เจ้านายจ๊ะจ๋า Update ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เจ้านายจ๊ะจ๋า Update ตอนพิเศษ  (อ่าน 419877 ครั้ง)

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ









หวัดดีค่า


เป็นสมาชิกใหม่ของที่นี่วันนี้ค่ะ    ขอฝากนิยายบอยเลิฟให้อ่านสักเรื่อง  ฝากตัวด้วยนะคะ



 o15

**********************************







อาคารรามิล กรุ๊ป : อาคาร 16 ชั้น กลางกรุง




ชายหนุ่มร่างเพรียวก้าวออกจากลิฟต์ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวอย่างเร็ว วันนี้เริ่มงานวันแรกก็มาสายตั้ง 20 นาที

...จะถูกตำหนิก็ไม่ว่า ขออย่างเดียวอย่าเปลี่ยนใจไม่รับเราเข้าทำงานเลย...

“โอ๊ะ!!.. โอ๊ย!!..”

ร่างเพรียวกระเด็นถอยหลังออกไปหลายก้าวในขณะที่ร่างสูงซึ่งเป็นฝ่ายถูกชนยังยืนนิ่งอยู่กับที่

“ขอโทษครับ” กานต์รวีกล่าวอย่างนอบน้อม รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดเพราะเดินไม่มองทางเอง  :try2:

“ซุ่มซ่ามจัง เดินก้มหนาก้มตาแบบนี้จะเห็นทางได้ยังไง”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ ครับ”  o1

“รีบร้อนแบบนี้คงมาทำงานสายล่ะซี อยู่บริษัทอะไร !!...”

ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อถูกชายหนุ่มตรงหน้ามองด้วยสายตาตำหนิ ร่างสูงสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ปะขาด แต่งตัวไม่สุภาพอย่างมาก หน้าตาดีแต่ทำตัวเป็นนักเลงวัยรุ่นในผับ ...ทั้งที่ขอโทษแล้วยังพูดจาใหญ่โตต่อว่ากลับ...

“อยู่บริษัทอะไรไม่ใช่เรื่องของคุณ แต่งตัวจิ๊กโก๋ นิสัยยังเหมือนนักเลงอีก แค่เดินชนนิดหน่อยก็พูดจาต่อว่าใหญ่โต ผมเป็นฝ่ายผิดจริงแต่ก็ขอโทษแล้ว มาทำงานสายก็เรื่องของผม คุณไม่มีสิทธิมาตำหนิผมด้วยคำพูดและสายตาแบบนี้ ผมไม่ใช่ลูกจ้างคุณ !!...”  :o

ร่างสูงยืนอึ้งเมื่อถูกหนุ่มหน้าหวานต่อว่ากลับเป็นชุดและจ้ำอ้าวผละจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรต่อ

:confuse:   ???????







 o15 o15 o15







“ที่นี่อนุญาตให้พนักงานมาสายได้ไม่เกิน 10 นาที เดือนละไม่เกิน 3 ครั้ง ถ้ายังไงอย่าให้เกิดขึ้นอีกนะ โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่พ้นทดลองงาน”

“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้ผมจะออกเร็วกว่านี้ จะไม่สายอีกแน่นอนครับ”

กานต์รวีกล่าวขอบคุณผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่แค่กล่าวเตือนการมาสายของเขา ไม่ได้ตำหนิและต่อว่าทั้งที่อยู่ในฐานะที่จะทำได้

“ผมจะพาไปห้องทำงาน..”

“เอ่อ.. ผมไปเองก็ได้นะครับ แค่บอกว่าอยู่ชั้นไหน”

“ที่ทำงานของคุณต้องสแกนลายนิ้วมือถึงจะเข้าได้ ผมต้องเป็นคนพาไป เชิญทางนี้..”

กานต์รวีเดินตามหลังผู้จัดการฝ่ายบุคคลไปยังห้องทำงานของตัวเอง พลางนึกในใจว่า ...ฝ่ายบัญชีที่นี่เข้มงวดจังแฮะ...

“ขอโทษนะครับ เรามาผิดชั้นรึเปล่า..” ใบหน้าหวานหันมองซ้ายขวา เมื่อถูกพาขึ้นมาบนชั้น 15 ของอาคารซึ่งเป็น Office ของประธานบริษัท

“ชั้นนี้เป็นที่ทำงานของคุณ..”

“เอ่อ.. ฝ่ายบัญชีอยู่ชั้นนี้ด้วยรึครับ”

“ที่นี่เป็นออฟฟิศของท่านประธาน ฝ่ายบัญชีอยู่ชั้นสาม..”

“เอ๊ะ!!.. เอ่อ.. ผมสมัครพนักงานบัญชีนะครับ.. ไม่ได้ให้ผมนั่งที่ชั้น 3 เหรอ..”

ผู้จัดการหนุ่มใหญ่หยุดชะงัก สีหน้านึกขึ้นได้

“โอ๊ะ!!.. จริงซี.. ขอโทษด้วยคุณกานต์รวี.. ตำแหน่งที่คุณสมัครไว้เขาได้คนแล้ว พอดีมีตำแหน่งเลขาผู้บริหารว่างอยู่ผมเลยเปลี่ยนให้ใหม่ นึกว่าเจ้าหน้าที่แจ้งให้คุณรู้แล้ว ไม่ทราบว่ามีปัญหารึเปล่า..”

ร่างเพรียวยืนตะลึงกับตำแหน่งที่ถูกเปลี่ยนกระทันหัน

“เอ่อ.. ผมเรียนบัญชีมานะครับ.. ผมทำงานเลขาไม่เป็น แล้วผมก็เป็นผู้ชายคงไม่เหมาะกับงานนี้”

“ถ้าที่พูดมาเป็นปัญหาของคุณล่ะก็ สบายใจได้ ท่านประธานไม่ต้องการเลขาที่มีประสบการณ์หรือร่ำเรียนมา แต่ขอให้มีความรู้เรื่องบัญชี ที่สำคัญท่านต้องการเลขาผู้ชาย เพราะฉะนั้นคุณมีคุณสมบัติพร้อมที่จะทำงานในตำแหน่งนี้..”

“แต่ว่าความรู้ภาษาอังกฤษของผมไม่เอาไหนนะครับ ”

“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ท่านไม่ได้รีเควสเรื่องนี้ ขอแค่ซื่อสัตย์และมีความรู้เรื่องการเงินและบัญชีก็พอ”

“แต่ผมคิดว่า__”

“บริษัทไม่มีตำแหน่งอื่นว่างแล้ว ที่นี่มีสวัสดิการพนักงานดีมาก ถ้าคุณไม่รับงานนี้ผมรู้สึกเสียดายแทน ผมให้เวลาคุณตัดสินใจ 5 นาที .. ”

ผู้จัดการหนุ่มเดินเลี่ยงไปนั่งคอยการตัดสินใจ ยังไม่ทันทรุดตัวลงนั่ง เสียงใสก็ท้วงขึ้น

“เดี๋ยวครับ!!..” กานต์รวีใช้เวลาตัดสินใจแค่ 5 วินาที

...ถ้าไม่ทำงานนี้ก็ต้องไปหางานใหม่ กว่าจะได้งานไม่ใช่เรื่องง่าย เราไม่ได้ตัวคนเดียว มีภาระใหญ่หลวงรออยู่...

“เอ่อ.. ผมแค่รู้สึกกังวลกลัวว่าตัวเองจะทำงานไม่ได้ แต่ในเมื่อบริษัทให้โอกาสผมแล้ว ผมก็จะตั้งใจทำอย่างเต็มที่ครับ”

ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ยิ้มอย่างพอใจและเดินเข้ามาตบไหล่พนักงานใหม่

“ดีมาก งั้นตามมาดูที่นั่งทำงานของคุณ”



 o14 o14 o14 o14


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2021 15:09:20 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #1 เมื่อ21-05-2007 22:05:08 »

กานต์รวี โชติช่วง เดินวนไปมาหน้าโต๊ะทำงานตัวเอง เขาเรียนจบมา 2 ปีแล้ว แต่อยู่ช่วยงานที่ร้านอาหารของพี่ชายและพี่สะใภ้ วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทจึงรู้สึกตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด เขาจัดเอกสารและเครื่องใช้สำนักงานส่วนตัวเข้าที่เรียบร้อยแล้ว คุณศักดิ์สิทธิ์ ผู้จัดการบุคคล บอกให้นั่งคอยท่านประธานจะมาทำงานประมาณ 10 โมงเช้า นี่ปาเข้าไป 11 โมงครึ่งแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงา

รามิล กรุ๊ป เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการต่างๆ ในเครือมากมาย ช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา เครือรามิล กรุ๊ป สามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดและบริหารงานจนเติบโต ปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

กานต์รวียืนมองรูปติดผนังในห้องประชุม ...ท่าทางใจดี คงเป็นท่านประธานบริษัท เราต้องมาเป็นเลขาท่านประธานคนนี้เหรอ.. จะทำได้รึเปล่านะ...

ร่างเพรียวเดินสำรวจไปรอบๆ floor โอ่โถงสวยงามสมกับเป็นชั้นผู้บริหาร แค่ห้องท่านประธานก็กินพื้นที่กว่าครึ่งแล้ว มีห้องประชุมขนาดเล็กหนึ่งห้องอยู่ปีกซ้าย ส่วนที่ทำงานของเลขาอยู่ด้านหน้าห้องประธานซึ่งตอนนี้เป็นที่นั่งทำงานของเขา นอกจากเขาแล้วมีแม่บ้านประจำชั้นอยู่อีกหนึ่งคนเท่านั้น ไม่อยากเชื่อเลยว่า พื้นที่ทั้งฟลอร์มีผู้บริหารนั่งอยู่แค่คนเดียว เขารู้จากแม่บ้านว่าท่านประธานเปลี่ยนเลขามา 3 คนแล้ว และเลขาคนก่อนๆ ก็เป็นผู้หญิง เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่มารับงานนี้

กานต์รวียอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นและกลัวมาก ... จะไม่ให้กลัวได้ยังไง ก็เขาเรียนบัญชีมานี่นา.. จู่ๆ จับผลัดจับผลูต้องมาทำเลขา เขาพูดจาอ่อนหวานปรนนิบัติใครไม่เป็นด้วย จะทำงานนี้ได้ยังไง...

กานต์รวีนึกถึงใครคนหนึ่งแล้วก็เปลี่ยนความคิดยอมรับงานนี้ ลองทำดูก่อนก็ไม่เสียหาย ดีเท่าไรแล้วที่เขายังรับเราไว้...




 o15  o15 o15




“คุณวีคะ ท่านประธานมาแล้วนะคะ.. ”

กานต์รวีผลุนผลันออกจากห้องน้ำสีหน้าตื่น เวลาขณะนี้ปาเข้าไปบ่ายสามแล้ว
“มาแล้วเหรอ.. ท่านเรียกผมรึเปล่า..”

“ไม่ได้เรียกค่ะ แค่ถามว่าวันนี้มีเลขาใหม่มาใช่มั้ย หนูบอกว่าใช่ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ”

กานต์รวีรีบไปประจำที่นั่งเผื่อถูกเรียกตัว นึกเสียดาย.. ท่านประธานไม่น่าเข้ามาตอนเขาเข้าห้องน้ำเลย อย่างน้อยก็ยังได้ทักทายกันตอนเดินเข้ามาบ้าง เขานั่งคอยอยู่หนึ่งชั่วโมงท่านประธานก็ยังไม่เรียกให้เข้าไปพบ รู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูกจึงต่อสายไปคุยกับคุณศักดิ์สิทธ์ ได้รับคำแนะนำว่าให้คอยก่อน ถ้าท่านต้องการพบก็จะเรียกเอง

...อะไรฟระ!!.. งานเลขานี่น่าอึดอัดชะมัด ต้องรอเจ้านายเรียกถึงจะเข้าไปได้งั้นเหรอ...




 o15 o15 o15




5 โมงเย็น..


กานต์รวีเริ่มนั่งไม่ติด อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเลิกงานแล้ว เขามีธุระต้องกลับถึงบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่ม ป่านนี้ท่านประธานยังไม่เรียกเขาเข้าพบเพื่อแนะนำตัวหรือสั่งงานอะไรเลย ถ้าถึงเวลากลับบ้านแล้วอย่ามาเรียกนะ!!.. ฮึ่ม!!...

กานต์รวีนั่งกอดอกรอด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แม่บ้านกลับไปแล้ว ก่อนกลับยังให้ความหวังเขาว่าเดี๋ยวท่านก็เรียกค่ะ ท่านชอบมีงานตอนเย็นๆ ฟังแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ มาใช้งานตอนคนจะกลับบ้านเนี่ยนะ อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้กระมัง ทำให้ต้องเปลี่ยนเลขามาแล้วถึง 3 คน ใครๆ ก็อยากได้เวลาส่วนตัวกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเขา.. เขาไม่มีเวลาในช่วงเย็นให้กับงานที่บริษัทหรอกนะ หลังเลิกงานเขามีภารกิจต้องทำ สงสัยต้องหางานใหม่แล้ว...

“..คุณกานต์รวี.. เข้ามาพบผมหน่อย..”

ร่างเพรียวสะดุ้งเฮือก เสียงทุ้มดังจากเครื่องอินเตอร์โฟนเรียกเข้าไปพบ รีบยกข้อมือขึ้นดูเวลา 17.30 น. พอดี เป็นอย่างที่แม่บ้านบอกจริงๆ

...ให้ตายเถอะ!!.. นี่มันเวลาเลิกงานแล้วนะเฟ้ย!!.. นั่งรอทั้งวันทำไมไม่เรียก...   o12




 o15 o15 o15


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #2 เมื่อ21-05-2007 22:14:48 »

ก๊อก!! ก๊อก!!..

กานต์รวีเคาะประตูตามมารยาทก่อนเปิดเข้าไป ถึงจะนั่งอยู่บนฟลอร์ตลอดทั้งวันและเดินสำรวจห้องหับต่างๆ จนทั่วแล้ว แต่สำหรับห้องนี้เขาไม่ได้ย่างกรายเข้ามา แม้ในหน้าที่รับผิดชอบจะสามารถเข้าห้องเจ้านายได้ แต่เขาเพิ่งมาทำงานวันแรก ควรรอให้เรียกพบก่อนถึงจะเข้ามาได้

ห้องทำงานของท่านประธานสวยงามมากอย่างที่แม่บ้านคุยไว้ สวยจนกานต์รวีตื่นตะลึง พยายามระงับอาการสั่นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและเดินสำรวมเข้าไปหา

ร่างสูงนั่งก้มหน้ารื้อหาของในลิ้นชัก กานต์รวีเดินไปหยุดเบื้องหน้าโต๊ะทำงาน แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่แทนที่จะเป็นหนุ่มใหญ่ที่เห็นในรูป

“เชิญนั่ง..”

เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตทั้งที่ยังก้มหน้าหาของในลิ้นชัก กานตร์รวีทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ... ท่าทางจะหาของไม่เจอแฮะ...

“กำลังจะกลับบ้านล่ะซี..”

“เอ่อ.. ยังครับ”

“ก็ดี.. เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะ อย่างน้อยก็ต้องทำความรู้จักกันก่อน..”

เสียงถอนหายใจก่อนผลักลิ้นชักปิดด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจอยเพราะหาไส้ปากกาไม่เจอ ใบหน้าคมเข้มเงยขึ้นจากลิ้นชัก ร่างสูงขยับกายพิงพนักในท่าสบาย สายตาจับจ้องพนักงานหนุ่มตรงหน้า

“ผม เตชิต ประธาน รามิล กรุ๊ป ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกัน คุณกานต์รวี..”

ดวงตากลมเบิกโพลง ร่างเพรียวนั่งตะลึงเมื่อพบว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นประธานบริษัทที่เขาต้องทำงานด้วยในตำแหน่งเลขานุการ

“คะ คุณ~~ ”  o2

ชายหนุ่มนั่งอมยิ้ม ใบหน้าหวานของเลขาหนุ่มมีสีหน้าตื่น!!.. จึงแนะนำตัวเองย้ำกลับไปอีกครั้ง

“ผม เตชิต รามิล ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน คุณกานต์รวี..”

ร่างเพรียวลุกพรวดขึ้นยืน เสียงใสสะท้านแต่หนักแน่น

“ขอโทษนะครับ ที่จริงแล้วผมมาสมัครพนักงานบัญชี ไม่ใช่เลขานุการ งานนี้ไม่เหมาะกับผม ผมคงรับตำแหน่งนี้ไม่ได้ ต้องขอโทษท่านด้วย ลาก่อนนะครับ ”

กานต์รวียกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าและเดินผละไปที่ประตูอย่างเร็ว

“จะรีบไปไหน คุณกานต์รวี.. จู่ๆ ก็ไม่รับงาน พูดจากลับไปกลับมาเหมือนเด็กเล่นขายของ ไม่เป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย..”

ร่างเพรียวหยุดชะงัก หันกลับมาเผชิญหน้าร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนท้าวโต๊ะทำงาน กานต์รวีจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว ...ยังไงเขาก็ไม่ทำงานที่นี่แล้ว..

“ผมไม่ได้สมัครตำแหน่งนี้ เพราะงั้นผมมีสิทธิจะรับงานนี้หรือไม่รับก็ได้ ผมไม่ใช่เด็กเล่นขายของ ผมเป็นผู้ใหญ่พอ.. และคนอย่างผมถ้าทำผิดก็พร้อมจะขอโทษ.. ไม่เหมือนคนบางคนที่ไม่รู้จักการให้อภัย ถือว่าเป็นเจ้านายใหญ่โตคิดจะพูดจาดูถูกใครที่ไหนก็ได้.. ”

ใบหน้าหวานเมินหนีและรีบจ้ำอ้าวไปที่ประตู พยายามเปิดแต่เปิดไม่ออก

“คุณไปไหนไม่ได้!!  ถ้าผมไม่อนุญาต” เสียงทุ้มดังใกล้เข้ามา ร่างสูงเดินย่างเข้าหา

“ผมจะกลับ เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้!!..”

“จะรีบไปไหน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง”

“ผมไม่มีอะไรจะคุย ผมไม่ทำงานนี้แล้ว ช่วยเปิดประตูให้ด้วยครับ”

กานต์รวีสะกดกลั้นอารมณ์พูดดีด้วย ถ้ามีเรื่องตัวเองต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ตัวก็เล็กว่าแถมยังอยู่ในห้องส่วนตัวของเขาอีก

“ถ้าเป็นเพราะเรื่องเมื่อเช้าทำให้คุณไม่อยากทำงานกับผม ผมก็ขอโทษด้วย..” เตชิตกล่าวเสียงอ่อน “ก่อนที่คุณจะปฏิเสธไม่รับงานนี้ ผมอยากให้เราได้คุยกันก่อน”

...พูดดีก็เป็นนี่นา ...

กานต์รวีครุ่นคิดในใจ ...ในเมื่อเขายอมเอ่ยขอโทษ เราก็น่าจะลองคุยก่อน ถ้าไม่ชอบใจและไม่อยากทำจริงๆ ค่อยบาย...

“ก็ได้ครับ ลองคุยดูก่อนก็ได้”

ใบหน้าคมยิ้มละมัย
“งั้นเชิญไปนั่งคุยกันที่โต๊ะ ” ร่างสูงเดินนำกลับไปที่โต๊ะทำงาน

......................
......................
......................
......................
......................



 o15 o15 o15



abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #3 เมื่อ21-05-2007 22:19:17 »

ตายล่ะนายเตชิต เปงคู่กัดเก่าของกานต์รวีป่าวเนี่ย แล้วจาทำงานกันได้เหรอออ  :o9:




ปล. ยินดีต้อนรับจ้าน้องหมวย  o15  o14





ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #4 เมื่อ21-05-2007 22:21:29 »

ว้าววว
เจ๊หมวยพาอาวีมาทัวร์เล้าเป็ดหรอ :o9: :o9:

 o18 o18 o18 o18 o18

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #5 เมื่อ21-05-2007 22:26:46 »

เตชิต รามิล เป็นฝ่ายแนะนำตัวก่อนเพราะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าข้องใจในตัวเขา ภาพประธานบริษัทหนุ่มใหญ่ที่กานต์รวีเห็นที่ห้องประชุมเป็นบิดาของเขาเอง เตชิตเพิ่งมารับตำแหน่งแทนบิดาได้ 3 เดือน แค่ช่วงเวลา 3 เดือน เขาเปลี่ยนเลขาใหม่ถึง 3 คน เพราะรับไม่ได้กับนิสัยจุ๊กจิ๊กนินทาของผู้หญิง คนสุดท้ายไม่มีนิสัยชอบนินทาแต่แต่งตัวให้ท่าอย่างน่าเกลียด เพราะฉะนั้นเลขาคนใหม่ของเขาจึงต้องเป็นผู้ชาย

“’ตำแหน่งของคุณเป็นเลขาส่วนตัวของผม งานส่วนอื่นๆ ของบริษัทไม่ใช่หน้าที่ของคุณ ถ้าไม่ใช่ผมสั่งให้ทำไม่ต้องไปยุ่ง..”

คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยกับน้ำเสียงในประโยคสุดท้าย แต่ก็รับคำด้วยดี

“ครับ”

“ทุกวันจันทร์ผมจะเข้าบ่าย ยกเว้นมีประชุมพิเศษหรือนัดลูกค้า อังคารถึงศุกร์จะเข้างาน 10 - 11 โมง คุณจะเข้างานกี่โมงก็ได้แต่ต้องมาก่อนผม.. ถึงจะทำงานส่วนตัวให้ผมแต่คุณเป็นพนักงานของรามิลกรุ๊ป ได้สวัสดิการทุกอย่างเหมือนคนอื่น มีปัญหาอะไรจะถามไหม”

“มีครับ เวลาเลิกงานของผมเป็นเวลาเดียวกับพนักงานคนอื่นรึเปล่า”

“แน่นอน.. ที่นี่เลิกงาน 5 โมงครึ่ง ถ้าผมไม่อยู่หรือไปข้างนอกไม่กลับมาแล้ว คุณอยากจะกลับก่อนเวลาก็ได้ แต่ถ้าผมยังอยู่คุณต้องอยู่ด้วย..”

“เอ่อ..”

...ทำยังไงดี เรื่องนี้เป็นข้อจำกัดของเรา เราจำเป็นต้องกลับถึงบ้านก่อนหนึ่งทุ่ม เรามีภาระต้องทำ บอกไปคุณเตชิตจะเข้าใจรึเปล่า...

เตชิตรู้สึกขำกับสีหน้าลำบากใจของเลขาหนุ่ม

“มีเรื่องลำบากใจงั้นเหรอ..”

“ดึกมั้ยครับ เอ่อ.. ผมหมายถึงท่านจะอยู่ถึงกี่โมงครับ..”

“ก็ไม่ถึงกับดึก ปกติก็ไม่เกินหนึ่งทุ่ม ยกเว้นมีงานที่ต้องสะสางด่วน คุณไม่สะดวกที่จะอยู่ดึกงั้นเหรอ..”

“เอ่อ..” ใบหน้าหวานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินบอกความจริง

“ครับ ผมมีภาระทางบ้านต้องดูแล จำเป็นต้องกลับถึงบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่ม.. ผมขอโทษด้วยครับ เรื่องนี้เป็นข้อจำกัดของผม ถ้ามันทำให้ไม่สามารถรองรับงานท่านได้เต็มที่ ไม่ต้องรับผมทำงานนี้ก็ได้นะครับ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้น
“ภาระทางบ้าน? บอกได้มั้ยว่าคืออะไร”

“เอ่อ..”

“ไม่เป็นไร” เตชิตตัดบทเมื่อเลขาหนุ่มหน้าหวานของเขามีสีหน้าลำบากใจ

“ผมแค่อยากรู้เผื่อจะช่วยจะหาทางออกได้บ้าง ไม่สะดวกที่จะบอกก็ไม่เป็นไร.. เอาเป็นว่าถ้าผมอยู่แต่ไม่มีงานอะไร คุณก็กลับตามเวลา แต่ถ้ามีงานเร่งด่วนที่คุณต้องอยู่ช่วยผม ผมจะพยายามบอกล่วงหน้าเพื่อให้คุณเคลียร์ภาระที่บ้านให้เรียบร้อย ตกลงกันตามนี้โอเคมั้ย..”

“เอ่อ.. ก็ได้ครับ” กานต์รวีจำใจรับคำแม้จะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ

...ภาระของเขาไม่สามารถเคลียร์ได้หรอก แต่เอาเถอะ รับไปก่อน ถึงเวลาค่อยหาทางแก้ปัญหา...

เตชิตรู้สึกขำเลขาหนุ่ม ปากรับคำแต่สีหน้าไม่ค่อยชอบใจกับข้อเสนอของเขา

“ผมมีค่าล่วงเวลาให้คุณกรณีที่ต้องอยู่เย็นเกินหนึ่งทุ่ม อย่างน้อยรายได้ส่วนนี้จะได้นำไปช่วยเคลียร์ภาระที่บ้านได้บ้าง มีปัญหาอะไรจะถามอีกมั้ย..”

“ไม่มีครับ..”

“โอเค.. งั้นพรุ่งนี้เราค่อยมาเริ่มงานกัน ตอนนี้ 6 โมงแล้ว รีบกลับเถอะ”

“ครับ..”

กานต์รวียกมือไหว้ประธานหนุ่ม ถึงจะไม่ได้อาวุโสอย่างที่คิดไว้แต่แรก แต่อายุมากกว่าเขาแน่นอน

ร่างสูงลุกขึ้นเดินตามมาส่งกานต์รวีที่หน้าประตู

“จริงซี.. คุณมีชื่อเรียกง่ายๆ กว่านี้มั้ย..”

“เอ่อ.. เรียกผม วี.. ก็ได้ครับ..”

“โอเค วี.. ต่อไปให้เรียกชื่อผมนะ อย่าเรียก ‘ท่าน’ ฟังแล้วรู้สึกอาวุโสยังไงชอบกล”

กานต์รวีอดหัวเราะไม่ได้
“ได้ครับ ผมกลับก่อนนะครับ คุณเตชิต..”

“บ้านไกลมั้ย จะกลับทันรึเปล่า ผมให้คนรถไปส่งมั้ย”

“ไม่ต้องครับ ถ้ากลับตอนนี้ยังทัน ช้านิดหน่อยไม่เป็น ผมลานะครับ”

เตชิตยืนมองร่างเพรียวเดินลับออกจากห้อง ใบหน้าคมแย้มยิ้ม รู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มคนนี้ตั้งแต่เดินชนกันที่หน้าลิฟต์แล้ว เป็นคนกล้า พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมาดี

...ภาระทางบ้านที่ต้องกลับตรงเวลาทุกวัน จะเป็นเรื่องอะไรก็ช่างแต่หวังว่าคงไม่ได้รับงาน Sideline ที่อื่นด้วยหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้น คงทำงานร่วมกันไม่ได้...



:teach:   TBC  >>> บทที่  2   พรุ่งนี้ค่ะ


abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #6 เมื่อ21-05-2007 22:31:13 »

งานSideline  คิดได้ไง :kikkik:






 :yeb:

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #7 เมื่อ22-05-2007 01:19:46 »

พรุ้งนี้ลงสัก3บทไม่ได้หรอ  o15

pasira

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #8 เมื่อ22-05-2007 04:32:47 »

 :o12:

ตามเจ๊หมวยมาอ่านที่นี่ค่า   


น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #9 เมื่อ22-05-2007 08:14:22 »

เจ๊หมวยจ๋า  เอาเรื่องป๊ะโจกะพ่อโยมาให้อ่านด้วยซีจ๊ะ คิดถึงน่ะ มากกกกกกกกกกกกกเลย :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-05-2007 08:14:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mu_off

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #10 เมื่อ22-05-2007 09:00:09 »

มาติดตามด้วยคนคับ... o14

(ว่าแต่งาน Sideline นี่ไรอ่ะคับ.. :confuse:...บอกหน่อยจิ)

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #11 เมื่อ22-05-2007 09:58:37 »

อะไรกันเนี่ย  krappom  pasira  น้ำค้าง    นาน ๆ เจ๊หมวยจะออกจากบ้านที  นึกว่าออกมาไกลแล้วนะ  นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะอยู่ทั่วทุกหัวระแหงของวงการวาย   


ขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ เล้าเป็ดที่ให้การต้อนรับค่ะ  เจ๊หมวยอยากมาแนะนำนิยายวายแนวครอบครัวให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่ยังไม่เคยอ่านได้ลองอ่านดู   


รับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะ


 o15


**********************






บทที่ 2




“คุณวีคะ นี่เป็นงบของไตรมาสแรก ท่านประธานขอดูค่ะ”

พนักงานบัญชีวางรายงานงบการเงินลงบนโต๊ะ กานต์รวีเงยหน้าขึ้นจากงานที่กำลังตรวจอยู่ส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี

วันนี้ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 3 ที่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ เข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมประธานหนุ่มผู้นี้ถึงต้องการเลขาที่มีความรู้เรื่องบัญชี กว่าครึ่งเดือนที่นั่งทำงานในตำแหน่งเลขา งานหลักของเขาคือตรวจดูรายการบัญชีแทนคุณเตชิตและนำเสนอให้ทราบว่ามีรายการอะไรผิดปกติหรือไม่ จะว่าไปเหมือนเป็นการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายต่างๆ รู้สึกแปลกใจแต่คิดว่าคุณเตชิตต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ จึงพยายามทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุด

ถ้าไม่ได้ทำตำแหน่งนี้ เขาคงไม่มีโอกาสรู้อายุจริงของประธานบริษัทหนุ่มผู้นี้ ตอนแรกนึกว่าคุณเตชิตอายุมากกว่าเขาแค่ 2-3 ปี แต่พอเห็นประวัติส่วนตัวถึงรู้ว่าอายุ 32 แล้ว ไม่อยากเชื่อเลยอายุมากกว่าเขาตั้ง 8 ปี แต่ยังดูเป็นหนุ่มวัยรุ่นอยู่เลย...

ตั้งแต่ทำงานมาเขาได้กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน คือ 5 โมงครึ่ง มีอยู่วันหนึ่งนั่งตรวจรายงานจนเพลิน รู้สึกตัวอีกทีเมื่อคุณเตชิตเปิดประตูออกมาไล่ให้กลับบ้าน หันไปดูเวลา 6 โมง 15 เข้าไปแล้ว เขารีบเก็บของและผลุนผลันกลับบ้านทันที

“ วี..”

ร่างเพรียวสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นก็พบร่างสูงของเจ้านายยืนกอดอกดูอยู่ข้างๆ

“ครับ คุณเตชิต.. ต้องการอะไรครับ ทำไมไม่โฟนเรียก”

“ไม่มีอะไร.. ออกมาเดินยืดเส้นยืดสายน่ะ ใกล้เที่ยงแล้ว วางมือก่อน ออกไปทานกลางวันด้วยกัน ผมจองโต๊ะไว้แล้ว ”

“เอ่อ.. นัดลูกค้ารึเปล่าครับ ผมจะได้เตรียมตัวถูก”

เตชิตหัวเราะ   “เปล่า.. มีแค่คุณกับผม ไปเถอะ ผมหิวแล้ว รีบตามไปที่รถนะ”

ร่างสูงเดินนำไปก่อน กานต์รวีจำต้องรีบลุกตามไป ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่ากลางวันนี้จะออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวสักหน่อย

 “ช้าๆ ก็ได้ จะรีบไปไหน เดี๋ยวก็ติดคอหรอก..”

เสียงทุ้มดุใส่เมื่อเลขาหนุ่มตั้งหน้าตั้งตากิน ไม่พูดไม่จา

“เอ่อ.. มันใกล้จะบ่ายแล้ว ผมไม่อยากกลับเข้าไปทำงานสายครับ”

“คุณมากับผมจะกลัวสายทำไม.. ”

“เอ่อ.. คือ..” กานต์รวีอึกอักก่อนตัดสินใจพูดความจริง

“ที่จริงเที่ยงนี้ผมตั้งใจจะไปซื้อของใช้ครับ ถ้ายังไงทานเสร็จแล้วผมขออนุญาตแวะซื้อของที่ซุปเปอร์หน่อย แล้วจะรีบตามกลับเข้าไปครับ”

เตชิตพยักหน้า   “โอเค.. งั้นเดี๋ยวไปด้วยกัน ผมจะได้ซื้อด้วย”

“ซื้อ? เอ่อ.. คุณเตชิตจะซื้อของใช้ด้วยหรือครับ..”

“ใช่!!.. แปลกเหรอ.. ดูทำหน้าเข้า”

“เอ่อ.. ไม่ได้แปลกครับ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณจะซื้อของเอง มันควรเป็นหน้าที่ของแม่บ้านนะครับ”

“นั่นมันที่บ้าน ผมจะซื้อของใช้ไว้ที่ห้องพัก แล้วคุณล่ะ วี.. มาเลือกซื้อของใช้เองทุกครั้งเลยเหรอ”

“ครับ”

กานต์รวีรีบจัดการอาหารตรงหน้าให้หมดไวๆ ในใจครุ่นคิดว่า ...ทำไมคุณเตชิตต้องตามเราไปซื้อของด้วยนะ .ต้องวางแผนแยกกันเดินซะแล้ว..

เตชิตซ่อนยิ้มเมื่อเห็นของในรถเข็นที่กานตร์รวีเลือกซื้อ เขาแอบเดินตามชายหนุ่มห่างๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เพราะมัวแต่สาละวนกับการเลือกซื้อของ ของใช้ในรถเข็นที่กานต์รวีหยิบแต่ละชิ้นล้วนแต่เป็นของใช้เด็กทารกทั้งสิ้น

...นี่คงเป็นเหตุผลที่ขอแยกไปเดินตามลำพัง แม้เจ้าตัวจะบอกว่าเพื่อความรวดเร็วเพราะต้องซื้อหลายอย่าง แต่เขาเชื่อว่าเหตุผลจริงๆ คือไม่อยากให้รู้ว่าตัวเองซื้ออะไรบ้าง...

“ทั้งหมด 1753 บาทค่ะ”

กานต์รวีเปิดกระเป๋าหยิบเงินยื่นให้พนักงาน เสียงทุ้มก็ดังแทรกขึ้นด้านหลังพร้อมกับร่างสูงของเจ้านายหนุ่มก้าวตามมายืนประชิดและวางตะกร้าของให้พนักงานคิดเงิน

“คิดรวมกับของผมครับ”

“คุณเตชิต..” กานต์รวีมองหน้าเจ้านายอย่างไม่ชอบใจ แต่กลับถูกร่างสูงดันให้เดินไปข้างหน้า

“คิดรวมกันจะได้ไม่เสียเวลา ผมมีประชุมบ่าย 2 กับการตลาดใช่มั้ย”

ใบหน้าหวานคลายความไม่ชอบใจเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด

“เอ๊ะ! มีเหรอครับ ผมดู schedule เมื่อเช้า วันนี้ว่างทั้งวันนี่ครับ”

“แต่ผมจำได้ว่ามีนะ”

“ทั้งหมด 2,380 บาทค่ะ”

เตชิตชำระเงินให้พนักงานและเอาของใส่รถเข็นคันเดียวกับกานต์รวีในขณะที่เจ้าตัวยังยืนครุ่นคิดเรื่องประชุม

“กลับกันเถอะ ประชุมช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ยังไงเขาก็ต้องรอผม” ร่างสูงเป็นฝ่ายเข็นรถเดินนำไป

กานต์รวีจ้ำอ้าวตามติดๆ

...รู้สึกเกรงใจที่เจ้านายเป็นฝ่ายออกเงินจ่ายค่าของไปก่อนแถมยังเข็นรถให้อีก อยากบอกว่าผมเข็นเอง แต่เห็นท่าทางเร่งรีบของอีกฝ่ายแล้ว ปล่อยให้เข็นเองดีกว่า...



 o15



“ไหนบอกว่าจะมาซื้อของใช้ ทำไมมีแต่ของเด็กล่ะ ที่บ้านมีเด็กทารกเหรอ.. ”

“เอ่อ.. ครับ..”

“ลูกใครเหรอ.. อย่าบอกนะว่าลูกคุณ ”

“เอ่อ.. ลูกพี่ชายครับ”

“อะฮะ อายุเท่าไรแล้ว”

“6 เดือนครับ.. เอ่อ.. คุณเตชิตครับ ผมแน่ใจว่าช่วงบ่ายนี้ไม่มีประชุม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นพรุ่งนี้ตอน 5 โมงเช้าครับ”

กานตร์รวีตัดบทเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากถูกซักหรือล้วงลึกเรื่องส่วนตัว

“เหรอ.. ผมคงจำผิดจริงๆ ถ้างั้นเราก็ไม่ต้องรีบเข้าออฟฟิศซีนะ เอางี้มั้ย.. คุณซื้อของตั้งเยอะแยะ เอาของไปเก็บที่บ้านคุณก่อนดีกว่า ตอนเย็นจะได้ไม่ต้องกระเตงถือกลับบ้าน”

กานต์รวีตาโตกับข้อเสนอของเจ้านาย อ้าปากจะแย้งโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น เตชิตรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รู้สึกชอบใจเวลาหยอกล้อเลขาหนุ่มและได้เห็นใบหน้าหวานออกอาการตกใจ

...คุณเตชิตพูดจริงรึเปล่า.. ชวนเรากลับบ้านเพื่อเอาของที่ซื้อไปเก็บเนี่ยนะ บ้าที่สุด!!.. เราไม่น่ามาซื้อของเวลานี้เลย แต่ถ้าไม่ซื้อตอนนี้ ตอนเย็นก็ไม่มีเวลา เฮ้อ!!.. ทำไมวุ่นวายกับผมนักนะ เจ้านาย..

กานตร์รวีโล่งอกเมื่อได้ยินเตชิตบอกปลายสายว่ากำลังจะเข้าออฟฟิศ แสดงว่าคงเปลี่ยนใจ หรือไม่.. เมื่อครู่ก็คงพูดเล่น..

เตชิตคุยโทรศัพท์เสร็จก็บอกคนรถให้เข้าบริษัทเลย

“ผมมีแขกมาพบ ไว้วันหลังค่อยไปเที่ยวบ้านคุณล่ะกันนะ” ใบหน้าคมเข้มแย้มยิ้มเมื่อเลขาหนุ่มทำหน้าพิลึกพิลั่น



 o15

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #12 เมื่อ22-05-2007 10:02:34 »

“คุณวีขา..”

“หือ..” เสียงขานรับในลำคอแต่สายตาไม่ละจากงานตรงหน้า

“คุณผู้หญิงที่เป็นแขกเจ้านายเป็นลูกค้าแน่หรือคะ..”

“ทำไมเหรอ..”

“หนูว่าไม่ใช่หรอกค่ะ เมื่อกี้ตอนเข้าไปเสริฟน้ำเห็นนั่งเบียดกับเจ้านายจนแทบจะขึ้นไปนั่งบนตัก”

กานต์รวีเหลือบสายตามองแม่บ้านอย่างตำหนิ แม้จะรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องที่เธอเล่าแต่เรื่องส่วนตัวของเจ้านายไม่สมควรเอามาโพธนาให้คนอื่นรู้

แม่บ้านยิ้มแห้งๆ อย่างรู้ทัน
“แหะๆ นอกจากคุณวีแล้วหนูไม่พูดกับใครหรอกค่ะ จริงๆ นะคะ สาบานได้”

กานต์รวีโบกมือไล่
“มีอะไรก็ไปทำไป ผมมีงานอย่ามากวน”

“ค่า~~”

คล้อยหลังแม่บ้าน กานต์รวีส่ายหน้าเมื่อนึกถึงใบหน้าคมเข้มขี้เก๊กของเจ้านายหนุ่ม ...เห็นนิ่งๆ เอาแต่ทำงาน ที่แท้คุณเตชิตก็เป็นเสือผู้หญิงเหมือนกัน ...



 o15



ร่างเพรียวหอบของพะรุงพะรังก้าวลงจากแท็กซี่เดินจ้ำอ้าวขึ้นตึก ที่พักของกานต์รวีเป็นอพาร์ทเม้นท์ 6 ชั้น สภาพค่อนข้างเก่าเพราะปลูกสร้างมานานกว่า 10 ปีแล้ว เขาพักอยู่ชั้น 3 แต่ชอบเดินขึ้นลงทางบันไดยกเว้นเวลารีบเร่งหรือถือของหนักอย่างเช่นวันนี้

“กลับมาแล้วเหรอคะ หอบของเยอะแยะเชียว น้าช่วยถือมั้ย”

“ขอบคุณครับ ผมถือเองได้ครับ”

กานต์รวีทักทายเพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นเดียวกันขณะยืนคอยลิฟต์

“เมื่อกลางวันเสียงน้องโมจิร้องไห้ดังมาถึงห้องน้าแน่ะ ”

กานต์รวีหน้าตื่นแต่ตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“คงจะหิวมังครับ แกชอบร้องเรียกความสนใจเสียงดังๆ”

“แต่ที่น้าได้ยินเสียงร้องเหมือนเจ็บนะคะคุณ ถ้ายังไงลองถามคุณสาก็ได้ว่าเด็กร้องทำไม แต่อย่าบอกว่าน้าบอกล่ะ”

กานต์รวีสาวท้าวไปที่ห้องคุณรสา แม่ม่ายสาวใหญ่ที่รับเป็นพี่เลี้ยงเด็กเล็กให้กับบรรดาพ่อแม่ในอพาร์ทเม้นท์ที่ไม่มีเวลาดูแลลูกในตอนกลางวัน เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่ได้ยิน ทุกครั้งที่มารับหลานเขาจะถามว่าน้องงอแงรึเปล่า ก็มักจะได้คำตอบจากเธอว่าน้องโมจิเลี้ยงง่ายไม่ร้องโยเยเลย

กานต์รวีเคาะประตูห้องพักพี่เลี้ยงเด็ก
“ผมวี..ครับ คุณสา..”

หญิงสาวเปิดประตูต้อนรับ
“เชิญค่ะ วันนี้กลับเร็วกว่าเมื่อวานนะคะ”

“วันนี้ซื้อของเยอะก็เลยนั่งแท็กซี่ครับ..” กานตร์รวีวางของที่ซื้อมาบนโต๊ะรับแขก

“ของโมจิทั้งหมดเลยเหรอคะ..”

“ครับ มีนม ผ้าอ้อมและของใช้เด็กที่คุณสาสั่งไว้.. ”

กานต์รวีหันมองซ้ายขวา ปกติคุณรสาจะอุ้มเจ้าตัวเล็กของเขามาเปิดประตูรับ หรือไม่ก็ให้นอนเล่นอยู่ในเตียง แต่วันนี้ทำไมไม่เห็น

“หลับเหรอครับ ”

“ค่ะ เมื่อตอนบ่ายไม่ยอมนอน กว่าจะหลับได้ปาเข้าไป 4 โมงเย็น เลยหลับยาวจนถึงตอนนี้ รอสักครู่นะคะ”

หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องนอนอุ้มทารกน้อยออกมาส่งให้ กานตร์รวียิ้มดีใจทุกครั้งที่ได้กลับมาเห็นหน้าหลานตัวน้อย เขารับร่างเล็กมาอุ้มไว้แนบอก

“เดี๋ยวถือของใช้เด็กตามไปให้ที่ห้องนะคะ ”

“ขอบคุณครับ เอ่อ.. คุณสาครับ วันนี้โมจิคงร้องไห้โยเยซีนะครับถึงไม่ยอมนอนกลางวัน”

“ไม่โยเยเลยค่ะ แกเอาแต่เล่นน่ะ กล่อมให้นอนก็ทำท่าเคลิ้มแต่ไม่ยอมหลับ เป็นมาสองวันแล้ว แต่วันนี้คุณวีกลับเร็วก่อนแกตื่น..”

“งั้นเหรอครับ.. ถ้างั้นผมขอตัวกลับห้องก่อนนะ”

“เชิญค่ะ ”

กานต์รวีอุ้มทารกน้อยกลับไปที่ห้องพักตัวเอง เสียงหวานกระซิบบอกร่างเล็กในอ้อมแขนขณะไขกุญแจห้องพัก

“กลับมานอนบ้านเราแล้วนะลูก.. ไม่งอแงนะคร้าบ”



 o15



“ว่าไง ได้เรื่องมั้ย..”

เตชิตถามคนรถหนุ่มที่เดินจ้ำอ้าวออกจากตึกกลับมาขึ้นรถ

“มือชั้นนี้แล้ว ไม่พลาดครับเจ้านาย..”

“มนู” คนรถหนุ่มของเตชิตเล่าเรื่องที่ไปแอบสืบมาให้เจ้านายรับทราบอย่างละเอียดยิบ



 o15



ร่างสูงเดินยิ้มแย้มเข้ามาทำงานอย่างสบายอารมณ์ คิ้วเข้มขมวดเมื่อพบเลขาฯ ฝ่ายการตลาดมานั่งอยู่แทนที่กานต์รวี หญิงสาวรีบลุกขึ้นรายงาน

“คุณกานต์รวีโทรมาขอลางานหนึ่งวัน บอกว่ามีธุระสำคัญต้องจัดการค่ะ ”

เตชิตพยักหน้ารับทราบและเดินตรงเข้าห้องไม่พูดไม่จา สีหน้าไม่จอยทั้งที่เมื่อครู่ยังอารมณ์ดีอยู่เลย



 o15


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #13 เมื่อ22-05-2007 10:08:41 »

9 โมงเช้าวันต่อมา..

เตชิตลงมาที่ออฟฟิศแต่เช้า หวังว่าจะได้พบเลขาหนุ่มของเขามาทำงานแล้ว แต่กลับได้รับโน้ตซึ่งเป็นลายมือของแม่บ้านที่รายงานเขาว่าเขียนทุกคำตามที่คุณวีสั่ง

...ผมขอลางานโดยไม่มีกำหนด ผมมีธุระสำคัญมากต้องจัดการไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน หากเจ้านายจะหาเลขาใหม่มาแทนผมก็ยินดีครับ


กานต์รวี..



เตชิตร้อนใจจนนั่งไม่ติด เขาไม่ได้ห่วงว่าจะต้องหาเลขาใหม่มาทำงานแทน  แต่ห่วงกานต์รวี ..ธุระที่ทำให้คนต้องลางานอย่างปัจจุบันทันด่วนมักจะเป็นเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเสมอ..



 o15



เตชิตตามไปหากานต์รวีที่อพารทเม้นท์ เขาตกใจที่เห็นเลขาหนุ่มอยู่ในสภาพอิดโรยและเศร้าหมอง กานต์รวีเองก็ตกใจที่เตชิตมาหาถึงห้องพัก รู้สึกอายกับสภาพสุดโทรมของตัวเอง

กานต์รวีจำใจเล่าปัญหาส่วนตัวให้เตชิตฟัง เขาอาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ ครอบครัวของพี่สะใภ้เป็นตระกูลไฮโซมีฐานะ พยายามกีดกันไม่ให้พี่สะใภ้คบกับพี่ชายซึ่งเป็นแค่เชฟห้องอาหารโรงแรม พี่สะใภ้ยึดมั่นในความรักหนีตามมาอยู่กับพี่ชายของเขา เธอถูกครอบครัวตัดขาดตั้งแต่นั้นมา พี่ชายลาออกจากงานมาเปิดร้านอาหารเล็กๆ ของตัวเอง ทั้งคู่ช่วยกันทำมาหากินใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข โดยมีเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวด้วยอีกหนึ่งคน

“คุณอยู่กับพวกเขาสองคนมาตลอดเลยงั้นเหรอ..”

“ครับ.. พ่อแม่ผมเสียตั้งแต่ผมยังเล็ก พี่ดลอายุมากกว่าผม 10 ปี เป็นคนเลี้ยงดูและส่งเสียผมเรียนหนังสือจนจบ ”

“อยู่กันมาหลายปี ถึงจะมีเจ้าตัวเล็กนี่ซีนะ” ใบหน้าคมระบายยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเหลือบมองทารกน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

กานต์รวีพยักหน้ารับ ใบหน้าหวานหม่นเศร้าเมื่อนึกถึงบุพการีของหนูน้อยที่จากไป

“มีอะไรเกิดขึ้นกับเค้าสองคนงั้นเหรอ..”

เตชิตรู้จากคนรถก่อนแล้วว่าพ่อแม่ของเด็กเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ กานต์รวีรับภาระเลี้ยงหลานชายตัวน้อยตามลำพังในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ เรื่องที่รับรู้ทำให้เขายิ่งรู้สึกประทับใจในตัวชายหนุ่มผู้นี้

“พี่ดลกับพี่ดาวประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว พี่ดาวเสียชีวิตในรถส่วนพี่ชายผมอยู่ห้องไอซียูได้ 5 วันก็เสียชีวิต ผมต้องขายร้านอาหารเอามาเป็นทุนเลี้ยงดูหลานและหางานทำใหม่ ผมดูแลเค้ามาอย่างดี จู่ๆ แม่ยายกับน้าสาวก็โผล่มาจะเอาตัวหลานของผมไป ผมไม่ยอมให้ พวกเขาบอกว่าจะฟ้องร้องและผมต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี ผมไม่มีทางยอมแพ้ ผมจะสู้จนถึงที่สุด ”

กานต์รวีสียงแข็งหากแต่สั่นเครือ น้ำใสเอ่อรื้นดวงตาคู่สวย เตชิตเห็นแล้วสงสารจับใจ นึกไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มฝีปากกล้าไม่กลัวคน กลับมีจิตใจอ่อนโยนอย่างมาก ถึงขนาดเลี้ยงเด็กทารกได้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว

“ถ้าคุณมั่นใจว่าอยากจะรับผิดชอบชีวิตน้อยๆ นี้แทนพี่ชายและพี่สะไภ้จริงๆ ก็ต้องสู้เพื่อให้เค้าได้อยู่กับคุณ”

เสียงทุ้มอ่อนโยน อยากรู้ว่ากานต์รวีจะต่อกรกับครอบครัวของพี่สะใภ้อย่างไร

“ผมต้องสู้แน่นอน ผมไม่มีทางยอมแพ้ ถ้าเขาฟ้องจริงผมก็จะสู้คดีจนถึงที่สุด” ใบหน้าหวานมาดมั่นน้ำเสียงเด็ดขาด แต่จู่ๆ ก็เบะปากร้องไห้โฮ

“ฮือๆ แต่พวกเขามีเงินเขาต้องหาทนายเก่งๆ มาสู้ ผมไม่รู้จักทนายที่ไหนเลย ไม่รู้จะไปหาจากไหน.. ถ้าผมแพ้ผมต้องตายแน่.. ฮือๆ .”

เตชิตตกใจ ขยับเข้าโอบกอดและกล่าวปลอบเลขาหนุ่ม

“มีผมอยู่ข้างๆ คุณจะแพ้ได้ยังไง ผมมีเพื่อนเป็นทนายจะให้เขามาช่วยทำคดีให้ ไม่ต้องห่วงนะ วี.. อย่าร้องไห้”

“จริงเหรอครับ.. คุณมีเพื่อนเป็นทนายจริงเหรอ..” กานต์รวีมองหน้าเจ้านายสีหน้าตื่นเต้นยินดี

“จริงซี.. เป็นทนายความชั้นหนึ่งด้วย ตั้งแต่ว่าความมายังไม่เคยแพ้เลย”

“ถ้าเก่งมากก็คงจะแพง ผมคงไม่มีเงินจ้าง..” ใบหน้าหวานเศร้าลง น้ำตาทำท่าจะร่วงอีกครั้ง

“อย่าเป็นห่วงเรื่องเงิน ถ้าคิดจะสู้ ผมจะช่วยคุณเอง.. ผมจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ก่อน มีเมื่อไรค่อยทยอยใช้คืน แบบนี้ดีมั้ย”

“พูดจริงเหรอครับ คุณเตชิต..”

“อะฮะ”

“ขอบคุณครับ คุณเตชิต ขอบคุณที่สุดเลย..” กานต์รวียกมือไหว้แนบอกกว้าง ดวงตากลมจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจ

มือใหญ่ลูบศีรษะกานต์รวี เสียงทุ้มเอ่ยกระเซ้า

“ตกลงจะกลับไปทำงานมั้ย หรือจะให้ผมรับเลขาใหม่”

กานต์รวีหน้าแดงเรื่อเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดและแนบชิดกับเจ้านายหนุ่มมากเกินงามแล้ว ร่างเพรียวรีบผละออกจากอกกว้าง

“เอ่อ.. ผมยังไม่อยากตกงานตอนนี้ครับ ผมจำเป็นต้องใช้เงิน ผมขอกลับไปทำงานต่อครับ”

เตชิตหัวเราะและบอกให้กานต์รวีเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นไปกับเขา

“เก็บเสื้อผ้า? ไปไหนครับ?”

“คุณต้องหาที่พักใหม่ ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับคุณกับหลาน”

เตชิตให้กานต์รวีย้ายออกจากอพาร์ทเม้นท์ไปหาที่พักแห่งใหม่อยู่ เขาให้เหตุผลว่าคนมีเงินมักชอบใช้วิธีข่มขู่ก่อน ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจส่งนักเลงมาขู่ให้กานต์รวีกลัวจะได้ยกหลานให้โดยไม่ต้องมีเรื่องฟ้องร้อง

กานต์รวีโกรธเกรี้ยว ลุกขึ้นยืนตั้งการ์ด

“ผมไม่กลัว!!.. ลองดูซี ถ้าคิดจะใช้กำลังเพื่อแย่งหลานผมไป พวกมันต้องผ่านศพผมไปก่อน ”

เตชิตหัวเราะกับท่าทางนักสู้ของกานต์รวี

“ลำพังคุณผมไม่ค่อยห่วงหรอก แต่ถ้าต้องกระเตงเจ้าตัวเล็กสู้ด้วย คงไม่สนุกแน่..”

ร่างเพรียวทรุดตัวลงสีหน้าหนักใจ

“จะให้ผมย้ายไปไหน.. ที่พักดีๆ ค่าเช่าก็แพงจนผมสู้ไม่ไหว ไหนจะต้องหาคนเลี้ยงเด็กอีก..”

เตชิตส่ายหน้ากับเรื่องกังวลร้อยแปดของกานต์รวี ร่างสูงลุกขึ้นยืนฉุดอีกฝ่ายลุกตาม

“ไปเก็บของ เสื้อผ้าของคุณและของใช้เด็ก เอาที่จำเป็นไปก่อน”

“จะให้ผมไปไหนครับ..”

“ถ้าจะให้ผมช่วยก็ขอให้ไว้ใจ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะพาไปไหน เก็บเสื้อผ้าเร็วเข้า!!..”



 o15



“จะให้ผมพักที่นี่จริงเหรอครับ”

กานต์รวีเดินสำรวจห้องพักสีหน้าตื่นตะลึง ทารกน้อยนอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขน

“อะฮะ เดี๋ยวหาเตียงเด็กมาไว้ที่มุมห้อง จะได้เป็นสัดส่วนขึ้น ห้องนี้มีระเบียงและห้องน้ำในตัวด้วย หวังว่าคงพออยู่ได้”

“ไม่ใช่แค่พออยู่ได้นะครับ มันเป็นห้องที่สวยมาก แต่ผมว่าผมไปหาที่พักเองดีกว่า ผมจะลองโทรถามเพื่อน เผื่อว่าอพาร์ทเม้นท์ที่เขาพักอยู่มีห้องว่าง ”

คิ้วเข้มขมวดอย่างไม่พอใจ

“ทำไม!!.. ไม่ไว้ใจผมหรือไง ถ้าแค่ที่พักยังปฏิเสธ คุณก็คงไม่พร้อมที่จะรับความช่วยเหลือจากผมเรื่องอื่นๆ หรอก..”

“เอ่อ.. เปล่านะครับ ผมไม่ได้ไม่ไว้ใจ ผมแค่เกรงใจ ผมมีเด็กอยู่ด้วยกลัวทำห้องเลอะ เวลางอแงจะส่งเสียงดังรบกวนคุณอีก..”

ใบหน้าคมระบายยิ้ม

“ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็แล้วไป ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ในห้องพักสักเท่าไร นอกจากเวลานอน เสาร์อาทิตย์ผมก็กลับไปนอนบ้าน คุณพักอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ อยู่กับผมชั่วคราวไปก่อน จนกว่าคดีความจะเสร็จสิ้น นอกจากจะปลอดภัยแล้วคุณยังไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทางมาทำงานด้วย..”

“มันก็ดีนะครับ แต่ว่า.. ผมคงต้องหาที่รับเลี้ยงเด็กก่อน..”

“ที่เลี้ยงเด็ก? ฝากเค้าเลี้ยง ไม่กลัวฝ่ายโน้นแอบตามไปอุ้มเด็กเหรอ.. ”

สีหน้ากานต์รวีกังวลและครุ่นคิดอย่างหนัก

“จะให้ทำยังไงล่ะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเลี้ยงเอง แต่ผมต้องทำงาน บริษัทคงไม่อนุญาตให้ผมกระเตงเด็กทารกไปเลี้ยงที่ออฟฟิศหรอก”

“ไม่มีบริษัทไหนอนุญาตให้พนักงานเอาลูกเล็กๆ มาเลี้ยงที่ทำงานหรอก วี.. เว้นเสียแต่ว่า___”

“อะไรเหรอครับ..”

เตชิตยืนอมยิ้ม ^__^

...จู่ๆ เลขาหนุ่มโสดของเขาก็กลายเป็นพ่อลูกอ่อน มีห่วงผูกคอที่เป็นภาระและปัญหาใหญ่หลวงจริงๆ เห็นใบหน้าหวานอมทุกข์แบบนี้ เขาจะทำใจปล่อยให้ผจญกับชะตากรรมคนเดียวได้ยังไง เขาทำใจไม่ได้หรอก ทำไม่ได้จริงๆ



 o15




ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #14 เมื่อ22-05-2007 10:19:07 »

บทที่ 3



“คุณเตชิตติดสายอยู่ รอสักครู่นะครับ”

“T__T ”

“T__T ”

แขกที่มารอพบท่านประธานของรามิล กรุ๊ป มีสีหน้าตื่นเมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็กทารก

“เอ๊ะ!!.. เสียงเด็กที่ไหนร้องครับ ที่นี่มีเด็กเล็กๆ ด้วยเหรอ”

กานต์รวีปฏิเสธหน้าตื่น    “ไม่มีนี่ครับ คงจะแว่วมาจากออฟฟิศที่อยู่ชั้นล่างมังครับ”

“แต่ผมว่าเสียงอยู่บนฟลอร์นี่นะ”

“เชิญคุณมานพเข้ามาพบผมด้วย วี..”

เสียงขัดจังหวะจากเครื่อง Interphone ให้เชิญแขกเข้ามา กานต์รวีรีบเชิญแขกเข้าไปพบเจ้านายโดยเลี่ยงไม่ตอบคำถามเรื่องเสียงร้องของเด็ก ยืนนิ่งรอจนประตูปิดก็จ้ำอ้าวไปที่ห้องประชุมเล็กที่กลายสภาพเป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนชั่วคราว

“น้องร้องทำไม อ้อ..”

ทารกน้อยหยุดแผดเสียงแล้วแต่ยังมีอาการโยเยอยู่ในอ้อมกอดของแม่บ้าน ทันทีที่เห็นหน้ากานต์รวีก็โผเข้าหา

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อยู่ดีๆ ก็ตกใจตื่น สงสัยจะฝันร้าย ”

“จะบ้าเหรอ.. เด็กทารกจะฝันได้ยังไง โอ๊ะ~~ โอ๋~~ โมจิคนดีของอา.. ผมดูหลานเอง.. แขกเข้าห้องนายแล้ว รีบเข้าไปเสิร์ฟน้ำก่อน”

“ค่ะ..”

แม่บ้านรีบผละไปทำหน้าที่ของตัวเอง กานต์รวีอุ้มหลานตัวน้อยเดินวนไปมาในห้อง

“นี่เป็นที่ทำงาน ไม่ใช่บ้านเรา โมจิเป็นเด็กดี ต้องไม่ร้องให้โยเยนะ รู้มั้ย..”

กานต์รวีรู้สึกหนักใจ

เตชิตอนุญาตให้กานต์รวีเอาหลานมาเลี้ยงที่ทำงานโดยให้แม่บ้านช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ ถ้ามีพนักงานคนไหนถามหรือไม่พอใจก็ให้บอกว่าท่านประธานอนุญาต แต่กำชับว่าอย่าเลี้ยงเด็กต่อหน้าแขกหรือลูกค้าที่มาพบ..

...คุณเตชิตพูดง่าย คงคิดว่าการเลี้ยงเด็กเหมือนเล่นตุ๊กตามั้ง มีแขกมาก็เอาตุ๊กตาไปเก็บหรือซ่อนไว้ เด็กเป็นมนุษย์นะ มีชีวิตจิตใจ แล้วยังมีเสียงร้องที่ดังด้วย วันนี้คุณเตชิตมีแขกเยอะมาก เขากับแม่บ้านผลัดกันวิ่งเข้าออกห้องประชุมเพื่อดูทารกน้อยไม่ให้ส่งเสียง...

...ทำยังไงดี นี่แค่วันแรกยังวุ่นวายขนาดนี้ สถานที่ทำงานไม่เหมาะกับการเลี้ยงเด็กจริงๆ โดยเฉพาะเด็กทารก มันทำให้คนเป็นพ่อแม่ไม่มีสมาธิทำงาน เขาจะอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...



 o14



4 โมงเย็น...


“ก๊อก!! ก๊อก!!”

กานต์รวีเคาะประตูและเปิดออก เห็นเจ้านายนั่งอ่านรายงานอยู่ก็เดินเข้าไปหา

“คุณเตชิตครับ”

เตชิตเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เลขาหนุ่ม

“ว่าไง วี.. วันนี้ผมมีแขกเยอะเลย เหนื่อยมั้ย”

“เอ่อ.. ไม่ครับ คือ คุณเตชิตครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา”

“มีเรื่องอะไร นั่งซี..”

กานต์รวีทรุดตัวลงนั่งหน้าโต๊ะทำงานเจ้านาย สีหน้าไม่สบายใจ

“ผมตัดสินใจแล้วครับ คุณเตชิต.. ผมขอลาออกครับ”

“ลาออก? ”

“ผมขอโทษครับ มันจำเป็นจริงๆ ผมทำงานและเลี้ยงหลานพร้อมๆ กันไม่ได้ครับ”

“ทำไม่ได้เหรอ..”

“ใช่ครับ ผมไม่มีสมาธิทำงาน ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลานี้ผมยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันเลย สรุปตัวเลขที่คุณสั่งไว้ผมก็ยังไม่ได้ทำเลยครับ ”

“ตัวเล็กงอแงเหรอ.. คุณมานพเข้ามาบอกผมว่าได้ยินเสียงเด็กร้อง ถามว่าที่นี่อนุญาตให้พนักงานเอาลูกมาเลี้ยงด้วยเหรอ”

“โมจิไม่ได้งอแงครับ แกตกใจตื่นก็เลยร้องไห้.. คุณมานพได้ยินเสียงร้อง แต่ผมปฏิเสธไปว่าไม่ได้ยินครับ ผมขอโทษครับ คุณเตชิต..”

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“ผมทำให้แขกสงสัยว่าพนักงานที่นี่เอาลูกมาเลี้ยง ทำให้เขาเห็นว่าบริษัทไม่มีวินัย ผมตัดสินใจแล้ว ผมขอลาออกไปเลี้ยงหลานครับ ผมจะหาที่อยู่ใหม่ ไม่รบกวนคุณแล้ว แต่เรื่องทนายผมยังคงต้องขอความช่วยเหลือจากคุณ ถ้ายังไงขอความกรุณาด้วยนะครับ”

“ไม่!!..” น้ำสียงเข้มตวาดใส่ ดวงตาคมจ้องมองเลขาหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์

กานต์รวีสะดุ้งใบหน้าหวานเจื่อนลง ใจหายวาบเมื่อถูกปฏิเสธ นึกถึงทารกน้อยขึ้นมาทันที ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องหาทนายสู้คดี.. เขาต้องเสียโมจิให้ฝ่ายน้าสาวไปแน่ๆ

กานต์รวีขอบตาร้อนผ่าว เสียงทุ้มอ่อนโยนรีบแทรกขึ้นก่อนที่เลขาหนุ่มจะปล่อยโฮ

“ผมไม่อนุมัติเรื่องการลาออก แค่วันแรกก็ยอมแพ้แล้วเหรอ ถ้าคุณไม่มีงานทำจะไปสู้คดีชนะเขาได้ยังไง การเลี้ยงเด็กในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องถูกต้อง แต่ผมอนุโลมให้เพราะเห็นความจำเป็นของคุณ ที่คุณไม่มีสมาธิทำงานเพราะเอาแต่กังวลกลัวหลานจะร้อง กลัวคนจะรู้ว่าคุณเอาเด็กมาเลี้ยง ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”

“ผมไม่ได้ห่วงคนข้างใน แต่ผมเป็นห่วงไม่อยากให้แขกข้างนอกรู้ครับ ”

“รู้แล้วยังไง คุณมานพถาม ผมยังบอกความจริงไปเลย ”

กานต์รวีหน้าตื่น
“คุณบอกเหรอครับ มิน่าล่ะ!!.. ก่อนจะกลับเขามองผมแล้วส่ายหน้าคงจะนึกในใจว่าผมพูดโกหก”

เตชิตหัวเราะ
“เขาไม่ได้คิดว่าคุณโกหกหรอก แต่คิดว่าคุณอายไม่กล้าบอกว่าเอาลูกมาเลี้ยง”

“หา!!.. คุณบอกว่าโมจิเป็นลูกผมเหรอครับ”

“อะฮะ ถ้าคุณได้สิทธิเลี้ยงดูแก ฐานะคุณก็ไม่ต่างจากพ่อหรอก..”

ใบหน้าหวานยิ้มเขินก่อนจะกล่าวอย่างมาดมั่น

“ถ้างั้นผมไม่ลาออกแล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะแก้ตัวใหม่ ขอบคุณครับเจ้านาย.. ผมหมดธุระแล้ว ขออนุญาตไปทำงานก่อนนะครับ”

เตชิตพยักหน้าและยื่นกุญแจให้
“วันนี้ผมกลับดึก เอากุญแจสำรองเก็บไว้ ห้าโมงก็กลับได้แล้ว”

“เอ่อ.. จะดีเหรอครับ ผมเลิกงานห้าโมงครึ่ง”

“ผมจะออกจากที่ทำงานห้าโมง ผมไม่อยู่คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ พาหลานกลับไปพักผ่อน จริงซี!!.. ปกติอาหารเย็นทำเองหรือซื้อ ผมไม่แน่ใจว่าในตู้เย็นมีอะไรเหลือบ้าง..”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารเย็นของผม ผมดูแลตัวเองได้ แค่นี้ก็ขอบคุณมากๆ แล้ว ขอบคุณครับ”

กานต์รวีรับกุญแจห้องและโค้งคำนับเจ้านายด้วยความขอบคุณจากใจ

เตชิตระบายยิ้ม เลขาหนุ่มหน้าหวานของเขากลับออกไปด้วยสีหน้าสบายใจผิดกับตอนเข้ามา ไม่อยากเชื่อเลยว่า ชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นคนเดียวกับที่ตวาดเขาตอนเดินชนกันครั้งแรก ภายนอกเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ยอมคน แต่นิสัยแท้จริงกลับอ่อนโยน โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับทารกน้อย กิริยาอ่อนหวานและนุ่มนวลจนเขาแอบชื่นชมอยู่ในใจ

ปัญหาของหลานชายตัวน้อยทำให้เขาได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของกานต์รวี ชายหนุ่มยอมฟังคำแนะนำจากเขาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับทารกน้อยโมจิ ไม่มีข้อโต้แย้งเหมือนเวลาทำงาน ถ้าว่านอนสอนง่ายแบบนี้ทุกเรื่องก็ดีซีนะ...



 o15



ห้องชุดหรู ชั้น 16 อาคารรามิลกรุ๊ป


4 ทุ่มครึ่ง

ร่างสูงยืนกอดอกมองดูชายหนุ่มกับทารกน้อยที่กำลังหลับสนิท วันนี้เขางานยุ่งจนลืมสั่งเตียงเด็กมาให้ ความจริงเตียงที่นอนอยู่ก็ใหญ่พอที่อาหลานจะนอนด้วยกันได้ แต่ที่ถูกต้องควรแยกนอนเพื่อความสบายและความปลอดภัยของเด็ก

ร่างเพรียวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาทารกน้อย ในมือถือขวดนมที่เหลือเพียงก้นขวด สีหน้าขณะหลับผ่อนคลาย เห็นแล้วนึกถึงสีหน้าอมทุกข์ในวันที่เขาไปหาที่อพาร์ทเม้นท์ เตชิตระบายยิ้ม รู้สึกดีและมีความสุขที่สามารถช่วยเลขาของเขาให้พ้นจากความทุกข์ได้ แม้การต่อสู้จะแค่เริ่มต้น แต่ผมหวังว่าคุณจะชนะ กานต์รวี..

ร่างสูงโน้มตัวลงพิศใบหน้าหวานจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ...กลิ่นแป้งเด็กและนมนี่นา... ของเจ้าตัวเล็กล่ะซี แต่ทำไมกลิ่นมาจากตัวอาล่ะ...

เตชิตก้มลงพิสูจน์กลิ่นหอมในระยะใกล้มาก ใกล้จน... รู้สึกตัวอีกทีจมูกโด่งก็เกือบสัมผัสถูกแก้มนุ่มของกานต์รวี เขารีบผละออกเมื่อร่างเพรียวรู้สึกตัวขยับกายเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย

ร่างสูงย่องออกจากห้องด้วยความรู้สึกแปลกๆ



o15


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #15 เมื่อ22-05-2007 10:30:34 »

“คุณวีขา..”

กานต์รวีเงยหน้าจากงานยิ้มให้แม่บ้าน

“หลับแล้วเหรอ..”

“เรียบร้อยค่ะ หลับปุ๋ยไปแล้ว วันนี้น้องโมจิเลี้ยงง่าย ไม่โยเยเลย.. ”

“อ้อเลี้ยงเด็กเก่งจังเลยนะ แบบนี้รับเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้สบายเลย”

“ค่ะ หนูก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะหารายได้พิเศษรับเลี้ยงเด็ก เริ่มจากน้องโมจิคนแรกเลยล่ะกัน คุณวีจะให้ค่าเลี้ยงน้องเดือนละเท่าไรคะ”

“หา!!.. เอาจริงเหรอ..”

“เอาซีคะ หนูต้องทำทั้งแม่บ้าน ทั้งพี่เลี้ยงเด็ก งานเพิ่มเท่าตัวเลยนะคะ”

กานต์รวีหัวเราะ
“เอาเท่าไรดีล่ะ.. อ้อคิดมาล่ะกัน.. พรุ่งนี้เงินเดือนออกพอดี ผมจะได้กันเป็นค่าใช้จ่ายไว้ให้ ”

“อุ๊ย!! จะให้จริงเหรอคะ.. หนูพูดเล่นค่ะ ขืนรับเงินจากคุณวี เจ้านายรู้เข้าแย่เลย..”

“เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ก็ผมให้ค่าเลี้ยงหลานผม”

“เกี่ยวซีคะ ก็เจ้านายเรียกหนูไปกำชับว่าให้เลี้ยงน้องโมจิดีๆ และให้ถือว่าเป็นงานพิเศษ เจ้านายจะจ่ายค่าจ้างส่วนนี้ให้ต่างหากค่ะ ฮิๆ ..”

แม่บ้านยิ้มหวานและเดินเลี่ยงไป กานต์รวีมองตามตาปริบๆ

...มิน่าล่ะ ถึงกุลีกุจอช่วยเราเลี้ยงหลานอย่างดี ที่แท้ก็ได้พิเศษจากคุณเตชิต...

กานต์รวีลอบถอนใจเมื่อนึกถึงความช่วยเหลือที่ได้รับจากเจ้านาย นับวันจะมากขึ้นจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงหมด



 o15



ร่างสูงก้าวออกจากห้องทำงาน ไม่เห็นกานต์รวีอยู่ที่โต๊ะก็ตรงไปที่ห้องประชุมเล็กซึ่งกลายสภาพเป็นห้องเลี้ยงเด็กชั่วคราว คิ้วเข้มเลิกขึ้นระบายยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้า กานต์รวีกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้หลาน โดยมีแม่บ้านเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ

“ อุ้ย!! เจ้านายมา แหะๆ น้องอึค่ะ.. ”

เสียงโทรศัพท์ดัง แม่บ้านวิ่งออกไปรับสายแทนเลขาที่กำลังง่วนอยู่กับธุระส่วนตัว

กานต์รวีเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายที่เข้ามายืนกอดอกดูด้วยความรู้สึกเกรงใจ แต่ก็ไม่สามารถหยุดมือได้ เขากำลังทำความสะอาดก้นนุ่มของทารกน้อยด้วยสำลีอนามัย

“คุณเตชิตต้องการอะไรรึเปล่าครับ ผมขอเวลาสองนาที..”

“ผมไม่ได้มีธุระอะไร ไม่ต้องรีบ กี่นาทีก็ได้ขอให้ก้นหลานสะอาดก็พอ ใช่มั้ยครับ โมจิ หือ.. อาวีเช็ดสะอาดๆ หน่อยนะคร้าบบ เช็ดไม่สะอาดเดี๋ยวก้นนู๋จะคันนะ..”

เตชิตหยอกล้อกับทารกน้อย นิ้วเล็กจับนิ้วเขาแน่นและยิ้มให้ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน กานต์รวีหน้าแดงกับคำพูดหยอกล้อ หันไปหาผู้ช่วยจะให้ส่งผ้าอ้อมให้ก็ไม่อยู่และผ้าอ้อมก็วางไกลเกินกว่ามือจะเอื้อมถึง

“เอ่อ.. ขอโทษนะครับ เจ้านาย..”

“อะฮะ ? ”

“ฃ่วยหยิบผ้าอ้อมตรงโน้นให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ..” น้ำเสียงเกรงใจและอ้อนสุดๆ

“ได้ซีครับอาวี.. เตชิตยินดีรับใช้ครับ..”

ร่างสูงก้าวไปหยิบผ้าอ้อมมาให้ กานต์รวีกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเขิน เตชิตยืนกอดอกดูสีหน้าอมยิ้ม



 o15



“เอาเวลางานมาทำเรื่องส่วนตัวแบบนี้จะดีหรือครับ ถ้าคุณศักดิ์สิทธิ์รู้ผมถูกตำหนิแน่”

“คุณมากับใครล่ะ”

“มากับเจ้านายครับ..”

“คุณศักดิ์สิทธิ์เขากล้าตำหนิเหรอ ที่ผมมาทำเรื่องส่วนตัวในเวลางาน..”

“เอ่อ.. แต่เรื่องส่วนตัวที่ว่า มันเป็นเรื่องของผมนะครับ..”

“เรื่องของคุณก็เหมือนเรื่องของผม..”

กานต์รวีมองหน้าเจ้านายหนุ่ม คำพูดเหมือนทีเล่นทีจริง แต่สีหน้าไม่เล่นด้วย

“ตอนนี้คุณพักอยู่กับผม ผมเป็นเจ้าของห้องมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของคุณ เรื่องของคุณจึงเป็นภาระของผมโดยตรง เข้าใจมั้ย..”

กานตร์วีพยักหน้ารับทั้งที่ในใจโต้แย้ง

...คุณเตชิตให้เหตุผลข้างๆ คูๆ คุณศักดิ์สิทธิ์ไม่กล้าตำหนิเจ้านายหรอก แต่เขาจะตำหนิผม... เมื่อเช้าก็โทรขึ้นมาถามเรื่องเอาเด็กมาเลี้ยง บอกว่าเป็นหลานก็ต่อว่ายกใหญ่ว่าผิดระเบียบ แต่พอรู้ว่าท่านประธานอนุญาตก็เงียบไปและบอกว่าถึงยังไงก็เป็นการผิดระเบียบ ให้รีบหาที่รับเลี้ยงเด็กซะ...

ร่างเล็กส่งเสียงอืออาเมื่อเห็นคนเยอะแยะเดินไปมา

“ว่าไงคร้าบ.. ออกมาเที่ยวข้างนอกชอบเหรอ.. เรามาช้อปปิ้งกัน เดี๋ยวอาวีจะซื้อเตียงให้นอนสบายๆ นะ.. ”

เตชิตซ่อนยิ้มกับเสียงหวานใสของกานต์รวี

...ชอบจังเลย เสียงพูดคุยกับทารกน้อยช่างอ่อนหวาน ได้ฟังครั้งแรกก็รู้สึกหลงใหล อยากได้ยินน้ำเสียงแบบนี้บ่อยๆ...

มือใหญ่คว้าข้อมือกานต์รวีไว้เมื่ออีกฝ่ายเดินพูดคุยกับเจ้าตัวเล็กชี้ให้ดูโน่นดูนี่จนเดินทิ้งห่างตามไม่ทันเขา

“อ๊ะ!!.. จะไปไหนครับ คุณเตชิต..”

“ไปแผนกเด็กไง.. โมจิตัวหนักรึเปล่า ผมช่วยอุ้มให้มั้ย”

“เอ่อ.. ไม่เป็นไรครับ ไม่หนัก ผมอุ้มได้.. คุณเตชิตรีบเหรอครับ..”

“เปล่า.. ไม่ได้รีบ ผมแค่อยากให้เราเดินไปพร้อมๆ กัน.. ”

กานต์รวียิ้มเขินพร้อมกับรู้สึกผิดที่เอาแต่คุยเล่นกับหลานจนลืมไปว่าเจ้านายเดินอยู่ข้างๆ ด้วย

^__^
^__^
^__^

“เตียงนี้เป็นไง เหมาะกับเด็กผู้ชายดีนะ”

“อืมม์.. ก็สวยดีครับ โอ้โห!! แต่มันแพงเกินไป ไม่เอาดีกว่า”

กานต์รวีทำท่าจะผละไปดูเตียงอื่น เสียงเข้มของเจ้านายก็ขัดขึ้น

“ผมเป็นเจ้าของห้อง เป็นหน้าที่ของผมต้องจัดหาให้คุณอยู่แล้ว ไม่ต้องสนใจเรื่องราคา ขอแค่คุณชอบก็พอ..”

“คุณเตชิต!!.. ” กานต์รวีหน้างออุ้มหลานเดินหนี ไม่พอใจกับนิสัยเผด็จการของเจ้านาย

ร่างสูงเดินตามมาคว้าแขนไว้   “เดี๋ยวก่อน วี..”

“คุณอยากจะซื้อก็ซื้อไปแต่ผมไม่ใช้ของคุณ เอะอะก็อ้างว่าเป็นเจ้าของห้อง เจ้านายเห็นผมไม่มีทางไป ต้องพึ่งพาเรื่องทนายใช่มั้ยถึงทำกับผมแบบนี้ เอื้อเฟื้อทุกอย่างจนผมรู้สึกเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอก น่าสังเวช..”

กานต์รวีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบทั้งที่โกรธมากแต่พยายามระงับอารมณ์ไม่เสียงดังใส่เพราะไม่อยากให้หลานตกใจ และที่ที่ยืนอยู่ก็มีพนักงานขายและลูกค้าคนอื่นเดินกันพลุกพล่าน

เตชิตใจหาย นึกไม่ถึงว่าความหวังดีของเขากลับทำให้กานต์รวีเสียความรู้สึก

“ไม่ใช่นะ!!.. ผมไม่ได้คิดอย่างที่คุณพูด ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี อย่าโกรธเลยนะ วี..”

เสียงทุ้มหวานหูจนกานต์รวีรู้สึกเขิน ..ฟังแล้วเหมือนคนรักงอนกันยังไงก็ไม่รู้..

“เอ่อ.. ผมไม่โกรธเจ้านายหรอกครับ แต่อย่าเอื้อเฟื้ออะไรให้ผมอีกเลย แค่ที่พักก็เป็นบุญคุณมากพอแล้ว เตียงของหลานผมซื้อเองได้ ที่จริงผมต้องการความช่วยเหลือเรื่องทนายเท่านั้น ผมไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวของผมเป็นภาระของเจ้านาย บางทีผมคิดว่าควรจะไปหาที่พักอื่นอยู่ดีกว่า..”

“ไม่ได้นะ!!..” เสียงเข้มใส่จนร่างเล็กในอ้อมกอดของกานตร์รวีสะดุ้ง เสียงทุ้มอ่อนลงเมื่อถูกเลขาหนุ่มมองตาเขียว

“เอ่อ.. อยู่ที่อื่นจะวางใจได้ยังไงว่าปลอดภัย ผมเป็นห่วงนะ วี.. เย็นนี้ผมนัดเพื่อนที่เป็นทนายมาคุยที่ห้อง ลองฟังคำแนะนำจากเขาก่อนดีมั้ย ถ้าเขาคิดว่าสถานการณ์ไม่น่าห่วง คุณอยากจะหาที่พักใหม่ก็ตามใจ”

ใบหน้าหวานยิ้มออก หายโกรธเป็นปลิดทิ้งเมื่อรู้ว่าเตชิตนัดทนายไว้ให้แล้ว

“ก็ได้ครับ.. คุณนัดเขากี่โมงเหรอ..”

“หนึ่งทุ่ม ผมเรียกเขามากินข้าวด้วย”

“ดีจังเลย ขอบคุณนะครับที่ช่วยเป็นธุระให้ งั้นเราไปหาซื้อเตียงต่อเถอะ ไปดูร้านข้างนอกดีมั้ยครับ ผมเห็นมีเตียงเด็กวางขายด้วย น่าจะถูกกว่านี้ ”

“ไปซี..”

บ๊อสหนุ่มเดินตามเลขาแต่โดยดี ไม่กล้าแสดงความเอาแต่ใจตัวเองอีก แม้ในใจจะนึกชอบเตียงร้านนี้ แต่ในเมื่ออาของเด็กไม่ชอบเพราะมีราคาแพงเกินไป เขาจำต้องตัดใจเดินตามอีกฝ่ายไปเลือกเตียงร้านที่ถูกกว่า

กานต์รวีขยับร่างเล็กในอ้อมกอดหลายครั้งขณะกำลังเลือกเตียงและสอบถามราคาจากเจ้าของร้าน เตชิตรู้ว่าเกิดจากอาการเมื่อยล้าจึงอาสาช่วยอุ้มหลานให้

“ส่งตัวเล็กให้ผมอุ้มดีกว่ามั้ย คุณจะได้เลือกสบายๆ”

“ดีครับ”

เป็นครั้งแรกที่กานต์รวีไม่ลังเลในการยอมรับความช่วยเหลือจากเตชิต เขาส่งร่างเล็กในอ้อมกอดให้เจ้านายอุ้ม

“ตกลงผมซื้อร้านนี้แหล่ะ รออยู่แถวนี้นะครับ.. ผมจะเข้าไปเลือกเตียงข้างใน ”

“ได้ครับ คุณอา..” เตชิตกระเซ้าเสียงอ่อน ใบหน้าหวานยิ้มให้และผละเข้าไปเลือกเตียงด้านในกับเจ้าของร้าน



 o15



กานต์รวีกลับออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาเลือกเตียงได้ถูกใจทั้งราคาและคุณภาพ ไม่ใช่เตียงไม้สักอย่างที่คุณเตชิตชอบ แต่เป็นไม้ยางที่สามารถนำไปประกอบเอง แข็งแรงและสวยงามถูกใจเขามาก

กานต์รวีไม่พบเตชิตและหลานตัวน้อยที่หน้าร้าน ยืนชะเง้อเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ชั่วครู่ ร่างสูงก็เดินเข็นรถเด็กตรงเข้ามาหา

“เลือกเสร็จแล้วเหรอ..”

เตชิตยิ้มให้แต่กานต์รวีไม่ยิ้มตอบ เม้มริมฝีปากมองดูรถเข็นแล้วย้อนถามกลับโดยไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย

“เท่าไรครับ”

“ห๊ะ!!..” คิ้วเข้มเลิกขึ้น “คุณเป็นคนซื้อไม่ใช่เหรอ.. มาถามผมได้ยังไง”

“ผมไม่ได้หมายถึงเตียง รถเข็นเด็กอ่ะ ราคาเท่าไรครับ..”

น้ำเสียงกระชากอย่างไม่พอใจ ...เมื่อครู่นึกว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว เจ้านายนะ เจ้านาย.. แอบไปซื้อรถเข็นอีกจนได้...

“อย่ามองผมแบบนั้นซี รถคันนี้โมจิชอบนะ เค้าเลือกเองด้วย ไม่เชื่อถามหลานดูก็ได้..”

กานต์รวีมองร่างเล็กครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ในรถเข็นอย่างสบายอารมณ์ มือเล็กปัดโมบายที่แขวนอยู่หน้ารถไปมา

“ผมเห็นมันลดราคา 40% ด้วย ก็เลยซื้อให้หลาน คุณโกรธเหรอ..”

“เอ่อ.. เปล่าครับ ผมไม่ได้โกรธ ผมแค่คิดว่าของใช้ของหลานผมควรเป็นคนซื้อและออกเงินเอง ถ้ายังไงผมขอใช้เงินคืนเจ้านายนะครับ”

“คำก็ หลานผม ผมซื้อเอง ถึงจะอยู่ในฐานะเจ้านาย เราก็มีความ สัมพันธ์ฉันท์เพื่อนได้ คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น ไม่รู้จักคุ้นเคยกับคุณ ผมไม่มีสิทธิแม้แต่จะรู้สึกว่าโมจิก็เป็นหลานผมด้วย..”

สีหน้าและน้ำเสียงน้อยใจของเจ้านายทำให้กานต์รวีใจหาย รู้สึกว่าตัวเองทำนิสัยไม่ดีมากๆ

“เปล่านะครับ เจ้านาย.. เอ่อ.. คุณเตชิต.. ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมขอโทษถ้าทำให้คุณรู้สึกไม่ดี..”

กานต์รวีขอโทษเสียงอ่อย ทั้งคู่สบตากันนิ่งชั่วครู่ก็หัวเราะ เมื่อนึกว่าวันนี้ต่างเอ่ยปากขอโทษอีกฝ่ายด้วยคำพูดประโยคเดียวกัน

“ถ้างั้นก็หายกัน คุณซื้อเตียงให้หลาน ผมซื้อรถเข็นให้ วันนี้โมจิก็มีทั้งเตียงและรถเข็นแล้ว ต่อไปเวลาออกมาช้อปปิ้ง คุณจะได้ไม่เมื่อยแขนไง..”

เตชิตตัดบทสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อครู่รู้สึกน้อยใจจริงแต่ตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว

“ก็ได้ครับ..” กานต์รวีจำใจยอมรับข้อสรุปของบ๊อสหนุ่ม

“งั้นฝากของไว้ที่ร้าน เราไปดูอย่างอื่นก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมารับ”

ตลอดบ่ายถึงเย็นวันนั้นทั้งคู่เดินจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นของเด็ก และแวะเข้าซุปเปอร์ซื้อของสดจำนวนมาก กานต์รวีท้วงว่าซื้อไปทำไมเยอะแยะ แต่ครั้งนี้เตชิตไม่ฟังคำท้วง เขาไม่ใช้คำว่าผมเป็นเจ้าของห้องให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีอีก แค่บอกหน้าตาเฉยว่าผมอยากใช้ตู้เย็นของผมให้คุ้มค่า

กานต์รวีนิ่งเงียบไม่ทักท้วงอะไรอีก ของใช้ทุกอย่างในห้องไม่มีอะไรไม่ใช่ของคุณหรอก .. ตู้เย็นของคุณ.. อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อไป ฮึ! ..  


 o15


meeza31

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #16 เมื่อ22-05-2007 10:36:38 »

สู้ๆนะวี  o14

mu_off

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #17 เมื่อ22-05-2007 12:54:43 »

เป็นกำลังใจให้นะค้าบ..

สู้ต่อไปนะค้าบ... o14

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #18 เมื่อ22-05-2007 13:30:42 »


บทที่  4




“คุณวีขา.. มีแขกมาพบค่ะ”

“แขกเจ้านายเหรอ..”

“ไม่ใช่ค่ะ เขามาขอพบคุณกานต์รวี นี่นามบัตรค่ะ”

กานต์รวีรับนามบัตรมาดู ใจหายวาบกระซิบถามแม่บ้านเสียงแผ่ว

“เขาอยู่ไหน”

“นั่งคอยที่รับแขกด้านนอกค่ะ คุณวีจะให้เชิญเข้ามาข้างในมั้ยค่ะ”

“ไม่ต้อง!!.. ผมจะออกไปพบเขาเอง โมจิหลับอยู่ใช่มั้ย..”

“ค่ะ.. ไม่รู้ตื่นรึยัง เดี๋ยวหนูเข้าไปดู..”

“อย่าให้น้องส่งเสียงนะ ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นได้ยินเสียงเด็ก”

กานตร์รวีลุกขึ้นยืนรวบรวมจิตใจให้เข้มแข็งก่อนออกไปพบกับแขกที่มาเยือน

...กิตติ สถาพร ทนายความประจำตระกูลเฉลิมวงศ์ แค่เห็นนามบัตรก็รู้แล้วว่ามาด้วยเรื่องอะไร...



 o15



ร่างเพรียวเดินงุ่นง่านอยู่หน้าห้องประธานบริษัท ...ทำไมคุณเตชิตคุยกับทีมงานสถาปนิกกลุ่มนี้นานจัง เฮ้อ... จะว่าไป.. เขาประชุมเรื่องงานกันนี่นา เราใจร้อนเองต่างหาก ...

แม่บ้านอุ้มโมจิมาส่งให้กานต์รวี เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเป็นหนูติดจั่น

“คุณวีขา.. อุ้มหลานหน่อยค่ะ”

กานต์รวีรับร่างเล็กมาอุ้มและสวมกอดไว้แน่นด้วยความรู้สึกหวงแหน

“จะไปไหนเหรอ อ้อ..”

“ไม่ได้ไปไหนค่ะ หนูอยากให้คุณวีหยุดเดิน.. เดินวนไปมาแบบนี้ไม่ปวดหัวเหรอคะ.. ”

กานต์รวีรู้สึกตัวหยุดอาการพลุ่งพล่านของตัวเองเดินไปนั่งที่โต๊ะ พยายามควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงด้วยการพูดคุยและเล่นกับหลาน โมจิกำลังหัดคืบ ร่างเล็กกระดึ๊บตัวไปมาอยู่บนโต๊ะทำงาน วันนี้เป็นวันที่ 4 ที่เขาเอาหลานมาเลี้ยงที่ทำงาน วันแรกเจ้าตัวเล็กแทบจะไม่ได้ออกจากห้องประชุมเลย เพราะมีแขกมาพบเจ้านายเยอะมาก แต่สองสามวันนี้เขาพาออกมาเดินและนั่งเล่นข้างนอกในเวลาที่ไม่มีแขก พนักงานที่ขึ้นมาติดต่องานส่วนใหญ่เห็นโมจิแล้วก็พากันมาขออุ้ม ภายนอกยิ้มแย้มพูดคุยดี แต่ในใจคงแอบนินทาหรือเอาไปเมาท์กันน่าดู เพราะเช้าวันที่สอง คุณศักดิ์สิทธิ์ ก็โทรมาต่อว่าเขาทันที

“คลานเก่งแล้วน้า~~ โมจิของอาเก่งที่สุด.. น่ารักที่สุดเลยด้วย ” ^__^

ประตูห้องประธานเปิดออก ทีมงานออกแบบและตกแต่งภายในเดินออกจากห้องสีหน้าเคร่งเครียด กานต์รวีพยักหน้าให้แม่บ้านมาเอาหลานไป และลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้กลุ่มพนักงานที่เดินออกมา

“วันนี้เจ้านายอารมณ์เสียมาจากไหนครับ คุณวี.. เรียกพวกเรามาด่าเป็นชุดเลย..”

“เอ๊ะ!!.. ไม่นี่ครับคุณนพ.. ตอนสั่งให้เชิญพวกคุณมาประชุม อารมณ์ยังดีอยู่เลย..”

“อ้าว!!.. พูดอย่างนี้หมายความว่าพวกเราเป็นฝ่ายทำให้เจ้านายอารมณ์เสียใช่มั้ย.. คุณเป็นเลขาใหม่ล่ะซี ถึงยังไม่รู้จักนิสัยเจ้านายเตชิต.. อ้อ!!.. แล้วเด็กเมื่อกี้น่ะ เป็นลูกเหรอ.. ที่นี่มีกฎระเบียบเข้มงวดนะ เอาเด็กมาเลี้ยงในออฟฟิศได้ยังไง..”

‘เกียรติชัย’ หนุ่มใหญ่ร่างท้วมซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบและตกแต่งภายในย้อนกลับเลขาหนุ่มหน้าหวาน

“เอ่อ.. ผมไม่ได้หมายความว่าพวกคุณทำให้เจ้านายอารมณ์เสียนะครับ ส่วนเรื่องเด็ก ผมมีความจำเป็นต้องเอามาเลี้ยงที่ออฟฟิศชั่วคราวครับ ผมขออนุญาตท่านประธานแล้ว ”

“อะไรวะ!!.. ที่แท้ก็เป็นเด็กเส้นถึงได้สิทธิพิเศษให้เอาลูกมาเลี้ยงได้ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนี่หว่า เป็นเจ้านาย.. แต่ตามใจเลขาในเรื่องที่ผิดกฎแบบนี้ได้ยังไง..”

กานต์รวียืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ตกใจที่ผู้อำนวยการหนุ่มใหญ่กล้าต่อว่าประธานบริษัท ลำพังตัวเขาถูกต่อว่าไม่เท่าไร แต่กับคุณเตชิต หมอนี่ก็ไม่เกรงเลย ...

เห็นเลขาหนุ่มหน้าหวานสีหน้าจ๋อย เกียรติชัยหัวเราะและเหน็บต่อด้วยความคะนองปาก

“หรือว่าท่านประธานของเราจะเปลี่ยนรสนิยมแล้ว มีเลขาสาวสวยไม่ชอบ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นเลขาหนุ่มหน้าหวานซะงั้น ฮะๆ ”

“เอ่อ.. ไปเถอะครับ คุณเกียรติชัย.. เรามีนัดดูงานที่ไซด์ เดี๋ยวไม่ทันนะครับ ” พนักงานหนุ่มรีบตัดบทเพราะรู้สึกเสียวสันหลังวูบ กลัวว่าประตูเปิดออกมาแล้วเขาจะโดนลูกหลงไปด้วย

... R R R R ...

เกียรติชัยรับสายมือถือ ใบหน้าระบายยิ้มเจื่อนลง

“มีปัญหากับผมเรื่องความยุติธรรมงั้นเหรอ อาเกียรติชัย.. อยากจะเอาลูกมาเลี้ยงบ้างก็ได้นะ สำหรับอา.. ผมอนุญาตให้เอาแม่มาด้วย แต่บอกผมก่อนว่าบ้านไหน ผมจะได้รายงานอาผู้หญิงถูก ไม่พอใจเรื่องงานแล้วมาพาลเลขาผมแบบนี้ไม่ใช่วิสัยของผู้ใหญ่ อาไม่เกรงใจผมก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้ผมไม่เกรงใจอาบ้างเพราะครั้งต่อไปผมจะไม่เตือนอาทางโทรศัพท์.. รีบพาลูกน้องออกไปจากหน้าห้องทำงานผม เดี๋ยวนี้ !!!..”



 o15



“ผมขอโทษครับ คุณเตชิต..”

เตชิตเรียกกานตร์รวีเข้ามาพบหลังจากพนักงานกลุ่มนั้นกลับลงไป

“ขอโทษเรื่องอะไร..”

“เอ่อ.. เรื่อง..” กานต์รวีเอ่ยขอโทษโดยลืมไปว่าเจ้านายไม่รู้เห็นเหตุการณ์ข้างนอก ในเมื่อไม่รู้ก็อย่าเล่าดีกว่า กำลังไม่สบอารมณ์เรื่องงาน เดี๋ยวจะหัวเสียมากขึ้น พนักงานกลุ่มนั้นจะหาว่าเราขี้ฟ้องด้วย

“ไม่มีอะไรครับ”

“ไม่มีอะไร? อยู่ๆ ก็ขอโทษแล้วบอกว่าไม่มีอะไรเหรอ..”

“เอ่อ..”

ใบหน้าคมยิ้มละมัย กานต์รีวีมีท่าทีอึกอัก ถ้าเขาไม่ถามคงไม่เล่าแน่...

“มีใครรังแกคุณเหรอ ”

ร่างเพรียวสะดุ้ง รีบปฏิเสธ
“เปล่าครับ ไม่มี..”

“แน่ใจนะ วี.. นอกจากปัญหาเรื่องงานแล้ว ปัญหาของคนก็เป็นเรื่องที่ผมต้องรับรู้และเป็นหน้าที่ที่คุณต้องรายงาน ไม่ใช่ให้ผมถาม”

“เอ่อ.. ก็ได้ครับ เมื่อกี้มีปัญหาหน้าห้องนิดหน่อยครับ คุณเกียรติชัย เขา___”

“หาว่าคุณว่าเขาเป็นคนทำให้ผมอารมณ์เสีย เขาว่าคุณเรื่องเอาเด็กมาเลี้ยง หาว่าเป็นเด็กเส้น และพาลต่อว่ามาถึงผม ว่าเป็นเจ้านายที่ไม่ยุติธรรม เหน็บว่าผมเปลี่ยนรสนิยมชอบเลขาหนุ่มหน้าหวานแทนเลขาสาวสวยใช่มั้ย”

กานต์รวีอ้าปากหวอ
“เจ้านายรู้ได้ไงครับ.. หรือว่า.. มีกล้องติดไว้หน้าห้อง ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมไม่รู้เลย..”

เตชิตหัวเราะ
“กล้อง!!.. ใช่!!.. ถึงเวลาที่ผมต้องมีกล้องจับภาพหน้าห้องแล้ว เดี๋ยวเรียกช่างเทคนิคขึ้นมาพบผมหน่อยนะ วี..”

“แปลว่าตอนนี้ยังไม่มี.. แล้วคุณรู้ได้ยังไงครับ ว่าคุณเกียรติชัยพูดอะไรบ้าง..”

“รู้จากคุณไง..”

“จากผม? ผมยังไม่ได้เล่าอะไรเลยนะครับ”

“ผมได้ยินทุกคำพูดจากเครื่องนั่น”

กานต์รวีมองเครื่องอินเตอร์โฟนบนโต๊ะทำงานเจ้านาย คิ้วเรียวขมวด

“เจ้านายกดหาผมเหรอครับ.. ทำไมผมไม่ได้ยินเลย”

“ผมไม่ได้กดหาคุณ คุณต่างหากที่กดหาผมแล้วก็ไม่พูด..”

“ผมไม่ได้กดหาเจ้านายซะหน่อย..” ใบหน้าหวานฉงน สักครู่ก็นึกขึ้นได้

“นึกออกแล้ว!!.. เมื่อกี้ผมอุ้มโมจิมานั่งเล่นบนโต๊ะครับ แกกำลังหัดคลาน จับโน่นจับนี่ยุ่งไปหมด สงสัยคงไปกดถูกปุ่ม speak ที่เครื่อง.. ต้องเป็นเจ้าตัวเล็กแน่ๆ เลยครับ สงสัยคงจะรู้ว่าคุณเกียรติชัยจะมาต่อว่าผมเรื่องเอาตัวเองมาเลี้ยง ก็เลยหาทางฟ้องคุณ.. ฮะๆ ”

เตชิตระบายยิ้ม นานๆ ครั้ง ถึงจะได้เห็นใบหน้าหวานหัวเราะสนุกแบบนี้ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่คลายลงทันที

“นมใกล้หมดรึยัง”

“ทำไมเหรอครับ”

“กระป๋องใหม่ผมขอจ่ายเองนะ เป็นรางวัลที่ผมให้เจ้าตัวเล็ก ไม่เกี่ยวกับคุณเพราะงั้นห้ามปฏิเสธ”

กานต์รวีหัวเราะ

“เรื่องนายศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเขามาพูดแขวะหรือมีปัญหาอะไรกับคุณอีก ขอให้บอกผม”

“ผมจะกลายเป็นเลขาขี้ฟ้องรึเปล่าครับ”

“เขาไม่ได้เรียกว่าฟ้อง นายเกียรติชัยมีคดีที่ผมต้องสะสางอีกเยอะ คุณต้องช่วยรายงานสถานการณ์และพฤติกรรมของเขาให้ผมรับรู้”

“ได้ครับ.. ผมจะคอยรายงานให้ทราบ” กานต์รวีเห็นเจ้านายหน้าเครียดเมื่อพูดถึงคนคนนี้ก็รู้สึกกังวลแทน

“คุณเกียรติชัยพูดจาไม่ดีเลยนะครับ ผมไม่ชอบเลย”

“หึ!.. คุณคงสงสัยว่าทำไมหมอนี่ถึงไม่ให้เกียรติผมใช่มั้ย..”

“เอ่อ.. ก็.. ครับ ผมไม่เข้าใจ”

“เขาเป็นอาเขยของผม เคยนั่งตำแหน่งรองประธาน พ่อผมไว้ใจเขามาก แต่เขากลับทำเรื่องทุจริตรับใต้โต๊ะจากผู้รับเหมาโครงสร้างทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้และชื่อเสียง พ่อผมเห็นแก่น้องสาวก็เลยแค่ลดตำแหน่งไปอยู่ฝ่ายตกแต่งภายใน และเรียกผมกลับจากอังกฤษให้มานั่งตำแหน่งรองประธาน หมอนั่นพยายามทำตัวดีหวังให้พ่อยกโทษและคืนตำแหน่งให้ แต่นอกจากพ่อจะไม่คืนตำแหน่งให้แล้ว ยังวางมือให้ผมบริหารงานแทน เขาเจ็บแค้นผมอยู่ในใจจึงแอบทำเรื่องทุจริตอีก ครั้งนี้ทำกันเป็นทีม ผมกำลังสืบพฤติกรรมของเขา เพราะงั้นจึงเป็นเหตุผลที่คุณต้องรายงานผมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับหมอนั่น รวมถึงทีมงานของเขาด้วย.. เข้าใจมั้ย..”

กานต์รวีรู้สึกเห็นใจเจ้านายอย่างมาก นอกจากต้องบริหารบริษัทให้เติบโตแล้ว ยังต้องกำจัดพวกทุจริตด้วย

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะคอยรายงานทุกเรื่องให้ทราบ”

“แต่มีเรื่องที่ผมอยากจะเตือน อยู่ห่างๆ นายเกียรติชัยและลูกน้องไว้ด้วย อย่าไปสนิทสนมคบหาเป็นเพื่อนเด็ดขาด”

คิ้วเรียวขมวดไม่ค่อยชอบใจกับคำสั่งนี้ รู้สึกเหมือนถูกเผด็จการอีกแล้ว

“ผมเตือนเพราะเป็นห่วง ถ้ารู้จักนิสัยพวกเขา คุณจะเข้าใจความเป็นห่วงของผม”

“รับทราบครับ เจ้านาย..”

“โอเค.. ผมมีเรื่องคุยแค่นี้ กลับไปทำงานได้ อย่าลืมเรียกช่างเทคนิคให้ผมด้วย..”

“ครับ..”

กานต์รวีลุกขึ้นเดินออกจากห้อง

“เดี๋ยวก่อน วี..”

ร่างเพรียวชะงักหมุนตัวกลับ

“ครับ”

“โมจิหลับอยู่รึเปล่า ถ้าไม่หลับผมขออุ้มสักสองนาทีได้มั้ย..”

“ได้ครับ เดี๋ยวให้อ้อพาเข้ามา”

กานต์รวีเข้าใจความหมายของคำขอ คุณเตชิตเคยบอกว่าเวลาอุ้มโมจิ เขาสบายใจและลืมปัญหาต่างๆ ชั่วขณะ

พูดถึงหลานชายตัวน้อย กานต์รวีนึกถึงเรื่องร้อนใจของตัวเองขึ้นมาได้ ร่างเพรียวก้าวพรวดกลับไปยืนเบื้องหน้าเจ้านาย

“เอ่อ.. คุณเตชิตครับ.. เรื่องของโมจิ ตกลงเพื่อนทนายของคุณจะว่างวันไหนครับ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อกานต์รวีรีบร้อนถามถึงเรื่องนี้ด้วยสีหน้ากังวลและเป็นทุกข์

“เย็นวันนี้เขาจะโทรหาผม ถ้าว่างก็จะแวะมาคุยด้วย มีอะไรหรือ วี.. เป็นอะไรรึเปล่า..”

เตชิตใจหายเมื่อคำถามของเขาจี้ใจให้น้ำใสเอ่อรื้นดวงตาคู่สวย ยังไม่ทันเอ่ยถามกานต์รวีก็ยื่นจดหมายให้ เขารับมาพลิกดูเห็นเป็นซองจดหมายของสำนักกฎหมายก็พอจะเข้าใจเรื่องราว และเมื่อเปิดออกอ่านก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มตรงหน้าว่ากำลังทุกข์ร้อนใจเพียงใด

“นั่งลงก่อน วี.. ผมจะคุยกับเขาเดี๋ยวนี้เลย”

กานต์รวีทรุดตัวลงนั่ง เตชิตต่อโทรศัพท์หาเพื่อนทนายคุยเรื่องนัดหมายทันที

“..................................”

“เฮ้ย!.. ตกลงเรื่องคดีจะเอายังไง จะรับงานมั้ย ถ้าไม่รับฉันจะหาทนายอื่น..”

“............................................”

“ไม่ต้องมาพูดดี เมื่อคืนบอกจะเข้ามาคุยก็ไม่มา.. ถือว่าเป็นทนายดังแล้วเล่นตัวหรือวะ..”

“..........................................”

“ไม่สนโว้ย ถ้าตอนนี้นายไม่ได้อยู่หน้าบัลลังก์ รีบมาหาฉันที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้ !!..”

“..............................”

“ไม่ได้!!.. ฉันมีเรื่องด่วนต้องคุยตอนนี้ ย้ายก้นนายมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่มา.. อย่าหาว่าฉันเป็นเจ้าหนี้ใจโหดนะโว้ย เงินห้าแสนที่ยืมไป เมื่อไรจะคืน..”

“.....................”

“เออ!!.. เดี๋ยวเจอกัน..”

เตชิตวางสายเพื่อนและพยักหน้าให้กานต์รวี

“มันกำลังมา ต้องให้มีโมโห ไอ้เพื่อนบ้า!!..”

“เขาติดงานอะไรรึเปล่าครับ ถ้ายังไงรอถึงตอนเย็นก็ได้ ผมใจร้อนไปเอง..”

“ไม่ได้หรอก.. ต้องคุยตอนนี้ ไม่ใช่คุณที่ใจร้อน ผมเองก็รู้สึกร้อนใจด้วย เขาจะมาถึงในหนึ่งชั่วโมง ไม่ต้องห่วง วี.. ร้องขอเป็นผู้ปกครอง คดีเด็กๆ สำหรับเพื่อนผม ”

กานต์รวีลุกขึ้นยืนและยิ้มอย่างดีใจ

“ขอบคุณครับ.. เจ้านาย.. งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ.. ”

“อะฮะ”

เตชิตมองตามหลังร่างเพรียวของชายหนุ่ม เห็นใบหน้าหวานยิ้มได้แล้วก็รู้สึกดี เขาไม่อยากเห็นสีหน้าเป็นทุกข์แบบเมื่อครู่นี้เลย



 o15


mu_off

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #19 เมื่อ22-05-2007 13:40:38 »

รอค้าบ..รอ...มาลงเรื่อยๆนะคับ... o14

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
« ตอบ #19 เมื่อ: 22-05-2007 13:40:38 »





ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #20 เมื่อ22-05-2007 13:47:52 »

“ผม.. กรัณย์กร คาบายาชิ ทนายความชั้นหนึ่งจากสำนักกฎหมายกรัณย์กร ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ชายหนุ่มหน้าตี๋ลูกครึ่งจีนญี่ปุ่นยื่นมือให้หนุ่มหล่อหน้าสวยหวาน

กานต์รวีตั้งใจจะยกมือไหว้แต่เมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาให้สัมผัส จำเป็นต้องยื่นมือสัมผัสตอบและยิ้มให้อย่างนอบน้อม

“ผมกานต์รวีครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

“ผมต้องขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้มาตามนัด.. ติดธุระกับลูกความปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ ”

“ไม่เป็นไรครับ อุตส่าห์สละเวลามาตอนนี้ผมขอบคุณมากๆ เลยครับ”

“สำหรับคุณกานต์รวี.. เลขาประธานเตชิต คาบายาชิยินดีรับใช้ คร้าบ ^___^ ”

เตชิตเหล่มองเพื่อน เสียงทักทายกานต์รวีอ่อนหวานจนน่าหมั่นไส้ สายตาจับจ้องมือเรียวที่ถูกมือใหญ่กุมไว้ ทั้งที่ควรจะปล่อยได้แล้วแต่เจ้าเพื่อนบ้ายังไม่ยอมปล่อยซะที ร่างสูงขยับเข้าแทรกกลางและล็อกคอเพื่อนลากไปนั่งที่โซฟา

“อย่าทำประเจิดประเจ้อกับเลขาฉันนะโว้ย.. ขอเตือนไว้ซะก่อน”

“ครับเจ้านาย ผมไม่กล้าหรอกครับ.. หวงจังโว้ย..” ประโยคสุดท้ายงึมงำอยู่ในคอ

“เอาจดหมายฉบับนั้นให้เจ้ากร.. ดูหน่อย วี..”

กานต์รวีเดินตามมาทรุดตัวลงนั่งและยื่นจดหมายให้ รีบเข้าเรื่องเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของเจ้านาย

“คุณกิตติ ทนายที่ปรึกษาตระกูลเฉลิมวงศ์ มาพบผมเมื่อเช้าครับ ทางคุณลดามณี น้าสาวของโมจิได้ยื่นเรื่องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครองเด็ก เขาแนะนำผมว่าอย่าสู้คดีเพราะโอกาสชนะมีไม่ถึง 5 % เขาอยากให้ผมประนีประนอมกับฝ่ายโน้นครับ” กานต์รวีชี้แจงคร่าวๆ ขณะที่ทนายหนุ่มอ่านข้อความในจดหมาย

กรัณย์กรเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้เลขาของเพื่อน

“ฝ่ายนั้นต่างหากที่จะมีโอกาสแค่ 5% ขอให้เชื่อมือผม คุณกานต์รวี.. ”



 o15



“โมจิอยู่ไหนคร้าบ~~ จ๊ะ เอ๋ !!.. ฮะๆๆ..”

^___^

“โอ๊ะๆ อย่านะ อย่ากัด~~”

^___^

“เฮ้! อย่าดูดนิ้วลุงซี จั๊กจี๋นะ คันเหงือกเหรอ.. ฟันกำลังขึ้นล่ะซี ไหนดูหน่อยซิ..”

^___^

“อาวีคร้าบ~~ ข้าวเสร็จรึยัง ป๋มหิวแล้วน้า~~”

เสียงพูดคุยของชายหนุ่มสลับกับเสียงหัวเราะของทารกน้อย เตชิตนั่งเล่นกับโมจิในขณะที่กานต์รวีรับหน้าที่ทำอาหารเย็นให้ ร่างสูงอุ้มทารกน้อยเหน็บเอวเดินไปที่ครัว

“อาวีคร้าบ.. โมจิหิวแล้ว~~”

“โมจิหิวหรือเจ้านายหิวกันแน่ครับ” กานต์รวีถามสีหน้ายิ้ม

“ทั้งผมทั้งโมจิ เราหิวกันทั้งสองคนเลย”

โครก~~~~

เสียงท้องร้องของร่างสูงเป็นการยืนยันว่าอีกฝ่ายพูดจริง กานต์รวีหัวเราะ รีบนำอาหารที่เตรียมไว้ไปตั้งโต๊ะ

“เสร็จเดี๋ยวนี้แล้วครับ ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเลยทั้งสองคน”

^__^

^__^

“ค่อยๆ ดูดซีคับ.. หิวเหรอ~~ ”

กานต์รวีขอตัวป้อนนมให้หลานก่อน เตชิตจึงขอตัวกินก่อนเพราะหิวมากจนท้องร้อง เป็นอาหารเย็นมื้อแรกในห้องชุดที่เขานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่อยากเชื่อว่าเลขาหนุ่มของเขาจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ แต่จะว่าไปกานต์รวีเคยทำงานร้านอาหารกับพี่ชาย จึงไม่แปลกที่มีฝีมือด้านการทำอาหาร

ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เตชิตกินอาหารเย็นมื้อนี้อย่างมีความสุขมากขึ้น ชายหนุ่มผู้เป็นอานั่งป้อนนมให้ทารกน้อยที่นอนอยู่บนตัก มองแล้วเพลินตาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

“คุณไม่หิวเหรอ วี.. กินไปด้วย ป้อนไปด้วยสิ..”

“ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไร เชิญเจ้านายตามสบายครับ ไม่ต้องห่วงผม”

คิ้วเข้มขมวดรู้สึกขัดหูกับคำว่า ‘เจ้านาย’ นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาควรอยู่ในฐานะเจ้านาย ที่นี่คือบ้าน เรียกเจ้านายแล้วรู้สึกห่างเหินเหมือนไม่ใช่คนอยู่ร่วมบ้านเดียวกันยังงั้นแหล่ะ

“วี..”

“ครับ?”

“ขออะไรอย่างได้มั้ย”

“อะไรครับ”

“อยู่ในบ้านอย่าเรียกผมว่าเจ้านาย..”

“เอ๋!.. แล้วจะให้เรียกว่าอะไรครับ...”

“เรียกชื่อก็พอ.. นอกเวลางานผมไม่เคยรู้สึกว่าคุณเป็นลูกจ้างหรือเลขาผมเลย จริงๆ นะ ผมมีความรู้สึกนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ตอนคุณชนผมที่หน้าลิฟต์ ผมนึกในใจว่า หมอนี่ซ่าเอาการแฮะ ตัวเล็กใจถึงแบบนี้อยากเป็นเพื่อนด้วยจัง นึกไม่ถึงว่าจะได้คุณมาทำงานด้วย..”

“ผมก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าคนที่ผมตวาดใส่เมื่อเช้าจะกลายเป็นเจ้านายของตัวเอง ถ้าเป็นที่อื่นคงไล่ผมออกแล้ว” กานต์รวีหัวเราะปิดบังความเขิน

“ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่แน่ แต่นี่เป็นคุณซึ่งผมถูกชะตาอยากเป็นเพื่อนด้วยด้วย.. เพราะงั้นผมคิดว่านอกเวลางานหรือเวลาอยู่ในบ้าน ขอให้เราอยู่ร่วมกันในฐานะเพื่อน ดีมั้ย.. ”

กานต์รวียิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เตชิตวางมือจากอาหาร เขาอิ่มแล้วแต่กานต์รวียังไม่ได้แตะอาหารเลย

“มา!!.. ผมป้อนต่อเอง คุณกินเถอะ..”

“คุณอิ่มแล้วเหรอ..”

“อะฮะ อาหารอร่อยมากๆ คุณกินได้แล้ว ผมป้อนนมให้หลานเอง..”

กานต์รวีส่งร่างเล็กให้เตชิตป้อนนมต่อและหันไปจัดการอาหารมื้อเย็นของตัวเอง ถ้าเป็นเรื่องของหลานตัวน้อย เขาไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือ อาจเป็นเพราะความจริงใจที่คุณเตชิตมีให้เขากับหลานมาตั้งแต่ต้น

“ตกลงว่าไง!!..”

“อะไรครับ? ”

“ก็เรื่องที่ผมขอ นอกเหนือเวลางาน ห้ามเรียกผมว่าเจ้านาย..”

“หมายความว่านอกเวลางานคุณไม่ใช่เจ้านายผมงั้นหรือครับ..”

“ใช่!!.. นอกเวลางานโดยเฉพาะในห้องนี้ เราน่าจะอยู่กันแบบครอบครัว คุณเป็นอาของโมจิ ส่วนผมเป็นลุงของแก โอเคนะ..”

“เอ่อ..” กานต์รวียกแก้วน้ำขึ้นจิบ แม้จะดีใจแต่ก็รู้สึกลำบากใจด้วย

“ผมคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะ”

“ไม่เหมาะเรื่องอะไร”

“ก็__ คุณเป็นเจ้าของห้อง ผมเป็นคนอาศัย จะมาอยู่กันแบบครอบครัวได้ยังไงครับ”
“ทำไมจะไม่ได้ พูดแบบนี้แปลว่าคุณรังเกียจที่จะให้ผมเป็นครอบครัวเดียวกับคุณและโมจิเหรอ..”

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ เอาตามที่คุณว่าก็ได้ ถ้าไม่ใช่เวลางานผมจะไม่เรียกคุณว่าเจ้านาย.. ”

เตชิตยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายยินยอมด้วยดี ขยับร่างเล็กที่กินอิ่มแล้วขึ้นซบไหล่

“โอเค.. งั้นตกลงตามนี้ เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันนับตั้งแต่วันนี้เลย”

คิ้วเรียวขมวดกับข้อสรุปของเตชิต

...นี่ไม่ใช่ข้อตกลงซะหน่อย ที่ผมยอมตกลงด้วยคือไม่เรียกเจ้านายนอกเวลางานต่างหาก...

“ถ้างั้นผมขอเรียกคุณว่า ทาโร่.. นะครับ”

เตชิตสะดุ้งหุบยิ้มทันควัน ใบหน้าหล่อเข้มจ้องมองอีกฝ่ายเหมือนต้องการความกระจ่างและที่มาของชื่อ

“ตอนนั่งคุยเรื่องคดี คุณกรเรียกคุณว่าทาโร่ เขาว่าตอนเรียนมหา’ลัย คุณชอบกินปลาเส้นยี่ห้อนี้มาก เพื่อนๆ เลยเรียกคุณว่าทาโร่ครับ..”

“ไอ้คาเบะ.. หึๆ ” เสียงทุ้มคำรามในลำคอถึงจะฉุนเพื่อนแต่ก็อดขำไม่ได้ที่กานต์รวีอยากเรียกเขาชื่อนี้

“แต่ผมว่ามันตลกนะ วี.. เรียกชื่อธรรมดาเถอะ”

“แต่ผมชอบชื่อทาโร่ครับ ตอนเด็กๆ ผมก็ชอบกิน”

เตชิตหน้าตื่น

“เฮ้!.. ถ้าวันไหนคุณหิวและนึกอยากกินทาโร่ขึ้นมาผมก็แย่สิ ผมยังไม่อยากถูกกินนะ วี.. ”

กานต์รวีหัวเราะ

“ไม่รู้แหล่ะ ถ้าไม่ให้เรียกเจ้านาย ผมก็จะเรียกทาโร่..” ร่างเพรียวลุกขึ้นเก็บโต๊ะอาหาร

“คุณทาโร่พาโมจิไปนั่งเล่นก่อนนะครับ ผมขอล้างจานแป๊บนึง”

กานต์รวียิ้มหวานให้ เตชิตจึงลุกขึ้นพาทารกน้อยไปนั่งเล่นแต่โดยดี

“ลุงกลายเป็นปลาเส้นไปแล้วโมจิ.. เราสองคนเป็นขนมเหมือนกันเลยเนอะ จะถูกอาวีจับกินเมื่อไรก็ไม่รู้...”

เสียงทุ้มหยอกล้อเล่นหัวกับหนูน้อยโมจิดังแว่วเข้าหูอา ริมฝีปากบางเม้มแน่นเหล่มองหลังร่างสูง


...ถ้าอยากกิน ผมไม่กินปลาเส้นหรอก ผมขอกินขนมโมจิอบใหม่ๆ จากเตาไม่ใส่สารกันบูด ขาวอวบน่ารัก น่ากินที่สุด โมจิของอา...







...จะกินกันเองซะแล้ว...


mu_off

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #21 เมื่อ22-05-2007 13:58:48 »

คิคิ..น่ารักจัง...กลายเป็นทาโร่ไปซะแล้ว... :-[

(รูปน่ารักจัง)...

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #22 เมื่อ22-05-2007 14:50:25 »

สนุกกุ๊กกิ๊กดี
แต่มีเรื่องปวดหัวไม่ซ้ำเลยแต่ละวัน
 :like6:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #23 เมื่อ22-05-2007 14:56:31 »

น่ารักจางง ทาโร่ หุหุ :impress2:  น้องโมจิก็น่าร๊ากกก

เจ้านายแบบนี้มีที่ไหนอีกป่าว จะย้ายงาน อิอิ

กำลังหาเจ้านายหัวจาย เอิ๊กๆๆ o3


ปล.วีแน่ใจนะว่าจะไม่กินทาโร่ อิอิ :o9:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #24 เมื่อ22-05-2007 15:00:47 »

 :like6: :like6: :like6: :like6: :like6:

เยี่ยมๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #25 เมื่อ22-05-2007 19:32:22 »

หุหุ สนุก ๆ  o15  o15 มาต่อไวไวน้า  o1

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #26 เมื่อ22-05-2007 21:57:37 »

มาเล่นในนี้ด้วยหรือเจ๊หมวยอิอิ :haun5:

 เข้ามาดันให้น๊าตัวเองเค้าตามอ่านนิยายตัวเองที่บอร์ดของตัวเองอยู่ล่ะ

ยังมีเรื่องfatherhoodที่รอตามอยู่น๊านนนนนนนนน :o12:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #27 เมื่อ22-05-2007 22:38:52 »

เจ๊หมวยพาโมจิมาแว้วววว
 :impress2: :impress2: :impress2:

เด๋วก็ได้ตกหลุมรักโมจิกันเป็นทิวแถว
 :laugh3: :laugh3: :laugh3:

ปล.เค้าก็อยู่ไปทั่วแหละเจ๊หมวย  :haun5:

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #28 เมื่อ22-05-2007 23:45:46 »

น่ารักอ่า

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #29 เมื่อ23-05-2007 01:02:51 »

อยากกิงโมจิ+ทาโร่จางเยย  :loveu:







ปล. อ่าวแล้วเจ้านายหัวจายยยคนเก่าของพี่นัทไปไหนซะล่ะ ถึงอยากจาย้ายงานอ่า  :o9:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด