13.
สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของคุณหมอไม่วางตา ทุก ๆ ก้าวของชีต้าห์กำลังถามตัวเองอย่างสับสน ทำไม? เพราะอะไร? ไม่มีคำตอบให้ตัวเองซักคำถาม แต่ที่แน่ใจกว่า คืออยากจะเอื้อมมือไปยึดคนตรงหน้าเอาไว้ ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังก้มหน้า รายล้อมไปด้วยบรรยากาศเหงา
แขนทั้งสองข้างก็สอดเข้าไปจากทางด้านหลัง ได้ยินเสียงหมอปุ่นพูดอะไรพึมพำ ชีต้าห์ก็ซบหน้าลงไปกับแผ่นหลังกว้างนั้น โอบรอบเอวคุณหมอแน่น
"อย่าเพิ่งหันมา.." ชีต้าห์ออกคำสั่งอย่างไม่จริงจังนัก แต่คุณหมอก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
"ชีต้าห์...." เสียงที่หลุดออกมาจากปากเหมือนกับไม่เชื่อ แต่ความอบอุ่นที่แผ่นหลังเป็นเรื่องจริง หมอปุ่นเอื้อมมือไปจับแขนทั้งสองข้างที่อยู่รอบเอวตัวเองเอาไว้ เหมือนกลัวว่าไอ้เสือจะวิ่งหนีไปอีก
"บอกมาซิ....ประโยคเมื่อกี้ ผมจะฟัง" คนที่ซบอยู่ที่แผ่นหลังรู้สึกใบหน้าตัวเอง ว่ามันร้อนผ่าวไปหมด ที่ไม่อยากให้คุณหมอหันมา ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะทำหน้ายังไง แค่วิ่งกลับมา ก็อายจะแย่
"ถ้าพี่หมอพูด...สัญญานะ ว่าจะไม่วิ่งหนีแบบเมื่อกี้อีก" หมอปุ่นยื่นข้อเสนอ อีกฝ่ายคงจะพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะใบหน้าขยับไปมาอยู่ข้างหลัง ก่อนจะรวบสองมือของไอ้เด็กแสบเอาไว้แน่น
"..อือ.." เสียงรับคำในคออีกที เหมือนจะยืนยันความหนักแน่นของตัวเอง
"พี่หมอ..ชอบ...ใครคนหนึ่ง.." ???? คนที่ซบอยู่ข้างหลังทำหน้าเหวอสุดฤทธิ์ อุตสาห์กลั้นหายใจรอฟัง แล้ว...ใคนคนหนึ่งนั่น จะให้คิดเอาเองเหรอ....???
"ไอ้พี่หมอบ้า!! นิสัยไม่ดี ปล่อยเลย!!" พอรู้ตัวว่าโดนแกล้ง จากที่รู้สึกผิด ชีต้าห์ก็เลยรู้สึกหงุดหงิดแทน ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของคุณหมอ ก็ยิ่งเคืองจัด แต่พยายามสลัดแขนออกจากตัวคนขี้แกล้งเท่าไรก็ไม่หลุดซักที กลับกลายเป็นว่าหมอปุ่นพลิกตัวหันกลับมา ตวัดรอบเอวชีต้าห์เอาไว้ได้ คำสำคัญก็ต้องพูดต่อหน้าคนสำคัญถึงจะถูก
"อย่าเพิ่งโมโหซิ ไม่อยากรู้ ว่าเป็นใครรึไง..?" ชีต้าห์รีบส่ายหัวไปมาแทนคำตอบ พยายามแกะแขนคุณหมอที่โอบรอบเอวตัวเองออก แต่ก็ไม่สำเร็จ
"ไม่อยากรู้แล้ว!!" แทนที่หมอปุ่นจะโกรธที่โดนเด็กแสบตะโกนใสหน้า กลับคลี่ยิ้มออกมาซะงั้น เหลือบเห็นว่าริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันในเวลาที่โดนขัดใจ
"ใครคนนั้นของพี่หมอ ขี้หงุดหงิด กวน เอาแต่ใจ โวยวาย ดื้อ แล้ว..ก็ชอบทำหน้าแบบนี้อยู่เรื่อย" หมอปุ่นช้อนใบหน้าของเด็กดื้อขึ้นมา ใบหน้าขาวขึ้นสีจัด แต่ก็ไม่ได้ขยับหนี เพียงแต่ไม่กล้าที่หันมาสบตา
"ก็ในเมื่อเค้าคนนั้นนิสัยไม่ดี แล้วจะไปชอบทำไม..อ๊ะ!" คนที่กำลังเคืองจัดโดนหมอปุ่นรวบเข้าไปในอ้อมแขน ก่อนจะอุทานออกมาเพราะเจ้าของอ้อมแขนแกล้งกอดแน่น ได้ยินเสียงอู้อี้ของคนที่โดนกอด
"ไม่ได้ชอบ...แต่.." คำหวานที่คุณหมอจงใจกระซิบที่ข้างหู ทำเอาชีต้าห์หน้าร้อนวูบวาบอย่างช่วยไม่ได้ สมองมันอื้อคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ปล่อยให้กอดอยู่อย่างนั้น
"ปล่อยก่อน ผมอึดอัด" ที่อึดอัดก็เพราะหัวใจมันพองโต เหมือนมันจะออกมาเต้นข้างนอกได้ รู้สึกว่าแก้มตัวเองปวดไปหมดเพราะต้องกลั้นยิ้มอย่างสุดกำลัง
"ชีต้าห์..ไม่มีอะไรจะบอกพี่หมอหรอกรึ..?" ชีต้าห์แกล้งส่ายหัวรัว ทั้งที่กำลังยิ้ม พอหมอปุ่นก้มหน้าลงมาก็แกล้งทำเป็นหน้าบึ้งตึงอีกรอบ
"พี่หมออยากรู้เรื่องอะไรล่ะ!!?" พอโดนแกล้งถามกลับบ้าง หมอปุ่นก็ยืนอึ้ง พาลคิดไปว่าที่ทำไปเมื่อกี้ มันอาจจะเป็นเรื่องล้อเล่นก็เป็นได้ มือที่เกาะเกี่ยวอยู่บนเอวของไอ้เด็กแสบก็จำต้องปล่อยลงข้างตัว
"ความกล้าเมื่อกี้ไปไหนหมดล่ะ..?" ไอ้เด็กแสบที่ถอยออกไปห่าง ระยะที่แขนหมอปุ่นคว้าไม่ถึง ไปยืนอมยิ้มทำหน้ากวนประสาทเหมือนเคย
"หมายความว่า..?" ไม่มีคำตอบ มีแต่รอยยิ้มกว้างเหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ
"ก็หมายความว่า....ผมไม่บอกไง ฮ่า ๆ " นี่แหละที่เค้าว่ารักเด็กก็ต้องทำใจ แล้วยิ่งเป็นเด็กแสบอย่างชีต้าห์ ได้เหนื่อยตลอดชีวิตแน่... หมอปุ่นแอบอมยิ้มกับตัวเอง แบบนี้ถึงไม่บอกก็เดาคำตอบได้ หน้าแดงแบบนั้น เดาเอาว่าตอนนี้ใจกำลังเต้นแรง แถมด้วยอาการที่ไม่ยอมสบตากันตรง ๆ คำตอบ...ก็อยู่ตรงหน้านี้แล้วไง
....เด็กดื้อแบบนี้...จะลงโทษยังไงดีถึงจะเหมาะสม
"ชีต้าห์..คงจะไม่ชอบหน้าพี่หมอ ...ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ.." เสียงบ่นกึ่งเศร้าของคุณหมอที่กลับไปยืนหันหลังให้ ทำเอาชีต้าห์ยืนไม่ติดที่ หน้าซีดลงทันทีทั้งที่แค่คิดจะแกล้ง
"ชอบมองโลกในแง่ร้าย ก็เศร้าให้ตายไปเลย!!"
"ก็แล้วจะให้คิดยังไง เมื่อกี้ก็วิ่งหนี..ไม่ชอบกัน ก็ไม่ต้องสงสารหรอก โอ๊ย!!" เพราะแกล้งทำเป็นยืนหันหลังให้ หมอปุ่นก็เลยไม่ทันได้เห็น ว่าอีกฝ่ายโผนเข้ามา แล้วทุบกำปั้นลงที่กลางหลัง จนต้องหันกลับไปยึดข้อมือเล็กแต่ร้ายกาจเอาไว้
"ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย ไอ้พี่หมอบ้า!!" ชีต้าห์ตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด คิดเอาไว้ว่าคงจะได้เห็นใบหน้าเศร้า ๆ เหงา ๆ อีกรอบ แต่...ทำไมยิ้ม!! หรือว่า...
"จับได้แล้ว!!" เสือที่ว่าร้าย ยังต้องพ่ายให้เมื่อมาเจอคุณหมอเจ้าเล่ห์ ชีต้าห์อ้าปากค้าง ก่อนที่จะได้ยินเสียงกัดฟันกรอดนึกอยากชกหน้าซักหมัด แต่ในเมื่อข้อมือยังโดนพันธนาการเอาไว้ ..มันก็ต้อง.. ไว้เท่าความคิดก็ยกขาขึ้นหวังแตะหน้าแข้งหมอปุ่นซักที แต่ด้วยความที่กระดูกคนละเบอร์ สุดท้ายก็เลยต้องเจ็บเองอยู่ดี
"โอ๊ย!! เหวอ...!!! ปล่อยผมลง ๆ "
"เด็กดื้อ!! ต้องโดนลงโทษ" หมอปุ่นอาศัยจังหวะนั้น แบกไอ้เสือตัวแสบขึ้นมาบนไหล่ได้อย่างง่ายดาย จนอีกฝ่ายร้องเสียงหลง ก่อนจะยกมือฟาดก้นคนที่อยู่บนไหล่ตัวเอง ไอ้ยินเสียงร้องโอยเป็นระยะ พยายามยกกำปั้นทุบหลังเป็นการเอาคืน
"ไอ้พี่หมอบ้า!! ไม่เอาแบบนี้ ปล่อยผมลงเลย!! ไม่งั้นผมจะเปลี่ยนใจด้วย!!" ชีต้าห์ตะโกนขู่เป็นระยะ ก่นด่าในใจอีกนับคำไม่ถ้วน ..ไม่ได้เจ็บที่โดนตี แต่มันอับอายแทบตาย เป็นผู้ชายที่ต้องมาโดนผู้ชายตัวโตกว่าแบกขึ้นไหล่ รู้ไปถึงไหนอายเค้าตายแน่
"บอกมาก่อน แล้วพี่หมอจะปล่อยให้ลง.." ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ
หมอปุ่นกำลังชั่งใจเอา ว่าระหว่างปล่อยเด็กดื้อลง กับเค้นเอาความจริงให้ได้ตอนที่ยังมีโอกาส... ไม่ต้องตัดสินใจนานก็รู้ว่าเลือกอย่างหลัง ว่าแล้วก็เริ่มหมุนตัวพร้อมกับแบกไอ้เด็กแสบไว้บนหลัง เสื้อข้างหลังถูกกำแน่น พร้อมกับเสียงโวยวายดังลั่น ยังดีที่ตรงนี้เป็นท้ายหมูบ้าน ก็เลยไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา
"บอกแล้ว ๆ พอ ๆ " ชีต้าห์ใช้แรงทั้งหมดตะโกนบอกให้หยุด อาการตอนนี้ยิ่งกว่าขึ้นรถไฟเหาะมาสามรอบ
"ว่ามา...ถ้าคำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ จะพาลงทะเลทั้งแบบนี้เลย!!" หมอปุ่นสวมบทโหดเต็มที่ ทั้งที่คิดในใจไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด
"ชอบ!!" ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แม้จะฟังเหมือนโดนบังคับก็เถอะ แต่หมอปุ่นก็อดลิงโลดไม่ได้ ค่อย ๆ ว่างเด็กดื้อลงตามที่สัญญา ใบหน้าขาวขึ้นสีจัด เบือนหน้าหลบสายตา ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น แต่ก็ยังน่ามอง จนอดใจไม่ไหว ยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตที่แก้มใสนุ่มนิ่มนั้นอย่างหลงใหล
ชีต้าห์กำลังยืนอึ้ง ความอบอุ่นเมื่อครู่เหมือนสะกดให้ขยับไม่ได้ รู้สึกว่าอากาศมันร้อนเหมือนหัวจะระเบิด พอรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองชูกำปั้นขึ้นมา ตอนที่เห็นใบหน้าหมอปุ่นยิ้มอยู่ใกล้ ๆ
"อย่าเชียวนะ ถ้าคราวนี้ชก ไม่จบที่แก้มแน่!!" คำขู่ที่ทำให้คนที่ชูกำปั้นยืนกัดฟันกรอด ทั้งเขิน ทั้งอาย แล้วก็ยังรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่รู้สาเหตุอีก ต้องหาทางเอาคืนไอ้คุณหมอเจ้าเล่ห์ให้ได้ แต่ถ้ายังอยู่กันตามลำพังแบบนี้มีแต่จะเสียเปรียบหนักขึ้นไปอีก
"ผม..จะกลับบ้านพัก..!!"
"ไปซิ..กลับกัน ป่านนี้ไอ้หมอเนสมันคงบ่น ที่ทิ้งให้อยู่คนเดียว" ชีต้าห์เหลือบมองคุณหมอที่ยืนอมยิ้มอย่างหมั่นไส้จัด แถมยังทำเนียนคว้าข้อมือคนอื่นไปจับไว้หน้าตาเฉย
"เดินไม่ไหว..มึนหัว..โลกมันหมุนไปหมด" หมอปุ่นหันไปมองอย่างเป็นห่วง คงเพราะเมื่อกี้ เล่นมากไปหน่อย ขนาดตัวเองยังมึนนิดหน่อย แต่คนที่อยู่บนไหล่คงมึนกว่าหลายเท่า
"กลับไปนอนซักพักก็หาย มาขึ้นหลังพี่หมอนี่เร็ว!!" หมอปุ่นหันหลังให้แล้วย่อตัวลง ก็เลยไม่ได้เห็น...แววตาแพรวระยับของไอ้เด็กแสบ ที่ยอมขึ้นมาแปะอยู่บนหลังคุณหมออย่างว่าง่าย แถมออปชั่นเสริมด้วยการซบหัวลงบนไหล่กว้าง เหมือนจะบอกว่าตัวเองอาการแย่อย่างที่บอกจริง ๆ
หึ หึ แม่ผมสอนเอาไว้ว่า อย่าให้ใครมาว่าได้ว่าเราเป็นคนโกง แต่ก็อย่ายอมให้ใครมาเอาเปรียบเราได้ เพราะฉะนั้น เรื่องชอบก็ส่วนชอบ มันคนละเรื่องกับเรื่องเอาคืน แค่...หมอปุ่นแบกผมกลับบ้านพักหมอ ไม่ได้หมายความว่าเราเสมอกันหรอกนะ
"อ๊ะ!! พี่หมอ ผมทำรองเท้าตกไว้ที่ไหนก็ไม่รู้..กลับไปเอาให้ที.."
ทำไงได้ไอ้หมอปุ่น ก็รักเค้าไปแล้วนี่ ก็เลยต้องแบกไอ้เสือไว้บนหลัง เดินกลับไปทางเดิมทั้งที่ใกล้จะถึงบ้านพัก บอกว่าจะไปส่งที่บ้านก่อนแล้วค่อยกลับไปเอาก็ไม่ยอมปล่อย เกาะแน่นเป็นจิ้งจกอยู่บนหลัง ว่าจะมาถึงบ้านก็เล่นเอาเหนื่อย เดินไปเดินกลับหลายรอบ..
แล้วพอถึงหน้าบ้านไอ้เด็กแสบมันก็โดดลง แล้ววิ่งขึ้นไปบนบ้านหน้าตาเฉย แถมยังหันมายิ้มหวานหยาดเยิ้มให้อีกทีเพื่อเป็นการตอกย้ำ..ว่าคุณหมอโดนหลอก!! หมอปุ่นถอนหายใจเฮือก คลี่ยิ้มกับตัวเองเดินตามขึ้นไปบนบ้าน.. อยู่กับไอ้เสือตัวแสบ ชาตินี้คงไม่มีวันเบื่อ...
==================================
รวบกอดทุกท่านแน่น ๆ อึบ ๆ
ช้าไปหน่อย เนื่องจากคนเขียนแวะไปตรวจระดับน้ำตาลในเลือด 555+
(เค้าล้อเล่น )
ขอบคุณทุกเม้นท์ทุกคำติชม
ตอนที่แล้วแวะมาแปะฝากหมอเนส..ได้ข่าวว่ากระแสตอบรับดี
ชอบประโยคนี้จัง
"Love or friendship, one cannot serve two masters."
(ความรักหรือมิตรภาพ คุณเลือกได้เพียงหนึ่งเท่านั้น)
เดาเอาว่าน้อยคนที่จะไม่เคยแอบรักเพื่อนตัวเอง(ซักนิดหน่อยก็เหอะ) คึคึ
อีกนิด
ได้ข่าวว่าตอนนี้คู่หวานของตัวป่วนกำลังจะลาจอ
คงคิดถึงเนอะ
ตอนนี้ก็อ่านเรื่องสั้นของพี่นุ่นไปพลาง ๆ ก่อน
(หวานไม่แพ้กัน Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี)