เจ้านายจ๊ะจ๋า Update ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เจ้านายจ๊ะจ๋า Update ตอนพิเศษ  (อ่าน 420011 ครั้ง)

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #30 เมื่อ23-05-2007 09:43:10 »

บทที่ 5


“หมายความว่าไงวะ!!.. นายไปคุยอะไรกับพวกนั้นกันแน่ ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้ เป็นทนายพูดจาสับปลับได้ยังไงวะ!!.. นายบอกเจ้าตัวเค้าเองว่าโอกาสชนะเป็นของเขา แต่วันนี้กลับมาบอกฉันว่าฝ่ายโน้นมีโอกาสมากกว่า แกทำอะไรอยู่วะ คาเบะ..”

“ฟังฉันนะ ทาโร่.. ถ้าเทียบจากความพร้อม ฝ่ายโน้นเหนือกว่าทุกเรื่องในการรับเป็นผู้ปกครองเด็ก แต่สำหรับคุณวี.. ถ้าไม่ฝากเค้าเลี้ยงก็ต้องกระเตงมาเลี้ยงที่ทำงาน แค่นี้ก็เสียเปรียบแล้ว”

“ความพร้อมของนายหมายถึงฝ่ายน้าสาวมีฐานะสามารถเลี้ยงดูเด็กให้อยู่อย่างสุขสบายได้งั้นเหรอ.. ไอ้บ้าเอ้ย!.. ถ้าแม้แต่นายก็คิดแบบนี้ ฉันจะจ้างนายมาทำคดีทำไม.. ถ้านายได้เห็นเวลากานต์รวีอยู่กับโมจิ นายจะเข้าใจว่ามันไม่ใช่แค่ในฐานะอา แต่เค้าเป็นทั้งพ่อและแม่ของหลาน.. ถ้านายทำคดีนี้แพ้ฉันจะผิดหวังกับนายมาก..”

“ใจเย็นๆ ซีวะ ฉันแค่บอกให้รู้ว่าคดีนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ แต่เพราะเห็นกับนายฉันจะพยายามช่วยเต็มที่ มีอีกเรื่องที่ฉันขอแนะนำ  ให้คุณวีย้ายออกไปพักที่อื่นซะ มันไม่เป็นผลดีกับรูปคดีที่เจ้านายมารับอุปการะเลขาแบบนี้ อาจเป็นประเด็นให้อีกฝ่ายนำไปใช้ประโยชน์ได้”

“ประโยชน์อะไรวะ!!.. ฉันกับเขาไม่ได้เป็นแค่เจ้านายกับเลขา เราอยู่กันแบบครอบครัว ลุง อา หลาน โว้ย!!..”

เสียงอีกฝ่ายหัวเราะร่วน เตชิตตวาดใส่อย่างหัวเสีย

“หัวเราะอะไรวะ!!.. มีอะไรน่าขำ!!..”

“ฮะ ฮะ จะไม่ให้ขำได้ไงวะ นายไปเป็นญาติกับเขาตั้งแต่เมื่อไร แค่บอกว่าเป็นเพื่อนยังอ้างไม่ได้เลย..”

“ทำไมจะอ้างไม่ได้ ฉันกับวีตกลงคบหากันเป็นเพื่อน.. ฉันจะช่วยเค้าเลี้ยงดูหลานเอง ความพร้อมของฉันไม่น้อยกว่าตระกูลเฉลิมวงศ์.. นายไปอ้างกับศาลได้เลย..”

“บ้าหรือเปล่าวะ ทาโร่.. หัวสมองนายมีไว้ทำเรื่องธุรกิจอย่างเดียวหรือไง นี่เป็นคดีร้องขอเป็นผู้ปกครองเด็กระหว่างน้าชายกับน้าสาว ศาลจะดูความพร้อมของผู้ร้องและพื้นฐานครอบครัวแต่ละฝ่ายเท่านั้น ต่อให้มีเพื่อนเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านก็ไม่มีความหมาย.. ”

เตชิตถอนใจเฮือก

“ถ้างั้นจะให้ทำยังไง หาที่พักให้เขาใหม่น่ะ หาได้~~ แต่ฉันเป็นห่วงกลัวฝ่ายโน้นส่งคนมาขู่ เช้าๆ ก็ต้องกระเตงเจ้าตัวเล็กมาทำงานอีก เฮ้อ!!..”

“นั่นไง!!.. ยังไม่ต้องไปถึงศาล แม้แต่นายยังคิดได้เลยว่าคุณวีไม่พร้อมที่จะเลี้ยงเด็กทารก.. เพราะงั้นสำหรับคดีนี้ฉันอยากให้นายเผื่อใจไว้บ้าง ”

ไม่ได้นะโว้ย!!..  :o  เป็นทนายความชั้นหนึ่งประสาอะไรวะ ว่าความไม่เคยแพ้สักคดีแต่กลับจะยอมยกธงให้คดีนี้ง่ายๆ แบบนี้ใช้ได้หรือวะ!!..”

“ใจเย็นๆ ซีคร้าบ ท่านประธาน ทำไมเรื่องของเลขาหนุ่มคนนี้ ถึงทำให้ท่านขี้โมโหแบบนี้วะ อ๊ะ!!.. อ๊ะ!!.. หรือว่า___”  :o9: 

“หรือว่าอะไร!!.. อย่ามาคิดลามกนะโว้ย ไอ้คาเบะ.. ฉันไม่ใช่นาย.. จะได้คิดชั่วร้ายแบบนั้น.. ”

“แบบนั้น? แบบไหนวะ นายว่าฉันชั่วร้ายเหรอ.. ”

“เออซีวะ!!.. นายมันจอมวายร้าย เข้าใกล้ใครเป็นต้องฟันดะ ไม่เลือก ไอ้เสือไบ!!__ ”

“ฮะๆ ” เสียงหัวเราะชอบใจเหมือนได้รับคำชม  :laugh3:

“นั่นมันเมื่อก่อนโว้ย เดี๋ยวนี้ผมเป็นคนดีแล้วครับ เจ้านาย.. รักเดียวใจเดียว ไม่รักดะครับ รักทีละคน จะว่าไปคุณวีก็น่ารัก เอางี้มั้ย.. ถ้าฉันทำคดีนี้ชนะได้ ฉันขอจีบเลขาของนาย ตกลงมั้ย..”

เตชิตนึกไม่ถึงว่าเพื่อนทนายจอมกะล่อนจะต่อรองเขาด้วยเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ ความรู้สึกทั้งโกรธและใจหาย

“เฮอะ! ลองจีบดูซิ ฉันเตะนายแน่ แถมคิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอกเลย..”

“อะไรวะ!!.. หวงก้างชะมัด..”

“ฉันพูดจริงนะโว้ย!!.. อย่ายุ่งกับกานต์รวี.. ที่นายต้องทำคือช่วยให้เขาได้เป็นผู้ปกครองเลี้ยงดูหลาน.. ถ้านายทำสำเร็จ นอกจากฉันจะจ่ายค่าทนายอย่างงามแล้ว ฉันจะยกหนี้ให้ด้วย..”



 o15



“ผมช่วยพี่ชายและพี่สะใภ้เลี้ยงโมจิมาตั้งแต่ยังแบเบาะครับ ตอนพี่ดลอยู่ห้องไอซียู ผมรู้ว่าเขาพยายามอดทนที่จะมีชีวิตอยู่เพราะเป็นห่วงโมจิ ผมบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะเลี้ยงดูโมจิเหมือนลูกของผมเอง พอผมกลับออกมาพี่ชายผมก็เสียชีวิตครับ..”

“ตอนนั้นมีใครอยู่ด้วยรึเปล่า พยาบาลหรือเพื่อนที่ได้ยินคุณพูดประโยคนี้.. ”

“ไม่มีครับ ผมรู้ว่าแค่คำพูดมันไม่พอที่จะเป็นหลักฐานยืนยัน แต่ผมพอมีพยานรู้เห็นที่สามารถบอกได้ว่า ผมเป็นคนเลี้ยงโมจิมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ผมอยู่ใกล้ชิดแกมากกว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ซะอีก บางคืนแกก็นอนกับผมด้วย”

ทนายหนุ่มพยักหน้ารับสีหน้าครุ่นคิด ข้อมูลที่ได้ไม่เอื้อประโยชน์ให้กานต์รวีมีโอกาสได้เป็นผู้ปกครองเด็กมากกว่าคุณลดามณีผู้เป็นน้าสาวเลย เพราะเมื่อเทียบกับข้อจำกัดของชายหนุ่มในเวลานี้ ทางฝ่ายโน้นได้เปรียบกว่าเยอะ

“ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากพักกับคุณเตชิต แต่ผมเป็นห่วงหลาน ผมหาที่พักใหม่ได้ครับ แต่ผมยังต้องพาหลานมาทำงานด้วย ผมไม่กล้าฝากเค้าเลี้ยง กลัวน้าสาวแกมาอุ้มไปครับ”

“ตอนนี้เขาทำเรื่องร้องศาลและหวังที่จะชนะ เพราะงั้นผมคิดว่าเขาคงไม่กล้าทำเรื่องแบบนั้น เรื่องที่เป็นปัญหาของคุณตอนนี้คือ คุณต้องกระเตงเจ้าตัวเล็กมาทำงานด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ศาลไม่ยอมรับแน่ และการที่คุณไม่ได้เลี้ยงเด็กเองแต่เอาเด็กไปฝากให้คนอื่นเลี้ยงก็แสดงถึงความไม่พร้อมและไม่มีเวลาให้”

ใบหน้าหวานสลดลง มองกรัณย์กรด้วยสายตาอ้อนวอน

“ผมก็อยากเลี้ยงเอง.. หรือคุณกรว่าผมควรจะลาออกจากงานอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ถ้ามันทำให้ผมมีโอกาสมากขึ้น ผมก็จะลาออกครับ”

“No!!..” กรัณย์กรส่ายหน้า

“ไม่ได้เด็ดขาดครับ คุณจะยิ่งเสียโอกาสมากขึ้นถ้าไม่มีงานทำ”

“งั้นผมควรทำยังไงครับ.. ช่วยผมด้วยนะครับคุณกร.. ถ้าผมเสียโมจิให้พวกเค้า ผมคงทนไม่ได้..”

เสียงใสสั่นเครือจนกรัณย์กรรู้สึกสงสาร เห็นใจในความรักที่ชายหนุ่มมีต่อหลานตัวน้อย

“ไม่ต้องห่วงคุณวี.. ผมช่วยเต็มที่อยู่แล้ว ถ้ายังไงผมจะคุยกับทาโร่หาวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นก่อน..”



 o15


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2007 09:50:38 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #31 เมื่อ23-05-2007 09:48:31 »

เตชิตหาที่พักใหม่ให้กานต์รวีเป็นบ้านตัวอย่างในโครงการ รามิลเฮ้าส์ เขาให้กานต์รวีลาออกจากงานที่บริษัทมารับจ้างทำบัญชีและงานส่วนตัวให้เขาที่บ้าน วิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้กานต์รวีไม่มีจุดอ่อนให้อีกฝ่ายถือเป็นข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลาเลี้ยงหลาน

“ให้ผมพักบ้านหลังใหญ่แบบนี้จะดีเหรอครับ.. ผมว่ามันจะไม่เหมาะ..” กานต์รวีตื่นเต้นกับบ้านตัวอย่างที่เตชิตพามาดู สีหน้าท่าทีพึงใจขัดกับคำพูด

“ไม่เหมาะเรื่องอะไร”

“ก็__ ผมอยู่กับหลานแค่ 2 คน ไม่จำเป็นต้องหลังใหญ่ขนาดนี้ก็ได้..”

“บ้านแค่ 3 ห้องนอน 60 ตารางวา เนี่ยนะ ใหญ่..”

“สำหรับคุณมันไม่ใหญ่หรอกครับ แต่สำหรับผมมันใหญ่มาก แล้วปกติผมก็อยู่กับหลานแค่ห้องพักห้องเดียว.. บ้านหลังนี้ใหญ่โตเกินกำลังของผม ฝ่ายนั้นต้องสืบแน่ว่าผมมีปัญญาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง”

“อยากสืบก็สืบไป บ้านหลังนี้ผมไม่ได้ให้อยู่ฟรี ผมคิดค่าเช่าหมื่นสอง เดี๋ยวจะให้เขาทำสัญญามาให้”

“หมื่นสอง!!!...” ดวงตากลมเบิกโพลงอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าจะถูกเก็บค่าเช่า แถมยังแพงเป็นหมื่นด้วย

“เอ่อ.. แพงขนาดนี้ผมสู้ไม่ไหวหรอกครับ ผมขอกลับไปอยู่อพาร์ทเม้นท์เดิมดีกว่า ผมไม่ต้องทำงานที่ออฟฟิศแล้ว อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ครับ..”

“ที่นั่นค่าเช่าเท่าไหร่..”

“เดือนละสองพันห้า ไม่รวมน้ำไฟครับ”

“ปีละสามหมื่นเนี่ยนะ ถูก.. ผมคิดหมื่นสองคุณกลับว่าแพง ”

คิ้วเรียวขมวดจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“หมายความว่าไงครับ อย่าบอกนะว่าค่าเช่าหมื่นสองของคุณ เป็นค่าเช่าต่อปี”

“อะฮะ”

“หา!!.. หมื่นสองต่อปี เท่ากับค่าเช่าเดือนละพันเองนะครับ..”

ร่างสูงยักไหล่

“ทำไงได้ล่ะ ไม่ให้พักฟรีก็บุญแล้ว ผมแค่ป้องกันไว้เท่านั้น บ้านหลังนี้ผมซื้อไว้เอง จะให้เช่าถูกแพงแค่ไหนเป็นสิทธิ์ของผม ตกลงคุณชอบมั้ย หรืออยากกลับไปอยู่ที่เก่า..”

“เอ่อ.. ชอบครับ แต่ว่าผมรู้สึกเกรงใจมาก มันใหญ่เกินกว่าจะอยู่สองคนอาหลานด้วยครับ..”

อยู่สองคนอาหลาน? แล้วผมล่ะ!!.. พูดแบบนี้แปลว่าคุณไม่นับผมเป็นคนในครอบครัวแล้วเหรอ..”

กานต์รวีตกใจ

“อ๊ะ!!.. เอ่อ.. แต่ว่า.. คุณเป็นเจ้านายนะครับ..”

“แต่เราตกลงคบกันเป็นเพื่อนแล้วไม่ใช่เหรอ และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่คุณจะอยู่ในตำแหน่งเลขาผม ตั้งแต่พรุ่งนี้คุณก็ลาออกมาทำงานอยู่กับบ้านแล้ว..”

“ถึงจะทำงานอยู่กับบ้าน แต่คุณก็เป็นนายจ้างผมนะครับ”

“นายจ้าง?..” ดวงตาคมส่อแววเสียใจ

“ตกลงคุณเห็นผมเป็นแค่เจ้านายหรือนายจ้างเท่านั้นเหรอ.. เกือบครึ่งเดือนที่พักอยู่ด้วยกัน คุณไม่ได้เห็นผมเป็นคนในครอบครัวเลยซีนะ.. ผมอุตส่าห์รักและหลงคิดว่าตัวเองเป็นลุงของโมจิจริงๆ แล้ว แต่จนถึงวันนี้คุณก็ยังเห็นผมเป็นแค่นายจ้าง.. เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว” ร่างสูงผละออกห่างและยืนหันหลังให้พยายามเก็บความรู้สึกน้อยใจของตัวเองไว้

กานต์รวีใจหายเมื่อเห็นอาการเสียใจของอีกฝ่าย นึกโกรธตัวเองที่พูดจาไม่ระวัง ...ตัดรอนความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายยื่นให้ในฐานะเพื่อน..

ร่างเพรียวก้าวพรวดไปยืนประชิดร่างสูง

“ผมไม่ได้คิดว่าคุณเป็นคนอื่นเลยนะครับ ผมขอโทษถ้าทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนของคุณ..”

เตชิตมองกานต์รวีสีหน้าเครียด

“เราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือ วี.. แล้วคุณก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นเพื่อนระหว่างเรา แต่วันนี้คุณกลับพูดโยกโย้เหมือนไม่อยากเป็นเพื่อนกับผม ผมเป็นคนธรรมดานะ ไม่ได้เป็นเจ้าขุนมูลนายใหญ่โตมาจากไหน และถึงเป็นก็ไม่มีความหมายอะไร ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนเราจะถูกชะตาและคบหากันเป็นเพื่อนหรือคนรัก ดูพี่ชายและพี่สะใภ้คุณเป็นตัวอย่างก็ได้.. เขาไม่ยิ่งกว่าเราเหรอ..”

“เอ่อ_ ” กานต์รวียืนตาปริบๆ “นั่นเค้าเป็นคนรักกันนะครับ”

“ก็ใช่น่ะซี!!.. เพราะความจริงใจและความรักที่มีต่อกันทำให้พวกเค้าไม่ยึดถือคำว่าคู่ควรหรือเหมาะสม ถ้าเค้ามีความคิดเหมือนคุณ วันนี้คงไม่มีโมจิให้คุณได้เชยชมหรอก เพราะงั้นระหว่างคุณกับผม จะยึดถืออะไรนักหนา”

“เอ่อ_”

แม้จะงงกับบทสรุปของเตชิตแต่กานต์รวีก็ยินยอมและโอนอ่อนด้วยดี ความจริงใจที่คุณเตชิตหยิบยื่นให้เขาและหลานมาตลอด ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตัวเองก็มีความรู้สึกดีกับเจ้านายหนุ่มผู้นี้

“ก็ได้ครับ งั้นต่อไปนี้เราเป็นเพื่อนกัน”

“ไม่ใช่นะ!!..”

“เอ๊ะ!! อ้าว!!..”

“ผมจะไม่เป็นแค่เพื่อนธรรมดานะ วี.. ผมต้องการเป็น เพื่อนสนิท..”

“เอ่อ_ สะ สะหนิดยังไง_ครับ”

กานต์รวีหน้าเจื่อน รู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อถูกร่างสูงโอบไหล่เข้าไปแนบชิดและยิ้มหวานให้ วันนี้คุณเตชิตเป็นอะไรพูดจาแปลกๆ ไม่พอยังทำอะไรทะแม่งๆ ด้วย

“เพื่อนสนิทไม่รู้จักเหรอ.. เพื่อนที่สนิทกันเหมือนญาติพี่น้อง พึ่งพาและช่วยเหลือกันได้ทุกเรื่อง เข้านอกออกในบ้านได้เหมือนสมาชิกในครอบครัว ที่สำคัญผมต้องเป็นลุงโมจิด้วย..”

กานต์รวีโล่งอกกับคำตอบ พยายามเบี่ยงกายออกจากอ้อมแขนร่างสูงอย่างนุ่มนวล

“ตามใจคุณครับ อยากเป็นอะไรก็เป็น”

“งั้นตกลงพรุ่งนี้เราย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เลย..”

“เรา? หมายถึงผมกับโมจิ ใช่มั้ยครับ”

“ใช่!!.. แต่ผมจะเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาทิ้งไว้ด้วย เผื่อวันไหนนอนค้างที่นี่จะได้มีเสื้อผ้าเปลี่ยน”

“ค้าง? คุณจะนอนที่นี่ด้วยเหรอ..”

“ก็แค่บางวัน มีปัญหาเหรอ.. หรือว่า__”

“เปล่านะครับ แค่ถามเฉยๆ ” เสียงใสโพล่งขัดจังหวะเมื่ออีกฝ่ายชักสีหน้าน้อยใจให้เห็น

“งั้นผมเลือกห้องกลางเป็นห้องนอนของผมกับโมจินะครับ คุณนอนห้องนี้ล่ะกัน มีห้องน้ำด้วย”

“ไม่!!.. นายกับโมจิแหล่ะนอนห้องนี้ เลี้ยงเด็กต้องมีห้องน้ำและระเบียงจะได้สะดวกสบาย”

โทรศัพท์มือถือดัง เตชิตรับสายและเลี่ยงไปยืนคุยที่ระเบียง กานต์รวีเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องนี้เป็นห้องนอนใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงามลงตัว หน้าต่างกระจกบานใหญ่ให้ความรู้สึกโปร่งสบายและช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี เจ้าหน้าที่โครงการส่งแม่บ้านและคนสวนมาช่วยกันทำความสะอาดอย่างเร่งด่วนตามคำสั่งของเจ้าของบ้านซึ่งเป็นเจ้าของโครงการด้วย

กานต์รวีรู้สึกเกรงใจเมื่อเห็นสีหน้าเครียดของเตชิตหลังจบการสนทนา ร่างสูงเดินมาพยักหน้าชวนกลับบริษัท

“มีประชุมด่วนหรือครับ”

“อะฮะ นายไปรับเงินเดือนที่การเงินแล้วกลับขึ้นไปที่ห้องเก็บของเตรียมไว้เลย”

“เอ๋? แต่นี่แค่บ่ายสองเองนะครับ ไหนๆ วันนี้ก็ทำงานวันสุดท้าย ผมขออยู่จนเวลาเลิกงานดีกว่า” ดวงตาคู่สวยเหลือบมองมือใหญ่ที่โอบไหล่ตัวเองขณะพากันเดินไปที่รถ รู้สึกแปลกๆ รีบเดินจ้ำอ้าวให้ถึงรถเร็วๆ

“ไม่จำเป็น ฉันจะลงไปประชุมที่การตลาด กว่าจะเสร็จก็คงเย็น นายพาโมจิกลับขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ”

“เอ่อ__ ก็ได้ครับ”

กานต์รวีนั่งเงียบมาในรถ รู้สึกว่าอีกฝ่ายใช้สรรพนามแทนตัวเปลี่ยนไป จาก ผมและคุณ เปลี่ยนเป็น ฉันกับนาย.. จริงซีนะ!!.. ก็เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่..

กานต์รวีเหลือบมองร่างสูงที่นั่งคุยโทรศัพท์สั่งงานต่อ เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย ปัญหาเรื่องงานก็เยอะอยู่แล้ว เขายังเอาปัญหาส่วนตัวมาสร้างภาระให้อีก

...ขอแค่ผมได้สิทธิเป็นผู้ปกครองโมจิ ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณ ...


 o15



ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #32 เมื่อ23-05-2007 09:54:52 »

เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่กานต์รวีและหลานชายตัวน้อยย้ายมาอยู่บ้านจัดสรรในโครงการรามิลเฮ้าส์ แต่ถึงย้ายห่างออกมาอยู่ตั้งไกลแล้ว เตชิตก็ยังตามมาหากานต์รวีที่บ้านทุกคืนจนนายมนูคนรถนึกแปลกใจกับพฤติกรรมของเจ้านายหนุ่ม ปกติถ้าว่างจะต้องแวะไปสังสรรค์ที่ผับของเพื่อนที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนด้วย แต่ตลอดอาทิตย์นี้เจ้านายเลิกงานเร็วและสั่งให้แวะหาซื้ออาหารเย็นก่อนตรงมาหาคุณกานต์รวีที่บ้านทุกวัน

“ว้าว!!.. จุ๊จู๋ ตัวน้อย ตัวนิด~~ จุ๊จู๋ ตัวน้อย ตัวนิด~~”

เสียงทุ้มอุทานและฮัมเพลงหยอกล้อเจ้าตัวเล็กขณะช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ เตชิตช่วยกานต์รวีดูหลานหลังอิ่มจากอาหารเย็นขณะที่อีกฝ่ายกำลังล้างจานอยู่ในครัว เขาใช้สำลีอนามัยทำความสะอาดก้นนุ่มอย่างทั่วถึง เท้าเล็กถีบอากาศไปมาเหมือนไม่ค่อยชอบใจ เพราะสัมผัสจากมือใหญ่ไม่นุ่มนวลเหมือนที่กานต์รวีทำ

“อย่าถีบซีครับ.. ไม่ชอบที่ลุงว่าจุ๊จุ๋ตัวเล็กเหรอ.. ก็เรายังตัวกะเปี๊ยกอยู่นี่นา อยากให้ตัวใหญ่ก็ต้องกินนมเยอะๆ”

เตชิตสวมผ้าอ้อมและนุ่งกางเกงให้หนูน้อยเสร็จ ก็พยักหน้าพูดคุยด้วย

“สบายตัวแล้ว มาเล่นจ๊ะเอ๋กันต่อมั้ย”

มือใหญ่คว้าหมอนปิดหน้าตัวเองและเปิดออก

“จ๊ะเอ๋!!..”

“ฮะ ฮะ ฮะ”

เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของหลานชายทำให้กานต์รวีซึ่งเสร็จจากธุระในครัวอดยิ้มไม่ได้ (อาวีเดินเข้ามาได้ยินเสียงหัวเราะแต่ไม่ทันได้ยินที่ลุงทาโร่พูดกับหลานเมื่อครู่ ถ้าได้ยินคงยิ้มไม่ออกแน่)

“พอได้แล้วครับ.. หัวเราะมากๆ ตอนกลางคืนตื่นขึ้นมาร้องโยเย ผมไม่ได้นอนมาสองคืนแล้วนะ..”

เตชิตหน้าตื่น หดมือที่รั้งร่างเล็กขึ้นสูงลงสวมกอดไว้แนบอก

“จริงเหรอ!!..”

“ก็จริงน่ะซี.. คุณทำโมจิงอแงมาสองคืนแล้วนะ”

“แล้วทำไมไม่บอกล่ะ ฉันไม่รู้นี่นา”

“ไม่เล่นแล้วนะคร้าบ เดี๋ยวกลางคืนนอนไม่หลับ ร้องไห้กวนอาวี ไม่ดีนะ รู้มั้ย..” เตชิตส่งร่างเล็กให้กานต์รวีอุ้ม

“เอาไปนอนเถอะ ดึกแล้ว”

“คุณจะกลับแล้วเหรอ..”

“ยังหรอก.. เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเอง ฉันขอนั่งอีกสักพัก”

“ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย แต่ขอพาโมจิเข้านอนก่อน ผมชงกาแฟไว้ที่โต๊ะกินข้าว คุณดื่มกาแฟดูทีวีไปพลางๆ ก่อนนะครับ ”

“อะฮะ”

เตชิตมองตามหลังร่างเพรียวของชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไป ไม่อยากเชื่อแค่ได้ซบไหล่อาเท่านั้น ทารกน้อยก็ตาปรือทันที เมื่อครู่ยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่เลย



 o14



ร่างสูงนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา กานต์รวียืนถอนใจ ...บอกให้นั่งดูทีวีคอยไปพลางๆ ไม่ได้บอกให้หลับซะหน่อย... แต่จะว่าไปคืนนี้เขาใช้เวลากล่อมเจ้าตัวเล็กนานกว่าทุกวัน ปกติไม่ถึง 15 นาทีก็หลับแล้ว วันนี้ปาเข้าไปตั้งครึ่งชั่วโมง

“คุณทาโร่...” กานต์รวีก้มลงกระซิบเรียก เมื่ออีกฝ่ายยังนอนนิ่งจึงเขย่าร่างปลุกให้ตื่น

“คุณทาโร่.. กลับไปนอนเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุย..”

เตชิตสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นนั่งงง อึดใจก็ล้มตัวลงนอนใหม่

“เฮ้!.. อย่ามานอนตรงนี้ซี.. ถ้าง่วงก็กลับไปนอน..”

“อือ~~ ไม่กลับอ่ะ ” ดวงตาคมลืมขึ้นมองใบหน้าหวานอย่างอ้อนวอน “คืนนี้ขอนอนด้วยนะวี..”

กานต์รวีเขินจัดกับสายตาและคำพูดออดอ้อน ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนย้อนถามกลับไป

“คุณหมายถึงคืนนี้จะขอนอนที่นี่ใช่มั้ยครับ..”

เตชิตพยักหน้ารับ

“อะฮะ ขอนอนกับคุณที่นี่นะวี..”

“พูดให้ถูกได้มั้ย!!..” เสียงใสแหวใส่ “ขอนอนที่นี่.. ไม่ใช่ขอนอนกับผม”

ร่างสูงลุกขึ้นนั่งยิ้มหวานให้

“ฉันขี้เกียจขับรถกลับอ่ะ ขอนอนที่นี่นะ วี..”

กานต์รวีพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ...เจ้าของบ้านเอ่ยปากขอนอนที่บ้านตัวเอง จะให้ปฏิเสธได้ยังไง...

“ขอบคุณนะ.. ที่ว่ามีเรื่องจะคุยอะไรเหรอ..” เตชิตย้อนถาม หน้าตาสดใสหายง่วงทันที

“คุณไม่ง่วงแล้วเหรอ..” ร่างเพรียวทรุดตัวลงนั่ง

“อะฮะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยเหมือนกัน ว่าเรื่องของนายมาก่อน อยากจะคุยอะไร วี..”

“ศาลนัดไต่สวนคำร้องมะรืนนี้สิบโมงเช้า พรุ่งนี้คุณกรจะมาซักซ้อมว่าผมว่าต้องให้การยังไงบ้าง วันที่ไปศาลคุณว่างมั้ย..”

“ต้องว่างซี ไม่ว่างได้ยังไง พรุ่งนี้เจ้ากรจะมากี่โมง”

“เห็นว่าจะเข้ามาตอนเย็นครับ จะอยู่ทานอาหารเย็นด้วย พรุ่งนี้คุณไม่ต้องซื้อกับข้าวเข้ามานะ ของสดในตู้เย็นเยอะเลย เดี๋ยวผมจะทำอาหารเตรียมไว้ให้”

คิ้วเข้มขมวด

“ทำไมต้องทำให้เหนื่อยด้วย วุ่นวายเปล่าๆ ไอ้กรมันอยากกินอะไรก็ให้มันหาซื้อเข้ามา”

“ทำแบบนั้นได้ยังไงครับ คุณกรช่วยเหลือผมเรื่องคดีนะ แค่อาหารมื้อเดียวต้องให้เขาซื้อเข้ามาน่าเกลียดตายเลย”

“อ้าว!! แล้วทีฉันล่ะ.. เจ้ากรมันสำคัญกว่าฉันงั้นเหรอ..”

“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะ อาหารมื้อพรุ่งนี้ผมตั้งใจจะทำให้คุณด้วย ไม่ได้ทำให้คุณกรกินคนเดียวซะหน่อย”

เตชิตหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ ..รู้สึกไม่ไว้ใจกรัณย์กร นึกถึงข้อต่อรองของเจ้าเพื่อนจอมกะล่อนแล้ว นึกอยากเปลี่ยนทนายขึ้นมาทันที

.... จะว่าไปคุณวีก็น่ารัก เอางี้มั้ย ทาโร่.. ถ้าฉันทำคดีนี้ชนะได้ ฉันขอจีบเลขาของนาย ตกลงมั้ย ...


 o15


กานต์รวีเห็นสีหน้าไม่ชอบใจของอีกฝ่ายก็แกล้งตัดบท

“ก็ได้ ถ้าคุณไม่ชอบ ผมไม่ทำก็ได้”

“ฉันไม่ได้ไม่ชอบ แค่ไม่อยากให้นายเหนื่อย ไหนจะต้องเลี้ยงเจ้าตัวเล็กอีก แต่ถ้าอยากทำก็ทำเถอะ”

“ถ้างั้น คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษบอกมาได้เลย..”

“ขอแค่เป็นฝีมือนาย ฉันกินได้ทุกอย่าง วี..”

กานต์รวีรู้สึกเขิน บ่อยครั้งที่เตชิตใช้คำพูดหวานๆ แบบนี้กับเขา แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็รู้สึกดีด้วย รีบตัดบทเรื่องอาหารไปคุยเรื่องอื่น

“มีอีกเรื่องที่ผมอยากถาม”

“อะไรเหรอ”

“เมื่อไรจะให้งานผมทำซะที ผมอยู่บ้านเฉยๆ เป็นอาทิตย์แล้วนะ”

“อืมม์.. เรื่องนี้แหล่ะที่ฉันอยากจะคุยด้วย พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาเอกสารการเบิกจ่ายของนายเกียรติชัยมาให้ลงบัญชีใหม่ทั้งหมด ฉันต้องเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการโกงกินของหมอนี่รายงานให้พ่อรู้ ถึงท่านจะวางมือแล้วแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลกระทบกับคนในครอบครัว ฉันต้องให้พ่อเป็นคนตัดสินใจว่าจะจัดการยังไงกับหมอนี่”

กานต์รวีพยักหน้ารับ เขารู้ดีว่าปัญหาของคุณเกียรติชัยเป็นปัญหาหนักใจของเตชิตมากกว่าปัญหาเรื่องงาน

“ได้เลยครับ ผมพร้อมจะทำงานแล้ว อยู่ว่างๆ มาหลายวัน เบื่อจะตาย”

“ที่ยังไม่รีบร้อนให้งานเพราะอยากให้นายปรับสภาพกับการอยู่บ้านหลังนี้ เห็นนายอยู่กับโมจิสองคนได้ ฉันก็ดีใจ.. แต่ยังเป็นห่วงว่าถ้าเอางานมาทำ นายจะดูเจ้าตัวเล็กยังไง ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกครับ ผมดูของผมได้ มือนึงอุ้มหลาน อีกมือก็ลงบัญชีไปด้วย ที่นี่เป็นบ้านเราเอง ผมไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครไม่ใช่เหรอ..”

เตชิตหัวเราะเมื่อนึกภาพตามที่อีกฝ่ายพูด คงตลกน่าดู..

“เอางี้ดีกว่า ฉันจะหาเด็กมาอยู่ช่วยเลี้ยงโมจิ และช่วยทำงานบ้านด้วย แบบไปเช้าเย็นกลับจะได้ไม่วุ่นวายเรื่องที่พัก..”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมทำเองได้ ผมต้องประหยัดให้มากที่สุด เก็บเงินที่ต้องจ้างเด็กมาซื้อนมให้โมจิดีกว่า ขอร้องล่ะ.. อย่าเอื้อเฟื้ออะไรผมอีกเลย แค่นี้ก็เกินกำลังผมแล้ว...”

สีหน้าไม่ชอบใจของกานต์รวีทำให้อีกฝ่ายไม่เซ้าซี้ ร่างสูงลุกขึ้นยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต

“ตามใจ งั้นพรุ่งนี้จะให้คนเอางานมาให้ มีเรื่องอะไรจะคุยอีกมั้ย ถ้าไม่มี ฉันขออาบน้ำก่อน ร้อน..”

กานต์รวีลุกพรวดขึ้นยืนเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะถอดเสื้อออกตรงนี้เลย

“เอ่อ.. ขึ้นไปอาบในห้องนอนข้างบนสะดวกกว่าครับ ผมจะไปดูความเรียบร้อยที่ห้องคุณก่อน ไม่รู้ว่าจะนอนวันนี้ ยังไม่ได้ปัดกวาดเลย ”

ร่างเพรียวกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดไป ไม่ฟังเสียงทัดทานจากอีกฝ่ายว่าไม่ต้องวุ่นวายเขานอนได้ เตชิตระบายยิ้มรู้สึกดีที่ได้รับการเอาใจใส่จากชายหนุ่มผู้นี้ ตั้งแต่กานต์รวีพาหลานตัวน้อยย้ายมาอยู่ที่นี่ เขากลับถึงห้องแล้วรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เมื่อก่อนก็อยู่คนเดียวมาตลอด คืนนี้เขาขับรถมาเองเพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะขอนอนที่นี่ ที่บอกกานตร์รวีไปเมื่อครู่ว่าขี้เกียจขับรถกลับ จริงๆ แล้ว ไม่อยากกลับไปนอนเหงาคนเดียวต่างหาก


(นอนเหงาคนเดียว???)



 :bye2:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2007 09:56:26 โดย j-muay »

mu_off

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #33 เมื่อ23-05-2007 10:07:40 »

น่ารักดีนะคับ...  :-[

รอต่อไปคับ.... o14

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #34 เมื่อ23-05-2007 11:24:51 »

น่ารักอะ

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #35 เมื่อ23-05-2007 13:15:26 »

บทที่ 6





เตชิตลอบถอนใจเมื่อเห็นใบหน้าหวานหม่นเศร้าเหม่อมองออกไปนอกรถ รู้สึกโกรธเจ้าคาเบะเพื่อนทนายของเขาที่ปล่อยให้กานต์รวีซึ่งอยู่ในฐานะน้าชายที่เลี้ยงดูทารกน้อยมาตั้งแต่แรกเกิดตกเป็นรองฝ่ายน้าสาว แค่เธอขึ้นให้การด้วยน้ำตานองหน้าว่าเธอและมารดาอยากให้พี่สาวนอนตายตาหลับ และได้รับรู้ว่าทางบ้านให้อภัยและขอรับผิดกับเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา วิธีเดียวที่จะชดเชยความผิดได้คือขอรับอุปการะเลี้ยงดูหลานชายตัวน้อยให้เติบโตขึ้นมาในตระกูลเฉลิมวงศ์อย่างมีความสุข

“อย่าทำหน้าแบบนั้นซี วี.. วันนี้ศาลแค่ไต่สวนคำร้องเท่านั้น เรายังต้องสู้กันอีกหลายยก นายต้องเข้มแข็ง จะหมดกำลังใจตั้งแต่ยกแรกไม่ได้นะ ”

“ถ้าคุณเห็นสีหน้าของศาล คุณก็ต้องรู้สึกเหมือนกับผมตอนนี้ ผมมองออกว่าศาลเห็นใจคุณลดามณีมากกว่าผม ถ้าผมแพ้~~ ผมไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง~~~” กานต์รวีน้ำตาร่วงผล็อยอย่างไม่อาย

เตชิตใจหายวาบ โอบร่างเพรียวเข้ามาซบไหล่และกล่าวปลอบ

“อย่าร้องไห้ วี.. นายจะไม่แพ้.. ขอแค่เข้มแข็งอย่าหมดกำลังใจ ฉันเชื่อว่าโมจิต้องได้อยู่กับนายแน่..”

ใบหน้าหวานพยักตอบรับ คำปลอบที่อ่อนโยนและอ้อมแขนที่อบอุ่นช่วยให้เค้ารู้สึกปลอดภัยและมีกำลังใจขึ้นมาจนไม่อยากผละออก

เตชิตรู้สึกเห็นใจและสงสารกานต์รวี ร่างเพรียวยอมซบนิ่งในอ้อมกอดเหมือนลูกแมวน้อย ทั้งที่ทุกครั้งเวลาถูกเขาโอบกอดมักจะหาทางเบี่ยงตัวหนีตลอด แสดงว่าวันนี้จิตใจคงเหนื่อยล้ามาก สำหรับชายหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ปัญหาการฟ้องร้องแย่งชิงสิทธิในการเลี้ยงดูหลานชายวัยทารกคงเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในชีวิต



 o15



เตชิตพากานต์รวีมาส่งที่บ้าน วันนี้เขาให้อ้อ..แม่บ้านบริษัทที่คุ้นเคยกันมาช่วยดูแลเจ้าตัวเล็ก อ้ออุ้มทารกน้อยยืนรอรับอยู่หน้าระเบียง

“อาวี.. กลับมาแล้ว ดีใจมั้ย โมจิ..”

ร่างเล็กโผเข้าหากานต์รวี ชายหนุ่มรับทารกน้อยเข้ามาสวมกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่

“น้องงอแงรึเปล่า อ้อ..”

“ไม่งอแงเลยค่ะ คุณวี.. เรารู้จักกันจะงอแงได้งัยคะ จริงมั้ย โมจิ.. เรารู้จักกันเนอะ โมจิไม่งอแงกับน้าอ้อหรอก.. ”

แม่บ้านหยอกล้อกับทารกน้อยด้วยความเอ็นดู แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านายที่จ้องมองอยู่ก็รีบเก็บอาการยืนสงบเสงี่ยมทันที

“เอ่อ.. เจ้านายจะกลับบริษัทรึยังคะ”

“ถามทำไม.. ”

“แหะๆ เปล่าค่ะ คือ.. ถ้าเจ้านายกลับหนูก็ต้องตามกลับไปรับใช้ที่บริษัทด้วย..”

“ไม่จำเป็น!!.. เธออยู่นี่ช่วยดูโมจิจนถึงเย็น ไม่ต้องเข้าบริษัท”

เตชิตกล่าวกับแม่บ้านก่อนหันมาบอกกานตร์วี

“ให้อ้ออยู่ช่วยเลี้ยงน้องจนถึงเย็นนะ วี.. นายจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง”

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวกลับบ้านลำบาก”

“อุ๊ย!!.. ลำบากที่ไหนกันคะ บ้านหนูอยู่เลยหมู่บ้านนี้ไปแค่ 3 ป้ายรถเมล์เองค่ะ”

“จริงเหรอ..” กานต์รวีหน้าตื่น “งั้นเราก็อยู่ใกล้กันน่ะซี..”

“ใช่ค่ะ หนูกลับจากที่นี่สะดวกกว่ากลับจากที่ทำงานตั้งเยอะ ถ้างั้นตกลงหนูอยู่จนถึงเย็นเลยนะคะ มาค่ะ หนูอุ้มน้องเอง คุณวีจะได้คุยเรื่องงานกับเจ้านาย..”

อ้อแย่งหนูน้อยไปอุ้มและผละเข้าไปในบ้านอย่างรู้หน้าที่

กานต์รวีหันมายิ้มให้เตชิต

“ขอบคุณครับ คุณทาโร่..”

คิ้วเข้มเลิกขึ้น “เรื่องอะไร ?”

“ขอบคุณทุกๆ เรื่องที่คุณเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือผม ขอบคุณที่ไปศาลเป็นเพื่อนผมวันนี้ ขอบคุณสำหรับคำปลอบโยนและให้กำลังใจ ผมจะไม่ลืมบุญคุณของคุณเลย”

คิ้วเข้มขมวดไม่ชอบใจกับประโยคสุดท้าย

“เฮ้!!.. เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เพื่อนต้องช่วยเพื่อน นายเดือดร้อนจะให้ฉันอยู่เฉยได้ยังไง ห้ามคิดเป็นบุญคุณอีกนะ!!..”

กานต์รวีหน้าจ๋อย เตชิตจึงตัดบทเสียงอ่อนลง

“ฉันมีประชุมตอนบ่าย แต่อยากกินข้าวกลางวันกับนายที่บ้านก่อน มีอะไรกินรึเปล่าถ้าไม่มีให้อ้อไปหาซื้ออะไรง่ายๆ มากินกัน ก๋วยเตี๋ยว ผัดซีอิ้ว หรือราดหน้าก็ได้ นายอยากกินอะไร วี..”

ร่างสูงโอบไหล่ร่างเพรียวพาเดินเข้าบ้าน



 o15



“ถ้าวีต้องเสียหลานไป ฉันตัดเพื่อนกับนายแน่ คาเบะ..”

“เฮ้ย!!.. นี่นายเห็นเพื่อนใหม่อย่างคุณวี สำคัญกว่าเพื่อนที่คบกันมา 15 ปี อย่างฉันหรือวะ ทาโร่.. คดีแบบนี้โอกาสจะแพ้หรือชนะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของทนายอย่างเดียวนะโว้ย มันอยู่ที่ความพร้อมของคู่ความด้วย คุณวีมีข้อจำกัดในเรื่องความพร้อมหลาย ๆ เรื่อง การเป็นฝ่ายเลี้ยงดูเด็กมาตั้งแต่เกิดก็ไม่ได้ทำให้คุณวีได้เปรียบกว่าคุณลดามณี ยิ่งเด็กยังอยู่ในวัยทารกด้วยแล้ว หลายคดีที่ผ่านมาดุลยพินิจของศาลมักตัดสินให้คู่ความฝ่ายหญิงได้เลี้ยงดูเด็ก..

ไม่ใช่ฉันไม่พยายามที่จะช่วยหรือไม่ใส่ใจกับคดีนี้.. เพราะเห็นกับความเป็นเพื่อนของเราฉันถึงรับทำคดีให้ แต่ถ้าคุณวีเป็นฝ่ายแพ้แล้วนายคิดจะตัดเพื่อนกับฉันล่ะก็ ฉันขอโอนคดีให้ทนายคนอื่นดีกว่า”

เตชิตยอมรับว่าตัวเองเอาแต่ใจและใส่อารมณ์กับเพื่อนมากไป แต่จะทำยังไงได้ล่ะ!!.. เขาร้อนใจกับเรื่องนี้มากเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของกานต์รวี

“ขอโทษโว้ย คาเบะ.. ฉันพูดด้วยอารมณ์ ยังไงก็เลิกคบนายไม่ได้หรอก นายยังเป็นลูกหนี้ฉันอยู่ ถ้าจะเลิกคบอย่างน้อยต้องรอให้นายจ่ายเงินฉันหมดก่อน พูดแล้วก็ขอด่าหน่อย ไอ้หน้าด้าน!! ไม่ยอมจ่ายหนี้ฉันแต่มีเงินเปลี่ยนรถใหม่เนี่ยนะ.. ”

กรัณย์กรหัวเราะก๊าก ถูกเพื่อนทวงตังค์กลับไม่รู้สึกบีบคั้นเท่ากับถูกกดดันเรื่องคดี

“เออน่า.. ฉันไม่เบี้ยวนายหรอก ทาโร่.. มีเงินเมื่อไรฉันจ่ายแน่.. เรื่องคดีเอาเป็นว่าฉันจะพยายามจนสุดความสามารถ ขั้นตอนการสืบพยานอาจทำให้ศาลเห็นใจและเข้าข้างคุณวีก็ได้ แต่ยังไงนายต้องให้เค้าเผื่อใจไว้ด้วย อยากให้คิดในทางที่ดีว่าฝ่ายโน้นไม่ใช่ใครอื่น เด็กเป็นสายเลือดของตระกูลเฉลิมวงศ์ พวกเขาต้องเลี้ยงดูหลานได้อย่างดีไม่น้อยกว่าที่คุณวีเลี้ยงดูแน่.. หากผลชี้ขาดของศาลฝ่ายโน้นได้ตัวเด็กไป ถ้าคุณวีจะสู้ต่อ จะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า ถ้ายื่นอุทธรณ์ขอเป็นผู้ปกครองร่วมหรือต่อรองขอมีสิทธิในการเลี้ยงดูเด็กร่วมกับฝ่ายโน้น..”

เตชิตถอนใจเฮือกใหญ่ไม่ค่อยชอบใจกับข้อแนะนำของกรัณย์กร และขนาดเขายังรับไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะให้กานต์รวีเผื่อใจยอมรับความพ่ายแพ้ได้



 o15



กานต์รวียืนรดน้ำต้นไม้ด้วยสีหน้าเหม่อลอย แม้อากาศในยามเช้าจะสดชื่นแต่จิตใจกลับไม่เบิกบานแจ่มใส เมื่อคืนเขาฝันร้ายมากๆ ฝันว่าเขาแพ้คดีและถูกคุณลดามณีแย่งโมจิไปจากอ้อมกอด เขาพยายามจะแย่งคืนแต่กลับโดนรุมทำร้าย ในฝันเขาร้องไห้อย่างหนักจนหายใจไม่ออกและตกใจตื่น แต่ตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังหายใจไม่ออกอยู่ และพบว่าหมอนที่หนุนนอนอยู่เปียกชุ่มด้วยน้ำตา

ติ๊งต่อง!! ติ๊งต่อง!!

ร่างเพรียวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง คิ้วเรียวขมวดเมื่อเห็นว่าใครมาหาแต่เช้า กานต์รวีโยนสายยางลงที่พื้นสนามและเดินไปปิดน้ำก่อนตรงไปที่ประตูรั้วพยักหน้าให้ผู้มาเยือน

“มาทำไมแต่เช้า ”

“มาทำงานซีคะ ถามได้..”

“ทำงาน? ที่นี่เหรอ..”

“ใช่ค่ะ เจ้านายให้หนูมาทำงานที่นี่ บอกว่าให้หนูทำงานนอกสถานที่แต่ยังเป็นลูกจ้างบริษัทเหมือนเดิมค่ะ”

“ทำงานที่นี่?..”

“ใช่ค่ะ..”

“ทำอะไร!!.. ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำ.. กลับเข้าบริษัทไป!!.. ” กานต์รวีเสียงขุ่นกลับไป ไม่ชอบคำสั่งที่เอาแต่ใจแบบนี้

แม่บ้านหน้าเหรอ

“หนูกลับไม่ได้หรอกค่ะ คุณวี.. คำสั่งเจ้านายให้หนูมาเป็นแม่บ้านที่นี่ชั่วคราว คุณวีต้องคุยกับเจ้านายเองนะคะ เปิดประตูให้หนูเข้าไปเถอะค่ะ”

กานต์รวีส่ายหน้าเหนื่อยใจแต่ก็ยอมเปิดประตูให้ รู้สึกไม่ชอบใจเตชิต ถึงจะเป็นเจ้านายใหญ่แต่เอาคนของบริษัทมาช่วยทำงานส่วนตัวที่บ้านมันไม่ถูกต้อง

...นิสัยคุณไม่เปลี่ยนเลย ตัดสินใจเองทุกเรื่องโดยไม่ถามความเห็นผมสักคำ ปากบอกว่าอยากเป็นเพื่อน แต่การกระทำของคุณไม่ใช่เลย.. ผมจะไม่เรียกคุณทาโร่.. อีกแล้ว คนอย่างคุณเป็นได้แค่เจ้านายเท่านั้น...

แต่แล้ววันนี้ทั้งวันกานต์รวีแทบไม่มีเวลาเลี้ยงหลาน เตชิตโทรมาหาตอน 9 โมงเช้า บอกว่ามีประชุมด่วนตอน 11 โมง ขอตัวเลขค่าใช้จ่ายที่นายเกียรติชัยใช้ไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เขารู้ว่ากานต์รวียังทำไม่เสร็จเพราะเพิ่งได้รับงานมาเมื่อวานซืน จึงขอแค่ตัวเลขเพื่อเป็นข้อมูลเข้าที่ประชุม กานต์รวีเข้าใจปัญหาและรับปากว่าจะพยายามทำให้ทัน รู้แล้วว่าทำไมเตชิตจึงส่งอ้อมาช่วยงานที่บ้าน กานต์รวีให้อ้อช่วยเลี้ยงน้อง ในขณะที่ตัวเองนั่งทำบัญชีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 11 โมง และโทรรายงานตัวเลขให้ท่านประธานรามิลได้ทันก่อนเข้าประชุม

เสร็จจากงานบัญชียังไม่ทันได้นั่งเล่นกับหลานให้หายเหนื่อย กรัณย์กรก็แวะมาคุยเรื่องคดี กานต์รวีแนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่อพาร์ทเมนท์เก่าและพยาบาลประจำห้องคลอดที่เขาคุ้นเคยด้วย ตอนพาโมจิไปฉีดวัคซีนมักจะแวะไปหาและถามปัญหาเรื่องเลี้ยงเด็กกับเธอ กรัณย์กรไม่เคยมีโอกาสนั่งพูดคุยตามลำพังกับกานต์รวีโดยไม่มีเตชิตนั่งเฝ้าอยู่ วันนี้เป็นโอกาสเหมาะและยังมีแม่บ้านมาช่วยเลี้ยงหลานให้ กรัณย์กรจึงชวนลูกความหนุ่มของเขาออกไปพบคนที่จะมาช่วยเป็นพยานในคดี



 o15


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #36 เมื่อ23-05-2007 13:20:42 »

ร่างสูงผุดลุกผุดนั่งเดินไปมาด้วยความร้อนใจ เขาออกจากห้องประชุมบ่าย 2 โมง รู้สึกล้าและเหนื่อยใจกับปัญหาจนไม่สามารถนั่งอยู่ในห้องทำงานได้ จึงออกจากบริษัทและตรงมาที่บ้านเพื่อหวังจะได้ผ่อนคลายอารมณ์กับอาหลานที่แสนจะน่ารัก แต่กลับพบแม่บ้านอยู่ตามลำพังกับเจ้าตัวเล็ก

“คุณวีออกไปข้างนอกกับคุณทนายตอน 11 โมงค่ะ.. ให้เรียนเจ้านายว่าจะไปคุยกับคนรู้จักให้ช่วยมาเป็นพยานในคดีค่ะ ”

...นี่มันปาเข้าไป 4 โมงเย็นแล้ว ไอ้กรมันพาวีไปหาพยานถึงไหนวะ!!.. ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก โทรไปก็ฝากข้อความทั้งคู่ แกนะแก.. ไอ้คาเบะ.. ดอดมาพาคนของฉันออกไปโดยไม่ขออนุญาตก่อน ไอ้ลูกหมา!!...    o12



เกือบ 5 โมงเย็น

กรัณย์กรพากานต์รวีมาส่งที่หน้าประตูบ้านและบึ่งรถออกไปเลย เขาไม่ยอมเข้าบ้านเพราะเห็นรถเตชิตจอดอยู่ ก็รู้ว่าเพื่อนต้องนั่งคอยด้วยอารมณ์โกรธ ขืนเข้าไปตอนนี้มีหวังน่วมแน่ รอให้อารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยโทรมาคุย..

“หวัดดีคร้าบ~~ มานานแล้วเหรอ..”

เสียงใสร้องทักมาก่อนตัว ร่างสูงนั่งนิ่งพยายามข่มความโกรธไว้ แต่เมื่อเห็นกานตร์รวีถือถุงพะรุงพะรังเดินยิ้มหวานเข้ามา ภาพไอ้เพื่อนจอมแสบเดินเคียงกับกานต์รวีช่วยกันเลือกซื้อของก็ฉายซ้อนขึ้นมา อารมณ์โกรธที่กรุ่นอยู่ภายในระเบิดขึ้นทันที

“ไปหาพยานกันถึงไหน กลับมาป่านนี้!!.. ทิ้งหลานให้อยู่กับแม่บ้านครึ่งค่อนวัน เป็นอาประสาอะไร!!.. ”  :o

ร่างเพรียวสะดุ้งกับเสียงตวาดสีหน้าเจื่อนลงรีบวางของลงกับพื้น

“เอ่อ.. ผ.. ผมไปธุระกับคุณกรเรื่องคดี เสร็จตั้งแต่บ่าย 2 แล้ว ผมไม่ได้อยากทิ้งหลาน~~ แต่ไหนๆ ออกข้างนอกแล้วก็เลยแวะซื้อของในซุปเปอร์ด้วย แต่ขากลับรถมันติดมากก็เลยถึงบ้านเย็นไปหน่อย ผมไม่รู้ว่าคุณจะมาเร็ว ~~ ผมขอโทษ ~~ ” เสียงใสสั่นเครือด้วยความเสียใจที่ถูกหาว่า ..เป็นอาประสาอะไร!!..

เตชิตตกใจที่ใส่อารมณ์จนชายหนุ่มน้ำตาคลอ ร่างสูงก้าวพรวดไปยืนตรงหน้ากล่าวขอโทษเสียงอ่อน

“ฉันไม่ได้ตั้งใจดุนายนะวี.. ฉันเป็นห่วง หายไปหลายชั่วโมง พยายามโทรหาก็ติดต่อไม่ได้..”

“โทรศัพท์ผมเสียครับ ของคุณกรก็แบตหมดพอดี ผมกะจะโทรบอกคุณก่อนออกไปแล้วแต่ผมเกรงใจ.. เห็นคุณประชุมอยู่ไม่อยากรบกวน..”

เตชิตคลายอารมณ์โกรธลงแต่ความรู้สึกน้อยใจแทรกเข้ามาแทนที่

“ระหว่างเรายังมีเรื่องที่ต้องคิดว่าเป็นการรบกวนอีกเหรอ.. แค่โทรเข้ามือถือฉันบอกว่าจะไปหาคนมาเป็นพยานในคดีกับคาเบะ ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าคดีนี้สำคัญกับนายมากแค่ไหน ต่อให้โทรแทรกขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังพูดอยู่ในที่ประชุม ฉันก็ไม่รู้สึกว่าถูกนายรบกวนสักนิด ถ้าเทียบกับการที่นายชวนไอ้กรไปเดินซื้อของในซุปเปอร์แล้ว รู้มั้ยว่านั่นเป็นการรบกวนเวลามีค่าของทนายความชื่อดังอย่างเจ้าหมอนั่นแค่ไหน.. แต่นายกลับไม่คิดว่าเป็นการรบกวน ทีกับฉันซึ่งเป็น เพื่อนสนิท ของนาย นายกลับคิด..”

ร่างสูงผละไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะและชูซองเอกสารให้ดู

“ในนี้มีรายการค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของนายเกียรติชัย ช่วยลงเพิ่มเข้าไปด้วย วันนี้ฉันกลับก่อน ถ้ามีงานด่วนอะไรจะโทรหา.. แต่คิดว่าคงไม่มี”

กานต์รวียืนนิ่ง รู้สึกเสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก เมื่อเตชิตก้าวผ่านก็ถูกร่างเพรียวสวมกอดจากด้านหลังรั้งไว้ไม่ให้ไป

“ไม่นะ!!.. ทาโร่.. คุณจะกลับได้ยังไง ผมเพิ่งกลับมาถึง เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ”

ร่างสูงชะงักเท้าร่างกายร้อนวูบ น้ำเสียงอู้อี้ตัดพ้อไม่ให้ไปทำเอาจิตใจอ่อนยวบ ถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“นายอยากให้ฉันอยู่เหรอ..”

“อยากซี.. ผมอยากให้คุณอยู่ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลย ผมซื้อกับข้าวมาทำอาหารเย็นให้คุณกินด้วยนะ..”

..อา!!.. หัวใจเตชิตพองโตแทบคับอก หันกลับไปโอบร่างเพรียวไว้ในวงแขน

“ฉันก็ยังไม่อยากกลับ มีหลายเรื่องอยากจะคุยกับนาย แล้วฉันก็อยากกินอาหารเย็นฝีมือนายด้วย”

“แปลว่าคุณไม่โกรธผมแล้วใช่มั้ย..”

“ฉันไม่ได้โกรธ.. แค่น้อยใจนิดหน่อยเท่านั้น.. ”

กานต์รวีทำหน้าทะเล้นใส่

“แปลกจัง หัวคุณก็ไม่ล้านซะหน่อย ทำไมถึงขี้น้อยใจได้ก็ไม่รู้เนอะ..”

คิ้วเข้มขมวด มือใหญ่บีบแก้มใบหน้าหวานกึ่งหยอกกึ่งลงโทษ

“ก็เพราะปากนี้ไง!.. ที่พูดให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น ไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวสำหรับนาย..”

“อื้อ~~ เจ็บนะ”

เตชิตคลายมือที่บีบแก้มแต่ไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่โอบร่างเพรียวไว้

“แล้วทีคุณล่ะ มาดุว่าผมทิ้งหลาน เป็นอาประสาอะไร!!..”

“ฉันขอโทษ.. ฉันโมโหหวงก็เลยพูดออกไปด้วยอารมณ์ ฉันไม่อยากให้นายไปเดินช้อปปิ้งซื้อของกับใครนอกจากฉัน”

กานต์รวีหน้าร้อนวูบกับคำพูดแปลกหู เพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกร่างสูงโอบกอดแนบชิดเกินไปแล้ว สองมือดันอกกว้างไว้และเบี่ยงกายออก

“เอ่อ.. ผมไม่โกรธคุณหรอก ถ้างั้นเราหายกันนะ นี่ 5 โมงเย็นแล้ว อ้อยังอยู่กับโมจิรึเปล่าครับ” กานต์รวีตัดบทถามหาหลาน

“อะฮะ ดูน้องอยู่ข้างบน”

“งั้นเดี๋ยวผมไปดูต่อเอง ”

ร่างเพรียวหยุดชะงักขณะจะก้าวขึ้นบันได

“จริงซี!!.. ผมเข้าใจว่าคุณห่วงผม แต่ผมไม่ได้ไปกับคนแปลกหน้า ผมไปกับทนายเพื่อนของคุณ ต่อไปอย่าโมโห หวง__ เอ่อ.. แบบนี้อีกนะ”

คิ้วเข้มขมวดมองตามหลังร่างเพรียววิ่งขึ้นบันไดไป

...ก็เพราะไปกับหมอนี่น่ะซี ฉันถึงเป็นห่วง ถ้าไม่อยากให้ฉันโมโหแบบวันนี้ก็อย่างทำอีก เพราะครั้งหน้า ความรู้สึกฉันอาจไม่ใช่แค่หวง..


 o15



ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #37 เมื่อ23-05-2007 13:26:23 »


บทที่ 7



“อะไรครับ”

“เจ้านายฝากมาให้ครับ บอกว่าให้เอามาเปลี่ยนเครื่องเก่าที่เสีย”

กานต์รวีรับโทรศัพท์มือถือจากนายมนูคนรถ เขาจำได้ว่ามันเป็นโทรศัพท์เครื่องที่เตชิตใช้อยู่

“อ้าว!.. แล้วคุณทาโร่ เอ่อ.. คุณเตชิตจะใช้อะไรล่ะครับ”

“ท่านเปลี่ยนเครื่องใหม่ครับ เลยเอาเครื่องนี้ให้คุณยืมใช้ก่อน งานที่จะเอาไปให้ท่านมีแค่ 2 แฟ้มนี้หรือครับ”

“ครับ แล้วท่านมีงานใหม่ฝากให้ผมรึเปล่า”

“ไม่มีครับ บอกให้มารับเฉยๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ”

“ครับ”

ร่างเพรียวนั่งกอดอกจ้องมองโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะ จำได้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เตชิตเพิ่งซื้อใหม่ตอนเขามาทำงานได้แค่ 3 วัน

...คุณรู้ว่าผมจะต้องโกรธถ้าซื้อเครื่องใหม่ให้ เลยเปลี่ยนของตัวเองและเอาเครื่องเก่าให้ผมยืมใช้ คิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะไม่โกรธงั้นเหรอ...



 o15



“จ๊ะเอ๋!!..”

^____^


เสียงหยอกล้อของชายหนุ่มสลับกับเสียงหัวเราะของทารกวัย 8 เดือน กานต์รวีนั่งเล่นกับโมจิแก้เซ็ง เขารองานจากเตชิตมา 4 วันแล้ว และเป็น 4 วันที่เขาอยู่บ้านเลี้ยงเจ้าตัวเล็กอย่างเดียวจริงๆ เพราะนอกจากไม่มีงานทำแล้ว ยังมีแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดและทำอาหารให้อีก เป็นชีวิตสุขสบายที่ทำให้เขาร้อนใจจนนั่งไม่ติด

“อ้อ..”

“ขา~~ คุณวี..” แม่บ้านรับคำเสียงหวานขณะกำลังพับผ้าอ้อม

“พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้ามานี่นะ”

“อ้าว! ทำไมล่ะคะ”

“อ้อมาแล้วผมจะทำอะไรล่ะ สองสามวันนี้เจ้านายไม่มีงานให้ทำ ผมยิ่งว่างใหญ่”

“ว่างก็ดีซีคะ คุณวีจะได้ถือโอกาสพักผ่อนให้สบาย”

“พักอะไรกันเล่า!!.. ไม่มีงานทำจะรู้สึกสบายได้ยังไง เธอลองไม่มีงานทำดูบ้างมั้ย จะได้รู้ว่าสบายรึเปล่า.. ”

“หวาย!!.. ไม่เอาหรอกค่ะ คุณวีอยากให้หนูเข้าออฟฟิศก็ต้องโทรบอกให้เจ้านายอนุญาตก่อนนะคะ ถ้าเจ้านายไม่ได้สั่ง หนูก็ต้องมาทำงานที่นี่ค่ะ”

กานต์รวีถอนใจเฮือก ถ้าเขาโทรหาเตชิตได้คงไม่นั่งว่างแบบนี้หรอก จากที่เคยเจอกันทุกวันตอนเย็น วันนี้เป็นวันที่ 4 แล้วที่เตชิตเงียบหายไป สองวันแรกนายมนูโทรมาแจ้งว่าท่านประธานมีประชุมทั้งวันและยังมีประชุมต่อนอกรอบจนถึงค่ำ วันถัดมาเลขาส่วนตัวคนใหม่โทรมาแจ้งว่า คุณเตชิตมีนัดทานมื้อเย็นกับลูกค้า และเมื่อครู่ก็โทรมาอีกบอกว่าเจ้านายไม่ว่างตลอดสัปดาห์นี้มีธุระสำคัญอะไรให้สั่งไว้ เขาขอคุยสายด้วยเพราะต้องการถามเรื่องงานก็ได้คำตอบว่าติดประชุมอยู่

ตั้งแต่รู้จักและทำงานกับประธานรามิลกรุ๊ป ในฐานะเลขาส่วนตัวจนความสัมพันธ์เปลี่ยนเป็นเพื่อนสนิทในวันนี้ เวลาผ่านมาร่วมสองเดือนแล้ว ไม่มีช่วงเวลาใดที่กานต์รวีไม่ได้พบเจอหรืออยู่ห่างจากชายหนุ่มผู้นี้เกิน 2 วันเลย ยิ่งในช่วงสัปดาห์แรกที่เขาย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ เตชิตแวะมากินข้าวเย็นกับเขาและโมจิทุกวัน และยังเคยนอนค้างที่นี่ถึง 2 ครั้ง

นี่เป็นครั้งแรกที่กานต์รวีไม่ได้พบปะและพูดคุยกับเตชิตนานถึง 4 วัน แต่ถึงไม่ได้พูดคุยด้วย เขาก็ยังได้รับการติดต่อและแจ้งข่าวจากคนรถและเลขาทุกวัน เขาเข้าใจและเห็นใจกับภาระหน้าที่ของเตชิตในฐานะประธานรามิลกรุ๊ป ที่ผ่านมาเตชิตจะเป็นฝ่ายโทรหาเขาทุกครั้ง ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเงียบไปเพราะยุ่งอยู่กับงาน กานต์รวีจึงได้แต่เฝ้ารอการติดต่อกลับมาอย่างเงียบๆ แต่นึกไม่ถึงว่าการเป็นฝ่ายนั่งเฝ้ารอจะทำให้ความรู้สึกของตัวเองสับสนและนึกโต้แย้งการกระทำของอีกฝ่ายจนเกิดความหงุดหงิดในใจ

...ไหนบอกว่าเป็นเพื่อน คนเป็นเพื่อนกันเขาไม่เงียบหายกันไปแบบนี้หรอก ยกหูโทรหาแค่ 2-3 นาที จะเสียเวลางานแค่ไหนเชียว...



 o15



5 ทุ่มคืนนั้น กานต์รวีตัดสินใจโทรเข้ามือถือเตชิต เสียงเรียกดังอยู่นานจนกานต์รวีเกือบจะวางสาย

“ฮาโหล~~” เสียงงัวเงียตอบกลับมาทำเอากานต์รวีหัวใจเต้นแรง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นด้วย

“เอ่อ.. ผมวีครับ คุณหลับแล้วเหรอ ทาโร่..”

ปลายสายเงียบไปอึดใจก่อนตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงง่วงงุนเหมือนเดิม

“อือ~~ ทำไมนายยังไม่นอน โมจิงอแงเหรอ..”

“เปล่าครับ แกหลับแล้ว”

“อือ~~ นายเป็นยังไงบ้าง เรื่องคดีมีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“ไม่มีครับ ตกลงผมได้คุณพยาบาลเป็นพยานแค่คนเดียว คุณรสาพี่เลี้ยงเด็กที่อพาร์ทเม้นท์เก่าเค้าไม่อยากวุ่นวายขึ้นโรงขึ้นศาลก็เลยปฏิเสธ แต่คุณกรบอกว่าไม่เป็นไร มีพยานคนเดียวก็พอครับ ฮาโหล!!.. คุณฟังอยู่รึเปล่า..”

ปลายสายเงียบกริบจนกานต์รวีนึกว่าหลับ

“อือ~~ ฟังซี.. ศาลนับสืบพยานเมื่อไรบอกล่วงหน้าด้วยล่ะกัน จะได้เคลียร์งานไว้ให้”

“ครับ เป็นวันไหนเดี๋ยวคุณกรจะบอกอีกที เอ่อ.. ทาโร่.. คือ.. ช่วงนี้คุณงานยุ่งเหรอ..”

“อะฮะ บริษัทจะเปิดโครงการที่เชียงใหม่มีประชุมทุกวันเลย ช่วงเย็นยังต้องอยู่คุยนอกรอบกับทีมงานวิศวกรและสถาปนิก ฉันไม่มีเวลาเข้าไปหานายเลย ขอโทษด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากโทรมาให้รู้ว่าคุณสบายดี ถ้ายังไงก็อย่าหักโหมนะครับ รักษาสุขภาพด้วย จริงซี!!.. มีงานอะไรให้ผมช่วยแบ่งเบามั้ย ตอนนี้ผมอยู่ว่างมากเลย เบื่อจะแย่อยู่แล้ว”

“โอ!!.. งานของนายเหรอ อือ~~ พรุ่งนี้เย็นฉันจะเอาเข้าไปให้ละกัน”

“จริงเหรอครับ.. พรุ่งนี้คุณจะเข้ามาเองเหรอ.. งั้นผมทำอาหารเย็นรอนะ” เสียงใสตื่นเต้น แอบซ่อนความดีใจไว้ไม่อยู่

“อะฮะ ที่จริงฉันไม่อยากให้วุ่นวายเรื่องอาหาร แต่ถ้าอยากทำก็ตามใจ ตอนนี้ดึกมากแล้ว เข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน กู๊ดไนท์ วี..”

“กู๊ดไนท์ครับ คุณทาโร่..”

ใบหน้าหวานแย้มยิ้ม เป็นครั้งแรกที่คุยสายกับผู้ชายคนนี้แล้วรู้สึกตื่นเต้น วางสายไปแล้วหัวใจยังเต้นรัวอยู่เลย

คืนนั้นกานต์รวีนอนคิดถึงรายการอาหารมื้อเย็นที่จะทำให้เตชิต กว่าจะม่อยหลับก็เกือบเที่ยงคืน



 o15


“คุณวีทำอาหารเก่งจังเลยนะคะ ถ้าหนูยังไม่มีแฟน หนูต้องจีบคุณวีแน่ๆ ”

แม่บ้านอุ้มหนูน้อยยืนดูกานต์รวีทำอาหาร และคอยเป็นลูกมือช่วยหยิบของให้

“พี่ชายผมเป็นเชฟมือหนึ่งของห้องอาหารในโรงแรม ผมเรียนรู้การทำอาหารจากเขา”

“เชฟ? อ๋อ~~ ที่แปลว่าหุ่นซาเลนเดอร์เหรอคะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการทำอาหารคะ ”

กานต์รวีหัวเราะก่อนอธิบายให้ฟัง วันนี้เขาขอให้อ้ออยู่เลยเวลา เพราะต้องให้ช่วยเลี้ยงหลานขณะที่เขาเข้าครัวทำกับข้าว วันนี้เขาทำกับข้าว 4 อย่างล้วนแต่เป็นอาหารที่คุณทาโร่ชอบ ปูผัดผงกะหรี่ ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ยำถั่วพลูและซุปไก่น้ำใส

กานต์รวีปิดฝาหม้อซุบและถอดผ้ากันเปื้อนออก เดินไปหยิบเงินส่งให้แม่บ้าน

“ให้หนูทำไมคะ”

“ค่ารถไง เย็นมากแล้วนั่งแท็กซี่กลับจะได้ไม่เสียเวลา”

“นั่งทำไมคะแท็กซี่ บ้านหนูอยู่เลยไป 3 ป้ายเอง แต่ถ้าคุณวีให้หนูก็รับค่ะ”

แม่บ้านส่งร่างเล็กให้กานต์รวีอุ้มและขอตัวกลับบ้าน

ร่างเล็กจ้ำม่ำออกอาการดีใจที่ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดอา กานต์รวีหอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่

“คิดถึงลุงทาโร่มั้ย โมจิ.. ไม่ได้เจอกันหลายวัน วันนี้ต้องถูกลุงฟัดแน่ เราไปอาบน้ำปะแป้งให้หอมๆ กันก่อนดีกว่าเนอะ”



 o15


ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #38 เมื่อ23-05-2007 13:30:13 »

กานต์รวีเหลือบมองเวลาที่ผนัง อีก 15 นาที จะหนึ่งทุ่มแล้ว

...ทำไมยังมาไม่ถึงอีก หรือว่างานยุ่งจนปลีกเวลามาไม่ได้ คงไม่หรอกมั้ง รับปากแล้วว่าจะเข้ามาก็แปลว่าต้องมาได้ สงสัยรถคงติดมั้ง...

ร่างเพรียวลุกพรวดขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ชะเง้อดูก็แย้มยิ้มด้วยความดีใจก่อนก้มลงอุ้มร่างเล็กที่นั่งเล่นอยู่ในรถเข็นขึ้นมา

“คุณลุงมาแล้ว ไปรับลุงทาโร่กัน โมจิ..”

คิ้วเรียวขมวดเมื่อพบว่าเตชิตไม่ได้มาคนเดียว ร่างสูงเดินเคียงมากับหญิงสาวรูปงาม ชุดที่เธอสวมเหมือนกับจะไปออกงานกาล่าดินเนอร์

“หวัดดีครับ” กานต์รวีเอ่ยทักก่อนตามมารยาท

“คอยนานรึเปล่า วี.. พอดีแวะรับคุณภาศิรา ก็เลยมาช้าหน่อย”

“สวัสดีค่ะ คุณเลขา จำภาได้มั้ยคะ”

หญิงสาวเอ่ยทักเสียงหวาน กานต์รวียืนงงอยู่อึดใจก็จำได้ว่าเธอเป็นแขกคนสำคัญที่ประธานเตชิตเคยรับรองในห้องทำงานอย่างสนิทสนม

“จำได้ครับ สวัสดีครับคุณภาศิรา” กานต์รวีน้อมศีรษะทักทายอย่างมีมารยาท เขาอุ้มหลานอยู่ไม่สามารถยกมือไหว้ได้

“หลานน่ารักจังเลยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเคยเห็นแว่บๆ ที่ทำงานด้วย กี่เดือนแล้วคะเนี่ย..”

“จะแปดเดือนแล้วครับ”

“จ้ำม่ำน่ารักจริงๆ ด้วยค่ะ ทาโร่.. ถ้าน้าสาวชนะคดีแล้วได้ตัวแกไป คุณวีคงเสียใจแย่เลยนะคะ”

“ไม่มีทาง ยังไงวีก็ต้องชนะ ผมให้เจ้ากรดูแลคดีนี้ สั่งมันแล้วว่าแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ”

กานต์รวีตกใจ นึกไม่ถึงว่าเตชิตจะเล่าเรื่องส่วนตัวของเขาให้เธอฟัง

“คุณภาเป็นเจ้าของบริษัท แลนด์สเคป รับจัดสวนในโครงการรามิลกรุ๊ป เธอมีงานบัญชีให้คุณทำ..”

ร่างเพรียวยืนนิ่ง คำเรียกชื่อที่แสดงความสนิทสนมระหว่างคนทั้งสอง ในขณะที่คำเรียกแทนตัวเขาเปลี่ยนจากนายเป็น ‘คุณ ’ ทำให้กานต์รวีรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเตชิตย้อนกลับไปสู่จุดเดิม ตอนนี้ร่างสูงตรงหน้าอยู่ในฐานะเจ้านาย ส่วนเขาเป็นเพียงลูกจ้างเท่านั้น

กานต์รวีกอดร่างเล็กในอ้อมแขนแน่นขึ้นเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง โมจิเห็นหน้าเตชิตก็โผเข้าหาจะให้อุ้มด้วยความคุ้นเคย กานต์รวีรีบรั้งร่างเล็กไว้และก้าวถอยออกมา

...อย่า!! ลูก.. วันนี้เขาไม่ใช่ครอบครัวของเรา...

“เชิญเข้าบ้านก่อนครับ.. ผมเตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว”

“โอ! ขอโทษด้วยวี.. พอดีคุณภาชวนไปดูแฟชั่นโชว์ ผมมีนัดกับคุณก็เลยแวะเข้ามาก่อน แต่คงไม่ได้อยู่กินข้าวด้วย”

ทั้งที่รู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างมากแต่กานต์รวีก็ยิ้มให้คนทั้งคู่และเชื้อเชิญเข้าไปนั่งในบ้านตามมารยาท

“ไม่เป็นไรครับ งั้นเชิญนั่งก่อน.. คุณภาจะดื่มอะไรดีครับ..”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณวี.. เราสองคนต้องไปดินเนอร์ที่งาน มานั่งคุยเรื่องงานบัญชีกันดีกว่า..”

“เอ่อ.. ครับ”

หญิงสาวมีท่าทีเร่งรีบเหมือนอยากจะรีบไปงาน ทำให้กานต์รวีต้องรีบทรุดตัวลงนั่งคุยด้วย เตชิตเข้ามาขอรับเจ้าตัวเล็กไปอุ้ม หนูน้อยเห็นหน้าก็โผเข้าหาทันที

“ไปเดินเล่นข้างนอกกับลุงก่อน โมจิ.. ไม่ได้เจอตั้งหลายวันคิดถึงลุงมั้ย หือ..”

จมูกโด่งหอมแก้มนุ่มของเจ้าตัวน้อยหลายฟอดใหญ่ กานตร์รวีมองตามหลังร่างสูง สีหน้านิ่งเฉยแต่ในใจเต็มไปด้วยคำถาม ??

“คุณทาโร่บอกว่าคุณวีต้องการรับงานมาทำที่บ้าน เพราะต้องเลี้ยงหลานไปด้วย ภามีงานให้คุณวีทำ ทุกเดือนจะให้คนนำเอกสารและรายการที่จะลงบัญชีมาให้ค่ะ...”

กานต์รวีนั่งพูดคุยเรื่องงานกับหญิงสาว แต่จิตใจกลับพะวงไปนอกบ้าน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ 5 วันที่ไม่ได้เจอกัน ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นคนละคนไปได้...


 o15


“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณวีจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ ”

การพูดขณะเคี้ยวอาหารถือเป็นกิริยาที่ไม่สุภาพ แต่กับลูกความหนุ่มผู้นี้กรัณย์กรรู้สึกเป็นกันเองมากจนไม่จำเป็นต้องวางฟอร์มกัน

“อร่อยก็ทานเยอะๆ เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ” กานต์รวีอุ้มร่างเล็กไว้ที่ตักและนั่งทานอาหารไปด้วย

เตชิตพาหญิงสาวกลับออกไปไม่กี่นาที กรัณย์กรก็แวะมาหา เขามีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับกานต์รวี และเป็นทางผ่านกลับบ้านพอดีจึงแวะเข้ามาโดยไม่ได้นัดไว้

แม้จะเสียใจที่ทำอาหารไว้คอยเก้อ แต่เมื่อกรัณย์กรแวะมา กานต์รวีก็รู้สึกดีใจจึงเชื้อเชิญให้ทานอาหารด้วยกัน

“ถ้ารู้ว่าคุณทำอาหารอร่อยแบบนี้ ผมแวะมาขอกินข้าวทุกวันแล้ว นึกแล้วอิจฉาเจ้าทาโร่มัน คงได้กินอาหารอร่อยฝีมือคุณเกือบทุกมื้อเลย”

“เอ่อ.. ผมไม่ได้ทำทุกวันหรอกครับ บางวันก็ซื้อกิน หรือไม่ก็ทำอาหารง่ายๆ แล้วคุณเตชิตก็ไม่ได้แวะเข้ามาทุกวัน ช่วงนี้เขางานยุ่งมากไม่ค่อยมีเวลามาครับ ” ต่อหน้ากรัณย์กร กานต์รวีเคยเรียกเตชิตว่าทาโร่ แต่วันนี้ไม่กล้าเรียกชื่อนี้แล้ว

ทนายหนุ่มพยักหน้าหงึก

“แสดงว่าวันนี้ผมโชคดี ประธานเตชิตมีนัดกับแฟนสาว ผมก็เลยได้กินอาหารอร่อย ฮะ ฮะ”

กานต์รวีรู้สึกเจ็บแปลกๆ ในอก กับประโยคที่ว่า ประธานเตชิตมีนัดกับแฟนสาว ใบหน้าหวานฝืนยิ้มให้ทนายและตัดบทไปคุยเรื่องอื่น

“ครับ ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ เลย กินไปคุยไปดีมั้ยครับ คุณกร.. ที่ว่ามีเรื่องสำคัญมาแจ้ง เรื่องอะไรเหรอครับ..”

“เอ่อ.. ผมว่าเดี๋ยวเราคุยกันหลังอาหารดีกว่า คุยไปจิบกาแฟไป บรรยากาศดีกว่าเยอะครับ..”

กรัณย์กรเลี่ยงไม่พูดคุยเพราะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เขาอยากให้กานต์รวีกินข้าวให้อิ่มก่อน เพราะขืนพูดอะไรออกมา นอกจากคุณอาหนุ่มหน้าหวานผู้นี้จะกินข้าวไม่ลงแล้ว ยังอาจทำให้เขาต้องวางมือจากอาหารอร่อยตรงหน้าไปด้วย



 o15



“เพราะอะไรครับ ทำไมเธอถึงปฏิเสธ”

“ตระกูลเฉลิมวงศ์เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เสนอผลประโยชน์ให้เธอเข้ารับงานในตำแหน่งและเงินเดือนที่ดีกว่าที่ทำอยู่ เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนใจเพื่ออนาคตของตัวเองและครอบครัว ผมให้เธอโทรมาคุยกับคุณเอง เธอขอให้ผมบอกแทน เธอไม่กล้าคุยกับคุณเพราะรู้สึกละอายใจ”

ใบหน้าหวานสลด ริมฝีปากบางเม้มแน่น

“ถ้าไม่มีพยานเลย ผมจะแพ้ใช่มั้ยคุณกร..”

น้ำใสเอ่อรื้นดวงตาคู่สวยจนทนายหนุ่มแทบอยากจะเข้าไปกอดปลอบ

“คุณวีครับ.. ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมพยายามหาช่องทางให้มากที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าการที่คุณไม่มีพยานบุคคลหรือพยานหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าพี่ชายและพี่สะใภ้มีความประสงค์ที่จะให้คุณเป็นคนเลี้ยงดูหลาน ก็เท่ากับว่าทั้งคุณและคุณลดามณีซึ่งอยู่ในฐานะอากับน้าของหลาน ต่างก็มีโอกาสที่จะได้เลี้ยงดูและเป็นผู้ปกครองเด็กเท่ากัน การมีพยานรู้เห็นและยืนยันกับศาลว่าคุณมีความสามารถที่จะเลี้ยงดูเด็กได้อย่างดีจะทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น แต่ผลชี้ขาดจริงๆ อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล”

“นอกจากพยานแล้ว มีวิธีอื่นที่จะช่วยให้ผมมีโอกาสมากกว่าคุณลดามณีมั้ยครับ..”

ใบหน้าหวานหม่นเศร้าแต่น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้

“เอ่อ.. ถ้าผมเป็นศาล ผมจะไม่คิดถึงฐานะการเงินเป็นประเด็นหลัก ผมจะคำนึงถึงความรักความเอาใจใส่ในการเลี้ยงดูเด็กโดยเฉพาะเด็กทารก ซึ่งประเด็นนี้คุณมีภาษีเหนือกว่าตรงที่ช่วยเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่แรกเกิด แต่ศาลอาจไม่ได้คิดแบบผม ศาลอาจมองถึงอนาคตของเด็ก และคำนึงถึงฐานะและความสามารถในการเลี้ยงดูเด็กของคู่ความ”

“คุณกรหมายถึงโมจิอยู่กับผมจะไม่มีอนาคตงั้นเหรอ..”

“นี่ไม่ใช่ความเห็นของผม ผมสมมติว่าอาจเป็นดุลยพินิจของศาล”

“สรุปแล้วผมมีโอกาสที่จะแพ้ใช่มั้ยครับ.. ฮึก.. ”

ร่างเพรียวสะท้านน้ำตาร่วงผล็อย ถ้าร่างสูงที่นั่งอยู่เบื้องหน้าตอนนี้เป็นคนคนนั้น กานต์รวีคงโผซบอกร้องไห้โฮแล้ว

กรัณย์กรใจหายวาบ เห็นกานต์รวีร้องไห้แล้วนึกถึงเตชิตขึ้นมาทันที รู้สึกเย็นสันหลังวาบกับคำสั่งของเพื่อน ...ต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้กานต์รวีชนะคดี ถ้าวีต้องเสียน้ำตาเพราะแพ้คดีนี้ล่ะก็ ฉันเอาเรื่องนายแน่ คาเบะ.. เรื่องแรกเลยก็คือ นายต้องชดใช้หนี้ที่ยืมฉันไปทั้งต้นทั้งดอกภายใน 3 วัน..

“อย่าร้องไห้คุณวี.. คุณยังไม่ได้แพ้ ผมแค่สมมติให้ฟัง ผมตั้งใจมาหารือกับคุณเพื่อตั้งรับสถานการณ์นี้ด้วย หากคดีนี้ศาลชี้ขาดให้ฝ่ายโน้นได้เด็กไป ผมอยากให้คุณสู้ต่อด้วยการร้องขอเป็นผู้ปกครองร่วม เพราะโอกาสจะเป็นไปได้มากกว่า”

“ยังไงครับ”

“คุณต้องร้องขอมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูเด็ก กรณีนี้ศาลอาจเห็นใจและกำหนดเวลาให้เด็กได้อยู่กับคุณบ้าง”

กานต์รวีนั่งนิ่ง นึกถึงภาพที่หลานชายตัวน้อยถูกน้าสาวพรากไปจากอ้อมกอดของเขาก็รู้สึกเจ็บร้าวที่อก ร่างเพรียวสะท้านอย่างหนักและปล่อยโฮออกมาอย่างหมดความอดกลั้น

“ผมทำไม่ได้ ฮือ~~ พี่ดลไม่ต้องการให้โมจิไปอยู่กับพวกเค้าหรอก พวกนั้นดูถูกพี่ชายผม หาว่าพวกเราเป็นลูกเจ๊ก แต่กลับจะมาเอาลูกของเขาไป ผมยอมไม่ได้หรอกครับ พี่ดลต้องนอนตายตาไม่หลับ ผมรับปากพี่แล้วว่าจะดูแลโมจิอย่างดี ผมจะผิดสัญญากับพี่ได้ยังไง ฮือๆ ~~”

กรัณย์กรโอบไหล่ร่างเพรียวปลอบประโลม ตกใจที่เห็นอาการเสียใจอย่างหนักของชายหนุ่ม ความรู้สึกรุนแรงเหมือนไม่ใช่อาที่กำลังจะสูญเสียหลาน!!..

“ได้โปรดเถอะนะ คุณวี.. อย่าร้องไห้.. คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังทำคดีพ่อร้องขอเป็นผู้ปกครองบุตรตัวเอง รู้มั้ย.. จะว่าไปแล้วคุณน่าจะร้องขอรับโมจิเป็นบุตรบุญธรรมไปเลย..”

ร่างเพรียวหยุดสะอื้นจ้องหน้ากรัณย์กรอย่างชั่งใจก่อนเอ่ยถามน้ำเสียงแผ่วเครือ

“รับโมจิเป็นลูก... ทำได้เหรอครับ..”

“ได้ซี.. ขอรับเป็นลูกบุญธรรม เราจะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเพิ่มเข้าไป แต่ถ้าเราขอฝ่าย
โน้นก็อาจจะขอบ้าง ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับศาลอีก”

คิ้วเรียวขมวด แต่ละวิธีที่ทนายกรัณย์กรแนะนำไม่ได้ให้ความหวังที่เขาจะเป็นฝ่ายชนะขาดเลย เพิ่งรู้วันนี้เองว่าคดีที่เกี่ยวกับครอบครัวและเด็ก ต่อให้เป็นทนายความชั้นไหนก็ช่วยให้ลูกความชนะไม่ได้หรอก อะไรๆ ก็ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของศาล ศาลก็เป็นมนุษย์ปุถุชน การตัดสินใจของศาลจะถูกต้องเสมอไปงั้นเหรอ..

กานต์รวีตัดสินใจสู้ด้วยตัวเอง เขาจะรอให้แพ้ก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไขไม่ได้ เขาให้โมจิไปอยู่กับใครไม่ได้ทั้งนั้น ร่างเพรียวยืดตัวตรงกล่าวน้ำเสียงมาดมั่น

“ตกลงครับ คุณกร..”

“ตกลง? เรื่องอะไรครับ”

ผมจะรับโมจิเป็นลูกครับ คุณกรต้องช่วยผมด้วยนะ”

“ได้ครับ ผมต้องช่วยคุณวีแน่นอนอยู่แล้ว.. ”



 o15



ต่อพรุ่งนี้ค่ะ

mu_off

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #39 เมื่อ23-05-2007 13:54:11 »

ลุ้นคับ....ตื่นเต้นๆ... :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
« ตอบ #39 เมื่อ: 23-05-2007 13:54:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #40 เมื่อ23-05-2007 14:06:29 »

 :sad3:

 o2

เอ่อ....คุณคนเขียนเรื่องเคอะ

คือ....ไม่ต้องลงเยอะมากก็ได้เคอะ  แต่ขอแค่ลงสม่ำเสมอเป็นพอนะเคอะ

ส่วนของหลาน  เจ้เข้าใจหัวอกนายวีดี  เลี้ยงมากะอกแล้วจู่ๆ จะมีคนมาพรากไป  มันย่อมเป้นเรื่องที่ร้ายแรงมากจริงๆ  :sad2:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #41 เมื่อ23-05-2007 14:36:17 »

อาวีสู้ๆ เพิ้อน้องโมจิ o15

ว่าแต่ทำไมทาโร่เปลี่ยนไป ไม่ยอมนะ แบบนี้มาทำให้วีรู้สึกดีด้วย แล้วจะมาทำแบบนี้ได้งายยย  o12

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #42 เมื่อ23-05-2007 14:56:55 »

คุณ oaw_eang  ค้า~~~    อย่าเพิ่งสลบค่ะ  ลุกขึ้นมาก่อน   


 o1 เจ๊หมวยขอโทษที่ทำให้ต้องตามอ่านจนเหนื่อยและตาลายกัน   


คุณ oaw_eang  เป็นคณะกรรมการของบอร์ดนิยายใช่มั้ยคะ  มีหน้าที่ตรวจเช็คกระทู้ที่มาใหม่ๆ และคอยอ่านทุกกระทู้ซีนะ   มิน่า!!  ถึงตาลาย  ต้องขอโทษอีกครั้งค่า   o1


ที่จริงค่อยๆ อ่านก็ได้นะคะ    เจ๊หมวยลงเยอะเพราะเขียนไปกว่าค่อนเรื่องแล้ว  บางคนก็อยากอ่านยาวๆ


เอาเป็นว่าจะมาต่อแค่ครั้งละบทล่ะกันนะคะ o15


ขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจทุกคนด้วยค่ะ     o14
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2007 21:13:57 โดย j-muay »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #43 เมื่อ23-05-2007 17:03:59 »

:sad3:

 o2

เอ่อ....คุณคนเขียนเรื่องเคอะ

คือ....ไม่ต้องลงเยอะมากก็ได้เคอะ  แต่ขอแค่ลงสม่ำเสมอเป็นพอนะเคอะ

ส่วนของหลาน  เจ้เข้าใจหัวอกนายวีดี  เลี้ยงมากะอกแล้วจู่ๆ จะมีคนมาพรากไป  มันย่อมเป้นเรื่องที่ร้ายแรงมากจริงๆ  :sad2:


เหอเหอ

อ่านแล้วหนุกหนาน

มาต่อเรื่อยๆ นะครับ เจ้หมวย

อย่าไปสนใจอิเจ้เลย แก่แล้วก็ยังงี้แหละครับ อ่านนิดอ่านหน่อยทไเป็นตาลาย

เป็นกำลังใจให้นะค้าบบบบบ

 :teach:

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #44 เมื่อ23-05-2007 17:13:20 »

มาดันให้เลยจ้า ชอบบ

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #45 เมื่อ23-05-2007 17:35:09 »

ชอบเรื่องนี้จังสนุกตื้นเต้น แต่แบบเจ๊หมวยลงยาวไปจริงๆนะ อ่านไปอ่านมาชักมึนๆอยู่เหมือนกัน  o2 แต่ดีที่สนุกมีให้ลุ้นอยู่ตลอด  o13

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #46 เมื่อ23-05-2007 17:50:13 »

 :haun5: ทาโร่เปี๊ยนไป๊....
เดี๋ยวนายคาเบะก็จีบนายวีหร๊อก
 :like6:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #47 เมื่อ23-05-2007 19:53:58 »

หุหุ สนุกมาก   :like6:  :like6:  :like6:
มาต่อเร็ว ๆ นะ   o15  o15

KevinKung

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #48 เมื่อ23-05-2007 19:59:15 »

ขอเวลาตามอ่านเดือนนึงนะ แฮะ ๆ ลงเร็วเจง ๆ  :sad3:
(แต่ดีนะครับ ไม่ใช่มะดี  o17)

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #49 เมื่อ23-05-2007 20:38:41 »

โห
เจ๊หมวยมาแบบ non stop ทำเอาคนอ่านตาลายกันเป็นทิวแถว

 o2 o2 o2 o2 o2

นี่ขนาดเคยอ่านมาแล้ว
ก็ยังตามอ่านอีกรอบ
แบบว่าหลงรักโมจิมากมายง่ะ
 :give2: :give2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
« ตอบ #49 เมื่อ: 23-05-2007 20:38:41 »





meeza31

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #50 เมื่อ23-05-2007 20:57:57 »

มาต่อเร็วๆนะ  :impress2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #51 เมื่อ24-05-2007 00:42:51 »

ปัญหาแก้ไม่ตกเยอะจริงๆ
ดีนะที่มีคนเป็นกำลังใจและไม่ย้อท้อ
 :o7:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #52 เมื่อ24-05-2007 00:54:32 »

 :impress: :impress:  เด๋วจะมาตามอ่านอีกทีนะครับ  วันนี้ตาลายอ่านมะไหวแล้วครับ o2 o2

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #53 เมื่อ24-05-2007 09:39:10 »

อ้าวววว เจ้หมวยหายไปเลย

มาต่อไวไวนะค้าบบบ

รออ่านอยู่ครับ

 o13

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #54 เมื่อ24-05-2007 09:47:42 »

เจ้สองอ่ะ ทำเป็นบ่นตาลาย หุหุ  เค้าเลยยังไม่มาลงซักที   :o

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #55 เมื่อ24-05-2007 10:07:02 »

รออ่านค่ะ เจ้หมวยมาไวไวน๊าาาา   o14

ปล. พูห์ กอลลัมอ่ะ น่ากลัวมาก ทำได้ไงเนี่ย   o22

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #56 เมื่อ24-05-2007 10:11:14 »

มาลงด่วน  o1

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #57 เมื่อ24-05-2007 11:29:59 »

บทที่  8



ร่างสูงผุดลุกผุดนั่งเดินวนไปมาในห้อง จิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวายไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ ตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องที่เคยเป็นห้องพักของอาหลานที่แสนจะน่ารัก เตชิตล้มตัวลงนอนบนเตียงที่กานต์รวีเคยนอน คว้าหมอนที่อีกฝ่ายเคยหนุนมากอดไว้แนบอก

“ฉันขอโทษ วี.. ฉันขอโทษ~~~ ”

เขารู้สึกอึดอัดและเจ็บในอกมา 5 วันแล้ว พยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นอาการทางกาย ต้องหาเวลาไปพบแพทย์เพื่อเช็คร่างกายประจำปี แต่แล้วเมื่อตอนหัวค่ำที่บ้านพักของกานต์รวี อาการเจ็บที่หัวใจของเขากลับรุนแรงขึ้นจนร้าวไปทั้งอก ตอนที่เขาบอกว่าอยู่กินข้าวด้วยไม่ได้ เขาเห็นใบหน้าหวานพยายามซ่อนอาการเสียใจไว้ เขายิ้มแย้มขณะพูดคุยแต่หัวใจเจ็บแปลบๆ จนแทบอยากจะเข้าไปสวมกอดร่างเพรียวไว้ในนาทีนั้น แต่ที่ทำได้คือขอรับร่างเล็กมาสวมกอดแทน เขาขอตัวพาโมจิออกมาข้างนอกเพื่อให้กานต์รวีได้พูดคุยเรื่องงานกับภาศิรา แต่จริงๆ แล้วเขาไม่กล้านั่งสู้หน้ากลัวหักห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ขณะพาตัวเล็กเดินเล่นอยู่นอกบ้าน เขาพูดคุยและระบายความในใจของตัวเองไปด้วย

“ลุงเสียใจ โมจิ.. ลุงไม่ได้อยากหายหน้าไปจากอาวีเลย รู้มั้ย.. ลุงคิดถึงอาวีกับโมจิมากๆ เลย อยากมาหาทุกๆ วัน ช่วยบอกอาวีทีว่า ลุงขอโทษ..”





กรัณย์กรแวะมาหาเตชิตที่บริษัทเมื่อ 5 วันที่แล้ว และยื่นรูป 3 ใบให้ดู แต่ละภาพเป็นอิริยาบถการเล่นหัวกันอย่างสนิทสนมของชายหนุ่มสองคน ภาพกอดคอหัวเราะโดยมีทารกน้อยอยู่ในอ้อมอกของร่างเพรียว ทุกรูปเป็นภาพแอบถ่ายจากนอกบ้าน แต่ซูมเข้าไปใกล้จนได้ภาพที่คมชัด เตชิตโกรธจัดเมื่อเห็นภาพเหล่านี้

“เอารูปพวกนี้มาจากไหน!!.. ฝีมือนายเหรอ.. คาเบะ!!.. ”

“จะบ้าเหรอ!!.. ฉันเป็นทนายคุณวีนะโว้ย จะแอบถ่ายไปทำไม..”

“แล้วมันฝีมือหมาที่ไหน!!.. บังอาจมาแอบถ่ายภาพส่วนตัวฉัน..”

“ฮะๆ ไม่ใช่หมาที่ไหนหรอก นายกิตติ ทนายคุณลดามณีส่งรูปพวกนี้มาให้ฉัน..”

“ว่าไงนะ!!.. ไอ้ทนายกิตติ มันทำแบบนี้ทำไม!!.. มันต้องการอะไร!!..”

“เขาไม่ได้ต้องการอะไร เขาถามฉันแค่ประโยคเดียวว่า นายเป็นเกย์รึเปล่า? ”

เตชิตลุกพรวดขึ้น  โวยใส่อย่างหัวเสีย

“ว่าไงนะ!!.. ไอ้ทนายปากหมานั่น คิดว่าตัวเองเป็นใคร รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว ฉันจะฟ้องมันฐานหมิ่นประมาท คาเบะ.. นายมีเวลารับคดีเพิ่มมั้ย ถ้าไม่มีก็หาทนายมือหนึ่งที่สำนักงานมารับคดีนี้”

กรัณย์กรกล่าวน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“จะฟ้องเขาเรื่องอะไรครับ ท่านประธาน.. เขายังไม่ได้กล่าวหาว่าท่านเป็นเกย์ เขาแค่ถามเฉยๆ”

“แค่ถามก็หมิ่นแล้วโว้ย!!.. ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ ยังไงก็จะเอาเรื่องมัน”

ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งอย่างหัวเสีย ทนายหนุ่มส่ายหน้ากับอารมณ์ร้อนของเพื่อนก่อน

“อย่าเพิ่งหัวเสียกับเรื่องแค่นี้ ช่วยฟังเรื่องทั้งหมดให้จบก่อน ฉันตั้งใจมาคุยเรื่องคดีของคุณวีนะโว้ย!!..”

เตชิตคลายอารมณ์โกรธลง เรื่องคดีของกานต์รวีสำคัญสำหรับเขา

“มีอะไรก็ว่ามา..”

“ทนายกิตติถามฉันแค่ประโยคเดียวและไม่พูดอะไรอีก บอกแต่ว่าแล้วเจอกันที่ศาล..”

“แล้วนายตอบมันว่ายังไง”

“ไม่ตอบ มันไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่มันต้องการจะบอกเรา”

“บอกอะไร ? ”

“สัญญาก่อนว่า จะไม่หัวเสียจนกว่าจะฟังฉันพูดจบ”

“เออ!!..”

กรัณกรย์ขอให้เตชิตออกห่างจากกานต์รวีในช่วงนี้ เพราะอีกฝ่ายจับตามองอยู่ ภาพแอบถ่ายที่เห็นอาจถูกใช้เป็นหลักฐานและเป็นเหตุผลประกอบว่าคู่ความอีกฝ่ายมีพฤติกรรมรักร่วมเพศและคัดค้านไม่ให้กานต์รวีมีสิทธิปกครองดูแลเด็ก

เตชิตโกรธมากไม่สามารถสงบอารมณ์ได้

“จะบ้าเหรอ!!.. ฉันไม่ใช่เกย์ นายก็รู้..”

ทนายหนุ่มจ้องมองใบหน้าหล่อเข้มของเพื่อนและยิ้มให้

 :give2:  “ฉันก็ไม่ใช่เกย์.. แต่ฉันรักได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย..” 

 :o  “นั่นมันนาย!!.. ไม่ใช่ฉัน!!.. ฉันไม่เคยนอนกับผู้ชายโว้ย!!.. ”

 :laugh3:  “ฮะๆ เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคย และไม่คิดว่าตัวเองจะนอนกับผู้ชายได้”

“หมายความว่าไง.. อย่าบอกว่าแม้แต่นายก็คิดว่าฉันกับวี__”

“ไม่จำเป็นต้องคิดเลย ทาโร่.. ทุกวันนี้นายแสดงออกให้เห็นอยู่แล้ว” ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นโน้มกายเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อน

“กับคนอื่นนายปฏิเสธได้ แต่กับฉัน_อย่าปฏิเสธว่าไม่จริง ฉันผ่านร้อนหนาวมาก่อน สายตาที่นายมองคุณวี.. ไม่ใช่แค่เพื่อน..”   :interest:

เตชิตผลักหน้าเพื่อนออกด้วยความโมโห กรัณย์กรหัวเราะทรุดตัวลงนั่งเอกเขนกตามเดิม

“ถ้าไอ้หมอนั่นมันคิดจะเอาเรื่องนี้มาค้าน แล้วมาบอกให้เรารู้ตัวทำไม”

“ก็ต้องการให้เรายอมมอบเด็กให้แต่โดยดีไง เรื่องแบบนี้ถ้านำสืบขึ้นมาอาจทำให้เกิดความอับอาย โดยเฉพาะกับท่านประธานรามิลกรุ๊ป คงไม่อยากให้ถูกล้วงลึกเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวแน่ ”

“ฉันไม่สน!!.. อยากจะสืบจะล้วงก็เชิญ ถ้าจำเป็นต้องขึ้นศาลฉันจะย้อนถามด้วยว่ามีกำหนดกฎเกณฑ์ที่ไหนห้ามผู้ชายเป็นเกย์เลี้ยงเด็ก เรื่องนี้นายเองก็น่าจะเข้าใจดีนะ คาเบะ..”

กรัณย์กรถอนใจเฮือก

“ก็ตามใจ.. ฉันแค่เห็นว่าถ้าเราสามารถตัดปัญหาอะไรได้ เราควรทำเพื่อให้สถานภาพของคุณวีมีความพร้อมที่จะสู้กับน้าสาวไฮโซได้ และเหตุผลที่ฉันอยากให้เลี่ยงเพราะไม่อยากให้คุณวีลำบากใจ ถ้าจำเป็นต้องเลือกระหว่างหลานกับความสัมพันธ์ฉันเพื่อนสนิทกับประธานเตชิต คุณวีต้องปฏิเสธข้อกล่าวหานี้เหมือนกัน ฉันคิดว่านายคงไม่อยากถูกคุณวีปฏิเสธในสถานที่แบบนั้น”

กรัณย์กรให้เหตุผลที่เตชิตยอมสงบนิ่งไม่โวยวาย

เตชิตเห็นจริงตามเพื่อน ความรู้สึกของเขาที่มีต่อกานต์รวีซ่อนความลึกซึ้งไว้ภายในจริงอย่างที่เจ้าคาเบะคิด แต่ความรู้สึกของกานต์รวีเขาไม่แน่ใจ เขาคงเสียใจและทนไม่ได้ถ้าถูกกานต์รวีปฏิเสธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิเสธต่อหน้าศาลอาจทำให้เขาหมดโอกาสที่จะสานสัมพันธ์ต่อ...

กรัณย์กรกล่าวย้ำเมื่อเพื่อนนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา

“ถือว่าช่วยให้คุณวีมีโอกาสชนะมากขึ้น ฉันไม่ได้ห่วงว่าจะต้องหาเงิน 5 แสน มาใช้หนี้นายภายใน 3 วัน แต่ฉันห่วงความรู้สึกของคุณวี และนายก็คงไม่อยากเห็นเขาร้องไห้..”

“ห่างตอนนี้จะทันเหรอ มันแอบถ่ายรูปเราไว้แล้ว..”

“ทันแน่นอน แต่ต้องไม่ห่างเฉยๆ นายต้องทำอะไรสักอย่างด้วย”

“ทำอะไร!!..”

กรัณย์กรยิ้มให้เตชิตก่อนคว้าหูโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานยื่นให้

“นัดสาวเดทซีครับท่าน ตั้งแต่รู้จักคุณวี ท่านไม่เคยควงสาวออกเดทเลยไม่ใช่เหรอ..”





ด้วยเหตุผลนี้เตชิตจำใจต้องออกห่างจากกานต์รวี ไม่เข้าไปหาในตอนเย็นและเลี่ยงไม่คุยโทรศัพท์ด้วยเพราะกลัวตัวเองใจอ่อน เขาเอางานมาบังหน้าเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเสียความรู้สึก โชคดีที่บริษัทมีแผนจะขึ้นโครงการที่เชียงใหม่ สามวันแรกเขามีประชุมทั้งวันจริงๆ ทำให้ไม่มีเวลาคิดถึงใบหน้าหวานของอาหนุ่มกับหลานชายตัวน้อย แต่ทุกครั้งที่หัวสมองว่างจากเรื่องงานก็คอยแต่จะนึกถึงกานต์รวี รู้สึกหงุดหงิดและไม่เป็นสุข หลายครั้งที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหา แต่ต้องพยายามตัดใจวางลง จากที่เคยโทรคุยกันทุกวันและไปหาที่บ้านแทบจะทุกเย็น เมื่อวานเขาต้องกลับไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ผับ แต่นั่งอยู่ได้ไม่นานก็ต้องขอตัวกลับโดยอ้างว่าพรุ่งนี้มีประชุมเช้า เหตุผลแท้จริงคือเขาค้นพบว่าการสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูงไม่ใช่ความสุขที่เขาต้องการ

ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับเมื่อคืนวานโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินเสียงใสจากปลายสาย ใจหายอย่างแรงเมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกน้อยใจในน้ำเสียงนั้น ทั้งที่ตื่นเต้นและดีใจมากแต่เขากลับแสร้งทักทายและพูดคุยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตอนเขารับปากว่าจะเข้าไปหา น้ำเสียงดีใจของกานต์รวีทำให้เขามีความสุขมาก

ที่จริงวันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปหากานต์รวีเพื่อคุยเรื่องงาน ตั้งใจว่าคุยเสร็จก็จะรีบกลับ การถอยห่างโดยไม่ยอมพบปะพูดคุยเลยเป็นเรื่องผิดวิสัย เขาไม่อยากให้กานต์รวีคิดมากว่าเขารังเกียจไม่อยากคบหาด้วย แต่เมื่อตอนบ่ายเขาพบภาศิราโดยบังเอิญ เธอเข้ามาคุยเรื่องงานออกแบบสวนกับฝ่ายตกแต่งของอาเกียรติชัย หญิงสาวผู้นี้เคยออกเดทกับเขาหลายครั้ง แต่เมื่อคบหาจนรู้นิสัยใจคอกันทั้งเขาและเธอกลับพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นได้แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น

เธอชวนเขาไปงานแฟชั่นการกุศลตอนค่ำ เขาตอบรับและชวนเธอไปพบกานต์รวีที่บ้านก่อน เธอมีธุรกิจแฟรนไชส์หลายแห่ง อย่างน้อยเขาอาจของานบัญชีให้กานต์รวีทำได้บ้าง ซึ่งเมื่อเขาออกปากเธอก็ยินดีให้ความช่วยเหลือทันที

... พระเจ้า!.. จนถึงนาทีนี้เขายังลืมใบหน้าหวานที่พยายามซ่อนความเสียใจไว้ไม่ได้ เขารู้สึกโกรธตัวเองที่พาหญิงสาวไปพบกานต์รวีที่บ้าน นึกไม่ถึงว่าการเห็นสีหน้าตกใจของชายหนุ่มจะทำให้หัวใจตัวเองเจ็บปวดขนาดนี้ เขาทำร้ายความรู้สึกตัวเองไม่พอ ยังทำร้ายความรู้สึกของกานต์รวีด้วย

... เตชิตสวมกอดหมอนที่กานต์รวีเคยนอนหนุนไว้แนบอก ยอมรับกับตัวเองในนาทีนี้ว่า ความรักฉันท์เพื่อนสนิทที่มีต่อชายหนุ่มผู้นี้แปรเปลี่ยนไป เขารักกานต์รวี รักอาวีของโมจิ รักจนอยากสวมกอดไว้แนบอกเหมือนหมอนใบนี้ ...

... ฉันขอโทษ วี.. ฉันไม่อยากเห็นนายร้องไห้ โมจิต้องได้อยู่กับนาย ถึงวันนั้นฉันจะกอดนายไว้แนบอกไม่ปล่อยให้ห่างจากกายฉันอีกเลย...



 o15


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2007 09:17:44 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #58 เมื่อ24-05-2007 11:38:17 »

กานต์รวีกำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า แฟ้มเอกสารกองใหญ่ วางซ้อนเต็มโต๊ะ ...คุณภาศิราเปิดบริษัทมาได้ยังไงตั้งปีกว่าโดยไม่มีการทำบัญชีให้เป็นระบบ งบการเงินก็มั่วมาก เขาต้องจัดระบบและทำบัญชีให้ใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่งานง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ แค่ปวดหัวกับการรื้อหาเอกสารเท่านั้น...

เสียงรถมาจอดที่หน้าประตูบ้าน กานต์รวีวางมือจากงานชะเง้อมองด้วยความหวังว่าจะเป็นคนที่อยากเจอ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นรถของเขาจริงๆ

“ผมไปเปิดเอง อ้อ.. ”

กานต์รวีบอกแม่บ้านที่วิ่งออกมาจากครัวและลุกไปเปิดประตูเอง

“สวัสดีครับ คุณวี..”

“หวัดดีครับ พี่มนู.. มาส่งเอกสารเหรอครับ” กานต์รวีไม่ถามถึงเตชิต เห็นนายมนูถือซองเอกสารลงจากรถก็รู้แล้วว่าเขาไม่มาอีกแล้ว..

“ครับ.. เจ้านายให้ผมเอาเงินเดือนมาให้”

“เงินเดือน? ของผมเหรอ”

“ครับ”

“ผมไม่ได้ทำที่บริษัทแล้วจะมีเงินเดือนได้ยังไง”

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ท่านเขียนโน้ตฝากมาด้วย ยังไงคุณวีลองเปิดอ่านดู”

กานต์รวีรับซองจากคนรถ

“ขอบคุณครับ”

“คุณวีมีอะไรจะฝากบอกท่านประธานมั้ยครับ”

“เอ่อ.. ไม่มีครับ”

ใบหน้าหวานหม่นลง ครุ่นคิดในใจ

...ใครจะกล้ามี ถ้ายังอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทกันก็อยากจะฝากคำตัดพ้อไปว่า ...งานยุ่งจนถึงขนาดลืมผมกับโมจิเลยเหรอ... แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรสำหรับเขา...

“ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ”

“ครับ ขอบคุณครับ”

กลับเข้ามาในบ้านกานต์รวีรีบเปิดซองเอกสาร แต่ปรากฏแค่โน้ตเขียนอยู่หน้าซองเงิน


...เงินเดือนสำหรับเดือนนี้ อย่าปฏิเสธไม่รับ มีงานต้องให้ช่วยอีกเยอะ ....

เตชิต



กานต์รวีนับเงินในซอง มีแบงค์พันถึง 20 ใบ นี่ต้องเป็นเงินส่วนตัวของคุณเตชิต มันมากกว่าเงินเดือนที่บริษัทจ้างเขาอีก ทั้งที่รู้สึกตื้นตันแต่กลับใจหายอย่างบอกไม่ถูก ข้อความที่หน้าซองกระชับและมีใจความเหมือนเป็นคำสั่งจากเจ้านายมากกว่าการบอกกล่าวในฐานะเพื่อน

กานต์รวีเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาหลงคิดไปเองว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนในครอบครัวของเขากับโมจิแล้ว แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่!!.. และไม่มีทางจะเป็นไปได้ ประธานรามิล กรุ๊ป จะมาเป็นเพื่อนกับพนักงานกระจอกๆ อย่างเราได้ยังไง ความเอื้อเฟื้อที่มีให้เราทุกวันนี้ ก็แค่ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น

... คุณเคยบอกว่าถูกชะตากับผมอยากคบหาเป็นเพื่อนด้วย วันนี้คุณคงรู้ตัวแล้วซีนะ ว่าคบคนปัญหาเยอะอย่างผมแล้วมีแต่เรื่องปวดหัว หรือไม่คุณก็คงเบื่อที่จะเล่นเป็นเพื่อนกับผมแล้ว ไม่ว่าคุณจะรู้สึกกับผมยังไง สำหรับผมคุณเป็นผู้มีพระคุณ สักวันผมจะหาทางตอบแทนคุณ เพื่อให้เราหมดหนี้บุญคุณต่อกัน ....



 o15



สวนสาธารณะในหมู่บ้าน

“ตกลงศาลนัดวันไหนครับ คุณกร..”

“วันจันทร์ 9 โมงเช้า เดี๋ยวเราซักซ้อมกันอีกทีนะ ว่าคุณต้องพูดยังไง ผมจะเปิดประเด็นให้คุณชี้แจงเหตุผล ”

“ครับ ว่าแต่.. คุณกรว่าผมตัดสินใจถูกมั้ยที่ทำแบบนี้”

“แบบนี้? หมายถึงรับโมจิเป็นลูกเหรอ..”

“ครับ”

“ถูกซะยิ่งกว่าถูก ถ้าคุณตัดสินใจตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องเป็นเรื่องขึ้นศาลให้เสียเวลา แต่ผมสงสัย ทำไมไม่บอกให้เจ้าทาโร่รู้.. ”

กานต์รวีเข็นรถพาหลานเดินเล่น ทนายหนุ่มเดินตามเป็นเพื่อนพูดคุย ช่วงนี้กรัณย์กรแวะมาหากานต์รวีเกือบทุกวันเพราะอยากเป็นเพื่อนคลายเหงาให้ เขาเพิ่งรู้ว่านอกจากทารกวัย 8 เดือนแล้ว กานต์รวีไม่มีเพื่อนสนิทข้างกายที่จะแวะมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน ดังนั้นเมื่อเตชิตต้องห่างไปด้วยความจำเป็น ชายหนุ่มผู้นี้ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ

“ไม่ครับ ผมไม่อยากบอก ผมไม่อยากให้คุณเตชิตปวดหัวกับเรื่องของผม ลำพังงานของท่านก็ปวดหัวพอแล้ว..”

“แต่นี่เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องปวดหัวซะหน่อย”

“ถึงงั้นก็เถอะครับ ถ้าคุณเตชิตมีเวลาไปศาลวันนั้นด้วย ก็ค่อยให้ท่านรู้วันนั้นเถอะครับ”

กานต์รวียืนยันหนักแน่น ทำให้กรัณย์กรรู้สึกหนักใจ ...ความหวังดีของเขาทำให้เพื่อนและชายหนุ่มข้างกายที่น่ารักคนนี้ผิดใจกันรึเปล่านะ...

การตัดสินใจรับโมจิเป็นลูก ทำให้สถานภาพของกานต์รวีไม่น่าหนักใจอีกต่อไป และยังมีโอกาสชนะคดีได้หนูน้อยโมจิมาอยู่ในความปกครองเลี้ยงดูด้วย เขาอยากให้กานต์รวีบอกความจริงเรื่องนี้ เพื่อให้เตชิตได้กลับมาสนิทสนมกับชายหนุ่มเหมือนเดิม ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เขาอยากรู้ว่าเจ้าเพื่อนปากแข็งของเขาจะสามารถสานสัมพันธ์กับกานต์รวีไปถึงขั้นที่หัวใจเรียกร้องได้หรือไม่ นึกแล้วก็ขำประโยคที่เพื่อนเคยตะคอกใส่

...ฉันไม่เคยนอนกับผู้ชายโว้ย!!..


...แล้วนายจะได้รู้ว่า จะเป็นหญิงหรือชายก็ไม่สำคัญไปกว่าการได้นอนกับคนที่นายรัก...



 o15



คิ้วเข้มขมวดไม่สบอารมณ์กับภาพที่เห็น ร่างเพรียวเดินเคียงกับร่างสูงโปร่งของเจ้าคาเบะช่วยกันเข็นรถของหนูน้อยโมจิ ใบหน้าหวานยิ้มแย้มพูดคุยอย่างสบายอารมณ์

...เฮอะ !.. อุตส่าห์หลงเป็นห่วงคิดว่าจะเหงา แอบขับรถมาดู ที่ไหนได้ ถึงฉันไม่มาหานายก็ยังมีเจ้าคาเบะเป็นเพื่อน แถมยังพูดคุยกับมันหน้าระรื่นได้ขนาดนี้...

เตชิตรู้สึกโกรธกานต์รวีมากกว่ากรัณย์กร เป็นเพราะเขารู้จักนิสัยเจ้าชู้ของเพื่อน อยู่ใกล้ใครก็ก้อร่อก้อติกไปทั่ว แต่เจ้าคาเบะมันมองออกและรู้ว่าเขาชอบกานต์รวี เพราะงั้นเขาจึงเชื่อใจเพื่อนว่าไม่กล้าหักหลังแย่งของรักของเขา แต่กับกานต์รวีเขาโกรธที่ยอมให้กรัณย์กรใกล้ชิดสนิทสนมด้วย ทั้งที่เขาเคยบอกว่าหมอนี่เป็นไบเซ็กชวลและเตือนว่าอย่าไปสนิทสนมมาก ภาพที่เห็นกับตาในวันนี้ กานต์รวีไม่สนใจคำเตือนของเขาเลย แถมยังทำตัวสนิทสนมกับเจ้าคาเบะเหมือนกับที่เคยใกล้ชิดกับเขา ถึงขนาดช่วยกันเข็นรถพาโมจิเดินเล่นในสวน มันมากเกินไปแล้ว ตอนเขาอยู่ด้วยยังไม่เคยชวนออกมาเดินเล่นแบบนี้เลย ฮึ่ม!!!...

เตชิตขับรถออกจากสวนสาธารณะ อารมณ์โกรธและน้อยใจอัดแน่นเต็มอก



 o15




TBC >>>>  มาวันละนิดตามคำขอ   :teach:






mu_off

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] เจ้านายจ๊ะจ๋า
«ตอบ #59 เมื่อ24-05-2007 11:43:03 »

...... :o7:.....
สงสารคุณทาโร่กะคุณวี..อ่ะคับ....

(คุณทาโร่หึงด้วย...น่ารักจิงๆ)

มาต่อเรื่อยๆนะค้าบ... o14

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด