เค้าว่ากันว่า...
เราจะสามารถยิ้มได้ทั้งวัน เพียงเพราะได้เห็นหน้าคนเพียงคนเดียว
แค่ได้อยู่ใกล้ ก็เหมือนกับว่าโลกมันสว่างสดใส
ยิ่งถ้าได้เห็นรอยยิ้ม หัวใจจะเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล
ไม่ว่าจะเป็นแค่มาม่า หรือ น้ำเปล่ามันก็อร่อยได้ ถ้าใครคนนั้นเต็มใจทำให้
ถ้านั่น..คือการตกหลุมรักละก็ ผมคงตกไปเต็ม ๆ ในวันที่คนขุดหลุม มีเจ้าของไปเสียแล้ว
ผมเคยเข้าใจว่า การที่เราสองคนอยู่ใกล้กันมาก บางครั้งเวลาที่ใครซักคนหายไป มันเหมือนกับว่าทั้งห้องมันกว้าง จนไม่อยากขยับเดินไปไหน นั่น...เป็นเพราะความเคยชิน มันเหมือน ๆ กับการที่วันหนึ่งเรามีโทรศัพท์ แล้วมันเกิดหายขึ้นมา จะรู้สึกหงุดหงิด ต่างกับความรู้สึกที่ไม่เคยมี เราก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย
"นั่นก็แปลว่า เรารักโทรศัพท์เครื่องนั้นจนเสียใจ ตอนที่มันหายไปไง..." เพื่อนสนิทของผมบอกแบบนั้น ตอนที่ผมเล่าความคิดนี้ให้ฟัง
สายตาของผมเหลือบมองออกไปมองข้างนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้ตัว ถ้าเกิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ก็แสดงว่าผมกำลังรักใครคนนั้น จนไม่สามารถขาดมันไปได้ ไม่ใช่แค่ความโหยหาให้อยู่ใกล้..
"แล้วถ้าเกิดว่า เรารู้สึกอยากครอบครองพอ ๆ กับความรู้สึกไม่อยากได้ล่ะ" ไอ้หมอปุ่นเงยหน้าจากหนังสือเล่มที่อ่านมามอง ทำท่าเหมือนคิดอะไรที่มันซับซ้อน
"คำถามนี้ตอบไม่ได้ว่ะ ว่าแต่ไปมีคนที่ชอบตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นบอกกันเลย ไอ้คุณเพื่อน!!" คนที่ชอบ....งั้นเหรอ!!?
"ไม่มีโว้ย อย่ามาทะลึ่ง เดี๋ยวก็จับกดซะเลย!!" คนที่กำลังคลอเคลียอยู่ข้าง ๆ แม้ว่ามันจะเป็นผู้ชายตัวสูงเกือบจะเท่ากัน แต่....มันนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
"ไอ้เนส เลวว่ะ!!" ไอ้คุณเพื่อนปุ่นทำหน้าสยดสยอง พร้อมกับตั้งการ์ดเหมือนกำลังป้องกันตัว ผมทำได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนแสร้งว่าพูดเล่นเหมือนที่ผ่านมา
การที่เราเฝ้ามองใครซักคน โดยไม่รู้จักเบื่อหรือเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่ามันจะทุกข์ สุข หรือว่าเศร้า แค่ได้เป็นคนแรกที่มันคิดถึง ก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยได้ อยากเป็น..คนพิเศษที่มีเพียงคนเดียว เป็นคนเดียวที่ถูกคิดถึง
"รำคาญไอ้สองตัวนั้นว่ะ ตามอยู่ได้ทุกวัน" เสียงบ่นพึมพำ ทำให้ผมชะโงกหน้าออกไปมองที่หน้าหอ ไอ้กิม กับไอ้ใหญ่ สองคนที่คอยตามแจกขนมจีบไอ้ปุ่น ทั้งที่พวกมันก็ออกจะป๊อบในหมู่สาว ๆ
"เสน่ห์แรงนี่หว่า 555+" มุมหนึ่งในใจอดรู้สึกปิติไม่ได้ ที่เห็นว่ามันแสดงออกอย่างชัดเจนแบบนั้น หมอเนสเปิดประตูออกไป แจกสัญลักษณ์นิ้วกลางให้ไอ้สองตัวที่ยืนเฝ้าหน้าหอ จะได้แสดงความเป็นเจ้าของ ก็ตอนที่ต้องการความช่วยเหลือ และผมก็เต็มใจ เสนอตัวเข้าไปช่วยมันเอง ไม่คิดว่า..ความรู้สึกตัวเองมันจะเผลอไผลคิดเป็นเรื่องจริงไปได้
"กู เป็น ผู้ชายโว้ย!!" ไอ้ปุ่นมันตะโกนลั่นห้อง มันจะพูดแบบนี้เฉพาะตอนที่โกรธ และหาที่ระบายไม่ได้ แล้วซักพัก
ปัง!!
นั่นแหละ มันจะเข้าไปอาบน้ำนานกว่าครึ่งชาติ รู้นิสัยมันดี เพราะมันเคยบอกว่าล้างหัวให้สะอาด เรื่องไม่ดีจะได้หลุดออกไปด้วย ...คิดไปได้นะ
กี่ปีแล้วนะ ที่ผมขาดมันไม่ได้ แม้ว่าจะไม่เคยบอก และมันไม่เคยเห็นตอนที่ผมเหวี่ยง เพราะมันไม่อยู่ ขนาดตอนเป็นแพทย์ฝึกหัด ผมยังแอบใช้เส้นนิดหน่อย ให้ได้มาอยู่ด้วยกัน มันยังไม่เคยเอะใจซักนิด
สายตาของผมจับจ้องไปยังภาพตรงหน้า คนสองคนที่กำลังจูงมือเดินเล่นกันอยู่ที่ชายหาด น่าแปลกที่สามารถยิ้มออกมาได้ ทั้งที่ในใจมันปวดหนึบ บอกตัวเองให้มองภาพของคนที่(แอบ)รักกำลังมีความสุขกับใครอีกคน ต้องมองมันให้ชิน เจ็บหนัก ๆ ครั้งเดียว ถ้ามันหายได้ก็คุ้ม(ละมั่ง)
อาจเป็นเพราะเรา อยู่ใกล้กันจนเกินไป บางครั้งก็เลยมองข้ามไป หรือไม่ก็อาจจะมีกำแพงหนา ๆ ที่เรียกว่ามิตรภาพ ทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ถ้าวันไหนมันเจ็บกลับมา อ้อมแขนของผมจะคอยกอดประโลมมันตอนนั้น แต่ถ้าไม่...ก็คงต้องทำใจสถานเดียว
"Excuse me, เออ...resort นี่, รู้จากหม๊ายย" หมอเนสที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ถึงกับสะดุ้ง พอหันไปตามเสียงพูดด้วยภาษาไทยเหน่อ ๆ ก็พบกับฝรั่งตาน้ำข้าวของแท้ ยืนสะพายเป้ใบใหญ่อยู่บนหลัง พร้อมกับแผ่นพับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว...
และบางครั้งพรหมลิขิตก็จะนำพาใครบางคนเข้ามา โดยไม่รู้ตัว...
==================
กอดหมอเนสบ้างอะไรบ้าง
เรื่องสั้นสุด Romantic ภาคต่อ..
Beija-Flor of the Amazon พิสูจน์มาแล้ว
