/
สรุป คืนนั้นผมกับเคนไม่ได้ทำไรกันนะคับ ถึงใครจะอยากทำ แต่ผมมีข้ออ้างว่านี่มันเตียงเพื่อนโผ๊มมม... มันต้องเกรงใจกันบ้าง
ไอ้เคนก็ทำหน้าเซ็ง.. เหม็นเบื่อ.. ตามสไตล์มันล่ะคับ
อยากให้เห็นจริงๆ มันงอนทีไร ผมเป็นต้องรีบง้อทุกที (ที่จริงก็ง้อทุกคน เวลามีคนงอนผม) ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังย้อนอดีตกลับไปในวัยเด็ก ตอนที่ชอบเคนใหม่ๆ
แต่ก็ต่างจากอดีตอีกนั่นแหล่ะ ก็ผมเรียนรู้ที่จะทำหรือไม่ทำอะไรแล้ว... เคนก็พอๆ กันล่ะมั้ง มันงอนไม่นานก็ยอมนอนดีๆ
หลังจากผมลุกไปปิดไฟแล้วกลับมานอนข้างเคน มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้
ปกติผมไม่นอนกับมันนี่คับ (ถ้าไม่จำเป็น) ...เอ่อ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ประหม่าชอบกลหง่ะ
“พุ นอนยัง?” เคนถามผ่านความมืด ผมนอนตะแคงหันหลังให้มันอยู่
“ยัง” ผมตอบเบาๆ
เคนขยับมาประกบหลัง ผมรีบหันไปดันออกเลย
“ไม่ทำไรหรอก” มันบอก
“ไม่เชื่อ”
“พูดเหมือนไม่รู้จักเรา”
“ก็รู้จักน่ะสิ เลยไม่เชื่อ” ลองคิดดูไม่เห็นมีครั้งไหนที่มันจะไม่ทำอะไรหนิ ไหนบอกว่าเข้าใจแล้วฟะ!?
“จริงๆ เกรงใจเตียงเพื่อนพุ” สงสัยถ้าเป็นเตียงมัน ผม หรือโรงแรม ก็คงเสร็จไปแล้ว
“ทำไมต้องทำท่าไม่อยากขนาดนี้ด้วย?” เสียงมันเย็นๆ
“เปล่า...” บอกไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้ทำไม ก็อยากอยู่ แต่กลัว มันเคยทำเจ็บหนิ
“โอเคๆ ไม่เร่งก็ได้ นอนเถอะ” เคนตัดจบ แหง่ะ... พูดเหมือนงอนอีกและ (ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า)
ต่างคนต่างนอนคับ แถมกว่าจะหลับ เพราะคิดมากกลัวเคนโกรธอีก แต่มันก็ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก (มั้ง) แค่พูดน้อยลง...
พอตอนเช้าเคนกลับไปทำงาน
ผมก็รอไอ้โม สิบเอ็ดโมงได้ มันถึงมา... พอเห็นหน้ามันผมใส่เลย
“มึงทิ้งกูทำไมวะเนี่ยยย มึงแม่งชอบชิ่งอยู่เรื่อย ไม่เคยอยู่ช่วยกูเลย”
“แฟนมึงน่ากลัวนี่หว่า เดี๋ยวกูซวยโดนฆ่าไปด้วยทำไง” ชิ งอน
“มึงอยากมีกิ๊กเยอะเองช่วยไม่ได้ สรุปเมื่อคืนรอดมั้ย?” ไอ้โมถาม
“ไม่บอกเว้ย”
“แต่ก็ดูมึงปกติดี ไม่ได้เดินขาถ่าง...”
“เหี้ยละ กูอุตส่าห์เกรงใจมึง” รู้งี้ละเลงน้ำกามเลอะแม่งให้ทั่วห้องซะก็ดี
“เออๆ กูล้อเล่น แต่เคนแม่งน่ากลัวจริง... มันขี้หึงใช่มั้ยวะ?”
“นิดนึง” คิดว่าลดแล้วนะ
“แล้วกูสนิทกับมึงแบบนี้ มันว่าไรป่ะ?”
“ว่า”
“อ้าว งี้กูจะซวยมั้ยเนี่ย มึงรีบย้ายของกลับบ้านมึงไปเลยไป” ไอ้โมแกล้งพูด ผมทำหน้าบูดใส่มัน
“อยู่ด้วยไม่ได้ใช่มะ เออ จำไว้...”
“พูดไปงั้นแหล่ะ ออกไปหาไรกินกัน”
หลังจากหาไรกินแล้วก็มาติวหนังสือกัน ผลัดกันติวคับ ไอ้โมมันเรียนเก่ง แล้วก็พูดรู้เรื่องกว่าผม ผมก็นอนฟังสบาย พอถึงคิวผมติว มันเสือกหลับ
พอถึงวันสอบ... ก็ไปสอบคับ เหอๆๆ ผมพร้อมละ แต่แอบตื่นเต้น คือถ้าไม่ผ่านข้อเขียนวิชา xxx ผมคงอยากตายไปเลย มันไม่ยากหรอกคับ แต่ใช้เวลาทำนานเกินกว่าวิชาอื่นๆ ผมไม่อยากมาทรมานตัวเองรอบสองหง่ะ
แล้วช่วงที่สอบอยู่ ไอ้คนนั่งข้างผม สงสัยคงเทรนตัวเองมาอย่างดีว่าวิชานี้ต้องทำเวลา จะมามัวคิดเล็กคิดน้อยมากไม่ได้ ผมแอบเหลือบมองเค้าก้มหน้าก้มตาทำไม่หยุดเลยคับ ยังกับหุ่นยนต์ แถมทำเสร็จเร็วมาก แสรดดดรู้งี้สปีดให้ได้เท่าไอ้คนข้างๆดีกว่า เพราะผมทำไม่ทัน ขาดไปข้อครึ่ง...วาดไม่ทัน
สอบเสร็จก็มานั่งคุยกับเพื่อนเรื่องข้อสอบ เฮ้ออ มันผ่านไปแล้วจะไปรื้อฟื้นให้เสียใจทำไม
และพอถึงวันประกาศผล ไอ้โมโทรมาบอกผมว่าให้ไปเช็คดูเอาเองคับ มันสอบผ่าน...
ผมรู้สึกไม่กล้าไงไม่รู้ ไม่เข้าใจนิดนึงว่า มึงดูให้กูมั่งไม่ได้ไงวะ หรือว่ากูสอบตก?
ตอนนั้นผมอยู่บ้านอ่ะคับ เป็น freelance กำลังนั่งทำงานเครียดๆ อยู่เลย
จริงๆ ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับชีวิตตัวเองเท่าไหร่ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็เสียใจ คงเศร้าหลายวันเหมือนกัน
แต่พอโหลดผล มีแม่มานั่งลุ้นอยู่หน้าโน้ตบุ๊คด้วย แม่งกว่าจะเจอชื่อตัวเอง
ปรากฏว่าผ่านหมดทุกวิชาคับ
“เย้...” โล่งอกมากกว่าดีใจ แต่แม่ผมเนี้ย
“ไชโย้ !!! ไชโย้ !!!!” ดีใจกว่าผมอีกคับ
“สอบผ่านแล้ว...” ผมพูดเบาๆ แบบว่า...พูดไม่ค่อยออก
“เก่งมากลูกแม่ นี่ขนาดบอกว่าทำไม่ได้นะเนี่ย โวยวายจะเป็นจะตาย ชั้นบอกแล้วว่าอย่าคิดมาก ยังไงก็ผ่าน” เห็นแม่ดีใจผมก็ปลื้มกับความฉลาดของตัวเองนิดนึง
เอ่ออ... ไอ้โมบอกว่ารู้แล้วให้โทรไปบอกมันด้วย ผมก็โทรไปคับ
“ดีใจด้วยเว้ย” ไอ้โมเอ่ย
“ดีใจกับมึงเหมือนกัน...” คิดในใจ ตอนนั้นแม่งบ่นชิบหายว่าทำผิดหลายข้อ
“ไปฉลองกัน” ไอ้โมชวน
“ที่?”
“ไม่รู้ แต่อยากไป ไปกันป่ะ?”
“คิดได้ค่อยมาชวน”
“เฮ้ย ไม่ต้องคิดหรอก ออกมาก่อนค่อยว่ากัน”
“มันต้องรู้ก่อนดิวะว่าที่ไหน ไม่งั้นกูจะไปถูกเหรอ”
“เออๆ ที่ไหนดีวะ มึงอยากไปไหนล่ะ?”
“ที่นั่งกินชิวๆ”
“กูอยากกินปิ้งย่าง”
“อีกแล้วเรอะสัด” เหม็นควันหง่ะ
“แล้วมึงจะกินอะไร?”
“อาหารเกาหลี” เหม็นพอกัน - -“ แต่ชอบอ่ะ
“แพงแสรด เออๆ ไปก็ได้ ร้าน xxx ใช่มะ?” ร้านประจำแถวสุขุมวิทคับ
ผมกับไอ้โมก็นัดเจอกันที่สถานีรถไฟฟ้าแล้วก็ไปต่อกัน ตอนนั้นลืมแฟนไปเลย... แต่คิดอยู่เหมือนกันว่าต้องบอกเคนป่ะวะ
ผมเป็นคนไม่ชอบรายงานชีวิตตัวเองให้ใครฟังทุกฝีก้าวอ่ะคับ ถ้าเจอค่อยบอกหรือไม่ก็ถ้าเคนโทรมาค่อยบอก
ผมละเลยไปรึเปล่าเนี่ย?
พอถึงร้าน กินกันไปได้ซักพักก็เริ่มคิดมากแล้วสิคับ แต่ไม่อยากโทรนี่หว่า...
“อิ่มแล้วเหรอ กินอีกดิ” ไอ้โมตักพิซซ่ามาให้ชิ้นนึง เฮ้ย จะตัดกำลังกูเหรอวะ
“กินเลยมึง กินๆๆ ไหนมึงบอกว่าอยากกิน ทำไมนิ่งแล้ววะ”
“เดี๋ยว... รอย่อยแป้บนึง” ไม่ชอบแป้งเยอะๆ ชอบเนื้อ กับข้าวยำเกาหลีอ่ะคับ อร่อยดี พิซซ่าเนี่ยไปไกลๆ เลย แต่เพื่อนตักให้ก็ต้องกิน
เวลากินข้าวกับไอ้โมมันชอบตักให้แบบนี้ล่ะคับ
แต่ผมนี่ไม่บริการใครเลย... คิดว่าถ้าเค้าอยากกินอะไร ให้เลือกเองน่าจะดีกว่าให้คนอื่นเลือกให้
คือเอาความรู้สึกตัวเองมาตัดสิน ก็เลยไม่ทำ
พอกินเสร็จก็แวะไปเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะติดห้างแห่งหนึ่ง บรรยากาศตอนเย็นๆ ผ่อนคลายดี ผมกับไอ้โมหย่อนก้นลงสนามหญ้าข้างสระน้ำ แล้วก็เริ่มคุยกันอีก
“กูอยากไปเที่ยวว่ะ” ไอ้โมว่า
“เที่ยวไหน?”
“เมืองนอก” อีกและ เงินก็ไม่ค่อยจะมี คราวที่แล้วมันโดน ตม.ที่สิงคโปร์จับด้วยคับ ไอ้โมอ่ะ
ผมนึกว่ามันจะออกมาไม่ได้ซะแล้ว... ใจหายมาก
แล้วฟังมันเล่า... ผมยังไม่รู้เลยว่าโดนจับเรื่องอะไร
แต่ผมเดาไว้สองเรื่องคือ... ตรวจเจอยาเสพย์ติด กับ...ตอบคำถามไม่ตรงกับเพื่อน
“กูอยากไปสิงคโปร์อีกว่ะ คราวที่แล้วยังได้เที่ยวนิดเดียวอยู่เลย” มันยังไม่เข็ด
“ไปที่อื่นบ้างดิ”
“ไม่ค่อยมีเงิน กูไปได้แค่ใกล้ๆ”
“กูก็เหมือนกัน จนโคตรๆ”
“เออ ปกติมึงกับเคนใครออกตังค์เวลาออกไปเที่ยวกันวะ” ผมขมวดคิ้วกับคำถามนิดหน่อย
“ช่วยกันออก... แต่เคนชอบจ่ายให้มากกว่า”
“รวยมั้ยแฟนมึง?”
“พอสมควร... แต่กูว่ามันงกนะ”
“งกเหี้ยไร ไหนว่าชอบจ่ายให้วะ”
“หมายถึงเรื่องอื่น มันไม่ค่อยใช้เงินฟุ่มเฟือย อย่างไปดูคอนเสิร์ต ดูละครเวทีอะไรแบบนี้มันจะไม่ไป” อะไรที่ผมชอบ เคนจะไม่ค่อยชอบคับ... ไม่รู้เพราะมันเป็นคนไม่ไร้สาระหรือว่าไม่มีอารมณ์สุนทรีย์กันแน่ เคนมันเป็นคนตึงๆ ไม่ยืดหยุ่นอ่ะ
“งั้นเค้าไม่เรียกงกหรอก ไม่ชอบแล้วจะเสียตังค์ทำไม” ไอ้โมว่า
“แต่พี่นัทไม่ชอบ เค้ายังไปกับกูเลยนี่หว่า...” ผมชะงักไปนิดนึงพอรู้ตัวว่า เอาพี่นัทไปเปรียบกับเคน
ป่านนี้เค้าจะเป็นไงก็ไม่รู้... แต่คาดว่าคงไม่ได้เศร้าอะไรมากมายหรอกคับ เพราะพี่เค้าไม่ใช่คนแบบนั้น (ประมาณว่าจมอยู่กับเรื่องเดิมๆ)
พี่นัทไม่เหมือนเคนหง่ะ... เค้าไม่ปล่อยให้ชีวิตตกอยู่กับความเศร้านานๆ ไม่ได้คือไม่ได้
ไม่ใช่ดันทุรัง ไม่มีเหตุผลหรือใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน
พอโทรหาเค้าไม่ได้ผมก็เหงาๆ เหมือนกันอ่ะคับ
คิดอยากให้เคนเป็นคนมีเหตุผลแบบพี่นัทมั่ง อยากให้มันลดความบ้าลงมามั่ง
รู้สึก..ไอ้เคนมันไม่ค่อยพอดีกับผมซักที (อาจจะคิดไปเอง คือว่าผมเป็นคนคิดมากเรื่องมัน) แต่ก็ไม่ได้เบื่อหรืออยากจะเลิกหรือไม่รักมันนะคับ
ถ้าคนอื่นที่ไม่สนใจมาก อยากพูดอยากทำอะไรก็ตามใจผมเลยอ่ะคับ จะคิดไงก็ช่างเพราะผมไม่แคร์
แต่ถ้าเป็นเคน ไม่ใช่เพราะผมแคร์มันมากเหรอ ถึงไม่กล้าทำอะไร ได้แต่คิดๆๆ อยู่แบบนี้
ผมอาจจะเป็นคนที่แสดงความรักกับคนที่รักไม่เก่งอ่ะคับ มันก็เลยค่อนข้างจะเป็นปัญหา... ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่า...คิดนะ ว่าพยายามปรับปรุงตัวเองอยู่ ซึ่งมันก็ยังไม่ดีในสายตาใครหรอก
ภายนอกผมอาจจะสนใจคนอื่นมากกว่า
แต่ข้างในผมมีแต่เรื่องของคนรักเต็มไปหมด...
อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
แต่ผมรู้ว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่
หลังจากแยกกับไอ้โมกลับบ้าน ผมก็โทรหาเคน เวลาเพื่อนอยู่ด้วยไม่ค่อยอยากโทรอ่ะคับ
“เลิกงานยังเคน?” ผมกรอกเสียงลงไป
“เลิกแล้ว... โทรมามีไรป่าวครับ?”
“ไม่มี”
“อ้าว”
“มีก็ได้”
“เอาไงแน่พุ พูดมาเร็ว แล้วตอนนี้อยู่ไหน?” มึนกับประโยค
“อยู่แถว xxx กำลังรอรถเมล์กลับบ้าน”
“ไปทำอะไรแถวนั้น?”
“หาไรกิน”
“กับใคร?”
“เพื่อน”
“คนไหน?”
“โม”
“อืม”
แล้วมันก็ไม่พูดอะไรต่อ ผมเดาว่าคงงอนชัวร์ๆ ไอ้เคน...นิยามสั้นๆ ของมันคือไม่งอน ไม่เงียบ
“เคน เราสอบ xxx ได้แล้วนะ” ผมบอกมัน ทั้งๆ ที่คิดมาตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งบอกหง่ะ
“เหรอ!? ดีใจด้วยนะ ผ่านไปอีกหนึ่งเรื่องแล้ว” น้ำเสียงฟังดูดีขึ้น
“นี่ขึ้นรถเมล์ยัง รอเราได้ป่ะ เดี๋ยววนรถไปรับ” เคนติดแหงกบนถนนอยู่ตอนนี้
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเรากลับเอง”
“อยากเจออ่ะ รอหน่อยดิ แล้วหาที่หลบฝนด้วยนะ เผื่อไปไม่ทัน” ผมแหงนมองฟ้า... ฝนจะตกเหรอวะ ไม่น่าใช่
“พุโทรหาเราก่อนอ่ะ สงสัยจะฝนตกแน่เลยวันนี้” มันเฉลย ผมถึงกับฉุนกึก
สุดท้ายก็รอคับ แถมรอนานมาก นานสัดๆ เพราะรถติด
“ไม่มาพรุ่งนี้เลยวะเคน” พาล....มะคับ?
“โอ๋ๆ โทษครับ เดี๋ยวตัดถนนส่วนตัวได้เมื่อไหร่ รับรองรอไม่นานแบบนี้หรอก”
ผมถอนหายใจแรงๆ ไปทีนึง ก็เข้าใจอยู่คับว่าตอนเย็นๆ รถติด แต่ว่าถ้ามันไม่ให้ผมรอ ป่านนี้ก็ถึงบ้านไปแล้ว
“ไปไหนกันต่อดี กินไรยัง?” เคนถาม พอผมเจอแอร์ก็ค่อยๆ อารมณ์ดีขึ้นตามลำดับ
“ไปไกลๆ”
“ไล่เราเหรอ?” มันถามยิ้มๆ
“ป่าว เพิ่งกินมา พาไปนั่งรถเล่นหน่อยดิ ไกลๆ”
“ได้ครับเจ้านาย.. เดี๋ยวผ่านตรงนี้ไปให้ได้ก่อนนะ แล้วจะพาขึ้นทางด่วนออกนอกเมืองไปเลย”
“เคนหิวป่ะล่ะ?” เดาว่ามันยังไม่ได้กินไร
“นิดๆ”
“มีคอเรท กินป่ะ?” ผมหยิบกล่องลูกอมออกมา รู้ว่าไม่หายหิวหรอก แต่มันไม่มีไรกิน รถก็ติด
“ขอเม็ดนึง” ผมเทใส่มือให้เคนหยิบ แต่มันไม่เอา
“ป้อนหน่อย” แหง่ะ ผมก็ยื่นใส่ปาก แต่มันเล่นอ้างับไปทั้งนิ้ว
“เฮ้ย ไอ้บ้า” ผมรีบชักมือกลับ แล้วเช็ดนิ้วที่เปื้อนกับกางเกง
“โห...ทำไมต้องทำท่าอย่างงั้นด้วย เสียใจนะเนี่ย”
“ก็มันเปื้อน จะทำไรก็บอกกันก่อนดิ”
“งั้นขอจูบหน่อย”
“.................” ไอ้นี่
“นะ คิดถึง” ผมใจเต้นเลย อายอ่ะ
แต่ไม่ชอบอาย... ชอบให้มันอายมากกว่า
ผมเหล่มองเคนนิดนึงว่ามันจะทำไง ก็เห็นว่ากำลังรอคำตอบอยู่ ผมเลยรีบปลดเบลท์แล้วลากคอมันมาจูบปากเลย
เหอะๆ ว๊อนท์นักใช่มั้ยเมิง...... จัดให้!
ผมรุกปากกับลิ้นมันไปพักหนึ่ง เคนก็โต้กลับจนผมแทบจะหน้าหงาย
แต่ที่กล้ายั่วเพราะมันทำไรผมตอนนี้มากไม่ได้หรอก แล้วสุดท้ายก็โดนรถคันหลังบีบแตรไล่จริงๆ คับ เหอๆๆ สะใจ เคนมันหัวเสียน่าดูเลย แต่มันยังไม่รู้หรอกว่าผมแอบหัวเราะอยู่
“ถ้าหิวเดี๋ยวหาร้านใกล้ๆ กินก่อนก็ได้นะ” ผมบอกเคน เพราะถ้าจะไปไกลๆ กัน ท้องควรอิ่มก่อน
“ไม่เป็นไร คิดไว้แล้วว่าจะไปที่ไหน”
“อ้าว บอกมั่งดิ”
“แถวนนท์ฯ ร้านอาหารมันออกแนวป่าๆ ต้นไม้เยอะ เราเคยไปกินสามสี่ที พุน่าจะชอบนะบรรยากาศแบบนั้น” ปลื้มเคนไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง... อยากจะพุ่งเข้าไปกอด เดี๋ยวคิดไว้ก่อนแล้วกัน
พอถึงร้าน เคนก็บ่นหิวๆๆ แหง่ะ... ว่าจะอยากสวีทกับมัน มันดันเห็นของกินสำคัญกว่า
ก็ไม่เป็นไรคับ เลือกโต๊ะได้ก็นั่งชื่นชมธรรมชาติไป
ร้านนี้ต้นไม้เยอะจริงๆ โต๊ะก็เป็นไม้ มีโคมไฟสีนวลๆ อ่อ...ที่สำคัญ มีกลิ่นอะไรซักอย่างไล่ยุงด้วย แต่แม่งก็กัดอยู่ดีละวะ
“วันเสาร์นี้ว่างป่ะ?” เคนถามหลังจากแย่งกันสั่งอาหารแล้ว
“ว่าง”
“ไปถ่ายรูปรับปริญญากัน”
“ใครรับ?”
“อ้าว ก็เราสองคนไง เราหาช่างภาพไว้แล้ว จะไปม.พุหรือม.เราก่อนดี?”
เอ่อ... ม.ผมไม่อยากไปเท่าไหร่คับ อาย...เดี๋ยวเจอคนรู้จักหง่ะ
“ม.เคน” ผมตอบ
“เคยไปไม่กี่ทีเอง” แถมไม่ได้ไปหามันด้วย ไปเพราะอย่างอื่น
“โอเค เดี๋ยวพาทัวร์ ม.เราเล็กอ่ะ เดินแป้บเดียวก็ทั่วแล้ว ไม่เหมือนพุ โคตรกว้าง ไปตอนแรกๆ หลงเลย”
“เราก็หลง... บ้านไม่ได้อยู่ในนั้นหนิ ไม่หลงสิแปลก”
“ไม่ๆ หมายถึงหลงคนที่เรียนในนั้น หาทางออกไม่เจอมาหลายปีและ” เป็นเน่าอะไรเนี่ย
“เดี๋ยวบอกทางออกให้มั้ย?” ผมแกล้งถาม
“ไม่เป็นไร อยากติดอยู่ในนั้นตลอดกาล”
ฟังและเกร็งหน้าท้องเลย กลัวหลุดเขิน...เหอๆ อยากจะอ้วกด้วย
ผมหันมองซ้ายมองขวา หลังจากอาหารทยอยมาเสริ์ฟจนหมด พอดีว่าโต๊ะที่จัดไว้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจกันเท่าไหร่ ต้นไม้มันบัง
ผมก็ลุกจากเก้าอี้เดินไปนั่งข้างเคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มันก็ยิ้มงงๆ ว่าผมย้ายมาทำไม
“มีไรเหรอ?” มันกำลังตั้งหน้าตั้งตากินอยู่เลยล่ะ
“ป่าว”
“มีไรคร้าบ?” เคนวางช้อนส้อมหันหน้ามาถามดีๆ
“ป่าว อยากนั่งข้างๆ ไม่ได้รึไง?” เคนทำหน้าประหลาดใจสุดๆ กับที่ผมพูด
“ได้ เป็นแฟนกันน่ะไม่ต้องขอหรอก”
แหง่ะ... งั้นที่กูให้มึงขอก่อนก็ผิดน่ะสิ
ผมคิดตามแล้วรู้สึกแย่ยังไงไม่รู้
“ทำมากกว่านั่งก็ได้นะ” ดูมึงจะว๊อนท์มากกว่ากูอีกนะ
ผมเลยลองเอามือไปวางบนหน้าขามันแล้วลูบเบาๆ ตอนแรกเคนมันก็ยิ้มๆ อยู่ แต่ตอนนี้มันหุบยิ้มและเริ่มมองจ้องผมแล้ว
เกิดความเงียบชั่วระยะหนึ่ง เสียงที่ได้ยินตอนนี้คือเสียงแมลง กับเสียงเพลงคลอเบาๆ
หง่ะ พอโดนจ้องมากๆ ผมเลยชักมือกลับ แต่เคนก็คว้ามือผมกลับไปที่เดิม
เอ่อ ไม่เดิมเท่าไหร่ มันเอามือผมไปวางบนเป้ามัน ซึ่งกำลังขยายตัวอยู่
“เฮ้ย ทำไร คนเยอะ” ผมตกใจ มึงปลุกโคตรง่ายเลยไอ้บ้า
“ไม่มีใครมองหรอก”
“บ้า ไม่อายรึไง” หน้าด้าน
“มานั่งทางนี้ คนไม่เห็นหรอก ต้นไม้บังอยู่” มันเป็นพุ่มอ่ะอาจจะมองเห็นแค่หัว (หัวบนนะ)
แล้วมันก็ดึงแขนผมให้ไปนั่งฝั่งติดต้นไม้ จากนั้นเคนก็ทำผมช้อคเพราะมันกำลังดึงเข็มขัดตัวเองออก
“เคน อย่ามาบ้า... เดี๋ยวคนเห็น...” ผมเริ่มกลัวแทนมันไปแล้ว
“ไม่เห็นหรอก เราดูอยู่ ทำให้หน่อยดิ” เอาจริงเหรอวะเนี่ย
ผมลังเลอยู่นาน มันก็ทำท่าจะงัดของมันออกมาซะแล้ว
“เคนไม่เอา ไปที่อื่นเหอะ เดี๋ยวทำให้ก็ได้”
อ๊ากกก ไอ้หน้าด้าน ไอ้ที่นั่งอยู่มันไม่ค่อยสว่าง และดูเป็นส่วนตัวก็จริง แต่ก็ไม่ได้มิดชิดไรมากหรอกคับ ถ้าเกิดเด็กเสิร์ฟโผล่มานี่จบเลย
เคนรีบเรียกเก็บตังค์โดยด่วน แต่มันก็ด่วนไม่ได้ มันต้องใช้เวลาไอ้เรื่องแบบนี้
กว่าจะได้จ่ายเงิน มันก็หมดอารมณ์ไปแล้ว เหอๆๆ
“จะทำต่อป่ะ?” ผมแกล้งถามตอนเดินออกมานอกร้านแล้ว
“ต่อดิ ในรถเลยป่ะล่ะ” มันเดินมากอดคอผมแล้วบอก
“ไม่ชอบในรถ”
“ทำไมล่ะ?”
“มันแคบ”
“งั้นแวะโรงแรมกันมั้ย?” เคนเอาหน้ามาซบคอผม คำพูดกับการกระทำคนละเรื่อง
“จะลงทุนเกินไปละ”
“ปกติไม่ลงทุนแล้วพุไม่ยอมหนิ”
“ไม่เกี่ยวเว้ย”
“งั้นชอบแบบไหนบอกมาดิ”
ผมจ้องตาเคน อยากรู้ว่ามันอยากอะไรนักหนา... ถ้าได้แล้วจะเลิกหื่นมั้ยวะ คิดว่าไม่หรอก (ถามเองตอบเองเลย)
“ไปคอนโดเคนก็ได้” ผมบอกมัน
“ห๊ะ! ว่าไงนะ!!?” เคนทำหน้าตกใจ ตลกโคตร
“ไ ป ค อ น โ ด เ ค น ก็ ไ ด้” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ
“จริงดิ!!! ไม่ได้ล้อเล่นใช่ป่าว?”
“อืม ดูหน้าดิ”
“ให้แล้วเหรอ?”
“อืม”
“นี่เราเข้าใจตรงกันป่าวเนี่ย เราหมายความว่า...”
“เฮ้ยๆ ไปคุยกันในรถ” ไอ้บ้านี่ ดูสถานที่บ้างดิแสรด
พอปิดประตูรถได้ ผมรีบยกมือกันไว้ก่อนเลยเพราะคิดว่ามันต้องทำอะไรซักอย่างชัวร์
“อย่าๆ ไม่งั้นไม่ไปด้วย”
“อะไร ไม่ได้จะทำอะไรเลย...กลัวไปก่อนแล้ว” มันยิ้มรวบมือผมจับกางออก
“ไอ้บ้า !!! ไม่ทำแล้วจับทำไม” ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นานผมก็เสียแก้มให้ปากมันไปหลายฟอด
“อ๊ากก ไอ้เลว ปล่อย” ร้องยังกับจะโดนปล้ำ แต่ฟีลลิ่งนี่คือหยอกกันเล่นมากกว่า
“ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าจะขี้อาย”
“ไม่ได้อายเว้ยยย แต่ไม่ชอบ” มันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผมอยู่ดี
“อ่ะๆๆ ขอโทษๆ” เคนยอมยกมือขึ้น ผมยัวะเลยดันไหล่มัน แล้วปีนเบาะเอาขาข้างนึงไปเกยตักมัน อีกข้างอยู่เบาะตัวเอง ทุลักทุเลพอสมควร
จากนั้นก็ก้มหน้าลงกัดหูเคน
“เฮ้ยๆ เล่นไร เจ็บ” ผมกัดสลับกับเลียหูมันไปเรื่อยๆ เคนมันร้องจั้กจี้ซักพักก็เริ่มตัวเกร็ง
“รู้สึกดีมั้ยครับที่รัก?” ผมเอาคำพูดมันมาใช้มั่ง เป็นไงล่ะ กูก็หวานเป็นนะเว้ย แต่ความจริงมารยา อยากแกล้งมากกว่า
“ดีคร้าบ” มันกอดเอวผมแล้วครางเบาๆ ในลำคอ ผมยกมือลูบแผ่นอกมัน จงใจให้โดนหัวนมเฉียดๆ ส่วนปากก็ค่อยๆ เลื่อนลงไซร้ซอกคอ
เหอะๆๆ... กูก็พอได้เหมือนกันละวะ
เป็นรุกก็สนุกดีนะเนี่ย ชอบ
พอทำเสียวให้เคนซักระยะ ผมก็ถอยหน้าออกดูดปากเคนเบาๆ
“ต่อที่คอนโดนะ” ผมยิ้มบอกเคน แล้วปีนไปนั่งเบาะหลัง
กว่าเคนจะรู้เรื่อง ก็ไม่ทันและ ฮ่าๆๆ
“เฮ้ยยย ทำงี้ได้ไง กลับมานี่..”
“ไม่ชอบทำในรถ ได้แค่นี้แหล่ะ”
“พุ”
“................” ผมเลิกคิ้วกวนประสาทมัน
แล้วอยู่ๆ ไอ้เคนก็เปิดประตูจากฝั่งคนขับเดินมาเบาะหลังที่ผมนั่ง ผมจะหนีก็ไม่ทัน ได้แค่เปิดประตูค้างไว้ ขายังไม่ทันก้าวพ้นรัศมีในรถด้วยซ้ำ แขนผมก็ถูกดึงจนหงายหลังไปชนอกมัน
“เอ้ยย..” หน้าผมเงยไปเจอหน้ามัน เคนก้มลงมาบดปากอย่างแรง... ผมแทบคอเคล็ด ต้องยกมือตีหัวมันให้ปล่อยก่อน
“เจ็บคอ” เจ็บจริงนะเนี่ย ไอ้ซาดิสม์ เคยเป็นมั้ยคับ เหมือนเป็นตะคริวที่คอไปชั่วขณะ มันเจ็บโคตรๆ เลย
“เคนเจ็บ อย่าเพิ่งนะ เจ็บ” ผมยกมือห้ามไม่ให้มันเข้าใกล้ อีกมือนึงนวดคอตัวเอง แง่ม
“เป็นไรมากป่าว?” มันเหมือนเพิ่งสำนึกได้
“ไม่มาก แต่ขออยู่เฉยๆ ซักพัก”
“โทษนะ ดึงแรงไปหน่อย” มึงแรงประจำ ไอ้แสด
“อืมๆ กลับเหอะ” H
ยังไม่ยอมจบ
น้องเต้รับปริญญาแล้วเน้อ... จบซักที จบพร้อมไอ้น้องแทคด้วย... แหม่ อยากเล่าเรื่องไอ้น้องแทคจริง แร๊งส์มาก แถมเจอพี่ซีด้วยนะเออ พี่แกแซวพุว่าทำไมผอมจัง ผอมลงอีกแล้ว
พุตอบสั้นๆ “จน” ฮ่าๆๆ
พอดีลืมตอบที่ถามกัน เพิ่งนึกได้
- พี่นัทโอเคดีเน้อ คุยกับพุอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เท่าเมื่อก่อน ห่างๆ แต่ก็ยังห่วงๆ ตามสไตล์ คิดว่าตัดใจได้แล้วนะ ไม่งั้นคงไม่กลับมา
- พ่อแม่เคน... ถึงไม่ยอมรับ ก็ต้องยอม เพราะเคนไม่เลิกจ้า ไม่ได้เหลวไหลด้วย เค้าคงยอมได้ (บ้านนี้มีลูกชายหลายคนนะ)
- แม่พุ เช่นกัน ไม่ชอบเคน แต่ถ้าพุไม่เลิก ก็ได้แค่บ่น (ฮ่าๆๆ) รู้สึกเพื่อนแม่อยากได้น้ำพุไปเป็นลูกเขย... เหอๆๆ ลูกสาวเค้าไม่สวยได้มาตรฐานพุ เอ๊ย ไม่ใช่ พุมีแควนแล้ว จะให้ไปมีแฟนใหม่ได้ไงเล่า
ปล. เรื่องนี้คิดว่า... ถ้าเขียนจบแล้วซักระยะหนึ่งคงจะเก็บนะคะ เนื่องจากพุไม่อยากให้เรื่องตัวเองอยู่ในเวบสาธารณะนานๆ (แม้ว่าจะนำมาแต่งเป็นนิยายก็เถอะนะ แต่เค้าโครงคือเอาเรื่องเค้ามาเขียนง่ะ)
ปล.สอง พุฝากขอบคุณคนอ่านด้วยนะเออ... (ปกติไม่สนใจจะฝากอะไรเลย)