มือใหม่ในวันธรรมดาที่เป็นวันทำงานของทุกคนในรีสอร์ท มองไปทางไหนก็เห็นแต่ใบหน้าประดับรอยยิ้มการค้า เสื้อผ้าสะอาดดูดี ผมเผ้าไม่มีหรอกยุ่งเหยิง ผมเอง..ก็เหมือนกัน หน้าตายังคงหล่อเหลา เสื้อผ้านี่ไม่ต้องพูดถึง หัวจรดเท้าไม่มีที่ให้ติเตียน และ..นั่งอยู่กับกองกระดาษแถมคอมพิวเตอร์ที่มีแต่งาน งาน และงาน เมื่อก่อนยังมีไฟอยู่ ผมก็พุ่งเข้าใส่ไม่มีหลบ ยิ้มร่าเหมือนหมาได้แทะกระดูก แต่ตอนนี้ ผมเหมือนถูกงานสูบเอาความร่าเริงนั้นลงธรณีไปจนสิ้นแล้ว
งานมันน่าเบื่อแล้วก็น่าปวดหัวจนอยากจะ..หลบลี้ ถอนหายใจใส่สมุดบัญชีเงินฝากที่มีแต่ตัวเลขหลายหลัก ยิ่งมองยิ่งปวดหัว นี่ล่ะนะ..ตัวยิ่งใหญ่เท่าไหร่ เงาก็ใหญ่ตามไปด้วย พับหน้าบัญชีแล้วโยนไว้ก้นลิ้นชัก ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปเปิดประตู ก้าวเท้าเดินออกจากรีสอร์ท ไม่สนใจใคร ก้มหน้ามองเท้าตัวเองก้าวไปทีละก้าว จากเหยียบพื้นกระเบื้องลายหินอ่อน พื้นคอนกรีต จนถึงพื้นหญ้า ผมเหยียบส้นรองเท้าแล้วสลัดหลุด เดินเท้าเปล่าแล้วมองหญ้าสีเขียวที่ห่อหุ้มต่างรองเท้า สาวเท้าไปตามเงาของตัวเองที่ทอดยาวเบื้องหน้า ไอแดดส่งความร้อนมาทักพร้อมกับลมเย็นที่คอยพัดโบกให้ผมไม่ร้อนจนเกินไปนัก มองเพลินจนหญ้าพวกนี้ชักพาผมไปจนถึงรากไม้ใหญ่สีน้ำตาลอ่อน..
ไล่สายตามองเปลือกไม้เรื่อยจนถึงกิ่งก้านสาขาที่แผ่ปกคุลมตัวผม จริงอยู่ที่รอบรีสอร์ทผมมีต้นไม้ปลูกอยู่มากมาย แต่ผมกลับไม่คุ้นตากับต้นไม้ใหญ่แบบต้นนี้เลย พิศมองความกว้างของร่มไม้ใหญ่ ขยับเท้าก้าวเดินไปรอบต้น ความงามของธรรมชาติ..มองไม่เบื่อเลยจริง ๆ ไม่รู้ว่าความใหญ่ของต้นไม้มันทำให้ผมอุ่นใจ หรืออะไรก็ตาม ผมรู้สึกได้ว่าต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกโอบอุ้มอยู่ คลี่ยิ้มรับลมที่พัดจนผมปลิว..โคตรสบายใจ ผมค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ เหยียดขา หลังพิงลำต้นใหญ่ หลับตารับลมเย็นที่พัดวนใต้ต้น พอใจกับเสียงจากธรรมชาติรอบกายที่โอบกอดผม..จนเผลอหลับไป
ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงมือถือที่ดังอยู่ในกระเป๋ากางเกง งัวเงีย บิดขี้เกียจ พับแข้ง เหยียดขา กะพริบตาถี่ ๆ แล้วค่อยล้วงมือถือออกมาจ้องหน้าจอ ทำปากบู่แล้วกดรับ
“ครับผม ไม่เหนื่อย..เพราะวันนี้อู้งาน โอเค จะรอ” ได้ยินเสียงไทโยแล้ว..ผมรู้สึกว่าความร่าเริงมันวิ่งกลับมาหาเลยครับ วันนี้ไทไปหาป๊าที่โรงแรม ผมเลยสั่งให้มันขนเค้กมาให้กินด้วย วางหูแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองกิ่งใหญ่ใบเขียวที่อยู่บนหัวผม ยิ้มกว้างก่อนจะพูดกับตัวเองเบา ๆ
“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้ผมมานอนใหม่นะครับ” ต้นไม้ใหญ่ของผมตอบรับด้วยการขยับใบไม้ไหวสวบสาบ ทำเหมือนรับรู้ได้เลยแฮะ อมยิ้มแล้วเดินล้วงกระเป๋ากลับรีสอร์ทท่ามกลางแสงสีส้มสาดสะท้อน ชายเสื้อหลุดลุ่ย หน้าสดใสเพราะหลับสนิทด้วยบรรยากาศที่ไม่ทำร้ายเซลล์ผิว ผมชี้ไปมาไม่ได้จัดทรงแบบโคเรียสไตล์ แต่เชื่อเหอะว่า..ผมหล่อมาก
เดินมายังไม่ทันจะถึงก็เห็นรถคันงามแล่นมาจอด เห็นผ่านกระจกว่าไทโยมันต้องเห็นผมแน่แล้ว อย่ากระนั้นว่ะ รีบพุ่งหลาวเข้าพุ่มไม้แถวนั้นเพื่อจะหลบไม่ให้ไทโยเห็น อารามรีบร้อน ไม่ได้มองว่ามันต้นเหี้ยไร...
เสือกโดดเข้าพุ่มเฟื่องฟ้า!!
ได้แต่อ้าปากพะงาบระบายความแสบที่ถูกหนามเกี่ยวหู พยายามอย่างยิ่งที่จะทำตัวหดเท่ามดตัวนิดตัวน้อย แต่มันไม่เป็นผลครับ ขืนแขนเอาไว้ไม่ให้ไทโยดึงขึ้นจากหนามเฟื่องฟ้า เสียงทุ้มทั้งขำทั้งห่วง ‘ลงไปทำอะไรตรงนี้พิรุณ?! 5555’ ไม่นานนัก ความพยายามของไทโยก็เป็นผล ผมโผล่ขึ้นมาจากพุ่มเฟื่องฟ้าด้วยร่างกายที่ยังสมประกอบทุกส่วน หน้าถูกประคองเอาไว้ด้วย 2 มือ ตาสีน้ำตาลสวยกวาดมองสำรวจความเสียหายบนใบหน้าแล้วไล่ลงมาตามลำตัว เมื่อประมวลผลแล้วผมไม่เสียหายเด็กญี่ปุ่นก็ยิ้มกว้างแล้วยื่นแก้มมาขออะไรบางอย่างจากผม ยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าขัดขืน ไทโยเลิกคิ้ว ผมก็เลิกคิ้วตอบ มันหัวเราะขำลงคอก่อนจะเป็นฝ่ายซุกปลายจมูกโด่ง ๆ ฝังที่แก้มผมเน้น ๆ
“กลับมาแล้ว ไปขนเค้กกัน” น่ารักฉิบหาย พยักหน้าหงึก ๆ แล้วจับมือที่ประคองหน้ามาแกว่งไกวไปทางรถ ปล่อยให้ไทถือถุงเค้ก และคอยรับน้ำหนักตัวผมกลับรีสอร์ทด้วยกัน หืม?..ผมน่ะเหรอ? ผมมีหน้าที่กินอย่างเดียวเหอะ มาถึงก็นั่งกินเค้กรอกับข้าวฝีมือไทโย กินเสร็จก็ขี่หลังออกมานั่งดูทีวี ต่อด้วยซีรีส์สุดโปรด prison break คนเหี้ยไรสักแผนที่แหกคุกลงบนหนังตัวเอง โคตรแนว ดูได้พักหนึ่งก็ลุกจากตัก วิ่งเข้าครัวไปคว้าเค้กมานั่งกินด้วย ดูไปดูมาก็เริ่มจะง่วง พ่นลมหายใจทิ้งไล่ความง่วงแล้วหันหลังกลับมาชวนไทโยคุย
“ไปโรงแรมเจอพี่เรย์หรือเปล่า? น้องสองมาด้วยหรือไม่? แล้วถามถึงผมบ้างไหม?” ไทละสายตาจากรอยสักของเฮียไมเคิล
“ไม่เจอใครสักคนที่ท่านเอ่ยนามครับ แล้วท่านพิล่ะ วันนี้ทำอะไรบ้าง?” ไหวไหล่พลิ้ว ไม่เห็นสำคัญตรงไหนนี่หว่า หยิบรีโมทมากดปิดแล้วดึงมือให้พักผ่อนได้แล้ว ผมพลิกโดดขึ้นขี่หลังแล้วชี้นิ้วไปทิศที่ต้องการทันที
“ตามบัญชาครับ!” แค่มันขยับขาก้าวไม่กี่ก้าวผมก็ถึงที่นอนโดยสวัสดิภาพ อะไรนะครับ?..อ๋อ น้ำน่ะเหรอ ไหวไหล่ไม่เห็นสำคัญอีกครั้ง เชื่อเถอะว่าผมไม่แคร์~
หลับไปกับวงแขนแข็งแรง ฝันเลือนรางเหมือนเห็นใครสักคนที่ตัวใหญ่ ๆ ตัวเรืองแสง เดินเข้ามานั่งลูบหัวด้วยความเอ็นดู ในฝัน ผมก็นั่งให้เขาลูบหัว แถมเอาหัวไปแปะที่ขาเขาด้วยครับ คนคนนั้น..ไม่รู้สึกว่าเป็นเด็กญี่ปุ่นนะ อาจจะเป็นปู่ยาตายายที่เสียไปแล้วก็ได้ สงสัยจะอยากให้ผมทำบุญใส่บาตรให้แหง ๆ
ตื่นด้วยฝ่ามือเย็นที่เขย่าปลุก ผมลืมตาตื่นขึ้นรับริมฝีปากนุ่มที่จูบริมฝีปากผมเบา ๆ ลืมตาตื่นเต็มตาแล้วลุกขึ้นนั่งกอดอกมองไทโยแต่งตัวหน้ากระจก เด็กญี่ปุ่นส่งยิ้มบางมาให้ ยิ้มแกน ๆ ตอบแล้วยื่นริมฝีปากรับจุ๊บเบา ๆ อีกหน ทำตัวลีบละลายตัวเองอยู่ในกอดอุ่นของไท
“วันนี้จะกินเค้กอะไรครับ? หรือว่า..จะไปกับไทด้วย?..” ยิ้มบางแล้วส่ายหน้าตอบเสียงเบา ‘ไม่เอาอะไรทั้งนั้น..รีบไปรีบกลับก็พอ’ ไทยิ้มบางแล้วประคองหน้าผมขึ้นมาหอมอีกหลายหน หลับตา คลี่ยิ้มแกน ๆ รับปลายจมูกโด่งที่กดลงมาจนทั่วหน้า ได้ยินเสียงตอบรับเบา ๆ ที่ข้างหู ‘ครับผม’ ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ส่งแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้องไปโรงแรมอีกวัน เพียงไม่กี่วินาทีที่ไทโยเดินออกไป ความเคว้งคว้างนี้ก็พรากเอาความร่าเริงผมไปอีกแล้ว
ห้องนอนผมมันเงียบลงไปถนัดตาเลยครับ
ถอนหายใจแรง ๆ แล้วสะบัดผ้าห่มลุกไปเข้าส้วมแปรงฟัน ไม่ลืมล้างขี้ไคลของเมื่อวานออกไปด้วยความขี้เกียจ แต่งตัวลวก ๆ ไม่สนเสื้อผ้าที่เด็กญี่ปุ่นอุตส่าห์เอาออกมาแขวนไว้ให้สวม เมื่อไม่มีไท ผมก็ไม่สนหรอกความเพอร์เฟค เดินเนือย ๆ ออกมาหาอะไรกิน ตักข้าวเข้าปากด้วยแรงเฉื่อย 15 กม./ชม. ละเลียดสิ่งเหล่านั้นช้า ๆ จนเมื่อยกราม ก้าวขาออกจากครัวตรงสู่ห้องทำงานน่าเบื่อ ผมยืนนิ่งมองบานประตูสีน้ำตาลตรงหน้า มือที่ยื่นจับลูกบิดมันไม่มีแรงจะหมุนเข้าไป ถึงจะขี้เกียจยังไง ผมก็ต้องทำงานในห้องนี้อยู่ดีนั่นล่ะ ถ้าเราไม่ทำ คนอื่นที่เขาขายแรงงานกับเราจะทำยังไงล่ะ ถอนหายใจยาว ๆ แล้วหมุนลุกบิดเดินเข้าไปนั่งที่เดิม เปิดแฟ้มเดิม ๆ เคลียร์เรื่องเดิม ๆ
“สู้ ๆ ว่ะ” ให้กำลังใจตัวเองเบา ๆ แล้วเริ่มลงมือเคลียร์บัญชี หัวหมุนกับตัวเลข ทำไปคิดไป เดือนหน้าผมต้องหาเจ้าหน้าที่บัญชีมาช่วยบ้างแล้ว จริงอยู่..ที่ผมน่ะหล่ออย่างเดียวไม่ได้ มันต้องเก่งรอบตัวด้วยถึงจะน่าชาบู/บูชา แต่ว่า..เก่งทุกเรื่องมันก็ไม่ไหวหรอก ตายห่าไปไม่มีใครสนหรอกว่าตายเพราะอะไร จะเส้นเลือดฝอยในสมองแตกตาย เครียดตาย หรือจะทำงานมากไปจนตาย คนอื่นคงคิดแค่อย่างเดียวล่ะ..
หล่อ..ตาย
ผมรู้..คุณยิ้มอยู่5555 อมยิ้มแก้มตุ่ยกับความคิดตัวเองแล้วรีบทำบัญชี ปิดงบสำหรับเดือนนี้ทันที ถึงจะทำจนเสร็จด้วยการถอนหายใจทิ้งไปด้วยก็ตามที เก็บกวาดทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะเข้าชั้นวางของให้เรียบร้อย ยืดเส้นยืดสายไล่ความเมื่อยขบแล้วเปิดประตูรับลมเย็นเพราะเบื่อแอร์คอนดิชั่นเต็มทนแล้ว
หลับตานิ่วหน้ารับอากาศนอกห้องทำงาน วันนี้ร้อนได้เรื่องเลยครับ ยกมือขึ้นป้องไอแดด หรี่ตามองไปทางเดิมที่เมื่อวานผมไปหลบความเซ็งมา พอเริ่มปรับตัวได้ผมก็สาวเท้าไปทันที
ก้มหน้าก้มตาเดินหลบเลี่ยงไอแดด หยีตาตอบรับอากาศร้อนอบอ้าว จู่ ๆ แดดที่ส่อกลางกบาลก็หดหาย ผมเงยหน้ามองฟ้าสีสดด้วยความงงงวย เดินไปด้วยมองฟ้าไปด้วยจนถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม ความรู้สึกอบอุ่นใจจนอยากจะล้มตัวนอนย่อขานั่งกับพื้นหญ้า แหงนมองกิ่งใหญ่ที่อาศัยพักใต้ร่มเงา หันหลังพิงลำต้นใหญ่แล้วหลบตาลงเบา ๆ
ยังไม่ทันเข้าสู่นิรทรมย์ ผมก็เห็นภาพที่คุ้นตามากมาย ใครบางคนที่ตัวใหญ่และเรืองแสงกำลังนั่งอยู่ข้างหลังให้ผมได้พิงหลังอยู่ สมองคิดคำนวณสิ่ง ๆ ต่าง ๆ รวดเร็ว หรือว่า..
ผมรีบลืมตาตื่นทันที ลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังไม่ตื่นเต็มตา เดินกึ่งวิ่งออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเหตุฝันประหลาดดังกล่าวทันที ไม่สนว่าตัวเองรีบร้อนจนลืมรองเท้าไว้ใต้ต้นไม้ เหยียบอะไร ชนอะไร หกล้มหรือไม่ ไม่สนทั้งนั้น นาทีนี้..
ผมอยู่ไม่ได้ครับ!!!!!
ผม..ผมต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน รีบเปิดประตูห้องพักคนงานแถวนั้นด้วยวิสาสะ เจอเด็กน้อยวัย 5 ขวบนั่งเล่นของบางอย่างที่ผมกำลังมองหาอยู่พอดี ล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรสีเขียวส่งให้เพื่อแลกกับสิ่งนั้นที่ผมต้องการ น้องเคนไม่ยอมปล่อย ผมเลยต้องใช้กำลังยื้อแย่งมา..จนได้
“อาจารย์พี่พิขอโทษนะ เคน ภูภูมิ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบเอามาคืนให้ อย่าร้องนะ โอ๋ๆๆๆๆ” ลูบแขนป้อมเบา ๆ แล้วรีบกลับไปทางเดิมด้วยหัวใจพองโต ทิ้งเสียงร้องไห้จ้าไว้เบื้องหลัง ก้มมองของในมือแล้วใจมาเป็นกอง สิ่งนี้ล่ะจะช่วยผมได้!!!!
ทำใจกล้าเดินกลับมายืนใต้ต้นไม้ต้นเดิม สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเงยหน้ามองกิ่งไม้ใหญ่ จู่ ๆ หมอกควันที่ไหนก็ไม่รู้โรยตัวปกคลุมจนมองไปข้างหน้าแทบไม่เห็น หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากขั้ว ยื่นมือสัมผัสความว่างเปล่าตรงหน้าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตาเพ่งมองสีเขียวเข้มของใบไม้ที่เห็นรางเลือนทั้งที่ตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน ผ่อนลมหายใจเบา ๆ แล้วหลับตาลงอย่างเชื่องช้า พยายามไม่สนใจกับความกลัวในสิ่งที่ตาเปล่ามองไม่เห็น รวบรวมสติให้อยู่กับตัวเองให้มากที่สุด กำของในมือแน่นจนเจ็บฝ่ามือ เหงื่อไหลระลงมาตามขมับ ในหัวนึกถึงบทสวดมนต์ที่ตาสอนอยู่ตลอด สวดในใจเสียงดังเพื่อให้ใจจดจ่ออยู่จุดเดียว พอเริ่มสงบผมก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นพนม
‘ขออำนาจคุณพระพุทธเจ้าให้ลูกเบิกบุญ ลูกขออุทิศบุญกุศลของลูกที่ได้ทำ มอบให้แก่เจ้าที่เจ้าทางที่ปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ ขอให้ท่านจงได้รับบุญนี้ และขอให้ท่านได้เมตตาลูกด้วย...’ ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว เหงื่อท่วมมือจนของที่อยู่ในมือแบจะหลุดลุ่ยตกลงพื้น สูดลมหายใจเข้าปอดเรียกพลังแล้วลืมตาขึ้นมองไปรอบ ๆ
หมอกที่ลอยวนรอบตัวจางหายไปจนหมดแล้ว เหลือแต่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่สมเป็นตอนกลางวัน อากาศแปรปรวนกลับมาเป็นปกติ ลมก็พัดเหมือนเดิม เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความปกติสุข ก็น่าจะหมายถึงท่านผู้ที่ตามองไม่เห็นแต่สัมผัสได้จะมีเมตตาต่อผมแล้ว มันก็น่าจะถึงเวลา..
ก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยมาดมั่น เงยหน้ามองร่มไม้ใหญ่พร้อมกับหมุนเปิดกระป๋องในมือเบา ๆ ลมเริ่มไหวใบไม้เริ่มโยก ผมรีบบีบกระป่องเล็งไปที่ลำต้นทันที เบี่ยงหน้าหลบฝุ่นสีขาวฟุ้ง มือปล่อยกระป๋องตกลงพื้นแล้วรีบลูบเกลี่ยไปทั่ว ๆ ที่ต้นทันที ถูเบา ๆ แล้วก้มกราบที่รากไม้
“...ขอเลขเด็ด ๆ ให้ลูกถูกในงวดนี้ด้วยนะครับ ถ้าท่านให้โชคให้ลาภ ลุกจะทำบุญใหญ่ไปให้ครับ สาธุ..” รีบลืมตาจ้องเขม็งไปแถว ๆ ที่แป้งเปรอะอยู่..
คุณพระคุณเจ้า!!!!
หรี่ตาเพ่งมองเปลือกไม้ผ่านแป้งสีขาว ถ้าผมตาไม่ฝาด ผมว่าผมเห็นว่ะ! รีบจำแล้วก้มกราบอีกหน วิ่งลืมตายไปหาคนงานในรีสอร์ททันที ด้วยถ้าไม่เจอในวันนี้ผมต้องเสียใจไปอีกครึ่งเดือนแน่
พอเข้ารีสอร์ทผมก็รีบยืนจัดผมจัดเผ้าให้ดูเรียบร้อย กระแอมกระไอไล่ความเหนื่อยและกลบอาการร้อนรนของตัวเอง เอ่ยถามหาคนที่ผมอยากเจอที่สุดตอนนี้กับพนักงานที่เดินผ่านมาพอดี
“ป้าหวานไปไหน? ตามมาพบผมด่วน” พนักงานขมวดคิ้วมุ่นเมื่อร้อยวันพันปี ‘คุณพิรุณ’ ที่ไม่เคยมีธุระกับคนงานทั่วไปอย่างป้าหวานกลับเรียกให้หาแบบนี้ ไม่นานนักป้าหวานก็กระหืดกระหอบมาหาผมด้วยรีบร้อน ผมยืนตัวตรงแล้วเอามือไขว้หลังไว้ให้ดูภูมิฐาน
“ผมมีธุระสำคัญจะพูดด้วย คุยที่ห้องผมดีกว่า” รีบหันหลังให้เดินนำไปที่ห้องทำงานทันทีทันใด มือที่ไขว้หลังจับกันเอาไว้แน่น ในหัวครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอะไรก่อนดี นึกถึงคนงานที่เขามักจะจับกลุ่มกัน พยายามนึกให้ออก..ผมก็นึกไม่ออก เปิดประตูห้องทำงานได้ก็ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง
ตัดสินใจหยิบกระดาษเปล่าออกมาเขียนอะไรบางอย่างที่เห็นลงไปอย่างโคตรบรรจง พับเรียบร้อยแล้วใส่ซองขาวยื่นส่งให้ป้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คุณพิรุณ..จะไล่ป้าออกเหรอคะ? แล้วป้าจะไปทำอะไรกินได้ล่ะคะ? ป้าขอร้องนะคะ อย่าไล่ป้าออกเลย” กะพริบตาปริบกับประโยคที่ป้าระล่ำระลักบอกผมหลังจากรับซองจากมือไป ผมโบกมือในอากาศวุ่น
“ไม่ใช่ครับป้า ไม่ใช่เลย ป้าดูก่อนก็ได้ครับ ดูได้เลย มันไม่ใช่อะไรที่โหดร้ายกับป้าแบบนั้นครับ..” ป้าเอาแต่กอดเอวผมแน่น ไม่สนใจของที่อยู่ในซองเลย ผมก็ร้อนใจเพราะนี่มันจะเที่ยงแล้ว ฉวยซองมาเปิดแล้วคลี่กระดาษที่อุตส่าห์รีดจนเรียบมายื่นต่อหน้าป้า พยายามเหลือเกินที่จะให้มันกระแทกตาป้าให้ได้
“..ฮึก นะ นี่..คุณพิ?” ผมพยักหน้ารับด้วยอายอย่างยิ่งกับข้อความบนกระดาษเปล่านั้น ป้ารับมันไปจากมือผมได้ก็ยืนจ้องพักหนึ่ง ผมหันหลังแล้วจัดเสื้อผ้าให้ดี อดไม่ได้ที่จะเอามือลูบหน้าแก้เขิน ได้ยินเสียงเปิดประตูก็โล่งใจ..
.
.
.
.
“คุณพิแทงเท่าไหร่คะ?”..ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงแหบของป้าที่เอ่ยถามแทรกบรรยากาศความเขินของผมขึ้นมา กะพริบตาถี่ ๆ เรียกสติ ตาไม่เคยสอนให้เล่นการพนันอะไรเลย งั้นผมแทงแค่ 100 บาท คงไม่เป็นไรมั้ง?
“หนึ่งร้อยครับป้าหวาน” ยังคงหันหลังพูดด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนว่าป้าหวานจะได้ข้อมูลที่สำคัญแล้ว เพราะผมได้ยินเสียงฝีเท้าขยับก้าวตรงไปที่ประตู..
“ป้ากลับให้ก็แล้วกันนะคะคุณพิ เป็นตัวละ 50 นะคะ” ผมขมวดคิ้วกับการกลับเลขของป้า แต่ยังคงเก็บความสงสัยเอาไว้ ไม่อยากเอ่ยปากอะไรมากเพราะกลัวป้าจะรู้ว่าผมโง่กับการเล่นหวยมากแค่ไหน พยักหน้าแล้วยืนรอจนได้ยินเสียงเปิดประตู กลืนน้ำลายลงคอแล้วหันหลังมองป้าที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป เอ่ยปากเสียงดังให้ป้าได้ยิน
“ผมอยากให้ป้าปิดเป็นความลับด้วย..ได้ไหมครับ?” ป้าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาสบตาผม แสงที่ลอดออกมาจากบานประตูทำให้มุมนี้ของป้าหวาน..น่าเกรงขามมาก
ป้าตอบรับเพียงการพยักหน้า ผมพยักหน้าตอบนิดหน่อยแล้วหันหลังให้..
.
.
.
“..ป้ามาเก็บเงินทีหลังนะคะคุณพิ” แล้วทำไมจะต้องมาเก็บทีหลังในเมื่อผม.. เออว่ะ..กูยังไม่ได้ให้ป้านี่หว่า ได้แต่หลับตาลงด้วยเขินเกินยั้งใจ ไฉนเลยจึงจำใจล้วงเงินในกระเป๋าออกมาด้วยมือสั่นเทา ควักธนบัตรสีแดงให้ป้าไป 2 ใบด้วยใจป้ำ ป้ายื่นมือมารับแล้วยิ้ม..พิมพ์ใจ
“แทงตัวละร้อยใช่ไหมคะคุณพิ?” ยิ้มแกน ๆ ให้ยังคงเหลือความหล่อไว้
“ตัวละ 50 ครับ ที่เหลือผมให้ป้า..ค่าเสียเวลา” ป้ายิ้มกว้างทั้งน้ำตา โผเข้ากอดผมแน่นแล้วผละจากไปสั่งเจ้ามือหวยให้ทันการณ์ ผมทรุดตัวนั่งกับเก้าอี้ มือลูบที่อกซ้ายเบา ๆ ด้วยไม่กี่ชั่วโมงผมก็จะได้รู้แล้วว่า เจ้าที่เจ้าทางท่านจะเมตตาผมหรือไม่?
เงยหน้ามองเวลาที่เพิ่งจะเที่ยงครึ่ง โล่งใจเรื่องหวยแล้วหันมาสนใจเรื่องหลุมดำของตัวเอง หมุนเก้าอี้ไปมาคิดเรื่องกินอย่างหนักหน่วง อารมณ์นี้ต้องน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ไข่ทอดชะอมด้วย แล้วก็ต้องผัดผักรวมทะเลเดือดอีกสักจาน ยกหูโทรสั่งครัวแล้วเคาะนิ้วบนโต๊ะรอกับข้าวที่เพิ่งจะสั่ง กังวลเรื่องหวยก็กังวล ยังไม่บ่ายเลยด้วย อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่ารู้ผล จะกลับไปนอนที่เดิมผมก็กลัวนิด ๆ งั้นก็เอาบัญชีมานั่งตรวจทานดูรอเวลาดีกว่า
กินข้าวเที่ยงเสร็จผมก็เอาบัญชีมานั่งดูได้ตามที่วางแผนเอาไว้ สาบานได้ว่า..ผมนั่งดูอย่างเดียวจริง ๆ ก็แม่ง..มันมีแต่ตัวเลข เลขไหนที่มันเรียงกันเหมือนเลขที่ผมเขียนให้ป้าผมก็คิดเตลิดไปไกล แถมยังคิดวนไปวนมาอีก ถ้าผมเอาเลขที่มันใกล้กันมาแทงด้วยน่าจะดีกว่าแทงแค่เลขเดียวที่ผมเห็น แต่ถ้าผมเล่นมากไปก็อาจจะทำให้ผมติดการพนันได้ คิดไปคิดมา..แค่นี้ดีแล้วครับ อย่ามากนัก แต่ถ้าไม่เคยเล่นเลย มันก็ตกเทรนด์เกินไปหน่อย
เปิดคอมแล้วท่องโลกอินเตอร์เน็ตเล่นฆ่าเวลา เงยหน้าขึ้นมองประตูห้องทำงานที่ถูกเคาะ หันมองเวลาแบบอัตโนมัติ ผมใจเต้นแรงเพราะนี่มันบ่าย 4 แล้ว หวยออกแล้วแน่นอน สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยปากบอกให้เข้ามาได้..
“เชิญครับ” สิ้นเสียงผม ป้าหวานก็เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าแจ่มใสมาก
“ตรง ๆ เลยค่ะคุณพิ คุณพิแทง 50 ได้ 3,000 ค่ะ เด็กมันแทงตามคุณพิถูกหวยกันเพียบเลยค่ะ พรุ่งนี้ป้าให้เจ้ามือเอาเงินมาให้นะคะ” หน้าชาไปหมดเมื่อได้ยินจนจบ นี่ผมถูกหวยจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่รู้ว่าป้าออกไปตอนไหน ในอกตื้นตันจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมกำลังดีใจแต่ไม่แสดงออกอยู่ครับ
ยกมือไหว้ไปทางทิศที่ต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่ ผมอธิษฐานทันทีว่าท่านกำลังจะได้รับบุญใหญ่ ผมจะนำเงิน 3,000 ที่ได้จากหวยที่ท่านให้ สบทบกับเงินที่ผมตั้งใจจะทำบุญมาสร้างพระประธานถวายวัดแถวชนบท ขอให้ท่านได้มาโมทนาด้วยกัน พอบอกเสร็จลมก็พัดรอบตัวผมเลยครับ โอเค..ถือว่าท่านรับรู้แล้ว
เหลืออีก 2 - 3 คนที่ผมอยากจะบอก กดมือถือโทรออก เบอร์แรก..
“ตา..ผมถูกหวยครับ แทง 50 ได้ 3,000 ก็เอามารวมไว้สร้างพระให้แม่ไง แค่นี้ก่อนครับตา สวัสดีครับ” วางหูแล้วรีบกดเบอร์ที่สองทันที
“เหี้ยเต๋า กูถูกหวย ไม่เลี้ยงอะไรทั้งนั้นไอ้สัตว์ กูจะเอาไปรวมสร้างพระ กระจายข่าวให้กูด้วย แล้วอย่าลืมไถตังคืมาร่วมบุญกับกูด้วย สายมึงกูเมตตาให้ร่วม 2 แสน หาได้ครบเมื่อไหร่ค่อยโทรหากู วางได้แล้วกูจะโทรหาไท ดี” กล่าวสวัสดีสั้น ๆ แล้วโทรหาเบอร์สุดท้าย
“ไทโย..” ทักด้วยชื่อเจ้าตัวทันทีที่เด็กญี่ปุ่นกดรับ ปลายสายรับคำด้วยน้ำเสียงโคตรดีใจ ผมเลยเรียกชื่อมันให้มันยิ่งปลาบปลื้ม
“ไทโย ไทโย ไทโย ทายโยวววววว กลับด่วนเลย มีเรื่องจะบอก แค่นี้~” รีบวางหูแล้วกดปิดเครื่องเพื่อกระตุ้นให้มันยิ่งอยากรู้และอยากกลับมากขึ้น นั่งบนโต๊ะคิดคำนวณจำนวนเงินที่ผมกำลังจะทำบุญใหญ่ด้วยการสร้างพระประธานถวายวัดไกล ๆ ด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม
ผมกับไทโยตั้งใจจะทำ 3 แสน ตาร่วมด้วย 5 หมื่น ป๊ากับแม่ไทโย 1 แสน พี่เรย์กับน้องยังไม่ระบุ แต่น้องน่าจะทำไม่ต่ำกว่าแสนเพราะน้องโคตรใจบุญ สายไอ้เต๋าก็ 2 แสนแน่ ๆ เพราะมันไม่มีทางกล้าเบี้ยวผม ได้หวยมาอีก 3 พัน..
เมื่อกี้ได้ยินป้าหวานบอกว่าเด็กในรีสอร์ทแทงตามผมแล้วถูกกันอีกเพียบ..
ฉะนั้นแล้วผมก็ควรจะบอกบุญพวกนี้ด้วยสินะ
ขอตัวไว้ ณ ตรงนี้เลยนะครับ ผมจะรีบไปบอกบุญก่อน
ต้องได้เยอะแน่ครับทรัพย์ในวันนี้ โดยเฉพาะบุคคลนี้..จะต้องทำบุญกับผมเยอะแน่
เจ้าของนิยาม ‘ความลับไม่มีในโลก’..
ป้าหวาน!!!!
END.
แถม
.
.
ภายใต้เปลือกไม้สีน้ำตาลที่พิรุณได้อาศัยร่มใบ ด้านในเป็นวิมานทองเหลืองอร่ามตา บนแท่นไม้แข็งแรงมีบุรุษสูงใหญ่นั่งอยู่ พร้อมด้วยแม่นางไม้สไบทองที่เพิ่งมาขอโมทนาบุญด้วย
“ท่านเจ้าขา เหตุใดท่านไม่ให้โชคพ่อหนุ่มมากว่านี้เล่าเจ้าคะ?” แม่นางไม้เอ่ยถามรุกขเทพ ผ่านไปนานเทวดาหนุ่มก็ยังไม่ตอบ มีเพียงใบหน้าอิ่มเอิบประดับหน้า ด้วยกุศลที่พิรุณอธิษฐานบอก แม่นางไม้จึงเอ่ย..
“เมื่อครั้งกระโน้น พระภูมิเจ้าที่ท่านก็ประกาศต่อเหล่าพวกเราเหล่าเทพบุตรเทพธิดา พ่อหนุ่มคนนี้ทำบุญสร้างศาลาการเปรียญ ยังมีบุญน้อยใหญ่อีกมากที่พ่อหนุ่มทำแล้วพวกเราได้ร่วมโมทนาด้วย แล้วทำไมท่าน..” รุกขเทพพยักหน้ารับถ้อยของแม่นางไม้
“จริงดังคำแม่ ฉันก็อยากให้โชคพ่อหนุ่มมากว่านั้น ถ้าไม่เพียงแค่..” รุกขเทพทิ้งคำให้แม่นางไม้เห็นสงสัย จึงใช้ปลายนิ้วงามไปเบื้องนอก แม่นางไม้เหลียวหาสิ่งขัดลาภของพ่อหนุ่มแล้วยกมือขึ้นทาบอก
“คุณพระ!! อภิโธ่..ดิฉันเห็นใจท่านเหลือเกินเจ้าค่ะ อย่าได้ถือโทษพ่อหนุ่มเลยนะเจ้าคะ” รุกขเทพแย้มยิ้มบางพยักหน้ารับด้วยรู้ว่าพิรุณไม่ตั้งใจลบหลู่ดูหมิ่น
แม่นางไม้เห็นดังนั้นจึงชวนเสวนาเรื่องบุญเรื่องทานอื่นจนถึงแก่เวลาจึงขอตัวกลับ ก่อนจะเหาะกลับวิมานก็หยุดมองสิ่งที่มาขัดบุญพิรุณด้วยใบหน้าอ่อนอกอ่อนใจ..
ส่ายหน้าปลดปลงกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมนุษย์
“โชคยังดีที่พ่อหนุ่มมีบุญคอยหนุน ไม่เช่นนั้นอาจถึงคราวเคราะห์..” รำพึงเสียงเบาแล้วเหาะกลับวิมานตน
ทิ้งสิ่งนั้นวางอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่..
สิ่งที่เกือบจะทำให้โชคลาภกลายเป็นเคราะห์กรรม..
……………………………………………………
กอดรวบ!!!
หายหัวไปนานมากค่ะ ด้วยภาระหน้าที่ท่วมหัวท่วมตัว วันนี้ช่วงเช้าว่างก็ปั่นนนนนนทิ้งไว้ บ่ายอบรมเลิกเร็วก็มานั่งปั่นนนนนต่อ เสร็จก็รีบลงเพราะเดี๋ยวมีงานอีก วันนี้จิมีงานเลี้ยงเบา ๆ ของนายที่ สนง.ค่ะ กลับดึกแหง ๆ TT
ช่วงนี้อยู่ช่วงเฝ้าระวังน้ำท่วมค่ะ บ้านใครอยู่เส้นทางผ่านน้ำ หรือมันท่วมประจำก็เอาใจช่วยนะคะ ปีนี้ก็มาจับมือกันสู้เหมือนทุกปีเนอะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ปล. ฮากันเบา ๆ เนอะ
ปล.2 กอดรีล่างแน่น ๆ พี่คอยมาจิ้มตูดเค้าตลอด ๆ อ่ะ -///////-