ตอนที่ 7
ผมนอนลืมตาโพลงในความมืด
สมองผมก็คิดวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
ผมนอนไม่หลับครับ เรื่องที่คุยกันเมื่อเย็นมันยังติดอยู่ในหัว
.
.
.
.
“พิ....มานั่งสิ ตามีเรื่องจะคุยด้วย” ตาบอกผม และมองผมด้วยแววตาของคนกลัดกลุ้ม หาทางออกไม่ได้
ผมหายใจไม่ออก
ผมเครียด
ผมคิดไปร้อยแปดในขณะที่ผมก้าวขาอย่างช้า ๆ ไปที่โซฟาข้างตัวตา
“เพื่อนกลับไปแล้วเหรอ?” พี่ช้างถามธรรมดา แต่ผมสะดุ้งสุดตัว
“ครับ...”ผมพูดไม่ออก มันไปต่อไม่ได้ ตามองผมแปลก ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ไทน่ารักดีนะ นิสัยดี ตาชอบ วันหลังก็ชวนมาเล่นบ้านเราอีกนะลูก พิจะได้มีเพื่อน”.....
ผมค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก กระพริบตาไล่ความตื่นเต้น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อปัดความกังวลที่ผมคิดไปเอง
“ครับตา” แต่พิเพิ่งจะไล่มันเองครับตา มันกวนตีนพิก่อนนะครับ
“พรุ่งนี้เช้ามืดตา กับช้าง แล้วก็อรจะเข้ากรุงเทพนะลูก
เพื่อนน้าโยเค้าติดต่อมา เค้าจะเอาอัฐิของน้าโยมาให้เรา…
พิไม่ต้องไปหรอกลูก ตากับช้างรับมือไหว ไม่ต้องห่วง
ตาทำใจได้แล้ว..”ตาบอก พร้อมลูบหัวผม
ผมไม่รู้จะสรรหาคำปลอบใจที่ดีที่สุดในโลกคำไหนมาปลอบตา
ผมรู้ดีว่าตาเสียใจ........แค่ไหน
น้ำตาผมไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ครับ มันไหลบดบังใบหน้าของผู้ชายที่ผมเรียกเค้าว่า ‘ตา’
จนเค้าต้องเอื้อมมือมาเช็ดให้น้ำตาผม
ผมมองใบหน้านี้อย่างเต็มตา
ไม่มีน้ำตาอยู่บนหน้าของตา แต่ดวงตาที่แดงก่ำ เหมือนคนที่พยายามเก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ ทำให้ผมรู้...
ว่าตาของผมพยายามจะเข้มแข็งต่อหน้าผมขนาดไหน
“ไปอาบน้ำ กินข้าวซะให้เรียบร้อย
พรุ่งนี้จ่ายค่าแรงคนหว่านข้าวแทนตาด้วยนะลูก
ไปหยิบที่เดิมนั่นแหละ ตาไม่ได้ย้ายที่ไปไหน” ตาลูบผมอีกครั้ง ก่อนจะดึงเข้ามากอด
“เลิกกังวลได้แล้วพิ ตาไม่ได้เป็นอะไร….
ไปกินข้าวเถอะ ไม่ต้องส่งตาเข้านอนนะลูก ตาจะสวดมนต์ห้องพระก่อนแล้วจะเข้านอนเอง” ผมยกมือไหว้ป้าอร กับพี่ช้าง แล้วเดินออกจากห้องรับแขก ไปกินข้าว อาบน้ำ
ไม่รับรู้อะไรนอกจากคำสั่งที่ตาสั่ง
มันหมดความรู้สึกไปเฉย ๆ
ผมพยายามข่มตาให้หลับเพื่อพรุ่งนี้เช้าจะได้เดินไปส่งตา พร้อมกับกอดให้กำลังใจตาด้วยใบหน้าสดใส
แต่....ทำยังไงผมก็ไม่สามารถจะหลับตาลงได้
แสงนวลในความมืดที่สาดส่องเข้ามาดึงความสนใจจากผม
มองไปนอกหน้าต่างก็เห็นพระจันทร์เต็มดวง...พระจันทร์วันนี้สวยมากครับ
ผมลุกมาจากเตียงแล้วนั่งมองตรงขอบหน้าต่าง
พระจันทร์......มันให้ความสว่างแทนพระอาทิตย์ได้ในตอนกลางคืน
ถึงแสงของมันจะไม่สว่างโชติช่วงเท่าดวงอาทิตย์...แต่ก็ทำให้สิ่งมีชีวิตอย่างผมได้รับความสงบจากแสงของมัน
ผมนั่งมองอยู่แบบนั้น...นานจนรู้สึกดีขึ้นถึงได้เดินกลับมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนได้ก็ควานหาโทรศัพท์มาตั้งปลุก กะจะตื่นซักตีสี่มาช่วยตาเตรียมตัว แต่หน้าจอผมมันโชว์ว่า
‘ 1 สายไม่ได้รับ ’ …ผมกดดูเบอร์มันขึ้นชื่อแปลก ๆ ว่า taiyou กดเลื่อนลงมาดูเวลาที่โทร เพิ่งจะโทรเข้ามานี่นา
ผมมีคนรู้จักชื่อ ‘ตาอยู่’ ด้วยเหรอ หรือคนงานหว่านข้าว?
ผมกดโทรออก ปลายสายกลับกดวาง แล้วก็โทรย้อนเข้ามาหาผม
ใครวะ?
“สวัสดีครับ.......สวัสดีครับ” ผมกดรับแล้วทักทาย แต่ปลายสายกลับเงียบ
“.....พิเสียงเพราะนะ ตัวจริงทำไมไม่พูดเพราะแบบ..”ผมไม่รอให้มันพูดจบ กดวางและปิดเครื่องทันที
ไอ้ไท!!!
มึงไม่มีอะไรทำใช่มั้ย กวนตีนกูทั้งวันไม่พอ ยังจะตามมาหลอกหลอนกูก่อนนอนอีก
สัตว์นรกกกกกก!!!
ผมปลงตกกับชะตาชีวิตเฮงซวยของผม
มันเป็นเหี้ยอะไรของมันครับ ตามรังควาน ป่วนชีวิตผมไม่เลิกจริง ๆ
แต่แปลกนะครับ..
ทั้งที่มันทั้งกวนตีน กวนประสาท ผมกลับไม่เห็นว่ามันจะแย่จนตัวเองรับไม่ไหว
กลับเผลอคิดไปทางที่ตรงกันข้ามกันราวฟ้ากับเหว...
น่ารักดี
ผมส่ายหัวกับความคิดประหลาดของตัวเอง ก่อนจะล้มตัวลงนอน
หลับตาลงทั้งที่เมื่อยหน้านั่นล่ะครับ
อะไรครับ....ผมไม่ได้ยิ้มอยู่นะ พวกคุณน่ะมั่วแล้ว555
........
เช้านี้ผมลุกขึ้นมาช่วยตาแต่งตัว และยังสามารถกอดให้กำลังใจส่งตาด้วยใบหน้าสดใส เหมือนที่ตั้งใจได้ด้วยครับ
ขอบคุณไอ้ไทที่มันทำให้ผมต้องปิดโทรศัพท์หนีมัน
ขอบคุณไอ้ไทที่ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าผมจะตั้งปลุกในโทรศัพท์ได้ยังไง ในเมื่อผมปิดเครื่องหนีมัน
ขอบคุณไอ้ไทที่ทำให้ผมตัดสินใจไม่นอน เพราะกังวลว่าจะตื่นมาส่ง และให้กำลังใจตาไม่ทัน
ขอบคุณ....จริง ๆ ผมแอบปาดน้ำที่หางตาด้วยความตื้นตัน
ตากูคงคิดจะส่งกูไปอยู่สวนสัตว์เชียงใหม่ทำรายได้แข่งกับแพนด้าจากเมืองจีน เพราะตอนนี้ขอบตากูคล้ำเกือบจะเท่าแพนด้าตัวจริง แต่ประกายนัยน์ตายังคงความสดใส น่ารักสูสีกับหลินปิง
กูซาบซึ้งในวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของมึงมาก
เหอะ ๆ ๆ ๆ ๆ
วันนี้พี่ช้างไม่ได้ขับรถเองครับ ให้พี่คนงานขับไปให้ ตา พี่ช้าง กับป้าอรนั่งหลังไปด้วยกัน ผมก็หายห่วงครับ เพราะพี่ช้างแกเก่ง รับมือได้กับทุกสถานการณ์ ยกเว้นเรื่องสาว ๆ 555 แม่เจ้าอินหนีไปเมื่อปีที่แล้วเองครับ พี่ช้างเป็นคนบ้างานมาก ไม่ค่อยกลับบ้าน หรือสนใจเรื่องในบ้านเท่าไหร่ ส่วนเจ้าอินเองก็ชอบตามพี่ช้างมาเล่นที่บ้านผมประจำอยู่แล้ว วันที่แม่เจ้าอินออกจากบ้านไปยังไม่มีใครรู้เลยครับ พี่ช้างเองก็ไม่ตาม แกว่า ‘ ถ้าไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ไม่ชอบบังคับใคร’ ผมเองเป็นคนนอก เลยไม่อยากยุ่มย่ามเรื่องของครอบครัวพี่ช้าง แต่ผมก็เห็นว่าแกมีความสุขดีนะครับ ดูจะมีความสุขยิ่งกว่าตอนที่แม่เจ้าอินอยู่ซะอีก555
หลังจากรถตาเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ผมก็ยกมือถือขึ้นมาดูเวลา เหลืออีกชั่วโมงพระจะมาบิณฑบาต ผมเดินเข้าบ้านไปหุงข้าว ผัดผักไปใส่บาตร แล้วก็ให้เหลือแค่พอกินซักสองมื้อ ป้าอรทำหมูทอด กับต้มข่าไก่ไว้ให้ผมแล้วครับ เดินออกมาพระท่านก็มาบิณฑบาตพอดี ผมกรวดน้ำให้น้าโยครับ ขอให้น้าโยไปสู่สุคติ
ใส่บาตรเสร็จก็มาเก็บล้างครัว ผมทำผัดผักรวมมิตรอย่างเดียว แต่สภาพครัวผมเหมือนผ่านสงครามโลกมาเลยครับ ผมยืนขำฝีมือตัวเองก่อนจะลงมือทำความสะอาด และกะให้พอดีกับเวลาจ่ายเงินคนหว่านข้าว
ผมเดินขึ้นบ้านมาหยิบและเตรียมเงินให้พอดีกับจำนวนคนงาน เดินลงไปให้ถึงก่อนเวลาซัก 3 นาที คนงานทยอยเดินมารับเงินกันแล้วครับ หนึ่งในจำนวนนั้นมีลุงคนงานที่เค้าไม่ค่อยสบาย แล้วเมื่อวานทำได้แค่ครึ่งวันก็ขอกลับ แต่ผมจะให้แกเต็มวันครับ ไม่ใช่ผมจะต้องให้กับทุกคนนะครับ แกไม่สบายจริง และมีภาระต้องดูแลหลานตัวเล็ก ๆ ที่ลูกชายแกทิ้งไว้ให้เลี้ยง
ผมจงใจเรียกแกเป็นชื่อสุดท้าย
“ลูกพี่ เมื่อวานผมทำแค่ครึ่งวันครับ..”แกพูดหลังจากรับเงินไปแล้ว
“รู้แล้วครับลุง ผมอยากช่วยค่าขนมหลาน ...ไม่ได้เหรอครับ” ลุงแกเงียบไป แล้วยกมือไหว้ผม ผมแทบจะรับไหว้ไม่ทันเลยครับ แกขอบคุณผมอีกหลายครั้ง จนผมบอกให้พอนั่นล่ะครับถึงได้ยอมหยุด
เสร็จหมดแล้วผมก็เดินไปปิดประตูบ้าน สั่งคนงานให้ดูบ้านให้ดี แล้วเดินเข้าไปในสวนมะม่วง ปูเสื่อแล้วล้มตัวลงนอนใต้ต้นมะม่วง ใช้แขนหนุนแทนหมอน ลมเย็น ๆ แบบนี้มันก็ทำให้ผมหลับได้ไม่ยากครับ
หลับไปนานเหมือนกันครับ จนท้องผมเริ่มก่อม็อบถึงต้องยอมตื่น
สลึมสลือลืมตาตื่นก็เห็นเหมือนหน้าคนลาง ๆ มาลอยอยู่ตรงหน้า ใครวะ?
แต่ผมยังอยากนอนนี่ครับ มันรู้สึกอุ่นใจที่มีคนอยู่ข้าง ๆ เลยหลับตาลงอีกครั้ง
สัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก
ไล่ลงมาเปลือกตา
แก้ม
คาง
มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันครับ
ผมรับสัมผัสนั้นอีกครั้งที่ริมฝีปาก
เหตุการณ์มันคุ้น ๆ เหมือนเทปฉายซ้ำอยู่ในหัวผม
ไอ้ไท!!!!
ผมลืมตาก็เจอตัวเป็น ๆ ของมันครับ กำลังดูดพลังงานชีวิตของผมอย่างไม่สนใจใคร
ผมผลักมันเมื่อรับรู้ถึงการรุกรานของลิ้นที่ส่งเข้ามาควานหาลิ้นผมเพื่อทักทาย
แต่มันกลับไม่สะทกสะท้าน ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจในการล่วงละเมิดริมฝีปากผม
“อื้อ...”ผมส่งเสียงประท้วง เรี่ยวแรงมันหายไปไหนไม่รู้ครับ เมื่อมือของมันค่อย ๆ ประคองหน้าผม ให้รับสัมผัสนั้นมากขึ้น
ลิ้นของมันพันเกี่ยวกับลิ้นของผมจนไม่รู้ว่าอันไหนลิ้นผม และอันไหนลิ้นมัน
...เชี่ยวชิบหาย
ผมปล่อยให้มันชิมจนพอใจ
ทุกครั้งที่ริมฝีปากมันสัมผัสกับปากผม...ต้องเกิดเสียงที่ทำให้ผมหวิวในช่องท้องตลอด
มันถอนจูบออก แล้วจูบซับความชื้นอีกหลายครั้ง
ผมลืมตาขึ้นเมื่อทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว
สบตากับตาสีน้ำตาลเชื่อมคู่นั้น...
รู้สึกหน้าร้อนไปถึงใบหู ตอนนี้กำลังลามมาที่คอแล้วครับ
ผมต้องพูดอะไรให้มันสำนึกบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะยิ่งย่ามใจ แล้วต่อไปมันอาจจะไม่หยุดแค่จูบ
“โคตรพ่อโคตรแม่มึงเค้าสอนให้ปลุกกันแบบนี้เหรอ!!!!”... ผมว่าผมพูดอะไรแปลก ๆ ใช่มั้ยครับ.. มันไม่ได้เกี่ยวกันเลยนะ!!!
มันยิ้มกว้าง......
แต่ผมอยากตายยยยยยยยย
ผมปัดมือมันออกก่อนจะลุกไป แต่สงสัยว่าผมจะยังไม่ตื่นดี ขามันเลยไม่ค่อยมีแรง เดินเป๋ไปทางซ้ายที ขวาที ใครบอกว่าโลกกลม กูขอเถียง! มันเอียงต่างหาก
ผมถามคุณอีกครั้งนะครับ
ผมจะทำยังไงกับมันดี?
มันเดินตีคู่มากับผม โดยที่ผมหันหน้าไปมองต้นมะม่วงข้างทางแทนที่จะมองหน้ามัน ใครจะมองมันได้สนิทใจล่ะครับ
ผมเพิ่งจะรู้วันนี้เอง...ว่าต้นมะม่วงมันมีแสงส่องออกมาจากต้นเองได้ เปล่งประกายสวยงามไปทั้งสวน เหมือนอยู่ในเอเดนเลยครับ
“พิทานข้าวเที่ยงรึยัง? ผมยังเลยอ่ะ หิวแล้ว...มีไรเลี้ยงผมบ้างเนี่ย?”......ไปหาแดกข้างหน้าไป ไม่ต้องมาชวนกูคุย ขโมยจูบกูตอนหลับยังไม่หนำใจมึงใช่มั้ย ต้องมาขอข้าวกูกินอีก จะให้กูนั่งกินข้าวกับมึงแล้วทำหน้ามีความสุขมากที่ได้ให้อาหารสัตว์สงวนอย่างมึง
กูทำใจไม่ได้โว้ยยยยยยย
“...ต้มข่าไก่ หมูทอด ผัดผัก ไม่ชอบก็ไม่ต้องกิน”…
ถ้าผมกัดลิ้นตายก็ไม่ต้องสงสารผมนะครับ
เดินมาถึงบ้านมันก็เข้าครัว หยิบจานมาตักข้าว แล้วก็ส่งให้ผม
หึหึหึ จะมากไปละ นี่มันบ้านกู...อย่ามาเสือกทำเหมือนบ้านตัวเอง
“..เอาพริกน้ำปลาด้วย” เรื่องอะไรจะด่ามันให้เสียน้ำลายล่ะครับ อยากทำมึงทำให้เต็มที่ เก็บล้างด้วยจะดีมาก555
กินข้าวเสร็จมันก็ชวนผมดูหนัง ผมเหลือบดูนาฬิกา ตอนนี้บ่ายสามครึ่ง หนังเรื่องหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่าชั่วโมง ไม่ได้ครับ มันอันตราย
“ไท อย่าหาว่ากูไล่เลยนะ มึงกลับบ้านไปเถอะ กูเหนื่อย...กูจะนอนแล้ว” ผมพูดตัดบทก่อนจะเดินผ่านหน้ามันขึ้นไปห้องตัวเอง แต่ถูกมันคว้าแขนแล้วลากไปที่ซิงค์ล้างจาน ก่อนจะผลักผมติดกับผนังห้องครัว
“...ไม่อยากอยู่ใกล้ เพราะกลัวไท
หรือเพราะพิกลัวใจตัวเอง ?...”ผมสบสายตาที่จริงจังคู่นั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายหลบตาซะเอง
“มึงเป็นพยาธิในท้องกูรึไง อย่ามารู้ดีกว่าตัวกูหน่อยเลย กลับไปเถอะ แล้วก็ปล่อยกูด้วย” ..มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลมหายใจมันปะทะหน้าผมเต็ม ๆ
ผมรู้โดยสัญชาตญาณว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้ ผมถูกมันลวนลามแน่ รีบเบี่ยงตัวออกมา แต่ก็ถูกกั้นไว้ด้วยแขนของมัน
มันอยากได้อะไรจากผมครับ
“...มึงอยากจะพูดอะไรไอ้ไท มึงว่ามาเลย อย่าคิดว่ากูยอมให้มึงจูบเพราะกูพิศวาสมึงนะ
กูไม่ใช่เกย์ แล้วก็ไม่มีทางเป็นด้วย
ตัวมึงเองต่างหาก ที่คอยมายุ่มย่ามกับกู พยายามเข้ามาหา เข้ามาใกล้กู...” ผมพูดไม่จบประโยคก็ต้องตกใจ
มันไม่ได้โถมตัวเข้ามาจูบปิดปากเหมือนในนิยายเล่มละ 12 บาท ที่ขายตามเซเว่นหรอกครับ
มันเอาแก้มมันมาแตะกับแก้มผม ท่าทางเหมือนคนก้มลงมากระซิบ แต่ค้างเอาไว้
ผมหอบหายใจแรง หัวใจเต้นเร็วเพราะตะเบ็งเสียงใส่มัน
นิ่งอยู่อย่างนั้น...นาน....จนใจผมเริ่มสงบ
ในหัวผมตอนนี้มันตีกันไปหมด สำนึกในทางดีก็บอกให้ผลักมันออก ผมสู้มันได้อยู่แล้ว
แต่สำนึกด้านมืด มันบอกให้ผมฟังเสียงในใจตัวเอง และยอมรับซะว่าผมอยากได้อ้อมกอดของมัน
ผมกำหมัดแน่นไม่รู้ตัว
มันขยับแก้มมาเบียดและถูเบา ๆ กับแก้มผม
จูบพรมที่ใบหู.....ผมย่นคอหลบ
มันเปลี่ยนเป้าหมายมาที่แก้ม
ลากปลายจมูกวนทั่ววงหน้า
ถอนหน้าออกมา......มองตาผม
แล้วค่อย ๆ กดริมฝีปากแตะริมฝีปากผม
และบดเบียดริมฝีปากเข้ามาเรื่อย ๆ
กัดเบา ๆ เหมือนมันเขี้ยว
ส่งลิ้นเข้ามารุกล้ำอาณาเขตส่วนตัวในปากผม...แต่ผมก็ปล่อยให้มันถือสิทธิ์โดยชอบธรรม...โดยที่ผมยอมจำนนต่อการรุกล้ำนั้น...เนิ่นนาน...
มันถอนจูบออก และใช้มือสองข้างประคองใบหน้าผม นิ้วโป้งเกลี่ยที่ริมฝีปากเบา ๆ
ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้วครับ
“....ทำแบบนี้ทำไม” มือผมค่อย ๆ แตะเข้าที่หลังมือของมัน
“…..ทำไม?” ผมถามมันอีกครั้ง
มันพลิกมือมาจับมือผม และก้มหน้าลงจูบที่หลังมือ มือผมตอนนี้อยู่ที่คางผม ผมได้แต่จ้องผมหนาของมันและรอคำตอบ
นานจนผมท้อ วันนี้....ผมคงไม่ได้คำตอบจากมันแล้วล่ะครับ
แต่จู่ ๆ มันก็เงยหน้าขึ้นมา
แล้วเอ่ยคำที่มันอุ่นวาบลงไป........ถึงหัวใจผม
“เพราะ...ชอบ...
ผมชอบพิ
คบกับผมนะ...”
...........................