1 วันธรรมดาเสียงสับมีดลงกับเขียงดังก่อก ๆๆๆ ปลุกให้ตื่นรับยามสาย ลุกขึ้นนั่งแล้วอ้าปากหาวหวอด บิดขี้เกียจมือปัดป่ายไปรอบตัว เหวี่ยงเล่นอีกสองสามหนแล้วหลุดขำกับท่าทางไม่ยอมโตของตัวเอง ดีที่หน้าผมหล่อน่ารักนะ..ไม่งั้นตอนทำคงเหมือนเด็กเอ๋อเหรอเออเร่อ ฮ่าๆๆๆๆๆ
จมูกได้กลิ่นหอมของกับข้าวหลากหลาย สาบานได้ว่าผมได้กลิ่นไข่เจียวปนกับผัดกระเพาอะไรสักอย่าง ขอให้เป็นเนื้อเถ๊อะ สะบัดผ้าห่มไปด้านหลัง กระโดดขึ้นยืนแล้วขย่มเด้ง ๆ บนเตียงอีกสองหนเรียกพลัง พุ่งลงจากเตียง ใส่สปีดเต็มสูบวิ่งเร็วจี๋ลงไปห้องครัว เปิดประตูผาง พุ่งหลาวใส่เด็กญี่ปุ่นที่กำลังอยู่ในท่าทาง..มือข้างหนึ่งค้างที่หัวเตาแก๊ส อีกข้างกำตะหลิวแน่น หน้าหล่อหันข้างชะงักกึกสบตาผม ควันกับข้าวในกระทะหมุนตัวเป็นเกลียวงดงาม เหมือนผมที่กำลังจิกปลายเท้าแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว หมุนตัวติดกันถึง 3 รอบก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงสู่อ้อมแขนกว้างที่อ้ารออย่างพอดิบพอดี
“ฮ่าห์..ยังแม่นยำเหมือนเดิม” หลับตาพริ้ม เอ่ยปากเสียงล่องลอย อมยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบตอบข้างหู ‘ครับผม’ วาดมือโอบรอบคอแล้วยกแผ่นหลังขึ้นเชื่องช้า ลืมตาขึ้นสบตาสีสวยของไทระยะประชิด ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์เรียกยิ้มเอ็นดูของเด็กญี่ปุ่นในทันที เขี่ยปลายจมูกไทด้วยปลายจมูกผมเองเหมือนจะยั่ว ผละจากอ้อมแขนที่เริ่มจะออกแรงรัดแล้วเผ่นพลิ้วด้วยการตวัดปลายเท้าไปด้านข้าง กางแขนขนานพื้น หลับตานึกภาพฉากไคลแมกซ์ของหนังเรื่องที่ยืมพี่ที่รีสอร์ทมาเมื่อวาน
จะว่าไป..ผมก็อิจฉาพระเอกผิวหมึกคนนั้นอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
กลั้นขำเมื่อมือสากแตะเข้าที่บั้นท้าย มือปัดแล้วพลิกหนีด้วยท่วงท่ายียวน ชี้นิ้วแขนเหยียดตรงแล้วส่ายปลายนิ้วไปมา เด็กญี่ปุ่นยิ้มร้ายแล้วดึงผ้ากันเปื้อนออกจากหัว ทันทีที่ผ้ากันเปื้อนหล่นถึงพื้น ผมก็ถูกลูกครึ่งเข้าถึงตัวแล้วเรียบร้อย
“เฮ้ย.. อย่าเอาหนวดถูเซ่ อย่า!! ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผลักหน้าหล่อที่กำลังซุกเข้าที่ซอกคอผมอย่างเมามันส์ ดันไปทางไหนมันก็หาที่ว่างมาฟัดได้ตลอด เหนื่อยใจกับการถูกรังแกอย่างไม่เต็มใจ ทิ้งตัวลงนั่งแล้วซุกหน้าเข้าระหว่างหัวเข่า คิดไว้ว่าท่านี้ที่คิดขึ้นมาด้วยมันสมองอันชาญฉลาด..จะทัดทานแรงมารของคุณอาทิตย์ได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ผู้มีเสน่ห์ล้นหลามอย่างผม..ก็พลั้งได้
นอนดิ้นพล่านให้ไทโยฟัดจนหน้าแดงเป็นปื้น ขำจนหมดแรง ตัวอ่อนระทวยให้ไทดึงขึ้นมานั่งตักแล้วหายใจเข้าช้า ๆ หายใจออกแรง ๆ ปรับลมหายใจเป็นปกติได้ก็หันมาหอมหัวทุยที่เอาหัวซบไหล่ผมเบา ๆ หน้าหล่อเงยมายิ้มบางแล้วยื่นริมฝีปากสีแดงเหมือนเลือดเข้ามาจุ๊บ ทำปากยื่นรับจูบเล็ก ๆ แล้วเบี่ยงหน้าไปหอมแก้มที่มีหนวดสากจมูกแรง ๆ ผละออกมามองนัยน์ตาสีน้ำตาลที่มีรอยยิ้มของผมสะท้อนอยู่
ไม่เคยเบื่อจะมองเลย..ให้ตาย
ไทโยยิ้มบางแล้วเกลี่ยนิ้วที่แก้มผมเบา ๆ ผมเอียงหน้าซบมือข้างนั้น ยิ้มแป้น ตาหยี หน้าผากรับสัมผัสอุ่น ลืมตาขึ้นมองแพขนตาหนาที่อยู่ใกล้ตา คลี่ยิ้มรับริมฝีปากอุ่นที่ทาบลงมาแผ่วเบา จูบตอบริมฝีปากสีแดงที่เคลื่อนไหวไปตามรูปปากอ้อยอิ่ง ไม่มีลิ้นสอดเข้ามาพัน มีแค่ลมหายใจที่เข้าออกเป็นจังหวะเดียวกัน ความรู้สึก..เหมือนนอนอยู่บนเตียงที่ปูด้วยขนนก
“พิ..ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน?” ลืมตาแล้วใช้สองมือประคองแก้มตัวไว้ทั้ง 2 ข้าง พยักหน้าขึ้นลงแล้วลุกจากตักเด็กญี่ปุ่น เดินตัวปลิวพร้อมเสียงขำพรืดที่ส่งผมออกจากห้อง มันน่าจะดูออกตั้งแต่ผมวาดลีลาบัลเล่ต์แดนซ์สเตปเทพเมื่อครู่..ทั้งชุดนอนเลยนะเฟ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆ
วิ่งแน่บขึ้นชั้นบนแล้วอาบน้ำแต่งตัวลงไปอีกหน ยิ้มให้ไทที่กำลังยกกับข้าวมาวางที่โต๊ะ เหลียวมองรอบตัวแล้วหดคอหนีจูบที่นาบลงซอกคอด้านซ้าย
“ตายังไม่ตื่นครับ ไทขึ้นไปปลุกเมื่อกี้เอง” ใช้พลังจิตส่องความคิดกูเสมอ พยักหน้าแล้วลูบที่รอยอุ่นตรงซอกคอเบา ๆ เดินตามเด็กญี่ปุ่นไปช่วยยกน้ำกับแก้วออกมาวางที่โต๊ะ ยิ้มมุมปากแล้วขยับชิด เงยหน้าจูบปลายคางแล้วดีดเท้าถอยห่าง มองปลายมือที่คว้าลมของเด็กญี่ปุ่นแล้วยิ้มกว้างชอบใจ เบือนหน้าไปมองตาที่เดินลงบันไดมาพอดี ปรายตาไปมองหน้าหล่อที่กำลังข่มกรามแน่น ท่าจะหมั่นเขี้ยวผมมาก แต่มึงแหกตาดูเสียก่อนว่าตากูเยื้องย่างลงมาแล้ว..โชคเข้าข้างผมเสมอครับ
ยื่นมือรับมือเหี่ยวมาจับ ประคองตามานั่งที่เก้าอี้ เด็กญี่ปุ่นตักข้าว ผมตักกับข้าวโน่นนี่มาให้กิน กินเสร็จตาก็นั่งดูทีวีรอผมกับไทโยเก็บจาน มันล้าง ผมเช็ด อาจจะมีลวนลามกันบ้าง แต่ก็ใช้เวลารวดเร็วเพราะมีคนรอผมกับไทอยู่ เช็ดมือที่เสื้อไทแล้ววิ่งออกมานั่งกับพื้น เอาหัวซบที่วางมือเก้าอี้ตา ปล่อยให้ฝ่ามืออุ่นของตาลูบหัวผมเบา ๆ
“ไทโย ตอนเจ้าพิยังเด็กซนมาก มีอยู่หนหนึ่ง เขาวิ่งไปเล่นหลังบ้านกับหมาของคนงาน ตามัวแต่จ่ายเงินคนงานอยู่หลังบ้าน จนมีคนงานเจ้าของหมามาตามหาหมาจะกลับบ้านนั่นล่ะ ตาถึงได้เดินตามหาเจ้าพิแถวหลังบ้าน ก็ไปเจอเจ้าพิจับหมาเขาล่ามไว้แล้วกอดคอหมาเข้าไว้แน่น ตาสั่งให้ปล่อยหมาคืนเจ้าของ เจ้าพิก็ไม่ยอม ขนาดตีไปหลายทียังดื้อ จนตาต้องเอามีดมาตัดเชือกแล้วจับเจ้าพิให้เข้าบ้านไปนั่นล่ะ เจ้าของถึงเอาหมากลับไปได้..” เงยหน้ายิ้มให้ตาฝ้าฟางที่เหม่อลอยยามคิดถึงเรื่องในวันวาน ไทยิ้มน้อย ๆ แล้วขยับลงมานั่งอีกฝั่งของตา ยื่นมือจับมือตาแล้วลูบหลังมือเบา ๆ เรามองตากัน..ฟังเรื่องสมัยก่อนของผมจากตาอย่างไม่รู้เบื่อ
กินข้าวเที่ยงเสร็จก็ปล่อยให้ตานอนกลางวันเพราะยาโรคหัวใจที่ตากินไปมันต้องการให้ตาพักผ่อน ผมปล่อยให้ไทเก็บล้างคนเดียวแล้วออกมานั่งเล่นรอในสวนมะม่วงหลังบ้าน เด็กญี่ปุ่นตามมานั่งข้าง ๆ ให้ผมได้เอนซบไหล่หนา
เรื่องตอนเด็กที่ตาเล่าให้ฟังย้อนเข้ามาในหัว ตอนนั้นผมชอบหมาตัวนั้นจริง ๆ อยากได้มาก แต่ก็รู้ว่า..มันไม่ใช่ของผม ตาเคยพาผมไปบ้านน้าคนนั้นเพราะหมาตัวนั้นคลอดลูกหลายตัว แต่ผมก็ไม่ได้เลือกมาสักตัว ผมอยากได้หมาตัวนั้น ไม่ได้อยากได้ลูกมัน ตอนนั้นผมคิดอย่างนี้จริง ๆ..
“ไท..เลี้ยงหมากันมั้ย?” ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา ผมมองท้องฟ้าสีสดเปลี่ยนรูปไปมาตามแรงลมที่ไหวอยู่ด้านบน ผ่อนลมหายใจและผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ทิ้งตัวลงหนุนตักอุ่น มองหน้าคมที่เงยจ้องก้อนเมฆบนหัว เด็กญี่ปุ่นก้มมองตาผม แล้วยิ้มบาง
“ถ้าอยากเลี้ยงจริง ๆ ก็เลี้ยงครับ” ยิ้มเนือยแล้วหลับตานิ่ง ชั่งใจอยู่นานระหว่างความอยากเลี้ยงหมา กับการใช้ชีวิตประจำวันเดิม ๆ ภาพโกลเด้นท์ตัวนั้นโผล่เข้ามาในหัว ขนสีทองอร่าม สี่ขาวิ่งวนรอบตัวผม แต่ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกันแล้ว ผมโตแล้ว
วันนี้ ความน่ารักของโกลเด้นท์ตัวนั้น..ไม่มากพอจะทำให้ผมอยากเลี้ยง เท่าอยู่ใกล้ ๆ และดูแลเด็กญี่ปุ่นเหมือนทุกวัน
ลืมตาขึ้นมาสบตาสีสวย แล้วบอกสั้น ๆ ..
“ไม่เอาดีกว่า” ไทไม่ถามซอกแซกว่าทำไม มือใหญ่ที่กุมมือผมบีบรับรู้คำตอบผมเบา ๆ หลับตาลงปล่อยให้เด็กญี่ปุ่นดึงมือขึ้นไปหอมจนเย็น ผมลุกขึ้นนั่งแล้วปล่อยให้ไทค่อย ๆ เหยียดขาไล่ตะคริว กอดอกยิ้มสมเพช รอจนไทเป็นปกติแล้วเดินจับมือแกว่งแขนเข้าบ้านมาพร้อมกัน
วันนี้ตาลงครัวทำกับข้าวเย็นกับเราด้วย ผมช่วยสังหารปลาช่อน ไทลงทุนนั่งตำพริกแกงเผ็ดเอง พอผมเอาไส้กับขี้ปลาออกเสร็จ ตาก็ให้ผมก่อไฟ..เผาปลาช่อน
ไทถึงกับปล่อยสากลงก้นครก มันนึกว่าตาจะเอาปลามาแกงเพราะเห็นตาเด็ดผักบุ้งอยู่ หันไปมองแล้วทำคิ้วเลิกสูง ๆ ปากบู่หน่อย ๆ แล้วกระซิบไม่มีเสียงแต่อ่านความหมายได้ชัดเจน ‘ฮ้าห์..เสือกเองนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ’ ไทหรี่ตาแล้วยิ้มร้ายส่งให้ ผมยักไหล่แล้วหันกลับไปเตรียมกาบมะพร้าวมาใส่ ปลาจะหอมมากกว่าเราย่างด้วยถ่านธรรมดาครับ แล้วอย่าลืมตัดใบตองมาคลุมตอนย่างด้วย มัน จะ หอม และ หย่อยมากกกกก
ระหว่างรอให้ปลาสุก ผมก็มาช่วยเด็กญี่ปุ่นซอยหอมทำน้ำปลาหวาน พอหั่นเสร็จตาก็ไล่ให้ไปเด็ดสะเดา หันหลังมามองตายกจานหอมซอยไปทอด ไทเอานิ้วรอจิ้มแก้ม ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณเลยเบี่ยงหน้าหนีนิ้วอ้วน ๆ ได้อย่างสบาย ๆ ไทลดนิ้วลงและหรี่ตามองอีกครั้ง คราวนี้ผมฉลาดพอจะไม่กวนตีนในระยะหวังผลแบบนี้ ใช้ยิ้มกว้างกับเอาหัวถูไหล่..ป้องกันการโดนตอหนวดฟัดครับ
ไทโอบเอวหนาของผมเดินเข้าใต้ต้นสะเดาหลังบ้าน เราสิงอยู่หลังต้นนานมากเพราะปากกับลิ้นจำต้องทักทายกัน ดุเดือดถึงกับต้องทรุดเข่าลงนั่งหอบหายใจกับพื้น..ผมคนเดียวเหอะที่หายใจไม่ทันอ่ะ เงยหน้าขึ้นมองไทหักกิ่งสะเดามาหลายกิ่ง มันโยนมาให้ผมเลือกเด็ดเอาแต่ยอดอ่อน ๆ ผมนั่งขัดสมาธิเลือกมาได้หนึ่งกำมือใหญ่ ๆ ก็ยื่นมือให้ไทฉุดลุกขึ้นยืน เดินกลับบ้านก็เอาไหล่กระแทก มันฉกจูบกลับจนหน้าผมมีแต่น้ำลาย
จะว่าไป..มันก็เหมือนโกลเด้นท์ตัวเต็มวัยเหมือนกันครับ
เราช่วยกันทำสะเดาน้ำปลาหวานเสร็จก็หันมาสุมหัวปรึกษากันว่าควรจะทำอะไรกันอีกสัก 2-3 อย่าง ไทจะทำน้ำพริกกะปิ ตารับทำแกงจืดผักกาดขาวกับเต้าหู้ แถมด้วยผัดผักบุ้งไฟแดง..ผักบุ้งที่เด็กญี่ปุ่นคิดว่าตาจะเอามาแกงไงครับ ผมเลยรับหน้าที่ทอดปลาทูกับไข่เจียวหมูสับเอง ตากับเด็กญี่ปุ่นหันมามองผมทันที ผมเลิกคิ้วใส่แล้วทำนิ้วชี้โบกโยกไปมา
“อย่าห่วงเรื่องที่ไม่ควรห่วง..ผมพัฒนาฝีมือมาไกลจากคำว่า ‘ห่วยแตก’ นานแล้ว” ไทยิ้มเจื่อน ตาถอนหายใจแล้วส่ายหัว อะไร..แม้แต่คุณก็ไม่เชื่อเหรอ?! เฮอะ..มาดูกัน!!!
หยิบชามใบใหญ่มาแล้วตอกไข่มือเดียวด้วยความชำนาญ หกเลอะไปบ้างก็อย่าใส่ใจ หมุนตัวหยิบส้อมมาตีไข่ด้วยข้อมือทรงพลัง ฉุบๆๆๆๆๆๆๆๆ กระฉอกใส่มือนิดหน่อย..ล้างได้ หมุนข้อเท้าเอี้ยวตัวมาควงปังตอสับหมูด้วยความเทพ ใช้มีดปาดหมูสับสะบัดใส่ชามที่ตีไข่ไว้แล้ว จับส้อมตีให้เข้ากัน หยิบกระเทียมใส่เขียงและตบด้วยปังตอ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน พอน้ำมันนิ่งก็โยนกระเทียมลงไป ไม่รอให้ไหม้ผมก็เทไข่กับหมูลงกระทะทันที จับตะหลิวแน่นพอ ๆ กับจับด้ามกระทะ พลิกไข่กลับด้านด้วยประสบการณ์..
คุณไม่เจอผมเป็นเดือน..ไม่รู้หรอกว่าผมทุ่มเทเพื่อให้มีวันนี้ขนาดไหน ฮ่าๆๆๆๆๆ
ไม่รู้ว่าเพราะความเก่งที่ติดตัวมาแต่เกิด หรือพรสวรรค์ที่เบื้องบนประทานมาให้ด้วยเสน่หา อย่างไหนกันแน่ที่ทำให้ไข่เจียวและลีลาของผมสะกดนิ่งคนที่ได้เห็นทั้งหมด อย่างไรก็ตาม..ตรงหน้าผมมันก็มีไข่เจียวหมูสับที่ดูดีทั้งหน้าตาและน่าจะรสชาติด้วย วางลงบนโต๊ะแล้วหันมาเทน้ำมันใส่ลงกระทะใบเดิมให้เยอะ ใส่ปลาทูลงไป 3 ตัวแล้วหาฝาหม้อมาปิด เบาแก๊สและหันมามองไทที่กำลังจะตำน้ำพริกกะปิได้แล้ว
“พี่ช่วย’ไรมั้ยน้อง?” เดินเข้าประชิด รวบกอดสอดมือเข้ากอดเอวหนา หยิบมะเขือพวงมาเด็ดออกจากขั้ว เขย่งเท้าเอาคางเกยไหล่ ไทโยผ่อนลมหายใจแล้วหยิบพริกขี้หนูมาเด็ดบ้าง
เลิกจ้อง เลิกเกร็งแทนกูเถอะ..กูเขิน -/////-
ใช้ความหวานสยบคำแซวของตาที่ตั้งท่าจะชมผมว่าเก่งโคตร ปล่อยให้ตามองเราแล้วส่ายหน้าเบื่อหน่ายกับความรักที่ผมแสดงออกกับไทโย พอไททำในส่วนที่ไทรับผิดชอบเสร็จ ผมก็เข้าไปป่วนตาบ้าง
“เจ้าพิ!!! หั่นเล็กกว่านี้ลูก..ก้อนเท่านี้ ก้อนเดียวก็เต็มชาม...” อมยิ้มกับเสียงตามวัยของตา ก็แค่ผมหั่นเต้าหู้ก้อนเท่าไข่แค่นี้ มันนิ่มจะตาย เอาช้อนตักแบ่งเอาก็ได้ กินเอง..ไม่เห็นต้องทำสวยนี่ครับ ช่วยกันทำเสร็จก็ตั้งโต๊ะ ผมโทรหาพี่ช้างให้มากินด้วยกัน พี่ช้างอยู่ข้างนอกเลยอดกินกับข้าวขึ้นแท่นบูชาของผมอย่างน่าเสียดาย
จับช้อนตักไข่เจียวหมูสับคำโตส่งให้ในจานตา ตามด้วยความใหญ่เป็น 2 เท่าให้จานข้าวไทโย ให้แม่งเหลือน้อย ๆ ครับ กลัวต้องยัดห่าเองอ่ะ
“พิลองดู..อร่อยมากครับ” ยิ้มแหยให้ไข่เจียวในชอนไท ทำเมินเบอืนหน้าไปมองแกงจืดของตา แต่ไข่สีเหลือง ๆ ตามติดจนต้องยอมแพ้ อ้าปากรับไข่เจียวฝีมือตัวเองมาเคี้ยว ไงดีล่ะ..
ไข่มันกรอบ แล้วหมูไม่ค่อยสุกอ่ะ โคตรนุ่มเหอะ แถมร้อนปากพองอีกต่างหาก 8 เต็ม 10 อ่ะจานนี้ ยิ้มทั้งที่ปากมีไข่คาอยู่ เอาเถอะ..อยากจะคิดไปไกลถึงไหนก็ทำตามสบาย ณ เวลานี้..ผมขอเททุกอย่างลงหลุมดำก่อนล่ะ
“เอิ้กกกกก” นี่ไม่ใช่เสียงผมครับ หลังจากการโม่ บด ปั่นของที่อยู่บนโต๊ะเสร็จ ตาก็เรอออกมาอย่างดัง ก่อนจะทิ้งตัวเอนพนักอย่างหมดแรง ผมกับไทขำก๊ากแล้วพยุงตาขึ้นชั้นบน ตาไล่ใหลงมาเก็บสำรับแล้วสั่งให้ปิดล็อคบ้านให้เรียบรอยแล้วค่อยเข้านอน
ผมเก็บโต๊ะ ในขณะที่เด็กญี่ปุ่นออกไปปิดรั้ว มันเข้ามาก็ต้องช่วยผมล้างจานที่เหลือ จานกลมในมือมันดึงให้ผมนึกถึงภาพวันที่ผ่านมา ไทเข้ามายืนล้างจานให้ผมครั้งแรกกับไทในตอนนี้..ไม่ต่างกันมากนัก ไทตอนนั้นยังเด็ก ผิวใสกิ๊ง ต่างกับไทในตอนนี้..นิดหน่อย
ล้างจานเสร็จผมก็ยื่นมือไปให้ไทช่วยล้างมือ
ดูเหมือนภาพในวันก่อน..จะไม่ได้เล่นงานผมแค่คนเดียว
มือที่จับมือผมล้างฟองออก กำลังหยิบผ้าเช็ดมืออกมาลูบน้ำออกจากมือให้เบา ๆ ดวงตาสวยจับจ้องดวงตาผม ไล่ลงมาตามสันจมูก และจบที่..ริมฝีปาก ผมขยับเท้าก้าวถอยหลัง ไทโยก้าวตาม ดวงตาสีน้ำตาลของไทจับจ้องที่ริมฝีปากผมไม่ละสายตา หลังติดผนัง มือใหญ่ทาบคร่อมไม่ให้หนี ริมฝีปากสีแดงก้มมาแตะแผ่ว ขยับริมฝีปากตัวเองตามการรุก..เสียงครางดังผะแผ่ว
ก่อนผมกับไทจะเตลิดไกลไม่กู่กลับ เราจำต้องหยุดขยับรับและรุกเสียในบัดดล ผมหอบ ไทหายใจแรง ตาสวยเชื่อมจ้องผมอย่างกับจะกลืนเข้าไปทั้งตัว..
เอาเถอะ..ผมรู้อยู่แล้วว่าจุดจบในคืนนี้มันคงไม่ต่างจากทุกค่ำคืนในอ้อมแขนอุ่น และดูเหมือนมันจะไม่มีที่สิ้นสุดเสียด้วย..
อย่าทำไก๋น่า..ผมรู้ว่าคุณก็ ‘รู้’ ว่าผมหมายถึงอะไร
ขอ’ญาตไปกินไปนอนก่อนครับ คุณเองไปนอนกินไปนอนกันได้แล้วครับ
เจอกันวันอื่นครับผม!!
..........................................
กอดรวบค่ะ!!! กอดรับนักอ่านหน้าใหม่และนักอ่านที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดค่ะ
ไม่เจอกันนาน ลืมพี่โป้งกับเต๋ามาอ่านน้องพิกันดีกว่าค่ะ5555 อย่าถีบเค้า พี่โป้งเค้ายังจิ้นไม่ออกอ่ะ
สืบเนื่องจากมีนักอ่านบ่นคิดถึงน้องพิกับเด็กญี่ปุ่น จิเลยปั่นด้วยความเร็วสูงมาให้อ่านเล่นค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ