติดเลย อันนี้เรื่องจริงจากน้องบางคนที่ผมทราบครับ

ดังนั้นน้องเนต้องพยายามเข้านะครับ น้องอินด้วยเหมือนกัน อย่าให้ต้องเรียน ม.เอกชนเลย ค่าเทอมแพงครับ


แปะชื่อ รอตอนต่อไป  :m1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: Nou_Wongs ที่ 30-09-2010 00:39:24
สนุกดีครับ มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดชรา ที่ 02-10-2010 10:08:35

  เข้ามาอ่านแล้วนะครับ น๊อต   เป็นกำลังใจให้  อยากอธิบายเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ในวัดว่ามีรายได้มาจากไหน ในฐานะที่มีประสบการณ์เป็นเด็กวัดมา 6 ปี
 
  1. รายได้จากการทำธุระให้พระที่วัดครับ  ศาสนาพุทธในประเทศไทยเป็น ฝ่ายเถรวาท ซึ่งแบ่งออกเป็นอีก 2 สายคือ สายธรรมยุติ กับ มหานิกาย  ซึ่งพระในประเทศไทยส่วยใหญ่
     เป็น มหานิกาย ฉนั้นเมื่อพระถูกนิมนต์ไปตามงานพิธีต่างๆจะได้รับปัจจัยถวายกลับมา  ซึ่งพระแต่ละรุปก็จะนำส่วนหนึ่งแบ่งให้กับวัดที่จำพรรษา และเก็บไว้กับตัวท่าน
     เพื่อใช้สอยในกิจต่างๆ และให้แ่ก่เด็กวัดที่ปรนนิบัติ และท่านมีเมตตาให้
  2. หน้าที่หลักของเด็กวัดคือ เดินตามพระที่ออกบินทบาตรเพื่อถือของที่ญาติโยมถวาย ประเคนของให้พระ ทำความสะอาดภาชนะ วัด ต่อจากนั้นก็ว่าง ถ้าอยู่วัดนานๆ
     จนญาติโยมระแวกนั้นรู้จักจำได้  ก็จะมีการไหว้วานให้ทำงานธุระที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อวัด หรืออืื่นๆ ก็จะได้รับค่าจ้างอีกครับ  ซึ่งถ้าเป็นคนรู้จักเก็บเงิน ก็พอจะมีเงินใช้จ่าย
     และเก็บบ้าง  ผมเอง 6 ปีนี่ยังพอมีเงินที่ใช้ในการเรียนมหาวิทยาลัยเทอมแรกเลยครับ หลังจากนั้นก็ต้องทำงาน Pastime เพื่อหาเงินเรียนต่อ แต่สำหรับเด็กวันนี่เป็นเรื่องปกติ
     ไม่ใช่เรื่องลำบากครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 03-10-2010 11:56:57
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับพี่หนุ่ม พอดีไม่ค่อยได้คลุกคลีเรื่องแบบนี้ก็เลยเซนต์กับผมพอควรน่ะคับ

พี่น๊อต ถ้ายังไม่ว่างมาต่อก็ไม่เป็นไรนะคับ สู้ๆ เอาเรื่องงานกับเรื่องพี่ไว้ก่อนนะคับ ผมเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: TaiLz of Skyz~ ที่ 03-10-2010 21:28:04
ตอนใหม่อ่านเพลินเลย

อินนี่คนดีเหลือเกิน ไหนจะเข้มแข็งอีก สุดยอดมาก  o13
รอติดตามตอนต่อไปครับ
แต่เห็นว่าช่วงนี้ไม่ค่อยสบาย พักดูแลตัวเองผ่อนคลายๆให้หายก่อนนะครับ~

ขอบคุณความรู้ที่ไม่เคยรู้ครับ พี่หนุ่ม
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 03-10-2010 23:50:07
ต้องขอบพระคุณพี่หนุ่มมากเลยนะครับ   ที่ช่วยแนะนำเรื่องเกี่ยวกับเด็กวัดให้   ตามในเนื้อเรื่องที่ผมเขียนนั้นผมเองก็จะระบุว่าการที่อินเป็นเด็กวัดนั้น  ก็จะมีกิจกรรมต่างๆตามที่พี่หนุ่มแนะนำมาเลยครับ   เพียงแต่วัดที่อินอยู่นี้จะเป็๋นวัดที่ค่อนข้างมีเด็กวัดอยู่เยอะ    เลยได้แบ่งเวรมาผลัดกันรับใช้พระสงฆ์แต่ละรูปน่ะครับ

   อย่างของอินนี่ก็คือมีหน้าที่รับใช้หลวงตาท่านเป็นประจำโดยจะสลับกับเด็กอีกประมาณ 2 คน  ก็เลยมีวันว่างอยู่นั่นเองครับ   เลยมีเวลาไปไหนมาไหนได้มากหน่อย   ก็จะใช้เวลานั้นไปหาจ๊อบงานพิเศษต่างๆทำ   ก็โชคดีครับที่วัดนี้เค้ามีเด็กวัดอยู่เยอะนั่นเอง   และความที่วัดมีบริเวณกว้างขวางมากๆกุฏิก็สามารถสร้างได้ใหญ่หน่อยเลยมีห้องที่อยู่้ได้สบายๆห้องละ2-3คน น่ะครับ  ไม่แออัด  เลยเป็นสาเหตุที่อินจะมีชีวิตที่อิสระหน่อย  ไม่เหมือนเด็กวัดจากบางวัดที่ต้องเฝ้ารับใช้พระสงฆ์กันตัวต่อตัวเลยไปไหนไม่ได้น่ะครับ  o13

   หลังๆมานี้เริ่มเขียนๆแก้ๆเยอะ  มีความรู้สึกว่ามันไม่ลงตัวซะที   ก็เลยต้องใช้เวลาเยอะครับ   ยังไงก็จะค่อยๆลงให้อ่านกันแหละครับ   แต่อดใจรออีกสักหน่อยนะครับ   ขอบคุณมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 07-10-2010 20:16:37
ตอนที่ 6 มาแล้วครับ   ตอนนี้ผมขอแบ่งเป็น 2 ช่วง  ตอนที่จะได้อ่านข้างล่างต่อไปนี้ให้เป็นตอนที่ 6.1 แล้วกัน  ขออภัยนะครับ  ที่ให้รอ  ติดตามต่อกันเลยครับผม
                                        
                                              **********************                                              
 ตอนที่6              (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)
                                                
                                                                                                                                              ********************

            ช่วงเวลาสอบของเทอมแรกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว       หลังจากที่ผมก็พยายามบอกจะให้มันไปติวตามที่ต่างๆหลายที่     แต่ตัวผมเองก็ไปกับมันได้แค่บางที่น่ะครับ   

            ก็เพราะผมจะเอาตังค์ที่ไหนมาเยอะแยะละครับ    แต่มันก็รบเร้าให้ผมไปกะมันตลอด     บอกว่าจะออกตังค์ให้ก่อนก็ได้     แต่ผมก็เกรงใจมันตามเคยอ่ะครับ      มันก็เลยทำเหมือนงอนๆว่าผมทิ้งมัน   ไอ่เวนน...     ผมก็เลยแก้ปัญหาด้วยการไปรับมันตอนที่มันเลิกจากติวแล้วแทน    นี่ไงกูไม่ได้ทิ้งมึงซะหน่อย

            " นี่กูว่าสงสัยกูจะตามใจมึงมากไปแล้วมั๊งนี่   สาดดด..ดด    กะอีแค่มาติวก็ต้องให้กูมารับมาส่งมึงเหมือนเด็กอนุบาลเนี่ย"  ผมว่ามันขณะที่มารอมันอยู่หน้ารร.กวดวิชา

            " เอ๊า  ก็มึงจะได้มาเดินแถวนี้เป็นเพื่อนกูด้วยไง   กูเครียดอ่ะ  ติวภาษาไทยเมื่อกี๊แม่ง  งงว่ะ"  มันบอกผม

            " อืมๆ  งั้นเดี๋ยวค่อยมาช่วยๆกันดูอีกทีแล้วกัน   ว่ามึงไม่เข้าใจตรงไหนมั่งนะ"

            " เออ  โอเคเลย  ไปเหอะ  แดกข้าวก่อนกูหิวว่ะ"    แล้วมันก็พาผมไปนั่งกินข้าวกะมันในร้านแถวนั้น   

            " แล้วแม่มึงว่าไง  เรื่องมึงมาติวเนี่ย"   ผมเอ่ยถามมัน

            " เอ้อ     ใช่กูลืมบอกมึงไป   แม่กูนะ  ฮ่าๆ  พอกูโทรไปบอกเค้าเรื่องนี้   แม่กูอ่ะ  แทบกรี๊ด  เค้าคงไม่เชื่อหูตัวเองว่ะ    แล้วเค้าก็มาคาดคั้นกูว่านี่มันยังไง  จะเอาตังค์ไปทำอะไรแน่ทำไมถึงจะมาอ้างว่าจะเอาไปติว" 

              " กูก็บอกเค้าว่ากูเอาไปสมัครติวจริงๆ    ไม่งั้นเดี๋ยวส่งใบเสร็จไปให้ดูก็ได้     เค้าก็ยังว่า  ตายแล้วลูกชั้นไปกินอะไรผิดหรือผีที่ไหนมาสิงเนี่ย   อยู่ๆก็จะขยันมาเรียนกวดวิชา   ร้อยวันพันปีไม่เคยจะคิด  กูล่ะโคตรขำเลย"   มันเล่าไปขำไป  ผมก็พลอยหัวเราะไปด้วย

            " อืม   งั้นตกลงแม่มึงก็ดีใจมากเลยอ่ะดิ" 

            " เออดิ   เค้าว่าเดี๋ยวชั้นต้องแก้บนเจ็ดวัดเจ็ดวา   แล้วก็มาปิดซอยฉลองที่นี่อ่ะ" 

            " โห  แม่มึงนี่  ขนาดนั้นเลย   สงสัยเค้าคงดีใจจริงๆว่ะนั่น"    ผมบอกมันแล้วก็ยิ้มเพราะก็รู้สึกดีใจไปด้วยครับ   เลยคิดไปว่าอีกหน่อยถ้ามันเกรดดีขึ้นมากกว่านี้    สงสัยเค้าคงได้เลี้ยงกันเจ็ดวันเจ็ดคืนแน่ๆ

            " อืม  กูก็บอกเค้าไปนะ   ว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือมึงที่ช่วยให้กูกลับตัวไง   เค้าเลยบอกว่า   อยากเจอมึงว่ะ   ว่ามึงไปทำยังไงวะ    ตัวเค้าเองปากเปียกปากแฉะกะกูมาเท่าไหร่   กูก็ยังเหมือนเดิม    เค้าเลยสงสัยว่ามึงทำได้ไง"   

            " อ่ะนะ    แม่มึงถึงกะอยากเจอกูเลยเหรอวะ  ฮะๆๆ   เออ   กูก็อยากเจอเค้าว่ะ   ดีเลยถ้าเค้ากลับมานะ   กูจะได้มาไหว้เค้าด้วยเลย"   ผมบอกด้วยความดีใจที่จะได้เจอแม่มัน   ตอนนั้นผมก็คิดเอาเองว่า   แม่มันคงจะเป็นคนใจดี  น่ารัก  เลยอยากเจอท่านจริงๆครับ

            " เออ   ก็ปิดเทอมนี้อ่ะ   เค้าต้องบินกลับมานี่พอดีหลังจากเราสอบเสร็จแล้วอ่ะ" 

            " เอ้อ    ใช่แล้ว  งั้นก็พอดีเลยล่ะ  ตอนนี้ใกล้สอบแล้วมึงก็ตั้งใจให้ดีๆ    เกรดมึงก็จะได้ออกมาดีๆอวดแม่มึงไปเลย  ดีมั๊ยล่ะ"

            " อืม  จริงด้วยว่ะ  เจ๋งเลย  งั้นกูจะต้องพยายามทำให้ได้เลยเว้ย  มึงคอยดูนะ"  มันบอกผมอย่างตื่นเต้น

            " เออๆ  ดีแล้ว  แต่มึงก็ไม่ต้องไปโหมอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำล่ะ  ยิ่งบ้าๆพลังอยู่ด้วยมึงน่ะ"  ผมปรามมันไปหน่อยๆ  กลัวเดี๋ยวมันเกิดขยันเกิน  อ่านหนังสือไม่หลับไม่นอนขึ้นมาจริงๆคงจะแย่ครับ

                                          -

                                          -

            แล้ววันสอบของเทอมแรกก็มาถึง    ก่อนหน้านี้ผมได้ติวอยู่กับมันมาตลอดเลยมั่นใจพอควรว่ามันคงจะทำสอบได้ดีขึ้นแน่ๆ   แต่ก็นั่นแหละครับก็ยังอดห่วงมันไม่ได้อยู่ดี    พอสอบเสร็จออกมาจากห้องสอบผมก็เลยรีบถามมัน

            " เฮ้ย  มึงเป็นไง  ทำได้มั๊ย" 

            " อืม    ก็พอได้ว่ะ   ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้กูว่ากูคงทำไม่ได้เลย    แล้วที่เราอ่านๆกันไว้มันก็ออกเยอะว่ะ   กูก็เลยพอทำได้"

            " เอ้อ  ค่อยยังชั่วอ่ะ   กูก็ลุ้นแทบแย่เลย   หันไปมองมึงตลอดเลยตอนนั่งสอบ   เออ  โล่งใจละ ไปเหอะกลับบ้านเว้ย"

            ผมเลยชวนมันกลับบ้านกันก่อน   เคร่งกะการสอบกันมาก    อยากกลับไปนั่งพักที่บ้านแสนสบายของมันให้หายเหนื่อยน่ะครับ    พอหลังจากวันนั้นรร.เราก็ปิดเทอม    เวลาก็ได้ผ่านไปถึงวันประกาศผลสอบแล้ว     ตัวผมเองก็ยังคงลุ้นผลสอบของมันยิ่งกว่าของตัวเองซะอีก

                                          -

                                          -

            " นี่มึงจะตื่นเต้นมากไปมั๊ยวะ     แค่ไปดูประกาศผลแค่นี้"    ผมถามมันขณะที่เดินไปรับสมุดพกกับอาจารย์พร้อมกับมัน    เพราะมันทำท่าตื่นเต้นเหมือนจะไปขึ้นเวที AFเลยครับ     และทันทีที่มันได้เปิดดูผลสอบของมันเท่านั้นแหละ

            " เย้ๆๆ    วู้ว....ว"   มันกระโดดตัวลอยเลยครับ

            " เกรดกูเว้ย   แม่ง โคตรเจ๋งเลย  มึงดูๆ  ดีขึ้นหมด   ไม่มีซ่อมเลยด้วยเว้ย    ฮ่าๆๆ  วู้...ว"  มันหันมาบอกผม  ผมเลยลองมองดูก็เห็นว่าเกรดมันดีขึ้นในทุกวิชาเลยครับ   ไม่ติดร.  ไม่ต้องซ่อม   เห็นยังงี้แล้วดีใจมากเลยครับ

            " เออๆ  ดีว่ะๆ  กูดีใจด้วย  แต่กูว่านะ  มึงเลิกโดด  เลิกแหกปากได้แล้วอ่ะ    มันเว่อร์ไปแล้วมึง"   ผมห้ามมัน  เพราะใครๆก็หันมามองมัน   ไอ่เวรร..  มึงนี่มันเว่อร์จริงๆนะ

            " อ้าวๆ  นี่ นายเนติรักษ์   เธอมากระโดดโลดเต้น  โวยวายอะไรอยู่ตรงนี้  ห๊า"  เสียงดุๆดังขึ้นมาจากด้านหลังเรา   อาจารย์อุษาที่เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองน่ะเองครับ   เค้าคงเห็นมันแหกปากโวยวายเลยออกมาดุมัน

            " อาจารย์คร้าบ  ผมดีใจครับ   เกรดผมดีขึ้นหมดเลยครับ  ไม่มีซ่อมเลยด้วย"   มันรีบเอาผลสอบไปอวดอาจารย์อุษาทันที   พออาจารย์หยิบไปดู   แกก็ถึงกับอุทานออกมาเลยครับ

            " อ๊ะ  ตายล่ะ  นี่ชั้นตาฝาดไปรึเปล่านี่   เห็นมั๊ยทำให้ดีๆกับเค้าก็ทำได้น่ะ"     อาจารย์ยิ้มที่เห็นผลสอบของมันดีขึ้น   แกคงไม่นึกหรอกครับ   ว่าเด็กแสบๆผลการเรียนห่วยๆที่แกมักจะต้องจับมานั่งอบรมที่ห้องปกครองบ่อยๆ  จะกลับมาเกรดดีขึ้นได้อย่างนี้

            " ครับผม  ผมทำได้ละครับ  ที่ทำได้นี่ก็เพราะ  นี่เลยครับ  เพื่อนผมครับ  เพื่อนผม"   มันบอกแล้วรีบมาลากผมไปโอบไหล่   ทำท่าทางภูมิใจเสนอผมซะเต็มที่

            " อ้าว เหรอ  แล้วนี่เธอไปทำยังไงมาน่ะ    เจ้าเพื่อนตัวดีของเธอมันถึงเปลี่ยนไปซะขนาดนี้ได้น่ะ"   อาจารย์ถามผมอย่างสงสัย

            " อืม  มันก็ไม่มีอะไรมากอ่ะครับ   แค่ช่วยๆกันติวไปครับ  ไอ้นี่น่ะ  มันเว่อร์ไปเอง   อาจารย์อย่าไปฟังมันมากครับ  มันบ้า"   ผมแกล้งว่ามันให้อาจารย์ฟัง     เพราะก็รู้สึกเขินๆที่มันมายกยอผมซะเกินเหตุไป

            " เอ้อ   ก็ดีแล้วล่ะ  เพื่อนกันก็ช่วยกันอย่างนี้ก็ดีแล้ว   ทีนี้ชั้นจะได้เบาใจไปซะที   แล้วเธอก็ดีให้ตลอดล่ะ  เจ้าเนติรักษ์  อย่ามาดีแตกทีหลังล่ะ   ไม่งั้นละก็...."   อาจารย์อุษาพูดชมมันแต่ก็ยังมีแอบขู่ตอนท้ายอ่ะ

            " อ่ะ คร้าบบ.. ผม    อาจารย์ไม่ต้องกลัวครับ    รับรองผมไม่กลับไปทำตัวเหมือนเดิมแน่นอนครับ   ไม่ต้องห่วงแล้วครับผ๊ม"    มันว่าแล้วก็ตบเท้าชิดกัน  ตะเบ๊ะให้อาจารย์ยังกะทหารซะงั้น   ทะลึ่งจริงๆ  ไอ่นี่

            " หึ  ทะเล้นจริงนะ   เออ  ชั้นก็จะคอยดูแล้วกัน"    อาจารย์อุษาพูดพร้อมกับขำกับมุขของมันแล้วก็เดินกลับห้องไป          ผมก็เลยรีบลากมันออกมาจากรร.ก่อนที่มันจะไปเที่ยวอวดเกรดกับใครอีก     บ้าเห่อจริงๆอ่ะ

            " รู้สึกจะคึกจังเลยนะมึงวันนี้อ่ะ"   ผมบอกมันขณะที่เดินกลับไปที่บ้านมัน   เพราะมันคึกจริงๆครับ   ยิ้มหน้าบานไม่มีหุบเลย

            " อ่ะ   อยู่แล้ว  วันนี้มันต้องฉลองเว้ย"   

            " แล้วจะแดกกันแต่วันยังงี้เลยเรอะไง   เพิ่งจะบ่ายเอง"  ผมเลยเบรคมันเพราะเห็นว่าเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง

            " เออ ว่ะ  เอาไงดีวะ     งั้นไปเดินเล่นสยามกันดีกว่าเว้ย   ไปๆๆ"    มันเอ่ยชวนผมไปเดินเล่นกะมัน     ผมเห็นมันอารมณ์ดีซะขนาดนี้ก็เลยไม่อยากไปขัดใจมัน

            " เออๆ  ก็ได้กูก็อยากไปพักผ่อนมั่งเว้ย   ตั้งแต่ช่วงสอบยังไม่มีได้กระดิกไปไหนกันเลย"   

            " ดีๆ    งั้นเดี๋ยวไปแล้วหาอะไรกินฉลองก่อนเว้ย   แล้วเราค่อยกลับมาฉลองที่บ้านกูอีกทีตอนเย็นดีป่ะ   ป๋าเลี้ยงเองเว้ยย....ย"   มันว่าแล้วก็โชว์ป๋าทันที       

            " อะครับผม  แล้วแต่ป๋าเลยครับ"    ผมตามใจมัน    ก็วันนี้เป็นวันของมันนี่เนอะ ตามใจป๋าเค้าหน่อยแล้วกัน    แล้วผมกับมันก็นั่งรถไปสยามกัน     พอไปถึงมันก็เดินนำผมไปแถวซอยใกล้ลิโด    ผมเลยสงสัยว่าท่าทางมันคงคิดจะมาส่องหญิงแหงๆ    วันนั้นก็มีเด็กนร.หญิง  และสาวๆมาเดินเยอะเลยครับอย่างนี้ก็เข้าทางมึงเลยละสิ  ไอ่เน

            " เฮ้ยๆ   ตกลงนี่มึงมาดูหญิงไม่ได้มาดูของใช่มั๊ยเนี่ย"    ผมแกล้งสะกิดแซวมัน

            " อ่ะ  ไอ้นี่   ผู้ชายมาเดินสยาม   ใครเค้ามาดูของกันวะ  นี่เว้ยเค้าก็มาดูหญิงกันทั้งนั้นอ่ะ    เฮ้ยๆ มึงดูคนนั้นเด่ะ   เจ๋งว่ะ  แหล่มเลยมึง   เห็นมั๊ยๆ"   มันชี้ให้ผมมองตามไปที่นร.หญิงน่ารักคนนึงที่ยืนหน้าร้านหนังสือ

            " เออ  ว่ะ  น่ารัก  เฮ้ย  เค้ามาคนเดียวป่าววะ" 

            " เฮ้ย   อินมึงเข้าไปขอเบอร์มาทีดิวะ   กูให้มึงเปิดก่อนเลย   เดี๋ยวกูตาม"   

            " อ๊าว  เชี่ยนี่   มึงก็เข้าไปเองดิวะ  สาดด....ด   เห็นปากดีกูก็นึกว่าจะแน่   ที่แท้ก็ป๊อดนี่หว่า  มึง"  ผมเลยแกล้งด่ามันไป

            " สาดนี่  ดูถูกกูเหรอ มึง   โอเคเลย   โอเค  มึงดูกู  มึงดูกู....  "    มันว่าแล้วก็เดินตรงไปหาเค้าทันทีครับ  ผมก็เลยตามมันไปอยู่ใกล้ๆเพื่อสังเกตการณ์

            " เอ่อ  ขอโทษนะครับ  คือ...  ชื่ออะไรเหรอครับ  ผม เน นะครับ"  มันเปิดฉากรุกเค้าในทันทีที่เข้าไปถึงตัว   นร.หญิงคนนั้นเค้าก็ตะลึงไปเล็กน้อยแล้วก็หัวเราะท่าทางเขินๆของไอ่เน 

            " ค่ะ ชื่อ ดา ค่ะ"    เค้าบอกแล้วก็ยิ้มให้มัน  ดูยังกับมีใจเลยนะครับ  หรืออาจจะหลงเสน่ห์มันเข้าให้รึป่าวนะ 

            " อืม   แล้วจะรังเกียจมั๊ยครับผม   ถ้าจะ.....  เอ่อ... ขอแลกเบอร์กันน่ะครับ"  มันรีบรุกต่อทันทีเลย  ร้ายนี่หว่ามึง

            " เอ่อ  ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกค่ะ  แต่ว่ามากับแฟนน่ะค่ะ"   เธอว่าแล้วก็หันไปทางผู้ชายคนนึงที่ยืนเลือกเสื้ออยู่ที่ร้านข้างๆ   ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมได้ยินเสียง "เพล้ง"  ดังๆเลย     ใช่ครับเสียงหน้าไอ่เนน่ะเอง  แล้วมันก็เลยเดินคอตกกลับมา   ผมเลยยืนขำจนไม่รู้จะขำยังไง

            " ไงวะมึง  เป็นไรมากป่าวอะ  ฮะๆๆ"   ผมเห็นหน้าจ๋อยๆของมันแล้วก็ยิ่งขำครับ 

            " สาดด..ด   ขำ...  ขำใหญ่    เพื่อนพลาดล่ะทับถมเชียว"  มันก็มองหน้าแล้วว่าประชดผม
         
            " โอ๋ๆๆ   เอาน่ะๆ กูไม่ล้อมึงละ  ฮ่าๆๆ"   ผมแกล้งโอ๋มัน 

            " เฮ้อ   แม่ง  ซวยชิบหายเลย   เสียดายว่ะ"  มันยังคงบ่นอย่างเซ็งๆ

            " เอาน่า   แถวนี้ยังมีอีกเยอะเว้ย     อย่าเพิ่งเซ็งดิวะมึง"    ผมว่าแล้วก็ชวนมันเดินผ่านไปทางเซ็นเตอร์พอยต์   วันนี้บริเวณนั้นเค้าก็มีจัด Event อะไรสักอย่างอยู่เลยยิ่งมีคนเยอะ   แต่อยู่ๆก็มีเสียงคนเรียกเราจากข้างหลังครับ   ผมเลยหันไปดู

            " น้องคะๆ   เดี๋ยวค่ะ   พี่ขอเวลาแป๊บนึงได้มั๊ยคะ"  พี่ผู้หญิงคนที่เรียกพวกเรารีบเดินตามพวกผมมาครับ    พวกเราเลยหันไปทันที

            " คือ  พี่มาจากโมเดลลิ่งจ้ะ    พอดีพี่สนใจน้องทั้งสองคนเลยน่ะ   แล้วน้องสนใจอยากทำงานพวกถ่ายแบบ   ถ่ายโฆษณามั๊ยจ๊ะ"  ผมกับมันหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ     แต่พอเริ่มได้สติกัน ไอ้เนมันก็รีบบอกเค้าทันทีว่า

            "  เอ้อ   เหรอครับพี่   สนใจครับ  สนใจมากๆเลยอะครับ"   มันรีบบอกพี่เค้าอย่างตื่นเต้น    ในขณะที่ผมเองกลับยังรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเค้าจะมายังไงกันแน่     คนเราเดี๋ยวนี้บางทีก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจอะครับ   

            " จ้ะ  ดีเลย  งั้นนี่เป็นนามบัตรพี่นะคะ   ชื่อพี่ออยจ้า   ถ้าสนใจก็ติดต่อไปตามนี้เลยจ้ะ   จะได้ลองมาเทสต์งานกันก่อนนะ"    พอพูดจบพี่เค้าก็เดินไปเลย    ดูไอ้เนมันทำท่าทางตื่นเต้นมาก 

            " เฮ้ย  เจ๋งเลยเว้ย  เห็นมั๊ยวะมึง   เราจะเกิดกันแล้วเว้ย   ฮ่าๆๆ วู้..    เป็นไงอ่ะ  ความหล่อกูไปเตะตาโมเดลลิ่งเข้าให้"  มันบอกผมอย่างตื่นเต้นแล้วทำแอ๊คท่าอย่างน่าหมั่นไส้ 

            " อ่านะ  มึง  ทำมาคุย  ที่จริงมันเพราะรัศมีความหล่อกูมันเปล่งไปช่วยส่งเสริมมึงหรอกน่ะ  ไม่รู้เรอะไง"    ผมเลยคุยทับมันไปด้วยความหมั่นไส้     

            " เอ๊า   เชี่ยนี่   แหม  ไม่ค่อยเลยนะมึง  ไอ้อิน  หลงตัวเองกว่ากูอีกเหรอ  สาดด...ด"   มันบอกแล้วหัวเราะผม

            " เออๆ...  โอเคถ้าเป็นมึงอ่ะ   กูยอม   งั้นก็หล่อด้วยกันเว้ย  ฮ่าๆๆ     วันนี้มีความสุขจังเว้ยย....ย    มีแต่อะไรดีๆเข้ามาหาทั้งวัน   ไปเว้ย   หาไรกินฉลองก่อนเลย"    ท่าทางตอนนี้ดูมันดีใจและมีความสุขจนล้นเลย     ก็จริงครับวันนี้เป็นวันดีของมันจริงๆนั่นแหละ     ผมเห็นแล้วก็สบายใจไปด้วย
         
            หลังจากนั้นมันก็พาผมเดินไปกินข้าวกันในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนึงแถวนั้น      เราเลยนั่งคุยกันถึงเรื่องโมเดลลิ่งที่มาทาบทามเราเมื่อกี๊

            " เฮ้ย  ไว้เดี๋ยวเราติดต่อเค้าเข้าไปเทสต์หน้ากล้องกันเลยนะเว้ย   ช่วงนี้ปิดเทอมพอดี  เหมาะมากเลยมึง"  มันยังคงตื่นเต้นกับโอกาสที่ได้รับ

            " อืม  มันก็ได้แหละ   แต่ว่านะก็คงต้องดูให้มันดีๆหน่อยนะเว้ย   ไม่แน่อาจจะโดนหลอกได้อ่ะ  ต้องระวังด้วยว่ะ"   ผมเตือนมันเพราะรู้ดีกว่าวงการนี้มันก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้หมด    แม้ว่าที่ดีๆก็เยอะ   แต่ไอ้ที่เลวร้ายมันก็มากอยู่   เค้าโดนกันไปไม่รู้กี่รายแล้ว

            " เออ   มันก็จริงของมึง   กูก็เลยอยากให้มึงไปเป็นเพื่อนกูตลอดเลยน่ะนะ   แล้วถ้าเป็นงานมึงกูก็จะไปเป็นเพื่อนมึงเหมือนกัน    จะได้คอยช่วยกันดูได้    ดีมั๊ยอ่ะ"    มันเสนอแผนงานของมันให้ผมฟัง

            " อืม   ก็ดีว่ะ   เอาตามนั้นแหละ   กูก็อยากหาจ๊อบเพิ่มอยู่แล้ว   เผื่อจะได้เก็บตังค์ได้อีกเยอะหน่อย" 

            " อ่ะ เหรอ  เออๆ  แต่เมื่อกี๊มึงว่าหาจ๊อบเพิ่มเหรอ   อ้าว แล้วทุกทีมึงมีจ๊อบอะไรวะที่มึงทำอยู่น่ะ"   มันถามผมเรื่องจ๊อบที่ผมทำอย่างสนใจ

            " เออ  กูก็มีจ๊อบกูนิดหน่อยอ่ะ   แต่ไว้กูจะบอกมึงอีกที   ขออุบไว้ก่อนนะเว้ย   จะได้เซอร์ไพร์สอ่ะ"   ผมบอกมันแล้วยิ้มๆอย่างเป็นปริศนาให้มันเดาไป

            " เอ๊า  ไอ่นี่   เดี๋ยวนี้มาทำเป็นมีความลับ   มาเลยบอกกูมาซะดีๆ"   มันยังคงมาคาดคั้นผม

            " อ้าว  เชี่ยนี่ก็บอกแล้วว่าเซอร์ไพร์ส   รู้กันก่อนมันจะเรียกเซอร์ไพร์สมั๊ยวะ สาดด...ด" 

            " เออ... อ   กูไม่รู้ก็ได้   สาดด...ด   มาทำให้กูอยากแล้วจากไปอ่ะ    ว่าแต่ว่าเรื่องเทสต์งานนี่นะ   กูว่าถ้าเราโชคดีๆนะเว้ย   เกิดดังขึ้นมา    มึงก็สบายเลยนะ   รับงานรับเงินกันสนุกเลยทีนี้"    มันบอกผม   

            ตอนนี้ผมก็เลยรู้สึกมีความหวังไปกับมันด้วย    ถ้าเราเกิดดังขึ้นมาจริงๆมันก็คงมีงานเข้ามามากมายเลย   ก็จะเก็บเงินได้สมใจละครับทีนี้

            " ก็จริงว่ะ   แต่ก็นะ วงการนี้มันก็ยากว่ะ  แข่งขันสูงจะตาย  แล้วยังมีเรื่องนั้นเรื่องนี้มากมาย  เหนื่อยแน่ๆ  จะไหวกันเหรอวะ"   

            " อ้าว  แต่ว่านะ   ยังไงค่าตอบแทนมันก็คุ้มนะเว้ยกับที่จะต้องเหนื่อยน่ะ   แล้วกูก็ไม่ได้บอกว่ามึงจะต้องอยู่ในวงการไปทั้งชีวิตนี่หว่า    ก็อย่าเพิ่งคิดมากกลัวไปก่อนดิวะ    มึงอ่ะยังงี้ทุกที"   มันบ่นผมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ที่ผมคิดมากคิดไกลไปก่อนอีกแล้ว

            " อืม  กูก็ยอมรับอ่ะ   ว่ากูก็ชอบคิดตีตนไปก่อนไข้ทุกทีเลย     แต่ก็ไม่รู้ดิวะ   กูมันก็เป็นของกูอย่างนี้อ่ะ  ก็ไม่รู้จะแก้นิสัยยังไงนะ   ก็ขอโทษทีนะเว้ย     ถ้าทำให้มึงไม่สบายใจหรืออึดอัดไปกะกูด้วยน่ะ"  ผมบอกมันไป

            ก็รู้สึกผิดนิดนึงครับ  ที่ทำให้มันเสียอารมณ์ไปทั้งๆที่วันนี้ก็เป็นวันดีของมันนะ    แต่พอมันเห็นว่าผมสีหน้าหม่นหมองลงไปเลย  ก็เลยเอื้อมมาจับมือผมไว้

            " เฮ้ยๆ    เดี๋ยวดิกูก็ไม่ได้จะว่าอะไรมึงหรอกนะ  ไม่ต้องมาขอโทษกูหรอก   แต่เรื่องที่มึงชอบคิดอย่างนี้จริงๆแล้วกูห่วงมึงว่ะ  ไอ่อิน"  มันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
 
            " กูเคยบอกมึงนะว่า  มึงน่ะดีมากเป็นผู้ใหญ่เกินตัว   รู้จักคิดว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ    แต่ว่านะอีกด้านนึงกูกลับรู้สึกว่าไอ้อะไรๆเหล่าเนี้ย   มันเหมือนมึงต้องมาแบกรับมันอยู่ตลอดนะ    เหมือนว่าทุกอย่างที่หลวงตาท่านสอนมึง   มึงก็จะยึดถือและคิดแต่จะต้องทำให้ได้    นั่นมันมากเกินไปสำหรับมึงรึป่าววะ     กูว่าบางอย่างมันก็คงต้องปล่อยๆไปมั่งน่ะนะเว้ย"   

            " คิดดูดิ  มึงก็แค่เด็กคนนึงเหมือนกูเหมือนคนอื่นๆ   แต่มึงเห็นป่าวว่ากูเองหรือใครๆมันก็ใช้ชีวิตไปธรรมดาๆ    ไม่ได้หวังผลเลิศอะไรอย่างที่มึงเป็นอยู่นี่   ใช้ชีวิตกันแค่เท่าที่เป็นได้     อยากทำอะไรก็ทำกันไป    ไม่ได้คำนึงนักหนาว่ามันจะถูกหรือผิด  จะเหมาะหรือไม่เหมาะอ่ะนะ    แค่ว่ามันไม่ได้ทำให้เดือดร้อนตัวเองและคนอื่นมันก็น่าจะโอเคแล้วนะ  หรือมึงว่าไงล่ะ"    ผมได้ฟังแล้วก็ยิ้มให้มัน

            "เออ   มันก็จริงของมึง   ไอ่เน   กูขอบใจมึงว่ะ    กูก็ไม่นึกนะว่ามึงจะเข้าใจกูได้มากขนาดนี้น่ะ    กูเลยได้คิดแล้วว่ะ   กูคงมัวยึดถือสิ่งที่หลวงตาท่านสอนกูมากเกินไปจริงๆน่ะ    จนทุกวันนี้มันกลายเป็นว่ากูตีกรอบให้ตัวกูเองอยู่กับอะไรๆพวกนี้ตลอดนะ   ตอนนี้กูเข้าใจแล้วล่ะ    ต้องขอบใจมึงจริงๆว่ะ"      ผมเอ่ยขอบใจมันจากใจจริงเลยครับ   
 
            ที่แท้สิ่งที่ผมเคยสงสัยมานาน   เป็นคำตอบที่เราไม่เคยเข้าใจ    แต่วันนี้กลับเป็นมันที่มาตอบให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ   

            ผมไม่เคยนึกเลยจริงๆ     คงเพราะความรักและใส่ใจที่มันมีให้กับผมน่ะเองครับ     ที่ทำให้มันเข้าใจผมได้มากอย่างนี้

                                                                          *************

อ่านตอนต่อได้เลยนะครับ  ที่กระทู้ต่อไปเลย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 6 แล้วคร้าบ หน้า 2 : 27/09
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 07-10-2010 20:20:42
ต่ออีกทีครับ  ถือเป็นตอนที่ตอนที่ 6.2 แล้วกัน  เพราะตอนที่ 6 ทั้งหมดนี้ยาวหน่อยนะครับ  แต่รับรองว่าสนุก  ติดตามต่อเลยครับ
                                         -------------------------------         
          
         พอเรากินข้าวกันเสร็จก็ออกจากร้านอาหารแล้วมาเดินเล่นกันแถวนั้นอีกพักนึง   จากนั้นก็กลับไปบ้านมันด้วยกัน    สิ่งที่ผมได้คุยกันมันวันนี้เรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวผมทำให้ผมได้คิดว่า    เราคงต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้เลย   

            ต่อไปผมจะพยายามปล่อยวางอะไรๆที่มันยากเกินไปซะบ้าง   ทำใจให้มันสบายๆและทำในสิ่งที่ไม่เคยทำบ้าง  หรืออะไรที่มันบ้าๆไปเลยบ้าง   แต่ก็นะ  ก็คงไม่ถึงกับหลุดโลกอะไรอย่างนั้นหรอกครับ  คงจะไม่ขนาดนั้น

                                          -

                                          -

            กว่าเราจะกลับไปถึงที่บ้านกันก็เกือบๆค่ำแล้วครับ    ระหว่างทางผมกับมันแวะซื้ออาหารและขนมไปเป็นกับแกล้มด้วยพอสมควรแต่มันสิซื้อเบียร์ไปด้วยเพียบเลยครับ   

            " มาๆ  มาฉลองกันเว้ย  ชนๆ"  มันให้ผมชนแก้วกับมันอย่างสบายอารมณ์   สุราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ   เด็กๆโปรดอย่าเลียนแบบนะครับ   

            " อ้าว  แล้วตกลงมึงจะไม่โทรชวนพวกมันมาด้วยเหรอวะ"   ผมถามมันเพราะก็เห็นมันบอกว่าจะโทรชวนพวกที่รร.มาด้วย

            " อืม  กูก็ว่าจะชวน   แต่ขี้เกียจแล้วอ่ะ    กินกันแค่นี้ก็พอเว้ย"  มันปฏิเสธ

            " อ่าวเหรอ....   แล้ว 2 คนมันจะสนุกเหรอวะ"   

            " เออ..อ   ไม่เป็นไรหรอก   แค่นี้ก็มันส์ได้เว้ย   วันนี้เดินเล่นกะมึงทั้งวันแล้วเลยชักเหนื่อยๆนิดนึงว่ะ   แต่แค่นี้ก็โอเคแล้วน่ะ"   มันยังยืนยัน   สงสัยมันคงเหนื่อยๆอย่างที่มันบอกจริงๆ   ผมก็เลยตามใจมัน       

            พอเรานั่งกินกันไปได้สักพัก     ก็ยิ่งเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไปแม้ว่าจะเปิดเพลงซะดังแล้ว    มันเลยเริ่มทำหน้าเบื่อๆ

            "  เฮ้อ   มันกร่อยจริงๆด้วยว่ะ     งั้นยังงี้มันต้องมีมิวสิคเว้ย"    มันว่าแล้วก็เดินไปเอากีต้าร์กับหนังสือเพลงจากในห้องมันออกมานั่งเล่นกัน    ผมเลยนั่งดูมันไป     มันก็แหกปากร้องไป    ถึงแม้ว่ามันจะร้องเพลงดีใช้ได้แต่ผมขำท่าทางที่ดูเหมือนกับว่ามันอินไปกับเพลงที่ร้องมากซะเหลือเกิน    ก็เลยนั่งหัวเราะมัน

            " เอ้า   สัดนี่   มานั่งขำกูอยู่นั่น    กูร้องเพลงออกจะเพราะ   เป็นเชี่ยไรหา....า   กูไม่ใช่โก๊ะตี๋นะ   จะมานั่งขำกูอ่ะ"    มันว่าผม

            " อ้าว   ก็เพราะว่ามึงร้องเพราะไงล่ะ เพราะมากก.....กก    แต่กูขำท่ามึงอ่ะ   มึงจะไปคัดตัวAFเหรอไง   อินแม่งซะขนาดนั้น    ฮ่าๆๆ"  ผมยังคงนั่งขำมัน 

            " เอ๊า  แน่นอนสิ  คนเป็นศิลปินอย่างกูอ่ะ   มันต้องเต็มที่อยู่แล้ว"   มันตอบมาอย่างกวนๆ     แต่อยู่ๆพอพูดถึงศิลปินผมก็นึกถึงเปียโนหลังนั้นขึ้นมาได้

            " เออ   ใช่   กูว่าจะถามมึงว่า   เปียโนที่อยู่ตรงนั้นน่ะของแม่มึงเค้าเล่นเหรอวะ"   ผมเอ่ยถามแล้วชี้ไปที่เปียโนนั้น

            " อ๋อ  นั่นเหรอ   เออ  ใช่   แม่กูเค้าจะเล่นบ่อยๆนะเมื่อก่อน    แม่กูเล่นเก่งนะเว้ย   ตอนกูเด็กๆเค้ายังสอนกูเลย"   

            " หา...  แม่มึงสอนมึงเล่นด้วยเหรอวะ   เออๆ  งั้นมึงก็เล่นได้ด้วยอ่ะดิ   งั้นเล่นให้กูดูหน่อยดิวะ  นะๆๆ"   ผมบอกมันอย่างตื่นเต้นแล้วก็รบเร้าให้มันเล่นให้ดู   เพราะจริงๆแล้วผมชอบและอยากจะเล่นเปียโนได้อยู่   แต่ว่าคงไม่มีบุญหรอกครับ  ของมันแพงจะตาย    เล่นได้อย่างมากก็แค่กีตาร์แค่นั้น

            " ก็เออ   กูพอเล่นเพลงง่ายๆได้อ่ะ   หรือจะเล่นคอร์ดแบบเราเล่นกีตาร์เนี่ยมันก็เล่นได้อยู่" 

            " เออๆ  นั่นแหละ  เล่นให้กูดูหน่อยดิวะ  นะๆ"    ผมยิ่งรบเร้าให้มันเล่นให้ดู    มันก็พยักหน้าแล้วก็เดินไปที่เปียโนโดยดี

            " เอาละนะ... "    มันว่าแล้วก็ทำท่ายกสองมือขึ้นสูงแล้วก็จรดมือลงบนคีย์เปียโนราวนักดนตรีเอก   ผมหมั่นไส้มากเลยตบกบาลมันไปหนึ่งที

            " สัดนี่   ลีลามากนัก   มึงคิดว่ามึงเป็นบีโธเฟนเหรอไง"   

            " เอ๊า  มึง  จะเล่นให้ดีมันก็ต้องเริ่มให้ดีๆสิวะ   มึงนี่ แม่ง  ไม่เข้าใจอารมณ์ศิลปินเลยว่ะ" 

            " ถุย..  ศิลปินส้นทีนอะไรแม่งจะลีลาขนาดนี้    รีบๆเล่นเลย   สาดด...ด   กูอุตส่าห์รอดู"   ผมรู้สึกหมั่นไส้ไอ้ศิลปินเวรนี่เต็มที  มันก็หัวเราะแล้วเริ่มเล่นเพลงบรรเลงเพลงหนึ่ง    แต่คงเพราะว่ามันก็คงไม่ได้เล่นมานานแล้วเหมือนกัน     ก็เลยเล่นผิดๆถูกๆไปบ้าง   แต่ก็ทำให้ได้รู้ครับ  ว่ามันเล่นได้จริงๆอย่างที่บอก

            " เออ   โทษทีว่ะ   ไม่ได้เล่นนานสนิมแดกหมด  ฮ่าๆ"   มันแก้ตัวแล้วก็หัวเราะ

            " อือ...  ไม่เป็นไรหรอก   แค่เล่นได้ก็หรูแล้วอ่ะมึง    ดีว่ะ   กูก็อยากเล่นได้มั่งนะ  อยากลองเรียนว่ะ"    ผมบอกมันแล้วก็เอามือกดคีย์เปียโนไล่เสียงดูอย่างสนใจ

            " มึงก็ลองดูดิ๊   ไม่ได้ยากอะไรเลย   แต่ว่าต้องฝึกเรื่อยๆน่ะ"

            " เออ   ไว้เดี๋ยวกูฝึกอ่านโน๊ตให้ชำนาญๆก่อนนะ   แล้วกูจะลองเล่นอีกที   เอ้อ...  จริงด้วยเอางี้ดิ  เดี๋ยวกูไปเอากีต้าร์มาเล่นไปกับมึงดีกว่า   อยากลองดูดิ๊ว่าจะเป็นไง"  ผมเกิดไอเดียขึ้นมา

            " ก็ได้อ่ะ  เดี๋ยวกูเล่นทำนองหลัก  มึงก็เล่นคอร์ดไปมันจะประสานกันได้พอดี     หยิบหนังสือเพลงมาด้วย"    มันบอกผม   ผมก็เลยรีบไปหยิบกีต้าร์กับหนังสือเพลงมากางแล้วนั่งลงเล่นข้างๆมัน     เราก็ลองเล่นเพลงสตริงทั่วไปแล้วก็ร้องไปด้วย    รู้สึกว่าสนุกมากจริงๆครับแค่ได้เล่นและร้องไปกะมันอย่างนี้

            " อืมๆ   มันส์ดีว่ะ   กูว่านะ  ยังงี้เราไปออกอัลบั้มกันได้เลยเล่นด้วยกันร้องด้วยกันกูกะมึง  ลงตัวดีว่ะ ฮ่าๆ"    มันสรุปอย่างภูมิใจ

            " อ่านะ  มึง  แล้วเราจะเอาเพลงไปเสนอค่ายมวยไหนดีวะ ฮ่าๆๆ"  ผมแกล้งแซวมัน

            " อ้าว  มึงนี่  มาดูถูกกันเองซะงั้น   ของอย่างนี้มันไม่แน่หรอกเว้ย   เกิดจู่ๆเข้าวงการแล้วดังขึ้นมาอ่ะ   เกิดแน่มึงทีนี้"   มันบอกแล้วก็กลับลงไปนั่งที่พื้นที่เรานั่งกินกันตอนแรก    แหม....รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้มึงจะอยากเข้าวงการจังเลยนะ  ไอ่เน

            " เออ  ถ้าได้งั้นมันก็โอเคแหละ   ก็ดีแล้วว่ะ   นี่มันทำให้กูเห็นนะว่ามึงเริ่มมีความคิดความหวังเรื่องอนาคตข้างหน้าของตัวมึงเองมากกว่าเมื่อก่อนนะ    ดีแล้วล่ะว่ะ   กูดีใจนะ" 

            "ก็เออว่ะ   จริงของมึง  กูคงเปลี่ยนไปจนดีขึ้นอีกหน่อยแล้วดิ    ก็เพราะมึงนะ   จากที่กูก็ไม่เคยคิดเรื่องอนาคตเลย   ได้แค่อยู่ไปวันๆ    ตอนนี้กูรู้สึกว่ากูมีความหวังอยากจะทำนั่นทำนี่ตั้งหลายอย่างเลยนะ    มันรู้สึกดีจริงๆเลยว่ะ"  มันว่าแล้วก็เอนนอนลงไปที่พื้นบ้านอย่างสบายใจ   

            ผมนั่งมองมันแล้วก็ยิ้มอย่างสบายใจที่เห็นมันมีความสุขจริงๆ   

            ความตั้งใจที่ว่าจะเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นของผมนั้น     กำลังใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้วครับ

                                                                               ****************
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้วคร้าบสนุกนา หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 07-10-2010 20:48:28
ขอบคุณสำหรับตอนยาวๆครับ ทำให้คิดตามถึงเด็กสองคนที่กำลังวาดฝันถึงอนาคตของตน วัยนี้ยังมีพลังมากมายกล้าคิดกล้าทำครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้วคร้าบสนุกนา หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: The_outsider ที่ 07-10-2010 23:33:26
จะมีฉาก "เพื่อน กูรักมึงหว่ะ" บ้างมั้ยฮะ  :haun4:

ผมชื่นชมคุณอินจากใจ คุณเข้มแข็งมาก
การที่เรามีปมด้อย แต่ไม่ใช้ปมด้อยนั้นเป็นข้ออ้างในการหนีปัญหาเป็นเรื่องดีนะฮะ
ถ้าบางคนใจไม่เข้มแข็งพอเจอแบบนี้เข้าคงเหลวไหลไปแล้ว
 o13

รออ่านอยู่นะคับ...
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้วคร้าบสนุกนา หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดชรา ที่ 08-10-2010 09:31:13

คอยตามงานเขียนอยู่ทุกระยะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้วคร้าบสนุกนา หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 08-10-2010 18:14:06
มาอ่านใหม่ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

เรื่องนี้สนุกอ่ะ น่ารักดี ใสๆ ไม่มีไรมาก

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้วคร้าบสนุกนา หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: TaiLz of Skyz~ ที่ 08-10-2010 18:55:56
น่ารักกันจริงจริ๊ง คู่นี้  :-[

ช่วยเหลือกันตลอดเวอ้า

เค้าทั้งคู่ยังไม่รู้สึกอะไรกันใช่ไหมหว่า~
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้วคร้าบสนุกนา หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 08-10-2010 22:09:45
ขอบคุณพี่หนุ่ม  น้องคูนมากนะครับ  ที่อุตส่าห์ตามมาอ่านแล้ว  กลัวจะไม่มีเวลากันน่ะ

แล้วก็ขอขอบคุณ คุณ  Love_noval555, The_outsider, ordkrub ด้วยครับที่แวะมาอ่าน

ตอนหน้าเดี๋ยวจะรีบลงให้เร็วๆนี้ครับ

ขอบคุณครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 11-10-2010 21:30:30
สงสัยจะเริ่มรักกกกันแล้วละมั้งงงง
อิอิ

ขอบคุณนะคร้าบบบ

มารออ่านครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 11-10-2010 23:22:27
แวะมาอ่านขอรับ
รอตอนต่อไปโลด :a1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 12-10-2010 22:40:30
มา ต่อ แล้ว

มิตร ภาพ ค่อย ๆ ก่อ ตัว ขึ้น

ขอบ คุณ มาก ค้าบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 13-10-2010 10:25:32
มาช้าไปหน่อย แต่ตอนนี้ยาวมากกกก

ก็ดีคับ แต่ไม่รู้เด็กๆจะรักกันหรือยังน่อ หรือจะเป็นไงต่อ จะเป็นนายแบบหรือนักร้อง

รอติดตามชมตอนต่อไปขอรับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-10-2010 13:40:42
ตอนหน้าก็สนุกครับ  รอติดตามนะครับ  เดี๋ยวจะรีบเอามาลงให้
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 13-10-2010 15:54:31
อ่านทันแล้ว ชีวิตนักเรียนสนุกดีนะ ตามวัย ใส ๆๆ
คงมีเรื่องให้ชีวิตต้องผกผันอะไรอีกซินะ เอาใจช่วยให้ผ่านไปด้วยดีแล้วกัน
รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: badmanners ที่ 13-10-2010 17:16:14
อิน  =  น็อต

เน   =  เก่ง


เรื่องจริง



ใสจริงๆ



รอชมคลิปจะจะได้เร็วๆนี้



หรือรอถ่ายทอดสดในแคมฟรอกได้คืนนี้



อิอิ

 :z2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 13-10-2010 17:22:31
ดีใจจังจะได้เห็นพี่น๊อตจับกดพี่เก่ง

จะรอนะครับ

คลิปใสๆ สไตล์โคอาล่ามาร์ชฮะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-10-2010 19:16:51
เวง   มีการตามมาถึงนี่เลยเว้ย โคอาล่า
 :laugh:


เรื่องตู อุตส่าห์เขียนดีๆ เสียโม้ด  :m20:

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับ :pig4:

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 7 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 07/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-10-2010 20:03:22
มาแล้วครับผม  ตอนที่ 7


ตอนที่7                    (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                           ****************

         ดึกมากพอควรแล้วแต่เราก็ยังคงนั่งกินกันอยู่    ผมชนแก้วกะมันไปหลายรอบ   เรียกว่าชนแล้วชนอีก   แต่ไม่ใช่ว่าผมคอทองแดงอะไรหรอกครับ    แค่ของผมนี่หลังๆเป็นโค๊กเพียวๆน่ะครับ     ไม่งั้นป่านนี้ก็คงจะนอนกองอยู่เหมือนกับมันตอนนี้

         " หึ...  เมามากแล้วมึงอ่ะ     งั้นเดี๋ยวก็เก็บของกันก่อนแล้วไปนอน   ดึกแล้วว่ะ"    ผมบอกมันแล้วก็เริ่มเก็บข้าวของจะเอาไปล้าง

         " อาราย..วะ   เรื่องไรมึงมาว่ากูมาว..ววะ   สาดดด...ด   ก็มึงแม่งเอาเปรียบกูอ่ะ    แดกโค๊กอย่างเดียวเลย   แมร่ง...ง    เอิ๊ก....ก"   มันต่อว่าผม 

         " เอ๊า  เชี่ยนี่  มึง   ถ้าขืนเมากันทั้งคู่กูว่าก็คงจะได้นอนกองกันอยู่ตรงนี้ถึงเช้าพอดีอ่ะ   มึงจะเอางั้นเหรอไง"    ผมแก้ตัว   จริงๆแล้วก็คือผมก็ไม่ได้ชอบกินเบียร์สักเท่าไหร่น่ะครับ    แต่เห็นมันอยากกินก็กินเป็นเพื่อนมันแค่นั้น

         " ไปๆ   เมาแล้วก็ไปนอนดีกว่ามึง   ลุกๆ   เดี๋ยวกูจะเก็บของไปล้างเลย   ไปเร็วมึง"   ผมฉุดให้มันลุกขึ้น   มันก็ลุกขึ้นมานั่งโงนเงนอยู่    สงสัยมันจะเมามากจริงๆ

         " กูม่ายได้มาวว้อยย..ย   เรื่องไรมาหาว่ากูมาว..วะ  สาดด..ด"   มันพูดซะยานคางเลย  ตาก็ลืมจะไม่ขึ้นอยู่แล้ว  นี่นะ  ไม่เมาของมึง

         " เออๆ  ไม่เมาก็ไม่เมา  ไปนอนได้แล้ว   ไป...มึง"   ผมบอกแล้วก็เลยหิ้วปีกมันเข้าไปในห้องแล้วโยนมันไว้บนเตียง

         " เอ้า  แล้วน้ำท่าจะอาบยังไงเนี่ยมึง   งั้นทนนอนเน่าไปก่อนแล้วกันนะ"   

         " เฮ้ยๆ  มึงไม่ต้อง   เดี๋ยวกูไปอาบได้   ขอกูแป๊บนึงน่ะ"   มันรีบบอกผมแล้วก็นอนต่ออีก    ผมเลยไปอาบน้ำก่อนแล้วก็เตรียมผ้าชุบน้ำจะเอามาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้มันหน่อยครับ   ขี้เกียจนอนข้างไอ้เน่าน่ะ

         " เอ้า มา   เดี๋ยวเช็ดตัวหน่อยแล้วกันมึง   เหม็นเบียร์ชิบหาย"     ผมบอกให้มันพลิกตัวมาให้ผมเช็ดหน้าและตามตัวมัน   พอเสร็จผมก็เลยเดินไปปิดไฟแล้วมานอนข้างมัน

         " ไอ่อิน..."

         " หือ... " ผมหันไปมองมัน

         " กูมีความสุขจริงๆเลยว่ะ  วันนี้   มึงรู้มั๊ยวะ   มีแต่เรื่องดีๆว่ะ" 

         " เออๆ   รู้แล้ว...   กูก็ดีใจและมีความสุขไปกะมึงด้วยแหละ  แต่ว่าตอนนี้นะ   นอนเหอะมึงอ่ะ  กูง่วงแล้ว  สาดดด...ด"   ผมบอกให้มันนอนไปเพราะก็ง่วงแล้วจริงๆ   แต่ก็ยิ้มไปกะมันนะครับ

         " อ่ะๆ  นอนก็นอน     เอ้อ... เฮ้ย...ลืมไป" 

         " อะไรของมึงอีกวะ  เชี่ยนี่  ไอ่ขี้เมา"  ผมเลยด่ามัน   ไม่รู้อะไรของมันอีกครับ

         " ฮ่าๆ  ไม่มีอะไร...  กู้ดไนท์เว้ย" 

         " โห... สาดด...  แม่ง  มุขเดิมอีกละ  นอนไปเลยมึง"  ผมโวยมันไปทั้งที่ขำๆแล้วเราก็นอนหลับไป    จนตอนเช้าผมก็กลับไปที่วัด

                                       -

                                       -

         หลายวันผ่านไปไอ้เนก็มาบอกผมว่าแม่มันจะบินกลับมาพรุ่งนี้แล้วมันจะไปรับที่สนามบิน    ผมเลยขอไปกับมันด้วย    เพราะว่าผมอยากเจอแม่มันมากๆเลยครับ         

         พอเราไปถึงที่สนามบินกันก็ไปนั่งรออยู่พักนึงครับ   ดูมันกระวนกระวายนิดหน่อยในขณะที่รออยู่   สงสัยคงจะอยากเจอแม่มันเต็มที    แต่ตัวผมเองสิครับกลับรู้สึกยิ่งตื่นเต้นมากที่ว่าจะได้เจอแม่มันแล้ว  ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ     

             หลังจากที่รออยู่อีกสักพักขณะที่ไอ้เนมันมองไปที่ทางเข้าผู้โดยสารนั้น  มันก็รีบโบกมือให้แม่มันที่กำลังเดินมา  แล้วก็รีบวิ่งไปกอดแม่มันใหญ่เลยครับ     

         ผมเห็นแล้วก็เลยวิ่งตามไป    ตอนนั้นที่ผมเห็นไอ้เนกอดกับแม่ของมันนั้นทำให้ผมรู้สึกอึ้งๆไปนิดนึงครับ   ในใจก็คิดไปว่าถ้าวันนี้เป็นแม่ผมกับตัวผมที่ได้มาเจอกันและกอดกันแบบนี้   ผมคงจะมีความสุขมากแน่ๆ    อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆครับ 

         " เฮ้ย  ไอ่อิน   มาดิ  มัวจ้องอะไรอยู่วะ   ตะลึงความสวยแม่กูเหรอ"    เสียงเรียกของไอ้เนปลุกผมจากภวังค์ความคิดนั้น   ผมเลยได้สติกลับมาแล้วรีบเข้าไปไหว้แม่ของมัน

         " จ้า... ลูก   แหม เจ้าเนมันชมเราให้แม่ฟังตลอดเลย    แม่ขอบใจนะลูกที่ช่วยเปลี่ยนเจ้าตัวดีนี่ให้   แม่ดีใจมากเลยลูก  ทีนี้จะได้เบาใจไปซะที    ขอบใจจริงๆจ้ะ"    แม่มันบอกผมแล้วก็กอดผมเลย   

         ในอ้อมกอดนั้นแม้ผมจะอึ้งๆ  งงๆ ที่อยู่ๆแม่มันก็มากอดผมอย่างนี้   แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีและอบอุ่นอย่างมากเลยนะ

         " เอ่อ...  ผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากอ่ะครับ   แค่เตือนๆมัน    แล้วก็ช่วยกันติวแค่นั้นอ่ะครับแม่"   ผมบอกกับแม่มัน   

         " ก็นั่นน่ะ    ทีเมื่อก่อนแม่น่ะเคี่ยวเข็ญมันไม่รู้กี่ครั้งเคยสนใจซะที่ไหน    ที่เพื่อนบอกล่ะก็เชื่อฟังนะ  แกเนี่ย"   แม่พูดแล้วก็หันไปทางมัน

         " โธ่   แม่  ก็ตอนนั้นน่ะผมยังคิดไม่ได้อ่ะ     แต่ตอนนี้คิดได้แล้ว   เป็นเด็กดีแล้วคร้าบแม่"    มันพูดแล้วก็ประสานมือ  ทำตาปริบๆ  เหมือนเทวดาน้อย ใส บริสุทธิ์  น่ารักตายล่ะมึง

         " หึ  พอแล้วย่ะ    ชั้นเชื่อแกมาก..กเลยนะ   เอาล่ะๆ  ไปกันเถอะลูก  กลับไปบ้านกันก่อนเถอะ   เอ้อ  แต่เดี๋ยวเราแวะกินอะไรกันก่อนดีกว่านะ  ไปจ้ะ"   แล้วแม่ก็จูงมือผมกับไอ้เนออกไปขึ้นแท๊กซี่ที่หน้าอาคารผู้โดยสาร   

         เราแวะกันที่ห้างแห่งหนึ่งแล้วเข้าไปกินกันในร้านๆนึง    แม่บอกว่าเราอยากกินอะไรก็สั่งได้เลย   ไอ้เนมันดูแฮปปี้มากๆเวลาที่มันอยู่กับแม่มันแบบนี้       

         ผมมองดูแม่ของมันแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าที่ผมคิดไว้คงไม่ผิด    เพราะท่านก็ใจดีจริงๆแหละครับ    และดูยังไม่ค่อยแก่เท่าไหร่   หน้าตาท่านก็อิ่มเอิบแจ่มใสดูมีสง่าราศรีมากครับ       จนผมก็นึกเล่นๆไปว่าถ้าผมได้เป็นลูกอีกคนของท่านจริงๆก็คงจะดีมากๆเลย

         " เดี๋ยวช่วงนี้แม่คงไม่ค่อยได้อยู่บ้านทุกวันนะลูก   ต้องไปทำตั้งหลายอย่างเลยก่อนกลับไปน่ะ   แล้วยังต้องไปช่วยน้าติ๋วเค้าที่ร้านด้วยลูกเฉพาะช่วงนี้น่ะ"    แม่บอกกับไอ้เน  ผมก็นั่งนิ่งฟังอยู่   

         หลังจากนั้นเราก็กินอาหารกันพอเสร็จก็นั่งรถกลับมาที่บ้าน     แล้วผมก็เลยขอตัวกลับมาที่วัดก่อนเพราะวันนี้ยังมีงานรอผมอยู่อีกมากมายเลย   ปล่อยให้แม่ลูกเค้าอยู่คุยกันให้หายคิดถึงดีกว่านะ

                                       -

                                       -

         ผมกลับมาทำงานต่อที่วัดเพราะวันนี้ก็มีงานเหมือนเคยครับ    ตอนทำงานไปก็ยังนึกถึงแม่ของมันนะ   ความคิดที่ว่าผมอยากจะเป็นลูกอีกสักคนของท่านยังวนเวียนอยู่ในหัวผมอยู่   ซึ่งถ้าเป็นจริงได้ผมก็คงจะมีความสุขที่สุดเลยครับ     

         แต่ว่าทั้งหมดนั้นผมก็แค่คิดหวังไปเล่นๆเฉยๆน่ะครับ      เพราะมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะ   แต่อย่างน้อยผมก็จะขอแค่รักและนับถือแม่ของมันให้เหมือนแม่ของผมก็คงพอแล้วครับ 

         พอหลังจากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นผมเลยมาหามันที่บ้านแต่เช้า     เมื่อมาถึงก็พบแม่ของมันพอดี

         " อ้าว... อินน่ะเองลูก   มาๆเข้ามาก่อนเลยจ้ะ   เจ้าเนมันอยู่ในบ้าน   แต่เดี๋ยวแม่ต้องรีบออกไปแล้วจ้ะ   เดี๋ยวก็อยู่กับเจ้าเนมันแล้วกันนะ   แม่ไปล่ะ"   แม่มันสรุปอย่างรวดเร็วแล้วก็ขึ้นแท๊กซี่ออกจากบ้านไป     ผมก็ไหว้แม่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน

         " แม่มึงเค้าไปไหนเหรอวะ เน"  ผมเริ่มถามมัน

         " อืม  ก็เห็นว่าเค้าจะไปจัดการเรื่องโอนที่อะไรนี่อ่ะ   เพิ่งขายที่ไปน่ะ"

         " อ๋อ   อืม แล้ววันนี้มึงจะไปไหนมั๊ยล่ะ    ถ้าไม่ไปไหนก็ไปกะกูนะ     อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่างานจ๊อบกูคืออะไรอ่ะ"  ผมถามแล้วก็ลองชวนมันให้มันไปดูงานจ๊อบที่ผมทำ   เพราะก่อนหน้านี้ผมได้ติดต่องานกับพี่ที่ผมเคยไปทำงานให้เค้าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  เค้าก็บอกว่าวันนี้มีงานให้เราทำพอดีเลยครับ

         " เออๆ   ไปดิๆ   กูอ่ะอยากรู้จะตายว่ามึงไปทำจ๊อบอะไรน่ะ   เล่นมาปิดๆบังๆกูอยู่ได้อ่ะมึง" 

         " เออน่า..   เดี๋ยวมึงก็จะรู้แล้ว   แต่ว่านะ  พอได้รู้แล้วมึงต้องช่วยกูทำงานด้วยนะเว้ย"

         " เอ๊ะ  อะไรวะมึงนี่   แม่ง   กูยังไม่ทันรู้เลยว่างานอะไรแล้วจะให้กูไปช่วยซะแล้ว   อะไรของมึงวะ"  มันเริ่มโวย

         " เออ...  งั้นเราไปกันเลย   เดี๋ยวรู้เอง  ฮ่าๆ"    ผมยังคงแกล้งทิ้งท้ายไว้ให้มันสงสัยเล่น   แล้วเราก็ไปกันที่ห้างแห่งนึง   เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงมีการจัดงาน Event หลายงานที่นี่    ใช่ครับ  งานผมก็คือมาแต่งเป็นตัวมาสคอตการ์ตูนเพื่อช่วยเรียกลูกค้านั่นเองครับ 

         " มาแล้วครับ พี่อร  วันนี้ผมพาเพื่อนมาช่วยด้วยครับ"   ผมเดินเข้าไปไหว้พี่ๆทีมงานโดยมีไอ้เนเดินตามมาด้วย     สีหน้าของมันดูตื่นๆคงเพราะว่ามีคนทำงานเยอะแยะเดินกันขวักไขว่ไปหมด    และก่อนที่มันจะถามอะไรผมมากไปอีกผมเลยรีบยื่นชุดที่จะให้มันใส่ในงานนี้ให้มัน

         " เอ้า   นี่ชุดของมึงนะ   เดี๋ยวมึงลองเปลี่ยนเลย"  ผมบอกมัน   พอมันเห็นชุดมันก็ทำหน้าเหวอหนักเข้าไปอีกครับ

         " เฮ้ย   อะไรวะ    นี่มึงจะเล่นมัดมือชกกูเลยจริงๆเหรอวะเนี่ย   สาดด..ด   ให้กูทำใจหน่อยดิ"    มันบ่นแต่ก็รับชุดไปดูโดยดี

         " เอาน่า   ไหนๆมึงก็หลวมตัวมาแล้วอ่ะนะ ฮ่าๆๆ"  ผมขำท่าทางเหวอๆของมันแล้วก็ให้มันลองชุด   

         งานวันนี้เป็นงานโปรโมทพวกสินค้านมผงกับอาหารเสริม แล้วก็ผ้าอ้อมเด็กน่ะครับ  เป็นงานใหญ่มีเวทีแสดงอยู่กลางบริเวณงาน    ชุดที่จะเอามาใส่นี้ก็เป็นชุดตัวหมีการ์ตูนที่เป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหนึ่งในนั้นน่ะครับ     

         มันลองชุดแล้วก็เดินออกมา  ผมก็เลยแต่งหน้าใส่จมูกปลอมให้มันเพราะชุดนี้เป็นแค่ชุดผ้าธรรมดาที่มีหมวกเป็นหูหมีอยู่แล้ว    ไม่ใช่ชุดที่เป็นหัวครอบใหญ่ๆ    เพราะชุดแบบนั้นมันจะร้อนมากครับเวลาใส่    พอไอ่เนมันเห็นหน้าตัวเองในกระจก    มันก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างมาก

         " สาดด..ด   นี่กูต้องออกไปอย่างงี้จริงๆเหรอวะ   ยังกะหมีพูห์เลยกู     โอย  กูอายเค้าเว้ยย...ย"   มันเริ่มงอแง  เมื่อเห็นตัวเองในกระจก

         " มึงนี่เรื่องมากจริงๆ   กูก็อยู่ในสภาพเดียวกะมึงเนี่ย   หมีพูห์ไม่ต่างกะมึงอ่ะ   มึงจะคิดมากทำไมวะ   มันก็แค่งาน  งั้นก็ตามใจมึงอ่ะ   จะไม่ทำก็ไม่เป็นไร   เดี๋ยวไปล้างหน้าแล้วกัน"    ผมนึกฉุนๆมันบ้างเหมือนกันครับ   ไม่คิดว่ามันจะเรื่องมากอย่างนี้   

         แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ถือสาอะไรมันหรอกนะครับ   เพราะเราก็ไม่ได้บอกมันให้เตรียมใจก่อน   จะไปว่ามันก็ไม่ได้   

         " เฮ้ยๆ  โธ่เว้ย.. มึงนี่ก็   กูก็แค่ทำใจยังไม่ได้อ่ะ   ไม่ได้ว่าจะไม่ทำนะ  ไหนๆมึงก็ชวนกูมาอ่ะ   เออๆ.. กูยอมละ    มึงอย่าโกรธกูนะ   แล้วจะให้กูไปทำไรต่ออ่ะ"   มันบอกผมเสียงอ่อยๆ   ผมก็เลยยิ้มให้มัน

         " เอ้อ  ก็แค่นั้น   กูก็ไม่ได้จะโกรธมึงหรอก    จริงๆมึงจะไม่ทำก็ได้ว่ะ   กูแค่นึกสนุกอยากให้มึงลองมาทำอะไรที่มึงไม่เคยลองก็เท่านั้น    แต่ก็ลืมไปว่ามึงอาจจะลำบากใจไง" 

         " เออ  กูเข้าใจแล้วว่ะ   ไม่เป็นไรเว้ยกูลองดูก็ได้   ว่าแต่ต้องไปทำอะไรมั่งน่ะ"   มันกลับมายิ้มได้อีกครั้ง  ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวไปยืนแถวหน้าทางเข้างานเพื่อช่วยเรียกลูกค้า  มันก็ตามผมไปโดยดี

         " เนี่ยแล้วเดี๋ยวมึงก็โบกมือเรียกคนที่เค้าผ่านไปมาให้มาในงาน  แค่นั้นอ่ะ   ทำท่าทางแบบเล่นๆ  ดูน่ารักๆหน่อยก็ได้ว่ะ  มันจะได้ดูเหมือนตัวการ์ตูนอ่ะ"    ผมแนะนำมัน   มันก็เลยไปยืนเก้ๆกังๆอยู่พักนึง   แล้วก็ทำโบกมืออย่างเขินๆอยู่อย่างนั้น

         " เชี่ยเอ๊ย...  ขืนถ้าใครที่รร.มาเห็นกูนะ   กูคงได้เอาปี๊บคลุมหัวไปรร.แหง"  มันยังบ่นต่อ

         " เออๆ  งั้นมึงไปเอาลูกโป่งแจกเด็กๆในงานแล้วกัน   ตรงแถวเวทีน่ะ   แล้วก็เล่นๆกะเค้า  ถ่ายรูปกะเค้าหน่อยแค่นั้นอ่ะ   โอเคมั๊ย"   ผมเสนออีกทางเลือกให้มัน     มันก็เลยยิ้มรับแล้วเดินไปเอาลูกโป่งไปแจกเด็กๆตามที่ผมบอก     

         ผมมองเห็นมันตอนนี้แล้วก็ขำจริงๆด้วยครับ    ไอ่เนสุดเท่ผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นหมีพูห์ผู้น่ารักไปแล้วเนี่ย      จนผมก็นึกอยากจะถ่ายรูปมันเก็บไว้เล่นๆ    ยิ่งตอนที่มันยิ้ม  หัวเราะเล่นกับเด็กๆอย่างมีความสุข     ผมยิ่งรู้สึกว่าเป็นภาพที่น่าจะเก็บไว้จริงๆครับ

         " เฮ้ยๆ  สาด..ด  มึงจะถ่ายรูปกูทำไมวะ   เชี่ยนี่   จะเอามาแบล็คเมล์กูเหรอไง"   มันโวยวายแล้วก็รีบวิ่งเข้ามายื้อแย่งโทรศัพท์ผมทันที
   
         " โห..   ไอ้บ้า   กูจะไปทำงั้นทำไม    กูเห็นมึงในชุดนี้แล้วมันเหมาะกะมึงดีไง  น่าร๊าก  ฮ่าๆๆ"  ผมบอกมัน   แต่มันก็ยังคงมาแย่งจะเอาโทรศัพท์ผมไปทำลายหลักฐานให้ได้

         " เฮ้ยย....ย  สาดนี่   ยังไม่เลิก   งั้นเอางี้ถ่ายคู่กะกูเลย   จะทุเรศก็ทุเรศด้วยกัน  โอเคป่ะ"   

         " เออ   ก็ได้ว่ะ"  มันตอบตกลง   เราก็เลยถ่ายรูปคู่กันไปหลายรูป     แล้วก็ให้มันไปทำงานต่อ    ผมตั้งใจว่าจะเก็บรูปที่ถ่ายกับมันวันนี้ไว้ให้ดีเลยครับ     เพราะก็เป็นรูปแรกๆที่เราได้ถ่ายด้วยกัน      พอถึงตอนเย็นปิดงานแล้วเราก็เลยรับค่าแรงแล้วก็กลับบ้านกัน

         " เฮ้ย  วันนี้นะ   กูสนุกจังว่ะ  แถมยังได้ตังค์อีก"  มันยิ้มบอกผมขณะที่นั่งรถกลับไปบ้านด้วยกัน   

         " เออ  เป็นไง  นี่แหละ  งานจ๊อบกู  ดีมั๊ยล่ะ" 

         " อืม  ว่ะ  โคตรจะดีเลยแหละ   มึงรู้มั๊ยว่านี่น่ะ  เป็นเงินก้อนแรกเลยนะที่กูหามาได้ด้วยตัวกูเองอ่ะ   ดีใจชะมัดเลยว่ะ"  มันบอกผมด้วยสีหน้าภูมิใจเต็มที่

         " ดีแล้ว  มึงคิดได้งี้ก็ดีแล้วอ่ะ    ไว้แล้วถ้าเค้ามีงานอีกกูก็อาจจะชวนมึงไปอีกนะ" 

         " เออ  ไปดิๆ   งานดีๆยังงี้   กูเอาอยู่แล้วอ่ะ"   มันรับคำผมอย่างตื่นเต้น

         " อืม  แต่ยังไม่หมดนะเว้ย   จ๊อบกูสำหรับวันนี้อ่ะ   มึงยังไปกะกูไหวมั๊ยล่ะ" 

         " เฮ้ย   ยังมีอีกเหรอวะ  เออ ไปดิ  กูยังไม่เหนื่อยหรอกแค่นี้"   มันรีบตกลงแล้วก็ยิ้มให้ผม

         " โอเค   งั้นเดี๋ยวกูขอไปเอาของที่วัดก่อนนะ   แล้วค่อยไปกัน"    ผมบอกกับมันแล้วก็รีบกลับไปที่วัดด้วยกันกับมัน   แล้วก็เข้าไปเอากีต้าร์ใส่กระเป๋าสะพายออกมา

         " เฮ้ยๆ   แล้วนี่มึงจะเอาไปเล่นที่ไหนวะ"  มันถามผมทันทีที่เห็น   ดูท่าทางมันยิ้มและตื่นเต้นอยากรู้เต็มทีว่าผมจะไปทำอะไรที่ไหน

         " เออ...อ    ตามมาเหอะ   เดี๋ยวก็รู้  ฮ่าๆๆ"   ผมให้มันรีบตามมา     ก็รู้สึกสนุกดีครับที่ได้ทำให้มันประหลาดใจอยู่อย่างนี้    แล้วเราสองคนก็เลยรีบขึ้นรถเมล์ไปยังจุดหมายปลายทางต่อไปของผมทันที นั่นก็คือ "ตรอกข้าวสาร" ครับ

         ที่นี่จะมีพวกนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ     ส่วนใหญ่ก็จะมาเที่ยวตามผับและร้านแถวนั้น     โดยมากพวกนี้เค้าจะชอบดูการแสดงดนตรีอยู่แล้ว    โดยเฉพาะพวกฝรั่ง     

         ผมได้เคยลองมาเล่นกีต้าร์ร้องเพลงที่นี่กับรุ่นพี่ของผมที่เป็นเด็กวัดด้วยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว     จนตอนนี้ก็พอจะเริ่มเก่งและมั่นใจขึ้นแล้วเลยมาโชว์เดี่ยวเล่นแถวนี้ได้แล้วครับ

         " อืม   ตรงนี้แหละ   แถวนี้มีคนผ่านเยอะเหมือนกัน    แล้วก็ไม่มีใครมาไล่บ่อยๆ     กูมาจองแถวนี้ประจำ"   ผมบอกกับมัน   แล้วก็รีบเปิดกระเป๋าหยิบกีต้าร์ออกมาแล้วก็วางกระเป๋ากีต้าร์เปิดเอาไว้ตรงหน้าไว้ให้คนที่เดินมาฟังเค้าโยนตังค์ใส่ให้

         " โห   แล้วมึงก็ยืนเล่นไปยังงี้เลยน่ะเหรอ"    มันถามผมแล้วก็หันรีหันขวางไปมาดูผู้คนที่เดินผ่านแถวนั้น    ผมว่ามันก็คงรู้สึกเขินๆและประหม่าหน่อยๆเหมือนผมตอนแรกที่ลองมาเล่นโชว์ที่นี่

         " เออ   ก็อย่างนี้เลยแหละ   มึงไม่ต้องคิดมาก  ก็เล่นเหมือนที่เราเล่นกันเองน่ะ   ดูกูนะ"    พูดจบผมก็เริ่มเล่นและร้องเพลงที่เตรียมตัวมาอย่างเคยชิน     มันก็นั่งมองผมตาปริบๆคงคิดไม่ถึงมั๊งครับว่า    เห็นผมนิ่งๆเฉยๆแล้วกล้ามาทำแบบนี้ได้ไง     

         แต่พอเล่นไปได้แป๊บนึงก็เริ่มมีคนมาหยุดดูบ้างแล้วครับ      ไอ้เนมันก็มองดูคนที่มายืนดูแล้วก็ยิ้มๆ     จนผมเล่นจบเพลงก็มีคนปรบมือและโยนเงินลงในกระเป๋าให้ผม     ผมเลยโค้งคำนับขอบคุณ

         " เฮ้ย  มึง แม่ง  เจ๋งจริงว่ะ    แน่มากๆ   ท่าทางใครๆเค้าก็ชอบที่มึงร้องว่ะ   กูยังชอบเลย"   มันมาสะกิดที่ไหล่แล้วบอกชมผมอย่างตื่นเต้น     

         " ก็เห็นมั๊ย   มันไม่ได้ยากอะไรเลยมึง  เออ   เดี๋ยวกูเล่นต่อก่อนเว้ย     มีคนเค้ารอฟังอยู่อีก"  ผมบอกมันแล้วก็เล่นเพลงต่อไป    มันยังคงนั่งดูผมต่อไปอย่างสนุก      ผมก็เล่นเพลงไปอีกหลายเพลงแต่ว่าก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่แล้ว    ก็เลยจะหยุดพักแป๊บนึง

         " อืม   วันนี้คนเดินผ่านแถวนี้น้อยว่ะ   เดี๋ยวกูพักแป๊บนึงแล้วกัน    แต่คราวหน้านะ   มึงต้องเอากีต้าร์ที่บ้านมึงมาเล่นกะกูด้วยนะเว้ย  โอเคป่ะ"   

         " เฮ้ย   จริงเหรอวะ   เออๆ   เอาดิวะ   แล้วมาแจมกันตรงนี้เลยนะเว้ย"  มันรีบตกลงกับผมอย่างตื่นเต้น

         " เออ  แล้วก็แบ่งตังค์กันคนละครึ่งนะเว้ย    แฟร์ๆอ่ะ    โอเคนะ"  ผมยื่นข้อเสนอให้มัน    ในใจคิดว่าถ้ามันมาช่วยเล่นด้วยก็คงดีแหละครับ     เพราะว่าเล่นสองคนมันจะช่วยดึงดูดผู้คนได้มากขึ้นอีก   ซึ่งมันรีบตกลงกับผมอย่างเต็มใจทันที

         " อืม   งั้นเดี๋ยวกูจะเล่นไปอีกสัก 2-3 เพลงนะ   แล้วเรากลับกันเลยเหอะ"  ผมมองนาฬิกาแล้วบอกมันเพราะเห็นว่านี่ก็เริ่มดึกแล้ว     จากนั้นผมก็เล่นเพลงต่อไป       ผู้คนที่เดินไปมาก็เริ่มบางตาลงมาก     

         แต่พอสักพักก็มีนักท่องเที่ยวที่ดูคล้ายๆคนญี่ปุ่นเดินผ่านมาหลายคนเลยครับ   ยังกะว่าทัวร์ลงเลย     แล้วพอพวกเค้าเห็นผมก็พากันหยุดยืนดูผมเล่นเพลงกันใหญ่เลย  ท่าทางเหมือนเค้าชอบมาก   จนผมเริ่มเขินๆซะเองแล้วแต่ก็ยังร้องต่อไปครับ    แต่อยู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงเดินมาที่ผม

         " น้องครับๆ    คือว่าพี่ขอถามหน่อยนะ   ว่าน้องพอจะร้องเพลงอะไรที่เป็นภาษาญี่ปุ่นได้บ้างมั๊ยครับ    พอดีลูกทัวร์ของพี่เค้าอยากฟังน่ะครับ   เลยวานให้พี่มาขอเพลงน้อง   เอ้อ  ลืมบอกไปพี่เป็นไกด์ที่พาพวกเค้ามาน่ะครับ"   ผมฟังแล้วก็ตะลึงไปหน่อยนึง  แล้วก็หันไปมองพวกนักท่องเที่ยวที่ยืนยิ้มแล้วมองจ้องมาที่ผม       

         " โห   สงสัยนี่เราจะต้องโชว์แบบอินเตอร์แล้วเหรอวะนี่"  ผมนึกในใจ 

         " เอ้อ...  ก็ได้ครับพี่   พอดีผมก็มีเพลงญี่ปุ่นที่พอร้องได้อยู่ 2-3 เพลง งั้นเดี๋ยวลองฟังนะครับ"   ผมตอบตกลงพี่เค้าไปแล้วหันไปมองหน้าไอ้เนที่ทำหน้ารอลุ้นผมอยู่      ตัวผมเองก็เคยแกะเพลงญี่ปุ่นบางเพลงเล่นอยู่   เป็นเพลงง่ายๆและเป็นที่รู้จักทั่วไปคงพอเอามาเล่นให้พวกนี้เค้าฟังได้อยู่ 

         " เฮ้ย   มึงแน่ใจนา ว่าไหวอ่ะ"    ไอ้เนเดินมาใกล้ๆแล้วถามผมด้วยสีหน้าหวั่นๆ     ท่าทางมันดูจะประหม่าและไม่มั่นใจยิ่งกว่าผมซะอีก

         " เออ...อ  มึงไม่ต้องห่วง   เดี๋ยวดูกู   หึๆ"   ผมบอกมันอย่างมั่นใจ    คงเพราะท่าทางเหวอๆหวั่นๆของไอ้เนมันน่ะครับ   ทำให้ผมนึกขำจนหายประหม่าไป   แถมเรียกความมั่นใจกลับมาได้

         แล้วผมก็ได้เริ่มเล่นเพลงแรกซึ่งก็เป็นเพลงที่ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นเค้าคงรู้จักกันดี    เพราะเพลงนี้เป็นเพลงฮิตทีเดียวแม้จะเก่าแล้ว     

         พอเริ่มร้องไปผมก็เห็นสีหน้าของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นพวกนี้เค้าก็ยิ้มกันและมีท่าทางตื่นเต้นกันมาก     บางคนก็เริ่มตบมือตามจังหวะกันอย่างสนุก     ผมเห็นอย่างนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นไปอีกครับ  ว่าเค้าคงจะพอใจมาก   

         พอผมเล่นจบพวกเค้าก็ยิ่งตบมือชอบใจ    เป่าปากโห่ร้องกันใหญ่   ยังกะว่าดูคอนเสิร์ตใหญ่ๆเลยครับ    ผมล่ะปลื้มเลย     สงสัยเค้าก็คงประทับใจมั๊งที่นักดนตรีข้างถนนธรรมดาๆก็เล่นเพลงญี่ปุ่นให้เค้าฟังได้     เลยปลื้มผมกันซะขนาดนี้      ไอ้เนมันก็ยืนยิ้มอยู่ข้างหลังผม

         " เฮ้ยๆ  ดูดิ  เค้าชอบมึงกันใหญ่เลยว่ะนั่น    โห..   ทั้งตบมือ  ทั้งกรี๊ดมึงเลยนะเนี่ย"  มันบอกผมอย่างตื่นเต้น   

         " โห...  น้อง  เยี่ยมสุดๆเลยครับ     ลูกทัวร์พี่อ่ะเค้าชอบมากเลยนะ ว่าน้องร้องดีมากๆ  เค้าอยากขออีกสักเพลงจะได้มั๊ยครับ  น้อง"   พี่ไกด์ทัวร์รีบเดินมาบอกผม   ท่าทางเค้าพอใจมาก

         " อะเหรอครับ  ก็พอได้ครับพี่   มีอีกเพลงที่ร้องได้อยู่ครับ    เดี๋ยวลองฟังนะครับ"    ผมเลยพลอยได้ใจสุดๆ   เลยเล่นต่ออีกเพลงเลย     เพลงที่เล่นต่อนี้ก็เป็นเพลงฮิตอีกครับ   บางคนเค้าเลยร้องตามได้ด้วย   ผมเห็นแล้วก็ยิ้มเลยครับ    ท่าทางทุกคนเค้าจะแฮบปี้กันมาก   ทั้งตบมือทั้งร้องตามกัน   หลายๆคนก็ถ่ายรูปถ่ายวีดิโอกันใหญ่   

         ตอนนี้จากที่มีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปนี้แค่สักสิบกว่าคน   เลยกลายเป็นมีคนอื่นๆมามุงดูกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยครับทีนี้    ตอนนั้นผมก็มีรู้สึกประหม่าขึ้นมาอีกหน่อยๆนะครับ    ไม่เคยมีคนมามุงดูผมเยอะยังงี้มาก่อนเลย     

         พอผมหันไปมองไอ้เนมัน    มันก็ทำท่าทางให้กำลังใจผมเต็มที่เลยครับ  เลยทำให้มั่นใจขึ้นมาได้อีกเยอะเหมือนกัน

         พอเพลงนี้จบลงทีนี้ก็เลยยิ่งมีเสียงตบมือ  โห่ร้อง เป่าปากมากยิ่งกว่าเมื่อกี๊อีกครับ     ดูทุกคนเค้าชอบกันมาก   ไอ้เนมันก็ยิ้มให้ผมด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นเหมือนกับผม     คนที่ยืนดูผมอยู่ตอนนั้นก็เยอะมากทั้งไทยและเทศกันเลย   

         นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในกลุ่มนั้นบางคนก็เลยเข้ามาถ่ายรูปกะผม    จับมือกับผมจนผมรู้สึกเหมือนเป็นดาราไปเลย      แล้วก็เอาเงินที่ส่วนใหญ่เป็นแบงค์ร้อยใส่ในกระเป๋ากีต้าร์ให้  จนผมงี้ตกใจเลยครับ    แทบทุกคนที่ยืนตรงนั้นให้เงินผมกันหมดเลย    หันไปมองอีกทีก็เห็นเงินเต็มไปหมดเลยครับ

         " โห   เยี่ยมสุดๆไปเลยครับ น้อง  ร้องดีจริงๆ    ลูกทัวร์พี่เค้าบอกเลยว่าประทับใจมาก   บางคนเค้าว่าน้องร้องได้ยังกะคนญี่ปุ่นร้องเองเลยนะ     เค้าเลยประทับใจเป็นพิเศษน่ะ   พี่ขอบคุณมากนะ   แล้วปกติน้องมาร้องแถวนี้บ่อยมั๊ยล่ะ   เผื่อพี่จะได้พาลูกทัวร์พี่มาแวะดูอีก    เค้าจะได้แฮบปี้กันแบบนี้ไง"   พี่ไกด์ทัวร์ยิ้มชมผมใหญ่    ผมก็บอกไปว่าจะมาเล่นบ่อยๆเพราะตอนนี้ยังปิดเทอม  เค้าก็ยิ้มแล้วก็เดินพาลูกทัวร์ไปเข้าพักแถวนั้น    ผมกับไอ้เนก็เลยหันมาดีใจกันใหญ่

         " โห....  ไอ่เนมึงดูดิ   ได้ตังค์โคตรเยอะเลยว่ะ    เป็นพันๆเลยนะเนี่ย   ไม่เคยได้เยอะยังงี้เลยว่ะกู"  ผมตื่นเต้นมากๆขณะที่เก็บรวบรวมเงินจากในกระเป๋ากีต้าร์   

         " เออ  ว่ะ  เจ๋งๆๆ รวยเลยมึงวันนี้   ดีใจด้วยเว้ย   ฮ่าๆๆ"   

         " อืม  งั้นเดี๋ยวเรากลับกันเลยก็ได้ว่ะ   ดึกแล้ว   ไปเหอะ"   ผมว่าแล้วก็เก็บข้าวของ   มันก็ช่วยผมเก็บ   เสร็จแล้วเราก็เลยนั่งรถกลับบ้านกัน    ทั้งมันและผมก็นั่งยิ้มคุยกันไปตลอดทาง   

         วันนี้ผมโชคดีจริงๆครับ    ถ้าเป็นเมื่อก่อนถึงผมจะโชคดีขนาดนี้ผมก็อาจจะไม่ได้ดีใจและเป็นสุขได้ขนาดนี้มั๊ง   

         แต่นี่เป็นเพราะผมมีมันอยู่ด้วยน่ะครับ     ได้มีมันอยู่ร่วมยินดีไปกับผมอย่างนี้มันรู้สึกเลยว่าความสุขนั้นมันยิ่งมีค่ามีความหมายกับผมมากยิ่งขึ้นไปอีก   

         อยากขอบคุณมันจริงๆครับ   
                                                                       
                                                                              **************
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-10-2010 21:01:29
ตกเร็วจัง ขอดันหน่อยแล้วกันครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-10-2010 21:19:19
ดีค่ะเพื่อนรัก
แต่ต่อไปจะเป็น รักเพื่อนรึเปล่า
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-10-2010 21:36:13
อิอิ ตอบคุณ yayee2 ครับ หลังๆก็ต้องติดตามครับ บอกได้ว่ามีแน่  แต่ต้องดูกันไปครับว่าจะเป็นไปในรูปแบบไหน   เนื้อเรื่องตอนหลังนี้จะยาวขึ้นอีกน่ะครับ  อีกหน่อยอาจจะไม่ได้เป็นแค่เรื่องสั้นแล้วก็ได้  ลองติดตามต่อไปนะครับผม o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 15-10-2010 11:22:39
ไม่ยักรู้แฮะว่าอินเล่นดนตรี+ร้องเพลงเก่งมากมาย ทั้งเพลงไทยและเทศเลยอ่ะ
จะรอดู เพื่อนรัก...กลายเป็น...รักเพื่อนนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 15-10-2010 13:05:23
อ๋อ  ก็คือยังงี้ครับ ปิ๊ง  เด็กวัดน่ะมันก็ไม่ค่อยมีอะไรทำนะบางทีมันก็หัดเล่นกีต้าร์ตามรุ่นพี่ๆที่เล่นน่ะ   ทีนี้่ถ้าอยากเล่นเก่งๆก็ต้องหาเอาเพลงมาแกะเพื่อจะเล่นหลายๆเพลงหน่อย  ทั้งเพลงไทย ฝรั่ง หรือแม้แต่ญี่ปุ่นอะ    ในที่นี้ให้อินมันเล่นเก่งๆหน่อยแล้วกัน  ถือว่าเป็นพรสวรรค์มันน่ะครับ  แล้วเจ้าเนก็เคยเรียนดนตรีมาบ้างก็มีพื้นฐานดีอยู่  กะจะวางเรื่องให้เป็นอย่างนี้แหละครับผม   
   
   ก็ขอบคุณปิ๊งและทุกๆท่านที่มาติดตามอ่านด้วยครับ   ตอนหน้าจะตามมาเร็วๆนี้ครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: badmanners ที่ 15-10-2010 14:17:02
แหม...




กูก็นึกว่าจะได้ดูหมีพูห์ปี้กันซะละ
 :เฮ้อ: :z2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 15-10-2010 19:01:00
อ่านะ 

มาทำเสียเรื่องเค้าอีกละ  อิอิ :serius2:


แล้วเรื่องของตัวเองน่ะเมื่อไหร่จะมาต่อฟระ


ชา่วบ้านเค้ารออ่านกันไม่ใช่เรอะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 15-10-2010 22:34:54
มาให้กำลังใจแล้วนะครับ อ่านแล้วก็เพลินดี  แต่รู้สึกว่าสมกะชื่อเรื่องเลยนะ คือ มีแค่มึง กะ กู คุยกันอยู่แค่สองคน นานๆ จะมีตัวประกอบเดินผ่านฉากบ้างนิดหน่อย  น่าจะมีบุคคลอื่นๆ เข้ามาแจมบ้างนะครับ เพื่อสร้างสีสรร และเพิ่มอรรถรส ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
     ถึงจะเป็นเรื่องแรก แต่ก็ ok อยู่นะ แล้วต่อไปฝีมือก็จะพัฒนาไปได้เรื่อยๆ เองแหละ  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดชรา ที่ 16-10-2010 09:52:17
ติดตามอยู่นะครับ  เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 16-10-2010 19:48:44
ขอบคุณครับพีั่อินที่แนะนำ  ตอนหลังๆจะมีบทคนอื่นๆมาเพิ่มละครับ   บางทีเขียนไปเราก็อยากเน้นแค่สองคนมากไป  เพราะนึกบทคนอื่นที่เข้ามาแทรกไม่ค่อยออก  แต่ก็กำลังเพิ่มตัวละครละครับผม  น่าจะสนุกขึ้นแล้ว  ก็ติดตามกันต่อไปนะครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 16-10-2010 20:37:37
ตามอยู่เหมือนกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 18-10-2010 13:59:59
ขอดันอีกทีนะครับ  เผื่อจะมีใครอ่านเจอเพิ่ม อิอิ o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 18-10-2010 22:09:30
แป่ว พี่เจ้าของกระทู้(เอ่อ ชื่อไรแล้วอ่าคับ) ยังไม่มาต่ออีกเหรอค้าบ

ไม่เป็นไรๆ มานั่งจองคิวรออ่านต่อคับ (=w=)
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-10-2010 21:15:45
ดันมากไป ระวังเหนื่อยเน้อ 555

เอาใจช่วย รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 20-10-2010 00:07:09
ช่วย กัน ดัน ๆ

อิ อิ

สนุก มาก ครับ

หา ตังค์ ใช้ เอง

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 20-10-2010 00:16:25
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 8 แล้ว สนุกนะครับ ติดตามได้หน้า 3 : 14/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 20-10-2010 14:08:25
 
ขอบคุณทุกๆท่านที่รออ่านนะครับ                                                    

ตอนที่8
       (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)
                               *****************

         และแล้ววันที่ทำให้ผมได้รู้ว่าทำไมมันถึงต้องบาดหมางกับพ่อของมันอย่างนี้ 

         และทำไมชีวิตที่ผ่านมาของมันถึงได้ล้มเหลวไปหมดก็ได้มาถึงซะที

         ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนอีกอย่างของชีวิตมันและผมครับ       

         วันนั้นผมก็ไปหามันที่บ้านเหมือนเคยเพื่อไปซ้อมกีตาร์และแกะพวกเพลงที่เราจะเอาไปเล่นโชว์ที่ตรอกข้าวสารน่ะครับ      พอไปถึงก็พบว่าแม่มันออกไปแล้วผมก็เลยเข้าไปเริ่มซ้อมกีต้าร์กับมัน   

         แต่พอเล่นๆอยู่ไอ้เนมันก็ดันทำสายกีตาร์ขาดไปสายนึงมันก็เลยบอกว่าจะออกไปซื้อใหม่ที่ร้านเครื่องเขียนแถวนั้น
         
         " มึงรออยู่นี่แหละ   เดี๋ยวกูมา"   มันบอกแล้วก็รีบเดินออกจากห้องไป    ผมเลยนั่งซ้อมเพลงไปพลางๆ   สักแป๊บนึงก็เดินไปหยิบหนังสือเพลงที่ชั้นวางมาดูเพลงอื่นๆเพิ่มแต่ว่าไม่ทันระวังก็เลยปัดโดนถ้วยที่มันใส่เศษเหรียญล้มลง   

         เศษเหรียญเลยกระจายลงบนพื้น   บางอันก็กลิ้งเข้าไปใช้ชั้นด้วยผมเลยต้องนั่งลงเก็บ   เฮ้อ  หางานเพิ่มทำไมวะเรา

         แต่ในขณะที่ผมก้มลงเอามือล้วงเข้าไปใต้ชั้นวางของนั้น   ก็มองไปเห็นกล่องใบหนึ่งอยู่ใต้นั้นผมเลยเอื้อมดึงกล่องออกมาก่อนเพื่อจะได้เอื้อมไปเก็บเหรียญได้     แต่ความที่ตัวกล่องมันเก่ามากกระดาษมันคงเปื่อยเลยขาดออกจากกันดังแคว่กเลยครับ

         " เอ๋า..... เวรแล้วกู"   ผมบ่นกับตัวเองแล้วก็รีบเก็บกล่องที่ขาดรวบเข้ามาด้วยกันแต่ก็ได้เห็นว่าภายในกล่องนั้นมีกรอบรูปที่ดูเก่าๆหลายอันซ้อนกันรวมอยู่กับอัลบั้มรูป     

         ทันทีที่ผมเห็น   ด้วยความแปลกใจผมเลยหยิบกรอบรูปอันหนึ่งมาดูก็เห็นว่าเป็นภาพแม่มันแต่คงเป็นตอนท่านยังสาวๆนะครับ   ท่านกำลังนั่งอุ้มเด็กสองคนที่น่ารักมากแต่ผมก็นึกแปลกใจที่ถ้าเด็กคนนึงคือไอ่เนแล้วเด็กอีกคนคือใครล่ะ

          " เฮ้ย  ไม่รู้สายกีตาร์ยี่ห้อนี้มันจะดีรึป่าวว่ะ   เค้ามีแค่แบบนี้"   ไอ่เนเปิดประตูเดินเข้ามาพอดีครับ     ผมก็กำลังจะหันไปถามมันเรื่องรูปนี้พอดี    แต่พอมันหันมาเห็นกล่องและกรอบรูปที่ผมถืออยู่เท่านั้นแหละครับ    มันก็พุ่งเข้ามาหาผมทันที

         " เฮ้ย  อะไรวะ  มึงมายุ่งอะไรกะของกูวะเนี่ย"   มันโวยวายเสียงดังแล้วก็กระชากกรอบรูปในมือผมไป   แล้วก็ผลักผมซะกระเด็นหงายไปเลยครับ     ผมตกใจมากแล้วก็ตามมาด้วยความรู้สึกงงเต็มที่   แต่พอเริ่มตั้งสติได้ก็กลายเป็นโมโหไปเลย

         " อะไรของมึงวะ   มาด่ากูทำไมเนี่ย   แค่กูดึงเอากล่องนี่ออกมาเพราะกูจะเอื้อมไปเก็บเหรียญที่กูทำตกให้มึงน่ะ   มันเป็นอะไรวะ  มึงถึงต้องทำหวงของแล้วมาโกรธกูซะขนาดนี้อ่ะ"    ผมยืนขึ้นแล้วโวยใส่มันไปด้วยความโมโหลืมตัวไปเลยครับ   

         แต่มันยังคงก้มหน้านั่งนิ่งถือกรอบรูปนั้นแล้วก็ค่อยๆวางลงในกล่อง     ด้วยความที่ผมก็โกรธมันเลยเดินไปหยิบกีต้าร์แล้วกำลังจะเดินออกไปจากห้อง

         " เฮ้ย   เดี๋ยว ไอ่อินอย่าเพิ่งไป    กู...   กูขอโทษว่ะ   ขอโทษที่โวยวายด่ามึงนะ..."   มันรีบลุกขึ้นยืน    เสียงมันสั่นแล้วก็เริ่มมีน้ำตาไหลตามมา   สีหน้าของมันทั้งเศร้าและดูสับสน   

         แล้วมันก็เริ่มเอามือมากุมขมับแล้วมันก็ทรุดลงไปนั่งอีก     ผมหันไปเห็นอาการของมันแล้วก็ใจหายเลยครับ   ความโกรธเมื่อกี๊หายไปทันที     ผมเลยวางกีต้าร์แล้วรีบเดินกลับไปนั่งข้างมัน

         " เฮ่ย   นี่มึงเป็นอะไรไปวะ  ไหนบอกกูดิ๊  กูงงไปหมดแล้ว   นี่มันเกิดอะไรกันแน่วะ"    ผมจับไหล่มันแลัวก็มองหน้าสบตากับมัน    มันก็ปาดน้ำตาทิ้งแล้วก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

         " กูผิดเองว่ะ   มึงเองไม่ใช่คนไว้ใจไม่ได้จะได้เที่ยวมารื้อค้นของๆกู   กูก็รู้ดี...   กูขอโทษนะเว้ย"  มันสะอื้นเบาๆ

         " เออๆ  กูก็ผิดด้วย   เมื่อกี๊กูก็โมโหมึงไปหน่อยว่ะ   แต่ว่านี่มึงร้องไห้ทำไมวะ   มันเกี่ยวกับรูปพวกนี้เหรอไง   ถ้ามันเป็นงั้นกูว่ากูเองนะที่ต้องขอโทษมึงน่ะ"   ผมมองหน้ามัน   มันก็ถอนหายใจยาวเหมือนมันพยายามรวบรวมความตั้งใจที่จะบอกกับผม

         " ไม่หรอกมึงไม่ผิดหรอกว่ะ    ทุกๆอย่างนี่มันเป็นปมปัญหาชีวิตของกูเอง    วันนี้กูอยากเล่าทุกๆอย่างให้มึงรับรู้ว่ะ  ในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่กูรักที่สุดนะ  มันคงถึงเวลาแล้ว"    มันบอกแล้วก็หยิบกรอบรูปอันนั้นขึ้นมาให้ผมดู   

         " ทุกอย่างที่เป็นอดีตที่เลวร้ายของกูน่ะกูก็แค่อยากพยายามลืมนะ    ถึงต้องเอามาเก็บไว้ที่นี่  เพราะกูทนที่จะเห็นมันอีกไม่ได้จริงๆ    นี่เป็นรูปแม่กูนั่นแหละ   เค้ากำลังอุ้มกูกับน้องชายกูน่ะ"   มันชี้ไปที่ตัวมันและเด็กอีกคนในรูป

               " หือ   นี่คือน้องชายของมึงเหรอวะ"   ผมตะลึงไปเลยแล้วจ้องมองเด็กในรูปนั้นเพราะแปลกใจที่อยู่ๆก็ได้รู้ว่ามันมีน้องอีกคน

         " อืม...  ใช่   แต่ว่า...  น้องกูตายไปนานแล้วล่ะ   ตั้งแต่เด็กน่ะ"    มันบอกผมด้วยสีหน้าเศร้าแล้วก็ก้มหน้านิ่งไปนิดนึง   ผมสิ  พอได้ฟังอย่างนี้แล้วก็เล่นเอาอึ้งไปเลยครับ    แต่ก็เอื้อมมือไปจับมือมันไว้เพราะรู้สึกว่าใจมันตอนนี้คงแย่แล้ว  มันก็ยิ้มแค่มุมปากให้ผม

         " ขอบใจว่ะ   แต่...ให้กูเล่าต่อนะ   กูอยากบอกมึงทุกๆอย่างซะให้หมดๆไปวันนี้      แล้วต่อจากนี้ไปกูก็จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจเป็นเหมือนความลับระหว่างเราอีกว่ะ...  นะ"   ผมก็พยักหน้าให้มันอย่างเข้าใจ

         " ตอนนั้นน่ะกูเด็กๆ   แล้วน้องกูจะซนมากๆ  ดื้อจนใครเตือนใครห้ามก็ไม่ค่อยฟัง    มีวันนึงกูกับน้องกูเล่นกันอยู่ตรงชั้นบนแม่กูก็ดูอยู่     แต่พอดีแม่กูเค้าไปหยิบของก็แค่แป๊บเดียวเองนะ   แป๊บเดียวจริงๆตอนนั้นกูเล่นรถอยู่เพลินๆ  น้องกูก็ดันซนไปปีนตรงบันไดแล้วก็ลื่น"  มันเล่าไปด้วยเสียงที่ยังสั่นๆ  ตามันก็เริ่มจะมีน้ำตาคลอ 

         " กูก็พยายามจะคว้ามือไว้แล้ว    แต่ก็ไม่ทันอ่ะ    น้องกูก็เลยตกบันไดลงไป   แม่กูก็มาคว้าไม่ทัน"    มันพูดถึงตรงนี้แล้วก็สูดลมหายใจลึก    เหมือนกับจะฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา   ผมเห็นแล้วก็สงสารมันจริงๆครับ

         " น้องกูตกลงไปแล้วก็แน่นิ่งไปเลย    กูก็ตกใจได้แต่นั่งร้องไห้   แม่กูก็ร้องไห้วิ่งลงไปดูน้อง  แต่น้องกูก็คง....  ตายไปแล้ว
ตั้งแต่ตอนตกไปแล้วน่ะ"   มันพูดแล้วก็ก้มลงมองที่รูปภาพแม่กับน้องมัน 

         " มันคงเพราะกูเองที่ไม่ดูน้องให้ดีอ่ะ  เพราะกูมัวแต่เล่น  เพราะกูที่ช่วยน้องไม่ทัน   ใช่มั๊ยวะ  กูผิดเองอ่ะ  ฮือๆๆ"   มันกอดรูปภาพนั้นแนบอกแล้วก็ร้องไห้ออกมาจนตัวสั่น      ผมเลยกอดมันไว้พยายามจะปลอบมันแต่ก็ไม่ไหวครับ    เพราะสงสารมันจนทนไม่ไหวร้องไห้ไปกับมันด้วยซะแล้ว

         " เออ...  มึงจะโทษตัวเองทำไมวะ   ก็มึงยังเด็กอ่ะ  แล้วมึงก็พยายามแล้วด้วย   มันสุดวิสัยจริงๆน่ะ   มึงอย่าโทษตัวมึงเองเลยนะเว้ย... "    ผมก็ยิ่งกอดมันแน่นและลูบหลังมัน    อยากจะปลอบมันนะ  แต่ว่าใจผมเองตอนนี้ก็ดูจะพอๆกันกะมันเลย

         " แต่พ่อกูอ่ะเค้าโกรธกูมาก   ว่ากูทำไมไม่ช่วยน้อง  ไม่ดูน้องให้ดี  อยากให้น้องตายหรือไง   กูก็ไม่รู้จะทำยังไง   กูช่วยน้องแล้วแต่กูช่วยไม่ทันจริงๆอ่ะ    เค้าก็ไม่ฟังกูเลย   พาลโกรธเกลียดกูมาจนถึงทุกวันนี้แหละ    แค่ที่กูทำน้องกูตายกูก็เสียใจมากแล้วแต่พ่อกูไม่เคยเข้าใจกูเลย   ไม่เคยเลย   ฮือๆๆ"   มันยังคงฟูมฟายเรื่องที่พ่อโกรธมัน   

         ผมเองฟังแล้วก็นึกในใจว่าทำไมพ่อมันถึงไม่มีเหตุผลเอาซะเลย   เค้าน่าจะสงสารไอ้เนมันบ้าง   แค่น้องตายทั้งคนมันก็เสียใจจะแย่แล้ว    ทำไมยังมาพาลโกรธมันให้มันต้องเสียใจหนักเข้าไปอีก     

         แต่พอลองนึกดูอีกทีผมก็นึกได้ว่าพ่อมันก็คงต้องเสียใจมากเหมือนกันที่เสียลูกไป   คิดว่าเค้าคงทำใจไม่ได้มากกว่า    ซึ่งผมก็คิดเอาเองนะครับตอนนั้น

         " เฮ้ย...  มึงฟังกูนะ พ่อมึงน่ะกูว่าเค้าคงไม่ได้เกลียดมึงจริงๆหรอก   มึงเป็นลูกเค้านะเว้ย   ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนเกลียดลูกได้จริงๆหรอก   เค้าคงแค่รับไม่ได้น่ะ  ลูกตายไปทั้งคนนะเว้ย     แล้วเค้าก็คงโทษมันไปหมดทุกอย่างแหละว่ะ     ก็ยังดีนะที่เค้าไม่โทษแม่มึงว่าผิดไปด้วยจนต้องเลิกกันไปอะไรยังงั้น     เพราะงั้นที่พ่อมึงเค้าเป็นยังงั้นมันก็น่าเห็นใจแหละ"

            " แต่มึงเองก็น่าสงสารที่ต้องมารับเคราะห์ที่ยิ่งซ้ำเติมให้มึงเสียใจมากไปอีก    แต่ตอนนี้ที่กูบอกมึง  มึงก็คงพอเข้าใจแล้วนะเว้ย    ว่าพ่อมึงลึกๆแล้วเค้าก็ยังรักมึงอยู่ดี    กูเชื่ออย่างนั้นว่ะ"   ผมบอกแล้วก็ตบไหล่มันเบาๆแล้วโอบไหล่มันไว้

         " ยิ่งตอนนี้เค้าเหลือแค่มึงคนเดียวแล้วนะเว้ย    เค้าต้องยังรักมึงแน่ๆมึงเชื่อกูเหอะ  กูมั่นใจว่ะ"   ผมสรุปในที่สุด   คิดว่าถ้ามันเข้าใจที่ผมบอกมันก็คงเข้าใจพ่อมันได้

         " อืม   มึง.. คิดงั้นจริงๆเหรอวะ   พ่อกูจะแค่เสียใจ   แต่ไม่ได้เกลียดกูจริงๆเหรอวะ"  มันยังถามผมอย่างสับสนและลังเล

         " ก็... อย่างที่กูบอกมึงนะ   กูยังเชื่อว่าคนเป็นพ่อแม่น่ะ  ไม่มีใครเกลียดลูกตัวเองได้ลงจริงๆหรอกว่ะ   หลวงตาเองท่านก็บอกกูอย่างนั้นเหมือนกัน    กูก็เชื่อมาตลอดแล้ววันนี้กูก็อยากจะขอให้มึงเชื่ออย่างนั้นด้วยเหมือนกันนะ    แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้นได้เอง   อย่างน้อยๆมึงก็จะไม่ต้องน้อยใจพ่อมึงอีกแล้ว   เพราะตอนนี้มึงก็คงเข้าใจดีแล้วนะ   ว่ายังไงเค้าก็ยังรักมึงอยู่ดี"   

         " สำหรับเรื่องน้องมึง   กูก็ขอร้องมึงนะ   ว่ามึงอย่าโทษตัวเองอีกเลย   ตอนนี้มึงก็คงคิดได้แล้วนะว่ามันไม่ได้เป็นความผิดมึงเลย    แล้วก็ไม่ได้เป็นความผิดใครทั้งนั้น    เรื่องนี้มันคงหลอกหลอนมึงมาชั่วชีวิตแล้ว     ให้มันจบไปแค่นี้เหอะว่ะ...   นะ... "  ผมบอกแล้วก็กระชับวงแขนที่โอบไหล่มันอยู่ให้แน่นขึ้นเพื่อย้ำให้มันเข้าใจอีกครั้ง

         " ต่อไปนี้ชีวิตมึงก็จะได้หลุดพ้นไอ้ฝันร้ายอันนี้ไปซะทีน่ะ      กูอยากให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ   ได้มั๊ยวะ  ไอ่เน    กูก็จะไม่ขออะไรแล้ว   ก็แค่อยากเห็นเพื่อนกูมีความสุขได้จริงๆซะทีเท่านั้นเองว่ะ"   ผมบอกแล้วก็จ้องหน้ามัน   เราสบตากันนิดนึง   มันก็ยิ้มออกมาอย่างยอมรับและเข้าใจในทุกอย่างที่ผมบอก  แล้วก็กอดผม

         "  เออ... เอาล่ะ  กูเข้าใจแล้วนะ   เข้าใจทุกอย่างแล้วจริงๆ    ต่อไปกูก็จะไม่โทษตัวเองแล้วว่ะ   มึงจะได้หมดห่วงนะ    นี่ถ้ากูไม่มีมึงนี่  กูจะเป็นไงวะ   คงคิดไม่ได้อย่างนี้แน่    กูขอบใจมึงจริงๆนะเว้ย"   มันกอดผมแน่นแล้วก็ขอบคุณซ้ำๆอยู่อย่างนั้น   

         ผมว่ามันคงดีใจมากนะครับ   ซึ่งก็ไม่ต่างกับผมตอนนี้   ผ่านพ้นไปซะทีนะ   ปัญหาและเรื่องเลวร้ายทุกๆอย่างในชีวิตมัน

         " เออ   แล้วเรื่องพ่อมึงน่ะ    มึงก็ต้องลองคุยกับเค้านะ    พ่อลูกกันน่ะมันไม่ใช่คนอื่นเชื่อเหอะว่าสุดท้ายแล้วมึงกับเค้าจะต้องเข้าใจกันได้แน่ๆว่ะ... นะเว้ย     มึงเองก็รักเค้านี่   ก็บอกเค้าไปเลยว่ามึงน่ะรักเค้ามาก"   มันก็หันมามองผมด้วยสีหน้าที่ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก

         " เอาน่ะ   มึงลองดูก่อนนะ   กูว่าพ่อมึงเค้าจะเข้าใจมึงได้เองว่ะ     อย่าลืมว่าทุกวันนี้มึงยังมีเค้านะ     ยังมีโอกาสทำดีตอบแทนอะไรเค้าได้    แต่กูเองสิ   กูไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วนะเลยยังต้องเสียใจอยู่อย่างนี้    กูไม่อยากให้มึงเป็นเหมือนกูว่ะ   มึงเข้าใจมั๊ย"  ผมบอกแล้วก็ตบไหล่มันเบาๆเป็นการย้ำมันให้เข้าใจ   

         " อืม  กูเข้าใจแล้วว่ะ    นี่กูดีใจมากเลยว่ะ  ไอ่อิน  กูคิดถูกจริงๆที่วันนี้กูเล่าให้มึงฟังทั้งหมด   ตอนนี้กูสบายใจมากๆ   มันโล่งเหมือนยกภูเขาออกไปเลยจริงๆว่ะ "  มันยิ้มออกมาได้แล้ว

         ที่แท้เรื่องราวทั้งหมดก็คือแบบนี้เอง    มันถึงได้บาดหมางกับพ่อมันมาตลอด     คนอย่างไอ้เน  ใจร้อน  ไม่ลงให้ใครเลยแบบนี้    ลองถ้าพ่อมันแรงมา   มันแรงกลับไปอีกไม่รู้กี่เท่าแน่ๆ   ที่ผ่านมาก็คงมีแต่เรื่องปะทะคารมกันมาตลอด   จนมันกลายเป็นอย่างนี้   

         ตั้งแต่นั้นมา   คงแทบจะไม่มองหน้ากันเลยนะทั้งพ่อทั้งลูก    แต่ต่อไปก็น่าจะดีขึ้นแล้ว   ไอ่เนมันคงเข้าใจพ่อมันบ้างแล้วน่ะครับ   

         " เออ  กูเห็นมึงยังงี้แล้วกูก็สบายใจแล้วว่ะ   เออ  แล้วรูปพวกนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ"  ผมถามมัน    มันก็ก้มลงไปเก็บรูปและของทุกอย่างลงในกล่องเหมือนเดิม

         " กูว่ากูคงจะยังต้องเก็บมันไว้อย่างนี้ก่อนนะ     เพราะว่าแม่กูเองน่ะ  ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้เหมือนกัน   เค้าก็ยังโทษตัวเองอยู่บ้างนะ   ถ้าเค้ากลับมาเห็นมันอีกเค้าอาจจะเสียใจอีกก็ได้ว่ะ" 

         " อืม งั้นก็เก็บไว้แบบนี้ก่อนแล้วกัน   สงสารแม่มึงจังว่ะ   เค้าคงเสียใจมากแหละ"  ผมสรุปเอาเอง   แม้จะนึกไม่ออกว่าแม่มันจะเสียใจแค่ไหน    แต่ก็คิดว่าสำหรับคนเป็นแม่คงไม่มีอะไรน่าเสียใจมากไปกว่าการต้องเสียลูกไปอีกแล้วละครับ

         " ใช่ว่ะ   แม่กูเสียใจมากที่สุดไปแล้ว   ต่อไปนะเว้ยกูจะต้องทำตัวดีๆให้ได้เลย    แม่กูจะได้ไม่ต้องเสียใจอีก    เค้าก็เหลือแค่กูแล้ว   กูเลยคิดได้นะ   ว่าจะไม่ทำให้เค้าเสียใจเพราะกูอีกว่ะ"  มันบอกผมด้วยสายตาที่มุ่งมันจริงจัง

         " เออ  เยี่ยมเลย  มึงตั้งใจอย่างนี้ก็ดีแล้ว  รักแม่มึงให้มากๆนะเว้ย    ที่จริงตอนนี้แม้แต่กูเองกูก็ไม่รู้ทำไมนะ  กูเองก็รักแม่มึงมากว่ะ  รู้สึกเหมือนว่าท่านก็เป็นแม่กูจริงๆเหมือนกัน    เพราะถ้าแม่กูยังอยู่นะ   แม่กูก็คงน่ารักและใจดีเหมือนกับแม่มึงนี่แหละ   อดคิดไม่ได้นะว่าถ้ากูเป็นลูกแม่มึงจริงๆอีกคนก็คงดีนะ"  ผมเล่าไปก็ยิ้มไป    ลืมตัวเผลอบอกมันจนได้ว่าผมรู้สึกยังไงกับแม่มัน

         " มึงคิดงั้นจริงๆเหรอวะ    เออ  ถ้าแม่กูรู้เค้าคงดีใจอ่ะ    เพราะว่าเค้าก็รักมึงจะตายทุกวันนี้อ่ะ   อะไรๆก็มึง  พูดถึงมึงตลอด   มึงดีอย่างนั้น  ดีอย่างนี้  บอกให้กูเอาตามอย่างมึง    สงสัยเพราะกูเองอ่ะ   เชียร์มึงมากไปหน่อย สาธยายความดีของมึงให้เค้าฟังตลอดเลย  ฮะๆๆ "    มันหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี  ผมเลยหันไปจ้องหน้ามัน

         " หือ  เชียร์กูเนี่ยนะมึง   แล้วมึงจะมาเชียร์อะไรกูทำไมเนี่ย"   ผมสงสัย

         " ก็มึงจำได้มั๊ยล่ะว่า   กูเคยขอให้มึงมาอยู่ด้วยกันกะกูซะที่นี่เลยน่ะ     แล้วมึงก็บอกใช่มั๊ยว่าจะให้มาอยู่ในฐานะอะไร   ก็นี่ไงมาอยู่ในฐานะลูกแม่กูอีกคนไง    แล้วตอนนี้กูก็ทำให้แม่กูอ่ะเค้าเริ่มอยากจะให้มึงมาเป็นลูกจริงๆแล้วอ่ะ   แค่มึงตกลงเท่านั้นแหละ   นะเว้ย"   ผมฟังมันแล้วก็ทำหน้าไม่ถูกเลยครับ   

         อย่างแรกผมไม่รู้ว่าจะโกรธที่มันเจ้ากี้เจ้าการไม่ถามเราก่อน   หรือว่าผมควรจะดีใจที่มันทำให้ความหวังผมเป็นจริงแล้วดีนะ      ไอ้ที่เคยพูดกันไว้ผมก็นึกว่ามันคงแค่พูดเล่นๆเท่านั้น    ที่จะให้ผมมาอยู่กับมันเลยน่ะ   

         " โห  นี่มึงลงทุนจังนะ   กูก็เคยบอกแล้วว่าที่จริงกูเกรงใจมึงกับแม่มึงตะหาก   ถึงใจกูจะอยากเป็นลูกแม่มึงจริงๆแต่มันก็ไม่น่าจะเร็วและง่ายๆอย่างนี้น่ะ    เราก็เพิ่งมาคบกันจริงๆได้แค่กี่เดือนเอง  แม่มึงก็เพิ่งได้คุยกะกูแค่ไม่เท่าไหร่อ่ะ  มันอาจเร็วไปว่ะ     ขอเวลาให้กูหน่อยละกัน    แต่ว่านะ...."  ผมบอกแล้วก็สบตามันนิ่ง

         " ยังไงกูก็ต้องขอบใจมึงที่รักกู  ไม่เคยรังเกียจกูเลย   กูมันก็แค่เด็กวัดกำพร้าเอง   แต่ว่ามึงกับแม่มึงก็ยังรักและเอ็นดูกูมากขนาดนี้    กูก็พอใจแล้วว่ะ   และหลังจากนี้กูก็จะขอรักและนับถือเค้าไปอย่างนี้แหละว่ะ   มึงคงเข้าใจกูนะเว้ย"    ผมได้บอกสิ่งที่ผมรู้สึกกับมันไปแล้ว   มันก็ดูจะเข้าใจผมดี   

         วันนี้ผมดีใจมากครับที่ได้เคลียร์ปัญหาคาใจของมันลงไปได้แล้ว   

         ต่อจากนี้ชีวิตของมันคงจะเปลี่ยนไป   ที่ร้ายมันคงกลายเป็นดีได้ซะที   
       
         กูดีใจด้วยจริงๆว่ะเพื่อน.................................     

         ส่วนตัวผมนั้นก็ยิ่งดีใจครับที่ได้รู้ว่าแม่มันเริ่มรักและเอ็นดูผมมากเหมือนเป็นลูกจริงๆแล้ว   

         แต่ก็นั่นแหละครับ    เวลานี้ผมก็คงได้แค่รักและนับถือท่านไปอย่างนี้แหละ   

         มันดีที่สุดแล้วในความคิดของผม ณ ตอนนี้นะครับ   

                                                                                           ************                           
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 9 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: RomeO_C_Leng ที่ 20-10-2010 17:16:20
มาต่ออแล้ว

ขอบคุณนะค้าบบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 9 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 20-10-2010 20:44:45
สงสารเนนะ ต้องอยู่กับความรู้สึกที่ตัวเองเป็นคนผิดและคิดว่าพ่อยังโกรธอยู่
อิน ได้ช่วยไว้อย่างมากเลยนะ คำว่า เพื่อน มันก็ดีแบบนี้แหละ เนอะ
 :กอด1: น็อต
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 9 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 20-10-2010 21:49:45
อินลืมตัวเผลอบอกว่ารู้สึกยังไงกับแม่ของเน
แล้วเมื่อไหร่จะลืมตัวเผลอบอกว่ารู้สึกยังไงกับเนซักทีน้า
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 9 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 21-10-2010 18:36:40
ขอดันไปหน้าแรกอีกทีครับ  ตกเร็วมาก

เผื่อใครอ่านเจอ

ก็งี้่แหละครับ  นิยายขายไม่ดีต้องดันเอง อิอิ o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 9 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 21-10-2010 19:27:22
มาช่วยดันค้า  :L2:
มิตรภาพจะเปลี่ยนไปแบบไหนหน๋อออ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 9 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 22-10-2010 21:00:11
 :z10:
มาดันอีกแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 9 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 23-10-2010 19:10:36
รีบมาอัพแล้วนะครับ

ตอนที่9             (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)  

                              *****************

         ทุ่มกว่าแล้ว   ผมยังนั่งเล่นกีต้าร์อยู่กับมันจนแม่มันกลับมาพร้อมกับหอบหิ้วอาหารมากมายจากร้านของน้าติ๋วเพื่อนแม่นั่นเองครับ   แล้วแม่ก็เลยบอกให้ผมอยู่ทานด้วยกันเพราะว่าได้เอามาเผื่อผมด้วย    

         ค่ำนั้นผมก็เลยได้กินอาหารแสนอร่อยกับไอ่เนและแม่ของมัน   เรานั่งคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานเลยครับ   แม่เล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟังหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องไอ่เนตอนเด็ก   แต่พอเล่าๆไปแม่ก็ดูอึ้งๆไปนิดนึงแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องไปเลย   ซึ่งผมก็พอจะเดาได้ครับว่าแม่คงนึกถึงเรื่องน้องไอ่เนแล้วไม่อยากจะเล่าแน่ๆ  

         พอเรากินข้าวกันเสร็จแล้วผมกับไอ่เนก็ช่วยกันล้างจาน   เสร็จแล้วก็เดินมาหาแม่ที่นั่งบนโซฟาดูทีวีอยู่    ผมเลยไปนั่งข้างๆแม่ฝั่งนึง   แล้วมันก็เดินไปนั่งข้างแม่อีกฝั่งนึง

         " แม่  ผมมีข่าวดีจะบอก  ตอนนี้มีคนอยากเป็นลูกแม่อีกคนแน่ะครับ   แม่จะรับรึเปล่าอ่ะ"   อยู่ๆมันก็บอกแม่มัน   ผมก็อึ้งเลย   ไม่ทันตั้งตัวอ่ะครับ  เลยทำหน้าไม่ถูกมองหน้าแม่มันแบบเหวอๆไปเลย  แม่เค้าก็ยิ้มแล้วหันมามองผม

         " อ๊ะ  จริงๆเหรอลูก   ก็ดีน่ะสิ  อยากเป็นลูกแม่จริงๆรึเปล่า  แม่อยากจะมีลูกดีๆน่ารักๆแบบเราจะตายไปน่ะ"  แม่ลูบหัวผมเบาๆ  อย่างเอ็นดู

         " ก็ดีนะ  แม่มีอินเป็นลูกอีกคน   ถ้าเจ้าตัวดีนี่มันเกเรอีก  แม่จะได้ตัดหางปล่อยวัดมันไปได้เลยไง  เพราะว่ามีอินอยู่แล้วทั้งคนก็ไม่ต้องไปห่วงแล้วเนอะ"  แม่หันมากอดผมแล้วก็หันไปยิ้มเยาะไอ่เน   มันก็หน้าหุบทันที

         " โห่....  แม่อ่ะ   ก็ผมเป็นเด็กดีแล้วอ่า  ทำไมเห็นลูกใหม่ดีกว่าผมเนี่ย   ไม่ยอมด้วย  ฮึ"    มันแกล้งสะบัดหน้าทำงอน  แม่กับผมก็หัวเราะกัน

         " โอ๋ๆๆ  อย่างอนน๊าลูก   แม่ล้อเล่น  อ้ะ  งั้นรักทั้งคู่นั่นแหละ  นะ..."    แล้วแม่ก็กอดพวกผมทั้งสองคนไว้ด้วยกัน   ผมเองตอนนั้นอยากจะให้เวลามันหยุดไปอยู่แค่นั้นจริงๆครับ  ไม่อยากให้ความสุขนี้มันผ่านไปเลย    

         ถ้านี่เป็นแค่ฝันมันก็คงเป็นฝันที่ดีที่สุดแล้วล่ะสำหรับผมนะ  ผมได้มีแม่อีกครั้ง   แม่ที่รักผมจริงๆเหมือนกับแม่แท้ๆของผมเอง 

         และที่สำคัญผมก็มีมันอยู่ด้วยอย่างนี้   แค่นี้ผมก็คงไม่ต้องการใครอีกแล้วจริงๆครับ

                                                                              -

                                       -

         คืนนั้นผมเลยได้ค้างกับมันที่บ้านอีกครั้งเหมือนกับที่ผ่านมา  วันนี้ผมก็ดีใจมากนะครับที่ได้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นลูกของบ้านนี้จริงๆน่ะครับ    

         แต่ว่าผมเองก็ได้บอกแม่ไปแล้วว่าผมก็ไม่ได้หวังสูงอะไรขนาดนั้น    แค่อยากจะขอนับถือแม่ให้เหมือนกับแม่ผมจริงๆ    ซึ่งท่านก็เข้าใจผมดีแล้วบอกผมว่ายังไงก็รักผมไปแล้วล่ะ   ต่อไปเค้าก็จะถือว่าผมเป็นลูกเค้าจริงๆเหมือนกัน   และเค้าดีใจมากที่จะได้มีลูกที่ดีและน่ารักเพิ่มอีกคนนึง  


         " ถ้างั้นต่อไปอ่ะ   มึงก็ย้ายมาอยู่นี่เลยนะเว้ย   แล้วก็ให้แม่กูรับเป็นบุตรบุญธรรมเลย   นะเว้ย"   มันบอกผมขณะที่เรานอนกันอยู่บนเตียง

         " โห... มึงก็ยังงี้ทุกทีอ่ะ  ก็เอางี้กูขอเวลาอีกหน่อยแล้วกันนะ   ไม่รู้ดิว่ะ  กูอยู่วัดมาตลอดแล้วกูก็ยังอยากอยู่ดูแลหลวงตาท่านน่ะว่ะ"   ผมสรุปความคิดผมให้มันฟัง

         " เฮ้อ   มึงนี่ก็กตัญญูจริงๆ  เออ  ก็แล้วแต่มึงว่ะนะ"   มันพูดเสียงอ่อยๆไปเหมือนผิดหวัง   ผมก็ยิ้มแล้วแล้วหันไปจับไหล่มัน

         " เออ  แล้วมึงจะเหมือนน้อยใจไปทำไมวะ   ยังไงกูก็อยู่กะมึงตลอดอยู่ดีอะ  ไม่ไปไหนหรอก   ถึงกูจะไม่ได้มาอยู่กับมึงที่นี่เลย   แต่กูก็มานี่ตลอดอยู่ดี   มึงจะกลัวอะไรวะ"  

         " อืม  ก็จริงของมึง   แต่ไม่รู้ดิ  ยังไงกูก็ยังอยากให้มึงมาอยู่นี่กะกูอยู่ดีอ่ะ  แต่ว่าก็โอเค  ถ้ามึงเองอยากทำอย่างที่มึงตั้งใจน่ะนะ   กูก็ไม่ฝืนใจมึงหรอก"    มันว่าแล้วก็ยิ้มให้ผมอย่างเข้าใจ  
         
          " เออ   มึงเข้าใจกูก็ดีแล้วอ่ะ นอนเหอะ"  

                                       -

                                       -

         ดึกมากแล้วแต่ผมยังคงนอนไม่หลับ   ฝนตกค่อนข้างหนักอยู่นานแล้วจนอากาศเย็นลงมาก  

         ผมได้แต่นอนมองหน้ามันที่กำลังหลับอย่างสบายแล้วก็นึกถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา  

         แม้จริงๆผมก็อยากมาอยู่กับมันในบ้านนี้ไปตลอด   แต่ผมก็คงยังทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะความไม่เหมาะสมหลายๆอย่างในเวลานี้ที่ผมคิดไว้      

         ใจจริงผมก็ไม่อยากจะให้มันเหมือนเรื่องมากอะไรไปนะ   เพราะตั้งใจแล้วว่าต่อไปจะทำชีวิตให้มันง่ายๆขึ้น   ปล่อยวางอะไรที่ยึดๆติดไว้มันไปซะบ้าง    แต่สำหรับเรื่องที่จะเป็นบุตรบุญธรรมของแม่มันนี่ผมคงตัดสินใจได้แค่นี้จริงๆสำหรับตอนนี้นะครับ

         ขณะที่นอนมองมันอยู่นั้น   จู่ๆมันก็นอนหันมาแล้วกอดผมครับแต่มันก็ยังหลับอยู่   นี่มันเห็นผมเป็นหมอนข้างไปซะแล้วเหรอนี่   

         แต่อยู่ๆผมก็รู้สึกว่า  อยากจะกอดมันบ้าง   ผมก็เลยพลิกตัวไปกอดมันแต่มันก็ยังคงหลับสนิท    

         ผมเลยลองสะกิดมันเบาๆ   แต่มันก็ไม่รู้สึก     สงสัยมันคงหลับสนิทจริงๆ

         แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก    ก็คือผมไม่เคยคิดนะว่าแค่เรานอนกอดกันกับมันอย่างนี้มันจะยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ    

         ร่างกายมันอุ่นจัดเพราะอากาศตอนนี้มันเย็นมากและผมกับมันก็ไม่ได้ใส่เสื้ออยู่เลย   ผิวเนื้อของเราจึงสัมผัสกันโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น    

         อกล่ำๆของมันแนบชิดอยู่กับอกผม   และหน้าของผมกับมันตอนนี้ก็ห่างกันแค่คืบเดียวแล้ว   จนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นของมัน    

         ผมมองหน้ามันอยู่อย่างนั้นนานพอสมควร    มองมันที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่

         ตอนนั้นผมเกิดความรู้สึกมากมายอยู่ข้างใน     มากจนไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกัน

         แต่ผมรู้แค่ว่ามันช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆครับ    ก็ไม่รู้ว่าทำไม 

             และที่สำคัญผมอยากจะอยู่อย่างนี้ให้นานที่สุดเลย

         ได้กอดมันอย่างนี้   ใกล้ชิดกับมันอย่างนี้   ได้สัมผัสร่างกายมันอยู่ตรงนี้

         ผมลืมความรู้สึกที่ว่า  ทั้งมันและผมก็เป็นผู้ชายนะ

         ผมลืมไปเลยจริงๆครับ
         
           แล้วผมก็หลับไปในที่สุด
 
                                                                              -

                                       -

         ใกล้สว่างแล้ว  ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเรายังนอนกอดกันอยู่   ผมเลยลุกขึ้นนั่งเพื่อมองนาฬิกา  

         ตอนนั้นตีสี่กว่าแล้วครับ   หันไปมองมันแล้วผมก็ต้องนึกแปลกใจอีกนิดๆว่านี่ผมนอนกอดกับมันนานอย่างนี้เลยเหรอ

         แล้วตอนนั้นทำไมผมถึงได้รู้สึกดีๆอย่างนั้นได้นะ

            แต่ด้วยความที่ยังง่วงอยู่ผมก็เลยนอนต่อไปจนถึงเช้า  ขี้เกียจคิดครับ ขอนอนก่อนแล้วกัน ง่วงจริงๆ

         หลายวันผ่านไปผมก็ยังคงไปมากับบ้านมันอยู่    และก็ยังมีคิดถึงเรื่องคืนนั้นบ้างแต่ก็แค่นิดหน่อย  จนเริ่มลืมๆไป   แม่ของไอ่เนมีกำหนดการว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามอาทิตย์   เพราะท่านบอกว่าการกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้มีแต่อะไรดีๆจนไม่อยากกลับไปที่โน่นอีกเลย  

         จนวันนี้ผมก็มาที่บ้านเหมือนเคยแล้วก็พบว่าแม่กำลังเล่นเปียโนหลังนั้นอยู่พอดีเลยครับ    เลยตื่นเต้นมากที่ได้โอกาสไปนั่งดูแม่เล่นใกล้ๆ

         " เออ  เฮ้ย  กูจะออกไปหารุ่นพี่กูหน่อยว่ะ   เดี๋ยวกูกลับมาบ่ายๆนะ"  ไอ้เนเดินมาบอกผม

         " หือ..  ไปหารุ่นพี่?   คนไหนเหรอวะ  ให้กูไปด้วยมั๊ย"  ผมถามมัน

         " ไม่เป็นไร   มึงอยู่กะแม่กูนี่แหละ   เดี๋ยวบ่ายๆกูก็มา  เออ  ไปล่ะ"    พูดจบมันก็ออกไปทันที   ผมก็เลยนั่งดูแม่เล่นเปียโนต่อ   ซึ่งแม่นั้นเล่นเก่งมากจริงๆครับ   เพลงที่ดูว่าน่าจะยากแต่แม่ก็เล่นได้ดี  เพราะมากๆ  ทั้งที่ท่านก็ทิ้งๆไปบ้างไม่ได้เล่นบ่อยๆ

         " ถ้าเราอยากเรียนนะ  เดี๋ยวแม่ก็จะสอนให้จ้ะ   แต่ก็ต้องฝึกอ่านโน๊ตให้ได้คล่องๆก่อนน่ะนะ   แล้วเราก็ค่อยมาฝึกพื้นฐานกัน"

         " เมื่อก่อนแม่ก็สอนไอ้เนมันด้วยใช่ปะครับ   มันเล่นได้นิดนึงผมเคยเห็นมันเล่นน่ะครับ"   ผมบอกแม่   แม่ก็ยิ้ม

         " จ้ะ  ตอนนั้นมันก็พอเล่นเพลงง่ายๆที่แม่สอนได้หลายเพลง     แม่น่ะเคยตั้งใจไว้จ้ะว่าถ้ามีลูกนะ   แม่จะสอนเปียโนให้เล่นเก่งๆเลย   ไม่ว่าจะมีกี่คนก็เหอะ  ก็จะสอนให้เก่งให้หมดเลย   แม่ถึงได้พยายามสอนเจ้าเนมัน   แต่ก็น่าเสียดายนะที่..."    แม่หยุดคำพูดไว้แค่นั้นจนผมสงสัย   แล้วท่านก็หน้าเศร้าลงไปทันทีเลยครับ

         " เนมันได้เล่าเรื่องน้องที่เสียไปให้ฟังแล้วยังลูก"   แม่หันมาถามผมด้วยแววตาที่เศร้ามากๆจนผมเห็นแล้วเริ่มใจไม่ดี

         " เอ่อ...  ครับแม่   เนมันเล่าให้ฟังแล้วครับ   แต่ว่าเราแค่คุยกันแล้วผมก็บอกมันว่าอย่าโทษตัวเองอีกเลย   มันไม่ใช่ความผิดมันน่ะครับ    เป็นเรื่องสุดวิสัยไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น   รวมทั้งเรื่องที่พ่อก็โทษมันด้วย    ผมสงสารมันน่ะครับแม่    เห็นมันเป็นทุกข์ใจแล้วก็ไม่สบายใจไปด้วย  ไม่อยากให้มันคิดมากเลยครับ"    ผมบอกกับแม่  

         " จ้ะ  ก็เรื่องนี้น่ะตอนนั้นแม่เองแม่ก็เสียใจมากนะ  เพราะเราช่วยลูกไม่ทันจริงๆ    แค่นิดเดียวแท้ๆแต่ก็ไม่ทันจริงๆนั่นแหละ  หลังจากนั้นแม่ก็เหมือนช๊อคไม่รู้สึกตัวไปหลายชั่วโมงเลย   พอรู้สึกตัวก็ได้แค่รู้ว่าลูกตายไปแล้วนะ"   แม่เล่าด้วยเสียงที่เริ่มสั่น   ผมเลยเอื้อมไปจับมือแม่ไว้ทั้งสองมือเพื่อให้ท่านหยุดเล่า

         " แม่ครับ  พอก่อนนะครับ  อย่าเพิ่งพูดต่อเลย   เรื่องนี้มันก็ผ่านไปนานแล้วนะครับ    ผมก็อยากจะให้แม่ทำใจคิดซะว่าน้องไปดีแล้วนะครับ"    ผมจับสองมือของแม่มารวบไว้ด้วยกันแล้วบีบเบาๆเพื่อปลอบใจท่าน   

         " ก็เหมือนกับไอ่เนที่ตอนนี้มันก็พอคิดได้   และไม่โทษตัวมันเองอีกแล้วน่ะครับ    ซึ่งผมดีใจมากนะที่ไม่ต้องห่วงมันแล้ว    และผมจะดีใจอีกมากๆเลยนะครับ    ถ้าแม่จะไม่ต้องเสียใจกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วเหมือนกัน    ผมอยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆนะครับ"   พอพูดจบผมก็กอดแม่   แม่ก็ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วกอดผมแน่น

         "จ้ะ  แม่ขอบใจนะลูกที่เราห่วงแม่    แต่ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะ   แม่จะทำใจให้ได้จ้ะ    น้องน่ะจากเราไปแต่เค้าก็คงไปดีแล้วจริงๆ    ก็คงเหลือแต่พวกเราน่ะนะที่ต้องอยู่กันต่อไปให้ดี"    แม่พูดแล้วก็เอามือประคองใบหน้าผมขึ้นมา    ท่านสบตากับผมแล้วยิ้ม

         " แล้วตอนนี้นะแม่ว่าแม่ก็มีอินเป็นเหมือนตัวแทนของน้องอยู่แล้ว   ขอบใจมากนะลูก   แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วจ้ะ"   พูดจบแม่ก็กอดแล้วก็ลูบหัวผม    

         ผมก็ดีใจมากๆครับ   ดีใจที่ทำให้แม่ไม่ต้องคิดมากอีกแล้ว  

         ต่อไปนี้อะไรที่ค้างคาในใจของแม่ก็คงจะหมดไป   เหมือนๆกับไอ่เนมัน  ทุกอย่างที่เลวร้ายกำลังจะผ่านไปแล้วครับ  

                                       -

                                       -

         บ่ายสามโมงกว่าแล้วไอ่เนมันก็กลับมาที่บ้านด้วยท่าทางอารมณ์ดีเพราะเห็นมันเดินผิวปากมาแต่ไกล   ผมเลยเดินไปหามันอย่างสงสัย

         " ตกลงไปไหนมาวะ  อารมณ์ดีเชียวมึง"   ผมเริ่มถามมันทันที   มันก็ทำหน้าเหมือนตกใจนิดนึงที่อยู่ๆผมก็โผล่มาถามมัน

         " อ๋อ  กูไปดูของกับพี่เอกมาว่ะ  มึงแดกข้าวยัง   แล้วแม่กูอ่ะ"  มันบอกแล้วก็เหมือนทำเป็นถามเรื่องอื่น  อ่ะ มีพิรุธนะมึง

         " ของอะไรกันวะ  ที่มึงว่าเนี่ย   แล้วพี่เอกนี่มันคนไหนเหรอวะ   รุ่นพี่ที่จบไปเหรอ"   ผมยังคงสอบปากคำมันต่อ

         " เออ...  ก็รุ่นพี่เราไง   มึงคงไม่ค่อยรู้จักมั๊ง   กูยังหิวอยู่เลยมีไรกินอีกมั๊ยวะ   ถ้าไม่มีก็เดี๋ยวออกไปกินตรงตลาดดีกว่า"   มันรีบเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วครับ    ไอ่นี่ชักยังไง

         " อืม  ไปก็ไป"  ผมตอบตกลง   แล้วก็เดินไปนั่งกินข้าวกะมันแถวตลาด    เลยบอกกับมันเรื่องที่ได้คุยกับแม่มันวันนี้    ว่าแม่ของมันก็ทำใจไปได้มากขึ้นแล้ว  ต่อไปคงไม่ต้องห่วงแม่อีกแล้ว  มันเลยดีใจใหญ่

         แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย   แต่ผมก็ยังคงสงสัยเรื่องที่มันออกไปกับพี่เอกวันนี้อยู่ดี   ว่าจริงๆแล้วมันไปทำอะไรกันแน่     แต่ก็ขี้เกียจจะสอบสวนไอ้ผู้ร้ายปากแข็งมันแล้วน่ะครับ

                                                                                                              -

                                       -

         ช่วงปิดเทอมนั้นผมก็ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่รับใช้หลวงตาท่านที่วัดแล้วก็ไปๆมาๆแต่ที่บ้านไอ่เนมัน     เราแกะเพลงซ้อมกีต้าร์กันเพื่อจะเอาไปเล่นโชว์หาตังค์    

         นี่ผมยังมีแผนว่าอาจจะออกไปเล่นที่สวนจตุจักรอีกที่นึงด้วย    แต่ยังลังเลกลัวจะมีเจ้าถิ่นน่ะครับ  ก็คงต้องดูให้ดีก่อน   วันนึงในขณะที่ผมก็กำลังจะออกไปหามันที่บ้านแต่มันก็โทรมาหาผมซะก่อน

         " เฮ้ยๆ  ข่าวดีเว้ย  มาหากูด่วน   พี่ที่โมเดลลิ่งเค้าโทรมานัดเราเทสต์งานแล้วเว้ย   ได้เกิดกันแล้วเว้ย   ฮ่าๆๆ"    เสียงมันตื่นเต้นเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว

         " เหรอวะ   เออๆ   เดี๋ยวกูไป"    ผมก็เลยพลอยตื่นเต้นไปด้วยครับ   แล้วก็รีบบึ่งไปหามันที่บ้านทันที    พอไปถึงมันก็บอกว่าเค้าโทรมานัดให้ไปหาที่ออฟฟิศเค้าวันมะรืนนี้   ผมก็ตื่นเต้นมากเหมือนกันแต่ก็เก็บฟอร์มไว้หน่อย   ไม่อยากเป็นไอ้บ้าเห่ออย่างมัน

         เวลาผ่านไปจนวันนี้เป็นวันที่เรานัดพี่เค้าไว้ครับ   ก็เลยจะรีบไปหาพี่เค้าที่ออฟฟิศแต่เช้าเพราะกลัวจะไปไม่ทันเวลานัดน่ะครับ    

         แต่ว่าเฉพาะผมนะที่กลัวไปไม่ทัน  ส่วนมันอ่ะ   เพราะบ้าเห่อครับ   มันแหกตาตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าเลย   แล้วแต่งซะอย่างหล่ออ่ะ  ทั้งหมวก  แว่น  เสื้อนอก  เสื้อใน  จนผมต้องบอกว่า

         " นี่มึงเป็นนักร้องเกาหลีจะไปขึ้นคอนเสิร์ตเรอะไง   ถ้ามึงจะแต่งยังงี้   ต่างคนต่างไปนะ  สัด...  เดินกะมึง  กูอายเค้า"

         " เอ๋า  เชี่ยนี่แม่ง   มันก็ต้องแต่งให้มันเด่นๆหน่อยเด่ะ   เตะตาเค้าดี   จะได้เลือกเราไง"   มันบอก    ดูสิครับ มันคิดได้ไง

         " แต่มึงก็ไม่ต้องซะขนาดนี้อ่ะ   หมวกกะแว่นแล้วก็ไอ้เสื้อนอกเนี่ย   ไม่ต้องเลยมึง   เอาแค่นี้พอ"   ผมบอกแล้วก็ถอดหมวกกะแว่นมัน    แล้วก็จับมันถอดเสื้อนอกออก  

         " อ้าว   เฮ้ย  แล้วแต่งไปงี้มันจะเวิร์คเหรอวะ"  มันมองตัวเองแล้วลังเล

         " เออ   แค่นี้มึงก็หล่อไม่มีที่ติแล้วครับ  ไปกันได้แล้วครับ   สาดด..ด"    ผมสรุปแล้วก็ออกมาขึ้นรถกัน      

         เราไปถึงที่ก่อนเวลาประมาณชม.นึงครับ   เลยเข้าไปนั่งรอพี่เค้าข้างใน  จนใกล้ถึงเวลานัดผมก็เห็นว่ามีวัยรุ่นที่รุ่นเดียวกับพวกเราทยอยกันเข้ามาคงมาเทสต์งานเหมือนเรา    

         ดูๆไปแล้วพวกนี้ก็หน้าตาดีๆกันทั้งนั้นเลยครับ   จนผมนึกหวั่นๆเหมือนกัน   ว่านี่เราจะได้งานนี้มั๊ยนะ

         " เอ้อ  ดีๆมากันแล้ว  เดี๋ยวเราตามพี่มาห้องนี้เลยจ้ะ"   พี่ออยที่ติดต่อเรามานั่นเองครับที่เป็นคนเรียกให้ผมกับไอ่เนตามเข้าไปอีกห้องนึง    แล้วเค้าก็มานั่งคุยกับเราว่า   วันนี้เดี๋ยวถ่ายรูปเป็นการเทสต์หน้ากล้องกันไปก่อน    

         แต่ว่าจะมีพี่จากแมกกาซีนแห่งนึงเค้าจะมาดูตัวพวกเราเลย   ถ้าเค้าตกลงเลือกเรา   พวกเราก็จะได้งานนี้ไป  เป็นงานถ่ายแฟชั่นของแมกกาซีนเค้า   ยิ่งทำให้พวกเราตื่นเต้นขึ้นอีก   เพราะแมกกาซีนนี้ดังมากอยู่   ถึงจะไม่ได้ขึ้นปกแต่แค่ได้ถ่าย  ผมว่างานนี้เราอาจได้เกิดกันจริงๆ

         " โห...  ตื่นเต้นว่ะ  ถ้าเค้าเลือกเราก็ดีดิ   แล้วมึงอ่ะ  ไม่ตื่นเต้นมั่งเลยรึไงวะ"   ไอ่เนหันมาถามผม   ท่าทางมันตื่นเต้น  ซึ่งผมก็พอๆกับมันแหละ

         " เออ  ก็ตื่นเต้นดิวะ   ถ้าได้งานนี้นะ  คงเจ๋งเลย"  

         " น้องคะทางนี้ค่ะ  เดี๋ยวมาแต่งหน้าทำผมก่อนค่ะ   แล้วเราจะเริ่มถ่ายกันเลย"   พี่ทีมงานคนนึงเดินมาบอกเรา   พวกเราก็เลยตามไปแต่งหน้าและทำผม    แล้วก็เข้าไปยืนให้พี่เค้าถ่าย    

         ผมเห็นว่าทีมงานเค้าก็มีหลายคนดูมืออาชีพกันทั้งนั้น   พวกผมก็เลยแค่ยืนเก๊กๆโพสท่าไปตามที่พี่เค้าบอก    ตอนนั้นผมก็ประหม่าเหมือนกันครับ   เลยพยายามเก็บอาการไว้     แต่ไอ่เนมันกลับดูมั่นใจไม่ค่อยประหม่าเท่าไหร่ครับ  แปลกดี   รึเพราะความเห่อของมัน
         
         พอถ่ายกันเสร็จพี่ออยเค้าก็ออกมาบอกเราว่า   พี่ที่มาจากแมกกาซีนเค้าโอเคแล้ว  เดี๋ยวให้พวกเราเตรียมตัวมาถ่ายหนังสือเค้าได้เลย   พวกเราก็เลยดีใจกันมาก      

         " โอเคนะจ๊ะ   เดี๋ยวอีกสองวันก็มาที่นี่อีกจ้ะ   เพราะทางเราจะเป็นคนถ่ายงานให้ทางแมกกาซีนเค้าเลย   เสื้อผ้าก็จะเป็นประมาณนี้นะ   เหมือนชุดไปเที่ยว"  พี่ออยบอกแล้วเอารูปเซตของเสื้อผ้าที่จะใช้ถ่ายให้พวกเราดู

         " จ้ะ  งั้นถ้าเข้าใจแล้วก็เจอกันอีกทีวันเสาร์นะ   วันนี้ขอบคุณมากจ้า"   พี่ออยบอกลาเรา   หลังจากที่ตกลงเรื่องงานคราวหน้าเรียบร้อย    พวกผมก็เลยออกจากออฟฟิศแล้วเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์

         " ฮ่าๆ  ดีใจว่ะ  ได้งานนี้ซะที   โชคดีนะที่เค้าเลือกพวกเราอ่ะ"  มันหัวเราะอย่างสบายใจ

         " อืม  งั้นอีกสองวันเราก็เตรียมตัวกันนะ   ตอนนี้กลับกันเหอะว่ะ"

         " เฮ้ย เดี๋ยวดิ  โธ่โอกาสดีๆอย่างนี้ต้องฉลองกันก่อนดิวะ   กูอยากกินพิซซ่าฉลองว่ะ  ไปๆ  กูเลี้ยงเอง"   มันว่าแล้วก็หันหน้าไปทางร้านพิซซ่าใกล้ๆตรงนั้นแล้วก็เข้าไปกินกัน   พอเสร็จแล้วเราก็กลับบ้านด้วยกัน
                           
                                       -

                                       -

         วันนี้เป็นวันนัดถ่ายงาน     พวกเราก็เตรียมตัวมาถึงที่ออฟฟิศพี่เค้าตั้งแต่เช้าเหมือนเคย    ก็มานั่งรออีกพักนึงจนพี่เค้ามาเรียกไปลองชุด      หลังจากนั้นก็มาฟังพี่สไตลิสต์เค้าอธิบายงานอีกที        

         รูปแบบของงานวันนี้พี่เค้าให้เราถ่ายคู่กันเลยส่วนนึงครับ   แล้วก็มีถ่ายเดี่ยวอีกด้วย   ผมรู้สึกว่าตื่นเต้นนิดหน่อย   แต่คราวนี้ไอ่เนมันกลับดูตื่นเต้นมากทีเดียว

         ทีมงานของพี่ๆเค้าทำงานกันอย่างรวดเร็วสมเป็นมืออาชีพ  ครู่เดียวเราก็ถ่ายกันไปหลายภาพแล้ว  เปลี่ยนชุดไปหลายชุดด้วยกัน    ไอ้เนมันก็ยังมีเกร็งหน่อยๆ   ผมก็ยังตื่นเต้นเหมือนกัน   จนถ่ายกันเสร็จทั้งหมดทั้งคู่และเดี่ยว    แล้วพี่เค้าก็ให้เราไปดูภาพที่ถ่ายเก็บไว้ในจอคอมฯ  
   
         " โห... เฮ้ย  มึงแม่ง  ดูโคตรเท่เลยว่ะ  ดูดียังกะไม่ใช่มึงเลยอ่ะ"   ผมชมมันที่เห็นภาพที่ถ่ายออกมามันดูดีจริงๆ   หุ่นและผิวมันดูดีน่ะครับ   เวลาถ่ายถอดเสื้อโชว์หุ่นมันก็เลยยิ่งดูดีขึ้นอีก   

         แต่พอผมดูตัวเองแล้วก็ยังต้องทึ่งไปเลยครับ    เพราะพี่เค้าถ่ายผมออกมาได้ดูดีจริงๆจนจำตัวเองแทบไม่ได้ไปเลยเหมือนกัน  นี่เราเหรอวะเนี่ย  เออ  ค่อยมีหวังจะได้เกิดกะเค้าหน่อย

         " ฮ่าๆ  มันแน่อยู่แล้วเว้ย   หล่อเท่อย่างกู    หนังสือพี่เค้าต้องขายดีแน่ๆเว้ย"   มันคุยในทันที

         " อ่านะ   สัดนี่  ชมไม่ได้เลย   เหลิงทันที   หล่อเท่มากเลยอ่ะนะมึง"   ผมประชดมัน   พี่ตากล้องเค้าเลยหัวเราะ    แล้วก็ชมว่างานนี้เราสองคนได้เกิดแน่   เพราะว่างานที่ถ่ายออกมานี่มันดีมาก เจ้านายเค้าคงพอใจ   แล้วให้เรารอดูอีกทีตอนหนังสือวางแผง

         " เฮ้ย  ดีว่ะ  ได้ตังค์เยอะเลยเว้ยงานนี้   แถมได้มาจากความสามารถกูเองล้วนๆอีก   ดีใจจังว่ะ"    ไอ่เนบอกผมขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน  แล้วมันก็หยิบซองค่าตัวที่เพิ่งได้เอามาจูบอย่างปลื้มสุดๆ

         " เออ...  กูก็ดีใจ   ได้เงินเป็นกอบเป็นกำอ่ะ กูก็จะได้เก็บไว้เป็นทุน  จะได้เรียนต่อ  จะได้ใช้ทำอะไรๆได้สบายหน่อย"   ผมบอกมันแล้วก็ยิ้มในความโชคดีของเราวันนี้

         " เฮ้ย  ถ้าสมมตินะ ว่าถ้าเกิดต่อไปเราดังขึ้นมาจริงๆ  มึงจะว่าไงวะ"   มันถามผม

         " อืม  ก็คงจะดีนะ  แต่ไม่รู้ว่ะ  กูว่ากูคงอยากร้องเพลงว่ะ  มีอัลบั้มตัวเองสักงานนึง  แค่นี้ก็คงพออ่ะ  ไม่ดังมากมายก็ไม่เป็นไรหรอก"  

         " เออ  ก็ดีนะเว้ย   กูก็เหมือนกันอ่ะ   เหมือนที่เราที่เคยคุยกันไง    กูก็ยังอยากให้เราออกอัลบั้มด้วยกันอยู่ว่ะ  ได้งั้นจริงๆคงดีเลยนะเว้ย"   มันว่า    ผมก็หันไปมองหน้ามันแล้วเราก็ยิ้มกันอย่างสุขใจเมื่อได้พูดกันถึงอนาคตที่ดีๆของเรา  

         อนาคตที่เราอยากทำให้มันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ จนวันนี้โอกาสก็กำลังเข้ามาหาเราแล้วครับ    

         ผมคิดหวังไปว่าระหว่างนี้ถ้ามีงานมาเรื่อยๆผมก็คงจะเก็บเงินได้มากขึ้น  จะได้มาใช้เป็นค่าเล่าเรียนและใช้จ่ายไปได้   โดยไม่ต้องไปเหนื่อยกับการทำงานพิเศษต่างๆเหมือนที่ผ่านมาอีก      

         แต่ว่าสำหรับมันแล้วผมดูว่ามันคงแค่จะอยากดังและเป็นที่ยอมรับซะมากกว่านะ   เพราะมันคงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเงินนัก    

         แต่ยังไงซะผมก็ยังดีใจนะครับที่เห็นมันภูมิใจกับสิ่งที่มันทำ  และภูมิใจกับเงินที่มันหามาได้ด้วยตัวเองอย่างวันนี้

                                                                              *****************                                                   
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 23-10-2010 20:40:30
 :z13: น็อต ให้ทะลุเลย
อิจฉา อิน ได้แม่คนใหม่แล้ววว
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 23-10-2010 21:10:24
ดี ใจ ด้วย ครับ อิน

ได้ โชค 2 เด้ง เลย

ได้ เป็น ลูก แม่ และ ได้ ถ่าย แบบ อีก

รุ่ง ๆ

อิ อิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 23-10-2010 22:01:55
โห ต่อไปก็คงจะมีนายแบบเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนอ่ะสิคับเนี่ย
ละก็อินก็มีแม่ซะทีนะคับ ขอให้มีความสุขมากๆน้า ทั้งอินละก็เนด้วย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] มึง+กู=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 20/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 24-10-2010 19:12:46
ดันสักนิด :z2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 23/10
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 24-10-2010 19:21:40
ดันสักหน่อย
อิอิ จะดังไหมหน๋อ ทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 23/10
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 24-10-2010 19:58:59
สิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิต หวังว่าคงรู้จักคว้าแล้วก้าวไปในทางที่ถูกนะครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 23/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 25-10-2010 23:18:18
เอ่อ ขออนุยาด  ดันไปให้ขึ้นหน้าใหม่ก่อนนะครับ ไม่รู้จะสำเร็จมั๊ย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 23/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 25-10-2010 23:25:46
เชิญติดตามกันต่อเลยครับ   พิเศษ  ตอนนี้จะมีซาวน์แทรคให้ด้วยนะครับ    เมื่อทุกท่านอ่านจนถึงช่วงที่เป็นเนื้อเพลงแล้ว อยากให้คลิกเปิดเพลงฟังไปด้วยนะครับเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน

ตอนที่10

             (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                                 ************

         วันนี้เป็นวันวางแผงวันแรกของหนังสือที่เราไปถ่ายกัน   มันโทรหาผมแต่เช้าอีกบอกให้ผมไปหาที่บ้านก่อน     แล้วหลังจากนั้นเราก็เลยเดินออกมาที่ร้านหนังสือแถวตลาด

         " เฮ้ย    นี่ไงๆเล่มนี้แหละ"    มันหยิบแมกกาซีนเล่มหนึ่งที่คิดว่าเป็นเล่มที่เราไปถ่ายกันมาเปิดดูอย่างตื่นเต้น    ผมก็ลุ้นระทึกไปด้วยกับมัน

         "ฮ่าๆ  นี่ไง  วู้..ว   เจ๋งๆ  เห็นมั๊ยมึง   โคตรเท่เลยว่ะ  ฮ่าๆๆ"   มันหัวเราะซะเลียงลั่น   ป้าที่ขายหนังสือแกเลยหันมามอง

         " ตื่นเต้นอะไรกันอ่ะลูก  หือ   เสียงดังเลย"   ป้าแกเอ่ยถามเรา  แล้วก็หัวเราะ

         " อ๋อ  นี่ครับป้า   พวกเราได้ถ่ายแบบลงหนังสือนี่ครับ   เลยดีใจไปหน่อย   ฮ่าๆ  ผมหล่อมั๊ยครับป้า"   มันรีบกางหนังสืออวดให้ป้าเค้าดู   ป้าแกก็ขยับแว่นแล้วมองดูรูปพวกเรา

         " เอ้อ  จริงๆด้วย   งั้นยังงี้เดี๋ยวก็ดังกันใหญ่แล้วสินี่"   ป้าเค้าเลยตื่นเต้นไปกะเราด้วยแล้วครับ  

         " อืม  มันคงยังไม่ถึงขั้นนั้นอะครับป้า   เพิ่งได้ลงหนังสือแค่เล่มเดียวเอง    ไว้ให้พวกผมไปเล่นหนังเล่นละครกันอีกซะ 2-3 เรื่องก่อนแล้วกันครับ    แล้วเดี๋ยวผมจะมาแจกลายเซ็นให้ป้านะครับ"    มันเลยคุยโอ่ไปกันใหญ่    ป้าเค้าก็หัวเราะชอบใจ    ผมเลยขี้เกียจจะไปเบรคมัน  

         พอเรากลับกันมาที่บ้านหลังจากที่ได้ซื้อแมกกาซีนนั้นเก็บไว้กันคนละเล่มมันรีบเอาไปให้แม่มันดูทันที    แล้วก็คุยโอ่ต่างๆนาๆ    แม่มันก็ชมว่าพวกเราถ่ายรูปขึ้นดีมาก   ดูหล่อเทียบกับดารานายแบบดังๆได้เลย    

         ผมฟังแล้วก็เขินในคำชมของแม่   แต่ไอ่เนมันเลยยิ่งทำยืดไปกันใหญ่   ผมก็เลยเบรคมันซะ

         " นี่ขนาดมึงเพิ่งได้ถ่ายลงแค่เล่มเดียวนี่   มึงยังเห่อขนาดนี้แล้วถ้าได้เล่นหนัง  ออกอัลบั้มจริงๆมึงจะเห่อขนาดไหนเนี่ย"

         " แต่แม่น่ะนะ   ชินแล้วล่ะ  ที่มีลูกบ้าเห่อนะ"   แม่บอกแล้วก็หัวเราะ  

         " โห่...  แม่อ่ะ   ผมไม่ได้เห่อซะหน่อย   ก็มันน่าดีใจนี่นา   ลูกแม่หล่อเท่ออกยังงี้ก็ต้องเกิดในวงการอยู่แล้วครับ"   มันยังคงหลงตัวเองได้อีก    ไปไกลแล้วนะมึง ไอ่เน

         " จ้า  ไม่เห่อก็ไม่เห่อ   ลูกแม่หล่อกันทั้งคู่แหละ   ดีแล้วล่ะ"   แม่บอกแล้วก็กอดพวกเราอีก   แม่ก็คงดีใจนะครับ   ที่เห็นพวกเราได้มีโอกาสดีๆเข้ามาอย่างนี้

         แล้ววันนั้นทั้งวันผมก็เลยซ้อมกีต้าร์กับมันต่อ     มีหลายเพลงที่ต้องซ้อมไว้น่ะครับ   ทั้งเพลงฝรั่งเพลงไทยเลย  รวมทั้งเพลงญี่ปุ่นด้วยครับ  เผื่อว่าจะมีคนญี่ปุ่นมาขอเพลงอีก  

         เราเลยลองมานั่งเลือกเพลงกันแล้วผมก็ไปสะดุดอยู่เพลงนึงเลยบอกไอ่เนให้มันลองแกะเพลงนี้มาลองเล่นกัน

         " เฮ้ย  เพลงนี้อ่ะ "เพียงเธอ"  ของพิช  วงออกัสที่มันเล่นในเรื่องรักแห่งสยามไง  เพลงนี้มันก็เป็นซาวน์แทรคอ่ะ  ลองเล่นกันดิ   เพราะดีนะ"  

         " ไหน  อืมๆ  กูยังไม่เคยฟังอ่ะ   เพราะงั้นเลยเหรอวะ"  มันบอก  ผมเลยลองเปิดเพลงในจากมือถือผมให้มันลองฟัง  มันก็ฟังอย่างตั้งใจ   ดูจากสีหน้ามันก็ดูจะอินไปกับเพลงบ้างแล้ว

http://www.4shared.com/embed/45759355/203eedf9

         อยากจะขอบคุณที่รู้ใจเข้าใจ     สิ่งดีๆทีให้มา    
         อยากจะขอบคุณที่สัญญาหัวใจ     ไม่มีวันห่างเหิน
         จากคนหนึ่งคนที่ไร้วันเวลา       หมดกำลังจะก้าวเดิน
         จากคนที่เคยเจ็บเหลือเกินที่ใจ       กลับกลายเป็นเบิกบาน

         ผ่านคืนวันโหดร้ายนานชั่วกาล    
         กลับมีคนห่วงใยกัน    สุขใจทุกวันมีเธออยู่ข้างกาย
         เริ่มรู้จักความหวาน    กับรักลึกซึ้งหมดใจ
         เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

         แค่คนหนึ่งคนกับหัวใจให้เธอ      หมดไปเลยที่ฉันมี
         จะเป็นจะตายจะร้ายดีไม่แคร์      ไม่เคยจะหวั่นไหว
         จะมีแต่เธอที่แสนดีร่วมทาง        ตราบจนวันที่สิ้นใจ
         หนึ่งวันจะนานสักเท่าไรถ้าไกล        ห่างเธอไปสักวัน

         ผ่านคืนวันโหดร้ายนานชั่วกาล    
         กลับมีคนห่วงใยกัน    สุขใจทุกวันมีเธออยู่ข้างกาย
         เริ่มรู้จักความหวาน    กับรักลึกซึ้งหมดใจ
         เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

           ให้เธอได้ยิน    เสียงจากใจฉัน   ที่จะคอยบอกทุกคืนวัน   ว่ารักเธอ

         ผ่านคืนวันโหดร้ายนานชั่วกาล    
         กลับมีคนห่วงใยกัน    สุขใจทุกวันมีเธออยู่ข้างกาย
         เริ่มรู้จักความหวาน    กับรักลึกซึ้งหมดใจ
         เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

         ว่าเสียงใจฉันเอง   ร้องเพลงให้เธอฟังอยู่  
         คือเสียงดังจากใจ  ร้องเพลงที่ใครไม่อาจฟัง  
         เสียงใจฉันเอง      ร้องเพลงให้เธอฟังอยู่
         คือเสียงดังจากใจ     ร้องเพลงที่ฟังเข้าใจเพียงเรา
      
         " เออ  ดีๆเพราะดีว่ะ  มีความหมายดีด้วย   กูชอบว่ะ  

         แล้วเราก็เลยแกะเพลงนี้กันต่อ   มันก็ลองฟังจนจำทำนองได้แล้ว   เลยลองเล่นกันดู

          ขณะที่ผมเล่นและร้องไปนั้น  ผมก็มองหน้ามัน     มันก็หันมาสบตากับผมตลอด     รู้สึกได้เลยครับว่าเพลงนี้มันเป็นเหมือนในใจผมจริงๆ    เป็นความรู้สึกของผมที่มีต่อมันว่าผมรักมันแค่ไหน    

         เพราะมันเป็นคนเปลี่ยนชีวิตที่ไม่มีใครของผมให้มีความสุขได้อย่างวันนี้    

         และเพราะว่าผมมีมันอยู่ข้างๆมาตลอด   ผมถึงได้รู้จักความรัก  และรู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของชีวิตได้อย่างนี้    

         อยากขอบคุณมันจริงๆครับ    ขอบคุณมันด้วยเพลงนี้ที่ผมก็จะร้องจากใจผมข้างในจริงๆ   คิดว่ามันก็คงจะเข้าใจได้  

         เหมือนกับที่ในเพลงว่าไว้น่ะครับ    ว่าจะมีแค่เราสองคนจริงๆ  ที่จะเข้าใจความหมายของมันได้  

         " เออ  เพราะดีว่ะ  เราเล่นด้วยกันอย่างนี้มันก็ลงตัวดีนะ  ชอบว่ะ เพลงนี้"   มันบอกผมหลังจากที่เราเล่นกันจบเพลง

         " อืม  ก็ดีแล้วอ่ะ   ที่มึงชอบเพลงนี้เหมือนกู    แต่ที่มากกว่านั้นนะ   มันแทนความรู้สึกทั้งหมดของกูเลยนะเว้ย    ว่ากูน่ะรักมึงมากว่ะ    มึงเป็นเพื่อนแท้คนแรกและคนเดียวเลยที่กูมีนะ   ถ้าที่ผ่านมากูไม่มีมึงกูก็คงยังเป็นแค่เด็กวัดกำพร้าชีวิตล้มเหลวอยู่เลยมั๊ง"    ผมบอกมัน   มันก็ยิ้ม

         " เออ  ก็ใช่ว่าแค่มึงคนเดียวเมื่อไหร่ละ   กูก็รักมึงว่ะ   แล้วถ้ากูไม่มีมึงกูอ่ะต้องตายไปแล้วแน่ๆ   ตั้งแต่วันนั้นที่กูฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นมึงมาช่วยกูน่ะ    กูก็รู้เลยนะว่ากูคงจะได้มีเพื่อนแท้กับเค้าแล้ว   เพื่อนแท้ที่กูรอมาตลอดชีวิตกูนะ"     มันว่าแล้วก็ขยับมาโอบไหล่ผมไว้

         " งั้นต่อไปนี้กูขอให้เพลงนี้มันเป็นเพลงของเราเลยนะเว้ย   ดีมั๊ยวะ   เพราะมันก็แทนทุกๆอย่างในใจกูกับมึงที่รู้สึกเหมือนๆกันน่ะ"  ผมฟังมันแล้วก็ต้องยิ้มเพราะดีใจที่มันก็คิดเหมือนผม

         " อืม  ดีว่ะ  ยังงี้มึงกะกูก็เหมือนกับโต้งกะมิวในหนังรักแห่งสยามเลยนะเว้ย  เป็นเพื่อนรักกันน่ะ"  ผมบอกกับมัน

         " เออ  งั้นกูเป็นโต้งนะ   มึงก็เป็นมิวอ่ะ  ดีป่ะ   เพราะกูหล่อเหมือนมาริโอ้ไง ฮ่าๆ"    มันได้ทีครับ   เลยหาเรื่องชมตัวเองจนได้

         " อะโห...  มึงนะ  ไม่ค่อยเลย   หล่อเหมือนมาริโอ้เนี่ยนะ  กล้ามากอ่ะมึง   แต่ก็โอเค  กูเป็นพิชก็ได้"  ผมหัวเราะไปกับมัน

         " เอ...  แต่ว่า   เฮ้ย  ที่จริงในเรื่องนี่   มันไม่ได้รักแบบเพื่อนนะเว้ย   มันรักกันแบบเกย์เลยนี่นา"  มันพูดหน้าตื่นๆเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

         " หือ...  เหรอวะ   เออ  ก็ไม่รู้ดิ  ก็ยังไม่ได้ดูเลย   เคยดูมิวสิคเพลงนี้แค่ทีนึงเอง  เห็นว่าเหมือนมันเป็นเพื่อนรักกันอ่ะ   แล้วตกลงไม่ใช่เหรอ"   ผมนึกสงสัย

         " เออ...  กูก็ยังไม่ได้ดู    แต่ดูตัวอย่างนิดนึงอ่ะ   รู้สึกจะมีคนบอกแหละ  ว่าสองคนนี้มันจะรักกันแบบเกย์เลย"   ผมฟังมันแล้วก็ได้แต่หันไปมองหน้ามัน    มันก็มองสบตาผม   ทำให้ผมนึกไปว่าขืนเรารักกันแบบนั้นมั่งมันจะเป็นยังไงว้า   แล้วเราก็หัวเราะออกมากัน

         " เออ... ว่ะ  เชี่ยเอ๊ย   ขืนมึงกะกูรักกันยังงั้นนะแม่งคงไม่ไหวว่ะ   ฮ่าๆๆ"  มันหัวเราะชอบใจ

         " เฮ้อ...  นั่นดิ   มันจะเป็นไงว้า"   ผมก็หัวเราะไป   แต่พอย้อนมาคิดดูก็เริ่มรู้สึกแปลกๆอีกนะครับ      ทุกวันนี้ผมก็รักมันมากอย่างนี้แล้วถ้าวันนึงเราเกิดรักมันแบบนั้นขึ้นมาจริงๆจะทำยังไงนะ    ซึ่งคำถามนี้ก็ทำให้ผมนึกกลัวในใจเหมือนกันครับ

                                       -

                                       -

         วันเปิดเทอมกำลังใกล้เข้ามา   พี่ที่โมเดลลิ่งติดต่องานเข้ามาให้พวกเราอีกครับคราวนี้เป็นงานโฆษณาออกทีวีเลย    พี่เค้าบอกว่าเจ้าของงานนี้เค้าเจาะจงตัวเราทั้งคู่มาเลย     จะให้ไปเป็นหนึ่งในพรีเซนเตอร์ของสินค้าของเค้าซึ่งก็คือโทรศัพท์มือถือน่ะครับ          
         จะว่าไปงานนี้มันก็ง่ายๆดีครับถ่ายกันแค่สองวันรายได้ก็ดีมากเลย   และเค้ายังให้โทรศัพท์ในแบรนด์ของเค้ามาให้เราใช้อีกด้วย   แต่ผมบอกเค้าว่าคงไม่รับเพราะอยากจะได้เป็นเงินเฉยๆน่ะครับ   อยากเก็บเงินมากกว่า  

         แต่พอไปบอกเค้าจริงๆ    พี่เค้าก็บอกว่าเอาไปเถอะ   เราเป็นพรีเซนเตอร์ให้เค้าก็ควรใช้ของๆเค้าด้วย    ผมเลยต้องยอมเอามาใช้โดยดี

         " กูไม่ค่อยอยากได้เลยว่ะ   ของเก่ากูก็ยังใช้ได้อันนี้มันดีเกินไปอ่ะ  กูไม่จำเป็นต้องใช้ที่มันดีขนาดนี้หรอก   อยากได้เป็นเงินมากกว่าว่ะ   น่าจะขอเค้าเปลี่ยนเป็นเงินได้นะ"   ผมบ่นกับมันขณะที่กลับบ้านด้วยกัน    มันก็หันมาหัวเราะ

         " มึงนี่   แม่งชักจะเห็นแก่เงินไปมั๊ยวะ  งกเงินนะมึงเนี่ย   เราเป็นพรีเซนเตอร์เค้านะเว้ย   ก็ต้องใช้ของๆเค้าเด่ะ    จะมาใช้ของถูกได้ไง   อันเก่านี่ของมึงอ่ะ   ขว้างทิ้งไปเลย   อันนี้อ่ะเจ๋งกว่าเยอะ  เชื่อกู"   มันว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์อันเก่าของผมทำท่าจะโยนออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์   ผมเลยรีบคว้ามือมัน

         " เฮ้ยย...ย   สาด..  ทำเชี่ยไรวะ   แม่ง   จะเอาของกูไปทิ้งทำเชี่ยไร   อย่างมากถ้ากูไม่ใช้กูก็เอาไปขายก็ยังได้ตังค์มั่ง   เสือกจะทะลึ่งมาทิ้งของกูซะแล้ว   รู้ดีนักนะมึง"  ผมด่าแล้วก็ตบกบาลมันไปหนึ่งที   โทษฐานที่เสือกรู้ดี   มันก็หัวเราะชอบใจที่แกล้งผม

                                       -   

                                       -

         หลังจากที่โฆษณาที่เราไปถ่ายกันได้ออนแอร์ออกไปแล้ว    มันก็ยิ่งยืดใหญ่เลยครับทีนี้ทำตัวราวพี่เคน  ธีรเดชกันเลยทีเดียว    สงสัยมันคงจะคิดว่าตอนนี้มันดังมาก    

         ตอนนั้นรร.เราก็เปิดเทอมไปหลายวันแล้วครับ    มันก็เลยยิ่งเที่ยวไปอวดใครต่อใครที่รร.ไปกันใหญ่   ว่าได้ออกทีวีแล้ว   เป็นพรีเซนเตอร์อย่างนั้นอย่างนี้    จนตอนนี้ใครๆเค้าก็อิจฉาเราไปเลย  

         " โห... ทีนี้เลยดังใหญ่เลยนะ   พวกมึงอ่ะ"

         " เฮ้ย...  ไว้มึงชวนพวกกูไปถ่ายแบบมั่งดิวะ   พวกกูก็อยากเกิดมั่งอ่ะ"

         " แม่ง   อิจฉามันเว้ย  เกิดกันใหญ่ละทีนี้    ดังแล้วก็อย่าลืมพวกกูอ่ะ   รายการไหนเค้าเชิญไปก็มาเรียกพวกกูมั่งนะ   กูจะได้ออกทีวีมั่งว่ะ  ฮ่าๆๆ"

         และอีกมากมายหลายความเห็น   เล่นเอาผมรับไม่ทันไปเลย    แต่มันสิครับยิ่งภูมิใจใหญ่ว่ากูดังแล้ว   จนผมก็นึกๆกลัวว่ามันจะมัวไปสนใจแต่เรื่องนี้มากไปจนไม่ค่อยสนใจเรื่องเรียน

         " เฮ้ย  เทอมนี้เทอมสุดท้ายแล้วนะเว้ย   อย่าลืมแล้วกันว่ายังไงมึงจะต้องตั้งใจเพิ่มเกรดมึงให้ดีให้ได้นะ   ส่วนเรื่องงานน่ะเราลดๆมันไปก่อนแล้วกันนะ    จะได้มีเวลา"   ผมเตือนมัน

         " เออ  กูก็รู้แล้วล่ะ   มึงไม่ต้องห่วงหรอก   เทอมนี้เกรดกูต้องดีขึ้นอีกให้ได้เลย   มึงก็ช่วยกูด้วยนะเว้ย"

         " ก็ช่วยกันเหมือนเดิมอ่ะ    มึงตั้งใจแล้วกัน   แม่มึงจะได้ดีใจให้สุดๆไปเลยทีนี้"

         " ใช่ๆ ทีนี้แม่กูก็จะได้หมดห่วงว่ะ   เอ้อ... เดี๋ยวอีกสามวันแม่กูก็จะบินกลับไปโน่นแล้ว   เราไปส่งเค้าที่สนามบินกันนะ"  ผมฟังแล้วก็เหมือนใจหายนิดนึง

         " เอ้อ... เหรอ  ก็น่าเสียดายนะ    ถ้าแม่มึงกลับมาอยู่นี่ตลอดไปเลยคงดีเนอะ"   ผมบ่นด้วยความเสียดาย   แต่ก็นั่นแหละแม่เค้าจะมาอยู่แต่ที่นี่ได้ไง   งานทางโน้นเค้าเยอะแยะ

         "  เหมือนกัน   กูเองก็อยากให้ทั้งพ่อกับแม่กูกลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่แล้วว่ะ   แต่จะทิ้งงานทางโน้นมาก็คงไม่ได้กริด    ก็...ไม่เป็นไรนิ    มึงกะกูอยู่ทางนี้มันก็ยังพอโอเคนี่"   มันบอกแล้วก็หันมายิ้มกับผม

         " เออ...  ก็ใช่  มันอดใจหายนิดนึงไม่ได้ว่ะ   แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก     แค่วันนี้กูได้รู้แล้วว่าเค้าก็รักกูเหมือนลูกเค้าจริงๆ   กูก็ดีใจแล้ว"   ผมยิ้มออกมาอย่างสบายใจ  

         สำหรับผมตอนนี้ผมก็ขอแค่นั้นจริงๆครับ   รู้สึกดีที่ได้เหมือนกับมีแม่อีกครั้งนึง  

         นี่อาจจะเป็นบุญของผมที่ยังพอมีอยู่นะ   แค่นี้ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ
               
                                       -

                                       -

         ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้  เราต้องไปส่งแม่ไอ่เนกันที่สนามบินแล้วครับ    ไอ่เนมันก็ดูเศร้าๆไปเหมือนกันหลังจากที่ได้กอดกับแม่มัน    แล้วแม่มันก็หันมากอดผม

         " แม่ฝากดูแลบ้านแล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีทั้งสองคนเลยนะลูก   ตั้งใจเรียนกันนะ   แม่ไปล่ะ"   แม่พูดไว้แค่นั้นเหมือนท่านกลัวว่าถ้าพูดมากไปกว่านี้แล้วจะตัดใจจากไปไม่ได้    

         พวกเราก็มองแม่เดินจากไปทางประตูผู้โดยสารจนลับตาไป    ผมหันไปก็เห็นมันยืนนิ่ง   ตามันยังคงมองไปที่ประตูผู้โดยสารที่แม่เพิ่งเดินหายไปนั้น

         " อิน...   มึงรู้มั๊ยวะว่าตอนนี้น่ะ   กูได้รู้แล้วนะว่ากูรักแม่กูมากขนาดไหนน่ะ"  มันพูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อยยังกะจะร้องไห้

         " เมื่อก่อนกูก็ไม่เคยคิดไม่เคยรู้สึกอย่างนี้เลยนะ  ไม่ว่าแม่กูจะอยู่นี่หรืออยู่โน่นกูเองก็ไม่เคยนึกจะใส่ใจเลย  มันเหมือนกับว่าก็ไม่ต่างกันอ่ะ   เค้าจะกลับมานี่มั๊ยกูก็เฉยๆ    แต่พอวันนี้กูก็ได้รู้แล้วว่ะ   ว่าจริงๆแล้วกูรักแม่กูมากจริงๆแหละ"   ผมฟังแล้วก็ยิ้ม   แล้วลูบไหล่มันเบาๆอย่างเข้าใจ

         " ก็คงเพราะเมื่อก่อนมึงคงไม่ค่อยได้ใส่ใจไง    เพราะมึงยังมีแม่มึงมาตลอด   มึงก็เลยอาจจะมองข้ามความรักของเค้าไปนะ   แต่ตอนนี้มึงก็คงเข้าใจทุกอย่างแล้ว  ก็ดีแล้วล่ะ   อืม...  ไปกันเหอะว่ะ   กลับบ้านกัน"   ผมยิ้มให้มันแล้วก็ชวนกันกลับบ้าน    

         ถึงแม้วันนี้ผมจะใจหายบ้างนะ   ที่ต้องจากแม่ที่แสนดีของผมไปแล้ว

         แต่มันก็ทำให้ผมดีใจได้อีกอยู่ดีนั่นแหละครับ...  

         ดีใจที่มันเข้าใจแม่มันแล้วว่ารักมันมากแค่ไหน     จนผมเลยนั่งยิ้มไปกับมันตลอดทางที่เรากลับบ้านกัน

  ยังไม่จบตอนครับ  ยังมีต่อ V
                               V
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 10 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 23/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 25-10-2010 23:27:20
ตอนที่10 (ต่อจากด้านบน)

         แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ตลอดทั้งเทอมนั้นเราก็ยังคงใช้ชีวิตกันไปอย่างเป็นสุขดี    มีมันและผมอยู่ด้วยกันตลอด     เพราะทุกวันนี้ผมกับมันคงเป็นเหมือนส่วนนึงของกันและกันไปแล้ว     จนผมไม่กล้านึกเลยว่าถ้าต้องจากมันไป   หรือไม่มีมันอีกแล้ว   ผมจะทำอย่างไรกัน

              วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของเราแล้วครับ   ซึ่งมันก็คือวันสุดท้ายของชีวิตเด็กม.ปลายอย่างเราด้วย   ผมทำสอบวิชาสุดท้ายไปอย่างค่อนข้างมั่นใจหลังจากที่ได้ติวกับมันมาเหมือนเทอมที่แล้ว     

         ดูๆไปตัวมันเองก็ดูจะมั่นใจมากว่าทำได้     ผมเลยโล่งใจไป   นี่คงต้องลุ้นผลสอบทั้งของตัวเองและของมันไปด้วยพร้อมๆกันอีกแล้วครับ

         " เย่ส....ส    สอบเสร็จแล้วเว้ย  ฮ่าๆๆ  วู้ว...ว"  มันตะโกนอย่างดีใจแล้วเต้นไปมาเหมือนนักบอลทำแพทริคยิงคนเดียวสามประตู  ก็เว่อร์ตามเคย   ผมไม่รู้จะทำไงก็เลยเดินหนีมันไปซะเลย    มันก็วิ่งตามมาติดๆบอกให้ผมรอมัน

         " เฮ้ย   เดี๋ยวพวกมึงมาเซ็นหนังสือกับเสื้อให้กูด้วยนะเว้ย"   ไอ้อ้นเพื่อนเราอีกคนนึงมันวิ่งผ่านมาแล้วก็ตะโกนบอกผมกับไอ่เนแล้วมันก็วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ไม่รู้มันจะรีบไปไหนของมัน

         " เออๆ    แล้วมึงก็มาเซ็นให้พวกกูด้วยนะ"  ผมตะโกนตอบมันไป     ในขณะนั้นพวกเพื่อนๆเราก็ทยอยกันออกมาจากห้องสอบกันหมดแล้วด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ     

         พวกเราเดินกันลงไปชั้นล่างออกไปหน้าตึกเรียน    มีพวกเพื่อนๆเราจับกลุ่มนั่งเล่นคุยกันอยู่   และอีกหลายๆคนก็เริ่มเอาเสื้อและหนังสือรุ่นมาแลกกันเซ็น   เป็นบรรยากาศที่ผมดูแล้วมีความสุขมากครับ

         " เออ... มาเดี๋ยวกูเซ็นเสื้อให้มึงคนแรกเลยนะเปิดซิงก่อนใครเลย"   ผมบอกแล้วก็หยิบปากกาขึ้นมาเตรียม   ใจอยากจะได้เซ็นให้มันเป็นคนแรกก่อนใครๆน่ะครับ  ก็เลยต้องรีบบอกมันก่อน

         " เออๆ  เอาเลยๆ"    มันบอกแล้วก็รีบหันหลังมาให้ผมเซ็น   

         " เฮ้ย  กูไม่เซ็นหลังดีกว่าเซ็นข้างหน้านี่อ่ะ"   ผมบอกให้มันหันหน้ากลับมาแล้วผมก็เขียนลงไปพาดยาวเฉียงจากซ้ายล่างขึ้นด้านบนว่า
         " กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป "   มันก็มองดูอยู่แล้วก็ยิ้ม

         " เฮ้ย... คำนี้เจ๋งดีว่ะ   แปลกนะกูก็ว่าจะเขียนคล้ายๆยังงี้อยู่ว่ะ  ทำไมใจมึงตรงกะกูวะ   กูจะเขียนว่า  เน&อิน  เพื่อนกันตลอดไป   แต่ไม่เจ๋งว่ะ  อันนี้ของมึงเจ๋งกว่า   เดี๋ยวกูเขียนมั่งนะ"   มันพูดอย่างตื่นเต้น   

         จนผมเองก็ยังนึกแปลกในใจว่า  เออ...  นี่มันก็คิดจะเขียนคล้ายๆเราจริงๆ   ไหงใจมันมาตรงกะผมได้นะ 

         " อ่านะ  จะก๊อบกูง่ายๆเลยว่างั้น"   ผมบอกมันแล้วก็หัวเราะ   แล้วก็กำลังเซ็นลงท้ายให้มันที่บนกระเป๋าเสื้อ   แต่ยังไม่ได้เซ็นลงไปเพราะผมเอามือสัมผัสที่บริเวณอกซ้ายของมันไว้อย่างนั้น   แล้วก็ถามมัน

         " มึงรู้มั๊ยว่าทำไมกูถึงต้องเซ็นให้มึงตรงนี้"   มันฟังแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

         " ก็เพราะว่าเขียนที่ตำแหน่งหัวใจมึงพอดี  จะได้เหมือนกูเขียนลงไปบนใจของมึงไงล่ะ   เพราะที่กูจะเขียนก็มาจากใจกูเหมือนกันนะ   มันจะได้เหมือนกับสื่อเข้าไปโดยตรงที่ใจมึงไง  ดีมั๊ยล่ะ"   ผมบอกแล้วก็เลยเขียนลงไปว่า  "รักมึงมากว่ะ   จากอิน"  มันก็มองหน้าผมแล้วยิ้ม     

         ตอนที่เขียนนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจมันที่เต้นอยู่ข้างในเหมือนกับจะรับรู้ถึงความรักจากใจของผมแล้ว    แต่ว่าผมเองสิครับกลับยิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ทำไมผมถึงรู้สึกรักมันมาก     มากจริงๆจนเหมือนมันจะล้นออกมาแล้ว     

         ยิ่งผมได้มองหน้ามันตรงนี้      ผมก็ยิ่งเกิดความรู้สึกแปลกๆเหมือนตอนที่ได้นอนกอดมันคืนนั้น     และเหมือนกับตอนที่ร้องเพลง"เพียงเธอ"ไปกับมัน     ความรู้สึกอย่างนี้เริ่มผุดขึ้นมาวนๆอยู่ในหัวผมไปมาจนผมสับสน   

         " เอ้อ  มึงเขียนเสร็จแล้วก็มา...   กูจะเขียนให้มึงมั่ง  มาๆ"    เสียงมันปลุกผมจากภวังค์นั้น   นี่ผมนิ่งคิดไปเพลินเลยเหรอนี่

         " อ๋อ   เออๆ   อ่ะ  มึงเขียนเลย"  ผมยื่นปากกาให้มัน   มันก็เอาไปเขียนคำๆเดียวกับผมว่า  " กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป "  ที่ตำแหน่งเดียวกันกับผมเลย   แล้วมันก็ยิ้มชอบอกชอบใจใหญ่

         " เออ  ว่ะ  เจ๋งดีว่ะ  คำนี้เท่และได้ความหมายดีมากว่ะ   คิดได้ไงวะ" 

         " อืม  กูก็คิดอยู่นานนะ   แล้วก็นึกถึงคำนี้   มันแทนความหมายทุกๆอย่างดีอยู่แล้วอ่ะ   ใช่มั๊ยล่ะ"  แล้วมันก็เซ็นลงท้ายให้ผมที่กระเป๋าเสื้อเหมือนกัน   

         แต่มันก็ไม่ได้เซ็นทันที     กลับเอามือมาสัมผัสที่อกผมเหมือนกับที่ผมทำเลย   แล้วมันก็ยิ้มมองสบตากับผม   หัวใจผมก็เต้นแรงขึ้นเวลาสบตามันอย่างนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าทำไม

         " อืม  ทีนี้กูก็จะขอเขียนลงไปบนใจมึงมั่งนะ  แต่ทำไมใจมึงเต้นแรงจังวะ    สัด..   รับรู้ความรักจากใจกูรึไง  ฮะๆๆ"   ผมฟังมันแล้วก้รู้สึกเหมือนหน้าชาๆไปนิดนึง   เหมือนจะอายมันนะครับ  แต่มันก็ไม่เชิงน่ะ 

         ก็ผมจะไปอายมันเรื่องอะไรล่ะ   แต่ว่าตอนนั้นใจนึงก็นึกอยากจะให้มันเขียนให้เสร็จๆไปซะที     แม้จะยอมรับว่าจริงๆแล้ว  ก็อยากให้มันเขียนอยู่อย่างนั้นนานๆก็เหอะครับ

         " เออ... มึงก็เขียนๆไปซะทีดิวะ   เดี๋ยวจะได้ไปเขียนให้พวกมันมั่ง"   ผมเร่งมัน   ทั้งที่ก็ยังอยากอยู่อย่างนั้นนะ  เฮ้อ... ทำไมผมต้องทำอะไรตรงข้ามกับใจที่คิดด้วยน๊า

         " เฮ่ย... มึงนี่อย่าเพิ่งเร่งดิวะ  กูกำลังสื่อไปถึงใจมึงอยู่ไง   เห็นมั๊ย"     มันก็ยิ้มให้แล้วเริ่มเขียนต่อลงไปว่า  " รักมึงมากเช่นกันว่ะ  จากเน  เพื่อนมึง"   ซึ่งผมอ่านแล้วก็ต้องยิ้มออกมา   บอกไม่ถูกครับความรู้สึกตอนนั้น   

         มันทั้งปลื้มใจ  ดีใจมากๆหลายอย่างปนๆกัน   แต่รวมแล้วคือมีความสุขมากจริงๆ  ที่รับรู้ได้เลยว่าเป็นความรักและความรู้สึกจากในใจมันจริงๆ   ผมเลยกอดมัน

         "  เออ  ขอบใจนะเว้ยที่รักกูมาตลอดนะ   กูขอให้มึงรักกูอย่างนี้ตลอดไปนะเว้ย  ได้มั๊ยวะ   อย่าทิ้งกันไปนะเว้ย"    ผมบอกกับมันอย่างตื้นตันใจเต็มที่

         " อืม  กูก็ด้วย  ขอให้มึงรักกูอย่างนี้ตลอดไปเหมือนกันนะ   กูไม่มีวันทิ้งมึงแน่นอน   ชีวิตนี้กูคงมีแค่มึงที่เป็นเพื่อนแท้ว่ะ  ซึ่งกูก็คงไม่ต้องการใครแล้วเว้ย   มึงแค่คนเดียวกูก็พอใจแล้ว   ที่กูยังมีวันนี้ได้ก็เพราะมึงนะ   ขอบใจมึงจริงๆว่ะ เพื่อน"   มันว่าแล้วก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้น      แต่พอดีพวกไอ่นนท์กับไอ่อ้นมันก็เดินเข้ามาหา

         " เฮ้ย....  อะโห  อะไรวะ  พวกมึงมากอดกันกลมอยู่นี่อ่ะ   จะซึ้งอะไรกันขนาดนั้นวะ  ฮะๆๆ"    พวกมันแซวเราทันที   แล้วก็เอาหนังสือรุ่นมากางให้ผมเซ็น      แล้วไอ่เนก็หันไปเซ็นหลังเสื้อให้พวกมัน       

         พวกเราผลัดกันเซ็นอยู่จนครบกันทุกคนแล้วก็เลยถ่ายรูปร่วมๆกันไว้หลายรูปเลยครับ    แล้วพวกมันก็แยกย้ายร่ำลากันกลับบ้านไป        ส่วนผมกับไอ่เนก็เลยว่าจะเดินไปกินข้าวกันที่โรงอาหารก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน       

         ระหว่างทางที่เดินไปนั้นผมก็ได้หยุดมองบริเวณโรงเรียนที่ผมและมันได้ใช้เวลาร่วมกันมาตลอดในชีวิตนักเรียนของพวกเรา

         โต๊ะม้าหินนั้นที่เรามานั่งเล่นกันเป็นประจำตอนพัก...

         สนามบอลที่เรามาเตะบอลกันประจำตอนเย็นๆ...

         มุมตึกหลังห้องน้ำนั้นที่บางทีผมกับมันและเพื่อนๆมาแอบหลบอาจารย์ตอนเข้าแถวเช้า...

         ห้องเรียน...  ตึกเรียนที่ผมกับมันนั่งเรียนด้วยกันมาตลอด...

         และทุกๆแห่งภายในโรงเรียนนี้กำลังจะกลายเป็นเพียงแค่อดีตสำหรับผมแล้วล่ะครับ     จะเหลือก็เพียงแค่ความทรงจำดีๆที่ผมมีกับมันตลอดเวลาที่เราได้อยู่ร่วมกันที่นี่       

         พอคิดอย่างนี้แล้วก็รู้สึกใจหายมากเหมือนกัน    ผมเลยหันไปมองหน้ามัน   มันก็ยิ้มให้ผม   ยังดีนะครับที่แม้ผมจะต้องจากกรร.นี้ที่ผมรักไปในที่สุด     แต่ว่าผมก็ยังจะมีมันอยู่อย่างนี้ข้างๆผมตลอดไปนะ

                                       -

                                       -
         
         เย็นวันนั้นหลังจากที่ผมได้กลับมาที่ห้องแล้ว     ผมก็ถอดเสื้อนักเรียนที่เต็มไปด้วยข้อความต่างๆที่เพื่อนๆทุกคนเซ็นให้ผมแขวนไว้กับผนังห้อง    ผมยืนมองมันอยู่อย่างนั้นแล้วก็คิดทบทวนถึงเพื่อนๆทุกคนที่ได้เซ็นให้ผม       

         โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่คำที่ไอ่เนมันได้เซ็นให้กับผมแล้ว     ผมก็เลยหันไปมองที่รูปถ่ายผมกับมันตอนไปทำงานพิเศษเป็นตัวมาสคอตที่วางอยู่บนโต๊ะ    ทำให้ผมยิ่งนึกถึงทุกอย่างระหว่างผมและมันว่าที่ผ่านมาผมมีความสุขแค่ไหนที่มีมันเป็นเพื่อนที่รักที่สุด                    
         แต่แล้วพอผมยื่นมือไปแตะที่กระเป๋าเสื้อที่มันเซ็นไว้ว่า " รักมึงมากเช่นกันว่ะ  จากเน  เพื่อนมึง "      ซึ่งตรงคำว่า "เพื่อน" นั้น      มันกลับยิ่งตอกย้ำทำให้ผมสำนึกได้ว่าระหว่างมันและผมก็จะเป็นได้แค่เพื่อนที่รักกันที่สุดเท่านั้นจริงๆ
              
         พอคิดไปแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอึดอัด  กังวล  ไม่สบายใจไปเลยครับ   เพราะตอนนี้จากทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและมันโดยเฉพาะหลังๆมานี้  ผมเริ่มจะคิดได้แล้วล่ะว่านี่ผมคงไม่ได้รักมันแค่เพียงเพื่อนเสียแล้ว       

         ที่จริงถ้าจะคิดว่าผมเป็นเกย์   หรือจะชอบมันแบบเกย์    ผมก็รู้สึกแย้งๆในใจอยู่ดี   

         ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์หรอกนะครับ    แต่ผมยังคิดเอาว่าถ้าเราจะรักมันแบบเกย์มันก็น่าจะมีความรู้สึกทางเพศกับมันอะไรอย่างนี้บ้าง   

         แต่นี่ผมเองกลับรู้สึกว่าไม่เคยคิดอยากมีอะไรกับมันเลยจริงๆครับ    มากสุดก็แค่กอดกับมัน     แนบชิดกับตัวมันแบบนั้นมันก็รู้สึกดีมากจริงๆแค่นั้นเอง   

         เหมือนว่าอาจจะแค่ผมเป็นคนขาดความอบอุ่นไปมั๊ง   

         แต่จะว่าไปมันก็เหมือนยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกันครับ   

         ก็เลยคิดว่าสงสัยอย่างนี้ผมคงต้องลองหาทางพิสูจน์ใจตัวเราเองดูซะแล้ว

                                                                   *************
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 25-10-2010 23:46:43
เฮ้อออ ความรักมันห้ามกันไม่ได้ี่นี่เนาะ
อินก็เป็นคนที่ขาดความอบอุ่นมาก่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
พอได้รับความอบอุ่นจากเนบ่อยๆก็เริ่มรู้สึกผูกพันและกลายเป็น "รัก" ในที่สุดสินะคับ
จะรอติดตามตอนต่อไปนะคับ เหมือนว่าเนื้อเรื่องกำลังจะเข้มข้นขึ้น ^^
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 26-10-2010 00:39:00
ขอบคุณปิ๊งนะครับ  ที่มาคอยติดตาม

นึกว่าจะเขียนไม่สนุกซะแล้ว

แต่ก็โอเค  ถึงจะสู้เรื่องอื่นๆเค้าไม่ได้ก็เหอะ o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 26-10-2010 07:17:34
ชอบมากครับ  แต่เหมือนจะมาม่าเลยอ่ะ 
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 26-10-2010 12:57:20
อ่า งงนิดนึงแฮะ

"มาม่า" ในที่นี้คือ...?
 :serius2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: enhumto ที่ 26-10-2010 15:01:05
อยากรุ้ความหมายด้วยเหมือนกันครับ
คำว่า มาม่า เนี่ยมันมีนัยยังไงครับ
เห้นใช้กันเยอะมากๆในพันธิป
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-10-2010 15:51:35
มาม่า = ดราม่า 555

แต่ช่วยกรุณาดูการจัดหน้ากับเว้นวรรคให้ด้วยค่ะ

ที่พิมพ์ยาวเป็นพรืด คนแก่อ่านแล้วปวดตามากค่ะ

มันต้องใช้เวลาในการอ่านนานกว่าปรกตินิดนึง

ไม่จำเป็นที่เราต้องพิมพ์ไปจนหมดบรรทัด แบ่งใจความขึ้นบรรทัดใหม่บ้างก็ได้


ตัวอย่างนะค่ะ

พอคิดไปแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอึดอัด  กังวล  ไม่สบายใจไปเลยครับ   เพราะตอนนี้จากทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและมันโดยเฉพาะหลังๆมานี้        ผมเริ่มจะคิดได้แล้วล่ะว่านี่ผมคงไม่ได้รักมันแค่เพียงเพื่อนเสียแล้ว     มันเหมือนมากกว่านั้นมาก   แต่ถ้าจะคิดว่าผมเป็นเกย์   หรือจะชอบมันแบบเกย์    ผมก็รู้สึกแย้งๆในใจอยู่ดี   ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์หรอกนะครับ    แต่ผมคิดเอาว่าถ้าเราจะรักมันแบบเกย์มันก็น่าจะมีความรู้สึกทางเพศกับมัน อะไรอย่างนี้บ้าง    แต่นี่ผมเองกลับรู้สึกว่าไม่เคยคิดอยากมีอะไรกับมันเลยจริงๆครับ    มากสุดก็แค่กอดกับมัน     แนบชิดกับตัวมันแบบนั้นมันก็รู้สึกดีมากจริงๆแค่นั้นเอง    เหมือนว่าอาจจะแค่ผมเป็นคนขาดความอบอุ่นไปมั๊ง     แต่จะว่าไปมันก็เหมือนยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกันครับ    เลยคิดว่าสงสัยอย่างนี้ผมคงต้องลองหาทางพิสูจน์ใจตัวเราเองดูซะแล้ว



กับแบบนี้ ดูแล้ว อย่างไหนอ่านง่ายกว่ากันค่ะ


พอคิดไปแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ ผมรู้สึกเหมือนอึดอัดกังวลไม่สบายใจไปเลยครับ
เพราะตอนนี้จากทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและมันโดยเฉพาะหลังๆมานี้        
ผมเริ่มจะคิดได้แล้วล่ะว่านี่ผมคงไม่ได้รักมันแค่เพียงเพื่อนเสียแล้ว    
มันเหมือนมากกว่านั้นมาก  

แต่ถ้าจะคิดว่าผมเป็นเกย์หรือจะชอบมันแบบเกย์    
ผมก็รู้สึกแย้งๆในใจอยู่ดี  
ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์หรอกนะครับ    
แต่ผมคิดเอาว่าถ้าเราจะรักมันแบบเกย์มันก็น่าจะมีความรู้สึกทางเพศกับมันอะไรอย่างนี้บ้าง    
แต่นี่ผมเองกลับรู้สึกว่าไม่เคยคิดอยากมีอะไรกับมันเลยจริงๆครับ    
มากสุดก็แค่กอดกับมัน    
แนบชิดกับตัวมันแบบนั้นมันก็รู้สึกดีมากจริงๆแค่นั้นเอง    
เหมือนว่าอาจจะแค่ผมเป็นคนขาดความอบอุ่นไปมั๊ง    
แต่จะว่าไปมันก็เหมือนยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกันครับ    
เลยคิดว่าสงสัยอย่างนี้ผมคงต้องลองหาทางพิสูจน์ใจตัวเราเองดูซะแล้ว


 แล้วคำพูดในเครื่องหมายคำพูด โดยปกติจะใช้คำภาษาปาก เหมือนตอนคนเราพูดกัน

แต่ในช่วงบรรยาย นอกเครื่องหมายคำพูด มักใช้เป็นทางการ ภาษาเขียน มากกว่า

เช่น


"รู้มั้ยทำไม ผมจึงรักเค้า"  คำถามที่ผมมักจะถามกับตัวเองอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่สามารถจะหาคำตอบได้สักครั้ง
  

หรือ


"ตะเอง ทำมัยไม่มาหาเค้าเหรอ" ผมถามเขาทางโทรศัพท์ด้วยความคิดถึงอย่างมาก


ประมาณนี้แหละค่ะ ลองปรับดูอีกนิดนะจ๊ะ

อ่านกำลังมันส์ เนื้อเรื่องชวนติดตามเลยล่ะค่ะ แต่คนแก่ปวดลูกกะตามาก สงสารคนแก่หน่อยเถอะน่ะ คนดี

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 26-10-2010 18:47:39
โห  ต้องแต๊งกิ้วนัทมากๆครับ  กอดที :กอด1:

ตอนแรกก็กลัวว่ามันจะทำให้ยืดยาวเกินน่ะ  เลยไม่ได้คิดจะลองเว้นดู

งั้นเดี๋ยวจะค่อยๆแก้ให้นะครับ


ปล.ที่ว่าคนแก่ปวดตานี่  หมายถึงคนอื่นๆ  ไม่ใช่ตัวเอง ชิมิ :laugh:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-10-2010 20:38:36
 อีก 2 ปี จะ ครบ 40 แ่ก่พอไหม 555
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 26-10-2010 23:48:26
มา ต่อ อีก ตอน แล้ว

ขอบ คุณ ครับ

งี้ ก็ รู้ ใจ ตัว เอง แล้ว

พยา ยาม ต่อ ไป ค้าบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 27-10-2010 03:44:52
เริ่มสนุกขึ้นแล้วนะครับ เนื้อเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว และคิดว่าอาจไปคล้ายกับชีวิตจริงของหลายๆ คนก็ได้
ยังไงก็จะคอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆ นะครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 28-10-2010 20:41:11
มาแล้วคร้าบ    ตอนใหม่ล่าสุด
ตอนที่11

(http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)


                              ***************

               วันรุ่งขึ้นนั้นหลังจากช่วยหลวงตาท่านทำงานเก็บกวาดในวัดเสร็จแล้ว    ตอนบ่ายผมก็เลยรีบไปหามันที่บ้านโดยใช้กุญแจสำรองที่มันให้ผมเก็บไว้เปิดประตูบ้านเข้าไปเลย   ก็เห็นว่ามันนอนเอกเขนกอยู่ริมระเบียงอย่างสบายอารมณ์   

               " เฮ้ย  เดี๋ยววันนี้เราซ้อมกีต้าร์กันต่อนะ   ต้องแกะกันอีกหลายเพลงอ่ะ  แล้วไว้ไปเล่นที่ตรอกข้าวสารด้วยกันไง"   ผมลองชวนมัน

               " เออ   ดีว่ะ   อยากไปพอดีเลย   คราวนี้อ่ะ  รับรองได้ตังค์เยอะอีกแน่   กูโชว์เองซะอย่าง  คนต้องแห่มาดูกูกันเยอะแยะแน่"  มันคุยตามเคย   ผมก็ยิ้มอย่างหมั่นไส้

               " เออ  แล้วกูจะคอยดู  อย่าเสือกประหม่าจนเล่นผิด  หรือเล่นไม่ออกไปก่อนแล้วกันนะ  อายเค้านะมึง  หึๆ"   ผมดูถูกมันเต็มๆ   

               " สัดนี่  ดูถูกกู  แล้วมึงคอยดูละกัน  ใครๆก็จะต้องโยนตังค์ให้เราเว้ย  ฮ่าๆ"  มันยังคงคุยโว    ผมก็นึกขำในใจ   ไม่ใช่พอไปจริงๆแล้วประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกนะ   ไอ่ขี้คุย

               ผมนั่งกับมันอยู่อีกพักนึงก็เลยบอกมันว่าคืนนี้ผมจะนอนค้างกับมันอีก     แต่เดี๋ยวเย็นนี้จะทำกับข้าวกินกันเองดีกว่า    เบื่อออกไปกินหรือซื้อมากินแล้ว

               " เฮ่ย  จริงๆเหรอวะ  มึงจะทำกับข้าวเองเหรอ"   มันถามอย่างตื่นเต้น   

               " มึงนี่   จะตื่นเต้นทำไมวะ   เด็กวัดที่ไหนมันก็ทำได้ทั้งนั้นอ่ะ   ไม่งั้นจะรอดมาได้ไง  เดี๋ยวออกไปซื้อของกัน   มึงอยากกินอะไรอ่ะวันนี้"   ผมเลยถามมันไป   

               " เฮ่ย  เหรอ  แล้วมึงทำอะไรได้มั่งอะ   กูอยากกินสเต๊กกับสปาเกตตี้นะ  แล้วก็พิซซ่า   เอาหน้าอะไรดีล่ะ  แล้วก็หมูหันด้วย   อืม  ของหวานเอาเป็นอะไรดีนะ  สตรอเบอรี่ชีสเค้ก  กับพาย  ดีมั๊ย" มันว่าแล้วก็นับนิ้วไป  ว่ามีอะไรที่อยากกินมั่ง  กวนทีนนัก  ผมเลยตบกบาลมันซะหนึ่งที

               " นี่...ไง..   สาดด...ด   เห็นกูเป็นอ.ยิ่งศักด์รึไง   จะแดกนั่นแดกนี่ขนาดนั้น    กูคงทำให้แดกได้อ่ะนะ   ไปๆ   ไปตลาดกะกูเลย"   มันก็เอามือกุมหัว   แล้วบ่นว่าผมทำรุนแรง    สมควรแล้วอ่ะมึง

               เราเดินกันออกมาที่ตลาดเพื่อเตรียมไปซื้อของสำหรับทำต้มยำกุ้งกับผัดผัก   ผมยังคิดว่าจะทำไก่ทอดอีกสักอย่างแล้วกัน   จากนั้นก็เริ่มเดินซื้อของไปด้วยกันกะมัน   ดูๆแล้วผมว่ามันก็คงจะไม่เคยต้องมาซื้อของจ่ายตลาดเองอย่างนี้มั๊ง     เวลาผมไปหยิบดูของอะไรมันก็จะมาดูอย่างสนใจ

               " กูว่ามึงก็ต้องเรียนรู้ไว้มั่งนะ   อีกหน่อยมึงก็ต้องไปดูร้านให้พ่อกับแม่มึงที่โน่น   มันก็ต้องมีความรู้เรื่องอาหารบ้าง   ยิ่งเรื่องเลือกซื้อของเนี่ย   สำคัญนะเว้ย"   ผมแนะนำมัน   มันก็พยักหน้ารับรู้

               " ตกลงกูก็ต้องฝึกเป็นกุ๊กเลยอ่ะดิ   จะได้มีความรู้เรื่องนี้ได้ดีอ่ะ" 

               " ที่จริงกูว่าถ้ามึงจะเรียนต่อเกี่ยวกับทางนี้โดยตรงไปเลยมันก็ดีนะเว้ย   โดยเฉพาะพวกการโรงแรมที่เกี่ยวกับร้านอาหารอะไรงี้   มึงว่ามึงพอจะอยากเรียนไหมล่ะ"   ผมเสนอความคิด

               " เออ  ก็จริงว่ะ  กูว่ากูก็คงพอเรียนไหวนะแบบนั้น   มันคงไม่ยากเกินไป   เผื่อกูจะได้เป็นเชฟใหญ่  ฮ่าๆๆ"   มันว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ     ก็ดีครับที่มันได้เลือกแล้วว่ามันคงอยากเรียนด้านนี้   เพราะถ้ามันยึดทางนี้ไปได้จริงๆมันก็ไปทำงานทางโน้นได้เลย   จะได้หายห่วงมันนะครับ

               พอเราเลือกซื้อของเสร็จแล้วก็เลยกลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมทำอาหารกัน   ผมให้มันช่วยล้างผักแล้วก็หั่น   เราช่วยกันทำโน่นทำนี่   มันก็กวนทีนไปตามเรื่อง   เอาผักมาเล่น  ถามโน่นถามนี่ซอกแซกไป    ผมก็กำลังปรุงรสต้มยำในหม้ออยู่    ก็เลยตักให้มันชิมดูก่อน

               " อ่ะ  เฮ้ย   อร่อยอ่ะ   สาดด..ด  อร่อยโคตรๆ   ทำได้ไงวะ   แม่ง  เชลล์ไม่ต้องมาแย่งชิมเลยนะงานนี้  กูจะแดกคนเดียว"   มันตะโกนลั่น   แล้วก็มาตักไปกินอีกช้อนนึง

               " สัดนี่   พอแล้ว  เดี๋ยวค่อยตักไปกินกับข้าวโน่น   เว่อร์นัก   มันจะอร่อยเชี่ยอะไรขนาดนั้นวะ   เอ้า  ตกลงถ้าอร่อยแล้วกูจะได้ไม่ต้องเติมอะไรเพิ่ม   ไปๆ  เอาชามมาใส่เลย"    ผมบอกแล้วก็ยกหม้อลงจากเตา

                ตอนนี้ผมเตรียมอาหารทุกอย่างใส่จานเอาออกมาวางที่โต๊ะแล้วก็รีบตักข้าวใส่จานกันเพราะหิวสุดๆแล้วครับตอนนี้

               " โห  ผัดผักนี่ก็อร่อยว่ะ"  มันว่าแล้วก็มาจ้วงตักผัดผักไปอีก   

               " โอ๊ย..ย  ร้อนๆๆ  สัดเอ๊ย   แฮ่กๆ..  ปากกู"   มันร้องลั่นแล้วก็เอามือพัดที่ปากมัน   เสือกกัดไก่ทอดร้อนๆไปเต็มเปา  จะเหลือรึปากมึง

               " ฮ่าๆๆ   ฟันร่วงเลยมั๊ยมึง   แมร่ง  กัดไปได้ร้อนจะตายห่า   มึงกลัวใครมันจะมาแย่งมึงแดกรึไง   ของมีตั้งเยอะแยะอ่ะ  ไอ่เวร"   ผมขำไปกะความตะกละของมัน

               " ก็มันอร่อยอ่ะ   อร่อยหมดทุกอย่างเลยว่ะ   ต่อให้อ.ยิ่งศักดิ์มาเจอมึงอ่ะนะ   เค้าคงต้องหลบว่ะ"   มันชมผมใหญ่

               " เฮ้ย  ไก่นี่ก็อร่อยว่ะ   มึงใส่อะไรวะ  เหมือนรสต้มยำเลยอ่ะ  อร่อยดีกรอบๆเพราะมีมาม่าที่เคลือบอยู่นี่    เออ.... มึงคิดได้ไงวะ   โคตรแปลกเลย  ไม่เคยเห็นที่ไหนอ่ะ"   มันหยิบไก่ทอดมากินต่อแล้วก็ถามผม 

               " เออ.... ก็รุ่นพี่ๆเด็กวัดเค้าทำกันมา   เป็นสูตรที่ตกทอดต่อๆกันมาอีกทีว่ะ   นี่ยังมีที่แปลกๆอีกหลายอย่างนะเว้ย   ไว้แล้วจะค่อยๆทำให้มึงลองกิน"   ผมบอกมัน   ซึ่งผมภูมิใจสูตรนี้มากครับทำก็ไม่ยาก   

            ตอนแรกเอามาม่ารสต้มยำมาบดๆให้ละเอียดก่อนเตรียมไว้   

               แล้วผสมแป้งชุบทอดแบบแป้งโกกิกับน้ำให้ข้นๆ     ปรุงรสในแป้งนิดนึงให้ออกหวานเค็มแค่นิดๆอย่ามากไปเพราะเวลาทอดมันจะไหม้ได้ง่าย

               เอาไก่มาลงชุบแป้งก่อน   แล้วค่อยไปคลุกกับมาม่าที่เราบดไว้    ให้เส้นมาม่าติดกับแป้งทั่วๆชิ้นไก่   แล้วก็เอาไปทอดให้เหลืองกรอบ     

               จากนั้นก็รีบเอามาคลุกกับเครื่องปรุงต้มยำที่ในซองมาม่านั่นแหละครับ   คลุกตอนไก่ยังร้อนๆผงเครื่องปรุงมันจะติดผิวของเนื้อไก่ได้ดีครับ   ใครอยากลองกินก็ลองทำดูครับ  ไม่ยากเกิน  แต่ระวังว่าทำแล้วมันจะเค็มมากนะครับ    เพราะเครื่องปรุงมันจะรสเข้มข้นมาก  กะปริมาณใส่แค่พอดีๆก็พอ   

               ตกลงมื้อนั้นมันก็เลยกินซะจนพุงกางไป   ข้าวแทบจะหมดหม้อเลย   ไม่รู้มันจะอร่อยอะไรของมันนักหนา   ผมว่าผมก็ทำรสชาดธรรมดาๆเอง    พอกินกันเสร็จเราก็เลยช่วยกันเก็บล้าง   

            แล้วมันก็เตรียมจะเข้าไปอาบน้ำ   ผมเลยปล่อยให้มันเดินเข้าไปก่อนนิดนึง   แล้วก็ตามมันเข้าไปในห้องน้ำ

               " เออ  กูอาบด้วยนะเว้ย"   ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้าไป    มันก็สะดุ้งเมื่อหันมาเห็นผม 

               " เอ้า  เชื่ยนี่   มึงนึกอะไรขึ้นมาวะจะมาอาบกะกู   อารมณ์ไหนนี่มึง"   มันถามผมอย่างงงๆ   แล้วก็ถอดเสื้อผ้าออก   ผมลองยืนมองร่างเปลือยล่อนจ้อนของมันนิดนึง   ก็เลยถอดเสื้อผ้าออกเหมือนกัน   แล้วก็เดินไปตรงหน้ามัน   มันก็ยิ่งทำหน้างงหนักเลย 

               " อะไรของมึงวะ   เฮ้ย  จะทำอะไรวะ"   มันตกตะลึงไปเลยที่ผมไปกอดมัน   

               " เออ  มึงเฉยๆเหอะน่ะ"   ผมกอดกับมันแน่นขึ้น   ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเราก็เบียดแนบชิดกัน    แล้วผมก็มองหน้าสบตากับมัน

               แต่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่ารู้สึกดีและอุ่นๆที่กอดมัน     ผมยังอยากซบที่บ่าของมัน    และสัมผัสผิวเนื้อของมันได้อย่างไม่รู้สึกว่ารังเกียจอะไรเลย   

               ไม่ได้รู้สึกด้วยซ้ำว่า  เฮ้ย มันเป็นผู้ชาย  เราก็เป็นผู้ชายนะ   ซึ่งถ้าจริงๆแล้วก็คงต้องมีรังเกียจกันบ้างอ่ะ   แต่นี่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนะว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น 

               แต่ที่แน่ๆก็คือผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์ทางเพศอะไรขึ้นมาเลย    น้องชายผมก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรทั้งสิ้น     ถ้าเราคิดกับมันแบบเกย์มันก็น่าจะมีสปาร์คอะไรบ้างนี่นา    แต่นี่ก็ไม่มีนะ    ซึ่งตัวมันเองก็คงเหมือนกับผม   แต่ก็ไม่แน่ใจครับ   เพราะคิดว่ามันอาจจะแค่ยังตกใจที่อยู่ๆผมก็ไปกอดมันไม่ทันตั้งตัว

               " เฮ้ย  มึงจะมากอดกูทำไมวะ   เชี่ยนี่   ไอ่บ้า"   มันเริ่มโวยวายมากขึ้น   ผมเลยปล่อยมัน   ซึ่งมันก็ยังคงงงในสิ่งที่ผมทำ

               " เมื่อกี๊... มึงรู้สึกยังไงมั่งวะ"    ผมถามมัน

               " อ่ะ  อะไรวะ   รู้สึกเชี่ยอะไรอ่ะ   ก็ขนลุกอะดิ   แม่ง  อยู่ๆก็มากอดกู   มึงทำงี้ทำไมเนี่ย   กูละงง   รักกูมากเรอะไง" 

               " เออ   มึงไม่ได้รู้สึกอะไรอื่นก็ดีแล้ว   กูลองใจมึงอ่ะ  ไม่มีอะไร   อาบน้ำเหอะ"   ผมว่าแล้วก็เลยเปิดฝักบัวแล้วก็อาบน้ำต่อ   ทิ้งให้มันยังยืนงงอยู่อย่างนั้น

               " เฮ้ย  เชี่ยนี่   อะไรของมึงวะ  แม่ง  กูละงงเลย   ไหนบอกกูให้เคลียร์ทีเด๊ะ    สาด"   มันบ่นแล้วก็มายืนอาบน้ำจากฝักบัวข้างๆผม

               " เออน่า   ไม่มีอะไรหรอก  กูอยากลองอะไรเล่นๆแค่นั้น   มึงไม่ต้องมาคิดมากหรอก   เออ  เดี๋ยวอาบเสร็จแล้วออกไปดูตีสิบนะ    กูอยากดูว่าวันนี้ใครมา"   ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจมันไปซะเลย   ซึ่งก็ได้ผลมันเลิกถามผมต่อแล้ว 

               พอเราอาบกันเสร็จผมก็เลยเดินออกมาแล้วก็มาใส่เสื้อผ้า   ผมได้พิสูจน์แล้วล่ะครับว่าจริงๆผมเองรวมทั้งมันด้วย  ก็อาจจะยังไม่ถึงขั้นว่าเป็นเกย์ไปเลยจริงๆ   

               ผมคิดเอาเองว่าถ้าคนเราจะเป็นเกย์มันก็น่าจะมีเรื่องอารมณ์ทางเพศมาร่วมด้วยสิ    แต่นี่ผมว่าผมกลับเฉยๆกับมันนะ    แค่อยากไปสัมผัสร่างกายมัน   อยากกอดมันไปอย่างนั้นเพราะมันทำให้รู้สึกดี   

               ทีนี้ก็เลยยิ่งงงเข้าไปอีกนะครับ    ตกลงไอ้ความรู้สึกนี้มันคือยังไงกันแน่   แต่ที่รู้แน่ๆแล้วก็คือ   ผมว่ามันเป็นความรู้สึกที่เริ่มจะเกินจากเพื่อนไปซะแล้วล่ะครับ   

               ซึ่งตอนนี้ผมก็คงต้องปล่อยมันไปอย่างนี้ก่อนแล้วล่ะ    เพราะก็ไม่รู้ว่าจะทำไง   ก็คงต้องทำตัวไปเป็นปกตินะ   ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่   แม้ว่าสำหรับผมมันคือเกินเพื่อนไปแล้วก็เถอะ

                                                                        -

                                       -

               วันนี้ก็ถือเป็นวันดีอีกวันนึงนะครับ    เพราะว่าเป็นวันเกิดมัน    ผมว่าจะไปซื้อของขวัญไว้ให้มัน   แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่รู้จะเอาอะไรให้มันดี   เลยซื้อกรอบรูปเป็นชุดใหญ่ให้มัน   ซึ่งมันจะเป็นตัวกรอบรูปใหญ่ทำติดบานพับเชื่อมกับกรอบรูปเล็กหลายอัน  ไว้ใส่รูปได้หลายๆขนาดแล้วก็พับได้เป็นหลายรูปทรงไว้วางโชว์     

               ซึ่งที่ผมซื้อกรอบรูปนี้ให้มันก็เพราะว่าอยากลองใจมันดู    อยากรู้ว่ามันจะใส่รูปใครลงไปบ้าง  ก็แอบหวังนะครับว่ามันคงจะใส่รูปที่เราถ่ายด้วยกันไว้ลงไป 

               ตอนนั้นก็หกโมงกว่าแล้ว   ผมซื้อของกินกับน้ำอัดลมไปด้วยจะได้ไว้ฉลองกัน   ผมคิดไปตลอดทางกะว่าจะทำเซอร์ไพร์สมันด้วยการซ่อนเค้กไว้แล้วเอาออกมาให้มัน   แต่ไปๆมาๆก็หาวิธีที่จะซ่อนไม่ให้มันรู้ไม่ได้   ก็เลยขี้เกียจคิดแล้วครับ   ถือเข้าไปบ้านมันโต้งๆนี่แหละ     

               พอเปิดประตูเข้าไปในบ้านมันผมก็เอาของขวัญกับเค้กและของกินไปวางไว้ในครัวแต่ปรากฎว่าบ้านเงียบสนิท   มันไม่อยู่แถวนั้น    และมันไม่ได้อยู่ในบ้านด้วยซ้ำไป

               ผมได้แต่สงสัยว่ามันไปไหนนะป่านนี้ยังไม่กลับ    หลังๆมานี้ดูมันก็แปลกๆ   มันจะออกไปนอกบ้านบ่อยขึ้น   ซึ่งก็ไม่ได้ชวนผมไปด้วยเหมือนอย่างทุกครั้งที่มันจะต้องรบเร้าชวนผมออกไปเป็นเพื่อนทุกที      แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ

            มันอาจจะไปทำธุระอะไรของมันมั่งนะ    แล้วก็อาจไม่อยากบอกผมจริงๆ    ก็ถือว่าปล่อยให้มันมีเวลาเป็นส่วนตัวมันมั่งก็แล้วกัน

               ระหว่างที่รอมันนั้น   ผมก็เลยได้โอกาสวางแผนทำเซอร์ไพร์สมันอีกที    ผมเอาเค้กมาวางไว้บนโต๊ะรับแขกแล้วปักเทียน   เตรียมไฟแช๊กไว้ใกล้ๆ    แล้วก็ลองโทรไปหามันแล้วถามมันว่าอยู่ไหน    มันก็บอกว่ากำลังกลับไปจะถึงหน้าบ้านแล้ว   ผมก็เลยแกล้งบอกว่า  เออ   งั้นเดี๋ยวจะไปหาที่บ้านนะ   แล้วก็วางสายไป     

               จากนั้นผมก็รีบเอาไฟแช๊กจุดเทียนรอไว้เลยครับ   แล้วก็รอให้มันเปิดประตู    พอมันเปิดประตูเข้ามาปั๊บผมก็เลยปิดไฟในห้องทันที  เหลือแค่แสงจากเทียนวันเกิด   แล้วผมก็ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้มัน

               " โห....   เฮ้ย  มึงนี่   แม่ง  ลงทุนว่ะ"   มันว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ   ผมก็ยังคงร้องเพลงต่อจนจบ

               " เอ้า...  อธิษฐานซะก่อน   แล้วค่อยเป่า"   ผมสั่งมัน   มันก็หลับตาไปแป๊บนึง   แล้วก็เป่าอย่างแรงจนเทียนดับหมด    แล้วผมก็เดินไปเปิดไฟ

               " แล้วของขวัญกูอ่ะ"   มันทวงทันที

               " แหม   สัดนี่   ทำมาทวง  เอ้า..."  ผมยื่นกล่องของขวัญให้มัน    มันก็ยิ้มอย่างตื่นเต้นรีบคว้าไปแกะทันที

               " เฮ้ย  ให้อะไรกูวะ  ไหนๆ"  มันทำเสียงตื่นเต้น

               " หึๆ   ให้ถุงยางมึงมั๊ง   ดูเอาเองดิ"   ผมแกล้งกวนมัน

               " สัดนี่   ให้ถุงยางทำเชี่ยไร   จะให้กูเป่าเล่นเรอะ   เห็นกูว่างมากรึไง   รึจะให้กูเอามาใช้กะมึงดีล่ะ   หึๆ"    มันด่าผม   ผมก็หัวเราะ  มันเริ่มแกะห่อออกจนหมด  แล้วหยิบกรอบรูปที่ผมให้ออกมาพลิกดู

               " เฮ่ย..  อะไรวะ  อ๋อ... กรอบรูป  โธ่เอ๊ย...   กูก็นึกว่าอะไร   นึกไงให้กรอบรูปกูเนี่ย"   มันพูดแล้วก็ทำหน้าเบ้ๆเหมือนคล้ายๆว่ามันผิดหวังที่ผมให้มันแค่กรอบรูป
         
               " ก็อยากให้มึงใส่รูปไง   เลยให้มึงไว้อ่ะ   เผื่อมึงมีรูปที่ประทับใจอยากเก็บไว้ดูน่ะ   มึงมีมั๊ยล่ะรูปที่ประทับใจอ่ะ   มีมั๊ยน๊า    กูว่ามึงน่าจะมีนะเนี่ย..."   ผมแกล้งถามแล้วก็ทวนคำถามไปมาพลางยิ้มให้มันอย่างเป็นนัยๆ      มันมองและทำหน้าเหมือนเริ่มรู้ทันผม    แล้วก็ยิ้มออกมา   

               " อ๋อ   กูก็นึกว่าอะไร   เออ  กูยังไม่ได้เอารูปเราไปล้างเลยว่ะ   เก็บไว้ในคอมแล้ว   เออ  พรุ่งนี้ค่อยเอาไปล้างละกัน  แล้วก็ที่ถ่ายกับพวกที่รร.วันสอบวันสุดท้ายด้วยอ่ะ    รูปพวกเราน่ะ  เดี๋ยวล้างแล้วเลือกเอามาใส่กรอบ"  แล้วมันก็ทำเอียงคอมามองหน้าผม

               " โอเคยังอ่ะ   สาดด....  แหม...  ทำมาเป็นทวงให้กูล้างรูปนะมึงนี่   ร้ายนักนะ"    มันว่าผมแล้วก็หัวเราะ   จนผมก็ชักเขินๆที่มันรู้ทันแล้ว

               " เออ   ก็ไปล้างมาแล้วกัน   เอ้า...  ไปตัดเค้กได้แล้วมึง"   ผมหันไปสั่งมันแก้เก้อ    แต่มันก็ยังคงจ้องผมแล้วก็หัวเราะ

               " เออๆ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนเป็นชุดวันเกิดก่อนเว้ย   จะได้ออกมานั่งสบายๆมันว่าแล้วก็เดินเข้าห้องไป   ผมฟังมันผ่านๆแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร   หันไปอีกทีมันก็ออกมาในชุดวันเกิดแล้ว  ชุดวันเกิดจริงๆนะครับ  ขอย้ำ

               " อ่ะ   ไอ้สาดดด...ด  เป็นเชี่ยไรวะ   แก้ผ้าออกมาเนี่ย   จะบ้าเรอะไงมึง"   ผมโวยวายทันที   ดูมันสิครับ   ท่านผู้อ่าน  ดูมันทำ

               " เอ้า  ก็กูบอกมึงแล้วไงว่าจะไปใส่ชุดวันเกิดอ่ะ   วันนี้วันเกิดกูนี่ก็ต้องใส่ชุดวันเกิดดิ  ฮ่าๆๆ"   มันยังคงหัวเราะชอบใจที่แกล้งกวนทีนผมได้อย่างเชี่ยมากๆ  มุขนี้อ่ะ   แล้วมันก็มานั่งหยิบมีดจะมาตัดเค้กพร้อมกับหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มอย่างสะใจมากที่กวนทีนผมอย่างนี้

               " ฮ่าๆ   กูล้อมึงเล่นพอละ  ไปใส่กางเกงก่อนล่ะ"   มันว่าแล้วก็รีบเดินเข้าห้องไปใส่กางเกงออกมา   แล้วก็มาตัดเค้กยื่นให้ผม

               " อ้ะ...  สำหรับมึงนะ   ขอบใจมากที่เตรียมทำทุกอย่างให้กูมีความสุขมากว่ะ   ที่มึงไม่ได้ลืมวันเกิดกูว่าแต่จะไม่อวยพรกูหน่อยเหรอวะ"   ผมฟังมันแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้อวยพรให้มันเลย

               " เออ...  กูก็ลืมเลย    ก็... ขอให้มึงโชคดีว่ะ   อืม  แล้วก็ขอให้มึงสมหวังทุกอย่างแล้วกันนะ"   ผมก็นึกไม่ค่อยออกว่าควรอวยพรอะไรมันดี    แต่แค่นั้นมันก็ยิ้มอย่างสุขใจมากแล้วก็กอดผม

               " ขอบใจว่ะ  เพื่อน... ทุกอย่างที่มึงอวยพรกูๆก็ขอให้ย้อนมันกลับไปที่มึงด้วยนะ   ขอให้มึงมีความสุขเหมือนอย่างที่มึงอวยพรกูเหมือนกัน    แล้วที่กูอธิษฐานกูก็ขอแค่สองอย่างนะ  ขอให้กูและพ่อแม่กลับมารักและเข้าใจกันเหมือนเดิมได้  อีกอย่างนึง..."  มันหยุดนิดนึงแล้วก็มองสบตาผม

               " กูขอให้มีมึงอยู่กะกูอย่างนี้ตลอดไป   ให้เรารักกันไปตลอดว่ะแค่นั้นแหละ  กูพอใจแล้ว  อย่างอื่นกูก็ยังไม่อยากได้หรอก  กูขอแค่นี้แหละว่ะ"   

               " เออๆ  ซึ้งพอแล้วว่ะ   ยังไงกูก็ไม่ทิ้งมึงหนีไปไหนหรอกนะ   มึงคงต้องเบื่อกูซะก่อนแน่ๆ   เอ้อ  มาๆ  ชนแก้วกันเว้ย"   ผมว่าแล้วก็รินโค้กใส่แก้วให้มัน   แล้วก็ชนแก้วฉลองกัน     

               ผมดีใจนะครับที่มันอธิษฐานเรื่องขอให้มีผมอยู่กับมันตลอดไป   ดีใจที่มันรักผมมาก  แม้ว่าวันนี้ของขวัญของผมมันอาจจะยังไม่ถูกใจ     แต่ก็อย่างที่บอกครับ   ว่าแค่อยากลองใจมันดูเฉยๆเท่านั้น     ไว้เดี๋ยวผมค่อยหาของอื่นที่มันคงจะชอบแน่ๆให้มันอีกทีแล้วกัน   

                                                                    -

                                       -

               วันต่อมาผมก็ยังคิดอยู่นะ   ว่าจะซื้ออะไรให้มันดีเลยออกไปเดินดูของที่ตลาดสะพานพุทธ   ก็มีของเยอะแยะแต่ว่าผมดูๆไปก็ไปนึกชอบจี้โลหะรูปเปลวไฟเล็กๆที่ดูคล้ายโลโก้ของอะไรสักอย่าง   ก็เลยซื้อมาแล้วก็รีบเอาไปให้มันเดี๋ยวนั้นเลยครับ

               " อ้าว  ทำไมมึงมาซะป่านนี้ล่ะ"   มันถามผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปในบ้าน   ผมก็ยังไม่ได้ตอบมันแล้วก็เดินอ้อมไปหลังมัน  แล้วก็เอาสร้อยนั้นใส่ให้มัน    มันก็ทำหน้างง

               " อ้ะ... ของขวัญของกู   รอบแก้ตัวว่ะ"   ผมยิ้มบอกกับมัน    มันก็หยิบจี้ที่คอมาดูแล้วก็ยิ้มให้ผมอย่างชอบใจ

               " อ้าว...  เหรอวะ   เออ  ก็สวยดีเว้ย  กูชอบว่ะ   เออๆ  ขอบใจนะเว้ย"   มันว่า  ท่าทางมันคงชอบจริงๆแล้ว

               " อยากให้มึงใส่ไว้ตลอดนะ   จะได้นึกถึงกู   จี้นี้มันเป็นรูปไฟ  ตัวมึงก็จะได้มีไฟอยู่ตลอดไง  ไม่ท้อถอยง่ายๆ    มีความหมายดีมั๊ย"   ผมลองอธิบายความหมายที่ผมคิดเอาเองให้มันฟัง 

               " เออๆ  ก็ดีอ่ะ   กูจะใส่เอาไว้ยังงี้ตลอดเลยนะ   เพราะว่ามึงให้กูไง"  มันยิ้มรับคำผม   

               ต่อไปจี้อันนี้มันก็จะเป็นสิ่งที่แทนทั้งตัวผมและใจผมไปตลอดสำหรับมัน   

               ผมได้แต่หวังว่ามันคงจะรักษาเอาไว้อย่างดีตราบเท่าที่มันจะยังรักผมอยู่   

               แต่ว่าตอนนี้แม้แต่ผมเองก็เริ่มรู้สึกนะว่า   วันต่อไปข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลยจริงๆ   

               ระหว่างเรามันจะยังคงเหมือนเดิมอย่างนี้ตลอดไปไหมนะ   

               ผมจะยังคงมีความสุขอย่างนี้เพราะมีมันไปตลอดหรือเปล่า     ก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เลยครับ

                                                                           **********

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 28-10-2010 20:50:50
งือออ (=w=)
แล้วความรักของเนกะอิน จะเป็นไงต่อไปอ่ะคับนี่
เดาทางไม่ถูกเลยอ่า
อินอ่ะรู้ใจตัวเองแล้ว
แต่เนนี่สิ ไรท์เตอร์(เอ่อ ปิ๊งจำชื่อพี่ไม่ได้อ่ะคับ)ไม่ยอมเขียนบอกเลยว่ารู้สึกกะอินมากกว่าเพื่อนรึเปล่า - -
รอตามตอนต่อไปนะค้าบบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 28-10-2010 20:53:25
 :L2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 11 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 4 : 25/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 28-10-2010 21:02:15
งือออ (=w=)
แล้วความรักของเนกะอิน จะเป็นไงต่อไปอ่ะคับนี่
เดาทางไม่ถูกเลยอ่า
อินอ่ะรู้ใจตัวเองแล้ว
แต่เนนี่สิ ไรท์เตอร์(เอ่อ ปิ๊งจำชื่อพี่ไม่ได้อ่ะคับ)ไม่ยอมเขียนบอกเลยว่ารู้สึกกะอินมากกว่าเพื่อนรึเปล่า - -
รอตามตอนต่อไปนะค้าบบ

อิอิ  ใจเย็นๆครับปิ๊ง  รออีกนิดก็จะได้รู้แล้วครับ   

ตอนหลังๆนี้เรื่องจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆละครับ 

ตอนแรกๆยอมรับว่าเขียนยังไม่ค่อยดีจริงๆ  ดำเนินเรื่องแล้วมันเรียบเกินไป

ยังไงก็ติดตามไปเรื่อยๆนะครับ   คิดว่าคงถูกใจทุกคนพอสมควรแหละ


ปล. พี่ชื่อ น๊อต นะครับ o13  แล้วอย่าลืมล่ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 12 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 28/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 28-10-2010 21:06:55
แล้วก็ขอบคุณ คุณ monoo และทุกๆท่านด้วยนะครับที่มาติดตามอ่านต่ออีก :pig4:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 12 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 28/10
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 28-10-2010 21:39:23
ซึ้งงง

ขอ ให้ รู้ ใจ กัน ไว ไว นะ

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 12 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 28/10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 02-11-2010 18:39:24
ติดตามกันต่อได้เลยนะครับ  ตอนนี้ก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว   มาดูกันครับว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่่อไป

ตอนที่12
                (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)                                              
                                                           ***********

         ผมนั่งดูผลสอบทั้งหมดในทรานสคริปต์แล้วก็โล่งใจครับ      แม้ว่ามันจะไม่ได้ดีเลิศเลออะไรแต่ก็ไม่มีที่ต้องซ่อม

         ส่วนมันก็ดีใจเป็นบ้าบอไปตามเคยครับ     เพราะเกรดมันดีจริงๆ    ดีกว่าเทอมที่แล้วซะอีก    นี่สงสัยคงต้องเตรียมตัวให้มันลากไปฉลองอีกแล้วนะครับ

         " ฮ่าๆ  เป็นไงเกรดกูออกมาสวยงามดังหวังละเว้ย   งั้น...."   มันพูดยังไม่ทันจบ  แต่ผมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

         " เรามาฉลองกันดีกว่า...   ใช่มั๊ยอ่ะ"  ผมคงดักคอมันได้ถูกต้อง   มันก็มองหน้าผม

         " อ่ะ...  สัดนี่   ทำมาเป็นรู้ทันกู    ก็วันดีๆยังงี้มันก็ต้องฉลองสิวะ"   

         " เออ   กูก็รู้แล้วล่ะ   อืม  จะไปไหนมึงก็ว่ามาดิ   ก็แล้วแต่ป๋าอ่ะนะ"  ผมว่าแล้วก็ยิ้มๆ   ก็ต้องตามใจมันอ่ะนะ

         " งั้นเดี๋ยวมึงตามกูมาแล้วกัน    วันนี้มีเซอร์ไพร์สเว้ย   ฮ่าๆๆ"    มันพูดแล้วก็หัวเราะทิ้งท้ายไว้อย่างเป็นปริศนา    ยิ่งยั่วให้ผมอยากรู้มากยิ่งขึ้น

         แล้วเราก็นั่งรถไปยังบ้านของรุ่นพี่คนนึง    พี่เอกนั่นเองครับ   คนที่มันพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้    เค้าจะทำงานเกี่ยวกับเวบไซต์ซื้อขายรถมือสองและแต่งรถ   คงเรียกได้ว่าเป็นเซียนมั๊ง   ซึ่งที่บ้านเค้านี่ก็มีรถหลายรุ่นสวยๆทั้งนั้นเลยครับ

         " งั้นตกลงเดี๋ยววันนี้ผมออกรถไปลองเลยนะพี่"   มันพูดอย่างตื่นเต้นมาก   ผมก็เลยหันไปมองหน้ามัน

         " เฮ่ย...   อะไรของมึง  ออกรถไหนวะ"   ผมถามมันอย่างงงๆ    มึงจะทำอะไรของมึงนี่

         " ฮ่าๆ  ก็ออกรถนี่ไงวะ   สวยมั๊ยมึง"   มันว่าแล้วก็ผายมือไปที่รถโฟล์คแวนรุ่นเก่า สีฟ้าอ่อนตัดขาวที่จอดอยู่ข้างหน้าผม 

         " เอ๊ะ...  อะไรกันวะ   มึงซื้อพี่เค้าแล้วเหรอ   สาดด..ด  เอาเงินมาจากไหนวะ"  ผมตะลึงไปแล้วก็รีบถามมันทันที  นี่นึกว่ามันมาดูรถเล่นเฉยๆนะนี่

         " เอ้า... จะมาจากไหนล่ะมึง   ถ้าไม่ใช่แม่กูน่ะ  ถามแปลกนะมึงนี่" 

         " สัดนี่...   แล้วมาแอบซุ่มซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่กูไม่รู้เรื่องเลย"   ผมบ่นมัน   ก็ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ   

         " อ้าว...  แล้วมึงขับได้แน่ๆแล้วเหรอเนี่ย  นี่มึงไปหัดขับตอนไหนวะ  นานแล้วเหรอ"  มันยิ้มแล้วก็หัวเราะที่ผมยิงคำถามใส่มันไม่หยุด

         " เออ...  กูก็เพิ่งมาหัดขับกับพี่เค้านี่แหละ   จนกูขับได้ชัวร์ๆแล้วล่ะ     มึงไม่ต้องห่วงหรอก    นี่ไงเซอร์ไพร์สมั๊ยละมึง  ฮ่าๆ"    มันว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจที่ทำเซอร์ไพร์สผมได้จนผมเหวอไปขนาดนี้

         " โห...  แล้วนี่มึงแน่ใจแล้วนะ   ว่าขับได้ชัวร์ๆแล้วอ่ะ    ขืนมีไรขึ้นมาอ่ะกูเสียดายรถว่ะ"

         " อ่ะ... สัดนี่   แทนที่จะห่วงกูเสือกห่วงรถ    เอ้า  งั้นนี่   ดูซะ  มึงจะได้มั่นใจ"  มันบอกแล้วก็ยื่นใบขับขี่ของมันเองให้ผมดู

         " เฮ้ย..  นี่มึงลงทุนไปสอบใบขับขี่มาเรียบร้อยเลยเหรอวะเนี่ย   โห...  ตกลงแค่ที่มึงหายๆไปช่วงหลังๆมานี่    มึงมาซุ่มทำทุกอย่างหมดนี่เลยเหรอวะ   เฮ้อ...  กูนับถือมึงจริงๆ   ทำได้ไงวะ"   ผมรู้สึกทึ่งที่มันลงทุนซุ่มเงียบทำทุกๆอย่างนี่ได้   โดยที่ผมไม่ได้ระแคะระคายเลยสักนิด

         เพียงแค่ว่ามันจะเซอร์ไพร์สผมแค่นี้อ่ะ    มึงลงทุนจริงๆว่ะ  ไอ่เน

         " ก็กูอยากเซอร์ไพร์สมึงไง   แล้วมึงคิดว่าไงอะ"  มันยิ้ม

         " เออ...  กูก็เซอร์ไพร์สจริงๆแหละ   มึงทำสำเร็จแล้ว"   ผมบอกมันแล้วก็ยิ้มๆอย่างยอมแพ้ความตั้งใจของมัน

         " อืม...  งั้นก็รีบไปกันเหอะว่ะ   จะได้มีเวลานะ   นี่จะสิบเอ็ดโมงละไปเหอะ"  แล้วมันก็เดินขึ้นรถ   ผมก็เดินตามขึ้นไปนั่งด้วยกับมัน

         รถคันนี้สภาพยังดีมากครับ   ยังดูใหม่ดีอยู่   แล้วก็ดูสวยแบบรถคลาสสิค    ตัวมันก็ดูท่าทางจะภูมิใจซะเหลือเกินที่เป็นเจ้าของรถคันนี้    ท่าทางราคามันก็คงแพงอยู่นะ

         แล้วมันก็ขับเข้าไปเติมน้ำมันในปั๊มแห่งนึง     เราเลยแวะซื้อพวกของกินกับน้ำดื่มและข้าวกล่องกัน   มันขนซื้อไปซะเยอะเหมือนกันครับสงสัยมันจะพาไปปิคนิคมั๊ง    จากนั้นมันก็ขับไปเรื่อยๆออกจากกรุงเทพฯไป

         " เฮ้ย...  แล้วนี่เราจะไปไหนกันวะ   นี่ออกนอกกรุงเทพฯแล้วนี่หว่า"  ผมมองออกไปข้างนอกแล้วเอ่ยถามมัน  มันก็กระหยิ่มยิ้มย่องแล้วหันมา

         " เออ...  มึงไม่ต้องห่วงหรอก   เดี๋ยวมึงก็จะได้เซอร์ไพร์สอีกนะ   อดใจรออีกนิดเดียว  ฮ่าๆ"   มันยังคงเซอร์ไพร์สผมได้อีกอ่ะ    จนผมชักขี้เกียจจะเดาแล้วสิ

         ตอนนี้มันขับรถมาถึงแถวสระบุรีแล้ว    พอมาถึงทางเข้าน้ำตกแห่งหนึ่งมันก็เลี้ยวรถเข้าไป    ผมเห็นแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลย    เพราะบอกตรงๆว่าเกิดมาผมยังไม่เคยได้มาเที่ยวน้ำตกเลยนะครับ     

         ที่มากสุดก็แค่ไปทะเลครั้งหนึ่งตอนที่รร.พาไปทัศนศึกษาน่ะ   แต่ก็ไม่ได้ลงไปเล่นหรอกครับ   แค่ไปยืนมองเฉยๆก็เสียดายมากนะเด็กวัดจนๆอย่างผมก็คงมีบุญอยู่แค่นี้เอง

         " เฮ้ย...  ดีจังว่ะ  มาน้ำตกยังงี้  กูยังไม่เคยมาเลยนะเว้ย"    ผมหันไปบอกมันอย่างตื่นเต้น   

         " เออ...  กูถึงพามึงมาไง   เพราะกูเคยขับมานี่กับพี่เอกเค้าทีนึงตอนที่หัดขับน่ะ  พี่เค้าบอกว่าที่นี่เจ๋งที่สุดแล้ว  วิวสวย  น้ำใสสุดๆ  เอ้อ  เดี๋ยวเราขับขึ้นไปที่ชั้นบนๆหน่อยดีกว่าว่ะ   น้ำมันจะยิ่งน่าเล่นนะเว้ย   ใสเย็น ชื่นใจ  ฮ่าๆ"

         " อ้าว...  เฮ่ย  ไม่ได้เอากางเกงมาเปลี่ยนอ่ะ   แล้วจะเล่นกันยังไงวะ   โธ่เอ๊ย..... อุตส่าห์มาถึงที่อ่ะ  ทำไงวะ"   ผมนึกขึ้นมาได้

         " เออ.. น่ะ   เดี๋ยวค่อยว่ากัน   อืม  เดี๋ยวขึ้นไปชั้นบนๆหน่อยดีกว่าว่ะ   ข้างบนอ่ะ   สวยโคตรๆรับรองว่ามึงต้องชอบ"   มันบอกแล้วก็ขับต่อขึ้นไปยังน้ำตกที่ชั้นบน      แล้วก็เลี้ยวเข้าไปจอดใกล้กับทางลงน้ำตกชั้นเกือบบนสุด    แถวนั้นไม่มีใครเลยครับคงเพราะว่าไม่ได้เป็นวันหยุดเลยไม่ค่อยมีใครขึ้นมาเที่ยวบนนี้

         พอมันจอดปั๊บผมก็รีบเปิดประตูลงไปอย่างตื่นเต้นเลยครับ    แล้วก็รีบวิ่งไปยืนดูที่บริเวณศาลาที่อยู่ริมฝั่งใกล้ๆนั้น

         ภาพที่อยู่ตรงหน้าเวลานี้ทำให้ผมตะลึงไปเลยครับ    น้ำตกที่ไหลเป็นสายตกกระทบสู่แก่งหินเบื้องล่างกระเซ็นเป็นฟองขาวสะอาด      มีต้นไม้ที่ขึ้นปกคลุมแลดูเขียวขจีร่มรื่นอย่างที่สุด    ยิ่งได้เห็นสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆตามแก่งและซอกหินแล้ว    มันช่างน่ากระโดดลงไปว่ายเล่นเสียจริงๆครับ

         " โห... ทำไมมันสวยอย่างนี้วะ   แม่ง...  โคตรอยากลงไปว่ายเดี๋ยวนี้เลยอ่ะ   ไม่น่าเลยว่ะ   ดันไม่มีกางเกงมาเปลี่ยนอ่ะ"   ผมยังคงบ่นอย่างเสียดายที่ไม่ได้เตรียมตัวมา   

         " โธ่... มึงจะกลัวทำไมวะ   แค่ไม่ได้เอากางเกงมาเปลี่ยนแค่เนี้ย   ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนมันดิ   มึงดูกูนี่"   พูดจบปั๊บมันก็เริ่มถอดเสื้อผ้ามันออกจนหมดแล้วก็กระโดดน้ำลงไปเลย    ผมงี้ตกตะลึงในความบ้าของมันจนอ้าปากค้างเลยครับ   

         " ฮ่าๆๆ  น้ำเย็นสบายจังเว้ย"   มันโผล่ขึ้นมาแล้วก็ว่ายน้ำไปอย่างสบายอารมณ์

         " เฮ้ย..ย  ไอ่สาด..ดด   เดี๋ยวมีใครมาเห็นจะทำไงวะ  ไอ้บ้า"   ผมโวยวายแล้วก็หันไปมองรอบๆบริเวณนั้น    แต่มันก็ยังคงว่ายเล่นอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้สะทกสะท้านเลยว่าจะมีใครมาเห็นมั๊ย

         " เออ  มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า   เห็นโขดหินใหญ่ข้างๆนี่มั๊ยล่ะ   ถ้าเรามาขึ้นจากน้ำแล้วใส่เสื้อผ้ากันตรงนี้ก็ไม่มีใครเห็นแล้วเว้ย   มันบังมิดอ่ะ"   มันอธิบาย   ผมฟังแล้วก็มองตามมันไปก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

         ผมเลยคิดทบทวนนิดนึงว่าถ้าเกิดแก้ผ้าลงไปเล่นจริงๆแล้วมีคนเดินมา   แล้วเรามาแอบขึ้นตรงโขดหินนี่ก็คงไม่มีใครเห็นจริงๆน่ะครับ   เลยเบาใจลงไปนิดนึงแต่ก็ยังคงลังเลอยู่ดีครับ

         " แต่ถ้ามึงจะใส่กางเกงในลงมาก็ตามใจมึงอ่ะ  แต่ก็นะ  กูก็จะได้รู้ไว้ว่ามึงนี่แม่ง  ป๊อดว่ะ  ฮ่าๆๆ"    พอฟังมันเยาะเย้ยผมอย่างนี้ผมก็ฉุนขึ้นมาเลยครับ   หนอยแน่ มึง  รู้จักกูน้อยไปแล้ว

         " ไอ่สัดนี่...  มึงดูถูกกูนัก  ได้เลยมึง   งั้นมึงดู"   ผมว่าแล้วก็ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดวางไว้แล้วก็โดดตามลงไปทันที   

         " ฮ่าๆ  อย่างนั้นเว้ย   เสร็จกูล่ะมึง   ถ้าไม่พูดงี้มึงก็มัวแต่คิดมากอยู่นั่นแหละ   กว่าจะได้เล่นกันคงพรุ่งนี้มั๊ง"   มันว่าแล้วก็หัวเราะเยาะผมที่หลอกผมได้สำเร็จ

         " อ๋อ  ไอ่สัดนี่   มึงหลอกกูเหรอ"    ผมฟังแล้วก็ฉุนขึ้นมาอีกเลยจะเอาขาถีบมัน    แต่มันก็รีบหลบแล้วว่ายหนีไป

         " ฮ่าๆ  แน่จริงก็ตามมาเว้ย   จับกูให้ได้แล้วกันนะ"   มันท้าทายผม    ผมก็รีบว่ายตามไล่หลังมัน    น้ำในน้ำตกนี่มันใสเย็นสบายตัวเหลือเกินครับ     ผมไม่เคยอาบน้ำที่ทำให้รู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลย     ทั้งๆที่น้ำเย็นอย่างนี้แต่แปลกดีที่มันไม่ค่อยทำให้รู้สึกว่าหนาวเลยครับ

         ผมว่ายอยู่อย่างนั้นจนเพลินเลย    ทำให้ขี้เกียจจะไปไล่ตามมันแล้ว    แต่มันก็ยังคงตะโกนท้าทายให้ผมไปจับมันอยู่

         ผมเลยนึกแผนจะจับมันขึ้นมา   เลยแกล้งไปแอบใกล้กับโขดหินใกล้ๆแล้วก็หลบอยู่ไม่ให้มันเห็น

         ทีนี้มันคงหันมองไปแล้วไม่เห็นผม     ก็เลยตะโกนเรียกผมใหญ่พลางหันซ้ายหันขวามองหาผมไปมาด้วยสีหน้ากังวล    แล้วมันก็ว่ายมาทางโขดหินที่ผมแอบมันอยู่   ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

         " ฮ่าๆ  นี่ไง  กูจับมึงได้แล้ว   เป็นไงล่ะมึง"   ผมกระโจนออกจากโขดหินไปตะครุบตัวมันไว้แล้วก็หัวเราะ  มันก็ทำท่าทางเหวอไปเลยแล้วก็หันมา     แต่ผมก็กอดล๊อคตัวมันไว้แน่นเลย       

         "เฮ้ย.... ไอ่สาด   แม่ง  หลอกกูเหรอ  กูก็นึกว่ามึงเป็นอะไร    นึกว่าจะจมน้ำรึเปล่าอะ   ห่าเอ๊ย  ทำไมเล่นงี้วะ"   มันบ่นหน้างอๆอย่างไม่พอใจ    ผมก็ยังคงหัวเราะมัน

         " ก็ถ้าไม่ทำงี้จะจับมึงได้เหรอ  ไอ่ปลาไหล  ฮ่าๆๆ"  ผมยังคงกอดมันอยู่แน่น    แล้วก็มองหน้ามัน  สบตามัน

         ตอนนี้เรายืนกอดกันอยู่ในน้ำ  ซึ่งตัวเราก็เปลือยกันโทงๆอยู่ไม่ได้ใส่อะไรเลย   เนื้อตัวเราก็แนบชิดกันจนความอุ่นจากตัวของมันกับความเย็นของน้ำนั้นก็เริ่มทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วครับ

         มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ทำให้ผมอยากกอดกับมันอยู่อย่างนั้นนานๆ   ไม่อยากผละไปจากมันง่ายๆเลย   

         หน้าของมันและผมตอนนี้ก็ห่างกันแค่นิดเดียว   ผมมองสบตามันนิ่ง   มันก็มองผมนิ่งๆอยู่    หัวใจของเราต่างเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนรู้สึกได้ชัดเจน   

         ยิ่งพอผมมองหน้ามันใกล้ๆสบตากับมัน    ริมฝีปากของมันก็อยู่ตรงหน้าผมนี่เอง 

         ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดกับผมตอนนี้ก็คือ    ผมอยากจะจูบที่ริมฝีปากนั้นของมัน

         ใช่ครับ  ผมรู้สึกว่าผมอยากจะจูบมันจริงๆ   พอคิดอย่างนี้แล้วผมยิ่งรู้สึกเหมือนว่าชาไปทั้งตัวเลยจนต้องหลบสายตามันแล้วก็ผละออกจากอ้อมกอดของมัน

         นี่เราคงเป็นบ้าไปแล้วใช่มั๊ย    เราเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอ   มันคงเกินไปแล้วจริงๆ   ผมคงเริ่มรับตัวเองที่เป็นอย่างนี้ไม่ได้ซะแล้วครับ

         " เออ  เฮ้ย  เริ่มหนาวๆว่ะ   น้ำโคตรเย็นเลย"   ผมแกล้งพูดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้น   แล้วว่ายกลับไปที่ริมฝั่ง   มันก็ยังคงมองตามมาที่ผม

         ผมเลยแกล้งทำเป็นมานั่งแช่น้ำตรงริมฝั่งที่มีโขดหินโดยมีมันว่ายตามมาติดๆแล้วก็มานั่งข้างผม

         ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ค่อยถูกซะแล้ว    และที่สำคัญตอนนี้ผมก็ไม่กล้าหันไปมองหน้ามันซะแล้วครับ

         " เฮ่ย   มึงเป็นอะไรรึป่าววะ  ทำไมเมื่อกี๊ทำหน้างั้นอะ"  มันหันมาถามผม 

         " เออ  ไม่มีอะไรหรอก   ตะกี๊มันเหมือนหนาวๆว่ะ   แต่ที่จริงมันก็สบายดีนะเว้ย   น้ำตกที่นี่น้ำมันเย็นสบายตัวดีมากเลยว่ะ   ไม่ยักกะเหมือนน้ำประปาที่เราอาบๆกันเลยนะ"   ผมพูดบอกมันไปเรื่อยแล้วก็ทำเป็นเอนตัวไปพิงโขดหินนั้นอย่างสบาย    เพียงแต่ว่าในใจตอนนั้นมันไม่ได้สบายไปด้วยเลย

         มันสับสนที่ข้างในไปหมดแล้วครับ    ลองนึกทบทวนถึงความรู้สึกเมื่อครู่อีกทีก็ยิ่งทำให้คิดไปว่าทำไมผมถึงเกินเลยไปได้ขนาดนี้นะ   มันไปไกลมากเกินไปซะแล้ว

         แล้วตัวมันล่ะ  ตอนมันสบตาผมเมื่อกี๊มันจะคิดอะไรอยู่นะ   ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเลยว่าเราสบตากันอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนนะ

         ใจมันจะคิดและรู้สึกแบบผมมั่งมั๊ยนะ   แม้สักนิดนึงก็เถอะ   ซึ่งถ้ามันไม่ได้คิดเลยก็คงถือว่าไม่แปลกอะไร

         แต่ถ้ามันคิดเหมือนผมล่ะ    นั่นก็คงหมายความว่ามันก็คงมีใจให้ผมเหมือนกัน   

         ถ้าผมมีอำนาจอ่านใจคนได้ก็คงดีนะ   ตอนนี้ผมอยากจะรู้ใจมันจริงๆครับ 

         นี่ผมควรจะทำยังไงดี   หรือว่าผมจะถามมันไปเลยดีนะ   จะได้รู้กันไปเลย   

         ผมเบื่อที่จะต้องทนแบกรับความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้วครับ

         อย่างน้อยถ้ามันไม่ได้คิดกับผมอย่างนั้น   เราก็คงยังพอคบกันต่อไปอย่างเพื่อนได้

         และผมก็จะได้ทำใจไปซะที    ไม่ต้องค้างคาใจอยู่คนเดียวอย่างนี้อีก

         " เฮ้ย   เน  กูมีอะไรอยากถามมึงว่ะ   เอ่อ... มึง...."  ผมตัดสินใจเริ่มถามมัน  แต่แล้วก็ต้องยั้งปากตัวเองไว้   มันก็ทำหน้างงขมวดคิ้วเข้าหากัน

         " หือ  ทำไมอะ  จะถามอะไรวะ"   มันถามผมทันที  แต่ตอนนี้ผมหมดความกล้าที่จะถามมันซะแล้วล่ะ

         " เออ.....  ก็ไม่มีอะไร   เฮ้ย  เดี๋ยวเราขึ้นกันก่อนเหอะว่ะ   กลัวเดี๋ยวเกิดมีคนอื่นเค้าขึ้นมาบนนี้อ่ะ   กูอายเค้านะ"    ผมเลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องไปเลย     แล้วผมก็เดินขึ้นมาใส่เสื้อผ้าทันที    มันก็ได้แต่เดินตามขึ้นมาอย่างงงๆ

         ผมว่าผมคงไม่ถามมันตอนนี้จะดีกว่านะครับ    บอกตรงๆว่าพอคิดดูแล้วผมไม่กล้าเสี่ยงเลย

         กลัวว่าถ้าถามมันไปจริงๆแล้ว  ใจมันไม่ได้คิดเหมือนผมล่ะ

         เราสองคนจะมองหน้ากันได้ยังไง   เรายังจะคบกัน   เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้อีกเหรอ

         และผมก็คงปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ

         อย่างน้อยถ้าผมยังทนอยู่อย่างนี้    ผมก็จะยังคงมีมันอยู่

         เราคงจะยังคบกันได้เหมือนเดิมนะครับ     ยังคงเป็นเพื่อนรักกันต่อไป

         ซึ่งผมคิดว่ามันคงดีกว่ากันมาก    ก็คงต้องยอมให้เป็นแบบนี้แหละครับ

         เพราะผมคงยังไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าในตอนนี้นะ

                  ***********************
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-11-2010 19:25:27
ช้านก็ต้องรอตอนต่อไป....

เสียดาย.........


อุาส่าห์ลุ้นแทบตาย นึกว่าจะจูบกันไปซะแล้ว หึๆๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 02-11-2010 19:40:16
อิอิ   :laugh:

แหม....  วัยรุ่นทำไมใจร้อนยังงี้ครับ

อดใจอีกนิืดน่า

กำลังปั่นต้นฉบับอยู่แหละ

รอลุ้นอีกนิด  เดี๋ยวรีบต่อให้เลย o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 03-11-2010 00:31:17
ค้างงงงง

ต่อ ๆ ค้าบบ

แหะ ๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 03-11-2010 18:36:09
ขอมาดันหน่อยนะ อิอิ

ขอบคุณ คุณIceCrEam ครับที่มาคอยลุ้นอยู่

รออีกแป๊บ o3
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 03-11-2010 21:41:08
กลับ มา ถึง เปิด คอม ปุ๊ป

ลุ้น ๆ ต่อ อ่ะ ค้าบ

^^

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 03-11-2010 21:58:29
อ๊ากกกกกก พี่น้อต
ฉากซาหยิวที่น้ำตก
"กายแนบกาย ไม่มีอะไรมากั้นระหว่างทั้งสอง"

แต่อยากรู้จังเลยอ่าคับ ว่าเนจะคิดยังไง
สงสารอินอ่า เข้าใจความรู้สึกอินนะคับ
เวลาเรามีอะไรในใจละอยากให้เค้ารู้
แต่กลัวบอกเค้าไปละจะไม่เหมือนเดิม
เฮ้อออ ก็ไม่รู้จะทำไงดี
คงต้องอึดอัดต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาที่ควรจะบอก (=w= )

ปอลิง เพิ่งได้เข้าบอร์ด น้ำท่วมมม แต่ลดละคับ
รอดูพายุอีกลูกก่อนว่าจะเป็นไง ถ้าอ่อนแีรงก็ดี จะได้ให้มันพัดๆไปให้พ้นเลย เซ็ง
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pattaya ที่ 04-11-2010 14:21:39
 :a5: บรรยายซะเห็นภาพเลย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 04-11-2010 20:15:45
อิอิ  ฉากนั้นมันหวาดเสียวไปเหรอครับ   

เห็นภาพเลยก็ดีแล้ว o13

ตรงกับจุดประสงค์ของผู้แต่งแล้วครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 04-11-2010 20:33:16
รีบมาต่อแล้วนะครับ   มีเสียงเรียกร้องเ้ยอะ    และไม่อยากให้ใครต้องอารมณ์ค้างนะครับ o3

ตอนที่13

(http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)


                              **************

         หลังจากที่เราเดินกลับมาที่รถกันแล้ว   ผมก็มัวแต่คิดอะไรจนใจสับสนไปหมด     จนลืมตัวไปเลยว่ายังไม่ได้พูดอะไรกับมันเลยสักคำตั้งนานแล้ว    หันไปอีกทีมันก็กำลังจ้องมาที่ผมอยู่

         " นี่ตกลงมึงเป็นอะไรวะ   เงียบไปเลยอ่ะไม่พูดไม่จา"   มันยังคงคาดคั้นคำตอบจากผม   ผมเลยต้องหันไปยิ้มกลบเกลื่อนมันไปก่อนแล้วตบบ่ามันเบาๆ

         " โอย....  ไม่มีอะไรหรอก  สาด..ด  อะไรของมึงวะ    ทำมาเครียดอยู่ได้เดี๋ยวก็กร่อยกันพอดีอ่ะ   กำลังสนุกๆเลย   วันนี้อ่ะวันดีของมึงนะเว้ย   ไอ่บ้า...  คิดมากอะไรของมึงอยู่ได้"    ผมก็ชักแม่น้ำทั้งห้าพูดไปเรื่อย    มัวว่าแต่มันว่าคิดมากนะ   แต่ตัวผมเองตอนนี้สิ   คิดไปไม่รู้ถึงไหนๆแล้ว

         " อืม...  ก็เห็นมึงเงียบๆไปเลยกูก็งง   นึกว่ามีอะไร   ถ้าไม่มีก็ดีแล้ว"   มันว่าแล้วก็เริ่มยิ้มออกมา

         " เออ... ไม่มีอะไรจริงๆ   มึงนี่   อ้าว...  แล้วนี่กี่โมงแล้ววะ   เฮ้ย...  นี่ก็จะสี่โมงแล้วนะเว้ย   กลับกันก่อนเหอะว่ะ    ถ้ามืดค่ำเดี๋ยวขับรถลำบากอ่ะ"  ผมเลยชวนมันกลับบ้านกันทันทีเพราะนี่ก็เริ่มเย็นมากแล้ว

         " ก็ได้ๆ   ไว้วันหลังเรามากันช่วงเช้าๆเลยนะเว้ย   จะได้มีเวลาอยู่ที่นี่กันนานๆ" 

         " อืม... วันหลังถ้ามาอีกกูจะได้เตรียมกางเกงมาเปลี่ยน   ไม่ต้องมาแก้ผ้าเล่นให้เสี่ยงอายคนอื่นเค้าอีก   แม่ง  ขืนนี่ถ้ามีใครมาเห็นเข้านะ    มึงเอ๊ย...   ไม่อยากจะคิด"   ผมบอกอย่างนึกขยาดจริงๆ   นึกๆไปนี่ผมก็เลยกลายเป็นกล้าบ้าบิ่นไปกับมันด้วยนะนี่

                                       -

                                       -

         แล้วพวกเราก็กลับมาขึ้นรถกัน   แต่พอมันเริ่มสตาร์ทรถก็พบว่าสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติดเลยครับ    ผมกับมันเลยหันมามองหน้ากัน

         " มึงอย่าบอกกูนะ  ว่า..."   ผมพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวลเต็มที่

         " เออ... กูว่ากูคงต้องบอกแล้วล่ะ    แม่ง...  มันเป็นเชี่ยอะไรวะ  สัดเอ๊ย   พี่เอกแม่งทำกูแล้ว"   มันบ่นถึงพี่เอกอย่างเคืองๆ แล้วก็ส่ายหน้าไปมา   จากนั้นก็เปิดประตูลงไปดูเครื่อง   แล้วก็ไปหยิบๆจับๆอยู่แป๊บนึง   ผมก็เลยตามไปดูมัน

         " แล้วนี่ตกลงมึงรู้เหรอว่าต้องเช็คอะไร  แก้อะไรตรงไหนน่ะ   เก่งดีว่ะมึงเนี่ย  ซ่อมเครื่องได้อีก"  มันทำให้ผมผมเซอร์ไพร์สอีกแล้วครับ   เลยชมมันไป   ก็หวังๆจะให้กำลังใจมันอ่ะนะครับ

         "  ก็ป่าวอ่ะ   กูก็ลองๆทำดูไปยังงั้นแหละ   เผื่อโชคดีมันจะติดน่ะ"   มันหันมาบอกอย่างหน้ามึนๆ   พอฟังมันแล้วใจผมยิ่งเหมือนหล่นไปไหนๆเลยครับ    เฮ้อ  ตายแน่ๆ   

         " อ่ะโธ่เอ๊ย   สาดด..ด    งั้นก็ไม่ต้องเลยอ่ะ   เดี๋ยวเครื่องมันก็ยิ่งพังไปกันใหญ่นะ    กูก็อุตส่าห์ใจชื้นขึ้นมาหน่อย  นึกว่าจะพอซ่อมได้    พอเลยๆ   ไปลองสตาร์ทอีกทีเลย"  ผมสั่งมัน   มันก็เดินกลับไปสตาร์ทรถอีก   แต่ว่าก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดีครับ    ทีนี้ท่าทางมันเลยกลายเป็นหัวเสียอย่างมาก

         " เออ....   มึงไม่ต้องเครียดไป   ใจเย็นๆเดี๋ยวค่อยๆหาทางไป   อืม  งั้นลองโทรไปหาใครดูก่อนแล้วกัน   โทรหาไอ่พี่เอกมันก็ได้"  ผมพยายามปลอบมันให้ใจเย็นลง 

         มันก็เลยเอาโทรศัพท์ออกมาลองโทรดู    แต่พอมันเอามาแนบหูได้แค่แป๊บเดียวมันก็โวยวายออกมาทันที

         " โอ๊ย...ย  แม่ง  ไม่มีสัญญาณอีก   จะซวยกันไปถึงไหนวะ"  มันว่าแล้วก็ทุบพวงมาลัยด้วยความโมโห

         " เฮ้ยๆ  มึงจะโมโหอะไรนักวะ   เดี๋ยวกูลองโทรดูเครื่องกูก็ได้  ใจเย็นๆดิวะ"  ผมบอกแล้วก็ดึงมือมันไว้    แล้วก็เอาเบอร์พี่เอกมาลองโทรดู    แต่ก็ซวยจริงๆด้วยครับที่ไม่มีสัญญาณเหมือนกัน   ผมเลยค่อยๆหันไปมองตามัน  ซึ่งมันก็คงรู้แหละ เพราะผมยังไม่ทันพูดอะไรมันก็โวยออกมาลั่น

         " โว้ยยย...ย  แม่ง   ทำไมมันซวยขนาดนี้วะ"   มันตะโกนแล้วก็ลงไปจากรถ  เดินไปเตะรถ  เตะฝุ่นและหินแถวนั้นวุ่นไปหมดเหมือนคนบ้าไปเลย   ผมเลยรีบลงไปห้ามมันโดยดึงมือมันไว้แล้วก็กอดไหล่มัน

         " เฮ้ย... ไอ่เน   มึงจะอาละวาดไปทำไมน่ะ   ค่อยๆคิดไปดิวะ   ถึงเราจะซวยก็ช่างมันเหอะ   ลองหาทางอื่นกันก่อนดิ   มันต้องมีทางแหละน่า   โวยวายไปก็ไม่ได้อะไรหรอกน่ะ  เชื่อกูดิ   เหนื่อยเปล่าๆ"    ผมพยายามปลอบให้มันใจเย็นลงอีกครั้ง   

         จะว่าไปก็นานมากๆแล้วนะที่ไม่เคยเห็นมันโกรธจนอาละวาดขนาดนี้    เลยชักรู้สึกไม่ดีไปด้วยแล้วครับ   

         จริงๆผมว่ามันก็คงแค่โกรธที่เราซวยกันขนาดนี้   โทรศัพท์ก็ดันไม่มีสัญญาณเลยทีเดียวพร้อมๆกันซะมากกว่า   

         " อืม   งั้นเดี๋ยวลองมาคิดหาทางกันก่อน    กูจะลองไปดูว่าจะพอมีรถใครขับผ่านขึ้นลงที่นี่มั่งมั๊ย  เราจะได้อาศัยรถเค้าไปกัน  เอางี้ก่อนนะ"   ผมว่าแล้วก็เลยลองเดินไปที่ถนนที่เราขับกันขึ้นมาจากน้ำตกด้านล่าง   ก็หวังครับว่าอาจจะมีรถสักคันผ่านมา

                                       -

                                       -
         
         เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว    แต่ก็ไม่มีวี่แววของรถสักคันที่จะผ่านมาเลย      ความหวังของเราก็เลยดูจะริบหรี่เต็มที

         " แม่งเอ๊ย.... ป่านนี้ก็คงไม่มีใครขึ้นมานี่แล้วอ่ะ    ทำไมมันซวยยังงี้วะ"   มันเริ่มบ่นอย่างหัวเสีย   แล้วก็เตะก้อนกรวดแถวนั้นกระเด็นไป

         " เอาน่า... มาช่วยกันคิดต่อดิ  ว่าจะเอาไงดี   เออ... ว่าแต่  นี่มึงหิวรึยังน่ะ"  ผมถามมันอย่างห่วงๆ    ยังดีว่าเราได้ซื้อข้าวกล่องกับขนมแล้วก็น้ำดื่มเอาไว้เยอะพอควรก่อนมาที่นี่

         " อืม  ยังหรอกว่ะ   แล้วมึงอ่ะ"

         " อืม  กูก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่   งั้นกูว่าเดี๋ยวเรายอมเดินลงไปที่น้ำตกชั้นล่างจากนี่ก่อนนะ   เผื่อจะพอมีคนอยู่บ้าง    ขืนยังอยู่นี่กันกูว่าคงไม่มีประโยชน์ว่ะ   คงไม่มีใครผ่านมาแล้วจริงๆ  จอดรถล๊อคไว้นี่ก่อนแหละ"   ผมลองเสนอทางเลือกให้มัน    มันก็คิดนิดนึงแล้วก็เห็นด้วยกับผม

         เราเลยกลับมาที่รถขนของกินทั้งหมดไปด้วย    แล้วก็เริ่มต้นเดินกันตามถนนเส้นนั้นไปเรื่อยๆเพื่อจะลงไปสู่น้ำตกอีกชั้นหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง

         ตลอดสองข้างทางนั้นก็เปลี่ยวมาก   มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆปกคลุมจนครึ้มไปหมด     เวลาตอนนั้นเกือบจะห้าโมงกว่าแล้ว   บรรยากาศตอนนั้นเลยเริ่มมืดลงเรื่อยๆยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกวังเวงยิ่งขึ้นไปอีก

         ตอนนี้เราเดินมาจากข้างบนได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วครับ      ผมเองเริ่มรู้สึกว่าขามันเริ่มล้าๆซะแล้ว   พอหันไปมองหน้ามันผมก็สงสารมันจริงๆ      แต่ในขณะนั้นเองเราก็มองไปเห็นแสงสว่างของดวงไฟอยู่ตรงเบื้องหน้าเราแล้วครับ

         " เฮ้ย   ไอ่เน  สงสัยเราคงเดินมาถึงแล้วว่ะ   ตรงนั้นมีไฟเปิดอยู่นะ"  ผมร้องบอกมันอย่างดีใจ

         " เออว่ะ  รอดไปทีเว้ยเรา    รีบเดินไปดูดีกว่าว่ะ  เผื่อยังมีคนอยู่"  มันยิ้มร่า   แล้วก็รีบเดินกันไปถึงตรงศาลามุงจากที่เปิดไฟอยู่นั้น

         แต่ว่ารอบๆบริเวณนั้นก็เงียบสงัดไร้ซึ่งผู้คน    ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลยด้วยซ้ำไปครับ

         " เฮ้อ....   สงสัยป่านนี้น้ำตกเค้าคงปิดแล้วอ่ะ   คนมันคงจะกลับไปกันหมดแล้วนะ  ซวยเลยว่ะ  แม่ง...  ทำไงดีวะ"  ผมบ่นกับมันอย่างหมดหวัง   ซึ่งผมก็ลืมไปว่าไม่ควรทำอย่างนั้นเลย   เพราะจะไปทำให้มันยิ่งเครียดเข้าไปอีก

         พอหันไปดูมัน   ผมก็เห็นมันค่อยๆทรุดลงไปนั่งที่โต๊ะปิคนิคในศาลานั้นอย่างท้อๆ   แล้วมันก็นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น   ท่าทางมันดูแย่มากเลย    ผมก็เลยรีบเดินไปนั่งข้างๆมันแล้วโอบไหล่มันไว้

         " มึงเป็นไงวะ  ไอ่เน เหนื่อยเหรอ"    มันก็หันมา   สีหน้ามันตอนนี้ดูแล้วเหมือนคนจะร้องไห้เลย   มันคงอึดอัดกับทุกอย่างที่ต้องเจอกันอยู่ตอนนี้     เพราะจะทำอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง   ได้แต่มานั่งรอกันอยู่อย่างนี้   โชคไม่เข้าข้างเราเลยครับ

         " แม่ง... ทำไมเราซวยกันอย่างนี้วะ   เพราะกูอ่ะพามึงมาซวยติดแหง็กไปด้วย   กูขอโทษนะเว้ย"   มันบอกด้วยเสียงสั่นๆ   แล้วก็กุมมือผมไว้ด้วยสองมือของมันเหมือนเป็นการขอโทษผม

         " เฮ้ย...  มึงนี่ก็  จะบ้าแล้ว  รถเสียมันจะเป็นความผิดมึงได้ไงเล่า    มึงสั่งให้มันเสียหรือไม่เสียได้รึไง   คิดมากไปแล้วน่ะมึง   พอเลยๆ    ไม่ต้องมาโทษตัวมึงเองเลย    มึงไม่ได้ผิดหรอกน่า"   ผมปลอบใจมันอีกครั้ง   ก็คงเพราะมันรู้สึกอึดอัดมากจริงๆนั่นแหละครับ   เลยนึกโทษตัวเองไป

         " อืม   มากินข้าวกันก่อนดีกว่าว่ะ   กูหิวแล้วล่ะ   แล้วเราค่อยๆคิดกันใหม่นะ   ว่าจะเอาไงดี"   ผมบอกแล้วก็หยิบข้าวกล่องที่เราซื้อไว้ออกมากินกับมัน   แล้วก็กินขนมอีกหลายห่อนั้นด้วยความหิว   

         ตอนนั้นผมก็พยายามชวนมันคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปด้วย   หวังจะได้ลดความเครียดของมัน    ดูๆไปแล้วยังไงซะเราก็คงไม่พ้นต้องนอนค้างกันที่ศาลานี้ซะแล้วครับ    เพราะมืดค่ำป่านนี้แล้วคงจะไปไหนไม่ได้อีก

         " โอเคนะมึง   ไม่ต้องโทษตัวมึงเองหรอก     ทำไงได้อ่ะ   รถเสียใครจะรู้ล่วงหน้าได้ล่ะ   ถึงจะซวยต้องมาติดกันอยู่นี่แต่ก็ช่างมันเหอะว่ะ    ก็ถือซะว่ามานอนเล่นท่ามกลางธรรมชาติกะกูคืนนึงแล้วกันอ่ะ    เห็นมั๊ย   ดีจะตายไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวกันอย่างนี้ง่ายๆนักนะเว้ย"   ผมก็ยังคงพยายามปลอบใจมันอีก   จนตอนนี้มันก็เริ่มยิ้มออกมาได้บ้างแล้ว

         " เออ  ขอบใจว่ะ   กูไม่เป็นไรแล้ว   ถ้างั้นก็คงต้องนอนกันอยู่นี่นะคืนนี้    หวังว่าตอนเช้าคงพอมีคนขึ้นมาช่วยเรานะ"

         " อืม   ก็คงต้องอย่างนั้นแหละว่ะ   ไม่มีทางเลือกแล้ว แค่คืนนี้คืนเดียว   ดีนะที่นี่เค้ายังเปิดไฟสว่างอยู่   ไม่งั้นละก็พวกเราคงแย่ว่ะ"   ผมบอกมัน   เราก็ยังค่อนข้างโชคดีนะครับที่ได้มาพักกันที่ศาลานี้     แล้วก็เลยลากเอาโต๊ะมานอนด้วยกัน

         ตอนนั้นก็เริ่มดึกมากแล้วเรายังคุยกันว่าจะทนรอกันจนถึงเช้าน่าจะมีคนมาช่วยเราได้    หลังจากนั้นเราก็หลับกันไปอย่างเหนื่อยอ่อน

                                       -

                                       -

         ดึกแล้วแต่อยู่ๆฝนก็เทกระหน่ำลงมาด้วยเสียงที่ดังมากจนปลุกเราสองคนให้ตื่นขึ้นมา    แต่แล้วเราก็ต้องมาสั่นด้วยความหนาวยะเยือกของอากาศขณะนั้น

         " โอย   โคตรหนาวเลยว่ะ   ฝนแม่งก็ตกซะหนักเลย"    มันบ่นแล้วก็นั่งกอดอกด้วยความหนาว   เราเลยต้องไปนั่งหลบละอองฝนและลมหนาวๆที่พัดเข้ามาที่มุมด้านในสุดของศาลา

         ศาลาที่เราอยู่นี้มันก็เป็นศาลาที่ไม่ใหญ่มาก     แต่มีต้นไม่ใหญ่เกือบสองคนโอบอยู่ชิดกันกับตัวศาลาเลย     ซึ่งยังดีที่กิ่งก้านร่มเงาของมันพอจะช่วยกันฝนให้เราได้บ้าง    แต่ตอนนี้เราก็ไม่รู้จะทำไงก็เลยต้องไปนั่งพิงเสาของศาลากันไปอย่างนั้น

         ผมหันไปมองน้ำในน้ำตกก็พบว่าน้ำมันดูเพิ่มขึ้นเยอะมากและไหลอย่างเชี่ยวกรากเลยครับ   เลยนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าฝนยังตกหนักอย่างนี้ต่อไป   ก็มีโอกาสที่น้ำป่าจะไหลมาได้ง่ายๆเพราะตอนนี้เราอยู่กลางป่ากัน    โอย  จะทำไงกันดีละทีนี้   ซวยจริงๆ

         " เฮ่ย  ทำไมมึงทำหน้ายังงั้นวะ  ไอ่อิน"    มันหันมาถามผม     คงเพราะผมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ด้วยความกังวลจนดูผิดปกติไป

         " เออ   ไม่มีอะไร    นอนกันต่อเหอะ   ง่วงๆว่ะ"     ผมแกล้งกลบเกลื่อนมันไปกลัวว่ามันรู้แล้วจะพลอยวิตกจริตกันไปอีก   มันก็ยังทำหน้าสงสัยอยู่     แต่ก็ไม่ได้มาซักถามอะไรอีก

         ขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะทำไงกับฝนที่มันยังสาดเข้ามาอยู่นั้น    ก็หันไปเห็นว่ามีโต๊ะปิคนิคอยู่หลายตัวเลย   เลยบอกไอ่เนให้ช่วยกันลากโต๊ะปิคนิคมาจับตั้งขึ้นเพื่อให้มันช่วยบังลมฝน       

         โชคดีที่ว่ามีโต๊ะอยู่หลายตัวครับเลยช่วยกันลากมาตั้งเรียงต่อๆกันเป็นเหมือนกำแพงทั้งสามด้านแล้วก็เข้าไปหลบข้างใน

         " เออ  ดีขึ้นเลยว่ะ   มันบังลมบังฝนไปได้หน่อยนึง   มึงเป็นไงวะยังหนาวอยู่มั๊ย"   มันถามผม

         " ก็หน่อยๆว่ะ   กูอยากบอกอะไรมึงนะ   มึงฟังดีๆแล้วอย่าเพิ่งรีบโวยวายไปล่ะ"   ผมตัดสินใจบอกมันไว้ก่อน    มันจะได้เตรียมใจไว้    ไม่งั้นเดี๋ยวกลัวว่ามันจะลนลานเวลาเกิดอะไรขึ้นมาอีก

         " มึงคงรู้นะว่าตอนนี้เราอยู่กันแทบจะกลางป่าเลย    แล้วฝนตกมาหนักอย่างนี้กูลองมองดูน้ำที่ในน้ำตกแล้วเห็นมันเชี่ยวแล้วก็มาเยอะมากเลยว่ะ   เลยคิดว่ามีโอกาสที่น้ำป่ามันจะไหลมาได้ทุกเมื่อเลยว่ะ"   พอมันได้ยินเข้าก็ทำหน้ายังกับเห็นผีเลยครับ

         " เฮ่ย... จริงเหรอวะ"   มันว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นมองไปที่น้ำตก    แล้วก็หันมาท่าทางลนลาน

         " เฮ้ย...  แล้วทำไงอ่ะ   ตายห่ากันละมึงจะทำไงดีวะ" 

         " เออ...  ก็กูบอกแล้วว่าไม่ต้องตื่นเต้นไป    มึงเห็นนี่มั๊ยต้นไม้ข้างศาลานี่อ่ะ   ต้นมันจะใหญ่มากพอ   เราค่อยๆเหยียบบนศาลานี่แล้วค่อยๆปีนกันขึ้นไปก็น่าจะพอหลบน้ำป่าได้อยู่นะ"   ผมอธิบายแผนการของผมให้มันฟัง

         " อืม...  แล้วถ้าเกิดน้ำมันมาแรงมากๆหรือมีอะไรใหญ่ๆพัดมาด้วยล่ะ   จะทำไงดีวะ   ต้นไม้นี่มันจะต้านไหวมั๊ยนะ    มึงพอจะมีแผนสองอีกมั๊ยวะ"    มันถามผมอย่างนี้แสดงว่ามันยังรอบคอบและมีสติดีมากอยู่    ถึงจะตื่นๆกลัวไปบ้าง

         " เอ้อ...   แผนสองเหรอ    ก็ยังไม่แน่ใจว่ะ   ขอคิดก่อนแล้วกัน"   ผมบอกมันแล้วก็เริ่มหาทางใหม่   ถ้าน้ำมันพัดมาแรงมากเราพอจะหนีไปไหนได้อีก   แต่แล้วก็รู้สึกว่าจะมืดแปดด้านครับ  มองไม่เห็นทางอื่นเลย    ถ้าน้ำมันมาแรงอย่างนั้นจริงๆเราคงต้องตายกันแน่ๆ

         " โอ๊ย....ย    คิดไม่ออกเว้ย"   ผมตะโกนออกมาอย่างเหลืออด    มันอึดอัดจริงๆครับที่ต้องมาติดอยู่อย่างนี้ทำอะไรก็ไม่ได้เลย   หนีไปไหนก็มีแต่ป่ากับป่า

         " เฮ่ย...  ใจเย็นๆ   งั้นอย่าคิดอะไรไปก่อนเลยมึง   ยังไงเราก็คงไม่ซวยกันไปกว่านี้แล้วว่ะ   น้ำมันอาจจะไม่มาจริงๆก็ได้   อย่าเพิ่งกังวลไปก่อนเลย"    มันพูดเตือนผมได้อย่างใจเย็นดีมาก   คราวนี้เลยกลายเป็นมันที่ต้องปลอบใจผมซะแล้ว    ซึ่งก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ    ความเครียดและอึดอัดเมื่อกี๊ก็หายไปบ้างแล้ว

         " เออ  โทษทีว่ะ  กูคงเครียดเกินไปจริงๆ   จะว่าไปถึงเราตีตนไปก่อนไข้กันมันก็คงเท่านั้นแหละว่ะ   แต่ว่านะ  สมมุติว่าถ้าคราวนี้เราต้องตายกันจริงๆมึงจะเสียใจมั๊ยวะ  ไอ่เน"  ผมหันไปถามมัน   

         " อืม  ถ้ากูจะเสียใจนะ   กูคงเสียใจที่พามึงมาตายน่ะ    ไม่นึกว่ามันจะเป็นยังงี้นะ"    มันพูดคล้ายๆกับว่ามันยังโทษตัวเองอยู่    แล้วก็ถอนหายใจมาทีนึง

            " แต่ถ้าเป็นไปได้นะถึงกูต้องตายมันก็ไม่เป็นไรหรอกให้มึงรอดไปได้ก็แล้วกัน    มันคงจะดีกว่านะ   แล้วมึงเองล่ะ   กลัวหรือเสียใจมั่งมั๊ยวะ"   มันถามผมกลับ   ผมก็ยิ้มที่ได้ฟังคำตอบของมัน     ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีและมีกำลังใจขึ้นอย่างมากๆเลยครับ

         " เออ   กูก็ไม่กลัวหรอกว่ะ   ตายก็ตายแม่งด้วยกันนี่แหละ    แค่นี้กูก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วว่ะ   เราจะอยู่กันยังงี้ไปจนวินาทีสุดท้ายนั่นแหละ    นะเว้ย..."   ผมบอกมันอย่างตื้นตันใจที่มันก็ยังห่วงผม   ความรู้สึกที่กลัวและกังวลก็หายไปจนหมดเลยครับ

         " โอเคว่ะ  งั้นเดี๋ยวมึงนอนไปก่อนก็ได้นะ    เดี๋ยวกูจะอยู่คอยระวังให้เอง   ถ้ามีอะไรก็จะได้ยังหนีกันทันนะ"   มันเสนอให้ผมนอนไปก่อน    ผมก็ยอมตกลงตามนั้นแล้วก็นอนหลับไปก่อนอย่างเพลียๆ
         
                                       -

                                       -

         ฝนยังคงตกกระหน่ำอยู่อย่างไม่ขาดสาย   ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นมันยังคงนั่งพิงเสากอดกับผมแล้วเอาเสื้อตัวนอกของมันมาห่มตัวเราสองคนไว้ด้วยกัน   แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าหนาวและปวดล้าตามตัวไปหมดเลยครับ   และยังรู้สึกมึนๆลืมตาก็แทบจะไม่ขึ้นเลยไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่   หรือว่าผมจะไม่สบายไปแล้วนะ

         " อ้าว... เฮ่ย  มึงนอนไปก่อนก็ได้   เพิ่งนอนไปแป๊บเดียวเองอ่ะ"  มันบอก

         " กูมึนๆหัวว่ะ  ไม่รู้เป็นอะไร  ปวดตามตัวด้วย"   ผมบอกอาการมัน   มันก็เอามือมาแตะหน้าผากผม

         " เฮ่ย...  ตัวมึงร้อนจี๋เลยอ่ะ   แม่งเอ๊ย  ทำไงดีวะ"  มันโวยวายขึ้นแล้วก็ลนลานหันรีหันขวางไปมาเหมือนหาอะไรสักอย่าง

         " เออ... แต่กูไม่เป็นไรเท่าไหร่หรอกน่า   แค่นี้เองมันมึนๆน่ะ   แต่ถ้ากูไม่สบายแล้วมึงจะทำไงล่ะ   จะไปหาสมุนไพรในป่ามาต้มให้กูกินเรอะไง"   ผมพูดให้มันดูตลกๆไปซะ   ไม่อยากให้มันเครียด   แต่ก็ไม่สำเร็จมันไม่ยักกะตลกไปกับผมด้วย

         " โว้ยย..ยย   แม่ง   ถ้ากูออกไปหายามาต้มให้มึงได้กูก็ทำไปแล้ว    ฝนเชี่ยนี่แม่งก็ตกอยู่ได้จะทำอะไรก็ทำไม่ได้เลยเว้ยย...ยย"   มันตะโกนออกมาอีก   ท่าทางมันก็คงเครียดและอึดอัดจนสุดจะทนจนน้ำตาคลอเบ้าเลย    ที่ได้แต่นั่งติดแหง็กกันอยู่ตรงนี้จะทำอะไรก็ไม่ได้เลยสักอย่าง  ผมเลยต้องรีบปลอบมัน

         " เฮ้ย  ไอ่เน  มึงใจเย็นก่อน   กูก็ไม่ได้เป็นไรมากอ่ะ   อย่าทำงี้สิวะ  มึงโวยวายไปมันก็ไม่ได้อะไรอ่ะ   กูไม่เป็นไรจริงๆ"   ผมกอดมันแน่น  ใจผมก็เริ่มเสียไปเหมือนกัน  เพราะสงสารมันน่ะครับ

         " ตัวมึงร้อนขนาดนี้แล้วยังบอกไม่เป็นไรอีก   แม่งเอ๊ย  มันจะซวยไปถึงไหนกันวะ"   มันพูดอย่างเคียดแค้นในโชคชะตาที่เราต้องเจออยู่ตอนนี้จนน้ำตามันไหลออกมา   

         " มึงฟังกูนะ   กูรู้ว่ามึงห่วงกู   แต่มึงอย่าตีโพยตีพายอีกเลย  อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด   ค่อยๆหาทางกันไปเหอะว่ะ   นะเว้ย...  เห็นมึงยังงี้แล้วกูใจไม่ดีจริงๆว่ะ   มึงเชื่อกูเหอะนะ   เวลานี้น่ะมันทำอะไรไม่ได้จริงๆ   แต่เราต้องมีสติกันนะเว้ย"   ผมบอกแล้วก็กุมมือมันไว้แน่น  แล้วก็มองสบตามัน   มันก็มองมา  แล้วก็เอามือปาดน้ำตาออกไป

         " เออๆ   ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี   ก็ต้องรอให้ถึงเช้านั่นแหละว่ะ  หวังว่าคงมีคนขึ้นมาช่วยเราเองนะ    กูแค่ภาวนาขอให้มึงอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปก่อนก็แล้วกัน"   น้ำเสียงมันดูเป็นห่วงผมจริงๆ  แล้วก็กอดผมไว้แน่น   

         " เอาน่า   ยังไงซะกูก็ไม่ตายง่ายๆหรอก    มึงกะกูยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน    ตอนนี้เราเริ่มดังแล้วอีกหน่อยจะได้ออกอัลบั้มด้วยกันไงวะ    ออกคู่กันไง   ที่นี้จะได้ดังใหญ่   แฟนคลับเราคงเยอะนะเว้ย"   ผมยังคงฝืนยิ้มพูดกับมันไปเรื่อยๆเพราะอยากจะปลอบมัน 

         แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วผมเพ้อไปเพราะไข้มันสูงรึเปล่านะ    แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วครับ    แค่ไม่อยากให้มันกังวลจนใจเสียไปหมดอย่างนี้

         " เออๆ  มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ   นอนไปก่อนเหอะว่ะ"   มันบอก   แต่ว่าสีหน้าของมันก็ดูยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก   เพราะมันก็คงจะกังวลกับอาการของผมอยู่

         ที่จริงผมว่าถึงผมจะโชคร้ายที่ต้องมาติดอยู่อย่างนี้    แต่ก็ยังถือว่าโชคดีมากอยู่นะครับที่มันอยู่ข้างๆผมเวลานี้    ในสถานการณ์ที่เราอาจจะเป็นตายได้เท่าๆกันอย่างนี้   

         และพอคิดอย่างนี้แล้วผมก็รู้สึกว่าถ้าผมและมัน  หรืออาจจะแค่ใครคนนึงจะไม่รอดไปจากที่นี่ได้   ผมจะทำยังไง

         ทำให้ผมหวนคิดถึงเรื่องที่ผมอยากบอกความรู้สึกของผมกับมัน

         ผมอยากจะบอกมันจริงๆครับ   ว่าผมรักมัน  แต่ไม่ได้รักแบบเพื่อนแล้ว

         และผมว่าคงจะต้องบอกกับมันตอนนี้เลย    ก่อนที่ผมอาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกแล้วก็ได้

         แต่ผมก็ยังคงไม่แน่ใจอยู่ดีนะครับ    ถ้าบอกไปแล้วคำตอบของมันไม่เป็นอย่างที่ผมหวังไว้ล่ะ

         ผมจะทำยังไงดีนะ    มันรู้สึกลังเลใจไปหมดแล้วจริงๆ

                                   ****************

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 04-11-2010 20:41:16
แง่ะ ไมจู่ๆดันซวยไปติดฝนกลางป่าได้ละคับนี่
แถมยังมีโอกาสที่น้ำป่าจะไหลหลากได้อีก ซวยเจงๆเลยอ่า
ขอให้โชคดีนะคับ ทั้งสองคน :sad11:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 04-11-2010 20:47:50
กล้าๆบอกไปเลย ดีกว่าเสียใจทีหลังที่ไม่ได้บอก
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 04-11-2010 20:51:29
ติดตามตอนต่อไปกันได้เลยนะครับผม     อิอิ  เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีใครอยากรอ     กำลังลุ้นกันอยู่ใช่ม๊า....  :laugh3:  

โอเคครับ   มาอ่านต่อกันเลย :teach:


ตอนที่14

(http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                                                       ************

         ในขณะผมกับมันยังคงนั่งรอความหวังกันอยู่     ตอนนั้นก็คงตีสามได้อากาศก็ยิ่งเย็นลงไปอีกจนผมเริ่มรู้สึกหนาวมากขึ้น   เลยเบียดตัวเองจนชิดกับมันมากขึ้นอีก

         " เฮ้ย... มึงหนาวใช่ปะ  อืม...  แย่ว่ะ  แม่ง... ถ้ามีผ้าห่มอีกตอนนี้ก็คงดีอ่ะ"  

         " เออ... ไม่ต้องหรอก   กอดกะมึงกูอุ่นพอแล้วว่ะ   มึงไม่ต้องห่วงหรอกนะ"   ผมบอกมันแต่ปากก็สั่นซะแล้ว  มันรู้สึกหนาวมากจริงๆอยู่    แต่ก็ไม่อยากให้มันเป็นห่วงมากกว่านี้

         " เฮ้ย...  กู....  คือ..  กูอยากถามอะไรมึงหน่อยว่ะ  เน"   ผมเริ่มรวบรวมความกล้าแล้วถามมันออกไป

         " หือ..   อะไรวะ"

         " มึง... รักกูบ้างมั๊ยวะ"    ผมถามมันอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงเพราะว่าไม่มีความมั่นใจเลยครับ   แต่ก็ได้ถามออกไปแล้ว

         " อะไรของมึงวะ   ถามกูแปลกๆ  ก็รักดิวะ   เป็นห่วงมึงอยู่เนี่ย   มึงเพื่อนกูนะเว้ย   ชีวิตนี้กูรักมึงที่สุดแล้วมึงรู้มั๊ย"   มันส่ายหน้าช้าๆ  เหมือนว่าผมจะถามมันทำไม

         " ไม่ใช่เว้ย   กูไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นหรอก   ที่กูบอกว่ารักมึง   กูรักมึงจริงๆนะ  แต่ว่าไม่ได้หมายถึงแบบเพื่อนหรอกว่ะ"  ผมฝืนหลับตาพูดบอกมันไปอย่างยากเย็น  แต่ก็ต้องบอกมันแหละครับ  มันก็ทำหน้างงๆนิดนึงแล้วผมก็เลยรีบพูดต่อ

         " ก็นั่นแหละ  กูคิดกับมึงแบบนั้นจริงๆว่ะ   ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่นะ   แต่กูก็รักมึงจริงๆซึ่งมันก็เกินเพื่อนไปแล้วกูเลยอยากให้มึงรับรู้ไว้นะ"   มันยังคงนิ่งฟังผม

           " ทีนี้กูก็อยากรู้ว่ะว่ามึงคิดยังไงวะ  เน....  บอกกูได้มั๊ยวะ   มึงรักกูอย่างที่กูรักมึงบ้างมั๊ยวะ  กูอยากรู้จริงๆนะ...  แต่ถ้าใจมึงไม่ได้รักกูอย่างนั้นกูก็ต้องขอโทษมึงนะเว้ย   กูจะไม่เรียกร้องอะไรว่ะ....   ขอแค่เราก็คบกันไปเหมือนเดิม  กูก็จะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีของมึง  ได้มั๊ยวะ  เน...  กูขอร้องมึงล่ะนะ...."   ผมคร่ำครวญขอร้องมันแล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา    เพราะผมกลั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ

         ความรู้สึกตอนนั้นมันบอกไม่ถูกเลยครับ   ทั้งที่อยากจะบอกมันมาก

         แต่พอบอกมันไปแล้วก็เริ่มกลัว   มันรู้สึกกลัวไปหมดเลยทุกอย่าง

         กลัวว่าระหว่างเรามันจะต้องเปลี่ยนแปลงไป  

         กลัวว่ามันจะรับไม่ได้ที่ผมคิดกับมันอย่างนี้

         และที่สำคัญผมกลัวจริงๆครับ   ว่าจะต้องสูญเสียมันไป

         " โธ่เอ๊ย   มึงจะมาพูดอะไรตอนนี้ว้า   สภาพมึงตอนนี้น่ะ   จะแย่อยู่แล้ว"   สีหน้ามันดูเป็นห่วงผมมากๆ   แล้วก็กอดผมไว้แนบอกมันเลย     ผมก็ได้แต่บอกมันที่ข้างๆหูของมันไป

         " ก็ถ้ากูไม่ได้บอกมึงตอนนี้กูกลัวนะ...   ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสบอกมึงอีกมั๊ย   เผื่อว่า.... กูอาจจะไม่รอดไปจากนี่หรือต้องตายไป   กูก็คงไม่ได้บอกมึงนะ   มึงเข้าใจมั๊ย...."  ผมพูดไปก็สะอื้นไปด้วย   ในใจผมอยากให้มันเข้าใจผมได้จริงๆครับ

         " โธ่เว้ย...ย  พอแล้วๆ   มึงอยากรู้ใช่มั๊ยว่ากูคิดยังไงน่ะ"   มันพูดออกมาเสียงดังแล้วก็สบตาผมนิ่ง   ตามันก็มีน้ำตาคลออยู่  แล้วมันก็ก้มลงจูบผม    

         ริมฝีปากของมันสั่นและหายใจอย่างแรงเพราะอารมณ์ที่เตลิดไปแล้วของมัน   ซึ่งผมก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน

         ผมไม่นึกเลยว่าเราสองคนจะมาจูบกันอย่างนี้     ใจนึงผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เลย

         เรายังเป็นผู้ชายอยู่นะ   จะทำยังงี้ได้ไง

         แต่ขณะที่อีกใจนึงผมกลับรู้สึกว่านี่แหละคือ สิ่งที่ผมรอคอยมานาน

         ที่จริงใจผมคงใฝ่หามันมาตลอดอยู่แล้ว   เพียงแต่ผมยังค้นหามันไม่เจอเท่านั้นเอง

         ดีใจครับที่ผมได้พบมันแล้ว   มันอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง  และผมจะไม่มีวันลืมความรู้สึกนี้เลยครับ

                                       -

                                       -

         ผมกับมันจูบกันนานจนแทบจะลืมหายใจไปเลย    นี่คงเป็นอารมณ์ปรารถนาในใจของผมและมันที่ลุกโชนขึ้นมาจริงๆ    ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่ามันก็รักผมเหมือนกัน    

         เพราะจูบนี้ก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดจากมันอยู่แล้ว   ผมคงไม่ต้องสงสัยว่ามันคิดยังไงอีกต่อไป

         แล้วมันก็หันออกมากอดผมไว้แล้วกระซิบที่ข้างๆหูผม

         " กูก็รักมึงเหมือนกันนะเว้ย   แล้วที่ผ่านๆมากูก็คงรักมึงมาตลอด   แต่ตอนนั้นกูก็ไม่มั่นใจนะ   ยังคิดว่ากูจะรักมึงอย่างนั้นได้ไง   เพิ่งจะรู้ว่ะ ว่านั่นมันคือกูหนีใจตัวเองมาตลอดเลย"  

         " แค่ตอนที่กูคิดว่ามึงอาจจะต้องตายไป   กูจะไม่มีมึงอีกแล้ว  กูก็รู้ตัวแล้วว่ะ  ว่าที่จริงกูรักมึงแบบนี้  ต่อไปกูยอมเป็นเกย์หรือเป็นอะไรก็ได้แล้วว่ะ   กูไม่สนแล้วล่ะ  ขอแค่ได้อยู่กะมึงก็พอ   เพราะงั้นมึงอย่าเป็นอะไรไปนะเว้ย  อย่าทิ้งกูไปนะ   กูขอร้องละ"    มันบอกแล้วก็กอดผมจนแน่น

         " เออ...  กูไม่ทิ้งมึงไปหรอกนะ  ไอ่เน... ดีใจว่ะที่มึงก็รักกูนะ   กูคิดถูกที่บอกมึงไปแค่นี้กูก็สบายใจแล้ว  กูกังวลอยู่นานเลยว่ะ   กว่าจะกล้าบอกมึงนะ   ก็กลัวๆน่ะถ้ามึงไม่คิดเหมือนกู    ระหว่างเรามันจะเป็นยังไงอาจจะจบเห่ไปเลย   หรือกูคงต้องเสียมึงไปน่ะ"   ผมสารภาพทุกอย่างกับมัน

         " ถ้างั้นต่อไปนะเว้ย   มึงก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วละนะ   แต่ว่าตอนนี้กูห่วงมึงนะ"  มันว่าแล้วก็เอามือแตะหน้าผากผมอีก   ผมเลยจับมือมันไว้แล้วก็กุมเอาไว้แน่น

         " ขอบใจว่ะที่ห่วงกู    นี่เดี๋ยวก็คงเช้าแล้วนะ  คงจะมีคนมาช่วยเราแหละ   มึงก็นอนก่อนเหอะ  พักซะ  ไม่ต้องห่วงแล้วละนะ"   ผมบอกให้มันนอนพักซะ   มันก็ยิ้มแล้วบีบมือผมเบาๆ

         อากาศตอนนั้นก็ยังคงหนาวๆอยู่    เรายังคงนั่งเอนหลังพิงเสาแล้วกอดกันอยู่ตรงนั้น    

         ผมรู้สึกว่าแค่อยู่อย่างนี้ถึงอากาศจะหนาวแต่ผมก็อบอุ่นได้เพราะมันจริงๆครับ

         โดยเฉพาะที่ในใจผมนั้นมันรู้สึกอบอุ่นจริงๆ     ไม่ใช่แค่ว่าจะพูดให้มันสวยหรูอะไรนะครับ

         แต่ก็เข้าใจแล้วล่ะที่มีคนพูดว่าถ้าเรามีใครสักคนที่เรารักอยู่ด้วยกัน

         แม้อากาศจะหนาวสักแค่ไหนแต่ก็จะอบอุ่นได้  

         มันคงจะเป็นแบบนี้นี่เองครับ...

                                       -

                                       -

         แล้วผมก็หลับไปอีกครั้งเพราะเพลียมากและอาจเป็นเพราะพิษไข้   พอมาได้สติอีกทีก็รู้สึกไม่มีแรงเลยครับ   ลืมตาขึ้นมาก็เห็นลางๆว่าไอ่เนและใครก็ไม่รู้อีกสองคนกำลังหามผมนอนในเปลผ้าใบและกำลังขึ้นรถพยาบาล   แล้วผมก็หลับไปอีกจนไปตื่นอีกทีที่โรงพยาบาล    มองไปก็เห็นมันนั่งเฝ้าผมอยู่

         " เอ้อ...  ฟื้นแล้วเหรอวะ  ดีเลย   มึงหิวอะไรมั๊ยวะ"   มันยิ้มให้ผม  ท่าทางมันดีใจมากๆที่ผมฟื้น  แล้วก็หันไปรินน้ำให้ผม   ตัวผมเองก็ดีใจครับที่ตื่นมาแล้วเห็นหน้ามันเป็นคนแรกนะ

         " เออ... กูนอนไปนานแค่ไหนนี่"   ผมถามมันแล้วก็รับแก้วน้ำจากมันมากินอย่างกระหายเลย

         " ก็นี่บ่ายอีกวันแล้วอ่ะ   ตอนนั้นที่มึงกะกูหลับไปกัน   พอเช้ากูก็ได้ยินเสียงรถเลยรีบตื่นมาดู    ก็เห็นรถพี่ที่เค้าเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานเค้าขับมาพอดีน่ะ     กูเลยรีบไปบอกให้เค้าช่วยเค้าก็รีบเรียกรถพยาบาลมารับมึงเลย โชคดีว่ะ พี่ๆเค้าต้องมาตรวจพื้นที่ทุกเช้าอยู่แล้วอ่ะ"  มันเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังให้ผมฟัง   ผมก็รู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่ยังเข้าข้างพวกเราอยู่บ้าง

         " แต่ตอนแรกกูก็ใจไม่ดีแหละที่มึงไม่รู้สึกตัวนะ   แต่หมอเค้าว่ามึงไม่เป็นไรมากแล้วกูก็เลยเบาใจไปหน่อยนึง"    มันนั่งลงข้างเตียงแล้วก็กุมมือผมไว้

         " เพราะว่าถ้ามึงเป็นอะไรไปจริงๆ   กูว่ากูคงแย่ว่ะ  กูคง....  ไม่รู้ดิ   คงจะใจสลายไปเลยมั๊ง"   มันว่าแล้วก็ถอนหายใจยาว    แล้วก็สบตาผม

         " เออ... กูก็ไม่เป็นไรแล้ว  ไม่ต้องห่วงแล้วนะ   อ้าว... แล้วรถมึงล่ะ"  ผมถามถึงรถมันเพราะเพิ่งจะนึกได้

         " อ๋อ... ให้ช่างเค้าไปดูแล้ว  เค้าไปจับๆนิดเดียว   แม่ง... สตาร์ทติดซะงั้น   ถ้ารู้งี้ก่อนนะกูซ่อมเองไปแล้วอ่ะ    ทำเราเกือบตายเลย"   มันเล่าให้ฟัง   ผมก็รู้สึกขำมัน    

         จริงๆแล้วผมว่าผมอาจจะต้องขอบใจรถของมันนะที่มาเสียตอนนั้น

         เพราะมันทำให้ผมได้บอกความจริงในใจผมกับมัน   ว่าผมรักมันแบบนี้

         ถ้ารถมันไม่เสียนะเหรอ  ผมก็คงยังไม่ได้บอกมันหรอกครับ

         และก็อาจจะไม่มีโอกาสบอกมันอีกเลยก็ได้นะ

                                       -

                                       -

         หลังจากที่ผมฟื้นและดีขึ้นแล้วผมก็เลยรีบบอกมันว่าจะกลับบ้านก่อน   ไม่อยากนอนนี่ให้มันเปลืองเงินไปอีก    หมอเค้าก็ยอมอนุญาตเราเลยออกมาจ่ายเงิน   รับยาแล้วมันก็ขับรถกลับมากับผมถึงบ้านมัน

         " คืนนี้นอนกะกูนะ   ไม่ต้องกลับวัดหรอก   กูจะได้ดูมึงนะ    เหมือนตอนที่มึงช่วยดูกูไง   กูจะได้ไม่ต้องห่วงมึงน่ะ"   มันบอก   ผมก็ตามใจมัน

         สักพักมันก็ออกไปซื้อข้าวต้มมาเผื่อผมแล้วเราก็มานั่งกินกัน   มันก็เทคแคร์ผมดีนะ   หยิบนั่นทำนี่ให้ตลอด    ผมยังอาบน้ำไม่ได้ก็มาช่วยเช็ดตัวให้  จนเริ่มดึกแล้วก็เลยเข้านอนกัน

         " มึงเป็นไงวะ  ยังปวดหัวมั๊ย"   มันถามแล้วก็เอามือมาแตะหน้าผากผมอีก         

         " อืม   ไม่แล้วล่ะ   กูว่ากูคงไม่เป็นไรแล้วว่ะ  เฮ้ย  เน..   เอ่อ....  กูถามอะไรมึงอีกอย่างได้มั๊ยวะ"    ผมเริ่มถามมันอย่างอึกอัก   เพราะไม่มั่นใจบวกกับที่รู้สึกเขินๆมันนิดนึง   มันก็เลยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

         " มึง  เอ่อ....  แบบว่า...  มึงเคยคิดอยากจะมีอะไรกะกูแบบนั้นมั๊ยวะ   แบบมีอะไรกันเลยจริงๆน่ะ    เข้าใจที่กูถามป่ะ"   พอพูดจบผมก็รู้สึกหน้าชาๆไป  ผมคงเขินอายมันจริงๆน่ะ   คิดถูกมั๊ยนี่ที่ถามมัน    แต่มันฟังแล้วดันหัวเราะ

         " โธ่... กูก็นึกว่าอะไร   พูดง่ายๆก็คือกูอยากจะเอากะมึงมั๊ย  ว่างั้นเหอะ  ใช่มั๊ยอ่ะ"  มันยังคงยิ้ม   ผมเองกลับยิ่งรู้สึกเขินๆไปอีก

         " กูอ่ะ  ก็ยังแปลกใจนะ   ว่ากูก็ไม่เคยคิดยังงั้นเลยว่ะ   สาบานได้ว่าไม่เคยอยู่ในหัวกูเลย   ก็เลยรู้สึกว่าเราอาจจะยังไม่ได้เป็นเกย์กันจริงๆก็ได้นะเว้ย   ในเมื่อเราไม่ได้อยากมีอะไรกันจริงๆนี่หว่า   แต่กูก็ยอมรับนะ   ว่ากูอยากกอดแล้วก็จูบมึงจริงๆ  ไม่รู้ดิ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ะ   ทำไมกูถึงคิดแบบนี้วะ"  มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  

         " ก็นั่นอะ   กูก็เหมือนกันว่ะ   แต่ไอ้ที่เราจูบกันยังงี้มันก็เหมือนเป็นเกย์อยู่ดีนะเว้ย   กูก็ไม่เข้าใจว่ะ   ระหว่างเราตอนนี้มันคืออะไรแน่วะ"  ผมบอกมันอย่างสับสนในใจเต็มที

         " เออ...  ก็ช่างมันเหอะว่ะ   จะอะไรก็ช่างมันเหอะ   รักมันก็คือรักแหละวะ   กูรักมึง  แล้วมึงก็รักกู  แค่นี้ก็พอแล้ว   วันข้างหน้าจะเป็นไงก็ช่างมันเหอะว่ะ    ขอแค่อยู่ด้วยกันยังงี้ไปเรื่อยๆแหละ  อย่างอื่นกูไม่สนหรอก  แล้วกูก็อยากให้มึงคิดเหมือนกูไปอย่างนี้  ได้มั๊ยวะ"

         " อืม  ก็ได้ว่ะ  ต่อไปไม่ว่านี่เราจะรักกันแบบไหน  แต่ก็ขอให้เรารักกันไปอย่างนี้ตลอดไปแล้วกัน"    ผมบอกแล้วก็สบตามัน   มันเลยจับมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ  

         " เออ   ยังไงกูก็จะรักมึงอย่างนี้   ไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก   เอ้อ... ใช่  ที่จริงกูก็มีอะไรอยากถามมึงเหมือนกันแหละ"   อยู่ๆมันก็เอ่ยขึ้นมา    ผมก็นึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยว่ามันจะถามอะไรนะ

         " วันนั้นมึงจำได้มั๊ยวะ   ตอนที่มึงนอนกับกูแล้วคืนนั้นฝนมันตกหนักมากๆเลย   แล้วกูหันไปกอดมึงน่ะ   ทำไมมึงถึงกอดกูด้วยซะแน่นเลยอ่ะ    ตอนนั้นมึงตั้งใจจะกอดกูใช่มั๊ยวะ   แล้วก็ตอนที่เล่นน้ำตกน่ะ   ที่มึงกอดกะกูนั่นก็ด้วย"   อยู่ๆมันก็ถามมา    ผมฟังมันแล้วก็หน้าชาเลยครับ   อายมันอ่ะ

         " เอ่อ.... ก็   ไม่รู้ดิ  กูเห็นมึงมากอดกู   กูก็เลยนึกอยากกอดมึงมั่ง   เอ...  เดี๋ยวนะ   ถ้ามึงรู้ว่ากูกอดมึง  อ้าว... งั้นตอนนั้นมึงก็ไม่ได้หลับอ่ะดิ   นี่มึงแกล้งหลับเหรอวะ"   ผมนึกขึ้นมาได้ก็ตกใจไปนิดนึง   หันไปมองหน้ามันๆก็หลบตาผมแล้วแกล้งทำมองเพดานทำไม่รู้ไม่ชี้ไป

         " ก็....  เออๆ  นั่นแหละ  กูยังไม่หลับหรอก   แต่ตอนนั้นอยากกอดมึงก็เลยกอดไป    ไม่นึกว่ามึงก็อยากกอดกูเหมือนกัน"   มันตอบเสียงอ้อมแอ้มอยู่ในคอ   สงสัยมันคงจะเขินแล้วเหมือนกันครับ

         " อ๋อ... ยังงี้นี่เอง   แล้วมาทำเป็นเนียนหลับลึกนะมึง   ถึงว่ากูสะกิดก็ไม่รู้สึก   ตกลงคือมึงตั้งใจกอดกูแต่แรกแล้วใช่ป่ะ"   ผมหันไป  มันก็ทำหน้าเหมือนเด็กที่ซ่อนของไว้แล้วโดนจับได้   แต่ผมก็ยังคงจ้องหน้ามันอยู่   มันเลยต้องยอมรับ

         " เออ....อ  ก็.... มันหนาวๆด้วยไง   กอดกันมันจะได้อุ่นอ่ะ"   มันก็ยังคงอ้างไปน้ำขุ่นๆ   แล้วก็หลบตาผมอีก   ตอนมันเขินๆอายๆแบบนี้มันก็ดูน่ารักดีนะครับ   เพิ่งจะได้เห็นว่ามันน่ารักก็วันนี้แหละ

         " ฮะๆ  เออว่ะ   ไม่ต้องมาทำอายหรอกมึง    เฮ้อ...  กูโล่งใจแล้วล่ะ   มึงก็รู้สึกเหมือนกูทุกอย่างนะ   ดีใจว่ะที่ใจเรามันตรงกันนะ   ไม่ใช่แค่กูคิดของกูไปคนเดียวอ่ะ"   ผมบอกแล้วก็หันไปกอดมันไว้   มันก็ยิ้มให้ผม    

         ตอนนี้ผมสบายใจมากจริงๆครับ    ได้บอกมันไปทุกๆอย่างแล้วอย่างนี้

         แล้วที่สำคัญ   ผมโชคดีมากที่มันคิดเหมือนกับผม  และรักผมเหมือนกัน

                                       -

                                       -

         แล้วข้างนอกบ้านฝนก็เริ่มเทลงมาอีกแล้วครับและกำลังตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

         เหมือนกับวันนั้นเลย   ที่เราสองคนได้นอนกอดกันอย่างอบอุ่น

         เพียงแต่วันนี้ผมและมันได้กอดกันอย่างตั้งใจและเต็มใจมาก

         มันเลยทำให้ผมอบอุ่นและมีความสุขมากขึ้นไปอีกนะครับ  ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

         แต่ถึงมันจะเหมือนเกย์ก็เถอะ   ผมก็คงไม่อยากคิดอะไรแล้ว

         ช่างมันก็แล้วกัน   เพราะตอนนี้ผมได้มีความสุขจริงๆแล้วนะ

         แค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะ.........................

                     ***************
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 13 แล้วเน้อ ติดตามได้หน้า 5 : 02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 04-11-2010 20:56:19
สำหรับช่วงนี้นะครับ  คงยังไม่ได้มาอัพเดทให้อีกนา่นเลยอ่ะ   

พอดีว่างานเข้ามาเยอะเกินอาจจะยังไม่มีเวลามาเขียนต่อนะครับ

ต้องขออภัยไว้ก่อน  แต่คงไม่เกินเดือนหน้านี้จะได้มาอัพต่อให้แน่นอน

เพราะงั้นถือว่าช่วงนี้ผมลาพักร้อนก่อนนะ อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ   อดใจรออีกหน่อยนะ o14
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-11-2010 21:22:25
รอต่อไปอีกก็ได้ 555


แต่.........



ลืม..............


ไป...........




ว่า..............



















ต้อง....................


















กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


เค้าจูบกันแล้ว................ บอกรักกันไปด้วยแล้ว..........................  555

ปล. +1 นะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 04-11-2010 21:45:51
เน & อิน

จุ๊บ ๆ กัน แล้ว

อ๊ากกกก

อิจ ฉาาา ค้าบบบ

จูบ ไรท์ เตอร์ แทน ได้ ไหม

ฮ่า ๆ

p.s. รอ ได้ ค้าบ แค่ ไหน ก็ จะ รอออ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 04-11-2010 23:47:39
^
^
^
^ อิอิ  จะมาจูบผมเลยเหรอ

   ก็ไม่ได้ว่าไรครับ  ตามสบายเลย o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 05-11-2010 21:09:16
อ๊ากกกกกกกกกกกกก
พี่น้อต ทำไมทำแบบเน้
เขิลลลลล (>//////<)

จูบกันแล้ววว เฮ้ออ สบายใจทั้งคู่ก็ดีละคับ เนกะอิน
ต่อไปจะเป็นยังไงก็ขอให้นึกถึงความรักที่มีให้กันน้า

ปอลิง อยากจะบอกพี่น้อตว่า ตลอดเวลาที่อ่านนิยายของพี่น้อตมาเนี่ย
ฉากจูบเป็นฉากที่ปิ๊งตั้งตารอมากที่สุดอ่ะคับ แหะๆ ( :กอด1: พี่น้อตทีนึงเป็นการขอบคุณ)
ละก็มาถึงแล้ว หวานมากๆ อิจฉาทั้งคู่เลย ที่รู้ใจตัวเองก่อนที่จะสายเกินไป เห้อ~~~ มีความสุข
ปอลิงสอง เป็นกำลังใจให้นะคับในเรื่องงาน สู้ๆค้าบบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Pattaya ที่ 06-11-2010 02:00:22
 :sad4: ซึ้งเลย หลายโหมดจริงๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 06-11-2010 02:02:47
ก็กะอยู่แล้วว่าใครๆก็คงรอตอนนี้อยู่แหละ   อิอิ

ตั้งแต่แรกๆนั้นใจอยากแต่งเรื่องให้มันเป็นแบบว่าอารมณ์ของตัวละครไม่ได้อยากเป็นเกย์และมารักกันเองเลย

ทีแรกกะว่าจะไม่ได้ให้มีจูบกันด้วยซ้ำ  แค่ชอบกันเฉยๆแล้วก็กลับเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

แต่มาคิดอีกทีคงโดนแน่ๆถ้าจบอย่างนั้น

เลยต้องเปลี่ยนแปลงโครงเรื่องใหม่

ส่วนจะจบยังไงนั้น


คง

ต้อง

ติดตามตอนต่อไป.........
 o3
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดชรา ที่ 06-11-2010 10:35:37
รออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-11-2010 15:42:36
สู้ๆกับงานนะครับ แต่ถ้าพอว่างก็มาเยี่ยมกันบ้าง
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 06-11-2010 19:21:08
จ๊ากกก มัวแต่ยุ่ง มาลงหลายตอนแล้วนี่
ไปตามอ่านก่อนนะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 09-11-2010 14:20:19
อืม แวะมาดันซะหน่อย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: motosemo ที่ 09-11-2010 18:23:19
ไปด้วยดีก็ดีแล้ว ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 10-11-2010 00:34:18
กรี๊ดดดดดดดดด เค้ากอด เค้าจุ๊บ เค้ารักกันแล้วววววววววววววว  :-[
แต่ว่าใครเป็นคิง เป็นควีนอ่ะ เริ่มเดาไม่ถูกแหะ
เห็นเนร้องให้บ่อย 5555

ขอให้งานหมดไปเร็วๆ นะคะ  :call:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 10-11-2010 01:09:34
ถ้า ไม่ มี NC เลย

โกรธ ค้าบ คำ เดียว

หึ หึ (แอบ หื่น)

ห้าม เลิก กัน ห้าม เป็น เพื่อน กัน

แฟน เท่า นั้น!!
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 10-11-2010 18:45:49
กลัวจะเบื่อรอกันซะก่อนนะครับ  เลยเอาอีกเรื่องที่เขียนไว้แล้วมาให้อ่านเล่นฆ่าเวลาก่อนครับ

ก็เป็นเรื่องที่ดัดแปลงจากหลายเรื่องรวมกันนะครับ  ลองไปติดตามกันดู

ซี่รี่ย์สั้น Seasons of the sea:ฤดูรักสองเรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19637.0)
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 10-11-2010 19:59:00
แวะเข้ามาดู
อ่าวพี่น้อตแต่งเรื่องสั้นเรื่องใหม่เหรอคับนี่
เดี๋ยวจะแวะไปอ่านนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 13-11-2010 21:37:03
ดันพี่นอทแรงๆ
เอ้ยย

ดันทู้พี่นอทสิ
พี่นอทจะบอมให้เตอร์ดันมั้ยอ่ะ
หุหุ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: เซ็งเป็ด ที่ 13-11-2010 22:10:57
เข้ามาดันนักเขียน หน้าใหม่ สู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 14-11-2010 13:03:43
 :3123: สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-11-2010 13:54:42
ง่า  ดีจายหลายๆ


โห ยิ่งคุณเป็ดแวะมานี่ยิ่งปลื้มอ่ะ  ได้รับเกียรติ์อย่างมากๆ

แล้วก็กอดเตอร์กะโล่ด้วย  ที่แวะมา

ปลื้มสุดๆ  :m1:

ปล. เตอร์ดันทู้อย่างเดียวก่อนแล้วกันนะ อิอิ  อย่างเพิ่งดันอย่างอื่นเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นหลายตอน]] กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป อัพตอนที่ 14-15 แล้ว ติดตามได้หน้า 5 : 04/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 19-11-2010 21:05:54
หลังจากที่ได้ปล่อยให้รอคอยกันสักพัก   ก็ได้มาต่อให้แล้วนะคร้าบ   แต่อยากขออภัยไว้ก่อนนะครับ   ว่าสำหรับเรื่องนี้ภาษาของการแต่งที่ทุกคนได้อ่านแล้วอาจจะทำให้ปวดหัวและสับสนในบางตอนได้  

เพราะว่าผมเองก็ยังไม่เคยเขียนนิยายเลยน่ะครับ  เลยใช้เทคนิคการเขียนและเล่าเรื่องได้ไม่ดีเท่าไหร่

แต่เรื่องนี้ก็อยากถ่ายทอดให้เป็นแบบกลางๆ  มีครบทุกรสอยู่ในตัว  ซึ่งตอนหลังๆนี้ก็จะเริ่มเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ

งั้นมาติดตามต่อเลยครับ


ตอนที่15

              (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                                                      ***********

         หลังจากวันนั้นมาแม้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม    แต่เราก็ยังคงใช้ชีวิตกันไปอย่างปกตินะครับ    ไม่ได้รู้สึกว่าเหมือนกลายเป็นแฟนกันเลยนะ    แค่รู้สึกว่ายิ่งอยากใกล้ชิดกับมันอย่างนี้ตลอดเลย    ผมก็เลยไปค้างกับมันบ่อยขึ้น    

         แต่ตอนนี้เราต้องตัดสินใจเลือกแล้วว่าจะไปเรียนต่อกันที่ไหนดี      ถึงแม้เกรดของไอ่เนมันจะดีขึ้นมาก    แต่ตอนนี้มันเองก็ตัดสินใจแล้วว่าคงจะไม่หวังกับการเอนท์ฯแล้วแน่ๆ

         " เอ้อ   ไม่ต้องห่วงหรอก   พวกไอ้อ้นมันชวนไปเรียนที่นี่ว่ะ   กูก็ว่าน่าสนใจดี"   มันว่าแล้วก็เอาโบรชัวร์ของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งให้ผมดู  

         " นี่ไง คณะนี้อ่ะ   เอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการโรงแรมนี่ไง"  

         " เออ  ก็ดีนี่หว่า  จบมามึงก็ได้ไปคุมร้านอาหารให้แม่มึงได้เลยนะ  ตรงสายอาชีพดีอ่ะ"   ผมดีใจที่มันจะได้เรียนสาขาที่เหมาะกับมันแล้ว

         " แต่ว่านะ   มันจะยิ่งดีกว่านี้อ่ะ  ถ้ามึงมาเรียนกะกูนะ  ได้มั๊ยวะ   ไม่ต้องมาห่วงค่าเทอมนะเว้ย   กูก็ออกให้ก่อนไงแล้วก็มาใช้กูทีหลังอ่ะ"  

         " อืม   ก็กูไม่อยากให้มึงมาหมดเปลืองกับกูเยอะๆน่ะ   ค่าหน่วยกิตที่นั่นน่ะมันแพงไป   กูต้องใช้มึงจนหัวโตแน่ๆ   คงไม่ไหวว่ะ   ถ้าเอนท์ไม่ติดกูก็คงเรียนราชภัฏฯไปแหละ   จะได้ไม่แพงมาก"  ผมอธิบายทางเลือกที่ผมคิดไว้  

         " เอ้อ   ก็ดีนะ  เรียนราชภัฏฯเหรอ    งั้นก็ได้เลย   เดี๋ยวกูไปเรียนกะมึงดีกว่าที่นั่นมันก็มีเอกที่คล้ายๆกันนี่หว่า   ดีเลยว่ะ    มึงก็มาเรียนเอกนี้กะกูเลยนะเว้ย   เพราะมึงก็ยังไม่รู้จะเรียนอะไรไม่ใช่เหรอ"   มันเสนอความคิดมา   ผมฟังแล้วก็คิดดูนิดนึง

         " อืม   จะเอางั้นเหรอวะ   ก็... โอเคๆ    เอกนั้นมันก็น่าเรียนดีอยู่หรอก    ทำงานในโรงแรมมันก็น่าจะดีนะ"   ผมยอมตกลงกับมันว่าจะไปเรียนด้วยแล้ว    เพราะลองคิดดูคงจะดีกว่า   และมันก็จะได้มีเพื่อนขณะที่เรียนนะ   มีอะไรก็จะได้ช่วยๆกันไป  

         และผมก็กลัวว่านอกจากผมแล้วอาจจะไม่มีใครจะรักและเข้าใจมันอย่างผมก็ได้นะ

         แล้วพวกเราก็ตัดสินใจเลือกลงเรียนในสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่ง   ก็ในสาขาที่ตกลงกันนั้นแหละครับ      ผมเอาเงินที่เก็บๆไว้มาเป็นค่าลงทะเบียนซะเกือบหมดเลย    แล้วยังต้องเผื่อไปซื้อพวกชุดนักศึกษา  กับค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก    ก็เลยหลือนิดเดียวเลยครับทีนี้  

         ดีว่ามีเงินเก็บจากงานถ่ายแบบต่างๆอยู่เป็นทุนนะ    ไม่งั้นผมคงไม่มีเงินมาลงเรียนแน่ๆ    แต่ก็ไม่อยากไปรบกวนเงินของมันมากนักแม้ผมจะเคยรับปากมันแล้วว่าถ้าไม่มีเงินจะยอมให้มันช่วยออกให้ก่อนก็เถอะ   แต่ยังไงก็เกรงใจมันจริงๆน่ะครับ  

                     ------------------------------

         แล้ววันเปิดเทอมวันแรกก็มาถึงครับ     ผมตื่นเต้นเพราะเป็นวันแรกนะที่ได้ใส่ชุดนักศึกษากับเค้าแล้ว     ตั้งแต่วันนี้พวกเราก็จะกลายเป็นนักศึกษาม.ราชภัฏฯเต็มตัว    ชีวิตผมและมันคงเปลี่ยนไปนะ     แต่ว่าจะเป็นยังไงเดี๋ยวก็คงจะได้รู้กันละครับ

         มันขับรถมารับผมที่วัดแต่เช้า    รถคันใหม่นะครับ    มือหนึ่งเลย   เพราะมันเข็ดกับรถคันนั้นมากๆ   เลยออกรถใหม่มาเลย   ก็เป็นรถรุ่นที่วัยรุ่นชอบใช้กันแหละครับ    

         ผมเห็นมันลงจากรถในชุดนักศึกษาแล้วยอมรับนะครับว่ามันดูดีมากๆ    แต่ก็ตัดใจไม่ชมมันดีกว่า     เพราะก็รู้ดีว่าถ้าชมไปละก็   มันคงได้เหลิงไปไหนๆอีก      แล้วเราก็เลยขับรถไปที่ม.กัน     พอไปถึงก็รีบเข้าไปนั่งในหอประชุมกันเพราะมีปฐมนิเทศ    

         ตอนนั้นอาจารย์เค้าก็สาธยายซะละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง   แนะนำสถานที่   กฎระเบียบ  ฯลฯ  พวกเราก็เลยต้องนั่งฟังไปซะจนเซ็งเลยกว่าจะเที่ยง      แล้วเค้าก็ปล่อยนักศึกษาไปพักกินข้าวก่อน   เราก็ว่าจะไปนั่งกินกันที่โรงอาหาร    แต่คนก็เยอะสุดๆเลยครับ    คิวยาวจนเซ็งอีก    เลยออกไปกินที่ร้านแถวหน้าม.กัน    แล้วก็กลับเข้ามาที่หอประชุมอีก

         " เฮ้อ   โดดปฐมนิเทศได้ป่าววะ  แม่ง  โคตรเบื่อเลยว่ะ"    มันบ่นกับผม

         " เฮ่ย   เค้าเช็คชื่ออะดิ   เดี๋ยวก็ซวยหรอกว่ะ"   ผมก็ห้ามมันไว้ก่อน   กลัวเดี๋ยวจะโดนอาอารย์เล่นงานทีหลัง

         " เอ้อ  งั้นเอางี้ดิ   แกล้งออกมาเข้าห้องน้ำกันแล้วก็ไปเดินดูอะไรๆในม.กันก่อนดีกว่า   จะได้รู้จักที่ทางไว้ด้วยอะ"   มันบอกแผนของมันให้ผมฟัง    ผมก็เลยยอมตามมันเพราะก็เบื่อฟังอาจารย์แล้วเหมือนกันครับ

         เราเดินกันมาถึงบริเวณที่เป็นตึกเรียนของเอกเรา    ในบริเวณนั้นก็มีต้นไม้ร่มรื่นดีครับ   น่านั่งเล่นมากๆอยู่  และมีรุ่นพี่ของเราหลายคนก็เตรียมงานรับน้องกันอยู่    

         " โห  นี่รุ่นพี่เรามันเตรียมรับน้องอยู่เลยนี่หว่า   กูไม่ค่อยอยากไปยุ่งเท่าไหร่เลยว่ะ   งานรับน้องอ่ะ   ไม่ชอบว่ะ   น่าเบื่อจะตาย"   ผมบอกมัน   มันก็หันมาบ่นทันทีเลยครับ

         " มึงอ่ะว่าน่าเบื่อ  แต่กูอ่ะโคตรเกลียดเลย   แม่ง  มาบังคับให้เราทำอะไรปัญญาอ่อนตามใจชอบมันอ่ะ   กูไม่เอาด้วยล่ะนะ   ไม่เข้าร่วมแม่งหรอก    มึงก็เหมือนกันอย่าไปยุ่งเลยว่ะ  เชื่อกูเหอะ"   มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแค้นเคืองอย่างมาก   จนผมงงว่าทำไมมันแค้นขนาดนั้นนะ

         " เฮ่ย   ทำไมมึงไปคิดขนาดนั้นวะ  ก็ถ้าไม่อยากไปยุ่งก็ไม่ต้องก็ได้    แต่พวกรุ่นพี่มันจะมามีปัญหากะเราทีหลังมั๊ยนะ"   ผมกล่าวอย่างกังวลๆหน่อยนึง

         " กูไม่กลัวซะอย่างอ่ะ   นี่มันสิทธิ์ของเราเว้ย   จะร่วมไม่ร่วมก็ได้   แล้วกูก็ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ   มึงก็ไม่ต้องไปสนเหมือนกันนะ   ช่างพวกแม่งเลย   ใครมันก็ทำอะไรเราไม่ได้ทั้งนั้นอะ"   มันสรุป    ผมฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกงงที่มันต่อต้านการรับน้องซะขนาดนี้    เหมือนกับว่ามันฝังใจอะไรอยู่งั้นแหละ

         " เฮ้ย  ตกลงทำไมมึงซีเรียสเรื่องนี้จังวะ  ไอ่เน  กูดูมึงแอนตี้เรื่องนี้จังว่ะ   มีอะไรรึเปล่าน่ะ"   ผมเลยลองถามมันไป

         " ก็เมื่อก่อนมีรุ่นพี่ที่กูสนิทกะเค้ามากคนนึงอ่ะ   เค้าเล่าว่าโดนรับน้องยังงี้แล้วโดนบังคับให้ทำอะไรทุเรศรับไม่ได้หลายอย่างว่ะ   จนเค้าไม่ไปอีกเลย   แต่ไอ้พวกเชี่ยรุ่นพี่ที่ไม่พอใจมันมาหาเรื่องเลยมีเรื่องกัน   กูฟังแล้วก็แค้นว่ะ   มันถือว่าเป็นรุ่นพี่จะทำอะไรก็ได้ไง   ซึ่งกูอ่ะจะไม่ยอมแม่งเลย   มึงคอยดูแล้วกัน   มีเรื่องก็มีเรื่องดิ  กูกลัวที่ไหน"    มันเฉลยเหตุผลที่มันเกลียดการรับน้องให้ผมฟัง    

         " โธ่เอ๊ย   ก็นึกว่าอะไร   มันก็คงแล้วแต่ที่น่ะ   รุ่นพี่บางคนมันอาจจะชั่วมากไง   มันก็คงทำได้ทุกอย่าง   แต่ก็เอาเหอะ   ถ้ามึงไม่อยากร่วมก็ไม่ต้องร่วมอ่ะ   กูก็ไม่อยากเหมือนกัน   โอเคนะ  ตามนี้"   ผมสรุปให้มันเลย   มันก็เออออตามผม   จากนั้นเราก็เลยกลับไปที่หอประชุมกันเพราะออกมานานแล้ว      

         เรากลับไปนั่งฟังกันอยู่จนบ่ายสามได้อาจารย์ที่ปรึกษารุ่นของเราก็ให้มารวมตัวกันกับเพื่อนๆใหม่ในเอกของเราที่หน้าหอประชุม   เราก็เลยได้แนะนำตัวกับเพื่อนๆร่วมรุ่นของเรา   ซึ่งทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อีกสองคนที่มันก็แอนตี้การรับน้องพอๆกับไอ่เนเลยครับ

         " เออว่ะ   พวกเราก็ไม่ชอบหรอกนะ   เกลียดไอ้พวกรุ่นพี่งี่เง่าว่ะ   มันถือว่าเป็นรุ่นพี่จะมาทำอะไรกะรุ่นน้องก็ได้   เรื่องไรจะต้องไปยอมมันอ่ะ"

         " เออ  เห็นด้วยอย่างยิ่งว่ะ   คิดเหมือนกันเลยนะ    ดีเลยงั้นทีนี้เราก็เกาะกลุ่มกันไว้อย่างนี้แหละนะ   เอ้อ... ใช่ลืมเลย   เรา  เน ว่ะ    แล้วพวกนายชื่อไรกันอ่ะ"   ไอ่เนคุยแล้วก็แนะนำตัวมันกับสองคนนั้น     ผมก็เลยแนะนำตัวไปบ้าง

         " เอ้อ.. นี่เพื่อนเรา  ชื่อ คิม    ส่วนเรา บอล   อืม..  ยินดีที่ได้รู้จักนะ"    แล้วพวกเราก็เริ่มคุยกันไปอย่างสนุกสนานเลย     สองคนนี้มาจากโรงเรียนเดียวกันก็เลยสนิทกันมากหน่อย    ก็คงเหมือนผมกับไอ่เนนี่แหละ

         และจากที่ได้คุยกันนี้   ผมลองสังเกตดูก็เห็นว่าไอ่บอลนี่มันจะเป็นคนตรงๆ  เปิดเผย  ค่อนข้างใจร้อนเหมือนไอ่เนเลยครับ    ส่วนคิมมันจะเป็นคนที่คล้ายผมคือ  นิ่งๆเฉยๆ   พูดน้อยกว่าผมอีกมั๊ง    แล้วก็ดูมันอารมณ์ศิลปินมากอยู่    ที่สำคัญมันฉลาดมากนะครับ    ตอนม.6นี่เกรดเฉลี่ยมัน 3.8 กว่าแล้ว   เลยสงสัยว่าทำไมมันไม่เอนท์นะ

         มันก็บอกว่ามันอยากมาเรียนเอกนี้    เพราะว่ามันสามารถไปต่อที่สถาบันหนึ่งที่มีสอนในสาขาเกี่ยวกับการเป็นแอร์ฯและสจ๊วตโดยตรงเลยได้    มันว่ามันอยากเป็นสจ๊วตครับ   ซึ่งผมก็คิดว่ามันฉลาดอย่างนี้คงไม่ยากเกินหรอก  

         " เอ้อ  แล้วนายอ่ะ  บอล    ทำไมมาเรียนที่นี่อ่ะ"  ผมถามบอลมันต่อ

         " อ๋อ   เราก็ไม่รู้จะเรียนอะไรว่ะ   หัวก็ไม่ได้ดีอะไรอ่ะเลยตามไอ่คิมมันมาเรียนด้วย   ใช่มั๊ยจ๊ะ  ที่รัก"   มันบอกแล้วก็หันไปทำตาหวานใส่ไอ่คิมซะงั้น    ไอ่คิมมันเลยตบหัวมันไปหนึ่งที

         " นี่ไง   ที่รัก  ทะลึ่งแล้วมึงเนี่ย    เดี๋ยวพวกนี้มันก็คิดว่ามึงกะกูเป็นเก้งกวางกันอ่ะ   สัดนี่"    มันด่าไอ่บอล  ไอ่บอลมันเลยหัวเราะใหญ่    ผมกับไอ่เนเลยหันมามองตากันนิดนึงแล้วก็หัวเราะตามมัน

         แล้วตั้งแต่วันนั้นมาพวกเราสี่คนก็จะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเลย     ทำให้พวกเราก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆครับ    แล้วตอนนั้นน่ะเราก็ยังมีงานจากพี่ที่โมเดลลิ่งติดต่อเข้ามาอีกนะครับ    แต่ว่าเราก็แทบไม่มีเวลากันเลย  

          การเรียนในชั้นปีหนึ่งนี่หนักนะครับ   ไม่ค่อยมีวันที่ว่างๆเลยเพราะต้องเก็บหน่วยกิตให้มากไว้ก่อน    เราเลยต้องเน้นรับงานพวกถ่ายภาพนิ่งเป็นพวกโฆษณากัน   เพราะมันใช้เวลาน้อยหน่อย   เพราะผมยังจำเป็นต้องใช้มันเป็นรายได้หลักของผมเลยนะ

         จะว่าไปตั้งแต่ที่เราสนิทกับไอ่บอลและไอ่คิมนั้น    ไอ่เนมันก็ดูจะแฮปปี้มากเป็นพิเศษ   คงเพราะไอ่บอลกับมันเข้าขากันได้ดี    ถูกคอกันสุดๆน่าจะเพราะว่ามันนิสัยคล้ายๆกันนี่เอง    จากที่มันจะติดผมแจก็เลยไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว

         ยิ่งพักหลังๆมานี้ทั้งผมและไอ่เนกลับดูห่างๆกันไปเลย    แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ     ดีแล้วที่ตอนนี้มันมีความสุขดีมากกว่าเมื่อก่อนซะอีกนะ    เห็นแล้วผมก็สบายใจน่ะ

         แต่แล้วจุดเปลี่ยนของชีวิตผมคงมาถึงอีกแล้วจนได้นะ   เมื่อมันเข้ามาคุยกับผมในวันหนึ่ง

         " เฮ้ย   อิน  คือ...  กูมีอะไรอยากคุยกะมึงหน่อยว่ะ     คือว่านะ   ตอนนี้  กูไปชอบเด็กนิเทศฯคนนึงว่ะ   โคตรน่ารักเลย   กูชอบเค้าจริงๆนะเว้ย"    ผมได้ฟังแล้วก็อึ้ง   ตัวชาไปเลย

         " แต่ว่าสำหรับกูอ่ะ    นี่มันเป็นเรื่องดีนะเว้ย   กูยังชอบผู้หญิงอ่ะ   ก็แสดงว่ากูไม่ได้เป็นเกย์แล้ว   เป็นผู้ชายชัวร์ๆเว้ย   ดีใจว่ะ"   มันบอกแล้วก็หัวเราะชอบใจ  

         " แต่ว่ามึงอ่ะ   คิดว่าไงวะ   ระหว่างเราน่ะ  เอาจริงๆแล้วเราก็ยังไม่ได้เป็นเกย์นี่     ถึงเรารักกันมากกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่ได้รักแบบแฟนนี่หว่า  ใช่มั๊ยวะ"  มันถามผม   บอกตรงๆครับว่าอึ้งไปจริงๆแต่ก็ยังต้องฝืนยิ้มทำเหมือนไม่มีอะไรอยู่

         " ก็ดีแล้วอ่ะ   มึงก็ไม่ได้เป็นเกย์อยู่แล้วไง   กูก็ด้วย   แต่เราก็รักกันมากกว่าเพื่อนอยู่มันก็ดีแล้วนี่   กูก็ยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่ว่ะ   เพราะยังไงเราก็ไม่ได้รักกันแบบแฟนจริงๆอยู่แล้ว       ซึ่งมันก็ดีแล้วละนะ"   ผมพูดออกไปอย่างนั้นเอง   เหมือนมันเป็นสเต็ป  เป็นอัตโนมัติที่ต้องพูดไปอย่างนี้     ซึ่งมันไม่ได้ตรงกับใจที่คิดเลย

         " อืม   งั้นก็โอเคแล้วว่ะ   เนี่ยนะกูก็ไม่รู้ดิ   ตอนแรกยังคิดว่ามึงจะว่าไรมั๊ยนะ  ถ้ากูจะไปมีแฟนจริงๆ   กลัวว่ามึงอาจจะไม่พอใจรึเปล่า    ที่เหมือนกูทิ้งมึงไปน่ะ"  

         " เออ   มึงไม่ต้องคิดมากหรอกน่า    กูก็อยู่ตรงนี้อ่ะ   เราก็ยังรักกันเหมือนเดิมนี่หว่า    มึงไปมีแฟนเท่ากับว่ามึงก็มีความสุขแล้ว   กูก็ต้องดีใจด้วยดิ   ไม่ใช่เหรอวะ"    ผมบอกแล้วก็ตบไหล่มันเบาๆ    มันก็เลยยิ้มออกมาแล้วมากอดผม

         " อืม   เยี่ยมเลยว่ะ  ไอ้อินเพื่อนร๊าก...   มึงมันดีอย่างนี้อ่ะ   กูจะไม่รักมึงได้ไง    ขอบใจว่ะที่เข้าใจกูนะ"   มันยิ้มบอกผมแล้วก็เดินจากไป   คิดว่ามันคงไปหาเค้ามั๊ง    คนที่มันรักคนนั้น  

         ในใจผมตอนนั้นผมรู้สึกว่าการที่ต้องเห็นมันเดินจากไปนี้คือมันกำลังจากผมไปแล้วจริงๆ    และผมก็ถูกมันทิ้งไว้ข้างหลังแค่คนเดียวลำพังแล้ว

         และมันเหมือนกับว่าในบริเวณนั้นมันกลับมืดลงและมีเพียงแสงสลัวแค่ตรงที่ผมยืนอยู่เท่านั้น   และผมยืนอยู่เดียวดายลำพัง   ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นอีกเลย    ทั้งๆที่คนในม.ก็เดินยังผ่านไปมาพลุกพล่าน  

         ที่จริงผมควรจะยินดีกับมันสิ    ที่มันไม่ได้เป็นเกย์แน่ๆแล้ว   และมันกำลังจะมีคนรักที่มันชอบและถูกใจจริงๆ

         เพื่อนที่ผมรักที่สุดกำลังจะมีความสุขนะ   เราก็ควรจะมีความสุขไปด้วยสิ

         แต่ไม่ว่าผมจะพยายามคิดยังไง   ผมกลับยิ่งรู้สึกใจหายจริงๆครับ

         ใจผมอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าอย่าทำอย่างนี้เลย   อย่าทิ้งกันไปเลยนะ

         แต่ผมจะพูดอะไรได้ล่ะ    ในเมื่อนี่เป็นทางที่มันเลือกแล้ว

         และก็เป็นความสุขของมันจริงๆน่ะนะ     ผมคงไม่เห็นแก่ตัวไปทำลายความสุขของมันหรอกนะครับ   

         ผมคงได้แค่คิดว่ายังไงเราก็ยังไม่ได้จากกันไปไหนนี่นะ    ก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม

         แม้จะรู้ดีว่าทุกๆอย่างหลังจากนี้มันคงจะต้องเปลี่ยนไปแล้วก็เถอะครับ    

         ซึ่งผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะรับกับความเปลี่ยนแปลงอันนี้ได้สักแค่ไหนกัน

                       --------------------------

         หลังจากวันนั้นผมก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมตามปกติไป     และผมต้องไปอาศัยติดรถของไอ่บอลมันแทนเพราะไอ่เนมันก็ต้องไปเทียวรับเทียวส่งเด็กของมันอยู่    และมันคงเห็นว่าผมไปรถไอ่บอลแล้วมันก็เลยไม่ต้องห่วงอะไรอีก

         แล้วมันก็ไปไหนมาไหนกับเด็กมันตลอดนะ   บางทีเค้าก็จะมานั่งอยู่กับกลุ่มของพวกเราบ่อย   จนก็เริ่มสนิทกับไอ่บอลและไอ่คิมไปด้วยแล้ว      ไอ่บอลมันก็ยังบอกเลยว่ามันอิจฉาไอ่เนที่มีแฟนสวยนะ     ส่วนตัวผมเองก็พยายามเลี่ยงตลอดที่จะมานั่งอยู่กับไอ่เนและแฟนของมันโดยอ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย

         เพราะทุกครั้งที่ได้เห็นมันอยู่กับเค้า   ได้เห็นมันนั่งรถไปกับเค้า     ผมก็มานึกสะท้อนใจทุกทีว่าน่าจะเป็นผมนะที่นั่งตรงนั้น    ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าผมคงจะรู้สึกหึงหวงมันเข้าจริงๆแล้วละครับ    

         ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผมแน่ใจแล้วว่าผมเป็นเกย์อย่างแท้จริงแล้วล่ะ    เพราะผมรักมันแบบนี้จริงๆ

         นี่คงเป็นรักแบบแฟนแล้วล่ะ    เพราะผมต้องการครอบครองมันไว้แค่คนเดียวเท่านั้นนะ

         แต่ตอนนี้ผมว่าผมคงกำลังจะเสียมันไปแล้วนะ

         นี่ผมคงรู้ใจตัวเองช้าไปแล้วมั๊ง......................  

                                                *********************
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 19-11-2010 21:31:00
ใจ เย็น ๆ นะ

ยัง ไง ถ้า เรา รัก เค้า จริง

เรา ก็ ต้อง รอ เค้า

และ ยิน ดี กับ เค้า

สุ้ สู้
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 19-11-2010 21:31:42
 :z13: น๊อต เศร้าเลยนะ เจ็บแทนอินเลย
เนคงต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเกย์หรือป่าว
พอไปเจอคนที่สะดุดตาให้หน่อยเลย คิดว่าคือคนที่ใช่
เด๋ว เนรู้ตัวเองขึ้นมาเมื่อไหร่ คงกลับมาเองแหละ
อ๊าคคคคโดนปาด
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 19-11-2010 21:37:44
คุณIceCrEam ไวสุดๆ   เนะโดนตัดหน้าเลยนะ  อิอิ o13

ว่าแต่คุณIceCrEam ชื่ออะไรครับ  จะได้รู้จักกันไว้นะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 19-11-2010 21:51:44
คุณIceCrEam ไวสุดๆ   เนะโดนตัดหน้าเลยนะ  อิอิ o13

ว่าแต่คุณIceCrEam ชื่ออะไรครับ  จะได้รู้จักกันไว้นะ

ฮ่า ๆ ขอ ปาด หน้า

อิ อิ

(เข้า บอร์ด แล้ว F5 ทุก ๆ 3 นา ที ^^)

ชื่อ ผม ตาม user เลย ครับ

'ไอซ์' ครับ

ยิน ดี ที่ ได้ รู้ จัก เช่น กัน

ถ้า เล่น FB ก็ add ไป ไว้ คุย ก็ ได้ ครับ ^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: veerapat19691 ที่ 19-11-2010 23:58:06
เม้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 20-11-2010 00:38:07
งืมมม ไงดีอ่ะ
อ่านแล้วก็สงสารอินอ่ะ
คือถ้าเนทิ้งอินไปจริงๆ ไม่สนใจอะไรอินจริงๆ
อินก็ปล่อยเนไปเหอะคับ ช้ำใจเปล่าๆอ่ะ
มาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่าคับ เนาะ
แต่ก็ยังไม่แน่นี่คับ ว่าเนจะทิ้งไปจริงๆอ่ะ
ยังไงๆเค้าก็ต้องกลับมาหาอินอยู่แล้วคับ
เพราะอินเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจเค้านี่คับ หุหุ จิงมะ
เป็นกำลังใจให้เน้อ อิน Fighting!!!
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: nz-ii ที่ 23-11-2010 01:17:26
ในที่สุดก็อ่านจบแล้ว กำลังจะเข้าสู่โหมดดร่าม่าแล้วจิ อิอิขอซีนบีบคั้นอารมณ์เยอะๆเลยนะ อิอิ  :mc4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 23-11-2010 12:42:53
อิอิ คุณแน๋วอ่านเร็วซะ  เร็วไปป่ะครับ

ปิ๊งก็ลุ้นไปก่้อนนะ  กำลังจะมาต่อละ อิอิ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: nz-ii ที่ 23-11-2010 12:46:58
เมื่อก่อนอ่านเร็วกว่านี้อีก นี่ถือว่าช้ามากๆ รู้ตัวเลย คงเพราะไม่ได้อ่านนิยายมานานมากแล้วสปีดเลยช้าลง :laugh:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 24-11-2010 20:44:33
รักเองช้ำเอง .... จะโทษใครก็ตัวเราเอง
อ่านตอนนี้เพลงชรัสมันแว่วมาเลย เข้มแข็งไว้นะอิน
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 25-11-2010 14:19:38
คุณordkrub นึกถึงเพลงนี้เลยเหรอครับ  ก็แสดงว่ารุ่นเดียวกัน อิอิ :laugh:

หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 16 แล้วคร้าบ ติดตามได้หน้า 6 : 19/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 25-11-2010 14:25:33
ตอนนี้จะเริ่มเศร้าขึ้นเรื่อยๆแล้ว  โปรดอย่าคิดมากนะครับ   มันก็เป็นเพียงช่วงชีวิตนึงที่ทุกคนคงต้องเจอนะ    ติดตามอ่านกันเลยครับ

ตอนที่16
                 (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)
                                                                     **********

         วันนี้ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าเลยแม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ที่ไม่ได้ไปเรียน   เพราะวันนี้เป็นวันเกิดผมเองครับ    ที่จริงก็อยากคิดนะ    ว่าวันนี้เป็นวันดีของผม     ดังนั้นผมก็เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกมาใส่บาตรให้หลวงพี่กับหลวงตาท่าน     แล้วก็มากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อกับแม่ของผม  

         ตอนสายๆผมเลยมาทำความสะอาดบริเวณที่ใส่อัฐิของพ่อกับแม่ผมซึ่งอยู่ที่บริเวณกำแพงวัดใกล้ๆกันนั้นเอง   แล้วผมก็นั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้นนานเลย

         ใจผมตอนนั้นมันก็คิดอะไรไปเรื่อยครับ   ผมหวังอยากให้พ่อกับแม่ผมยังอยู่จังนะ   ท่านคงมีคำอวยพรดีๆให้ผมในวันนี้ได้   ซึ่งผมอยากจะได้กำลังใจจากท่านอย่างมากในตอนนี้นะครับ

         เพราะผมอ่อนล้าเต็มทีแล้ว   แต่ก็ไม่อยากจะโทษมันหรอกครับ

         ผมอาจจะผิดเองก็ได้ที่ปล่อยให้มันไปจากผมเองนะ

         แต่ก็นั่นแหละ   ถึงตอนนี้ผมอยากให้พ่อกับแม่แค่มากอดผมเพื่อปลอบใจผมสักครั้ง   แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี

         แค่เพราะว่าปาฏิหาริย์มันไม่มีจริงนั่นแหละครับ.....................

         แต่พอมาคิดอีกทีก็รู้สึกว่าอาจจะดีแล้วล่ะ   ที่พ่อกับแม่ผมไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วตอนนี้
   
         เพราะถ้าท่านต้องมารับรู้ว่าผมกลายเป็นเกย์ไปแบบนี้ท่านอาจจะต้องเสียใจมากนะ

         ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยครับ    แล้วอย่างนี้ถ้าพ่อแม่ของไอ่เนมันรู้ล่ะ  ผมจะทำยังไง

         ผมยังจะมีหน้าไปเรียกแม่มันว่าแม่ได้อีกเหรอ    ในเมื่อผมเองที่ทำให้ลูกชายที่เหลืออยู่คนเดียวของเค้าจะต้องกลายเป็นเกย์ไปด้วยน่ะ

         แค่คิดผมก็รู้สึกผิดซะจนไม่รู้จะว่าไงแล้ว    เพราะงั้นต่อไปนี้ทุกอย่างมันคงต้องหยุดไว้แค่นี้แหละครับ

         ผมจะยอมให้ทุกอย่างมันจบลงที่ผมแค่นี้ก็แล้วกัน   ให้มันได้มีชีวิตในแบบที่มันต้องการ

         ลาทีนะ.... วันเวลาแห่งความสุขที่ผมเคยมีเพราะมัน

         ลาก่อน.......  อนาคตที่จะได้มีมันอยู่ข้างๆตลอดไป

         คงถึงเวลาที่ผมต้องตื่นจากฝันแล้วล่ะครับ................

         พอผมคิดมาถึงตรงนี้แล้ว    น้ำตามันก็มาจากไหนไม่รู้นะตั้งมากมาย   ก็คงเป็นน้ำตาของความปวดร้าวในใจผมตอนนี้นั่นแหละ    ซึ่งผมก็กลั้นไม่ไหวอีกแล้ว   เลยนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงนั้น

         ต่อหน้าที่เก็บอัฐิของพ่อกับแม่ผมนั่นเอง    แต่ผมก็ไม่หวังให้พ่อกับแม่ปลอบใจผมแล้วละครับ  

         เพราะผมมันผิดเองแหละ   ที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเลยเถิดมาจนเป็นอย่างนี้นะ

         ผมสมควรได้รับแล้วล่ะ...................

                        -

                        -

         หลังจากที่ร้องไห้อยู่เป็นนาน   ผมก็เลยรีบกลับมาห้องผม    ก็นึกขึ้นมาได้นะครับว่าไอ่เนมันคงรู้ว่าวันนี้มันวันเกิดผม     แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ผมไม่อยากจะเจอมันเลยจริงๆ     ผมไม่อยากให้มันมาจัดงานวันเกิด  หรือทำอะไรๆให้   ไม่อยากแม้แต่จะให้มันเอาของขวัญมาให้ด้วยซ้ำ

         ดังนั้นผมเลยหยิบโทรศัพท์มาปิดเครื่องไว้   แล้วก็แต่งตัวว่าจะออกไปไหนสักแห่งก็ได้   ที่ๆมันจะตามหาผมไม่เจอในวันนี้นะ   และก่อนที่มันจะมาหาผมถึงนี่   ผมคงต้องหลบไปซะก่อน

         แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเรียก   ซึ่งผมก็ตกใจเลยนะ   นึกว่าหนีมันไม่ทันเพราะมันมาถึงที่แล้ว    แต่ฟังจากเสียงเรียกแล้วก็ไม่ใช่มันนี่   ผมเลยเปิดประตูออกไป   แล้วก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีก   ที่พบว่าเป็นไอ่คิมน่ะครับ

         " เฮ้ย  ว่าไงวะ   สุขสันต์วันเกิดนะเว้ยมึง   จะพาไปเลี้ยงมั๊ยเนี่ย   กูรอกินอยู่  แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่วะ"    มันยิ้มแล้วอวยพรให้ผมทันที  

         " อ้าว   เฮ้ย   มึงมาได้ไงอ่ะ   แล้วไอ้พวกนั้นน่ะ"  ผมรีบถามมันทันที   แล้วก็รีบโผล่หน้าไปมองข้างนอกว่าไอ้เนกับไอ้บอลตามมันมารึเปล่า

         " เปล่า   กูมาคนเดียวอ่ะ   ว่าจะมาเซอร์ไพร์สมึงก่อนคนอื่นมันน่ะ"  

         " เออ  ว่ะ   มึงทำสำเร็จแล้วล่ะ   กูเซอร์ไพร์สจริงๆ   แต่เดี๋ยวกูว่ากูจะออกไปข้างนอกหน่อยว่ะ   อยากออกไปเดินเล่นหน่อยนะ"   ผมบอกมันกะว่าเดี๋ยวจะหาเรื่องชิ่งหนีมันไปดีกว่า   อยากอยู่คนเดียวอ่ะครับ

         " อ้าว   แล้วจะไปไหนล่ะ  ตกลงไม่เลี้ยงเหรอวะ  ฮะๆๆ"  

         " เออ  คงไม่ไหวว่ะ   ไม่ค่อยมีตังค์เลยน่ะ   ติดไว้ก่อนนะ   อืม  เดี๋ยวกูไปก่อนแล้วกันนะ"   ผมเลยตัดบทมันแล้วก็กำลังจะก้าวออกจากห้องไป

         " เออ  งั้นกูไปด้วยเด่ะ  มีไรอยากถามมึงอยู่หน่อยนึงนะ   ไปหาที่นั่งคุยกันก็ได้อ่ะ   ว่าแต่แล้วมึงว่าจะไปไหนล่ะเมื่อกี๊"   ซวยจนได้ครับ   มันจะตามผมไปด้วยอ่ะ  ทำไงดี

         " อ๋อ  เออ....อ  คือ...  กูว่ากูจะออกไปที่รร.เก่ากูน่ะ   ก็ไม่รู้ดิ  อยู่ๆกูก็อยากไป  ไม่ได้ไปตั้งนานละ   ว่าจะไปนั่งเล่นๆนะ   มันเงียบๆดี   วันนี้วันหยุดน่ะ"   ผมอ้างไปโน่นเลย   เพราะมันแว่บเข้ามาในความคิดน่ะครับ

         " เออ  ไปดิๆ   กูก็อยากไปดูรร.เก่ามึงว่ะ   ว่าจะเป็นไงนะ"   เฮ้อ....  ไม่รู้จะทำไงเลยครับ   สลัดมันไม่หลุด  งั้นก็ให้มันไปด้วยก็ได้ครับ   อาจจะดีนะ   เผื่อมันจะได้นั่งเล่นเป็นเพื่อนผม
   
                           -

                           -

         แล้วเราก็เดินเข้ามาในรร.ด้วยกันครับบรรยากาศนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม   แต่วันนี้มันก็เงียบสงบดีเพราะว่าเป็นวันหยุด    แล้วผมก็ไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินที่นั่งเล่นกันประจำกับไอ่เนมันเมื่อก่อนนี้

         แต่แล้วภาพความทรงจำเหล่านั้นมันก็เริ่มผุดขึ้นมาในใจผมมากมายเลย    กลายเป็นว่านี่ผมคงตัดสินใจผิดละมั๊งที่ว่าจะหลบมาที่นี่    เพราะตอนนี้อดีตเก่าๆที่เคยแสนดีเหล่านั้นมันเริ่มมาทำร้ายจิตใจผมเข้าอย่างจังแล้ว    สงสัยผมคงต้องไปที่อื่นดีกว่ามั๊งนี่

         " เอ้อ  ไอ่คิม  กูว่าเดี๋ยวเราไปที่อื่นกันดีกว่าว่ะ    อยากไปเดินเที่ยวมากกว่านะ   ไปเหอะ"   ผมเอ่ยชวนมันไปที่อื่นแทน   ก่อนที่ผมจะรู้สึกแย่ไปกว่านี้

         " เฮ่ย  เดี๋ยวดิ  เพิ่งมาถึงเอง   จะรีบไปไหน  นั่งคุยกันก่อนดิวะ"  มันเรียกให้ผมนั่งลง   ก็เลยนั่งลงไปข้างๆมันครับ

         " กูมีเรื่องอยากถามมึงนะ   ว่าหมู่นี้มึงเป็นอะไรวะ   มึงเหม่อลอย   หน้าตาอมทุกข์ตลอด   มีเรื่องอะไรเหรอวะ   ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกกันบ้างสิวะ   อย่าเก็บไว้คนเดียวอยู่เลย   กูห่วงมึงนะ"  มันเอ่ยถามผม   ซึ่งผมก็อ้ำๆอึ้งๆไปเพราะว่าไม่นึกว่ามันจะถามเรื่องนี้นะ

         " อืม   กูขอบใจว่ะที่ห่วงกูนะ   คือ...  เอ่อ... คือว่ากู...  แบบว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องบางวิชาน่ะ   มันยากว่ะ   ก็เลยกลุ้มๆนะกลัวเกรดมันแย่ตั้งแต่เทอมแรกน่ะ  ก็แค่นั้นนะ"   ผมอยากจะเขกกบาลตัวเองจริงๆที่อ้างกับมันไปอย่างไม่เนียนจนแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกเลย   แล้วนี่ไอ่คิมมันฉลาดจะตาย    มันคงเชื่อผมหรอกนะ

         " เออ..  แค่นั้นเองเหรอวะ   นี่มึงกังวลแค่นี้น่ะเหรอวะ   มึงแน่ใจเหรอ   แต่กูว่านะ  เรื่องแค่นี้มันไม่น่าจะทำให้มึงวิตกจริตเป็นทุกข์ได้ขนาดนั้นหรอกว่ะ   หรือว่ามึงไม่อยากบอกกูจริงๆ   ก็ไม่เป็นไรหรอกว่ะ   กูเข้าใจนะ"   มันบอกแล้วก็กำลังจะขยับตัวลุกขึ้นเดินไป    ผมเลยคว้ามือมันไว้

         " เฮ้ยๆ  เดี๋ยวดิ  ไม่ใช่หรอกว่ะ   เออ  กูขอโทษนะ  ไม่ใช่ว่ากูไม่ไว้ใจมึงหรอก   แต่กูเองไม่แน่ใจไง   ว่ามึงจะรับได้มั๊ยถ้ากูบอกมึงไปน่ะ   ก็เท่านั้นแหละ   ยังไงมึงก็เพื่อนกูนะเว้ย"   ผมร้องบอกมันอย่างไม่สบายใจที่เหมือนทำตัวไม่ไว้ใจมัน   แต่มันกลับยิ้มแล้วก็มองสบตาผม

         " เรื่องไอ่เนใช่มั๊ยล่ะ"    อยู่ๆมันก็พูดขึ้น    ผมก็ตกตะลึงจนตาค้างเลยนะ   นี่มันรู้ได้ไงอ่ะ

         " เฮ้ย...  ทำไมมึงรู้วะ"   ทีนี้ผมอึ้งไปเลย   เพราะงงมากๆเลยครับ  อย่างกับว่ามันอ่านใจผมได้งั้นแหละ

         " เออ  กูรู้แล้วกัน   ตกลงว่าเพราะมันใช่มั๊ย   ที่ทำให้มึงวิตกจริต  คิดมากได้ขนาดนี้น่ะ    ที่จริงกูลองสังเกตมึงนานแล้วเหมือนกัน   ยิ่งหลังๆมานี่ไอ่เนมันไปอยู่กับเด็กมันตลอด   มึงก็เริ่มซึมๆไปตั้งแต่ตอนนั้นเลย"    

         " หรืออย่างตอนที่ไอ่เนมันอยู่กับเค้ากูก็เห็นเลยว่าสายตาที่มึงมองมันน่ะ   มันไม่ใช่สายตาของเพื่อนกันแล้วล่ะ    กูก็เลยต้องมาถามมึงเพราะอยากได้ยินจากปากมึงเองนี่ไง"   มันสรุปอาการที่ผมเป็นอยู่ซะทะลุปรุโปร่งเลย    นี่แสดงว่ามันอ่านผมได้ง่ายยิ่งกว่าอ่านหนังสือซะอีกนะครับ

         " เฮ้อ...  เออ ว่ะ กูก็ว่านะ  กูคงเป็นเกย์จริงๆนั่นแหละ   กูก็เลยไม่กล้าบอกใครนะ   แต่ที่จริงกูก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอกนะ   ไม่รู้ดิ"  ผมบอกมันแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างรู้สึกสับสนในใจ

         " อืมๆ  งั้นมึงฟังกูนะ   คนเรานะเว้ย   ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วมันรับในสิ่งที่เพื่อนมันเป็นไม่ได้ละก็นะ   กูว่ามึงก็เลิกคบกันไปเหอะว่ะ   จะคบกันไปทำไมให้เสียเวลาวะ  จริงมั๊ย"   มันพูดสัจธรรมให้ผมฟัง  ซึ่งก็ชี้ทางสว่างให้ผมเลย  

         " เออ...  ก็จริงของมึงว่ะ   โทษทีนะเว้ย คิม  ที่กูเองมองข้ามมึงไปน่ะ"

         " เอาเหอะๆ  ไม่เป็นไรหรอกว่ะ   กูก็ว่ากูน่ะเข้าใจมึงดีนะ   แต่มึงสงสัยมั๊ยล่ะ  ว่านี่ทำไมกูถึงรู้และมองออกได้ว่ามึงรักมันอยู่น่ะ"   คำพูดนี้ของมันทำเอาผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันทีเลยครับ

             " ที่กูรู้น่ะ  ก็เพราะว่าที่จริงกูเองตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากมึงนักหรอกนะ"  มันพูดแล้วก็มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายจนผมต้องรีบหันกลับไปมองมันทันที

         " เฮ่ย  อะไรนะ  มึงว่ามึงไม่ต่างจากกูเหรอ  ไม่ต่างยังไงวะ  ไอ่คิม"  

         " ก็อย่างที่กูพูดนั่นแหละ   กูเหมือนมึงก็เพราะกูก็รักไอ่บอลมันไงล่ะ   มึงเข้าใจยัง"   มันบอกแล้วก็หันมามองหน้าผม   แต่ผมสิครับ   ฟังแล้วรู้สึกยังกับมีฟ้าผ่าลงมาเลยนะ    ก็คิดไม่ถึงจริงๆนะครับว่าความจริงมันจะเป็นแบบนี้น่ะ

         " มึงคงเห็นน่ะนะ   ว่ากูกับมันสนิทกันมานาน   ที่กูรักมันก็อาจจะเพราะว่าความเคยชินนะ   ชีวิตกูมีแต่มันมาตลอด  แล้วมันก็ชอบพูดชอบทำเหมือนกะว่าเราเป็นผัวเมียกันยังงั้น     หึ... มันก็ตลกดีนะ   จากที่เล่นๆกันจนตอนนี้กูกลับคิดเป็นจริงจังไปซะแล้ว    ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ   แต่กูก็แน่ใจแล้วนะ   ว่ากูรักมันจริงๆ   ทีนี้เห็นมั๊ยว่ากูกะมึงเหมือนกันจริงๆน่ะ"   มันว่าแล้วก็หันมายิ้มให้ผม    ทุกอย่างจากปากของมันนี้ทำให้ผมได้แต่อึ้งไปนะ  

         ไม่เคยคิดครับว่าตั้งแต่แรกๆที่นึกว่ามันคงล้อเล่นกัน   แต่แท้จริงแล้ว  ไอ่คิมมันก็คิดจริงจังมาตลอดนะนี่

         เพียงแต่ผมเองไม่เคยฉุกคิดว่าที่จริงแล้วนั่นน่ะ  มันรักไอ่บอลอยู่ตะหาก..........................

         " เฮ้ย  แล้วถ้างั้นไอ่บอลล่ะ  มึงบอกมันรึยัง  ว่ามึงรักมันน่ะ"   ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้  เลยถามมันไปทันที   มันก็ถอนหายใจอย่างปลงๆแล้วก็หันมา

         " กูว่านะ   แค่นี้กูก็รู้คำตอบแล้วว่ะ  คงไม่ต้องไปถามมันหรอกนะ   กูไม่อยากเสียเพื่อนน่ะ    ยังไงซะกูก็คงไม่มีหวังหรอกว่ะ   ในเมื่อรู้ยังงี้แล้วกูว่ากูคงเลือกรักษามิตรภาพไว้ดีกว่านะ   ก่อนที่กูอาจจะไม่เหลืออะไรเลยน่ะ"   ผมเริ่มคิดตามคำพูดมันไป   ก็คงจะจริงของมันนะครับ

         " มึงลองคิดดูนะ   ถ้ากูยังมัวหวังจะรักษาไอ้ความรักที่มันคงเป็นไปไม่ได้ของกูไว้น่ะ  วันนึงกูอาจจะเสียมันไปก็ได้   ถึงวันนั้นแม้แต่หน้ามันก็คงมองกันไม่ติดหรอกว่ะ   ทีนี้นะ   กูก็คงไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ   ต้องเสียทั้งความรักของกู แล้วยังต้องเสียความเป็นเพื่อนของเราอีกนะ     ถ้าเป็นงั้นกูยังจะทนอยู่เป็นคนได้อีกเหรอวะ   มึงเข้าใจมั๊ยวะ  ไอ่อิน"   คราวนี้มันพูดแล้วก็ก้มหน้าร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่นเลยครับ    ผมก็ตกใจเลยรีบโอบไหล่มันไว้   มันก็เลยโผกอดผมไว้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่  

         ตอนนั้นผมสงสารมันมากนะ   จนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ไปกับมันด้วย  เพราะตัวผมเองก็เต็มกลืนกับสภาพที่เป็นอยู่เหมือนกัน

         เพียงแต่ว่าผมเองยังโชคดีกว่ามันมากนักที่อย่างน้อยไอ่เนมันก็ยังรักผมบ้างนะ

         แม้จะเป็นเพียงแค่ในตอนนั้นก็เถอะ...........

         แต่มันสิครับ   แม้แต่จะบอกมันก็บอกไม่ได้  เพราะว่ามันก็คงไม่อยากเสียไอ่บอลไปจริงๆ

         และมันทนอยู่อย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นะครับ      ซึ่งมันก็เก่งที่กลบเกลื่อนไม่ให้ใครดูออกว่ามันคิดอะไรอยู่

         และการที่มันทำแบบนั้นมันก็คงต้องทนเจ็บปวดทรมานมาตลอดเลยนะ    

         กูสงสารมึงจริงๆว่ะเพื่อน................

                              -

                              -

         หลังจากที่เราร้องไห้กันซะจนสาแก่ใจแล้ว  ผมก็รู้สึกเหนื่อยในใจจริงๆครับ    เพราะผมว่าผมก็คงต้องทำเหมือนไอ่คิมมันแล้วนะ   คือต้องตัดใจจากไอ่เนมันให้ได้จริงๆแล้วล่ะ

         เพราะผมก็คงไม่อยากที่จะสูญเสียไปหมดทุกๆอย่าง  แม้แต่มิตรภาพอย่างที่ไอ่คิมมันบอกไว้น่ะ

         ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คงทนไม่ได้แน่ๆนะ.........

         แม้ว่าต่อจากนี้ไปผมคงต้องเจ็บปวดที่ต้องทนเผชิญหน้ากับไอ่เนมัน   แต่ผมก็จะพยายามเข้มแข็งให้ได้อย่างที่ไอ่คิมมันเคยต้องทนมาแล้วให้ได้ครับ

         และอย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็จะมีไอ่คิมมาเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดแล้วนะครับ    มันก็คงพอจะช่วยปลอบใจผมได้บ้างนะ

         ส่วนผมก็จะขอช่วยเป็นกำลังใจให้มันบ้างเหมือนกันครับ....................

         " เฮ้อ ...  ขอบใจว่ะ  อิน   กูโล่งใจไปเยอะเลยว่ะ    ได้บอกมึงไปแล้วกูก็เหมือนยกภูเขาออกไปนะ   โชคยังดีนะที่กูมีมึงอยู่    ต่อไปเราก็ต้องทนให้อะไรๆมันผ่านไปด้วยกันนะเว้ย   โอเคนะ"   มันบอกแล้วก็จับมือผมเหมือนว่าจะให้เป็นสัญญาของเรา   ผมก็ยิ้มแล้วจับมือกับมัน

         " เออว่ะ  กูเข้าใจแล้วนะ  ต่อไปกูจะเข้มแข็งอย่างมึงว่ะ   กูจะได้ทำใจได้ซะทีนะ   อย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปน่ะ   แต่ตอนนี้กูยอมรับว่ะ   ว่าเหนื่อยในใจจริงๆนะ   อยากพักสักวันน่ะว่ะ"   ผมบอกกับมันแล้วก็เอนตัวนอนลงไปกับม้าหิน

         " ดีแล้วว่ะ   เราก็ค่อยๆทำใจกันไปละกัน   แต่ว่าวันนี้นะ  กูขออยู่กะมึงยังงี้แหละ  มึงก็พักให้มันสบายๆไปเหอะว่ะ"   มันยิ้มบอกผมแล้วก็เอนหลังลงไปนอนบนม้าหินเหมือนกันโดยหันหัวมาชนหัวผม    เวลาอยู่กับมันตรงนี้ผมว่าผมสบายใจขึ้นมากแล้วจริงๆนะครับ     แต่อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้นมา   มันก็เลยลุกขึ้นรับ

         ผมเลยถือวิสาสะลองฟังดูก็เลยรู้ว่ามันคุยกับไอ่เนอยู่ครับ    รู้สึกว่ามันกำลังจะชวนไอ่คิมไปดูหนังนะ    ให้ไอ่คิมตามไปที่โรงหนังเลย  ไอ่บอลกับแฟนไอ่เนมารออยู่แล้ว    ผมก็เลยทำหน้าบอกใบ้ไอ่คิมว่าอย่าบอกมันว่าผมอยู่ที่นี่นะ  ไอ่คิมมันก็เลยบอกไปว่าออกมาธุระข้างนอก   ไม่ว่างอยู่แล้วมันก็วางหูไป

         " นี่กูก็ขี้เกียจไปแหละว่ะ   วันนี้กูอยากอยู่กะมึงยังงี้อ่ะ   ขี้เกียจจะไปไหนแล้วว่ะ"  

         " อืม  แล้วนั่นมันจะไปดูหนังกะแฟนมันเหรอวะ   ถ้างั้นมันก็คงไม่ตามมาหากูแล้วล่ะ   มันคงลืมไปน่ะ  ว่าวันนี้วันเกิดกู    แต่ก็ดีแล้วว่ะ   กูก็ไม่อยากเจอมันตอนนี้เหมือนกันนะ   มันลืมไปพอดีก็ดีแล้วว่ะ"   ผมบอกมันไปแต่ใจนึงก็เสียใจอยู่ครับ   ว่าในที่สุดแล้วมันก็ลืมผมจริงๆ

         " เอ้อ  ไหนๆก็วันเกิดมึงนะ  ก็ต้องฉลองหน่อยสิวะ   ไปเหอะ  ไม่มีตังค์กูเลี้ยงเองก็ได้วะ ฮะๆ"  ไอ่คิมบอกผมแล้วก็หัวเราะอย่างร่าเริงเลยครับ     ผมก็รู้นะ  ว่ามันคงแค่อยากปลอบใจผม  ไม่อยากให้ผมเสียใจที่ไอ่เนมันลืมวันเกิดผม   ก็ต้องขอบใจมันนะครับ

                           -

                           -

         แล้วผมกับมันก็ออกมาขึ้นรถไปยังห้างแห่งนึงใกล้ๆแถวนั้นแล้วก็เข้าไปนั่งกินกันในร้านอาหารร้านหนึ่ง    เราก็ได้คุยกันไปอย่างสนุกจนเพลินไปเลย     ออกมาจากร้านอีกทีก็ค่ำแล้ว    ผมเลยชวนไอ่คิมมันไปนอนกับผมที่วัด   มันก็ตกลง     หลังจากที่เรากลับเข้ามาในห้องกัน   ไอ่คิมมันก็เดินไปหยุดมองที่เสื้อที่ไอ่เนมันเซ็นให้ผม

         " เสื้อนี่เซ็นให้กันตอนที่จบม.6ใช่มั๊ยวะ    อ้อ ..  แล้วนี่เหรอที่มันเซ็นให้มึงน่ะ"   มันถามผมแล้วก็หันมายิ้ม

         " ดีนะ   เข้าใจคิดดีว่ะ  ประโยคนี้กูชอบนะ  มันมีความหมายดี"  

         " อ๋อ  มันเขียนตามกูน่ะ   กูก็เขียนประโยคนี้ให้มัน   มันก็เลยเขียนบ้างนะ   แต่ที่มันลงท้ายไว้นั่น   " จากไอ้เน เพื่อนมึง" มันก็คงหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆว่ะ   ระหว่างเราสุดท้ายก็คงเป็นแค่เพื่อนเหมือนเดิมนะ   ก็ทำไงได้ล่ะ   ยังดีกว่าต้องเสียมันไปเลยน่ะนะ"   ผมพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆใจ    มันก็เลยจับไหล่ผมแล้วยิ้มให้อย่างเข้าใจ

         แล้วเราก็เลยนอนคุยกันไปหลายเรื่องเลยครับ   ตั้งแต่เรื่องที่มันมาคบกับไอ่บอลได้ยังไง   มันบอกผมว่าตอนมันม.4   ตอนนั้นมันยังเป็นแค่เด็กเรียนเนิร์ดๆคนนึงเท่านั้น   มีแต่โลกส่วนตัว   ไม่กล้าคิดกล้าทำอะไรเลย    ขณะที่ไอ่บอลตอนนั้นมันโคตรจะเกเร  โดดเรียนตลอด   คบแต่พวกเด็กแสบด้วยกัน

         ก็น่าแปลกดีที่ทำไมมันต่างกันสุดขั้วอย่างนั้นแต่มาคบกันได้ไง    มันก็บอกว่าปกติไอ่บอลมันจะชอบมาลอกการบ้านมันบ่อยๆเลยสนิทกันมากขึ้น    และพอมาคุยมาคบกันมากขึ้นก็เหมือนมันได้เรียนรู้กันและกันนะ    จากที่ไอ่คิมมันไม่มั่นใจตัวเองก็กลายเป็นว่ามั่นใจ   กล้าคิดกล้าทำมากขึ้น     ส่วนไอ่บอลมันก็เลิกเกเรไป   แล้วก็พยายามขยันเรียนมากขึ้นเพราะไอ่คิมนั่นแหละครับ   ซึ่งก็สมแล้วล่ะนะ   ที่มันจะสนิทกันมากอย่างนั้น

         ดูๆไปแล้วผมว่าพวกมันก็แทบไม่ต่างกับผมและไอ่เนเลยนะ    มาคบกันได้เพราะเหตุผลที่ไม่น่าจะเป็นได้    แต่พอมาคบกันแล้วมันก็เหมือนกับต่อกันติด   เหมือนจิ๊กซอว์ที่ถูกคู่กัน    เพราะมันก็เติมเต็มส่วนที่หายไปให้กันและกันไปได้อย่างดี  

         ส่วนผมนั้นก็ได้เล่าเรื่องผมกับไอ่เนให้มันฟังเหมือนกันครับ   เป็นครั้งแรกนะที่ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟัง    ไอ่คิมมันก็ยังบอกนะว่ามันเองเชื่อว่าไอ่เนมันก็คงยังรักผมอยู่    คนเราถ้าลองได้ผ่านอะไรๆมาด้วยกันขนาดนั้นแล้ว   มันก็คงไม่ร้างลากันไปได้ง่ายๆหรอกครับ   ซึ่งผมเองก็เริ่มรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน

         เพียงแต่ว่ายังไงซะตอนนี้ผมก็คงต้องเลือกทางเดียวกับไอ่คิมมันนะครับ    คือตัดใจแล้วกลับไปเป็นเพื่อนมันเหมือนเดิม   เพราะตอนนี้มิตรภาพของเรามันสำคัญที่สุดแล้วจริงๆ

         และไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมเสียมันไปแน่ๆ    เพราะไม่งั้นชีวิตผมก็คงไม่เหลืออะไรอีกแล้วจริงๆ.............

                                        ******************
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 25-11-2010 14:46:10
คุณordkrub นึกถึงเพลงนี้เลยเหรอครับ  ก็แสดงว่ารุ่นเดียวกัน อิอิ :laugh:


เผลอตัวไปหน่อยครับ เลยหมดกัน หลอกเด็กไม่ได้แล้ว 55555

สำหรับตอนนี้ อะะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะครับ ทำทุกวันของเราให้ดีที่สุดก็แล้วกัน หวังว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-11-2010 15:47:25
จะทำอะไรกันได้อีก นอกจากทำใจ

แม้นจะเนิ่นนานตามกาลเวลาไปบ้าง

ก็คงต้องรอให้กาลเวลาเยียวยารักษาบาดแผลในใจก็เท่านั้น
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: veerapat19691 ที่ 25-11-2010 21:46:48
อ่าน ตอนนี้แล้ว รุ้สึกมีอารมณ์ร่วมมาก

เข้าใจ อิน มากกกกกกก

เหอๆ

อยากอ่าต่อไวๆคับ

^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 25-11-2010 23:54:06
อิน กับ คิม ต้อง เดิน ต่อ ไป ให้ ได้

สู้ สู้ นะ

อนา คต ยัง ไม่ เกิด

ต้อง ทำ ปัจ จุ บัน ให้ ดี ที่ สุด !!
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: Gu_Ton_Za ที่ 26-11-2010 10:10:00
มาต่อเร็วๆนะค้าฟ อิอิ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 26-11-2010 22:40:49
เรื่องเริ่มน่าติดตามขึ้นแล้ว  พยายามมาอัพเรื่อยๆ อย่าทิ้งนานนักนะครับ  เดี๋ยวแฟนๆ จะหายหมด
พี่ยังคอยเป็นกำลังใจให้นะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: August_lovers ที่ 27-11-2010 10:38:39
ตามทันละครับ^___^
ว่าแต่นี่เปนนิยายหรือเรื่องจริงอ่ะครับพี่น๊อต???

ความรักแบบนี้ผมก้มีนะ สนิทกัน จนเกิดคำว่าเพื่อน แต่อิกฝากหนึ่งกลับไม่คิดอะไรเลย เจ็บปวดนะครับ T T
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 27-11-2010 12:32:00
ขอบคุณไอซ์กับเติ้ลนะครับ  ที่ติดตามตลอดเลย  
เรื่องเริ่มน่าติดตามขึ้นแล้ว  พยายามมาอัพเรื่อยๆ อย่าทิ้งนานนักนะครับ  เดี๋ยวแฟนๆ จะหายหมด
พี่ยังคอยเป็นกำลังใจให้นะครับ  :bye2:

ขอบคุณพี่อินนะครับ  ที่ติดตามมาให้กำลังใจตลอดเลยนะครับ  ก็เพราะยังงี้แหละ  ผมเลยยังอยากเขียนต่อนะ
มาต่อเร็วๆนะค้าฟ อิอิ
ตามทันละครับ^___^
ว่าแต่นี่เปนนิยายหรือเรื่องจริงอ่ะครับพี่น๊อต???

ความรักแบบนี้ผมก้มีนะ สนิทกัน จนเกิดคำว่าเพื่อน แต่อิกฝากหนึ่งกลับไม่คิดอะไรเลย เจ็บปวดนะครับ T T

แล้วก็ขอบคุณ คุณGu_Ton_Za กับ August_lovers ด้วยครับ   ที่แวะมาอ่าน  หวังว่าคงจะชอบและติดตามกันต่อไปนะครับ  


ขอบคุณทุกๆท่านมากครับ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 28-11-2010 22:37:46
คิด ถึง พี่ น็อต

เอิ๊ก ๆ

^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 28-11-2010 23:09:39
แหงะ ทิ้งไว้ให้คิดเองอีกแล้วง่ะ พี่น้อต
ดีน้า ที่อินยังมีเพื่อนให้ระบายอะไรๆให้ฟังได้
ทีแรกอ่านๆไปเกือบจะนั่งน้ำตาซึมละคับ
แต่พออินเจอกะคิม เออ ค่อยยังชั่วหน่อย
อย่างน้อยก็มีเพื่อนที่เราคุยได้ทุกๆเรื่อง
รีบๆมาต่อนะค้าบบ พี่น้อต

ปอลิง ตอนนี้ ปิ๊งตามอ่านช้าไปหน่อยง่ะ เพราะไม่ได้เข้ามาเลย
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 28-11-2010 23:11:55
 :z13: อิน กะคิม ดีใจที่มีเพื่อนที่เข้าใจกันเพิ่มมากขึ้น
นะ หัวอกเดียวกันย่อมเข้าใจกันมากขึ้น ดีไม่ดี อาจเป็นชนวนให้ เนกะบอลรู้ใจตัวเองก็ได้
กอดด น็อต มาต่อเร็ว ๆๆ นะ  :กอด1:
ปิ๊ง ปาดดดด
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: mintza124 ที่ 29-11-2010 03:26:29
ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ เพราะมันคล้ายๆกับชีวิตผมจริงๆ ห้าๆๆ
เพียงแต่จนบัดนี้ 6 ปีแล้วผมยังไม่เคยบอกมันซักทีว่ารักมันมากขนาดไหน
ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดมา แม้ว่าจะห่างๆกันบ้าง แต่ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันเสมอครับ เข้าใจความรู้สึกโค่ดๆๆๆๆ
อีกอย่าง มันก้อถ่ายโฆษณาด้วยครับ ห่ะๆ แต่ผมไม่น้ะ หล่อไม่พอ 555555

ชอบเรื่องนี้ม้ากค๊าบบ แล้วจะรอติดตามน๊าา


ผมก็เขียนเรื่องของผมไว้เหมือนกานน๊า เพิ่งเริ่มเรื่องเหมือนกันค๊าบบ อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 29-11-2010 13:50:17
ตอนที่17            (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                                 **************

         คืนนั้นผมก็นอนหลับไปได้อย่างปกติ    คิดว่าไอ่คิมเองมันก็คงจะเหมือนกันเพราะเรื่องหนักอกที่เราต้องทนมาตลอดได้ถูกระบายออกไปบ้างแล้ว     ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าโล่งใจขึ้นพอควร   แต่ยังไงซะผมว่าตัวเองก็คงต้องทนรับอะไรอีกมากนัก   

         เพราะยังไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้ไปผมจะต้องเจออะไรบ้าง   ความเจ็บปวดมันคงยังรอผมอยู่ตรงนั้นอยู่ดีละมั๊ง...........

         พอรุ่งเช้าไอ่คิมมันก็เลยกลับบ้านมันไป    ผมก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเห็นว่าไอ่เนมันโทรมาหลายมิสคอลอยู่    เลยลังเลนิดนึงแต่ก็ตัดใจโทรกลับไปหามันอยู่ดี

         " เฮ้ย  กูโทรไปตั้งหลายทีทำไรอยู่วะ   ว่าจะชวนไปดูหนังกันนะ   ไอ่คิมมันก็ไม่ว่าง  กูเลยไปดูกะแฟนกูแล้วก็ไอ่บอลเองอ่ะ"    มันโวยผมทันที

         " เออ......   พอดีเครื่องมันรวนอยู่เลยเอาไปให้เค้าซ่อมน่ะ   แล้วมึงมีอะไรรึเปล่าอะ"  ผมแก้ตัวไปอย่างงั้น   เพราะก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออก

         " ก็มีเด่ะ   เดี๋ยวตอนบ่ายๆมาหากูที่บ้านทีดิวะ....  นะๆ  อย่าลืมล่ะ"   มันบอกแล้วก็วางไปเลยโดยที่ผมไม่ทันจะพูดอะไรเลย   เลยได้แต่งงๆอยู่ครับเพราะอยากจะรู้ว่ามันเรียกผมไปทำไม

                     ----------------------------
      
         บ่ายวันนั้นผมก็เลยไปหามันที่บ้าน    พอไปถึงก็เปิดประตูเข้าไปเลย    ในบ้านเงียบมากผมเลยมองหามันว่าอยู่ไหน   

         แล้วอยู่ๆก็ได้ยินเสียงมันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์จากด้านหลัง   พอหันไปก็เห็นมันเดินถือเค๊กที่จุดเทียนไว้ออกมา      ผมเลยยิ้มออกมาเลยนะครับ     ดีใจที่มันไม่ได้ลืมวันเกิดผมไปจริงๆ   ถึงจะช้าไปวันนึงก็เหอะ

         " เอ้า  เป่าเลยๆ  อธิษฐานด้วยนะเว้ย"   มันเร่งผม   ทำให้ผมคิดไปว่าแล้วนี่ผมควรจะอธิษฐานอะไรดีล่ะ   เพราะสิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือ  ผมอยากตัดใจจากมัน     

         นี่ผมจะต้องอธิษฐานแบบนี้จริงๆเหรอ  จะโหดร้ายกับมันไปมั๊ย   ในเมื่อมันเป็นคนเตรียมทุกๆอย่างนี่ด้วยความตั้งใจให้ผมนะ   ซึ่งแสดงว่ามันก็ยังรักยังแคร์ผมมากอยู่จริงๆ   แต่ผมกลับกำลังจะต้องอธิษฐานว่าให้ตัดใจจากมันเนี่ยนะ   

         ผมก็เลยตั้งจิตอธิษฐานไปว่าอย่างน้อยผมขอให้อะไรๆมันดีขึ้นกว่านี้นะ    และขอให้ผมพบทางออกที่ดีสำหรับผมและมันด้วย   ขอแค่นั้นก็แล้วกันแล้วผมก็เป่าเทียนจนดับ

         " เอ้อ....  ดีๆ   กูขอโทษทีนะเว้ยที่ลืมวันเกิดมึงไปเลยเมื่อวานน่ะ   ไอ่บอลมันชวนไปดูหนัง   พอดีกูก็อยากดูเรื่องนี้จะตาย   เลยพลอยลืมไปเลยว่ะว่าเมื่อวานวันเกิดมึง    เลยมาขอแก้ตัววันนี้นะ   อย่าโกรธกูเลยนะเว้ย"    มันบอกแล้วก็ทำสายตาอ้อนวอนผมอยู่    ทำให้ผมมองไปที่สร้อยที่มันใส่อยู่ที่คอ    ซึ่งผมได้ให้มันไว้ตอนวันเกิดมันเหมือนกัน

         นี่มันก็ยังคงใส่ไว้ตลอดสินะ   ตามที่มันสัญญาว่าจะเก็บรักษาไว้อย่างดี    ผมเลยยิ่งรู้สึกได้ว่ายังไงมันก็ยังรักผมอยู่จริงๆ   ถึงตอนนี้มันจะมีแฟนแล้วแต่ระหว่างผมกับมันก็จะยังคงรักกันอย่างนี้ไปได้   ซึ่งผมว่าผมคิดได้แล้วล่ะ

         ผมคงจะค่อยๆทำใจไปอย่างนี้แล้วกัน   เพราะยังไงซะมันก็คือเพื่อนรักผมนี่นะ

         " เออ...   กูไม่โกรธหรอก   มึงก็ยังนึกได้อยู่ดีน่ะ   แค่นี้กูก็ดีใจแล้ว   ขอบใจนะเว้ย"

         " อืม...  แต่ว่าของขวัญน่ะกูติดไว้ก่อนนะ   แล้วกูจะให้มึงอีกทีว่ะ   นะเว้ย..  รับรองว่ามึงต้องถูกใจ"   มันยิ้มบอกแล้วก็มาโอบไหล่ผม   ผมเลยยิ่งอยากรู้นะว่ามันจะให้อะไรผมเนี่ย

                                       -

                                       -

         หลังจากนั้นสองวันมันก็โทรมาบอกให้ผมไปหามันที่บ้านอีกแล้วครับ    ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้นึกอะไรนะ   แต่พอไปถึงมันก็ใส่กางเกงในตัวเดียวที่มีโบว์ของขวัญติดอยู่ที่กางเกงในของมันออกมาหาผมซะงั้น    แล้วก็เปิดเพลงซะดังเลย    ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างไป

         " เฮ้ย... นี่เชี่ยอะไรของมึงอีกเนี่ย  ไอ่บ้า   มึงใส่กางเกงในมาทำไม"   ผมเลยด่ามันไป    มันก็หัวเราะใหญ่เลยครับ

         " อ้าว... ก็นี่ไงของขวัญกู   กูมอบกายให้มึงเลยไง  ฮ่าๆ  เห็นป่ะ   มีโบว์ผูกเรียบร้อย    มารับไปดิ  ฮ่าๆๆ"   มันบอกแล้วก็ชี้ไปที่โบว์ที่ผูกอยู่แล้วก็ทำเต้นไปมาเหมือนพวกโชว์ในบาร์เลยครับ    ผมเลยระเบิดหัวเราะออกมาเพราะขำมันสุดๆ

         " โห....  ไอ่เชี่ยนี่  มึง..   คิดได้อีกนะ   แม่ง...  กูคงอยากได้มึงมากเลยนะ   แหม...   มอบกายให้   กูจะอ๊วก   มึงเก็บไว้ให้เมียมึงเหอะว่ะ   กูขอบใจมึงมากกก..ก   ฮะๆๆ"   ผมพูดไปก็ขำไปครับ   ที่มันคิดมุขมาแต่ละมุขนี่   สุดๆจริงๆ   คงไม่มีใครเค้ากล้าทำอ่ะ

         " อ่านะ  มึงทำมาเป็นปฏิเสธกู   หล่อๆเท่ๆอย่างกูอ่ะ   ใครๆเค้าก็อยากได้กันทั้งนั้นนะเว้ย  ฮ่าๆ   แล้วมึงจะเสียดายทีหลัง"   มันว่าแล้วก็อ้อมไปหลังเคาท์เตอร์แล้วก็หยิบกีต้าร์ใหม่เอี่ยมติดโบว์ของขวัญที่มันซ่อนไว้ออกมา

         " อ้ะ...  นี่ของขวัญกู   อันนี้ของจริงว่ะ  ฮ่าๆ  เซอร์ไพร์สมั๊ย   กูไปเดินดูอยู่นานเลย   พอไปเห็นอันนี้กูก็โดนใจว่ะ   รู้สึกมันเหมาะกะมึงมากก็เลยซื้อมา   สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังอีกทีนะเว้ยเพื่อน"   มันเฉลยบอกผม   ผมเห็นแล้วก็มัวอึ้งอยู่  พูดอะไรไม่ออกเลย

         ดีใจจริงๆนะครับตอนนั้น   ที่จริงกีต้าร์รุ่นนี้ผมก็อยากได้มากอยู่แล้ว   เพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นรุ่นที่ดีที่สุดและเป็นของที่ประกอบด้วยมือไม่ใช่เครื่องจักร   เรื่องความไพเราะของเสียงนั้นไม่ต้องพูดถึง   มันสุดๆอยู่แล้วครับ   ผมเองก็เคยไปเดินดูที่ร้านอยู่หลายทีเหมือนกัน

         แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือความตั้งใจของมันต่างหากครับ    นี่มันเองก็คงตั้งใจมากๆและนึกถึงผมตลอดนะ  ไม่งั้นมันก็คงไม่ไปสรรหาอะไรที่ผมชอบอย่างนี้มาให้ผมได้   และมันแพงมาก......   ใช่...  มันแพงมากนะ   ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้

         " เฮ้ย...  เดี๋ยวๆ  แล้วมึงซื้อมาเท่าไหร่เนี่ย   มันแพงจะตายห่านี่หว่ารุ่นนี้อ่ะ"  ผมรีบถามมันอย่างตกใจ   เพราะราคามันหลักหมื่นเลยนะครับ

         " อืม..  มึงไม่ต้องคิดมากน่ะ   ก็กูอยากให้มึงอ่ะ   รุ่นนี้มันเหมาะกะมึงจริงๆนะ   มึงคู่ควรแล้ว   เพราะว่ามันเป็นคุณค่าที่มึงคู่ควร  ฮ่าๆ"  มันบอกแล้วก็ทำท่าทางล้อเลียนผมด้วยสโลแกนโฆษณาของผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนึง

         " เฮ้ย...   แต่...."  ผมกำลังจะอ้าปากบอกกับมัน   แต่มันก็ยกมือห้ามไว้ก่อน

         " เออ.... มึงไม่ต้องมาแต่แล้ว   สาด...ด    จะให้เป็นเรื่องไปทำไมวะ   ก็ซื้อมาแล้วอ่ะ   ไม่เห็นต้องคิดมากเลย    ไม่งั้นก็เอามาให้กูเล่นมั่งก็ได้ เอ้า......  มึงนี่   ผลัดกันเอามาเล่นแล้วกัน  ดีมั๊ยอ่ะ"  มันพูดแบบบ่นๆที่ผมเกรงใจมันอีกแล้ว    ผมมานึกดูแล้วก็จริง   ผมไม่ควรไปทำให้มันเสียความตั้งใจนะ   

         เพราะของแพงแบบนี้มันยังเต็มใจให้ผมได้    มันก็จะต้องรักและหวังดีกับผมจริงๆนะ 

         แล้วผมก็ยอมรับครับ   ว่าผมอยากได้กีต้าร์อันนี้มากจริงๆ    แค่เพราะว่ามันให้ผมนี่แหละ

         แต่ต่อให้มันเป็นของกระจอกสักแค่ไหน    ถ้ามันให้ผม   ผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละครับ

         และผมก็เลยกอดมันแน่นเลย   ความรู้สึกที่ดีๆเหล่านั้นมันได้กลับมาอีกครั้งนะครับ    ว่าอย่างน้อยมันก็รักผมอย่างเพื่อนที่มันรักที่สุดอยู่ดี    โชคดีนะครับ  ผมว่าผมยังคงรักษามิตรภาพของเราไว้ได้อยู่นะ    โล่งใจไปที............

                                       -

                                       -

         แต่ทว่าหลังจากวันนั้นแล้ว   ผมก็ต้องกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงที่ว่ามันก็ใช้ชีวิตกับแฟนของมันไปอย่างมีความสุขดีอยู่แล้ว      และคงไม่มีที่ว่างสำหรับผมที่จะเข้าไปแทรกได้อีก

         ซึ่งผมก็ยังทำใจไม่ค่อยได้อยู่ดีนะ    แม้ว่ามันก็อยู่แค่ตรงนี้   ตรงหน้าผมนี่อ่ะ   แต่บางทีมันก็กลับกลายเป็นเหมือนว่าอยู่ห่างไกลกันไปซะจริงๆ

         และผมก็ยังต้องทำตัวให้เหมือนเดิมเป็นปกติไปเพื่อไม่ให้มันรู้     ซึ่งมันก็ดูจะยากสำหรับผมจริงๆ    เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผมต้องเห็นมันอยู่กับแฟนมัน   ผมก็ยังต้องทำเป็นเลี่ยงๆหลบๆไปโดยอ้างนั่นอ้างนี่ตามเคย   จนมีบางวันที่ผมหนีไปนั่งอยู่คนเดียวตามที่ต่างๆ    ซึ่งไอ่คิมก็ดูจะเป็นคนเดียวนะที่เข้าใจผมดีที่สุดในตอนนี้

                                       -

                                       -

         วันนี้ก็เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายแล้วครับ    ผมเดินออกจากห้องสอบด้วยความรู้สึกมึนไปหมด   เพราะว่าทำข้อสอบไม่ได้เอาเลย      ซึ่งที่ผ่านๆมาก็พยายามอ่านหนังสือและทำงานส่งอาจารย์มาตลอดนะ   แต่คะแนนมันก็ช่วยอะไรผมไม่ได้เท่าไหร่

         ถึงตอนนี้แล้วผมก็คงได้แต่โทษตัวเองนะครับ   ที่เราทำตัวเราเองแท้ๆ   ถ้าทำใจได้มากกว่านี้   อะไรๆมันก็คงไม่แย่ลงไปอย่างนี้    ผมผิดเองนั่นแหละ..............

         คงถึงเวลาที่ผมคงต้องหาทางสงบใจด้วยการไปอยู่คนเดียวสักพักนะ     นี่ก็ใกล้จะปิดเทอมแล้วครับ     มันคงเป็นเวลาที่เหมาะที่จะถอยห่างออกมาจากชีวิตมันสักพักนึง    ผมอาจจะทำใจได้ง่ายกว่านะ

         " ห๊ะ....  มึงจะบวชเหรอวะ  ปิดเทอมนี้น่ะ    นึกไงวะ"   ไอ่เนมันพูดซะดังเลย  ทันทีที่ผมบอกมันว่าจะบวชภาคฤดูร้อน

         " แล้วมึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย    กูจะบวชแค่นี้ทำไมต้องตกใจซะขนาดนี้    ก็กูจะบวชให้พ่อแม่กูน่ะ  ตั้งใจไว้นานแล้วไง"   ผมบอกเหตุผลมันไปตามความจริง   แต่ไม่ได้พูดต่อว่า  แค่ขอเวลาไปอยู่เงียบๆสักพักแค่ตัวคนเดียว  โดยไม่มีมันนะ...........

         " เออๆ  ก็ดีว่ะ  เฮ้ย  งั้นเอางี้   กูขอบวชด้วยคนดิวะ   ปิดเทอมเวลามันก็เยอะอ่ะ"   มันบอก   แต่ผมสิตกใจมากๆครับที่อยู่ๆมันก็บอกยังงี้      

         " เฮ้ย  มึงจะบ้าเหรอวะ  ไปบวชนะเว้ย   ไม่ใช่ไปเดินสยามกัน   จะได้ง่ายๆอ่ะ   ของยังงี้มันไม่ใช่ว่าอยากทำก็ทำนะเว้ย   มึงช่วยคิดก่อนสักนิดเหอะว่ะ"   ผมห้ามมันทันที    ตกใจนะครับ   ที่มันคิดจะมาบวชอยู่กะผมอีก   ไอ่นี่มันอะไรของมัน  นึกจะทำอะไรก็ทำ  ไม่ค่อยคิดทบทวนให้ดีก่อน   

         และอีกอย่างผมอุตส่าห์หาทางจะห่างๆจากมัน   แต่มันดันจะตามผมมาอีกเหรอนี่

         " เออ...  กูก็รู้ละน่า    แต่กูก็อยากบวชให้พ่อแม่กูมั่งดิวะ   พ่อแม่กูจะได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสวรรค์ไง   ไม่ดีเหรอ   ทำไมวะคนอย่างกูจะกตัญญูมั่งไม่ได้รึไงวะ    นี่ถ้ากูบวชนะ   พ่อแม่กูน่ะคงดีใจโคตรๆเลย"    ผมเริ่มอึ้งๆไปนิดนึง   และกำลังคิดหาเหตุผลไปห้ามมันอยู่นะครับ

         " กูก็อยากทำเพื่อเค้าบ้างนะ   แล้วก็เผื่อว่าพ่อกูเค้าอาจจะได้เข้าใจกูซะทีอ่ะ   เป็นไง มึงว่าดีมั๊ยล่ะ"   มันบอกผมแล้วก็ยิ้มอย่างมีความหวังมากๆ     ผมเลยยิ่งต้องอึ้งไปอีก   

         จริงอยู่ผมก็ว่ามันคงจะดีมาก   ถ้ามันบวชแล้วพ่อมันก็อาจจะปลื้มใจจนกลับมารักและเข้าใจมันได้ซะที    แต่ว่านั่นก็เท่ากับว่าผมก็ต้องแลกกับความสงบสุขของผมนะ    เพราะมันคงต้องมาอยู่กับผมตลอดอีก

         ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะทำยังไงล่ะ    ผมจะต้องทนบวชอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีความสงบในใจเลยเหรอ....

                                       -

                                       -

         แล้วผมก็เลยต้องมาเตรียมงานบวชของตัวเองและของมันไปด้วย   ซึ่งก็ทำให้ผมยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจกับสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวเองอยู่อย่างนี้     นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะดีใจและมีความสุขมากจริงๆ   ที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อมันอย่างตอนนี้นะ

         แต่ว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นความทุกข์ใจของผมไปซะแล้ว   ทำไมผมถึงโชคร้ายนักที่ไม่ว่าจะคิดทำอะไรก็ต้องเจอกับสภาพที่ไม่มีทางเลือกอยู่อย่างนี้ตลอดเลย     

         ครั้นจะไปห้ามมันก็ทำไม่ได้แล้ว    เพราะว่านี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้มันกับพ่อของมันกลับมาเข้าใจกันได้นะ    ผมจึงไม่เหลือเหตุผลอะไรที่จะไปห้ามมันอีกแล้วล่ะ

         เพราะงานนี้ผมดูแล้วว่า   มันตั้งใจมากจริงๆ     ซึ่งพ่อกับแม่ของมันถึงกับลงทุนทิ้งงานที่โน่นบินกลับมาร่วมงานนี้กันทั้งคู่เลยครับ       มันบอกผมว่าพ่อมันก็ดีใจมากๆ   ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงแม่มันเลยครับว่าท่านจะดีใจแค่ไหน     

                                       -

                                       -

         วันที่พ่อกับแม่ของไอ่เนกลับมาถึงที่สนามบินนั้น    พวกเราสี่คน   มีผม ไอ่เน ไอ่คิมและไอ่บอลก็ไปรับท่านด้วยกันจนบรรยากาศคึกคักเลยครับ     พ่อกับแม่ท่าทางท่านก็ดีใจมาก   เพราะสีหน้าท่านยิ้มแย้มกันตลอดเวลา   

         และสิ่งที่ผมหวังจะได้เห็นมาตลอดผมก็ได้เห็นแล้ว   พ่อไอ้เนยืนสบตากับมันนิ่งๆอยู่นิดนึงก่อนที่จะยิ้มและกอดกับมันแน่น   ไอ่เนก็ร้องไห้ออกมาเลย   มันคงดีใจมากน่ะครับ   ผมเห็นแล้วก็ปลื้มใจไปด้วยนะ

         หลังจากที่งานทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเราก็เลยมาทำการไหว้ลาบวชกับพ่อและแม่ของมันด้วยกันเลยที่บ้าน     แม่มันก็ปลื้มใจจนร้องไห้เหมือนที่คิดไว้   ส่วนพ่อของไอ่เนก็คงปลื้มมากครับ  แม้ท่านจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็รู้ได้จากสีหน้าและรอยยิ้มของท่านน่ะเองว่าตอนนี้ท่านคงมีความสุขที่สุดแล้วนะ

         แม้กระทั่งผมเองตอนนี้จากที่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก   แต่พอมาเห็นมันและพ่อแม่ของมันมีความสุขอย่างนี้แล้ว   ผมก็พลอยรู้สึกดีไปด้วยเลยนะ    ก็ได้แต่หวังว่าอะไรๆมันก็คงจะจบลงอย่างมีความสุขได้ซะทีนะครับ

                                       -

                                       -

         ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันที่เราจะบวชกันแล้ว    ผมตื่นมาเตรียมตัวแต่เช้าแล้วออกมาที่ศาลาเพื่อเตรียมความเรียบร้อย   พอสักพักไอ่เนมันก็เดินมาหาผม    มันว่าเดี๋ยวพ่อกับแม่มันจะตามมาทีหลัง    เพราะเค้าจะไปดูเรื่องอาหารที่จะเอามาเลี้ยงพระเพล 

         พอใกล้ฤกษ์บวชของเรา   ผมกับไอ่เนก็เลยเปลี่ยนชุดเตรียมตัวสำหรับพิธีโกนผม   ไอ่คิมกับไอ่บอลมันก็มาด้วยกัน   แล้วก็มาช่วยถ่ายรูปแล้วก็ช่วยทำโน่นทำนี่ให้     งานนี้ก็มีญาติๆและคนสนิทของทางพ่อแม่ไอ่เนอีกแค่ไม่กี่คนครับ    เลยเป็นแค่งานเล็กๆเท่านั้น

         ท่าทางไอ่เนตอนนี้มันก็ยังดูตื่นเต้นอยู่หน่อยๆ    เพราะตอนนี้เรามานั่งด้วยกันอยู่ที่หน้าศาลาเตรียมให้หลวงตาท่านโกนผมให้แล้วครับ

         " เฮ่ย   นิ่งๆ สำรวมไว้หน่อย   ตื่นเต้นเหรอวะ"   ผมหันไปบอกมัน   มันก็ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร   แล้วก็นั่งนิ่งๆพนมมือต่อไป

         ผมเลยมองไปที่พ่อแม่ของไอ่เนแล้วก็มองไปยังไอ่คิมกับไอ่บอล    ทุกคนก็ยิ้มแย้มกันเพราะชื่นชมยินดีไปกับพวกผมนะ    ผมเลยตั้งจิตนึกไปถึงดวงวิญญาณของพ่อกับแม่ผม   ขอให้ท่านได้รับรู้นะว่าวันนี้ผมได้บวชให้กับท่านแล้ว   และขอให้บุญกุศลทุกๆประการนี้จงทำให้ท่านเป็นสุขด้วยเถิด

         " เอ้า  ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่มาตัดผมได้เลยนะโยม"    หลวงตาท่านกล่าวขึ้น     พ่อของไอ่เนก็เลยเดินมารับมีดจากหลวงตา    แล้วท่านก็ไปตัดผมของไอ่เนกระจุกหนึ่ง    ผมก็หันไปดูพ่อมันที่ตอนนี้หน้าตาท่านดูมีความสุขมากและมีน้ำตาคลออยู่    ยิ่งเห็นอย่างนี้แล้วผมก็ยิ่งมั่นใจจริงๆ    ว่าการที่ไอ่เนมันลงทุนบวชครั้งช่างคุ้มเกินคุ้มจริงๆ

         ก็เพราะสิ่งที่มันได้รับตอบแทนมาก็คือความรักและความเข้าใจจากพ่อของมันนี่แหละครับ

         จากนั้นพ่อมันก็มาตัดผมอีกกระจุกนึงให้ผมด้วย    ผมก็นั่งก้มหน้านิ่งๆ  ในใจตอนนั้นก็รู้สึกดีครับ   ว่าพ่อมันก็เหมือนพ่อผมนะ  ท่านคงเอ็นดูผมมากเหมือนกัน     จนผมก็รู้สึกได้ถึงความรักและอาทรนั้นเลย    ส่วนแม่มันก็เหมือนกัน    ท่านก็มาตัดผมให้เราทั้งคู่แล้วก็น้ำตาคลอตลอดด้วยความปลื้มใจไปแหละครับ    แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร

         ในขณะที่ไอ่เนนั้นมันยังคงนั่งนิ่งสนิท    น่าแปลกที่ผมรู้สึกเหมือนว่ามันเปลี่ยนไปเลยนะครับ   จากที่เมื่อกี๊มันยังดูตื่นเต้น   แต่ตอนนี้มันกลับสงบนิ่ง   สำรวมมากยิ่งกว่าผมซะอีกนะ 
         
         หลังจากที่หลวงตาท่านโกนผมให้เราแล้ว   ก็เลยเข้าไปทำพิธีต่อในโบสถ์จนเสร็จนะครับ    ระหว่างนั้นไอ่คิมกับไอ่บอลก็ช่วยถ่ายรูปพวกเราเก็บไว้เยอะเลย      มันก็คงดีใจไปกับเราด้วยน่ะครับ     

                              -

                              -
      
         พิธีในวันนี้ทั้งหมดจบลงแล้ว    ญาติโยมก็เลยพากันแยกย้ายกลับบ้านกัน    ขณะนี้ไอ่เน   ไม่ใช่สิครับ  ต้องเรียกว่าเณรแล้วนะ  กำลังเดินออกมาจากโบสถ์   ผมเองก็ไม่คิดนะว่า   คนเราจากที่เคยๆเห็นกันตามปกติก็ไม่รู้สึกอะไรนะ     แต่พอวันนี้ที่ได้เห็นในภาพของความเป็นเณรอย่างนี้แล้ว    กลับดูสำรวม  ดูดีมีสง่าราศรี   และน่าเลื่อมใสอย่างมากเลยนะครับ

         " เออ  เดี๋ยวเราต้องทำอะไรกันต่อล่ะ"   เณรใหม่ยิ้มแล้วเอ่ยถามผม

         " ก็ไม่มีอะไรมาก   เดี๋ยวไปดูสถานที่ก่อนนะ   ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง   กุฏิอยู่ทางโน้นนะ  ท่าน"    ผมกล่าว   แต่เณรก็ดันยิ้มทำหน้าเป็นขึ้นมาอีก

         " อ้าว  แล้วนี่ต้องเรียกท่านเลยเหรอวะ   เออๆ  ก็โอเคอ่ะ   เป็นธรรมเนียมใช่ปะ"   

         " ใช่แล้ว   ควรแทนตัวเองว่าเราด้วยนะ   มันจะได้ดูสำรวมด้วยน่ะ"   ผมอธิบาย

         " ได้ๆ  ตามนั้นนะ   สงสัยน่ากลัวต้องปรับตัวอีกนานเลย  เคยชินกับแบบเดิมๆน่ะ"   เณรใหม่บอกแล้วก็เดินตามผมไปยังกุฏิ    เพราะหลังจากวันนี้เราก็ต้องมานอนด้วยกันที่กุฏิหลังนี้ด้วยกัน     จากนั้นก็เดินไปดูสถานที่ต่างๆกัน   ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหนยังไง   ต้องไปฉันท์กันที่ไหน   แล้วก็กลับมาพักกันที่กุฏิ

                        ----------------------

         คืนนั้นเราก็นอนกันในกุฏินั้น     แต่ผมเองนอนไม่หลับเลยครับอาจจะเพราะว่ายังหัวค่ำไม่ดึกเท่าไหร่นะ   แต่อีกสาเหตุนั้นก็เพราะผมยังคงคิดเรื่องของมันอยู่นะ

         ส่วนตัวมันเองก็คงนอนไม่หลับเหมือนกันครับ    ก็คงเพราะนอนดึกกันซะจนชินน่ะ   หรือไม่ก็คงเพราะมันแปลกที่ก็เป็นได้

         " นอนไม่หลับเหรอท่าน"   ผมหันไปถาม

         " อืมๆ  นิดนึง   สงสัยที่นอนมันแข็งน่ะ   เลยเจ็บๆตามตัว"   

         " อ๋อ...  พยายามทนไปก่อนนะ  อีกไม่กี่วันคงชินไปเองน่ะ   รีบนอนก่อนเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเลยนะ" 

         " โอเค...   เฮ้อ.... จะว่าไปวันนี้เราดีใจมากจริงๆนะ   ที่เห็นพ่อกับแม่มีความสุขได้ขนาดนั้น   ทำสำเร็จซะที   อุตส่าห์รอวันนี้มาตลอดเลยนะ"    มันยิ้ม

         " อืม  ก็ดีใจด้วยนะท่าน    วันนี้ท่านทำได้ดีมากจริงๆ   ไม่เสียทีที่ได้มาบวชกันนะ   ต่อไปนี้เราก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ  ในเมื่อทุกๆอย่างที่ท่านหวังไว้มันก็สำเร็จทุกอย่างแล้วนะ"   ก็คงจะจริงนะครับ  ต่อไปนี้ภาระหน้าที่ที่ผมจะต้องทำให้มันเป็นคนดีให้ได้   ก็คงจบลงซะทีนะ

         " ก็นั่นแหละ    ไม่มีอะไรต้องห่วงก็จริง  แต่ต่อไปเราก็ขอให้ท่านกับเราน่ะ   เป็นเพื่อนรักกันอย่างนี้ตลอดไปเลยนะ    เพราะต่อให้เราจะมีความสุขมากแค่ไหน   แต่มันก็ไม่มีความหมายหรอกนะ   ถ้าไม่มีท่านอยู่กับเราน่ะ   เข้าใจมั๊ย"   มันพูดแล้วก็ยิ้มอย่างเป็นสุขพลางเอื้อมมือมาจับผมไว้   ผมก็หันไปมองสบตากับมัน 

         นี่มันคงไม่รู้ตัวหรอกนะ    ว่าสิ่งที่มันพูดนี้กำลังจะเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ผูกมัดผมไว้กับมันอีกแล้ว.........
   
                           ****************
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: August_lovers ที่ 29-11-2010 14:31:58
T T
หนีไม่พ้นจิงๆซินะ เจ็บแทนครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 29-11-2010 20:33:03
"ใน ทุก ๆ คำ พูด นั้น

แฝง ไป ด้วย อะ ไร หลาย อย่าง

ที่ มี ความ ห่วง ใย และ 'รัก' ไม่ เคย เปลี่ยน"

ได้ สงบ กัน สัก หน่อย เผื่อ อะ ไร ๆ จะ ดี ขึ้น ^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 17 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 25/11
เริ่มหัวข้อโดย: veerapat19691 ที่ 29-11-2010 22:34:58
 o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 29/11
เริ่มหัวข้อโดย: Gu_Ton_Za ที่ 01-12-2010 13:49:14
 :impress2:

ยิ่งอ่านยิ่งติดอ่ะ

มาลงไวไวนะค้าฟ ^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 29/11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 01-12-2010 15:09:21
ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งนานแระ พอเข้ามาอ่านอีกที ก็อินไปกับเรื่องได้อีก
ถึงน้องน็อตจะเคยพูดออกตัวว่าเขียนไม่เก่ง
แต่ยังไงๆ ก็เป็นเรื่องเล่าที่น้องน็อตทำให้คนอ่านอินได้ก็แล้วกันแหละ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 29/11
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 01-12-2010 15:13:30
^
^
^

ถูกต้องนะคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาบ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 29/11
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 02-12-2010 14:07:46
ยิ่งแก้ ปมมันก็ยิ่งพัน คิดแล้วหนักใจแทนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 29/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 02-12-2010 23:56:35
ต้องขอบคุณทุกๆคนที่แวะมาอ่านมาให้กำลังใจกันตลอดเลยนะครับผม

โดยเฉพาะพี่แก้วกับเจ๊นัทนี่ต้องคารวะเลย  เพราะคอยมาช่วยแนะนำบ่อยๆนะครับ o1

นอกนั้นก็ต้องขอบคุณผู้อ่านทั้งเก่าและใหม่ทุกๆคนนะครับที่มาติดตามตลอดนะ
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณจริงๆครับผม
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 6 : 29/11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 03-12-2010 00:07:35
หลังจากที่ได้ติดตามกันมาเรื่อยๆนั้นผมก็ไม่แน่ใจนะครับ  ว่าเพื่อนๆพี่ๆที่ติดตามอยู่พออ่านมาถึงตอนที่แล้วนั้นจะรู้สึกยังไงบ้าง

ไม่รู้ว่าจะมีใครอินจนรู้สึกว่านอยด์ๆไปบ้างรึเปล่า   แต่ก็อย่างที่บอกนะ  ว่าอย่าคิดมากเลยครับ

แม้ว่าผมก็ไม่กล้าคิดหรอกว่าเราจะเขียนเก่งจนคนอินได้ขนาดนั้น  

แต่ก็ยังมีแอบห่วงนิดนึง  ก็อย่าไปคิดมากเลยนะครับ

เพราะไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่   ก็อย่าไปยึดกะมันเลยครับ  อ่านเล่นเฉยๆก็พอเนอะ o13

ตอนที่18
             (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)
                                                              **********

         เช้าวันรุ่งขึ้นผมเลยรีบปลุกมัน   แต่มันก็งัวเงียอยู่เลยรอสักแป๊บมันก็ลุกขึ้นมาโดยดีแล้วเราก็เลยออกมาเตรียมตัวเพื่อออกไปบิณฑบาตกัน    ซึ่งตัวผมเองนั้นเคยชินกับการที่ได้ตามหลวงตาท่านไปบิณฑบาตอยู่เสมออยู่แล้ว   ผมก็เลยรู้ขั้นตอนต่างๆดี

         แต่สำหรับมันที่ยังไม่เคยเลย    แม้แต่แค่จะใส่บาตรมันอาจจะยังไม่รู้ขั้นตอนเลยด้วยมั๊งว่าต้องทำอะไรยังไงบ้างนะ    แต่ดูจากท่าทีมันผมว่ามันก็ตั้งใจดีมากๆอยู่แหละ  

         พอเราเดินออกไปกันก็ได้พบว่าพ่อกับแม่ของไอ่เนมายืนรออยู่แล้วตรงใกล้ๆกับตลาดซึ่งไม่ห่างจากวัดน่ะเองครับ   คงเพราะท่านต้องการมารอใส่บาตรอยู่แล้ว   ไอ่เนมันเลยหันมายิ้มกับผมนิดนึงแล้วก็เดินเข้าไปรับบาตรกัน    

         ตอนนั้นพ่อกับแม่ท่านคงดีใจมากนะครับ   ในที่สุดก็ได้ใส่บาตรให้ลูกชายแล้ว    จนผมก็คิดเอานะ   ว่าสำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้วนี่ก็คงเป็นอีกวันที่จะปลื้มใจมากที่สุดแล้วน่ะ

                                                    -

                                                    -

         หลายวันผ่านไปเราก็ยังคงอยู่ด้วยกัน   ปฏิบัติธรรมกันไป   ผมเองได้เห็นความตั้งใจของมันแล้วก็รู้สึกดีครับ    ที่เราปล่อยให้มันมาบวชครั้งนี้นะ    และตอนนั้นเองผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนว่าวันเก่าๆมันได้ย้อนกลับมาอีก   ความรู้สึกที่ดีๆเพราะมีมันอยู่เคียงข้างเริ่มเกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง     คงเพราะว่าผมได้อยู่กับมันอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาเลยนั่นเอง

         แต่พอมาคิดว่าถ้าสึกออกไปแล้วมันก็คงต้องกลับไปมีชีวิตของมันเองเหมือนเดิมอยู่ดี     ก็เลยทำให้ผมรู้สึกว่าจิตใจมันไม่สงบเอาเลยนะครับ   ทั้งๆที่เราบวชอยู่อย่างนี้แท้ๆ  

         นี่ผมคงบาปนะ   ที่บวชอยู่แต่ตัดรักโลภโกรธหลงไม่ได้อย่างนี้    หรือว่านี่มันจะเป็นเวรกรรมของผมเองจริงๆนะ..........

                                           -

                                                              -
 
         ใกล้ครบกำหนดหนึ่งเดือนของการบวชแล้ว    ผมเองสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างนึงของมัน คือ มันจะดูนิ่งและใจเย็นลงมากนะครับ    จากที่เคยจะใจร้อน  โผงผาง   ไม่รอบคอบ   แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไปเลย    ก็คงเพราะบทเรียนจากการบวชนี้นะครับ   ที่ช่วยทำให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นไปอีกขั้นแล้ว

         คราวนี้ผมว่าผมก็คงหมดห่วงมันได้แล้วจริงๆน่ะ   เพราะต่อไปมันก็คงใช้ชีวิตของมันไปได้อย่างดีแล้ว   ในเมื่อครอบครัวของมันก็กลับมาอบอุ่นได้เหมือนเดิมแล้วด้วย

         และต่อไปนี้แม้มันจะไม่มีผมแต่ความรักจากพ่อแม่และแฟนของมัน    ก็คงแทนที่ผมได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะ   เพียงเท่านี้บทบาทของเพื่อนอย่างผมมันก็คงจะจบลงซะทีนะ

         ถึงแม้ผมจะอดใจหายไม่ได้ที่ในใจมันตอนนี้คงไม่มีที่ว่างสำหรับผมอีกแล้ว   แต่ก็ไม่เป็นไรนะ   ผมก็หวังแค่อยากมองมันอยู่ไกลๆอย่างนี้แหละ   ในฐานะเพื่อนที่รักมันเสมอนะ  

         เพราะผมจะขอรักษาคำพูดของผมเสมอ     ว่าผมจะไม่มีวันทิ้งมันนะ..............................

                                                                  -

                                                                   -

         และแล้ววันลาสิกขาของพวกเราก็มาถึงตามฤกษ์ที่กำหนดไว้นะครับ     เราทำพิธีในโบสถ์กันช่วงเช้าแล้วก็มาเลี้ยงพระเพลคล้ายๆกับตอนที่เราบวชนะ   ซึ่งวันนี้ไอ่คิมกับไอ่บอลมันก็มาช่วยกันถ่ายรูปอีกครับ

         หลังจากที่ได้มีพิธีกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว   ผมเองกลับรู้สึกเหนื่อยๆยังไงไม่รู้ครับ   เลยแยกตัวกลับไปที่ห้องเดิมของผมที่กุฏิแล้วปิดห้องนั่งอยู่เงียบๆคนเดียว

         ใจผมนั้นรู้สึกล้าไปหมด   เหนื่อยที่ต้องทำตัวให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไร   ซึ่งมันขัดกับสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ   แล้วนี่ผมยังต้องฝืนอย่างนี้ต่อไปอีกนะ   ผมจะทำยังไงดี  

         ขณะนั้นเองตาผมก็มองไปที่เสื้อที่มันเซ็นให้ผม    คำๆนั้นมันก็ตอกย้ำผมซะจริงๆ   ว่าก็เราคงเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น    เพราะถึงวันนี้ผมรู้ตัวแล้วครับ   ว่ายังไงซะผมก็คงทำใจไม่ได้แน่ๆที่จะกลับไปเป็นแค่เพื่อนกับมัน    ในเมื่อผมรักมันจนเกินเลยไปขนาดนี้แล้ว

         มองไปที่รูปถ่ายของผมกับมัน    และกีต้าร์ที่มันอุตส่าห์ซื้อให้ผมทั้งๆที่แพงอย่างนั้น    สิ่งเหล่านี้ผมจะขอเก็บมันเอาไว้ตลอดไป   ผมจะไม่มีวันลืมเลย

         แล้วผมก็เก็บเสื้อกับรูปถ่ายเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า   แล้วก็เอากีต้าร์ของมันเก็บใส่กระเป๋ากีต้าร์ไว้แล้วเอาไปวางไว้ที่มุมด้านในของตู้เสื้อผ้านั้น

         ก็คิดนะครับ   ว่านี่ผมต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ    แต่ก็จะทำยังไงได้ละครับ   ในเมื่อตราบเท่าที่ต้องเห็นของเหล่านี้   มันก็ยิ่งตอกย้ำให้ผมเสียใจทุกครั้งไปจริงๆ    ผมล้ากับมันเต็มทีแล้วล่ะ

         แล้วผมก็ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนิ่งๆอยู่อย่างนั้นนานทีเดียว   ในใจก็คิดไปว่า  วันพรุ่งนี้ผมจะทำยังไงนะ   ผมจะหาทางห่างออกมาจากมันได้ยังไงโดยที่ไม่ให้มันรู้ว่าผมเปลี่ยนไปแล้ว   แล้วยังจะวันต่อๆไปอีก  

         ผมไม่อยากนั่งรอความเจ็บปวดที่จะมาหาผมในแต่ละวันอย่างนี้เลยนะครับ    เพราะผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทนได้นานสักแค่ไหน

         ตอนนี้ผมอยากจะเข้มแข็งให้ได้อย่างไอ่คิมมันจริงๆครับ   รู้ซึ้งเลยนะว่ามันต้องเจ็บช้ำแค่ไหนที่ต้องทนอยู่อย่างนั้น

         นี่ขนาดผมแค่เริ่มผมยังแย่ขนาดนี้เลย   แต่ยังไงซะผมก็จะทำให้ได้แล้วกัน

         เพราะก็คงไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้แล้วนะ....................

                                                            -

                                                                -   

         วันนี้เปิดเทอมแล้วครับ   พวกเราทั้งสี่คนก็กลับไปเรียนกันตามปกติ   ปีนี้พวกเราก็เป็นรุ่นพี่ปีสองกันแล้วล่ะ   จะได้มีรุ่นน้องกับเค้าแล้วครับ   และที่ผ่านมาเกรดผมก็ไม่ดีจริงๆนั่นแหละ   เกือบตกไปหลายวิชาเลย  

         ทุกๆอย่างก็ดูเหมือนว่าจะกลับไปเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้งนะครับ    เพียงแต่ว่าที่เปลี่ยนไปคือ  ไอ่เนมันไม่ค่อยได้ไปไหนกับแฟนมันอีกแล้วนะ   กลับมาขลุกอยู่แต่กับพวกผมตลอดเลย   ซึ่งหลังๆมานี้จะว่าไปผมก็ไม่ได้เห็นเค้ามากับมันอีกเลยด้วยซ้ำ

         จนวันนึงผมได้เห็นแฟนมันเดินมากับนักศึกษาชายอีกคนท่าทางก็สนิทสนมกันมากด้วย    แล้วเค้าก็พากันขึ้นรถไปด้วยกันแล้วขับออกไป     ซึ่งผมเห็นแล้วก็ได้แต่แปลกใจว่านี่มันยังไงกัน

         " เฮ้ย  ไอ่เน  ทำไมเดี๋ยวนี้กูไม่ค่อยเห็นเกตแฟนมึงเลยวะ   ทำยังกะเลิกกันไปแล้วงั้นแหละ"   ผมแกล้งถามมันไป  ใจนึงก็ไม่ค่อยแน่ใจจริงๆครับ   ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นแน่

         " ก็ เออ  เค้าเลิกกะกูแล้วล่ะ   มึงเข้าใจถูกแล้วว่ะ"   มันตอบผมด้วยน้ำเสียงที่เรียบมากเหมือนกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา   แต่ผมสิอึ้งไปเลย

         แวบนึงก็เหมือนดีใจครับ  ที่มันเลิกกับเค้าไปแล้ว   ในใจมันก็คงเหลือที่สำหรับผมได้    แต่ถ้ามันกลับมารักผมก็เท่ากับว่ามันต้องกลายเป็นเกย์ไปนะ    ผมจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นเหรอ

         " เฮ่ย  เหม่ออะไรวะ   แค่กูว่าเลิกกันแล้วแค่นี้   ทำเป็นอึ้งเลย"  

         " อ๋อ   เออๆ  ก็กูตกใจน่ะ   ทำไมเลิกกันง่ายๆวะ   ไม่เห็นบอกอะไรกูเลย   นี่ถ้าไม่ถามกูก็คงยังไม่รู้อ่ะ"   ผมต่อว่ามัน

         " ก็กูก็กำลังจะบอกมึงแหละ   แต่มึงมาถามกูซะก่อนนะ"   มันพูดอย่างยิ้มๆ   ไม่ได้มีอาการของคนที่เพิ่งจะเลิกรากับคนรักเลย  

         " อ้าว  แล้วตกลงทำไมถึงเลิกกันอ่ะ"   ผมนึกสงสัยว่าจริงๆจะเพราะว่าแฟนมันไปมีคนอื่นรึเปล่านะ    เพราะไอ้ที่เราเห็นมันน่าจะเป็นอย่างนั้น    แต่แล้วแล้วคำตอบของมันก็ทำให้ผมประหลาดใจไปนิดนึง

         " อืม  ก็ไม่รู้นะ   กูเหมือนเบื่อๆว่ะ   ผู้หญิงนี่มักจะเอาแต่ใจเหรอวะ   นี่กูต้องคอยตามใจทุกอย่างเลยนะ   จะเอาอย่างนั้นอย่างนี้   ไม่ไหวมั๊งกู   คนอย่างกูอ่ะ   ชอบให้คนเอาใจแต่ไม่ชอบเอาใจใครหรอกว่ะ"

         " อืม ก็นั่นดิ   กูก็รู้แหละว่ามึงก็เป็นซะอย่างนี้อ่ะ   แต่.... แล้วนี่มึงไม่เสียใจอะไรเลยเหรอวะ    มึงเพิ่งเลิกกันนะเว้ย"   ใช่ครับ   ผมยังคงแปลกใจในท่าทีของมันอย่างนี้

         " ก็ไม่รู้อีกแหละว่ะ    สงสัยจริงๆแล้วกูคงไม่ได้รักเค้าจริงๆหรอกมั๊ง   ตอนแรกกูก็แค่คิดนะ   ว่าการที่กูไปชอบเค้าก็หมายความว่ากูคงไม่ได้เป็นเกย์แล้วจริงๆ   ซึ่งมันก็คงดีแล้ว   เพราะกูก็ไม่อยากให้มึงเป็นเกย์ไปกะกูด้วยน่ะ   เลยคิดว่าถ้ากูมีแฟนซะ   มันอาจจะเบรคไอ้ความรู้สึกที่เราเป็นกันอยู่ไปได้นะ"

         " ขอโทษนะเว้ยที่กูไม่ได้บอกมึงก่อน  กูก็แค่อยากลองดูน่ะ   แต่พอเอาจริงๆแล้ว   กูก็รู้แล้วล่ะว่าชีวิตนี้กูคงไม่มีใครรักและเข้าใจกูได้ดีเท่ามึงแล้วนะ"  มันบอกแล้วก็เอื้อมมือมากุมมือผมไว้   แววตาของมันก็ยังคงมีแต่ความรักที่มาต่อผมนะ  

         ที่จริงแล้วผมควรจะดีใจอย่างที่สุด   ที่ผ่านๆมาผมเข้าใจมันผิดไปเอง   แท้จริงแล้วมันก็รักผมถึงได้ทำเพื่อผมอย่างนั้น   มันก็คงไม่อยากให้ผมเป็นเกย์นั่นแหละ  ถึงได้หาทางที่จะหลีกออกไปเองทั้งที่ก็ยังรักผมเหมือนกัน

         แต่ตอนนี้ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้น   ผมก็ทำให้มันเป็นเกย์ไม่ได้เหมือนกันแหละครับ    และผมไม่อาจจะรับรักมันได้เลย    ก็เพราะไม่ว่ายังไงเราก็จะกลับไปรักกันแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วนะ

         ตอนนั้นผมอยากจะร้องตะโกนออกมาดังๆ  ว่าทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ  โชคชะตาต้องโหดร้ายกับผมอย่างนี้เลยเหรอ............

         ถ้างั้นผมเองก็คงต้องทำใจแล้วจริงๆนะ    ระหว่างเราไม่ว่ายังไงก็ต้องให้จบแค่ที่คำว่าเพื่อนแหละครับ   ผมไม่ต้องการให้มันเกินกว่านี้แล้วจริงๆ

         แล้วนี่ผมจะต้องทำยังไงกันล่ะ   ถึงจะให้มันเข้าใจได้ว่าผมอยากให้เรากลับมาเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ

         " เฮ้ย   อืม..... คืองี้นะ   กู...."  ผมบอกมันไปอย่างยากเย็นเพราะลังเลจริงๆนะครับ  ในใจก็คิดว่าผมจะหาเหตุผลอะไรมาบอกมันดีนะ

         แล้วตอนนั้นเองไอ่คิมมันก็กำลังเดินเข้ามาหาเราพอดีเลยครับ   แต่ไอ่เนมันคงยังไม่เห็นเพราะมันหันหลังอยู่

         " เอ่อ... คือ  ตอนนี้นะ   กู...  กูรักไอ่คิมมันน่ะ"   ผมอ้างเหตุผลที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้อย่างไม่มั่นใจนัก   แต่ก็ดูจะเป็นสิ่งเดียวที่นึกได้ตอนนี้นะ    ซึ่งไอ่คิมมันก็เข้ามาได้ยินเข้าพอดีมันเลยยืนตัวแข็งอยู่ข้างๆนั่นเอง

         ส่วนไอ่เนมันมันก็คงตกตะลึงเลยจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น    แต่ผมก็ไม่รู้จะทำไงนะ   พูดออกไปแล้ว

         " คือว่า   กูมาคิดๆดูแล้ว   ตอนนี้กูชอบมันจริงๆว่ะ   ที่ผ่านๆมากูกับมึงคงเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบนึงของเรานะ    ถ้ามึงลองคิดดูดีๆมึงคงเห็นเองว่ายังไงจริงๆแล้วมึงก็ไม่ใช่เกย์นี่หว่าแล้วจะมารักกะกูแบบนี้ได้ไงล่ะ   แล้วยังพ่อกับแม่มึงอีกนะ   เค้าจะเสียใจนะเว้ย  ถ้ามึงจะเป็นเกย์น่ะ"  ผมยังคงอ้างเหตุผลบ้าๆที่พอจะนึกขึ้นมาตอนนั้นได้     แล้วก็มองตาไอ่คิมอย่างขอร้องให้มันรับสมอ้างไปก่อน    ซึ่งก็ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจดีและปล่อยให้ผมพูดต่อไป

         " เพราะงั้นมึงคงเข้าใจกูนะ   ต่อไปเราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะเว้ย  เหมือนที่เราสัญญากันอ่ะ   ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไง"  ผมยังคงพูดต่อไปแล้วก็ทำเป็นตบไล่มันเบาๆ  แต่ก็ไม่ไหวแล้วครับ   การต้องพูดอะไรที่มันฝืนใจที่สุดอย่างนี้มันทรมานจริงๆ

         ก็คงเหมือนมันตอนนี้ที่พูดอะไรไม่ออกแม้สักคำ   มันคงช๊อคมากๆที่ผมบอกมันไปแบบนี้    จนผมทนดูมันเสียใจต่อไปไม่ไหวแล้ว

         แต่ถึงตอนนี้ผมจะห่วงมันแค่ไหนผมก็คงต้องทำ   เพราะมันจะได้ตัดใจจากผมซะที    เพราะไม่อย่างนั้นมันก็คงต้องกลายเป็นเกย์ไปเพราะผมแน่ๆ     และวันนี้จะเป็นวันที่มันต้องเจ็บแต่มันคงจะจบลงไปแค่วันนี้แหละครับ

         เพราะหลังจากนี้คนที่จะต้องเจ็บต่อไปก็จะเป็นผมเองนะ   แต่ผมก็จะยอมทนเพื่อมัน.........

                                                                  -

                                                                  -

         แล้วผมก็ต้องรีบเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วก้าวขึ้นไปบนตึกเรียนพร้อมกับไอ่คิมเลย   โดยที่ทิ้งมันไว้อย่างนั้น   แม้จะรู้ดีครับว่าเป็นการทำร้ายมันอย่างแรงจริงๆ    จนผมก็ต้องบอกตัวเองว่าอย่าเพิ่งหันกลับไปนะ

         เพราะถ้าหันกลับไปตอนนี้แม้แว่บเดียวผมก็คงทำใจไม่ได้เหมือนกัน.............

         " เฮ้ย   นี่มึงทำอะไรของมึงวะ    ทำไมไปบอกมันยังงั้นล่ะ"   ไอ่คิมรีบถามผมทันทีที่เดินมาห่างพอสมควรแล้ว

         " เออ  กูขอโทษมึงด้วยว่ะ   ต้องดึงมึงมาเกี่ยวจนได้นะ   แต่กูไม่รู้จะทำไงแล้วน่ะ   เออ  เดี๋ยวนะ"  ผมบอกมันแล้วก็เดินออกไปมองไอ่เนมันที่ระเบียงตึก  

         มันก็ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งเอามือกุมหัวอยู่ตรงนั้น   ผมได้แต่ภาวนาว่านั่นคงไม่ใช่ว่ามันร้องไห้นะ   ตอนนั้นผมก็เริ่มใจเสียไปหมดแล้ว  ว่านี่ผมทำอะไรลงไปนะ    

         แต่ขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับลงไปหามันนั้น   ก็พอดีไอ่บอลมันเดินเข้าไปหาไอ่เนพอดีเลยครับ   เหมือนกับว่าโชคช่วยผมไว้จริงๆนะ   ผมเลยหยุดยืนดูมันสองคนอยู่ตรงนั้นกับไอ่คิม   และดูเหมือนกับว่าไอ่บอลมันกำลังพูดปลอบใจไอ่เนมันอยู่นะ   แล้วพอสักพักมันสองคนก็เดินออกไปด้วยกัน

         ผมเองเลยโล่งใจไปหน่อยนึง   แต่ในใจก็ยังกลัวแหละครับ   กลัวว่าถ้าไอ่เนมันเสียใจขนาดนี้มันอาจจะคิดทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้ง่ายๆ    แต่ถ้าตอนนี้ไอ่บอลอยู่กับมันแล้วก็คงจะไม่เป็นไร  เพราะไอ่บอลมันคงพอจะช่วยปลอบใจมันไปได้บ้างนะครับ

                                                                    -

                                                                  -

         บ่ายนั้นผมกับไอ่คิมก็ยังต้องไปเข้าเรียนกันต่ออีกครับ    ผมเองยังคงห่วงมันอยู่ก็เลยโทรไปย้ำไอ่บอลมันว่าให้ช่วยดูไอ่เนให้ด้วย  มันก็ได้แต่งงๆ  ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกที

         ทั้งชั่วโมงเรียนนั้นผมเรียนอะไรไม่รู้เรื่องเลย    เป็นห่วงมันไปต่างๆนาๆและเริ่มโทษตัวเองว่าไม่น่าทำแบบนี้เลยจริงๆ   ผมคิดผิดไปแล้วที่ไปทำร้ายมันอย่างนี้   จนตอนนี้ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเลยต้องขออนุญาตอาจารย์ไปห้องน้ำหวังจะสงบสติอารมณ์ซะก่อน

         พอเดินเข้าไปในห้องน้ำผมก็รีบล้างหน้าเลยเพราะหวังว่ามันคงพอจะช่วยผมให้สดชื่นขึ้นมาได้มั่ง    แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย  ผมไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด

         หนำซ้ำไอ้ความรู้สึกผิดนั้นมันยิ่งวิ่งไปมาในหัวผมจนผมสับสนไปหมดแล้ว..........

         มันเหมือนกับว่าความเจ็บปวดมากมายมันโหมประดังมาที่ผมจนผมก็ทนไม่ไหวอีกแล้วนะ   เลยค่อยๆทรุดตัวลงไปที่อ่างล้างหน้านั้นแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะทนแล้วจริงๆ

         จะว่าไปแล้วคนเราแค่ตัวเองอกหักมามันก็น่าเสียใจมากพออยู่แล้ว     แต่ที่ผมได้ทำลงไปนั้นมันเท่ากับว่าผมหักอกทั้งมันและตัวผมเองไปพร้อมกันเลยนะ

         อย่างนี้แล้วคงไม่ต้องบรรยายความเสียใจของผมตอนนี้แล้วล่ะ................

                                                              -

                                                             -

         ผมยังคงนั่งกองอยู่กับพื้นอย่างนั้นโดยไม่ได้กลัวว่าใครจะมาเห็นเลย  แต่แล้วก็มีมือจากด้านหลังมาจับที่ไหล่ของผมไว้เบาๆผมเลยหันไปมอง  เป็นไอ่คิมน่ะเองครับ   ผมก็เลยโผกอดมันไว้แล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างมากมายเลยครับ   มันเลยนั่งลงข้างผมแล้วก็ลูบหลังและไหล่ผมไปอย่างนั้น

         " กูเห็นมึงออกมาก็เลยเป็นห่วงนะ   มึงร้องไห้ไปเหอะว่ะ   เผื่อจะดีขึ้นมั่ง   กูเข้าใจมึงดีนะ   และก็จะอยู่กะมึงนี่แหละ"   มันบอกผมที่ข้างหู   ผมก็เลยร้องไห้กับมันอยู่อย่างนั้นอีกแป๊บนึง  จนก็รู้สึกดีขึ้นมากที่ได้ระบายออกไปอย่างนี้นะ    แล้วมันก็ดึงมือให้ผมลุกขึ้นและกลับไปที่ห้องเรียนเพราะออกมากันนานแล้ว

         นี่ผมยังคิดนะว่ายังไงผมก็ยังโชคดีจริงๆที่มีไอ่คิมคอยอยู่เป็นเพื่อนผมอย่างนี้     นี่ถ้าผมต้องทนอยู่คนเดียวผมจะทำยังไงกัน   ป่านนี้ผมคงได้เตลิดไปถึงไหนๆแน่

         ก็ได้แต่นึกขอบคุณไอ่คิมมันนะครับ    ที่มันไม่เคยคิดจะทิ้งผมไปไหนเลย     แต่ผมสิ   ผมกลับผิดสัญญาของผมจนได้นะ  ที่ว่าผมจะไม่ทิ้งไอ่เนมันไปน่ะ

         พอคิดอย่างนี้แล้วแม้แต่ผมเองก็ยังรู้สึกเกลียดตัวเองเลยนะครับ................ผมไม่น่าทำอย่างนี้กับมันเลยจริงๆ

                           ****************
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 03-12-2010 00:55:13
ไม่ น่า พูด แบบ นี้ ไป เลย

เน อาจ จะ เข้า ใจ ความ รู้สึก ตัว เอง แล้ว หละ

เฮ้อ!!

หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: veerapat19691 ที่ 03-12-2010 01:27:47
อินทำงี้กับเนได้ไง

ทำร้ายความรู้สึกของทั้งคู่เลย




รอๆๆๆๆตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-12-2010 08:05:45
 :L1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: Gu_Ton_Za ที่ 03-12-2010 09:35:51
เศร้าใจยิ่งนัก อิอิ

 o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 03-12-2010 12:12:02
จะยังติดตามต่อไปเช่นเดิมนะครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 03-12-2010 14:35:39
ความสับสน การคาดการณ์ไปต่างๆนาๆ ทำให้คนเสียคนมามากแล้ว อยู่กับปัจจุบันแล้วเปิดใจรับมันจะดีกว่าไหม
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 03-12-2010 15:15:19
เห็นด้วยกับรีบนนะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: August_lovers ที่ 04-12-2010 01:16:44
กำ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-12-2010 02:56:36
ต้นเหตุของความเสียใจ

คือไม่เข้าใจ

คิดเอาเองแต่เพียงฝ่ายเดียว

หนีอะไรก็หนีพ้น

แต่จะหรีหัวใจตัวเองได้จริง ๆหรือ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 06-12-2010 01:10:26
T^T เศร้าง่ะ พี่น้อต ทำร้ายจิตใจปิ๊ง ฮือๆ
สงสารเนอ่ะ จริงๆแล้ว ที่เนพูดว่าเลิกกะแฟน แล้วบอกว่าไม่มีใครมาแทนอินได้น่ะ
หมายความว่า เนอยากจะอยู่กะอินตลอดไปรึเปล่าง่ะ
แต่อินก็หวัีงดีกับเน ยังไงๆก็ไม่น่าไปบอกแบบนั้นเลย
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 06-12-2010 12:18:13
 :เฮ้อ: อินคิดมากจริง ๆๆ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: Gu_Ton_Za ที่ 07-12-2010 09:30:15
แวะมาดันค้าฟ

 :oo1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 09-12-2010 13:49:20
:เฮ้อ: อินคิดมากจริง ๆๆ


คิดมากเหมือนคนเขียนนี่แหละ  :laugh:


หลังๆจากนี้ก็คงมาลงนิยายอย่างเดียวดีกว่ามั๊ง

ไม่ประสบความสำเร็จกับการคุยกะใคร อิอิ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 10-12-2010 22:05:20
มาละคร้าบทุกท่าน o14   ตอนนี้เป็นตอนรองสุดท้ายของทั้งหมดแล้วนะ

ดีใจกันมั๊ยครับ  ที่เรื่องราวก็ใกล้จบแล้วนะ

แต่ผมเองกลับยังไม่ค่อยอยากให้จบเลยอ่ะ  ไม่อยากให้เรื่องนี้ย้ายไปบอร์ดนิยายที่จบแล้วเลย

กลัวจะไม่มีใครตามไปอ่านแล้วอ้ะ   แต่พอมาคิดอีกทีก็รู้สึุกว่าอาจมีบางคนเค้าชอบอ่านนิยายจบแล้วมากกว่านะ

งั้นก็อดใจรออีกนิดนะครับ  ต่อจากตอนนี้ก็เป็นตอนจบของเรื่องแล้ว

รอลุ้นกันอยู่ใช่มั๊ยครับ..... :teach:

ตอนที่19            (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                        *****************

         พอเย็นวันนั้นด้วยความที่ผมเป็นห่วงมันมากๆแต่ว่าตอนนี้ผมก็ไม่กล้าพอที่จะโทรไปหามันเลย   มันกลัวไปหมดไม่รู้จะพูดอะไรกับมันและไม่รู้ด้วยว่ามันจะโกรธผมมั๊ย  แต่ก็แน่ล่ะผมทำกับมันขนาดนี้ก็สมควรแล้วที่มันจะโกรธจะเกลียดผมนะ

         ผมก็เลยต้องโทรไปหาไอ่บอลมันแทน    เพราะไม่รู้จะทำยังไงแล้ว  แค่อยากรู้ว่าตอนนี้ไอ่เนมันทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ

         " เออๆ  เมื่อกี๊มันชวนกูไปบ้านมันน่ะ   ซื้อเบียร์ไปเพียบเลยสงสัยมันกะเมาเต็มที่   กูก็ว่าจะไปปรามๆมันว่าอย่ากินเยอะนะ   แต่แม่งอ่ะ  ไล่กูออกมาเลยแล้วบอกอยากอยู่คนเดียวว่ะ   กูเลยต้องถอยออกมาเนี่ย   ตกลงนี่มันอกหักเหรอวะ   เอ..  แต่กูว่ามันก็เลิกกะเค้ามาพักนึงแล้วนี่หว่า   ทำไมมันความรู้สึกช้าจังอ่ะ"   มันรายงานทุกอย่างให้ผมฟัง   ทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงมันเข้าไปอีก

         " โอเคๆ  ขอบใจว่ะไอ่บอล   งั้นเดี๋ยวกูจะไปดูมันเองนะ"   ผมว่าแล้วก็วางหูไป   จากนั้นก็รีบไปหามันที่บ้านเลยครับ

         พอผมไปถึงผมก็ไขกุญแจที่ผมมีอยู่เปิดประตูเข้าไปเลยครับ   หันไปมองจนทั่วก็เห็นมันนอนไม่ได้ใส่เสื้อสลบเหมือดอยู่ตรงระเบียงบ้านนั่นเองครับ     ผมตกใจมากๆเลยรีบวิ่งไปดูแล้วเรียกพลางเขย่าตัวมันไปมา   แต่ก็พบว่ามันแค่หลับไปเท่านั้น    มองรอบๆตัวมันก็เห็นมีกระป๋องเบียร์เปล่าวางอยู่ตั้งหลายกระป๋องเลย   เลยโล่งใจไปหน่อยว่านี่มันคงแค่เมาหลับไป

         แล้วผมก็พยายามแบกตัวมันอย่างทุลักทุเลเพราะตัวมันใหญ่กว่าผมและหนักมากๆ   แต่จนแล้วจนรอดผมก็ลากมันเข้ามานอนในห้องมันจนได้   แล้วผมก็เลยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้ามัน

         เห็นมันตอนนี้แล้วผมก็สงสารมันจับใจเลย    ที่มันต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะผมเองแท้ๆ   สิ่งที่ผมทำไปนั้นคงโหดร้ายกับมันมากไปจริงๆ    เพราะนั่นคือผมได้ผิดสัญญาที่ว่าผมจะไม่ทิ้งมันนะ   แต่ที่ผมทำไปนั่นเท่ากับว่าผมทิ้งมันไปอย่างไม่ใยดีเลยด้วยซ้ำ

         แม้ว่าจริงๆแล้วนั่นคือ  ผมหวังดีกับมันก็เถอะ............      

         " อือ........อ"   เสียงครางเบาๆของมันดังขึ้น   แล้วมันก็ขยับตัวลืมตาขึ้นมามองผม    แต่แล้วมันก็หลับตาแล้วพลิกตัวหันหลังให้ผมอีก   ผมก็ดีใจนะที่มันไม่เป็นไรแต่ก็คิดว่ามันคงโกรธผมมากอยู่

         " มึงจะมาทำไมวะ   ทำไมไม่ไปอยู่กับมันล่ะ   จะมาสนใจอะไรกูอีกทำไมวะ"   มันนอนหันหลังให้แล้วก็เริ่มตัดพ้อต่อว่าผม  

         " เออ  กูขอโทษนะ  กูก็นึกว่ามึงคงเข้าใจกู   ไม่นึกว่ามึงจะเสียใจมากขนาดนี้น่ะ"  

         " ก็แล้วไงอ่ะ   กูก็เข้าใจมึงแล้วไงว่ามึงไม่อยากให้กูเป็นเกย์   มึงถึงได้ทิ้งกูเหมือนหมาแบบนี้ไง  ฮือๆ..."   มันว่าแล้วก็ร้องไห้ออกมาจนตัวสั่นเลย    ผมก็เลยก้มลงไปกอดมันไว้อย่างนั้น  แล้วก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกันอย่างรู้สึกผิดเต็มที

         " ไอ่เน   กูขอโทษมึงจริงๆนะ  กูก็ไม่ได้อยากทำอย่างนี้หรอก   แต่ก็อย่างที่กูบอกไง  กูไม่อยากให้เรารักกันแบบนี้จริงๆ   ถ้ามึงเป็นเกย์เพราะกูอ่ะ   พ่อแม่มึงจะว่าไงละ   กูยังเรียกเค้าว่าพ่อกับแม่ได้อีกเหรอวะ... ฮือๆๆ....."  

         " แล้วมึงก็เลยต้องทิ้งกูไปเหรอ   มึงเคยถามกูมั๊ยวะ   ว่ากูจะคิดยังไงรู้สึกยังไงน่ะ   อะไรๆมึงก็บอกแค่ว่าทำเพื่อกู   กูไม่ไหวแล้วอ่ะ...  กูไม่ต้องการหรอกนะ  ไอ้ความหวังดีของมึงน่ะ   ฮือๆ...  ถ้าเราจะรักกันนี่มันยากเย็นนัก   ก็พอเหอะ  กูไม่ไหวอีกแล้วจริงๆ"   แล้วมันก็ลุกพรวดจากที่นอน   ผลักตัวผมออกไปแต่ผมก็รีบคว้าตัวมันไว้แล้วกอดแผ่นหลังของมันแน่นเลย

         " เฮ้ย.... กูขอร้องนะ   มึงให้อภัยกูได้มั๊ยวะ   ต่อไปกูจะยอมอย่างที่มึงต้องการก็ได้นะ   กูผิดเองอ่ะ   ที่ไม่ได้เคยถามมึงเลย   ว่ามึงต้องการอะไรนะ   มัวแต่คิดเอาเองว่าอะไรมันดีกับมึงน่ะ   นะเว้ย....   กูยอมทุกอย่างแล้ว  ฮือๆ.....  เราจะเป็นเหมือนเดิมรักกันเหมือนเดิมก็ได้นะ.... ได้มั๊ย...  ฮือๆ... กูขอร้องล่ะ....กูยอมมึงแล้วจริงๆ.....  ให้อภัยกูนะ"   ผมร้องรำพันอยู่อย่างนั้นแล้วก็กอดหลังมันไว้แน่น

         แล้วมันก็เลยหันมาสบตากับผมนิ่งๆอยู่โดยไม่ได้พูดอะไร   จากนั้นก็เริ่มกอดจูบผมอย่างดูดดื่มเลย   ตอนนี้อารมณ์ของเราทั้งคู่ก็ไม่ต่างอะไรกับไฟที่ลุกโชนขึ้นมาจนยากที่จะดับลงไปได้    แม้ตัวผมเองนั้นอยากจะฝืนตัวเองไม่ให้ทำอย่างนี้นะ    แต่ผมก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกแล้วครับ  

         เราจูบกันจนริมฝีปากเราถูกบดขยี้ด้วยอารมณ์ที่เตลิดไปของเราทั้งคู่   มันดูจะรุนแรง  แต่ทว่ามันช่างหอมหวานนักในความรู้สึกของผม  

         แล้วมันก็ดันตัวผมจนล้มลงบนเตียงนอนนั้น   ร่างหนาของมันก็กดลงมาทาบทับผมไว้    เสื้อยืดของผมถูกมันถอดออกไปอย่างง่ายดาย   จนขณะนี้อกล่ำๆของมันก็บดเบียดอยู่กับอกผมไปมาจนร้อนไปหมดแล้ว   ซึ่งนั่นก็คงจะยิ่งโหมไฟแห่งอารมณ์ของเราให้คุโชนจนแทบปะทุออกมาแล้วครับ

         มันระดมจูบผมไปทั่วใบหน้า   ไล่ลงมายังซอกคอจนผมต้องเผลอครางออกมาเบาๆ   และร่างกายผมตอนนี้มันรู้สึกว่าอ่อนแรงลงไปเลยครับ   แล้วมันก็ยังคงจูบไล่ไปตามไหล่ของผมอย่างโหยหา    จนความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ผมต้องแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสจากจูบของมันอย่างลืมตัว

         และแล้วมันก็ขยับตัวให้ผมนอนคว่ำลงพลางจูบไปที่แผ่นหลังของผมจนทั่วแล้วก็มาหยุดที่บริเวณซอกหูของผม    จนผมรู้สึกเหมือนกับว่าลมหายใจของมันที่รดลงบนผิวเนื้อของผมนั้นร้อนระอุเหมือนไอน้ำเดือดเลยทีเดียว

         แม้ว่าเราจะยังไม่เคยมีสัมพันธ์แบบนี้กับใครมาก่อนเลย    แต่สัญชาติญาณของเราก็ทำให้มันและผมรู้ได้ว่าต้องทำอะไรบ้าง   จะต้องจูบแบบไหน   ต้องสัมผัสกันยังไงจึงจะปลดปล่อยและสนองอารมณ์ความต้องการของเราไปได้อย่างถึงที่สุด  

         เสียงครางเบาๆแต่หนักแน่นของมันดังขึ้นเรื่อยๆ    ในขณะที่ผมเกาะกุมส่วนนั้นของมันไว้จนมันเริ่มขยับช่วงเอวของมันสู้มือผม    แล้วผมก็บดขยี้จูบที่ริมฝีปากของมัน    ลิ้นนุ่มของเราสัมผัสกันและกันอย่างถวิลหาเต็มที่ราวกับว่าผมโหยหามันมานานแล้ว   แต่ที่ผ่านมาผมคงหลอกตัวเองไปว่าไม่ได้คิดแบบนี้กับมัน   ทั้งที่ใจจริงนั้นผมปรารถนาในตัวมันอย่างเหลือเกิน

         จนเมื่อมันเริ่มที่จะรุกเข้ามาในตัวผมนั้น    ผมก็รู้สึกเจ็บและคับแน่นไปหมด   จนเผลอร้องออกมาแต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งอารมณ์ปรารถนาของมันได้อีกแล้วครับ   มันยังคงกอดและยิ่งบดเบียดอกของมันกับแผ่นหลังของผมจนร้อนรุ่มไปหมดพลางจูบไล่ไปตามคอและหูของผมอยู่อย่างนั้น  

         และเมื่อมันเริ่มต้นขยับเข้าออกอย่างช้าๆนั้นผมก็ถึงกับต้องเกร็งจนขยำผ้าปูที่นอนนั้นจนยับเยินไปหมด    ลมหายใจร้อนของมันที่ยังคงราดรดมาที่คอของผมนั้น    ยิ่งโหมให้อารมณ์ของผมถึงขีดสุดแล้ว    

         ส่วนตัวมันเองก็เช่นกัน   ยิ่งมันขยับกระแทกเข้ามาเร็วขึ้นเท่าไหร่   มันก็ยิ่งส่งเสียงครางออกมาแทบจะไม่เป็นภาษาเลยทีเดียว  

         มันอาจจะดูเป็นอารมณ์ดิบๆเหมือนกับสัตว์ป่าก็จริง    แต่ในความดิบเถื่อนนั้นกลับมีความอ่อนหวานและอ่อนโยนอยู่ในที   ร่างกายของผมและมันแทบจะผสานกันเป็นร่างเดียวเมื่อมันพลิกตัวผมขึ้นมาและกอดผมก่อนที่จะกระแทกเอวของมันมาที่ผมอย่างไม่ยั้งตามอารมณ์ที่คุโชนอย่างถึงที่สุดของมันแล้ว  

         จนผมเองถึงกับต้องเกร็งและโอบรั้งคอกับไหล่ของมันไว้แน่นพร้อมๆกับปล่อยความสุขออกมาจนเนืองนองไปหมด    ขณะเดียวกับที่ตอนนี้มันก็เกร็งตัวเต็มที่เหมือนกันคงเพราะว่าอารมณ์ของมันก็ถึงจุดแล้ว  

         กล้ามเนื้อทุกส่วนของมันกระตุกเกร็งก่อนที่จะปล่อยความสุขนั้นผ่านเข้ามาในตัวผมอย่างรุนแรงเช่นกัน    แล้วมันก็ปล่อยตัวลงทาบทับผมอยู่อย่างนั้นพลางหายใจหอบอย่างรุนแรง   จนเสียงหัวใจที่เต้นถี่นั้นของเราก็เริ่มผ่อนคลายลงไปเหมือนไฟที่ค่อยๆมอดลงหลังจากที่ปะทุจนถึงที่สุดแล้ว

         ผมนอนกอดและมองสบตามันอยู่อย่างนั้นเงียบๆครู่หนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไรเลย    มีเพียงแค่เสียงหายใจหอบของมันและผมที่ดังชัดเจนอยู่ในความเงียบนั้น    จากนั้นผมก็จูบกับมันอีกอย่างสาสมใจเลยแล้วเราก็ยิ้มให้กันราวกับว่ารับรู้ความในใจของกันและกันได้    ว่าทั้งผมและมันเข้าใจในทุกๆอย่างดีแล้ว

         " อืม  ลุกไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่าว่ะ"   ผมบอกมันแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปในห้องน้ำอย่างรู้สึกว่าเขินๆมันนิดนึง    โดยที่มันก็ลุกตามผมไป    แล้วผมก็ยืนเปิดฝักบัวอาบน้ำไปกับมัน    ตลกดีที่ตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกเขินๆมันนะ   ส่วนมันก็คงจะเหมือนกันเพราะมันก็ยิ้มเหมือนอายๆผมนิดนึงอยู่  โดยที่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานะ

         แต่แล้วมันก็เริ่มมากอดและจูบผมอีกภายใต้ละอองน้ำจากฝักบัวนั้น   แล้วมันก็เอาหน้าผากของมันมาแตะอยู่กับหน้าผากผมไว้อย่างนั้น     ซึ่งผมมีความสุขจังเลยครับที่ได้ยืนกอดอยู่กับมันอย่างนี้

         " ขอบใจนะเว้ย  ไอ่เน ที่มึงไม่โกรธกูแล้ว  กูรักมึงมากนะเว้ย   รู้มั๊ยวะ  รักจนกูก็สับสนแล้วก็ได้แต่กลัวไปหมด   ว่าพ่อแม่มึงจะเสียใจถ้ารู้ว่าเราเป็นแบบนี้น่ะ"  

         " อืม  กูก็เข้าใจดีแล้วว่ะ   แต่กูอ่ะ  ยังคิดนะว่ากูคงคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจได้แหละ   อย่างน้อยตอนนี้กูก็ได้รู้แล้วว่าเค้ารักกูจริงๆ   แล้วเรื่องแค่นี้เค้าจะต้องเข้าใจได้ว่ะ   มึงไม่ต้องห่วงแล้ว  เชื่อกูนะ"   มันบอกแล้วก็มองสบตาผม

         " แล้วต่อไปถ้ามึงคิดอะไรยังไงเราก็ต้องคุยกันทุกเรื่องนะเว้ย   เพราะเราก็ไม่ใช่คนอื่นแล้วอีกต่อไปแล้ว   มึงเป็นเมียกูนะเว้ย   ฮ่าๆ"   มันว่าแล้วก็หัวเราะ   ผมก็ยิ้มแล้วทุบไหล่มันไปเบาๆทีหนึ่ง

         " ไอ่ห่า....  นี่พอกูยอมให้หน่อยล่ะได้ทีนะมึง   แล้วห้ามมึงไปพูดงี้ให้ใครเค้าได้ยินเลยนะ  สาด....ด  กูอายเค้าอ่ะ"   ผมแกล้งว่ามัน   แต่ก็ดีใจครับ   ที่เรากลับมาพูดล้อเล่นกันได้อย่างเดิมแล้ว

         " ฮ่าๆ  ทำมาอายนะมึง   เออๆ  กูไม่ไปบอกใครหรอก  นะจ๊ะที่รัก  เราจะรู้กันแค่สองคนนะ"  มันบอกแล้วก็จูบผมอีก  แม้ผมจะไม่ได้ตั้งตัวก่อน  แต่ก็เป็นสุขจริงๆ  ที่ได้กอดจูบมันอย่างที่อยากจะทำมาตั้งนานแล้ว

         ต่อไปเราก็คงได้รักกันจริงๆไปซะทีนะ   ผมคงไม่ต้องมาทนกับความรู้สึกกดดันเหล่านั้นอีกแล้ว   ในเมื่อมันเองที่จะเป็นคนกำหนดชีวิตของมันนะ   ไม่ใช่ผมที่ทำได้แค่อยากเลือกสิ่งดีๆให้มันโดยไม่ได้ดูเลยว่ามันจะต้องการมั๊ย

         และตอนนี้มันก็ได้เลือกผมแล้ว   เลือกที่จะรักผมในที่สุด   เหมือนกับที่ผมเลือกที่จะรักมันตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน

         ตั้งแต่แรกในวันที่ผมได้ช่วยชีวิตมัน      จนได้มาคุยกับมันดีๆเป็นครั้งแรกและสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไปนั่นแหละ.................

                                       -

                                       -

         แล้วคืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ผมได้อยู่กับมันอีก   แต่ว่านั่นมันคงเป็นคืนที่ผมคงจะมีความสุขที่สุดแล้วละมั๊ง   เพราะผมจะปล่อยใจให้รักมันได้เต็มที่โดยไม่ต้องมาหักห้ามใจตัวเองอีกแล้วนะ

         ฝันร้ายๆของผมมันคงจบลงไปแล้วจริงๆ   และจากนี้ไปก็จะเป็นวันของผมได้ซะที

         " เออ  ใช่  ไอ่เน  กูอยากบอกมึงเรื่องไอ่คิมว่ะ    ที่จริงกูเล่าให้มันฟังเรื่องเราแล้วเพราะตอนนั้นอยู่ๆมันก็มาถามกูเลย   ว่ากูกลุ้มใจเรื่องมึงใช่มั๊ย   กูยังงงเลยว่ามันรู้ได้ไง    แต่มันก็ว่ามันดูอาการกูก็รู้แล้วก็เลยต้องเล่าให้มันฟังไปน่ะ"  

         " อ้าว  เหรอ   แล้วมันไม่ได้ว่ามึงว่าเป็นเกย์หรือทำท่าทางรับไม่ได้อะไรเลยเหรอวะ   เออ   แปลกดีแฮะ   แม่งใจมากๆเลย   นับถือมันว่ะ   พวกเรานี่โชคดีที่มีเพื่อนดีอย่างมันนะ"  ไอ่เนพูดชมไอ่คิมแล้วมันก็ยิ้มกับผม  

         " ก็เออ  นั่นน่ะ   ช่วงนั้นถ้ากูไม่มีมันกูก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไงเลย    กูอาจจะทำใจไม่ได้แล้วเตลิดเปิดเปิงไปไหนๆก็ได้   ยังดีที่มีมันเข้าใจกูตลอด    ต้องขอบใจมันจริงๆว่ะ"   ผมเล่าไปแล้ว   ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่บอกไอ่เนเรื่องที่มันรักไอ่บอลตอนนี้คงดีกว่านะ    เพราะยังไงผมก็รับปากมันไว้แล้วว่าจะไม่บอกใครก่อน    เพราะงั้นถ้าใครสักคนจะรู้เรื่องนี้ได้ก็จะต้องเป็นจากปากมันเอง  ไม่ใช่ผมนะ

         " เอ๊ะ....  แล้วนี่ที่มึงบอกว่ามึงทำใจไม่ได้น่ะ   จริงๆแล้วมันเรื่องกู....    อ๋อ   เพราะกูไปคบกับเกตเค้าน่ะเหรอวะ   ก็ตอนนั้นเราคุยกันแล้วนี่หว่า   มึงก็บอกกูแล้วนี่ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรน่ะ"   มันหันมาถามผมแล้ว   ผมก็อึกอักไปหน่อยนึง  แล้วก็ต้องสารภาพกับมัน

         " เออ..... ก็ตอนนั้นกูก็ไม่อยากไปห้ามอะไรมึงน่ะ    อยากให้มึงสบายใจนะ    แต่.... เออๆ   ช่างมันเหอะว่ะ   นะ.... มันผ่านไปแล้วล่ะ    กูก็แค่อยากให้มึงสบายใจกับทางที่มึงเลือกก็เท่านั้น"  

         " แล้วมึงก็เลยมานั่งทุกข์ใจอยู่คนเดียวน่ะเหรอ   โธ่เอ๊ย....  มึงมันก็ยังงี้ทุกทีอ่ะ   เฮ้อ....  แต่กูก็ผิดเองแหละนะ     ที่ไม่ได้นึกถึงใจมึงเลย   ขอโทษนะเว้ย"   มันว่าแล้วก็ซบหน้ามันลงมาใกล้จนหน้าผากมันชิดกับหน้าผากผมเหมือนอยากจะขอโทษ

         " เออๆ  มึงก็ไม่ได้ผิดหรอกนะ    กูก็ไม่ดีเองที่ไม่ได้บอกมึงตรงๆ   ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียวเกินไป     แต่ตอนนี้ก็เข้าใจกันแล้วนะเว้ย   มึงไม่ต้องคิดมากแล้วล่ะ"  แล้วผมก็เลยจูบหน้าผากมันเบาๆ   มันก็ยิ้มให้ผม

         ในที่สุดผมกับมันก็ได้รักกันจริงๆจังๆซะที    ก็ดีใจมากเลยครับ  เหมือนกับว่านี่ผมฝันไปเลยนะ    ทุกๆอย่างมันเริ่มลงตัวในแบบของมันได้แล้ว     ต่อไปผมจะไม่ยอมให้ความกลัวของผมเองต้องมาทำลายความรักของผมกับมันอีกแล้วล่ะนะ    เพราะผมคงต้องเห็นแก่มันให้มากๆซะบ้างให้สมกับที่มันก็รักผมขนาดนี้    และผมจะไม่ทำให้มันต้องเสียใจเพราะผมอีกแน่    ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม

                                       -

                                       -

         วันรุ่งขึ้นนั้นพอผมกลับไปที่วัดแล้ว   ไอ่คิมมันก็เลยโทรเข้ามาหาผมเพื่อถามเรื่องไอ่เน   ผมก็บอกมันไปอย่างสบายใจว่าเคลียร์กันได้แล้ว    มันก็ยังว่ามันดีใจด้วย    ผมก็เลยว่าจะไปหามันแต่มันบอกว่าเดี๋ยวมันจะมาหาผมที่วัดเอง

         " เออ  ตกลงมึงก็เคลียร์กันได้แล้วใช่ปะ   อืมๆกูก็ดีใจด้วยแหละว่ะ   ก็อย่างที่กูคิดแหละว่ายังไงมันก็ยังรักมึงอยู่ดีน่ะ   ก็ดีแล้วล่ะ   โล่งใจไปที"  

         " มันก็จริงของมึงแหละ  ว่าแต่ว่าแล้วเรื่องของมึงล่ะ   กูเป็นห่วงมึงว่ะ   ยังไงซะกูก็ยังอยากให้มึงคุยกับไอ่บอลมันนะ   ลองดูอีกทีนึง   แล้วกูกับไอ่เนก็จะช่วยมึงด้วย"  

         " เฮ่ย   มันจะดีเหรอวะ   มึงจะช่วยยังไงเหรอ"   ไอ่คิมถามผมด้วยสายตาที่หวั่นๆ   มันก็คงไม่มั่นใจนะ

         " คือ... กูว่าจะลองๆดูท่าทีมันแล้วบอกมันเรื่องกูกับไอ่เนน่ะ   อยากดูว่ามันจะว่าไง   ถ้ามันรับได้เรื่องพวกกูมันก็น่าจะรับได้เรื่องที่มึงชอบมันเหมือนกัน  ไม่รู้ดิ   กูอยากลองดูว่ะ"  

         " อืม มันก็จริงของมึง   แต่ถ้ามันรับเรื่องพวกมึงไม่ได้แล้วเลิกคบกันไปเลยล่ะ   กูกลัวว่ะ  มันจะเสี่ยงไปนะนั่น"   มันบอกมาอย่างนี้ก็แสดงว่าจริงๆมันก็ห่วงผมกับไอ่เนนะว่าไอ่บอลมันจะพลอยรังเกียจเราไปด้วย
   
         " มึงไม่ต้องคิดมากหรอก    ก็อย่างที่มึงพูดไง    คนเราถ้ารับอะไรที่เพื่อนมันเป็นอยู่ไม่ได้    ก็เสียเวลาคบกันเปล่าๆว่ะ    เพราะงั้นถ้าไอ่บอลมันรับพวกกูไม่ได้ล่ะก็   กูว่าก็คงต้องปล่อยมันไปนะ   เพราะที่พวกกูเป็นอยู่เนี่ย   จะไปปิดมันตลอดไปก็คงไม่ได้    แล้วมึงเองก็เหมือนกันว่ะ   มึงทนกับสภาพนี้มานานแล้วนะ    กูไม่อยากเห็นมึงไม่มีความสุขแล้วว่ะ"   ผมสรุปสิ่งที่ผมคิดอยู่ให้มันฟัง

         " เออ.. ก็ใช่นะ   มันคงถึงเวลาแล้วมั๊งที่กูก็คงต้องหลุดพ้นไปจากไอ้ที่ต้องทนอยู่นี่ซะที    ในเมื่อกูเป็นคนพูดเองนี่นะ  ว่าเพื่อนกันก็ต้องรับกันได้ทุกอย่าง   แต่ถ้ามันรับไม่ได้   ก็คงไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ   ที่กูจะต้องรักษามิตรภาพของกูไว้นะ   ขอบใจมึงว่ะ   ที่ทำให้กูคิดได้ซะทีนะ   ถ้างั้นกูก็จะเป็นคนบอกมันเองเลย   มึงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ"   มันยิ้มออกมาแล้วก็ตบไหล่ผมเบาๆทีนึงเป็นการขอบใจ    ท่าทางมันก็มั่นใจขึ้นมากเลย

         " อืม  ดีแล้วล่ะ   แต่ว่าให้กูบอกมันเรื่องกูกับไอ่เนก่อน   แล้วมึงค่อยบอกมันละกัน   เอาตามนี้นะเว้ย   ถึงกูจะไม่มั่นใจเลย   ว่ามันจะรับได้มั๊ย   แต่กูก็คิดว่านี่มันคงเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วสำหรับมึงนะ   เพราะว่ามึงทนมาพอแล้วล่ะว่ะ"

         ตอนนี้ผมก็ได้แต่คิดเอาเองนะครับ   ว่าอยากให้มันเคลียร์ปัญหานี้ของมันให้จบไปเสียที   เพราะยิ่งนานๆไปมิตรภาพที่มันได้แค่รักษาไว้นั้นก็คงจะยิ่งหันมาทำร้ายมันมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว    ผมสงสารมันน่ะ

         พอหลังจากที่ผมเล่าให้ไอ่เนมันฟังเรื่องที่ไอ่คิมมันรักไอ่บอลแล้ว    ไอ่เนมันก็ตกใจมากเหมือนกันครับ  เพราะมันไม่นึกเหมือนกันว่าจริงๆแล้วมันรักกันอยู่   ดังนั้นเราก็เลยตกลงกันว่าต้องคุยกับไอ่บอลมันอย่างจริงๆจังๆซะทีนะ

         มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ   ต้องให้ไอ่บอลมันได้รับรู้ทุกๆอย่างแล้ว   ไอ่คิมเองมันก็ทนแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นมานานเกินไปแล้วนะ   ต่อไปปัญหาเรื่องนี้มันจะได้จบ   ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม   แต่อย่างน้อยมันก็จะได้จบไปจริงๆซะที

                              ****************
ต่อหน้าถัดไปเลยครับ  อย่าเพิ่งค้างกันนะ อิอิ  คลิกหน้าต่อไปโลด :a1:  -------------------------------->
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 18 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 03/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 10-12-2010 22:05:52
อ้ะ มาอ่านกันต่อครับ  ตอนนี้ยาวหน่อยนะ

                                 *********

         วันรุ่งขึ้นไอ่บอลมันก็แปลกใจที่พวกเราชวนมันมานั่งคุยกันที่โต๊ะม้าหินหลังตึกเรียนที่นั่งกันประจำที่มหาลัย    จากนั้นผมก็เริ่มเล่าให้มันฟังเรื่องผมกับไอ่เน    เท่านั้นแหละครับมันก็ถึงกับตกตะลึงจนตาโตเลย

         " เฮ้ย   งั้นที่ผ่านๆมานี่พวกมึงก็.....   นี่มึงมาเล่นมุขอะไรกะกูรึเปล่าเนี่ย   ล้อกูเล่นรึเปล่าวะ"   มันพูดเหมือนยังไม่เชื่อหูตัวเอง  พร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว

         " สัดนี่   หน้าพวกกูเหมือนล้อเล่นเหรอวะ   กูอ่ะรักกันจริงๆ  แล้วก็เป็นเกย์ด้วยนะ    มึงรู้อย่างนี้แล้วมึงจะว่าไงล่ะวะ"   ไอ่เนมันถามแล้วก็มองหน้าไอ่บอลนิ่งๆอย่างจริงจัง

         " โอย...  นี่มันอะไรกันวะ   กูงงไปหมดแล้ว"  ไอ้บอลมันรำพึงออกมาแล้วก็ทรุดตัวลงไปนั่งกับม้าหิน

         " เออ   ก็ถ้ามึงจะรับไม่ได้อ่ะ   กูก็เข้าใจว่ะ บอล  แต่วันนี้กูก็ต้องบอกมึงไว้    เพราะว่าไม่อยากจะปิดมึงอีกนะ   ไม่งั้นมันก็เหมือนเราไม่ไว้ใจมึงน่ะ   มึงเข้าใจมั๊ย"   ผมพยายามอธิบายให้มันฟัง    แต่มันกลับเริ่มทำหน้างอๆเหมือนไม่พอใจ

         " แล้วทีเมื่อก่อนมึงไปทำอะไรกันมึงเคยอยากจะบอกกูมั๊ย    กูถึงว่าดิ   เดี๋ยวไอ่เชี่ยคิมก็หายไปมั่ง   เดี๋ยวก็มึงหายไปมั่ง   กูถามไอ่เนมันก็ไม่รู้ๆอย่างเดียว   ตอนนั้นน่ะกูห่วงพวกมึงอยู่หรอกนะ  แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพวกมึงมีอะไรกันแน่   เพราะไม่มีใครเคยคิดจะบอกกูเลย   ปล่อยให้กูโง่ไม่รู้เรื่องอยู่ได้น่ะ"   มันบ่นอย่างน้อยใจ   ก็จริงของมันครับ   ผมเองก็ลืมนึกถึงใจมันไปเลยนะตอนนั้น

         " เพราะงั้นตอนนี้มึงก็ไม่ต้องมาถามอะไรกูแล้วล่ะ    จะทำอะไรกันก็เรื่องของพวกมึงเหอะ  ไม่ต้องให้กูร่วมรับรู้หรอกว่ะ   เพราะกูไม่อยากรู้อะไรแล้วล่ะนะ"   คราวนี้มันลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยท่าทางโกรธๆเลยครับ     ผมเลยตัดสินใจรีบลุกตามมันไปในขณะที่ไอ่คิมกับไอ่เนก็กำลังจะตามไปเช่นกัน

         " เฮ้ย   กูขอตามไปคุยกะมันเองนะ   กูว่ากูพอมีเหตุผลดีๆที่จะบอกมันได้ว่ะ   ขอกูลองหน่อยนะ"  ผมบอกไอ่เนกับไอ่คิมให้รออยู่   ซึ่งพวกมันก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

         " ยังไงมึงก็ช่วยอธิบายให้มันเข้าใจกูด้วยแล้วกัน  ไอ่อิน   กูฝากมึงด้วยนะเว้ย"   ไอ่คิมเอ่ยปากกับผมแล้วยิ้มอย่างเชื่อมั่นในตัวผม   ผมก็เลยพยักหน้าให้มันแล้วตบไหล่มันเบาๆทีนึงแทนการรับปากมัน

         แล้วผมเลยรีบวิ่งตามไอ่บอลมันไปติดๆจนถึงรถของมัน    เห็นมันกำลังเข้าไปนั่งในรถแล้ว   ผมก็เลยรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างมันทันที

         " เฮ้ย   มึงจะตามมาอีกทำไมวะเนี่ย   ขอกูไปตามทางกูได้มั๊ยวะ  แมร่ง...."    มันบ่นออกมาแล้วก็กระแทกพวงมาลัยอย่างฉุนเฉียวเลย

         " เออ.... งั้นมึงก็ฟังกูก่อนแล้วกัน   จากนั้นมึงจะไปไหนก็แล้วแต่มึงละกันนะ    แค่อยากคุยกับมึงให้เข้าใจซะทีน่ะ"  ผมบอกกับมันหวังจะให้มันใจเย็นลงสักหน่อย

         " โอเคๆ    งั้นมึงว่ามา... ระหว่างพวกมึงน่ะ   มันอะไรกันนักหนา   ซับซ้อนกันจัง"   มันยอมฟังผมแล้ว

         " อืม  งั้นกูถามมึงก่อนเลยนะ   ว่ามึงรับได้ใช่มั๊ย   ถ้าความจริงแล้วเพื่อนมึงเป็นเกย์น่ะ   กูเองก็อยากบอกมึงมานานแล้ว   แต่ที่ยังไม่บอกไม่ได้หมายความว่าพวกกูมีอะไรแล้วไม่ยอมบอกมึงนะ   แค่ไม่กล้าบอกจริงๆกลัวว่าถ้ามึงไม่เข้าใจแล้วจะรังเกียจพวกกูน่ะ

         " อ้าว  แล้วถ้างั้นมึงจะมาบอกทำไมตอนนี้ล่ะวะ   ไม่กลัวกูรับไม่ได้อีกเรอะไง   กูไม่เข้าใจว่ะ"   มันบอกแล้วก็เกาหัว   ท่าทางมันก็ดูใจเย็นลงไปเยอะเหมือนไม่ค่อยโกรธแล้ว

         " ก็นั่นแหละ   มันก็คงถึงเวลาแล้วด้วยไง   ถึงปิดมึงไปสักแค่ไหนวันนึงมึงก็ต้องรู้น่ะ   เพราะงั้นกูถึงต้องบอกมึงด้วยตัวเองไง   เข้าใจยัง   เพราะมึงน่ะเพื่อนกูนะ   กูยอมให้มึงรังเกียจพวกกูซะก็ได้   แต่กูก็ไม่อยากให้มึงมารู้เองว่ะ  ไม่งั้นมึงคงคิดว่ากูไม่แคร์มึงนะ"

         " เออ..  งั้นมึงก็รู้ไว้เลยนะ    คนอย่างกูอ่ะรักเพื่อนมากพอที่จะไม่มางี่เง่ารังเกียจเพื่อนด้วยสาเหตุแค่นี้หรอกว่ะ   กูรับได้อยู่แล้วไม่ว่าพวกมึงจะเป็นอะไรแค่มึงบอกกูมาคำเดียวอ่ะ   ไม่งั้นจะคบกันไปทำไมล่ะ   มีเพื่อนแต่รับสิ่งที่เพื่อนเป็นไม่ได้น่ะ"   มันอธิบายแล้วก็พูดปิดท้ายไปเหมือนกับที่ไอ่คิมมันพูดไม่มีผิดเลยครับ   ผมก็เลยยิ้มออกมาอย่างสบายใจที่มันเริ่มเข้าใจแล้ว

         " อืม  มึงนี่พูดเหมือนไอ่คิมมันเป๊ะๆเลยนะ   ก็ดีแล้วว่ะ   ขอบใจนะเว้ยที่เข้าใจพวกกู"  ผมบอกแล้วก็จับที่ไหล่มันไปเบาๆมันก็หันมายิ้มให้ผม

         " เออ   กูเข้าใจพวกมึงอยู่แล้วล่ะนะ   เพราะกูเองก็อยู่ในสภาพเดียวกับพวกมึงไงล่ะ    เข้าใจมั๊ย   และกูเองก็รู้นะว่าไอ่คิมน่ะมันก็รักกูอยู่   นี่แหละคือความจริงอีกด้านที่กูต้องบอกมึงล่ะ"   ผมฟังแล้วก็ต้องอึ้งเอามากๆเลยครับ    นี่ผมเจอแบบนี้อีกแล้วเหรอ   ที่ว่ากำลังจะบอกความจริงมันแต่ก็ต้องพบว่ามันรู้ดีอยู่แล้วน่ะ

         " เฮ่ย   อะไรวะ   นี่จริงๆมึงก็รู้แล้วเหรอว่ามันรักมึงน่ะ"

         " ก็ใช่ดิวะ   มันบอกมึงแล้วใช่มั๊ยล่ะ   กูก็ว่าแล้วว่ากูคงคิดไม่ผิดนะว่ามันคงรักกูอยู่จริงๆ    แต่จะว่าไปกูก็คงผิดเองที่ตลอดเวลาที่ผ่านๆมากูชอบไปทำตัวเหมือนผัวเมียกับมันมากๆ   จนสงสัยว่ามันเลยคิดจริงจังไปเลยนะ   แต่มึงรู้มั๊ยว่าทำไมกูถึงทำยังงั้น"   อีกแล้วครับ   สิ่งที่มันถามผมกลับมาแบบนี้ทำให้ผมได้แต่อึ้งจนไม่กล้าเดาอะไรต่ออีกแล้วนะครับ

         " ก็เพราะว่าจริงๆแล้วกูก็รักมันไงล่ะ   แล้วที่กูทำไปกูก็ไม่ได้ทำเล่นๆเหมือนกันนะ    แต่กูมีความสุขมากจริงๆว่ะที่ได้ทำแบบนั้นกับมัน"

         " หรือแม้แต่   มึงเคยเห็นกูมองคนอื่นมั่งมั๊ยล่ะ   ผู้หญิงเข้ามากี่คนๆกูก็ไม่ได้สนใจ    ก็เพราะกูก็รู้ดีไง   ว่าคงไม่มีใครจะมาเข้าใจกูและรักกูได้อย่างมันน่ะ   ระหว่างกูกะมันผูกพันกันมานานนะ   นานจนกูก็รู้ไงว่ากูคงขาดมันไม่ได้หรอก"  มันพูดอย่างยิ้มๆ   แต่ยิ้มของมันกลับดูฝืนๆซะมากกว่า  เหมือนมันมีอะไรในใจอยู่อีก

         " ก็แล้วทำไมมึงไม่บอกมันวะ   มึงรู้มั่งมั๊ยว่าที่ผ่านมามันก็ทนเจ็บปวดมาตลอด   แต่มันก็บอกใครไม่ได้เลย  เพราะมันก็กลัวมึงจะรับไม่ได้น่ะ    แล้วมึงเองล่ะ   ในเมื่อมึงก็รักมันนี่หว่าแล้วทำไมไม่บอกมันไปวะ  กูก็ไม่เข้าใจอ่ะ"    ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดและไม่เข้าใจในสิ่งที่มันทำอยู่

         " ก็เพราะว่ากูกลัวไง   ไหนจะทางบ้านกู  แล้วก็บ้านมันด้วย  เค้าจะว่าไงถ้าเค้ารู้   แล้วยังมึงกับไอ่เนอีก   จะรับกูได้มั๊ย   กูถึงนึกโมโหไง    ที่พวกมึงเพิ่งจะมาบอกกูนะ  กูก็ได้แต่กลัวอยู่ตั้งนาน   ที่แท้มันก็เสียเวลาเปล่าๆ   ถ้ากูรู้งี้แต่แรกก็คงดี  อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องมาฝืนทนอยู่    ว่าแต่นี่ไอ่คิมมันเสียใจมากเลยเหรอวะช่วงที่ผ่านๆมาเนี่ย   กูไม่รู้เลยจริงๆ"  มันย้อนถามผมเรื่องไอ่คิมด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง

         " ก็ เออดิวะ   กูกับมันน่ะแย่มากๆเลยช่วงนั้น   เกรดร่วงเลยนะมึงก็คงเห็นแล้ว    แต่กูก็เข้าใจมึงแล้วล่ะ   มึงเองก็คิดกลัวเหมือนกูอ่ะ   กลัวทางบ้านรู้  กลัวนั่นกลัวนี่สารพัด    แต่มึงรู้มั๊ยท้ายที่สุดแล้วมันก็เท่านั้นแหละว่ะ   เพราะคนที่ทุกข์ที่สุดมันคือเราเองนะ    ไอ้ที่กลัวๆไปก่อนมันก็ยังไม่เกิด   แต่ตัวเราดิเจ็บปวดกันแทบใจสลายเลยนะเว้ย"  

         " เออ.. กูเข้าใจแล้วว่ะ   ไอ่คิมมันต้องเสียใจเพราะกูมานานแล้ว   คงถึงเวลาที่กูต้องแก้ตัวซะทีเหมือนกัน   ขอบใจมึงนะ   กูคิดได้แล้วล่ะ   ไปเหอะ...."  มันบอกผม   แล้วก็เปิดประตูลงจากรถไป

         " อ้าว... เฮ้ย  แล้วมึงจะไปไหนล่ะ...."  ผมตะโกนถามมันแล้วก็รีบลงจากรถเหมือนกัน   มันก็เลยล๊อคประตูรถจนเรียบร้อย

         " กูก็จะไปทำทุกๆอย่างให้มันถูกต้องไง    พวกมันน่าจะยังนั่งกันอยู่ที่เดิมใช่มั๊ย"   มันยิ้มบอกกับผมแล้วก็หันหลังเดินไปเลย   ผมก็เลยต้องรีบไล่ตามมันไปอีกครับ    

         สักแป๊บนึงมันก็เดินกลับไปถึงที่ม้านั่งหลังตึกที่เรานั่งกันเมื่อกี๊   ซึ่งไอ่คิมกับไอ่เนก็ยังนั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น     แต่พอไอ่คิมมันหันไปเห็นไอ่บอลเดินมามันก็เหมือนตกใจนิดนึงแล้วลุกขึ้นจะเดินมาหาไอ่บอล

         แต่ไอ่บอลดิครับ    ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรเลย   มันเดินเข้าไปหาไอ่คิมแล้วก็เอาสองมือของมันประคองแก้มไอ่คิมไว้พลางสบตากับมันนิ่งอยู่นิดนึง   แล้วก็ประกบปากจูบไอ่คิมอย่างดูดดื่มเลย

         ต่อหน้าผมกับไอ่เนซึ่งตอนนี้ก็ได้แต่ยืนตะลึงกันอยู่พูดอะไรไม่ออกสักคำ    ดีว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลยเพราะตอนนั้นมันเย็นมากแล้ว    แต่ก็นั่นแหละ   ตอนนี้ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆอยู่เลยนะ  ไม่นึกว่าจะได้มาดูบทรักสดๆจากมันสองคนแบบนี้น่ะ

         " กูขอถามมึงนะ   มึงยังรักกูอยู่มั๊ย  และมันจะสายไปมั๊ยวะถ้ากูจะบอกว่ารักมึงน่ะ"  ไอ่บอลเอ่ยถามไอ่คิมขึ้นมาหลังจากการจูบนั้น

         " กู....  กูก็รักมึงน่ะสิวะ   รักมึงมาตลอดนะเว้ย   แล้วมึงก็รักกูเหรอวะ   กูไม่ได้ฟังผิดใช่มั๊ย"  ไอ่คิมบอกด้วยเสียงที่เริ่มสั่นเหมือนจะร้องไห้    ผมว่ามันคงดีใจมากนะนั่น

         " เออ  มึงฟังไม่ผิดหรอก   กูอยากขอโทษมึงนะที่ปล่อยให้มึงทนเจ็บอยู่คนเดียวมาตลอดเลย   กูผิดเองจริงๆ   มึงให้อภัยกูได้มั๊ยวะ"   ตอนนี้ท่าทางไอ่บอลมันก็เสียงสั่นๆพอกันแล้ว   มันก็คงดีใจเหมือนกันนะ  

         " กูไม่เคยโกรธมึงหรอกนะเว้ย   ไม่เคยเลยจริงๆ"   ไอ่คิมบอกแล้วมันก็กอดไอ่บอลแน่นแล้วก็ซบหน้ากับไหล่ของไอ่บอลร้องไห้ออกมาอย่างดีใจเลย   ส่วนไอ่บอลมันก็ร้องไห้ออกมาเบาๆอยู่แล้วก็ยืนกอดกันแน่นอยู่อย่างนั้น

         ผมเองได้แต่ยืนมองมันสองคนอย่างตื้นตันใจและเป็นสุขจนเหมือนมันล้นออกมาจากข้างในเลย    ในขณะที่ไอ่เนมันก็เดินมายืนข้างๆผมแล้วจับมือผมไว้พลางยิ้มให้ผม

         ตอนนั้นผมว่าผมช่างโชคดีเหลือเกิน    ที่ในที่สุดผมก็สามารถช่วยทำให้สถานการณ์ทุกๆอย่างมันดีขึ้นได้แล้ว   ถ้าหากว่าผมได้สมหวังกับไอ่เน   แต่ไอ่คิมมันยังต้องปวดร้าวของมันอยู่คนเดียวผมก็คงไม่ได้มีความสุขขนาดนี้หรอกนะ

         และอาจเป็นเพราะผมเองตั้งใจทำในสิ่งที่ดีๆด้วยเจตนาที่บริสุทธ์   ทุกอย่างมันจึงออกมาได้ดีแบบนี้    ดีจนก็รู้สึกเหมือนกับว่านี่ผมฝันไปรึเปล่านะ    ถ้าผมหยิกตัวเองแรงๆผมจะตื่นจากฝันนี้มั๊ย    แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น

         เพราะนี่มันเป็นความจริงที่ผมได้เจอจริงๆ    และต่อจากนี้ทุกอย่างมันก็จะดำเนินไปอย่างราบรื่นแล้วนะ    เพราะเมฆหมอกมืดมัวพวกนั้นมันจางหายไปหมดแล้ว    ฟ้าใสๆก็ได้กลับคืนมาอีกครั้งแล้วล่ะครับ

                                       -

                                       -

         หลังจากวันนั้นพวกเราก็ใช้ชีวิตกันไปอย่างมีความสุขดี     ภายนอกอาจจะไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเรารักกันแบบนี้    เค้าก็คงมองแค่ว่าเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันสี่คนเฉยๆนะ    เพราะว่าเราก็ไม่ได้ไปประกาศให้ใครรู้ว่าเราเป็นอะไร   แต่ก็ไม่ใช่เพราะว่าเราจะอายหรือว่าอะไรนะครับ

         เพียงแต่ว่าเราก็ไม่ได้อยากจะตกเป็นเป้าของสังคม    ว่าทำไมถึงต้องเป็นเกย์อะไรกันแบบนี้   เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบรึไง    ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่แฟร์กับพวกเรานัก    ในเมื่อความรักน่ะ   ยังไงมันก็คือความรักนะครับ    ไม่ว่ามันจะเกิดกับใครมันก็มีค่าเท่าๆกันทั้งนั้น    ไม่ได้แบ่งแยกหรอกว่า    ต้องเกิดกับต่างเพศกันเท่านั้นซะหน่อย

         และแน่นอนว่าคุณค่าของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย    เพราะใช่ว่ารักของหญิงชายจะมีคุณค่ามากกว่ารักของเกย์ หรือเลสเบี้ยนซะที่ไหนละครับ    มันก็ยังคงเหมือนกันนั่นแหละ

         ตราบเท่าที่เรายังรักและเข้าใจกันดีอยู่   มันก็จะเป็นสิ่งดีๆที่เหมือนกับของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้กับคนเราแล้วล่ะครับ    จงรักษามันไว้ให้ดีก็แล้วกัน..............

         เพราะถ้าต้องเสียมันไปก็อาจจะไม่มีวันเรียกคืนมาอีกแล้วก็ได้     แล้วคนที่จะต้องเสียใจก็คือตัวเราเองนั่นแหละครับ

                           ************
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 10-12-2010 22:41:57
อ๊ากกกกกกกกกกก พี่น้อต
เด็ดมากอ่ะ อ่านแล้ว ละลายเลย
คำเดียวเลยนะ พี่น้อต
"บอลโคตรแมนอ่ะ"
แซงเนไปเลยง่ะ สุโค่้ยยยยย
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Abracadabra ที่ 11-12-2010 07:28:00
แวะมาบอกว่า "ยังไม่ได้อ่านเล้ย" T-T

คือช่วงนี้ใกล้จะสอบแล้วอะคับพี่น๊อต อีกเดือนนึงข้างหน้า ไว้ไงจะพยายามมาตามอ่านให้นะพี่ ถ้าจบก่อนก็ไม่เป็นไรครับ

จริงๆหมู่นี้ไม่ค่อยได้เข้าเล้าด้วยอ่ะ สู้ๆนะพี่ อย่าคิดมาก ^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 11-12-2010 12:19:07
บอลแมนเหรอครับปิ๊ง  อิอิ

แสดงว่าชอบบอลมันมากว่าแล้วอ่ะเหรอ :laugh:

แวะมาบอกว่า "ยังไม่ได้อ่านเล้ย" T-T

คือช่วงนี้ใกล้จะสอบแล้วอะคับพี่น๊อต อีกเดือนนึงข้างหน้า ไว้ไงจะพยายามมาตามอ่านให้นะพี่ ถ้าจบก่อนก็ไม่เป็นไรครับ

จริงๆหมู่นี้ไม่ค่อยได้เข้าเล้าด้วยอ่ะ สู้ๆนะพี่ อย่าคิดมาก ^^

อิอิ ไม่เป็นไรๆ แต๊งนะ 

ว่างๆค่อยมาอ่าน o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: August_lovers ที่ 11-12-2010 12:34:22
^^
ร้องไห้ทั้งรอยยิ้มครับ

มีความสุขจัง ><
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 11-12-2010 13:00:39
ดีใจที่ทุกอย่างคลี่คลาย แต่อย่าหักมุมนะครับ ไม่งั้นใจสลายแน่
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดชรา ที่ 11-12-2010 14:58:37
 :impress3:

อยากให้หยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้จัง อยากเห็นและได้ยินรักที่สมรัก สมหวัง แม้ไม่ได้กับตัวเองก็ทำให้สุึขใจ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-12-2010 15:56:22
ดีใจไปกับอิน+เน และ บอล+คิม ในที่สุดก็เข้าใจกันเสียที
เป็นข้อคิดให้เลยนะว่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกัน เป็นคนรักกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน
บางครั้งมีอะไรต้องบอกกัน ต้องคุยกันให้เข้าใจ อย่าได้ไปคิดเองเออเองสรุปเอง
     (และต้องพูดคุยโดยไม่ใช้อารมณ์ด้วย)
เพราะสิ่งที่เราคิดเองเอเอเองสรุปเอง มันอาจไม่ใช่ก็ได้
และอย่าไปคิดแทนคนอื่นสรุปแทนคนอื่นด้วย เนอะน้องน้อตเนอะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 11-12-2010 22:59:38
พี่ น็อต ค้าบ

ตอน นี้ ยาว ได้ ใจ เลย

ตอน เดียว สรุป ได้ ทั้ง 2 คู่

หุ หุ

ใกล้ แล้ว สิ นะ ๆ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 12-12-2010 01:13:49
พ่อ กะ แม่ รับไม่ได้แหงๆ มาม่าอีก ชามโต ใช่ม่ะครับ เห้อ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 12-12-2010 12:32:14
^^
ร้องไห้ทั้งรอยยิ้มครับ

มีความสุขจัง ><

อิอิ  อย่างนั้นเลยเหรอครับ

โห..  ผมทำให้คุณจอร์จอินได้งั้นเลยเหรอครับ  :laugh:
ดีใจที่ทุกอย่างคลี่คลาย แต่อย่าหักมุมนะครับ ไม่งั้นใจสลายแน่

ยังงี้ต้องติดตามตอนจบคร้าบ :teach:
:impress3:
อยากให้หยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้จัง อยากเห็นและได้ยินรักที่สมรัก สมหวัง แม้ไม่ได้กับตัวเองก็ทำให้สุึขใจ
ได้เลยคร้าบ  พี่หนุ่ม

อีกตอนเดียวเองนะ  อิอิ
ดีใจไปกับอิน+เน และ บอล+คิม ในที่สุดก็เข้าใจกันเสียที
เป็นข้อคิดให้เลยนะว่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกัน เป็นคนรักกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน
บางครั้งมีอะไรต้องบอกกัน ต้องคุยกันให้เข้าใจ อย่าได้ไปคิดเองเออเองสรุปเอง
     (และต้องพูดคุยโดยไม่ใช้อารมณ์ด้วย)
เพราะสิ่งที่เราคิดเองเอเอเองสรุปเอง มันอาจไม่ใช่ก็ได้
และอย่าไปคิดแทนคนอื่นสรุปแทนคนอื่นด้วย เนอะน้องน้อตเนอะ

ถูกต้องละคร้าบ พี่แก้ว   อย่างที่บอกอ่ะครับคนเราคบกันน่ะมันไม่ยากแต่จะคบกันให้ยืดยาวได้อ่ะ

ยากมากๆ  มีไรก็ต้องพูดคุยกันให้เข้าใจนะ  อย่าคิดเอาเองอยู่  เพราะบางทีมันอาจจะสายไปก็ได้
พี่ น็อต ค้าบ

ตอน นี้ ยาว ได้ ใจ เลย

ตอน เดียว สรุป ได้ ทั้ง 2 คู่

หุ หุ

ใกล้ แล้ว สิ นะ ๆ
ตอนหน้ารู้ผลละครับ อิอิ  โปรดติดตาม o13
พ่อ กะ แม่ รับไม่ได้แหงๆ มาม่าอีก ชามโต ใช่ม่ะครับ เห้อ

อันนี้ต้องติดตามชมตอนต่อไปเลยคร้าบผม 

ขอบคุณมากนะ  ที่แวะมาอ่านครับ :pig4:




หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 12-12-2010 13:39:57
^
^
^
^
จิ้มตูด อิอิ

น่ารักมากมายอ่ะ พี่

กรี๊ดชอบค่า เด๋วมาอ่านต่อเน้อ :bye2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 12-12-2010 22:15:39
สองคู่ชู้ชื่น...หวานจนมดขึ้นเลยนะ
ถึงจะรู้ว่าเป็นนิยาย  แต่ก็อดที่จะรู้สึกอินไม่ได้
อ่านแล้วก็ทำให้มีความสุขในใจเล็กๆ ถึงค่อนข้างมาก
ดีใจ และยังเป็นกำลังใจ ให้กับนักเขียนใหม่ที่ชื่อ น๊อต
ที่เขียนได้ดี  มีเนื้อหาน่าสนใจ ให้ผู้อ่านได้แง่คิดอะไรบางอย่าง
และหวังว่า โอกาสต่อๆ ไป จะได้อ่านผลงานของน๊อตอีกนะครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-12-2010 13:08:09
ขอบคุณ คุณsang som ครับ  ที่มาติดตาม
 :pig4:

แล้วเดี๋ยวกลับมาอ่านตอนจบกันนะครับ



ส่วนพี่อินก็แวะมาอ่านต่อจนได้นะครับ

แต่ยังไม่จบนะพี่  เดี๋ยวจะลงตอนจบต่อให้เลยครับผม
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 13-12-2010 16:13:54
ยังไม่จบอีกรึครับ อุตส่าห์หลงดีใจ เอ๊ย ขออภัย ดีใจที่ยังไม่จบ นะ
แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร สำหรับการเขียนเรื่องแรก
ก็ขอวิจารณ์พอหอมปากหอมคอ ก็แล้วกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
จริงๆ ไม่ใช่นักวิจารณ์อะไรหรอกครับ เพียงแต่ได้อ่านนิยายกะเขามาบ้าง
ก็เลยรู้สึกถึงข้อแตกต่าง เช่น เรื่องของผู้คน และ สิ่งแวดล้อม

ในเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นจะเห็นภาพแค่ อิน กะ เน เท่านั้น ส่วนตัวประกอบอื่นๆ
ที่ช่วยสร้างสีสรร แทบไม่ค่อยเห็น พึ่งจะมี คิม กะ บอล ในช่วงท้ายๆ เท่านั้น
ทำให้เวลาอ่านแล้ว รู้สึกเงียบๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนดูหนังที่ทั้งเรื่อง
เห็นพระเอกนางเอก คุยกันอยู่แต่ในบ้าน นานๆ ถึงจะออกไปเจอผู้คนข้างนอกบ้าง

ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม ก็เช่น สถานที่ที่ทั้งคู่ หรือคนใดคนหนึ่งทำงาน หรือทำกิจกรรมนอกสถานที่
หรือไปเที่ยวที่มีผู้คนอื่นๆ ด้วย (คือ ขนาดไปเที่ยวยังไม่เห็นคนอื่นมาเข้าฉากเลย สงสัยโดนทีมงานไล่ไทยมุงออกไปหมด)

คือ อยากให้มีตัวละครอื่นๆ อีกมาประกอบ  และควรมีวิธีการอธิบาย หรือกล่าวถึงตัวละคร
ไม่ว่าจะเป็นตัวเอก หรือตัวประกอบหลักๆ เพื่อให้เห็นคาแร็กเตอร์ของแต่ละคนที่ชัดเจน และมีความแตกต่าง

อีกอย่าง ก็คงเป็นเรื่องสถานที่ ที่น่าจะมีเพิ่มเติมสำหรับให้ตัวละครได้ไปทำกิจกรรมบางอย่าง
แบบเป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้ ได้พบเจอตัวละครอื่นๆบ้าง และมีวิธีอธิบายให้ผู้อ่าน สามารถจินตนาการตามได้

นอกจากนั้น ในส่วนของเนื้อเรื่อง อาจมีความซับซ้อนขึ้น มีการหักมุม หรือมีเงื่อนปมแฝงไว้ ให้ผู้อ่านได้ลุ้นและติดตาม

แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว อาจจะไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจใครๆ ก็ได้
และก็เข้าใจว่า บางอย่างอาจถูกจำกัดด้วยธีมของเนื้อเรื่อง หรือเป็นความจงใจของผู้เขียนเอง
แต่ยังไง ผมก็มีเจตนาดี อยากให้น้องน๊อต ได้สร้างสรรผลงานดีๆ มีคุณภาพออกมาอีกน่ะครับ o13
 


หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-12-2010 19:49:26
อิอิ มากอดขอบคุณพี่อินหลายๆทีเลย
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อุตส่าห์แนะนำอะไรดีๆ  ก็จริงอย่างที่บอกครับ  หลายๆคนที่อ่านตอนแรกๆเค้าคงเบื่อกันไปซะก่อนแล้ว

เลยไม่ได้กลับมาอ่านอีกเท่าไหร่   เพราะเรื่องนี้ก็เป็เรื่องแรกที่ผมเขียนจริงๆ

และผมเองไม่ค่อยได้ไปอ่านนิยายของใครเค้าเ้ลยครับ  ต้องยอมรับว่าไม่มีพื้นฐานในการแต่งเรื่องที่ดีเอาซะเลย

ที่เขียนไปก็เลยอาศัยแค่ความเข้าใจและมุมมองของตัวเองเท่านั้นน่ะครับ

หลังๆมานี้จะพยายามศึกษาเทคนิคต่างๆที่ใช้ดำเ้นินเรื่องนะครับ  ก็คิดว่าคงพอพัฒนาไปได้แหละลองติดตามต่อละกันนะครับ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-12-2010 20:01:31
และแล้วก็มาถึงบทส่งท้ายของเรื่องราวนี้แล้วครับ   หลังจากที่ได้ติดตามกันมานานพอควร

ขอบคุณนะครับที่แวะมาอ่านและติดตามกันเรื่อยมา  อย่างที่บอกครับผมยังเขียนได้ไม่ดีเลย

แต่ก็จะพยายามพัฒนาไปเรื่อยๆนะครับ  ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมตั้งใจแล้วว่าจะเขียนต่อไป

ยังไงก็ฝากไว้่ด้วยนะครับผม  อีกไม่นานจะมีงานใหม่มาให้อ่านกันอีก

แล้วก็ฝากเรื่อง"ฤดูรักสองเรา" ไว้ด้วยนะครับ  อีกไม่นานนี้ก็จะลงภาคต่อที่เป็นภาคสุดท้ายให้ได้อ่านกัน
                              ขอบคุณมากครับ

ตอนอวสาน
         (http://i561.photobucket.com/albums/ss58/Notabadguyz/Friendshipsign02.jpg)

                                 *************

         วันเวลายังคงเดินของมันไปเรื่อยๆ    สองปีผ่านไปจนถึงวันนี้ก็เป็นวันจบการศึกษาของพวกเราแล้วครับ   งานวันรับปริญญาของเราก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลย

         ขณะนี้ผมมายืนอยู่กับไอ้เนที่บริเวณหน้าที่เก็บอัฐิของพ่อกับแม่ผมตามความต้องการของไอ่เน    มันว่ามันอยากมาลาพ่อกับแม่ผมด้วยเพราะหลังจากที่เรารับปริญญากันแล้ว    มันก็จะบินไปเรียนรู้งานและช่วยพ่อแม่ของมันคุมร้านที่โน่นเลย

         " พ่อครับแม่ครับ   ผมขอมาลาพ่อกับแม่ด้วยนะครับ    ต่อไปผมต้องไปที่โน่นเพื่ออนาคตของผม   ขอบพระคุณพ่อกับแม่มากนะครับที่ช่วยคุ้มครองดูแลพวกเราให้พ้นอุปสรรคทุกๆอย่างมาได้ด้วยดี   ต่อไปผมกับไอ่อินจะไม่ทิ้งกัน   จะรักและดีต่อกันตลอดไป   ก็ขอให้ดวงวิญญาณของพ่อกับแม่ได้รับรู้และอวยพรให้พวกเราด้วยนะครับ"    มันตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ก้มลงกราบพร้อมกับผม    แล้วเราก็ยิ้มให้กันมองไปที่รูปของพ่อกับแม่ผมที่อยู่ตรงนั้น

         ตอนนั้นผมก็ได้แต่หวังไว้ว่าดวงวิญญาณของพ่อกับแม่ผมคงได้รับรู้แล้ว   และท่านก็คงจะเข้าใจเราสองคนได้    ว่าเรารักกันด้วยใจจริงๆแม้ว่ามันจะไม่เหมาะสมถูกต้องนัก    ก็ได้แต่หวังว่าท่านจะยอมให้อภัยผมกับมันนะ

         " อิน  กูมีเรื่องอยากขอร้องมึงอีกเรื่องว่ะ    ต่อไปนี้พอกูไม่อยู่นี่แล้วกูขอฝากบ้านกูไว้กับมึงด้วยนะ   ขอให้มึงย้ายออกจากวัดแล้วมาอยู่ที่บ้านกูเลย   พ่อแม่กูก็ต้องการแบบนั้นด้วยแหละ   มึงอย่าปฏิเสธกูเลยนะ   กูขอร้องล่ะ"  

         " เพราะมึงก็รู้ดีนะทั้งกูและพ่อแม่กูไม่เคยเห็นมึงเป็นคนอื่น   เพราะงั้นกูก็จะขอมึงว่าอย่าเห็นเราเป็นคนอื่นเลย   ได้มั๊ยวะ"  มันขอร้องผมอีกครั้ง   แน่นอนว่าผมเข้าใจมันดีซึ่งเพราะเหตุนี้ผมถึงไม่ปฏิเสธมัน

         " อืม  ได้ดิ  กูจะดูแลบ้านให้มึงเอง   ขอบใจมึงกับพ่อแม่มึงที่ไว้ใจกูนะ   กูจะไม่ทำให้มึงผิดหวังหรอก  กูสัญญาว่ะ"  ผมบอกแล้วก็โอบไหล่มันไว้   มันก็ยิ้มอย่างดีใจเลยครับ  

                                       -

                                       -

         ในวันที่เรารับปริญญานั้นพ่อแม่ไอ่เนก็บินกลับมาร่วมตามเคย    เรียกได้ว่าเค้ายอมขาดทุนปิดร้านหลายวันเลยเพื่องานนี้    ก็แน่ล่ะนะ   ลูกชายคนเดียวประสบความสำเร็จขนาดนี้จะไม่ให้มาร่วมยินดีก็คงไม่ได้อยู่แล้วล่ะครับ

         พวกเราทั้งหมดได้ถ่ายรูปร่วมกันไว้เยอะมาก   รูปที่ผมประทับใจก็จะเป็นรูปที่ผมถ่ายกับพ่อแม่ของมันนะ   แม่มันกอดผมกับไอ่เนไว้ด้วยกันแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข

         ผมได้มองภาพนั้นทีไรก็ยิ้มออกมาได้ทุกที   เพราะมันเหมือนกับว่าชีวิตที่เคยขาดหายของผมได้เติมเต็มกลับมาแล้ว

         จนรู้สึกว่ามากกว่าที่เคยหวังไว้ซะด้วยซ้ำ...............

         หลังจากวันพิธีรับปริญญาจบลงพวกเราสี่คนก็พากันมาฉลองกับเพื่อนๆกันอย่างสนุกสนานครับ     เดี๋ยวนี้ไอ่คิมกับไอ่บอลมันก็ยิ่งดูรักกันมากขึ้นเยอะเลย    พอดูๆอย่างนี้ผมว่ามันก็เหมาะกันดี   คงเพราะว่านิสัยมันจะเติมเต็มให้กันได้ดีอยู่   ก็เหมือนผมกับไอ่เนนะที่คงจะมีแต่ผมที่เข้าใจมันดีแม้มันจะเอาแต่ใจ

         จากนั้นไม่นานไอ่คิมมันก็ไปเรียนต่อเพื่อเตรียมตัวสอบเป็นสจ๊วตตามที่มันหวังไว้     ส่วนไอ่บอลมันก็ลองไปสมัครงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งและได้ทำงานในตำแหน่งฟร้อนท์เป็นแผนกต้อนรับนะครับ    

         ส่วนไอ่เนก็ยังคงเตรียมตัวสำหรับการบินไปอเมริกาเพื่อไปช่วยพ่อกับแม่มันที่ร้าน    โกอินเตอร์แล้วสินะมึง

         ต่อไปนี้จะไม่มีไอ่เนเด็กเกเรคนเดิมที่เอาแต่วางก้ามรังแกคนอ่อนแอกว่า  และยังติดการพนันงอมแงมจนเป็นหนี้พนันท่วมหัวไร้อนาคตคนนั้นอีกแล้ว.......

         เพราะวันนี้ที่ผมได้เห็นตรงนี้  ผมกลับมองเห็นแค่ไอ่เนบัณฑิตใหม่อนาคตไกลทายาทเจ้าของกิจการร้านอาหารไทยในอเมริกา   ที่กำลังจะบินกลับไปดูแลกิจการและสานต่องานจากพ่อแม่ของมันแล้วนะ

         ซึ่งตัวมันก็ยังคงพูดเสมอ    ว่ามันมีวันนี้ได้ก็เพราะผม    แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย   ที่มันมีวันนี้ได้ก็เพราะความอดทนและตั้งใจจริงของตัวมันเองนะ    เพราะผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าช่วยคนๆนึงที่กำลังจะถูกรุมจนตายในวันนั้นก็เท่านั้นเองครับ

         เพียงแต่ถ้าในวันนั้นผมกลัวหรือไม่ได้ตัดสินใจช่วยมัน    เราก็คงจะไม่ได้มีวันนี้ด้วยกันนะ    ซึ่งมันก็คงจะน่าเสียดายจริงๆถ้าจะเป็นอย่างนั้น

         " คิดอะไรอยู่วะ  ไอ่อิน"  มันถามผมในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเพลินๆอยู่ที่ริมระเบียงบ้านของมัน    ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วนะ   ที่มันจะอยู่ที่นี่    วันรุ่งขึ้นมันก็จะต้องบินไปที่โน่นแล้ว

         " ก็คิดถึงเรื่องเก่าๆว่ะ   คิดถึงวันแรกที่กูได้มาที่นี่   วันแรกที่ได้คุยกับมึงอย่างจริงๆจังๆน่ะ   ก็แปลกดีว่ะจริงๆแล้วมึงกะกูก็ไม่น่าจะมาคบกันได้เลยนะ   เกลียดกันเป็นศัตรูกันซะขนาดนั้นอ่ะ"   ผมหันมาบอกมันแล้วก็ยืนพิงกับราวระเบียง

         " เออ  ก็นั่นดิวะ   แต่ก็อย่างที่กูบอกมึงไง   เราสองคนน่ะ  คงเป็นเนื้อคู่กันมาไงล่ะ  ฮ่าๆๆ"  มันหัวเราะชอบใจ

         " สัดนี่  มุขนี้อีกแล้ว  แต่ก็ช่างเหอะ   ยังไงซะกูก็ดีใจแหละ  ไม่งั้นป่านนี้กูก็ยังไม่รู้เลยว่าชีวิตกูมันจะเป็นยังไง    สงสัยก็คงเป็นแค่คนสิ้นหวังมีชีวิตไปวันๆเหมือนเดิมอย่างตอนที่กูเป็นเด็กๆมั๊ง"   ผมพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมานิดนึงเมื่อนึกถึงฝันร้ายตอนเด็กๆของผม

         " เออ... เอาน่ะ  มันผ่านไปแล้วนะเว้ย   ผ่านไปด้วยดีก็เพราะความดีของมึงนั่นไง  และมึงก็ไม่ได้ดีขึ้นแค่ตัวมึงเองนะแต่ยังช่วยชีวิตกูให้ดีขึ้นจนมีวันนี้ด้วยน่ะ   กูอยากจะขอบคุณโชคชะตา  ขอบคุณสวรรค์  หรืออะไรก็ตามแต่ที่บันดาลให้เราได้มาพบกันจริงๆเลยว่ะ"  มันบอกแล้วก็เดินมากอดผมไว้

                                       -

                                       -

         ท้องฟ้ายามค่ำข้างนอกนั้นแต็มไปด้วยดาวที่สุกใสสว่าง    เหมือนกับความหวังของเราสองคนตอนนี้    ผมกับมันก็เลยนั่งเคียงข้างกันอยู่ตรงระเบียงนั้นแล้วก็มองดวงดาวกันอย่างมีความสุข   เหมือนกับภาพตอนจบของนวนิยายหรือหนังโรแมนติกอะไรสักเรื่องนึง

         เพียงแต่ผมก็ไม่กล้าคิดหรอกว่ามันจะจบอย่างแฮบปี้เอนดิ้งได้ขนาดนั้นน่ะนะ    อนาคตเรายังต้องเดินต่อไปอีกยาวนานนัก   ก็ไม่รู้นะว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง

         แต่มันก็ได้สัญญากับผมแล้วว่าจะรักและดีต่อกันตลอดไป   ซึ่งแค่นั้นผมก็พอใจแล้วนะ   และหลังจากนี้แม้เราจะต้องจากกันไปไกลจนไม่ได้เจอกันอีกนานมากๆ    แต่ผมก็จะจดจำมันไว้แบบนี้และจะขอรักมันคนเดียวตลอดไป

         คืนนั้นเราได้อยู่ด้วยกันเป็นคืนสุดท้ายแล้ว  ผมรู้สึกใจหายจริงๆนะครับ   แต่รสรักจากมันในคืนนั้นจะติดตรึงในใจผมตลอดไปตราบจนถึงวันที่เราจะได้กลับมาพบกันอีก   และผมจะขอรอวันนั้นอยู่ที่นี่อย่างนี้แหละครับ

                                       -

                                       -

         ตอนนี้ผมกับมันและไอ่คิมกับไอ่บอลก็ได้มาอยู่ที่สนามบินแล้ว   พวกเราต่างอาลัยอาวรณ์กันมากเพราะอยู่ด้วยกันมาตลอดสี่ปีโดยไม่เคยต้องจากกันไปไหนนานๆเลย    แต่คราวนี้ไอ่เนมันจะต้องจากเราไปเป็นปีๆอย่างนี้ก็เลยทำให้ใจหายกันไปหมดนะครับ

         " โทรมาละกันนะเว้ย   เออ  แต่เล่นเอ็มหากันก็ได้นี่หว่า  ได้เห็นหน้าด้วย"  ไอ่บอลเสนอ

         " เออๆ  ก็ดีเหมือนกันว่ะ  เฮ้อ  แต่ก็นะ   ใจหายว่ะ   มันนานเป็นปีเลย   ก็ขอให้โชคดีแล้วกันนะเว้ย"   ไอ่คิมบอกมันแล้วก็ตบไหล่มันเบาๆ

         " อืม  กูจะโทรมาแหละ   แล้วก็เล่นเอ็มมาคุยด้วยนะ   ยังไงเราก็ไม่ได้หายจากกันไปซะเลยหรอกน่า   แล้วกูจะกลับมาว่ะ   พวกมึงรอกูนะ"  มันบอกไอ่คิมกับไอ่บอลแล้วก็หันมาหาผม

         " มึงรอกูนะเว้ย  อิน  กูฝากบ้านกูกับมึงด้วยนะ   แล้วก็ดูแลตัวมึงเองด้วยนะเว้ย"  มันบอกผมแล้วก็ก้มหน้าเอาหน้าผากมันมาแตะกับหน้าผากผมไว้   พร้อมๆกับปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาช้าๆ

         จนผมเองก็เลยกอดมันไว้แล้วแน่นร้องไห้ออกมาเบาๆแล้วก็ต้องรีบหยุดไว้แค่นั้นแล้วสบตากับมันนิ่งๆอยู่

         " มึงก็เหมือนกันนะเว้ย   ดูแลตัวมึงเองด้วยนะ   เพราะใจกูจะอยู่กับมึงด้วยเหมือนกัน   แล้วกูก็จะรอมึงอยู่นี่แหละ   อยู่ที่บ้านของเราไงวะ   สักวันพอมึงกลับมามึงก็จะเห็นเองว่าที่บ้านนี้มันจะเหมือนเดิมทุกอย่างและจะเป็นที่ของเราสองคนตลอดไปนะเว้ย    กูจะขอดูแลมันให้ดีที่สุดจนถึงวันที่มึงกลับมานะ    กูจะรอ..."  ผมกอดกับมันแน่นเหมือนเป็นการให้สัญญากับมัน   ซึ่งมันก็คงได้รับรู้ทุกๆความรู้สึกนั้นของผมแล้ว

         หลังจากที่มันได้จากไปแล้ว    ผมยอมรับนะครับ   ว่าเอาเข้าจริงๆแล้วผมใจหายมากถึงขั้นว่าเกือบจะนอนไม่หลับในบางคืน    แต่ดีว่ารูปถ่ายเก่าๆตั้งแต่ตอนไปทำงานพิเศษด้วยกันกับวันรับปริญญานั้นก็พอจะช่วยเป็นตัวแทนของมันให้ผมได้  

         โดยเฉพาะเสื้อที่มันเซ็นให้ผมนั้น   ทุกครั้งที่ผมได้มองมันหรือเอามือสัมผัสตรงที่มันบอกว่าเขียนลงบนใจของผม   ก็ยิ่งช่วยให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมยังมีมันอยู่กับผมข้างๆเลยนะ    แม้มันจะเป็นแค่เพียงอะไรที่ผมคิดไปเองก็เถอะ   แต่มันก็สร้างความสุขให้ผมได้ไม่น้อยเลย  

         จนผมเลยตัดสินใจเอาเสื้อของตัวมันเองที่ผมเซ็นไว้มาแขวนเอาไว้ด้วยกันที่ฝาผนังข้างตู้เสื้อผ้านั่นเอง    โดยที่ผมหันด้านหน้าของตัวเสื้อของเราทั้งคู่เข้าหากันจะได้เหมือนกับว่าผมกับมันได้กอดกันอยู่ตลอดนะ

         และผมก็จะออกมานั่งเล่นกีต้าร์ที่มันตั้งใจซื้อให้ผมเป็นของขวัญที่ตรงริมระเบียงอยู่เสมอในทุกๆครั้งที่คิดถึงมันด้วยเพลงของเราเพลงนั้น     เพลง เพียงเธอ นั่นแหละครับ   ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้ผมไม่ต้องทนเหงาเพราะไม่มีมันอยู่เคียงข้างได้เป็นอย่างดีนะ

                                       -

                                       -

         ทุกวันนี้ผมก็ได้งานเป็นผู้ช่วยไกด์ในบริษัททัวร์แห่งหนึ่งครับ   เป็นแค่งานพาร์ทไทม์ที่สามารถเลือกเวลาไปทำงานได้อย่างที่ต้องการเพราะผมยังคงมีงานอื่นๆที่เป็นจ๊อบอีกนะครับ     โดยมากจะเป็นงานจากพี่ที่โมเดลลิ่งที่ก็ยังคงส่งงานดีๆมาให้ผมทำเสมอ

         อาจจะเพราะพี่เค้าว่าผมน่ารัก   ไม่เรื่องมาก  ไม่เบี้ยวงาน  ไม่มาสายและลูกค้ามักจะชอบผมเลยเจาะจงเลือกผมไปทำงานด้วยบ่อยๆ    ทำให้ผมมีงานถ่ายโฆษณาทางทีวีบ้าง   นิตยสารบ้าง  จนมีคนเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาผมบ้างแล้ว   แต่ผมเองก็ยังคงไม่ได้ลืมความฝันของตัวเองไปหรอกนะ

         หลังๆมาผมก็เลยลองคุยกับพี่ที่โมเดลลิ่งว่าผมอยากจะมีผลงานเพลงของตัวเอง   เราควรจะไปเสนอตัวกับค่ายเพลงเค้ายังไงดี  ให้พี่ช่วยแนะนำผมหน่อย   เท่านั้นแหละครับ   พี่เค้าก็เลยรีบเอาผมไปเสนอกับค่ายเพลงทันทีเลยนะ   โดยที่ผมก็ไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป

         " เอ้า  นี่นะค่ายเพลงที่นี่เค้าตอบรับมาแล้วล่ะว่าสนใจเรานะ   อินก็ลองเข้าไปคุยกับเค้าได้เลยนะจ๊ะ    เตรียมตัวพร้อมเมื่อไหร่ก็โทรไปคอนเฟิร์มนัดกับพี่เค้าได้เลยจ้ะ"  พี่ออยที่โมเดลลิ่งบอกผมแล้วก็ยื่นนามบัตรของพี่ที่เป็นฝ่ายดูแลศิลปินของค่ายเพลงแห่งนึงให้ผม   ซึ่งพอผมได้เห็นอย่างนั้นแล้วก็ตื่นเต้นมากๆเลยนะครับ

         " โห   จริงๆเหรอครับเนี่ย   นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ปะครับ   ขอบคุณพี่มากๆเลยนะที่ช่วยผมมาตลอดเลยอ่ะ"  ผมไหว้พี่ออยเป็นการใหญ่เพราะดีใจอย่างสุดๆเลยครับตอนนั้น

         " จ้าๆ   ก็แหม  เด็กดีๆอย่างเราอ่ะ  ใครๆเค้าก็ต้องสนับสนุนสิจ๊ะ   ดีแล้วล่ะนะ  เราสมควรได้รับโอกาสดีๆแบบนี้แล้ว   เพราะเราเป็นคนดีไง    ต่อไปนี้มันก็อยู่ที่ตัวเราเองแล้วนะ   พยายามให้เต็มที่ละกัน  พี่เอาใจช่วยจ้ะ"   พี่ออยบอกแล้วอวยพรให้ผม    ตอนนี้ผมเลยยิ่งดีใจจนแทบเก็บไว้ไม่ไหวแล้วครับ

         เพราะนี่เท่ากับว่าประตูที่จะเชื่อมไปสู่ความฝันของผมก็เริ่มเปิดออกแล้ว  เหลือก็แค่ให้ผมเดินเข้าไปเท่านั้นเอง

                                       -

                                       -

         หลังจากที่ผมติดต่อกับทางค่ายเพลงแล้วผมก็เลยเริ่มเตรียมตัวกับทางค่ายด้วยการไปเข้าคอร์สเรียนร้องเพลงก่อน   ซึ่งผมก็ตั้งใจอย่างมากๆเลยครับ    ซึ่งพี่ๆเค้าก็พอใจอย่างมากกับความสามารถและความตั้งใจของผม

         และพอไอ่คิมกับไอ่บอลรู้เข้าเท่านั้นแหละพวกมันก็ดีใจกันใหญ่เลยครับ    มันว่าจะได้มีเพื่อนเป็นนักร้องแล้ว   เป็นเพื่อนนักร้องก็ดังไปด้วยแน่ๆ   ผมเลยขำไปกะความคิดพวกมัน

         จากนั้นผมก็ทำงานไปด้วยแล้วก็ไปเรียนร้องเพลงกับทางค่ายเค้า    แต่บางวันที่ว่างผมก็ยังไปเล่นกีต้าร์ร้องเพลงโชว์ชาวต่างชาติที่ตรอกข้าวสารอีกนะ    อยากฝึกฝีมือกับความมั่นใจของตัวเองด้วยน่ะครับ

                                       -

                                       -

         ตั้งแต่วันที่มันจากผมไปจนถึงวันนี้ก็ปีนึงได้แล้วสินะ    ผมยังคงคิดถึงมันทุกวันแต่มันก็ได้โทรมาหาผมอยู่เรื่อยๆซึ่งก็ทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆนะที่มันไม่ลืมผมและยังรักผมเหมือนเดิม  

         " เฮ้ย  เดี๋ยวอีกไม่กี่วันกูจะกลับไปหามึงแล้วนะ   ดีใจมั๊ยจ๊ะ  เมียจ๋า  ฮ่าๆๆ"   คำพูดมันทำเอาผมดีใจอย่างมากๆจนลืมตัว  ไม่งั้นถ้าเป็นทุกๆทีที่มันพูดอย่างนี้ผมจะเขกกบาลมันนะ

         " ห๊า...  จริงๆเหรอวะ  แล้วจะมาเมื่อไหร่ล่ะ   กูจะได้ไปรับ"  

         " เออๆ   อีกสองวันนะ  รอไหวมั๊ยจ๊ะที่รัก   ว่าแต่ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่ไหนเหรอ"  มันถามผม   ตอนนั้นผมกำลังออกมาที่ตรอกข้าวสารเพื่อเล่นกีต้าร์พอดี  ก็เลยบอกมันไปตามนั้น    แล้วเราก็เลยคุยกันต่ออีกหน่อยเรื่องมันจะกลับมาเมื่อไหร่ยังไงแน่   จากนั้นมันก็วางหูไป

         ผมเลยมาเตรียมตัวร้องเพลงโชว์อยู่อย่างตื่นเต้นและดีใจมากๆครับ    ในที่สุดผมก็จะได้เจอมันแล้วนะ   มันจะเปลี่ยนไปแค่ไหน   และมันจะเป็นไงบ้างผมอยากจะเห็นมันจริงๆครับ  

         แล้วผมก็เล่นและร้องโชว์ไปสักพักนึงพอผมร้องจบผมก็โค้งให้ผู้ชมเหมือนเคย   แต่อยู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ตรงหน้า   ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองทันที

         " เพลงต่อไปผมขอเพลง "เพียงเธอ" นะครับ    ร้องให้ผมฟังได้มั๊ย    ผมชอบเพลงนี้มากๆ   ไม่ได้ฟังมานานแล้ว   และถ้าจะให้ดีผมขอร้องคู่ไปด้วยได้มั๊ยครับ"  

         เมื่อผมมองไปนั้น   ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้คนที่ผมอยากจะเจอมันที่สุดตอนนี้มันได้มายืนอยู่ต่อหน้าผมนี่เองแล้ว

         พร้อมๆกับในมือที่ถือกีต้าร์ตัวเก่าของมัน      กับรอยยิ้มเดิมๆของมันนั้น

         แล้วผมก็โผเข้ากอดมันอย่างลืมตัวเลยครับ   น้ำตาผมค่อยๆไหลอาบแก้มลงมาซึ่งมันก็มาจากความดีใจอย่างที่สุดของผมเองนั่นแหละครับ

         ผมกับมันยังคงไม่ได้พูดอะไรกันเลย   เราได้แต่กอดกันอยู่อย่างนั้นโดยที่คนรอบข้างเค้าก็คงก็ได้แต่แปลกใจว่าทำไมเราจึงมายืนกอดกันอยู่อย่างนี้    จนผมเริ่มได้สติก็เลยมองหน้ามันและยิ้มให้  

         มันก็ยังคงเหมือนเดิมทุกๆอย่าง   แม้แต่สร้อยที่ผมเคยให้มันก็ยังคงอยู่ที่คอของมันเสมอจนถึงตอนนี้

         จากนั้นมันก็หันไปทางคนดูแล้วก็เอากีต้าร์ของมันขึ้นมาเล่นช่วงดนตรีท่อนขึ้นของเพลงพลางยิ้มให้ผม    เราเลยร้องประสานกันไปเหมือนอย่างที่เคยร้องกันไว้ในวันนั้น   จนผู้คนที่ดูอยู่ก็เริ่มตบมือให้เรา

           http://www.4shared.com/embed/45759355/203eedf9

         เพียงแต่วันนี้มันต่างกับวันนั้นเยอะเลยเพราะตอนนี้เราสองคนรักกันจากใจจริงๆแล้ว    เราเลยไม่ต่างกับมิวและโต้งในเรื่องรักแห่งสยามเลยนะ

         และผมก็จะยอมให้มันเป็นมาริโอ้ไปอย่างที่มันอยากจะเป็น   ส่วนผมก็จะเป็นพิชญ์เองนะเหมือนที่เคยตกลงกับมันนั่นแหละว่าจะยอมให้มันเป็นมาริโอ้สุดเท่ก็ได้

         ตอนนี้ทั้งผมและมันก็ร้องประสานกันด้วยความรู้สึกที่ดื่มด่ำลึกซึ้งไปกับเพลงนั้นอย่างแท้จริง     ยิ่งร้องไปก็ยิ่งอินไปกับเพลงนี้นะ

         ทุกๆคำร้อง  ทุกๆตัวโน๊ตมันช่างแทนความรู้สึกของเราได้ทั้งหมดจริงๆว่าเรารักกันมากแค่ไหน

         และก็จะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่จะฟังเพลงนี้เข้าใจได้     แค่เราเท่านั้นจริงๆครับ..............

                                       -

                                       -

         พอเราร้องเพลงโชว์เสร็จแล้วก็เลยเดินเข้าไปซื้อน้ำกับเบียร์ในเซเว่นมานั่งด้วยกันที่ขอบฟุตบาธหน้าร้าน   เพราะมันบอกว่าอยากฉลองจัง    ก็ตามเคยน่ะนะ   มีอะไรก็ฉลองทั้งปีอ่ะมึง   ไม่เคยเปลี่ยน   แต่ถึงยังไงผมก็ดีใจนะ

         " ฮ่าๆๆ  ชนเว้ย   กูขอฉลองให้ศิลปินคนใหม่นะ   รับรองถ้าอัลบั้มมึงออกมาแล้วล่ะก็   มึงดังชัวร์"   มันชนแก้วกับผมแล้วก็ดื่มไปอึกใหญ่

         " เออ  ให้มันออกมาได้ก่อนเหอะ   กูยังเรียนร้องเพลงอยู่เลย    แล้วนี่ตกลงมึงกลับมาตอนไหนวะ   ตกลงว่าไอ้ที่โทรมาน่ะ  มึงหลอกกูเหรอ"   ผมคาดคั้นกับมัน

         " เออ....อ   ก็อยากเซอร์ไพร์สมึงไง   เห็นป่ะล่ะ   มึงออกจะปลื้มขนาดนี้   คิดถึงกูมากอ่ะดิ  ฮ่าๆๆ"  

         " สาด..  มึงนี่มันจะเป็นเจ้าแห่งการเซอร์ไพร์สใช่มั๊ยเนี่ย    แล้วไอ่คิมไอ่บอลมันรู้ยังน่ะ"  

         " ก็ยังหรอก   กูมาถึงนี่ปั๊บก็กลับไปที่บ้านเลยนะ   แต่เห็นมึงไม่อยู่เลยโทรหา  พอมึงบอกว่าอยู่นี่กูก็เลยหยิบกีต้าร์แล้วตามมาเลยไง"   มันเฉลยให้ผมฟังว่ามันมาหาผมที่นี่ได้ไง

         " เออๆ   กูเซอร์ไพร์สมาก    ก็ดีใจแหละนะที่มึงกลับมาแล้ว   แต่ก็ไม่รู้ดิอยากไปรับมึงเองที่สนามบินน่ะ"

         " อ้าว...  เหรอ   เออๆ  งั้นคราวหน้าละกันนะ  กูจะให้มึงไปรับที่สนามบินเองเลย   ว่าแต่เดี๋ยวกลับกันเหอะว่ะ   ดึกแล้วนี่   ชักเหนื่อยๆว่ะกู   สงสัยนั่งเครื่องนาน   เอ้อ... ใช่   กลับไปดูของฝากมึงด้วยนะ   กูซื้อมาเพียบ  ฮ่าๆๆ"   มันบอกแล้วก็ชวนผมกลับไปบ้าน

                                       -

                                       -

         ขณะนี้มันได้กลับมายังบ้านที่มันจากไปนานอีกครั้งแล้ว   ซึ่งผมได้ดูแลรักษามันเป็นอย่างดี   ข้าวของทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงอยู่ที่เดิมของมันเหมือนในวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกันนั่นแหละครับ

         " กูขอบใจมึงว่ะที่ดูแลบ้านเราอย่างดีขนาดนี้นะ   ทุกๆอย่างมันเหมือนเดิมเป๊ะเลยยังกะว่ากูยังไม่ได้ไปไหนเลยงั้นแหละ"  มันเอ่ยกับผมขณะที่เดินไปนั่งที่ริมระเบียง

         " ก็กูรับปากมึงไว้นี่   ก็ต้องทำตามนั้นสิวะ"   ผมบอกกับมันแล้วก็หยิบน้ำที่รินจากตู้เย็นมาให้มัน

         " เฮ้อ....  สบายใจจังว่ะ   ได้กลับมาบ้านที่กูรักที่สุดแล้ว   เมื่อก่อนตอนนั้นกูเคยเกลียดบ้านนี้นะ   ที่ตอนนั้นมึงยังไม่เข้าใจแล้วถามกูว่าบ้านดีอย่างนี้ทำไมกูไม่ชอบ  ก็เพราะความทรงจำเลวร้ายพวกนั้นไง"

         " แต่ตอนนี้มันกลายเป็นว่ามันมีแต่ความทรงจำดีๆของมึงกับกูนะ   กูถึงรักที่นี่จังเลยว่ะ   ถ้าเป็นไปได้อยากจะกลับมาอยู่นี่ตลอดไปเลยนะ"  

         " อ้าว  แล้วทางโน้นละวะ   ใครจะช่วยดูล่ะ  มึงจะไม่ช่วยพ่อแม่มึงต่อเหรอ"   ผมถามอย่างสงสัย

         " ก็เปล่าหรอก   แต่ไม่แน่นะต่อไปกูอาจจะขอเค้ากลับมาเปิดร้านที่นี่ให้เป็นอีกสาขานึงไง   กูอยากกลับมาอยู่กับมึงน่ะ   ดีมั๊ยล่ะ"   ผมฟังแล้วก็ยิ้มไปกับทางเลือกของมัน

         " จริงเหรอวะ   แล้วเค้าเห็นด้วยแล้วเหรอ   เออๆ  ดีเลย  กูอาจจะไปช่วยมึงที่ร้านก็ได้นะ"  

         " ก็แหงดิ    ผัวเมียกันก็ต้องช่วยกันดูแลกิจการสิวะ  ฮ่าๆๆ  จะไปจ้างคนอื่นทำไม"   มันแซวผมแล้วก็หัวเราะเสียงดัง

         " ไอ่สาดด..ด  อีกละมึง   คำก็ผัวเมีย  สองคำก็ผัวเมีย  เน้นจังนะมึง   ยังงี้กูต้องไปจดทะเบียนกะมึงเลยมั๊ยเนี่ย"  ผมประชดมันไปแต่มันก็ยิ่งหัวเราะได้ใจใหญ่

         " เออ  ดีๆ  พรุ่งนี้ไปอำเภอกันเลยนะ  ฮ่าๆๆ  ว่าแต่ตกลงกันก่อนนะ   กูขอเป็นผัวละกัน   แล้วเราค่อยมาจัดงานแต่งอีกที  ฮ่าๆๆ    ให้ไอ่คิมไอ่บอลมันมาเป็เพื่อนบ่าวสาวด้วย  ดีมั๊ย"     มันทำมาแกล้งรับมุขผมจนผมต้องขำไปกับมันอีก    จากนั้นผมก็ให้มันไปอาบน้ำแล้วก็เตรียมตัวนอนกันเพราะก็เห็นว่ามันน่าจะเหนื่อยที่เดินทางมาไกล

         " ดีจังว่ะที่มึงเอาเสื้อของมึงกับกูมาแขวนไว้ด้วยกันอย่างนี้นะ   มองดูแล้วมันก็นึกถึงวันนั้นว่ะ   ตอนที่กูเซ็นให้มึงเนี่ยกูก็ไม่นึกหรอกว่าระหว่างเรามันจะเกินเพื่อนไปอย่างนี้    ถ้ากูรู้ใจตัวเองตั้งแต่วันนั้นก็คงดี   กูจะได้เซ็นว่า จากไอ่เน คนที่รักมึงสุดหัวใจนะ   และกูก็จะไม่สนเลยว่าใครจะว่ายังไงน่ะ   เพราะกูไม่อยากเป็นแค่เพื่อนมึงแล้วไง"  

         " เฮ่ย  แต่กูว่าถ้ามันเป็นงั้นจริงๆก็เท่ากับว่าคำว่ามิตรภาพของเรามันก็ต้องหมดสิ้นไปด้วยสิวะ"   ผมบอกมันอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีนัก   แม้ว่าตอนนี้เรารักกันแบบนี้   แต่พอนึกได้ว่ามันจะเท่ากับว่าไอ้ที่เราเคยเขียนไปว่า  กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป  มันก็จะเท่ากับว่าต้องเปลี่ยนไปน่ะสิ

         " เอาน่า   มึงไม่ต้องกังวลหรอก    เดี๋ยวดูกูนะ"  มันว่าแล้วก็เดินไปหยิบปากกาเมจิคบนโต๊ะเขียนหนังสือมาเขียนใต้ส่วนที่เป็นคำว่า "มิตรภาพตลอดไป" นั้นว่า  "+รักแท้ตลอดไป"

         แล้วมันก็หันมายักคิ้วให้ผม    พอเห็นแล้วผมก็ยิ้มออกมาเลยที่เห็นว่ามันก็ช่างคิดดีนะ   เลยเอาปากกามาเขียนที่เสื้อของมันบ้าง   แล้วเราก็ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

         ต่อไปความรักของเราก็จะเป็นผลลัพธ์ของสมการนี้ของผมและมันต่อไป    เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีผมและมันมาบวกรวมเข้าด้วยกันแล้ว   ผลลัพธ์ของมันก็จะออกมาเป็นทั้งความรักแท้และมิตรภาพตลอดไปนะ

         และผมก็หวังว่าจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงสมการอันนี้ไปได้    ใช่แล้วล่ะครับ   ไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานสักแค่ไหน   แต่ผลลัพธ์ของมันก็จะคงเดิมอย่างนี้ตลอดไปนะ  

         " กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป+รักแท้ตลอดไป "

                                 **************

                              จบบริบูรณ์

หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] อัพตอนที่ 19 แล้ว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้หน้า 7 : 10/12
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 13-12-2010 20:08:15
จบแล้วหรือ  :กอด1: น็อต
รีบไปอ่านก่อนนะ เด๋วมาเม้นท์ต่อ
ดีใจด้วยนะ สำหรับการเขียนเรื่องแรก ค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ มีหลายคนได้ให้คำแนะนำที่ดีไปแล้ว
เราได้แต่เอาใจช่วยแล้วกัน และ  :pig4: หลาย ๆเด้อ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 13-12-2010 20:13:30
ลงชื่อไว้ด้วยคน
เดี๋ยวมาอ่านจ้ะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-12-2010 20:31:27
ขอบคุณ ZakuPz ด้วยครับ

แล้วก็กอดเนะ :กอด1:


ยังงี้ต้องฉลอง


 :mc3:

  :110011: :z2: :z7:

ทุกคนมาเต้นด้วยกันครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 13-12-2010 21:24:02
จบ ซึ้ง มาก ๆ ครับ พี่ น็อต

รัก อิน

รัก เน

รัก คิม

รัก บอล

สนุก มาก ๆ ครับ

ขอบ คุณ พี่ น็อต อีก ครั้ง ค้าบ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 14-12-2010 00:15:43
บอกง่ายๆเลยครับ "อ่านแล้วโคตะระมีความสุข"
.
รออ่านซีรีส์อยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: August_lovers ที่ 14-12-2010 02:52:57
^__________^
มีความสุขมากๆเลยคับพี่น๊อต
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: mintza124 ที่ 14-12-2010 03:41:55
จบเร็วไปนิสส อยากอ่านต่อ  55555

สนุกดีครับ อ่านแล้วซึ้ง จนเผลอยิ้มออกมาเลย อิอิ

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านน๊า ^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 14-12-2010 05:01:59
สนุกมากๆค่ะพี่น๊อต
สารภาพว่าพิตพึ่งเข้ามาอ่าน  (จากที่เลื่อนผ่านไปผ่านมา) :laugh:
อ่านไปยิ้มไป ร้องไห้ไป
 :pig4: สำหรับนิยายดีๆ
จะติดตามเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 14-12-2010 05:35:12
ความรักและมิตรภาพเป็นสิ่งสวยงามเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-12-2010 11:54:36
ความรักและมิตรภาพเป็นสิ่งสวยงามเสมอค่ะ
ว่าเหมือนคุณนายนัทจ้ะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-12-2010 13:41:42
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาให้อ่านครับ จะรอเรื่องอื่นๆต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-12-2010 14:15:11
ต้องขอขอบคุณ ไอซ์ จอร์จ น้องพิต คุณ badcow และคุณ mintza124 ที่แวะมาอ่านจนจบนะคร้าบ

โปรดติดตามผลงานต่อๆไปละกันนะครับ :pig4: :pig4: :pig4:


แล้วก็ต้องขอบคุณเจ๊แก้วกับเจ๊นัทสุดสวยของผมอย่างยิ่งที่ให้คำแนะนำมาตลอดคร้าบ

จนวันนี้ก็เขียนจบจนได้  อิอิ  ดีใจมากๆ


งั้นขอแถลงหน่อยละกันครับว่า  หลังจากนี้ไปผมอาจจะมีโปรเจคที่จะเขียนเรื่องนี้ต่อนะครับ

แต่ว่าขอรอดูความเหมาะสมของพล๊อตเรื่องอีกหน่อยแล้วกัน

ถ้าทุกอย่างโอเคจะมาแจ้งให้ทราบนะครับ

ขอบคุณทุกท่านมากคร้าบ
 :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 14-12-2010 14:49:59
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พึ่งได้มาอ่านเมื่อจบแล้ว และรู้สึกดีๆที่ได้แวะเข้ามาอ่าน
ตั้งแต่เริ่มจนจบ เห็นพัฒนาการของคุณคนแต่งได้ชัดเจนมาก
อันนี้คงต้องให้เครดิตกับพี่ๆเพื่อนๆที่คอยแนะ และ ตัวคุณคนแต่งเองที่พยายามรับเอาข้อเสนอแนะไปปรับปรุงพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง
ชอบตอนจบมากๆ อบอุ่นและกินใจแบบไม่เลี่ยนเกินไป อ่านไปยิ้มไป มีความสุขไปกับตัวเอกทั้งสอง
ไว้จะรออ่านภาคต่อนะคะ^^
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 14-12-2010 16:22:06
สนุกมากครับ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอมยิ้มได้เรื่อยๆ เนื้อหาสร้างกำลังใจได้ดีครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 14-12-2010 20:31:14
มาถึงตอนจบจนได้ อ่านแล้วก็รู้สึกดี มีกำลังใจ ชวนให้รู้สึกว่า อนาคตมีสิ่งดีๆ รอเราอยู่
เขียนจนจบได้ก็นับว่าเก่งแล้วนะครับ บางคนมีพล๊อตในใจแต่เขียนไปๆ กลับต่อไม่ได้ จบไม่ลง
ส่วนเรื่องที่แนะนำไป ก็อย่าไปซีเรียสมาก เขียนไปตามอารมณ์ความรู้สึกของเรา
เมื่อเราสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ฝีมือก็จะพัฒนาดีขึ้นเองแหละครับ
พี่เชื่อว่า น๊อต จะสามารถเป็นนักเขียนที่ดีได้ในอนาคต (ปัจจุบันก็เป็นอยู่แล้วแหละ..)
เป็นกำลังใจให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-12-2010 21:40:23
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พึ่งได้มาอ่านเมื่อจบแล้ว และรู้สึกดีๆที่ได้แวะเข้ามาอ่าน
ตั้งแต่เริ่มจนจบ เห็นพัฒนาการของคุณคนแต่งได้ชัดเจนมาก
อันนี้คงต้องให้เครดิตกับพี่ๆเพื่อนๆที่คอยแนะ และ ตัวคุณคนแต่งเองที่พยายามรับเอาข้อเสนอแนะไปปรับปรุงพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง
ชอบตอนจบมากๆ อบอุ่นและกินใจแบบไม่เลี่ยนเกินไป อ่านไปยิ้มไป มีความสุขไปกับตัวเอกทั้งสอง
ไว้จะรออ่านภาคต่อนะคะ^^

ขอบคุณคร้าบ สำหรับคำแนะนำ 

นี่เป็นเรื่องแรกครับ  เลยอยากให้มันออกมาดีๆ  ก็พยายามเต็มที่ละครับผม

ก็ต้องขอบคุณทุกท่านที่แนะนำเข้ามานะครับ

สนุกมากครับ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอมยิ้มได้เรื่อยๆ เนื้อหาสร้างกำลังใจได้ดีครับ

ขอบคุณที่ชมครับผม  ติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยแล้วกันนะครับ


และสุดท้ายก็ต้องกอดพี่อินแรงๆเลยครับผม

สำหรับกำลังใจ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 14-12-2010 23:18:42
ทำได้ดีแล้วครับสำหรับเรื่องแรก  แต่งได้น่ารักดี  บทเศร้าก็น่าสงสาร บทหวานก็เขินได้เหมือนกัน
จำนวนตอนก็เหมาะสมกับพล๊อตเรื่อง ไม่มากไม่น้อยเกินไป

บางเรื่องเห็นร้อยกว่าหน้ายังไม่จบผมก็ไม่ค่อยอ่านแล้วหละครับ
ไม่ใช่ขี้เกียจอ่าน แต่เนื้อหามักหลงทาง วกวน ไม่ก็ซ้ำไปซ้ำมา ไม่น่าสนใจ

ส่วนที่จะย้ายไปอยู่นิยายที่โพสท์จบแล้ว นั้น หลายๆ เรื่องก็ยังมีคนอ่านและคอมเม้นท์เรื่อยๆ นะ
จำนวนหน้าไม่มากมายเกินไป มีคนอ่านแน่นอนครับ

เป็นกำลังใจให้สำหรับเรื่องต่อๆ ไปครับผม   o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 15-12-2010 07:01:15
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีดี \\(^^)//  (>/////<)
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Shin_i_chi ที่ 15-12-2010 15:54:02
ซึ้งมากอ่ะ พี่น้อต
จบแฮปปี้เอ็นดิ้ง อ่านแล้วมีความสุขดีครับ
จะรอเรื่องสั้นต่อนะครับ แฮะๆ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 15-12-2010 20:33:07
มีกําลังใจขึ้นอีกมากเลยเมื่อได้อ่านเรื่องนี้จบ :a2:
ขอบคุณน้องน็อตผู้แต่งมากๆครับ :L2:
แล้วจะติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 15-12-2010 20:55:34
แวะมากอดปิ๊ง :กอด1:

และขอบคุณ คุณ O_cha   rainy_naja และ คุณ iota ครับ

ที่แวะมาอ่าน :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 16-12-2010 00:38:04
อย่าลืมเอาภาคต่อมาลงด้วยน้าาา ไม่ทันไรก้อทวงได้ทวงดี 555+
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 16-12-2010 18:00:23
อ่านแล้วรู้สึกดีนะ
แค่เข้าใจและพูดคุยก็ทำให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 16-12-2010 20:35:32
อ่านจบแล้ว จบไปแบบซึ้งๆ ตอนคืนดีกันเล่นเอาน้ำตาคลอเลย
คุณน๊อตเขียนได้เก่งเลยนะคะ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องแรกยิ่งน่าทึ่ง เป็นเรื่องที่สนุก ซาบซึ้ง คงคอนเซ็ปต์มิตรภาพของเพื่อนที่แปรเปลี่ยนได้ดีจัง

ได้อ่านเม้นของคุณ info001 ก็ขำหน่อยๆ เพราะมันก็เออจริงด้วยว่าเรื่องนี้มีแต่มึงกะกูสมชื่อเรื่อง
ถ้าจะเอาดีทางการเขียนนวนิยาย ตัวละครก็น้อยไปจริงๆ คงต้องปรับปรุงเพิ่มอย่างที่ได้รับคำแนะนำ
แต่สำหรับเรื่องนี้เจชอบสไตล์นี้ เพราะเนื้อเรื่องให้ฟีลลิ่งแบบเรื่องเล่า
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอ่านไดอารี่ชีวิตที่เป็นเรื่องจริง มีตัวละครน้อยเนื้อเรื่องก็โฟกัสที่อินกับเนได้อย่างเต็มที่
ทำให้เน้นความผูกพันของอินและเนได้ง่าย เอาจริงๆ ส่วนตัวก็ชอบเรื่องประมาณเนี้ย มีตัวละครมากเรื่องก็วุ่นวาย
การจัดหน้าอ่านง่าย แต่ละตอนก็มีความยาวของเนื้อเรื่องสมเป็นตอนดี
ชอบตรงที่คุณน๊อตพิมพ์แบบไม่ต้องเคาะเว้นบรรทัดมาก แบบนั้นมันอ่านลำบาก
การพิมพ์ก็มีคำผิดน้อยแสดงถึงความเอาใจใส่ในการโพสต์เรื่อง ..ชื่นชมค่ะ^^
อย่างคำว่า "เฮ่ย" อ่านเรื่องในนี้ส่วนใหญ่จะใช้คำว่า "เห้ย" จนตัวเองยังคิดว่าในพจนานุกรมบัญญัติคำนี้เพิ่มเป็นทางการแล้วเหรอ
ใช้กันแพร่หลายมาก เห็นคุณน็อตอนุรักษ์คำนี้ไว้อยู่ก็ยินดีขึ้นมาเลย
สำหรับที่ว่ามีคนอ่านน้อย เจคิดว่าส่วนหนึ่งคงมาจากชื่อเรื่อง อ่านแล้วมันแลเป็นเรื่องเศร้า
ตอนแรกก็ไม่ได้มาอ่านเพราะชื่อนี่ล่ะ กลัวจะจบแบบตายกันไปข้างนึงเลยมิตรภาพตลอดไป
พอเห็นขึ้นว่าจบแล้วเลยลองอ่านคอมเม้นหน้าหลังๆ ดู ก็สนใจเลยเข้ามาอ่าน
คุณน็อตก็อย่าไปเสียใจเลยที่เรื่องมีเม้นน้อยและจะไปอยู่ในหมวดที่จบแล้ว เพราะคนบางกลุ่มก็ชอบอ่านเรื่องที่จบแล้ว
และอีกอย่างเจว่าถึงเม้นจะน้อย แต่เป็นเม้นที่มีคุณภาพนะ อ่านแล้วยังน่าปลื้มแทนเลย  บวกคะแนนให้แทนคำขอบคุณที่เขียนเรื่องให้อ่านนะคะ

ปล..บวกคะแนนให้คุณ O_cha เพราะเม้นนี้ทำให้เจได้อ่านเรื่องนี้ และอีกคะแนนให้คุณ info001 เพราะชอบคำแนะนำ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 16-12-2010 21:26:27
ขอบคุณคับสำหรับเรื่องดีๆๆคับ อ่านไปแล้วรู้สึกถึง คำว่ารัก และคำว่ามิตรภาพ

ที่เพื่อนคนหนึ่งมีให้กัน

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 17-12-2010 00:40:52
อ่านทีเดียวจบเลยจร้าาาาาาาาา



สนุกมากเลย



อินมากๆด้วยย
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ตอนอวสานแล้ว อยากชวนให้ลองมาอ่านหน่อยคร้าบ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 18-12-2010 10:52:16
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้อย่างจริงจัง ^^
ยอมรับเลยว่า ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องก็กลัวว่าจะน้ำตานองเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณที่นำเสนอเรื่องราวได้อย่างลงตัวพอดิบพอดี
จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 18-12-2010 11:37:40
ครับผม ขอบคุณคอมเม้นท์ คุณ SPSJ watermoonj w1234 JipPy WhatLoveIs มากเลยครับ

โดยเฉพาะคุณเจนะครับที่ช่วยแนะนำเกี่ยวกับชื่อเรื่องนะ  ผมเลยเปลี่ยนส่วนหัวข้อนิดหน่อยว่าจบแฮบปี้เอนดิ้งซะ  

เผื่อจะได้มีใครมาอ่านอีกนะ ฮ่าๆ  เมื่อก่อนก็ไม่รู้นะครับ ว่าหลายๆคนเลือกอ่านนิยายที่แฮบปี้เอนดิ้งมากกว่า

แต่ดีแล้วครับเพราะผมเองก็เหมือนเพิ่งเข้าวงการเลยยังไม่ค่อยรู้ว่าคนส่วนใหญ่ชอบอ่านเรื่องแบบไหน


หลังๆมานี้ไม่ได้คิดมากแล้วครับเรื่องคนเข้ามาอ่านน้อยนะ   เพราะทุกวันนี้ผมว่าคนเข้ามาอ่านเยอะมากแล้วนะ

มากกว่้าที่หวังไว้ด้วยซ้ำ  ก็เลยไม่ห่วงแล้วล่ะ  ถ้าย้ายไปห้องนิยายจบแล้วก็อา่จจะมีคนอ่านเพิ่มจริงๆมันก็โอเคแหละครับผม

แล้วตอนนี้ผมก็ดีใจมากจริงๆที่จบเรื่องแรกแล้วมีคนอ่านเยอะอย่างนี้  แค่นี้ผมก็ฉลองได้แล้ว

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
 :pig4:

อ้อ ลืมบอกไปครับ  สำหรับหลายๆท่านที่ยังไม่ได้ไปติดตามอ่านเรื่อง"ฤดูรักสองเรา" ก็ขอฝากไว้ด้วยนะครับ  

เป็นซีรี่ย์สั้นๆที่ผมได้พล๊อตจากหลายๆเรื่องที่เคยอ่านแล้วเอามารวมกัน  คลิกที่ลิ้งค์ในลายเซ็นข้างล่างนี้ได้เลยครับ V
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 18-12-2010 11:55:03
แวะมา  :z13: และ +1 ให้สำหรับนักแต่ง ถือว่าประสบความสำเร็จในเรื่องแรก
เป็นอย่างดี อ่านแล้วซึ้งกินใจมาก ความรักและมิตรภาพระหว่างเพื่อนแม้ต่อมา
จะกลายเป็นคนรักก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ และ
จบแบบ happy ending นี่แหละคือสิ่งที่คนอ่านมักจะชอบ เพราะอ่านแล้ว
สร้างความสุขให้ จะติดตามเรื่องต่อไปจ้ะ ..... :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: SACK ที่ 19-12-2010 19:24:25
ขอบคุณสำหรับเรื่องที่สรรค์สร้างมาให้เราได้อ่านกันนะครับ

อ่านแล้วให้กำลังใจแก่ผมได้มากเลยนะ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 19-12-2010 23:11:12
อร๊ายยยยยยยยย

สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆเลยอ่ะ

เราแบบ...อ่านรวดเดียวจบเลย

สนุกมากกกกกกก

อ่านแล้วแบบ...รักเนกับอินเลยอ่ะ ^O^

มีทั้งแบบ..เศร้า สุข ฮา หวาน เรียกเลือดก็มี ><~~~

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดี ๆ แบบนี้มาให้อ่านนะ ^^

อยากให้มีตอนพิเศษจังเลยอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 20-12-2010 13:07:42
ดันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: TamuNe ที่ 20-12-2010 18:58:45
น่ารักดีค่า อ่านได้เรื่อยๆ สนุกดี o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 21-12-2010 12:03:27
อิอิ ช่วยกันดัน

น้องพิตน่าร๊ากกก  :จุ๊บๆ: ขอบคุณคร้าบ


และฝากขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาอ่านนะครับ

ดีใจที่เรื่องนี้อาจทำให้ทุกคนมีความสุขและมีกำลังใจหลังจากที่ได้อ่าน

เพราะผมก็หวังอย่างนั้นแหละครับ  แม้มันจะแค่เรื่องที่แต่งแต่มันก็ไม่ต่างกับชีวิตจริงเท่าไหร่

ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-12-2010 17:27:09
เป็นกำลังใจ :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 21-12-2010 22:02:02
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย  :serius2: เพิ่งมาอ่าน ยังอ่านไม่จบค่ะ อ่านรวดเดียวเลย ขอสครีมแป๊บบบบ  :sad4:
โอยยยยย อย่านะ อย่าสารภาพนะอิน กลัวมิตรภาพระหว่างเพื่อนจะถูกทำลาย //แต่แอบเห็นแฮปปี้แอนดิ้ง --- โล่งใจไปเปราะนึง  :o8:

แต่ก็ไม่อยากให้มีตอนดราม่า โอยยย ไปอ่านต่อก่อนนะค๊า  :o12:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 21-12-2010 22:45:17
โอ๊ยยยยยยยยยยย แปบ ไม่ได้จะดันนะคะ แต่แม่งงงงงงงงงงงงง ขอ  :z6: เนซักทีเหอะ
คนเค้าหนีพิษรักไปบวช ไอ้ตัวต้นเหตุอย่างแกยังจะเสร่อ  :angry2:
โคตรน่าเกลียดอ่ะค่ะ ยิ่งตอนที่มาบอกว่าชอบเด็กนิเทศน์แล้วยังมีหน้ามาดีใจ เเย่มากอ่ะ ที่น้ำตกวันนั้นมันคืออะไรฮะ? :sad4:
แฮปปี้แอนดิ้งสินะคะ แบบเพื่อนกันตลอดไปนี่แฮปปี้รึเปล่า?  :o12:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 21-12-2010 23:10:25
อ่านจบแล้ววว

สนุกมากค่ะ รู้สึกดีที่ได้อ่านอะไรแบบนี้บ้าง...ประมาณว่าได้อ่านความรักที่มีแต่ความหวังดีต่อกัน ไม่ได้อยากได้อยากเอา... ไม่เอาแต่จับกดอย่างเดียว อ่านแล้วเฮ้อ...ดีจังอยากมีคนรักแบบนี้บ้างหรือถ้าไม่ได้ก็ขอเพื่อนดีๆแบบนี้บ้างอะไรประมาณนั้น

มีติดขัดนิดหน่อยตรงที่บางช่วงบทสนทนามันยาวมากกกกกก ซึ่งพอลองคิดดูในชีวิตจริงผู้ชนมักไม่ค่อยพูดยาวๆอธิบายความรู้สึกเยอะแบบนี้เท่าไหร่ ปกติพูดไม่กี่คำก็โชะ เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ประมาณนี้(ไม่รู้เขาใจเปล่าข้าพเจ้าอธิบายไม่ค่อยเก่ง^^)



แต่งเรื่องอื่นๆดีๆแบบนี้มาให้อ่านอีกน้า สู้ๆค่า
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 21-12-2010 23:22:39
อ่านจบแล้วววววววววววว
ขอบคุณมากๆเลยนะคะสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่อง  :-[
...ขอรอตอนพิเศษค่ะ หึหึหึ (อย่าให้รอเก้อนะค๊า) :impress2:
สุดท้าย ก็รักกันจริงๆ เล่นเอาใจหายใจคว่ำ ขอโทษนะคะหนูเน...ด่าไปเยอะเลย 5555+ แต่ถึงจะแฮปปี้ แต่ต้องอยู่ไกลๆนี่มันก็หวิวๆเนาะคะ แบบ...จะคงความรักนี้ได้นานแค่ไหนกันนะ เพราะฉะนั้น ต้องเคลียร์ด้วยตอนพิเศษค่ะ  o13
555+ อยากอ่านเรื่องของคิมกับบอลมั่งจังเลย :o8:

 กอดดดดดดดดดดด** ไรเตอร์ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 22-12-2010 01:29:09
พี่น็อตคราบ....ขอบอกว่าเรื่องนี้โดนใจสุดๆคับ....ชอบมากเลย.......อ่านตอนแรกๆก็แอบน้อยใจไอ้เน..กะไอ้บอลมันอะ....แต่มาถึงตอบจบ....แฮบปี้ดี....ได้ใจผมสุดๆอะ.....ผมอยากเห็นในชีวิตจริงและปัจจุบันได้รักกันเหมือนกับไอ้เนกับนายเอกผมอะ(จำชื่อไม่ได้ขนาดอ่านจบเมื้อกี้)มากมายครับ......แต่ขอบอกว่าชอบจริงๆเรื่องนี้....พี่น็อตสุดยอดคราบ.... o13 o13 o13 o13 o13 :bye2: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-12-2010 07:37:34

ว้าย เพราะคำว่า ‘แวะอ่านหน่อยสิ’ นะคะนี่
ที่ทำให้กิต.








‘ไปไหนไม่รอด’
นั่งอ่านตั้งแต่กลางคืน(ประมาณตี๑กว่าๆ)
จนสว่าง(ตอนนี้เจ็ดนาฬิกา ยี่สิบเจ็ดนาทีค่ะ)
ถูกใจมากค่ะ






แต่





ขัดใจนิด





คนดีมักเสียเปรียบ





ทำไมอินได้เป็นแค่





‘ช้างเท้าหลัง’





/กิต. เรียกร้องความเสมอภาคค่ะ

 :z7:
๑๓๖ + ๑ = ๑๓๗
ขอบคุณนะคะ คุณ Goodfellas

หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 22-12-2010 08:07:29
สนุกค่ะ
อ่านรวดเดียวจบเลย
แต่งเรื่องแรกได้ขนาดนี้ เก่งมากๆ o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 22-12-2010 18:28:24
ชอบมากอิอิ +1 ให้นะ o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 22-12-2010 21:59:16
ก่อนอื่น อยากจะกด Like สักพันครั้ง

ปกติผมไม่ค่อยมีเวลาอ่านของคนอื่นเขาเพราะงานที่ทำอยู่กับเรื่องที่เขียน (ออกตัวไว้ก่อน)
แต่เปิดเข้ามาเรื่องนี้เพราะอยู่ใกล้ๆเรื่องของผม

มันโดนใจอย่างจัง ผมชอบเรื่องนี้มากจริงๆนะ มันสะกิดต่อมความหลังได้ดีจริงๆ
ทำไมเวลาเขียนเองมันไม่อินขนาดนี้นะ แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ ผมอึ้งเลย

ขอบคุณมากๆนะครับ เฮ้อ นะ ทำไมคนแอบรักเพื่อนนี่มันเยอะกันจัง
55555 นึกว่ามีแต่เรา แต่เรื่องนี้ดีนะจบแบบมีความสุข

ชื่นชมมากครับ  :L2: :L2: +1
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 23-12-2010 13:14:11
ขอบคุณทุกคนมากๆเลยคร้าบผม  ทั้งคำชมและคะแนนเลย :pig4:

ไม่นึกว่าจะมีคนมาอ่านเยอะแบบนี้เลยครับ  ดีใจจัง

ขอบคุณคำแนะนำของคุณ punchnaja นะครับ  เรื่องนี้ตัวผมเองเป็นคนชอบเขียนออกแนวแบบนิย๊าย นิยายไปหน่อย 

เลยมีการ"ปั้นคำ"ให้สละสลวยมากจนเกินไปนะครับ  ประกอบกับที่ตัวเองไม่่ค่อยมีเวลาศึกษาเทคนิคของไรเตอร์ท่านอื่นเลย 

ทำให้บางทีอ่านแล้วจะมีอึดอัด  ไม่ค่อยสมจริงไปบ้าง  แต่ตอนนี้พยายามปรับปรุงอยู่ครับผม


เร็วๆนี้ก็จะมีงานใหม่ให้อ่านกันอีกนะครับ  ส่วนตอนพิเศษของทั้งสองเรื่องคือ เรื่องนี้กับเรื่อง ฤดูรัก  ก็ลองติดตามกันนะครับผม คาดว่าจะมีออกมาให้อ่านกันแน่นอน

ขอบคุณอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 23-12-2010 21:40:59
ชอบเรื่องนี้อ่ะ มีตัวละครอยู่ไม่กี่ตัว แต่ดำเนินเรื่องดี ไม่ต้องมีตัวประกอบเยอะ คนเขียนเขียนเก่งดี หนุกหนาน ไม่วกวน  :L2: ชมคนเขียน
อ้างถึง
งั้นขอแถลงหน่อยละกันครับว่า  หลังจากนี้ไปผมอาจจะมีโปรเจคที่จะเขียนเรื่องนี้ต่อนะครับ
รออ่านต่อ  :jul3:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Loidelohm ที่ 24-12-2010 00:46:53
อ่านจบหลังคนอื่นหลายปีแสงเลย แต่ว่า สนุก สุข ซึ้ง เท่ากันเลย
คือไรเตอร์ให้เรื่องจบแล้ว แต่เราว่าจริงๆมันยังไม่จบอ่ะ
เพราะแค่กลับมาหลังจากห่างกันไปปีเดียวเอง อีกนานนะ เอาตอนต่อมาลงในเรื่องที่จบแล้วก็ได้ครับ
เห็นคนอื่นเค้าก็ทำกัน เนื่องจากผู้อ่านบางท่านอ่ะอารมณ์ยังติดค้างอยู่หนา เช่นเราเป็นต้นเป็นดอกเป็นผลเป็นใบ อิอิ
เอ่อ.....อ...............อ..........................อ
ไรเตอร์มีใบหน้าที่น่าคบหาจังเลย อิอิ เราชอบแนวนี้อ่า....เฮ้ยยยยยย  เขิลลลลลลลลลลลลลล   :o8:   :-[
ไปดีก่า    :z1:    :mc4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 25-12-2010 13:16:16
ชอบเรื่องนี้อ่ะ มีตัวละครอยู่ไม่กี่ตัว แต่ดำเนินเรื่องดี ไม่ต้องมีตัวประกอบเยอะ คนเขียนเขียนเก่งดี หนุกหนาน ไม่วกวน  :L2: ชมคนเขียน
อ้างถึง
งั้นขอแถลงหน่อยละกันครับว่า  หลังจากนี้ไปผมอาจจะมีโปรเจคที่จะเขียนเรื่องนี้ต่อนะครับ
รออ่านต่อ  :jul3:

ขอบคุณนะคร้าบ  ตอนนี้มีเขียนเรื่องสั้นอีกเรื่องอยู่  แล้วจะมาต่อเรื่องนี้เป็นอีกภาคครับ

อ่านจบหลังคนอื่นหลายปีแสงเลย แต่ว่า สนุก สุข ซึ้ง เท่ากันเลย
คือไรเตอร์ให้เรื่องจบแล้ว แต่เราว่าจริงๆมันยังไม่จบอ่ะ
เพราะแค่กลับมาหลังจากห่างกันไปปีเดียวเอง อีกนานนะ เอาตอนต่อมาลงในเรื่องที่จบแล้วก็ได้ครับ
เห็นคนอื่นเค้าก็ทำกัน เนื่องจากผู้อ่านบางท่านอ่ะอารมณ์ยังติดค้างอยู่หนา เช่นเราเป็นต้นเป็นดอกเป็นผลเป็นใบ อิอิ
เอ่อ.....อ...............อ..........................อ
ไรเตอร์มีใบหน้าที่น่าคบหาจังเลย อิอิ เราชอบแนวนี้อ่า....เฮ้ยยยยยย  เขิลลลลลลลลลลลลลล   :o8:   :-[
ไปดีก่า    :z1:    :mc4:

แฮะ ขอบคุณ Loidelohm ครับ  แต่ว่ารูปนั้นมันไม่ใช่ผมหร๊อก  มันรูปดาราที่ชอบเฉยๆน่ะครับ

เข้าใจผิดซะแล้ว  โทษทีนะครับ :m23:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-12-2010 15:47:01
น่ารักมากครับ

จะมีตอนพิเศษของ อิน-เน หรือว่า คิม-บอล หรือเปล่าครับ?
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 25-12-2010 18:40:18
มีแน่นอนครับ  รออีกนิด :teach:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: Pattaya ที่ 27-12-2010 02:17:27
 o13 ซึ้งโคดๆเลย
ทำผมน้ำตาไหลเลย เจ๋งครับ
แบบตอนแรกนึกว่าจะไม่มาต่อซะแล้ว ไปๆมาๆเห็นกระทู้มาปักหมุดแล้ว ล้าหลังซะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 27-12-2010 12:24:32
เพิ่งอ่านจบ ชอบมาก
ขอบคุณนะคะ
น่าจะมีภาค 2 ต่อนะ
 :L2:
+1 ให้ค่า
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: yr_meteor ที่ 28-12-2010 09:37:50
เพิ่งอ่านจบเมื่อกี้
แรกก็อ่านได้เรื่อย ๆ กลางเริ่มบีบหัวใจ
เป็นความรักที่ผูกพันกันมานาน แบบเพื่อนค่อยเริ่มเป็นรัก
ซึ้งงมากกก น้ำตาซึมเลย
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: eyerabbit ที่ 28-12-2010 19:28:22
ชอบเรื่องแบบนี้ มาเรื่อยๆซึ้งๆ แล้วก็จบแฮปปี้ อ่านแล้วรู้สึกดี
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 29-12-2010 00:18:45
ขอบคุณครับคนแต่งมากครับหนุกดี
ไม่เสียจัยเลยที่เข้ามาอ่านขนาดเป็นเรื่องแรกที่แต่ง
ยังทำไดดีขนาดนี้ ขอให้สู้ต่อไปนะคับแลล้วฝีมือ
จะดีขึ้นจนเป็นมืออาชีพได้แน่นอนคับ
 :L2: :L2: :L2:
ผมจะลองเอาสมการนี้ไปใช้
  สมการรัก
       กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป+รักแท้ตลอดไป
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-12-2010 20:27:24
เพิ่งได้อ่านจนจบ
ชื่นชมคนที่แต่งนิยายให้อ่านทุกคนค่ะ
เพราะตัวเองไม่สามารถ
ทุกคนคงมีก้าวแรก และก้าวต่อไป เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] จบแฮบปี้เอนดิ้งแล้วครับ แวะอ่านหน่อยสิ 13/12
เริ่มหัวข้อโดย: intoucha ที่ 30-12-2010 07:04:26
เพิ่งเข้ามาอ่านเพราะคนเขียนเติมชื่อเรื่องค่ะ ตอนแรกเห๋นชื่อเรื่องสั้นๆนึกว่ามาม่าชัวร์
เลยไม่อยากอ่าน ตอนนี้ เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ ชอบที่สองคนจริงใจต่อกันดีจัง ตัว
ละครน้อยๆเราชอบค่ะ ไม่มากจนมึน สู้ๆค่ะ จะรอเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] เมื่อมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนกลายมาเป็นรักแท้ตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 05-01-2011 23:57:10
ข่าวดีคร้าบบ

ตอนใหม่ของคิมกับบอลใกล้เสร็จแล้วครับ  เป็นตอนแรกๆน่ะ

จะทยอยลงให้เร็วๆนี้ถ้าไม่ติดปัญหาอะไรนะครับ  พอดีว่าต้องขออนุญาตใครบางคนก่อนนะ

ถ้าเรียบร้อยแล้วผมจะรีบทยอยลงให้อ่านกันเลย

ในชื่อเรื่องว่า
เด็กเวรไดอารี่ by เด็กเรียน Another story

ชื่อยาวจังแฮะ อิอิ  ยังไงก็ติดตามอ่านกันนะครับ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] เมื่อมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนกลายมาเป็นรักแท้ตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: SACK ที่ 06-01-2011 10:47:51
จะรออ่านนะครับ :z2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] เมื่อมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนกลายมาเป็นรักแท้ตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: gkyoai ที่ 07-01-2011 07:21:44
ดีจังเลยครับที่เข้าใจกันได้  แต่ผมสิ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] เมื่อมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนกลายมาเป็นรักแท้ตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 07-01-2011 12:51:51
ดีจังเลยครับที่เข้าใจกันได้  แต่ผมสิ
^
^
อย่าเพิ่งท้อนะครับ  ชีวิตยังอีกยาวไกล  เป็นกำลังใจให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] เมื่อมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนกลายมาเป็นรักแท้ตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: MCMLXXIX ที่ 07-01-2011 19:27:03
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเรื่องเศร้า เพราะผมไม่ค่อยชอบอ่านแบบนั้น อ่านแล้วเซ็ง ไม่บันเทิงใจ หาเรื่องที่รักเพื่อนกัน แล้วจบดีๆ ยากมาก (ในชีวิตจริงก็ด้วย) เนื้อเรื่องก็โอเคครับ ถ้าเขียนแรกๆ สั้นๆ ก่อนน่าจะดี เพราะถ้ายืดเรื่องอาจจะน่าเบื่อได้

แต่เรื่องนี้ โอเคครับ สนุกดี   o13
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] เมื่อมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนกลายมาเป็นรักแท้ตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 08-01-2011 05:52:37
ดีใจจังเลยที่สองคนได้อยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] เมื่อมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนกลายมาเป็นรักแท้ตลอดไป
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 10-01-2011 00:24:55
แจ้งข่าวให้ทราบกันนะครับ  ภาคพิเศษของคิมและบอลมาแล้ว o13

ติดตามได้เลยที่นี่ครับ [ไดอารี่เด็กเวรxเด็กเรียน] Another story (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20887.0)

ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันรึเปล่า  แต่ก็ลองไปติดตามกันนะครับ

ขอบคุณมากครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sirote105 ที่ 11-01-2011 18:09:52
ชอบมากกกกกกกกกกกกกก อิอิอิ   :-[ :-[ :-[

เป็นเรื่องสั้นที่ทำให้ลืมการทำงานไปได้เลยอะ อิอิอิ

แต่ก็อ่านจนจบได้แม้ Managerจะนั่งข้างหลังก็ตาม

ไงก็จะติดตามผลงานต่อไปนะครับ

หุหุหุ


ปล.ผมคนนึงก้ชอบเพลง "เพียงเธอ" มากๆ คนนึง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 12-01-2011 14:22:04
 :3123: :3123: :o8: :o8:  อ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบเลยค่ะ  หวานมากๆเลยอะ
ชอบมากๆเลย  แหม่ กว่าเนจะรู้ตัวก้อเล่นเอาเสียน้ำตาไปหลายปี้ปเลยนะเนี่ย  555 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-01-2011 19:52:57
อิอิ แวะมาดันอีกแล้ว

ขอบคุณ AongNoy ครับ ติดตามเรื่องของคิมกับบอลได้เลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่เห็นในลายเซ็นครับ

ขอบคุณ Smirnoff ด้วยครับ อุตส่าห์อ่านรวดเดียวจบเลย  เยอะนะนั่น  ถ้ายังไงก็ฝากตอนพิเศษคิมกับบอลด้วยนะครับ

ขอบคุณคร้าบ :pig4:


หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 1kabb ที่ 19-01-2011 18:03:34
+1 ค๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kingphai ที่ 21-01-2011 10:49:40
ว้าววว
แฮปปี้เอนดิ้งนะคร้าบบ
หุหุ
อินน่ารักจังงง
จะติดตามเรื่องต่อไปนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 22-01-2011 10:53:40
ตามมาจากเรื่องไดอารี่ ฯ 2 วันมานี้นั่งอ่านนิยายคุณน๊อต (แอบเีนียนเรียกชื่อ) 3 เรื่อง มาตอนนี้ทำไปได้นะเรา
คำแนะนำคงเหมือนหลาย ๆ ที่เึคยแนะนำมาแล้ว นิยายของคุณน๊อตเขียนดีอ่านแล้วรู้สึกดี อยากให้เพิ่้มตัวละครเพื่อให้นิยายคุณน๊อตมีสีสันกว่านี้ เน้นตัวหลัก 2 ตัวเกินไปเราว่ามันทำให้จืด ๆ ไปหน่อย แต่ก็ยังอ่านได้เรื่อย ๆ เหมือนกินต้มจืด

รอติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 24-01-2011 14:47:37
น่ารักมากครับหวานซึ้งได้ใจ


รักกันให้นานๆๆน่ะจะติดตามผลงานต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 01-05-2011 00:27:42
อยากกดlike รั่วๆๆๆ

โอยย เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมากๆๆเลย

เริ่มจากความผูกผันหลังจากนั้นก้อเเปรเปลี่ยนเป็นรักแท้

เป็นรักที่ประทับใจ และน่ารักมากมายเลย

ชอบมากๆๆเลยครับ

เน อิน 

ขอบคุนมากๆๆครับ


หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 27-08-2012 12:22:05
เพื่อนรัก รักกัน หุๆ ชอบๆ :impress2:
ตอนกลางๆเรื่อง อ่านแล้วเหมือนจะไม่แฮปปี้
พระเอกดันมีแฟนสาว :sad4:
อ่านไปลุ้นไป พอรักกันได้ ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่เศร้าแระ
ชอบอินค่ะ เป็นเด็กดีจริงๆ^^
บวกๆ :L2:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-04-2016 16:56:17
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 31-12-2020 21:10:44
 o13